เทคนิคในการฝกึ อบรม
ความหมายของเทคนคิ การฝกึ อบรม
วิธีการ หรือเคร่ืองมือ หรือกิจกรรมท่ีใช้ในการ
ติดต่อสื่อสาร และส่ือความหมายระหว่างผู้ท่ีเป็น
วิทยากรกับผู้เข้ารับการฝึกอบรม หรือระหว่างผู้
เข้ารับการฝึกอบรมด้วยกัน หรือระหว่างบุคคล
อื่นใด ทเ่ี กี่ยวข้องกับการฝึกอบรมในกระบวนการ
ฝกึ อบรมเพื่อก่อให้เกิดการเปล่ียนแปลงพฤติกรรม
ของบุคคลด้านความรู้ ทักษะ และทัศนคติของผู้
เข้ารับการฝึกอบรมในระดับที่ต้องการ เพ่ือนา
ความรู้ ทักษะ และทัศนคติไปใช้ในการปฏิบัติงาน
ใหบ้ รรลุวตั ถุประสงคอ์ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ
ประเภทของเทคนคิ ในการฝึกอบรม
1. การบรรยาย ( Lecture )
2. การอภปิ ราย( Discussion )
3. การสาธติ ( Demonstration )
4. การสอน ( Coaching )
5. การระดมสมอง ( Brainstorming )
6. การประชุมกลุ่มยอ่ ย ( Buzz session )
7. กรณศี ึกษา(Case Study )
8. การประชุมแบบฟอรัม( Forum )
9. เกมการบรหิ าร( Management Games )
10. การแสดงบทบาทสมมต(ิ Role playing )
11. การสัมมนา( Semiar)
12. การศกึ ษาดูงานนอกสถานท่ี( Field Trip )
13. การประชุมเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร( Workshop )
14. การอบรมดา้ นความรู้สกึ ( Sensitivity Training )
1. การบรรยาย ( Lecture )
เปน็ เทคนิควธิ ที ี่ใชใ้ นการถา่ ยทอดความคดิ เหน็ ความรู้ ตลอดจนข้อมูล ข้อเท็จจริงใหแ้ ก่ผฟู้ ัง
ลกั ษณะของการบรรยาย เปน็ ระบบการสอ่ื สารทางเดยี ว
ขอ้ ดี
1. การบรรยายเป็นเทคนิคที่ง่ายต่อการใช้ ผู้ที่มีประสบการณ์จะใช้เวลาในการเตรียมตัว
น้อยลง
2. เน้ือหาสาระท่ีผู้เข้ารับการอบรมจะได้รับมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้เวลาในการ
อบรมดว้ ยวิธอี ่ืน
3. สามารถให้การอบรมคนเปน็ จานวนมาก ๆ ในแตล่ ะคร้ัง
ข้อเสยี
1. ประสิทธิภาพของการบรรยายขนึ้ อยูก่ ับความสามารถและประสบการณข์ องวิทยากร
2. การบรรยายเป็นลักษณะการสื่อสารทางเดียว ถ้าไม่เปิดโอกาสให้มีการซักถาม จะไม่
สามารถประเมินได้ว่า ผู้ฟังมีความร้คู วามเขา้ ใจในสิง่ ที่บรรยายเพยี งใด
3. การบรรยายไม่อาจใช้กับทุกเร่ืองได้ เช่น เร่ืองที่ต้องการข้อสรุปเพ่ือการนาไป
ปฏบิ ัติการ
2. การอภปิ ราย( Discussion )
