Structure of plant Biology Lab [ Root ] [ Stem ] [ Leaf ] [stoma] By 502 No. 19 29 33 35 38
[ Root Monocot ] รากของพืชใบเลี้ยงคู่ เนื้อเยื่อเอนโดเดอร์มิส (Endodermis) เป็นเนื้อเยื่อที่อยู่ด้านนอกของเนื้อเยื่อลำ เลียง ของราก เซลล์มีรูปร่างคล้ายเซลล์พาเรงคิมา ที่ผนัง เซลล์มีสารลิกนิน และ ซูเบอริน คอร์เทกซ์ (cortex) เป็นเซลล์ที่อยู่ระหว่างเอพิเดอร์มิสกับสตี ล ส่วนใหญ่เป็นเซลล์พาเร็งคิมาเรียงตัวกัน หลายชั้น สังเคราะห์แสงได้ สะสมน้ำ และ อาหารให้แก่พืช ผิวชั้นกำ พร้า (Epidermis) ผิวชั้นหนังกำ พร้าชั้นที่อยู่นอกสุด ทำ หน้าที่ ช่วยปกป้องผิวจากสารพิษ แบคทีเรีย และการ สูญเสียน้ำ พิธ (Pith) เนื้อเยื่อบริเวณกลางลำ ต้นและราก เป็นเซลล์ที่ มีผนังเซลล์บาง ในพืชบางชนิดเมื่อมีอายุมากการขึ้น ไส้ในจะสลายตัวไปกลายเป็นช่องกลางลำ ต้น เช่น ต้น ไผ่ มะละกอ เนื้อไม้ หรือ ไซเลม (xylem) เป็นเนื้อเยื่อของพืชที่ทำ หน้าที่ลำ เลียงน้ำ และ แร่ธาตุต่าง ๆ ไปสู่ส่วนต่าง ๆ ของพืช ประกอบด้วย กลุ่มเซลล์ที่ทำ หน้าที่หลักในการลำ เลียงน้ำ เปลือกชั้นใน หรือ โฟลเอ็ม (Phloem) เป็นกลุ่มที่ลำ เลียงสารอาหารที่สังเคราะห์ขึ้นที่ ใบไปยังส่วนต่าง ๆ ของพืชจนถึงราก เซลล์ที่สำ คัญมี 2 ชนิด คือ เซลล์หลอดตะแกรง เป็นเซลล์ที่เป็นแท่ง ยาว ยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่มีนิวเคลียส หัวและท้ายเป็นรู พรุน เป็นเซลล์ที่ทำ หน้าที่ลำ เลียงสารอาหาร และ เซลล์ข้างเคียง
เนื้อเยื่อเอนโดเดอร์มิส (Endodermis) [ Root Dicot ] รากของพืชใบเลี้ยงเดี่ยว คอร์เทกซ์ (cortex) ผิวชั้นกำ พร้า (Epidermis) เนื้อไม้ หรือ ไซเลม (xylem) เปลือกชั้นใน หรือ โฟลเอ็ม (Phloem) ภาพ ภาคตัดขวางรากพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ภาพ โครงสร้างบริเวณสตีลของรากพืชใบเลี้ยงเดี่ยว
[ Stem Monocot ] พืชใบเลี้ยงเดี่ยว คือ พืชที่เมื่อใบแรก แทงออกมาจากเมล็ด มีใบเดียว และเมื่อ เติบโตขึ้นจะเห็นลำ ต้นเป็นข้อปล้องอย่าง ชัดเจน ได้แก่ พืชจำ พวกหญ้า ข้าว ข้าวโพด อ้อย ไผ่ พืชเหล่านี้จะมีใบเรียงตัว เป็นเลขคี่หรือใบเดียว เส้นบนใบจะเรียง ตัวแบบขนานไปตามแนวยาวของใบ ลำ ต้นมักเรียว Ground tissue Vascular bundles พืชใบเลี้ยงเดี่ยว เป็นระบบเนื้อเยื้อพืช ทําหน้าที่ สังเคราะห์อาหาร พยุงและกักเก็บอาหาร ให้แก่พืช กลุ่มเนื้อเยื่อของพืชที่อยู่ถัดจากชั้นเพริไซ เคิลเข้าไป ประกอบด้วยเนื้อเยื่อโฟลเอ็ม และไซเลม
[ Stem dicot] พืชใบเลี้ยงคู่จะงอกออกจากเมล็ด พร้อมกับใบเลี้ยง 2 ใบ และเมื่อเจริญ เติบโตเต็มที่แล้วจะเห็นข้อและปล้องใน ส่วนของลำ ต้นไม่ชัดเจน เนื่องจากมันมัก จะมีเปลือกแข็งห่อหุ้ม และยังมีการเจริญ เติบโตออกด้านข้าง มีกิ่งก้านสาขา แผ่ทุก ทิศทางเพื่อเก็บเกี่ยวแสงแดด แกนกลางของลำ ต้นพืชกลุ่มนี้จะไม่มีท่อ ลำ เลียง แต่จะเป็นเนื้อไม้ซึ่งมีความแข็ง แรงคงทน ส่วนท่อลำ เลียงจะจัดเรียงเป็น วงอย่างมีระเบียบอยู่รอบลำ ต้น Cork Pith Vascular bundles Epidermis พืชใบเลี้ยงคู่
[ Leaf Monocot ] ใบของพืชใบเลี้ยงเดี่ยว Lower epidemis Phloem Air space Xylem Bundle sheath Phloem ในพืชใบเลี้ยงเดี่ยว mesophyll ไม่สามารถ แยกเป็น palisade หรือspongy mesophyll ได้ เรียกโดยรวมว่า mesophyll ท่อลำ เลียงน้ำ และ อาหารในใบพืชใบเลี้ยงเดี่ยวจะมี bundle sheath ซึ่งเป็นพาเรนไคมาเซลล์ ล้อมรอบอยู่ 1 ชั้น ชั้นมีโซ ฟิวจะอยู่ถัดจาก bundle sheath ภายในเซลล์บรรจุ ด้วยเม็ดคลอโรพลาสต์และทำ หน้าที่สังเคราะห็ด้วย แสงเช่นเดียวกับพืชใบเลี้ยงคู่Vascular bundle ท่อ ลำ เลียงน้ำ และอาหาร คือส่วนที่เป็นเส้นกลางใบ (midrib หรือ midvein ) และเส้นใบย่อย (vein) Epidermis เป็นเซลล์ชั้นนอกสุด ผนัง เซลล์ด้านที่สัมผัสกับด้านนอกจะหนากว่า ด้านใน ซึ่งช่วยป้องกันอันตรายจาก ภายนอก
[ Leaf Dicot ] ใบของพืชใบเลี้ยงคู่ Lower epidemis Phloem Xylem Lower epidemis air space
[ Stoma ] ปากใบ : คือรูที่อยู่ระหว่างเซลล์คุม (guard cell) ที่ควบคุมการเปิดปิดของปากใบ ปากใบมีหน้าที่ เป็นทางเข้าออกของน้ำ และคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งปากใบของพืชส่วนใหญ่อยู่ล่างผิวใบเพราะพืช สังเคราะห์ด้วยแสงได้ดีในช่วงที่มีแสงแดดมาก ปากใบจึงต้องอยู่ด้านล่างเพื่อป้องกันการสูญเสีย น้ำ ออกทางปากใบ Epidermal cell Stoma Guard cell Vacuole Nucleus ปากใบ