การทกี่ ลมุ่ คนท่ีมคี วามสนใจในปัญหาหรอื เรอ่ื งเดียวกัน ตอ้ งการท่จี ะแลกเปลีย่ น
ความคิดเห็นเพ่อื หาข้อสรุปรว่ มกันด้วยวิธีการวิเคราะห์ และพจิ ารณาโดยอาศยั ความ
คดิ เห็นร่วมกัน
ลกั ษณะของการอภิปราย เป็นระบบส่ือสารสองทาง
ขอ้ ดี
1. การอภปิ รายช่วยเปลี่ยนบรรยากาศในการฟังของผฟู้ ังหรือผเู้ ข้ารบั การอบรม
2. การอภปิ รายเปน็ คณะช่วยสรา้ งแนวคิดใหแ้ กผ่ ้ฟู งั ในทรรศนะท่ตี า่ งกัน ทาให้เกิด
ความความรอบคอบในการตัดสนิ ใจเลือกแนวทางทด่ี ีทีส่ ดุ
3. การอภิปรายเปน็ การแสวงหาข้อสรุปและแนวทางในการแก้ปญั หาของผทู้ มี่ คี วาม
สนใจรว่ มกันในลักษณะทีม่ ีความเปน็ ไปได้ของการนาไปใช้
ขอ้ เสยี
1. ผ้ดู าเนินการอภิปรายจะตอ้ งเปน็ ผมู้ คี วามสามารถและประสบการณ์เก่ยี วกบั การ
อภิปราย จงึ จะสามารถควบคมุ การอภปิ รายใหด้ าเนนิ ไปสู่เป้าหมาย และเวลาของ
การอภิปรายที่กาหนดไว้
2. การพจิ ารณาเลอื กเชิญผูอ้ ภปิ รายมคี วามสาคญั มาก หากได้ผมู้ ีความร้แู ละ
ประสบการณ์สงู จะทาใหก้ ารอภปิ รายเกิดผลดแี ละให้การอภปิ รายเกดิ ผลดแี ละให้
ประโยชน์แก่ผู้ฟงั
3. การสาธิต( Demonstration )
การสาธิตเป็นการแสดงให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้เห็นการปฏิบัติจริงซ่ึงการกระทา
หรือปฏบิ ตั จิ รงิ จะมลี ักษณะคล้ายการสอนงาน
“ข้อดี
ลกั ษณะของการสาธิต เปน็ ระบบสือ่ สารสองทาง
เกิดความรู้ความเข้าใจเร็ว และมีความน่าเช่ือถือสูง เพ่ิมทักษะของผู้เข้ารับการ
ฝึกอบรมไดด้ ี ไม่เบ่ือหนา่ ย สามารถปฏิบตั ิได้หลายครง้ั
ข้อเสยี
ตอ้ งใช้เวลาเตรียมการมาก เหมาะกับการฝึกอบรมกลมุ่ เล็ก ๆ วิทยากรต้องมีความ
ชานาญจรงิ ๆ และต้องไม่พลาด ””
4. การสอน (Coaching)
เป็นการแนะนาให้รู้วิธีปฏิบัติงานให้ถูกต้อง โดยปกติจะเป็นการสอนหรืออบรมใน
ระหวา่ งการ ปฏิบตั ิงาน อาจสอนเปน็ รายบุคคลหรือสอนเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ซ่ึงผู้สอนต้องมี
ประสบการณ์ และทักษะในเรอ่ื งทีส่ อนจริง ๆ
ลกั ษณะของการสอน เปน็ ระบบสอื่ สารสองทาง
ข้อดี
เน้นเนื้อหาตามความเหมาะสมของแต่ละคน
ขอ้ เสยี
คณุ คา่ ข้ึนกบั ผ้สู อนงานซ่งึ ส่วนใหญ่ คอื หัวหนา้ งาน
5. การระดมสมอง( Brainstorming)
“ เป็นการประชุมกลุ่มเล็กไม่เกิน 15 คน เปิดโอกาสให้ทุกคนแสดงความ คิดเห็นอย่าง
เสรีโดย ปราศจากข้อจากัดหรือกฎใด ๆ ในหัวข้อใดหัวข้อหน่ึงหรือปัญหาใดปัญหา
หนึง่ โดยไม่คานงึ วา่ จะถูกหรือผิด ดีหรือไม่ดีความคิดหรือข้อเสนอทุกอย่างจะถูกจด
ไวแ้ ลว้ นาไปกลั่นกรอง อีกชั้นหนึ่ง ดงั น้นั พอเร่ิมประชมุ ตอ้ งมีการเลอื กประธานและ
เลขานกุ ารของกลมุ่ เสยี กอ่ น
ลักษณะของการระดมสมอง เป็นระบบส่ือสารสองทาง
ขอ้ ดี
เกิดความรู้ความเข้าใจเร็ว และมีความน่าเช่ือถือสูง เพ่ิมทักษะของผู้เข้ารับการ
ฝึกอบรมไดด้ ี ไม่เบื่อหนา่ ย สามารถปฏบิ ัติได้หลายครัง้
ข้อเสีย
ตอ้ งใชเ้ วลาเตรยี มการมาก เหมาะกบั การฝกึ อบรมกลุ่มเล็ก ๆ วิทยากรต้องมีความ
” ”ชานาญจรงิ ๆ และต้องไม่พลาด
6. การประชมุ กล่มุ ย่อย (Buzz session)
เปน็ การแบง่ ผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมเปน็ กลุม่ ย่อยจากกลุ่มใหญ่ กลุม่ ยอ่ ยละ 2-6 คนเพ่อื
พิจารณา ประเด็นปัญหา อาจเป็นปัญหาเดียวกันหรือต่างกัน ในช่วงเวลาท่ี กาหนด
มีวิทยากรคอยช่วยเหลือทุกกลุ่ม แต่ละกลุ่มต้องเลือกประธานและเลขานุการของกลุ่ม
เพอื่ ดาเนินการแล้วนาความคดิ เหน็ ของกลุ่มเสนอต่อท่ีประชุมใหญ่
ลักษณะของการประชุมกลุ่มยอ่ ย เป็นระบบสือ่ สารสองทาง
ข้อดี
เปิดโอกาสใหท้ ุกคนแสดงความคดิ เห็น บรรยากาศเปน็ กันเอง
ข้อเสีย
การประชมุ กลุม่ ย่อยในหอ้ งเดียวกันอาจทาให้เกิดเสียงรบกวนกนั ประธานท่ีเลือกอาจไม่
มีลักษณะผู้นาดาเนินการประชุมไม่ดีทาให้ผู้ร่วมการประชุมขาดการแสดงความคิดเห็น
บางกลุ่มอาจได้ความคดิ เหน็ น้อยบางกลุ่มอาจใชเ้ วลามากทาให้ควบคุมเวลาไดย้ าก
7. กรณีศกึ ษา (Case Study)
“ เป็นเทคนคิ การฝึกอบรมทีน่ าเอาเรอื่ งราวหรอื กรณีท่เี ป็นปัญหาเกดิ ข้ึนจริง ๆ เสนอ
ในกล่มุ ผู้เข้ารับการอบรม สมาชกิ ของกลุ่มจะใช้หลักวิชาการและประสบการณ์ที่ได้
จากการปฏบิ ตั งิ านมาผสมผสานเพ่อื มาวเิ คราะหก์ รณีท่ียกมา
ลกั ษณะของกรณศี ึกษา เป็นระบบสื่อสารสองทาง
ขอ้ ดี
ช่วยให้ผู้รับการฝึกอบรมได้วิเคราะห์ตัดสินปัญหาในเรื่องท่ีเหมือนจริงและสามารถ
นาไปปรบั ใช้กับการปฏบิ ตั ิงานได้ กรณีศกึ ษาเปน็ กิจกรรมท่ีมีบรรยากาศเป็นกนั เอง
เพราะทุกคนมีโอกาสแลกเปลีย่ นความคดิ เห็นและประสบการณ์
ข้อเสยี
กรณศี กึ ษาท่ีเป็นเรือ่ งจริงหาไดย้ าก โดยเฉพาะเรอ่ื งท่เี หมาะสมกบั กลุ่มผเู้ ข้ารบั การ
ฝึกอบรมและเหมาะสมกับเวลา การสร้างกรณีศึกษาเป็นงานที่ต้องใช้เวลาและ
” ”งบประมาณ
8. การประชมุ แบบฟอรมั ( Forum )
เป็นเทคนิคที่ใช้กับการประชุมกลุ่มใหญ่ ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมประชุมแสดงความ
คิดเห็นและมีส่วนร่วมในการฝึกอบรม โดยการซักถามแสดงข้อเท็จจริง ปรึกษาหารือ
แสดงความคิดเห็นกับวิทยากร วิธีการ วิทยากรพูดให้ฟังแล้วผู้ฟังสอบถามและแสดง
ความคดิ เห็นได้
ลักษณะของการประชุมแบบฟอรัม เปน็ ระบบส่ือสารสองทาง
ขอ้ ดี
ผเู้ ขา้ รับการฝึกอบรมมีโอกาสรว่ มแสดงความคิดเหน็ วเิ คราะห์ปัญหา เป็นการกระตนุ้ ให้
ผูเ้ ขา้ รับการฝึกอบรมตอ้ งเตรียมตวั ให้ดยี ่งิ ขนึ้ และมบี รรยากาศเปน็ กันเอง
ขอ้ เสยี
เวลาอาจไม่พอถ้าเป็นเน้ือหาที่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมสนใจกันทุกคน พิธีกรและวิทยากร
ต้องมีความรคู้ วามสามารถดี ผู้เขา้ รบั การฝึกอบรมบางคนอาจไม่กล้าผแู้ สดงความคดิ เหน็
หรอื บางคนพดู นอกประเด็น
9. เกมการบรหิ าร( Management Games )
“ เป็นการแข่งขันระหว่างกลุ่มบุคคลต้ังแต่ 2 กลุ่มข้ึนไป โดยแข่งขันเพื่อดาเนินการให้
บรรลุวัตถุประสงค์อย่างหนึ่ง เป็นการให้ปฏิบัติเหมือนเหตุการณ์จริง อาจเป็นเร่ือง
เกี่ยวกับการส่ือสาร การตัดสินใจ การวางแผน การเป็นผู้นา มนุษย์สัมพันธ์ ฯลฯ
ขนาดของกลุ่มในการแข่งขันขึ้นอยู่กับเกมการแข่งขัน วิธีการ ทุกคนในกลุ่มร่วมกัน
แขง่ ขันตามเกม
ลกั ษณะของเกมการบรหิ าร เป็นระบบส่ือสารสองทาง
ข้อดี
เป็นการย่อสถานการณ์จริงให้ ฝึกในช่วงส้ัน ๆ ผู้ เข้ารับการฝึกอบรมมีส่วนร่วม
ช่วยกนั คิดชว่ ยกนั ทา ทาให้มีบรรยากาศเป็นกันเอง ไดร้ บั ความรู้โดยไมร่ ้ตู ัว
ขอ้ เสยี
” ”การเลือกเกมที่ไม่เหมาะสมจะไมก่ ่อให้เกดิ ประโยชน์ การแบ่งกล่มุ มากเกนิ ไปจะเป็น
อุปสรรคในการแข่งขนั และเกมบางชนดิ ต้องใชอ้ ปุ กรณแ์ ละเวลา
10. การแสดงบทบาทสมมติ( Role playing )
เป็นเทคนคิ ท่ีนาเอาเร่ืองท่ีเป็นกรณตี วั อยา่ งมาเสนอในรปู แบบการแสดงบทบาท ใหผ้ เู้ ข้า
รับการอบรมได้เห็นภาพชัดเจน ได้สัมผัสกับประสบการณ์และความรู้สึกท่ีแท้จริง
เก่ยี วกบั ปญั หาที่เปน็ กรณีตัวอยา่ ง
ลักษณะของการแสดงบทบาทสมมติ เป็นระบบส่อื สารสองทาง
ขอ้ ดี
1. ช่วยกระตุน้ ใหส้ มาชกิ ผเู้ ขา้ รบั การอบรมเกิดความสนใจเร่ืองทอ่ี บรม
2. ส่งเสรมิ ให้ผ้เู ขา้ รบั การอบรมไดแ้ สดงออกดว้ ยการปฏบิ ัตจิ ริง
3. เปิดโอกาสให้ผู้เข้ารับการอบรมได้ทดลองแสดงบทบาทตามแนวคิด และสามารถ
แสดงบทบาทซา้ ได้ เพื่อใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจและหาข้อสรุปได้
ข้อเสยี
1. การใช้เทคนคิ นผ้ี ใู้ ห้การอบรมอาจมคี วามย่งุ ยากเกี่ยวกบั การเตรยี มการล่วงหน้า
2. การแสดงบทบาทสมมติต้องใชเ้ วลามาก ซง่ึ มีผลตอ่ ระยะเวลาการฝึกอบรม
3. การหาอาสาสมัคร เพ่ือแสดงบทบาทเป็นอปุ สรรค เพราะบางคนไมก่ ล้าแสดงออก
11. การสัมมนา( Semiar)
“ เป็นการประชุมของผู้ท่ีปฏิบัติอย่างเดียวกันหรือคล้ายกันแล้วพบปัญหาเหมือน ๆ
กัน เพ่ือรว่ มกันแสดงความคดิ เห็นหาแนวทางปฏิบัติในการแก้ปัญหาทุกคนที่ไปร่วม
ในการสมั มนาตอ้ งชว่ ยกันพูดชว่ ยกนั แสดงความคิดเห็น ปกติจะบรรยายใหค้ วามรู้
พ้ืนฐานก่อนแล้วแบ่งกลุ่มย่อย จากนั้นนาผลการอภิปรายของกลุ่มย่อยเสนอที่
ประชุมใหญ่
ลกั ษณะของการสมั มนา เปน็ ระบบส่ือสารสองทาง
ขอ้ ดี
เป็นการแลกเปล่ียนความรู้ประสบการณ์ ผู้ เข้ารับการฝึกอบรมมีโอกาสมีส่วนร่วม
มาก ผลสรปุ ของการสัมมนานาไปเปน็ แนวทางแกป้ ัญหาได้ดี
ข้อเสยี
” ”ทีป่ รกึ ษากลมุ่ หรอื สมาชิกบางคนอาจครอบงาความคิดของผู้อืน่ ได้เพราะวัยวฒุ ิหรอื
คุณวุฒหิ รือตาแหน่งหน้าที่การงาน ถ้าเวลาจากัดรีบสรุปผลอาจได้ข้อสรุปท่ีไม่หน้า
พอใจ
12. การศึกษาดงู านนอกสถานท่ี( Field Trip )
เป็นการนาผู้เข้ารับการฝึกอบรมไปศึกษายังสถานที่อ่ืน นอกสถานท่ีฝึกอบรมเพ่ือให้พบ
เห็นของจรงิ ซ่ึงผ้จู ัดตอ้ งเตรยี มการเป็นอยา่ งดี วธิ ีการนาผู้เข้ารับการฝกึ อบรมไปศกึ ษาดู
งานนอกสถานที
ลกั ษณะของการศึกษาดงู านนอกสถานท่ี เปน็ ระบบสอื่ สารสองทาง
ขอ้ ดี
เพิม่ ความรู้ ความเขา้ ใจได้เห็นการปฏบิ ัตจิ รงิ สร้างความสนใจและความกระตือรือร้น
สรา้ ง ความสัมพนั ธ์ระหว่างผเู้ ข้ารับการฝกึ อบรม
ขอ้ เสีย
ตอ้ งใช้เวลาและเสยี คา่ ใชจ้ า่ ยมาก ตอ้ งไดร้ ับความร่วมมือจากทกุ ฝา่ ยโดยเฉพาะเจา้ ของ
สถานที่ทจ่ี ะไปศกึ ษา
13. การประชุมเชิงปฏบิ ตั ิการ( Workshop )
“เป็นรปู แบบของการฝึกอบรมทสี่ ่งเสรมิ ใหผ้ ูเ้ ข้ารับการอบรมเกดิ การเรียนรู้ทั้งด้านทฤษฎีและ
ปฏบิ ัติ สามารถนาสงิ่ ทีไ่ ดร้ ับไปปฏบิ ัตงิ านในสถานการณจ์ รงิ ที่ผ้เู ข้าอบรมปฏิบัตอิ ยู่
ลกั ษณะของการประชมุ เชิงปฏิบัตงิ านจะแบ่งออกเป็น 2 สว่ น คือ
1. เปน็ การใหค้ วามรู้ของวิทยากร
2. เป็นการปฏิบัติการของผู้เข้ารับการอบรมท่ีจะหารือ อภิปราย ให้ได้แนวทางแก้ปัญหา
หรือวธิ กี ารปฏบิ ตั ิงาน
ลักษณะของการประชมุ เชิงปฏิบัติการ เปน็ ระบบสือ่ สารสองทาง
ข้อดี
1. ส่งเสรมิ การมีสว่ นร่วมของผู้เขา้ รับการอบรม
2. ผู้เขา้ อบรมมีอสิ ระในการคดิ และปฏิบตั ิงานกลมุ่
3. ผู้เข้ารบั การอบรมสามารถนาผลการประชมุ ปฏบิ ตั กิ ารไปใชใ้ นการดาเนนิ งานและ
ปฏบิ ตั ิงานในหน่วยงานของตน
” ”ข้อเสยี
1. จะตอ้ งใช้เจา้ หน้าท่ีจานวนมากเพ่อื อานวยความสะดวกตอ่ ผเู้ ข้ารบั การอบรมในแตล่ ะกลุ่ม
รวมทงั้ การจัดวทิ ยากรประจากลุม่
2. ต้องใชเ้ วลามากโดยเฉพาะเวลาสาหรบั การปฏบิ ตั ิงานกลุ่ม
14. การอบรมดา้ นความรู้สกึ ( Sensitivity Training )
เป็นการอบรมในลักษณะของผู้เข้ารับการอบรมจะเรียนรู้พฤติกรรมของกลุ่มผ่าน
กระบวนการมีส่วนร่วมกับกลุ่ม ประสบการณ์ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นความสาเร็จ ความ
ผิดหวังและความคับข้องใจของกลุ่มจะได้รับการแก้ไขปัญหากันเองภายในกลุ่ม โดยแจ้ง
วา่ ส่งิ ทีเ่ รยี นรู้จากกลมุ่ จะได้รบั การนากลบั ไปสู่การปฏบิ ัตงิ านของแต่ละคน
ลักษณะของการอบรมด้านความรสู้ กึ เปน็ ระบบส่อื สารสองทาง
ข้อดี
1. เปิดโอกาสให้สมาชิกที่เข้ารับการอบรมแสดงออกด้านความรู้สึก และรู้จักควบคุม
ความรู้สกึ ที่อาจมีผลกระทบตอ่ ผูอ้ นื่
2. ผู้เขา้ รบั การอบรมได้มสี ว่ นรว่ มในการแสดงออกอยา่ งท่ัวถึง
3. ส่งเสริมให้ผู้เข้ารับการอบรมได้เปล่ียนพฤติกรรมไปสู่พฤติกรรมที่พึงปรารถนาของ
องค์การ
ข้อเสยี
1. ไม่สามารถใช้ได้กับบุคลากรทุกระดับขององคก์ าร
2. จานวนผเู้ ขา้ อบรมจะจากัดเพียงกลมุ่ เลก็ ๆ ประมาณ 6 - 8 คน
3. ผู้ให้การอบรมจะต้องเปน็ ผ้มู ีความร้ใู นเรือ่ งกลุ่มพลวัตรเป็นอย่างดี
จบการนาเสนอ