ระดบั 2 รุนแรงปานกลาง (Moderate) เรม่ิ มีการแสดงออกทางพฤติกรรมกาวรา ว
ตวั อยาง
• ทางคําพดู รองใหอาละวาด เสียงดงั พูดคําหยาบ ดาทอ (verbal aggressive)
• ทางภาษากาย เชน กํามือแนน กาํ หมัด กดั ฟน แตย งั ไมถึงข้นั ท่ที าํ ลายส่ิงของ หรือทาํ รายผูอ ื่น
ระดบั 3 รุนแรงมาก (Severe) ไมส ามารถควบคุมอารมณได
ตวั อยา ง
• การทําลายวตั ถุ ส่งิ ของไดรบั ความเสียหาย
• ทํารา ยผอู ่นื ดว ยอวยั วะ เชน หมดั เทา ปากกดั จนไปถงึ การใชอ ปุ กรณ หรือสง่ิ ทีส่ ามารถเปน อาวุธทาํ
รา ยผูอนื่ ได
• ทํารา ยตัวเอง
47
ใบความรู้ 2.1.2
เทคนิควิธีการจดั การปัญหาพฤตกิ รรมทางอารมณ์
และฝึ กทกั ษะการควบคมุ อารมณเ์ ดก็ สมาธสิ ้นั
1. พฤตกิ รรมอยูใ่ นระดบั รุนแรงนอ้ ย (Mild)
เทคนิคการจัดการพฤตกิ รรม
1.1 ถา เด็กยังมเี หตุผลอยใู หกําหนดเงอื่ นไขหรือขอ ตกลงรวมกันกบั เด็ก โดยใหเ ด็กทาํ
กจิ กรรมหรือรอคอยในระยะเวลาทช่ี ัดเจน หรือมกี ารกําหนดเง่อื นเวลาใหเ ด็กทาํ กิจกรรม เชน ทาํ
การบา นใหเสร็จ 2 ขอ จะใหทานขนม เปน ตน
48
1.2 ถาเด็กเร่ิมไมมีเหตุผลไมสามารถกําหนดเง่ือนไขหรือขอตกลงรวมกันกับเด็กได ใหพอแมทําตาม
กระบวนการ ดงั ตอไปน้ี
• ใหพ อ แมผ ูปกครองหลกี เล่ยี งการพดู โตเถยี ง หรอื ใชค าํ พดู สั่งสอนเดก็ เพราะจะทาํ ใหเด็กมี
อารมณรุนแรงขึ้นไปอีก
• ถามใี ครเปนผูข ัดแยง หรือกระตุนอารมณเ ด็ก กใ็ หแยกคนนัน้ รวมทงั้ คนอ่ืนๆ ออกหา งจากตัวเด็ก
• หรืออาจอยกู บั เด็กก็ไดดว ยการทาํ งานหรอื กจิ กรรมของผปู กครองตามปกติโดยไมส นใจเด็กใหง ด
การสงเสยี งพดู คุย การสงั่ สอน หรอื การปลอบเด็ก รวมท้ังการมองหรือการกระตนุ ดวยภาษากายอ่ืนๆ โดย
ปลอ ยใหเด็กอยตู ามลําพงั เพิกเฉยไมส นใจจนกวาเด็กจะลดพฤติกรรมทางอารมณ และควบคุมอารมณได
49
2. พฤตกิ รรมอยูใ่ นระดบั รุนแรงปานกลาง (Moderate)
เทคนิคการจัดการพฤตกิ รรม
1. ขนั้ บอกอารมณ (Emotional naming) ใหพ ูดถงึ พฤติกรรมหรืออารมณทีเ่ กดิ ขึ้น
โดยไมตองกลาวโทษหรอื ตําหนิ ถงึ ตวั เด็กวาเปนเด็กไมดีหรอื นสิ ยั ไมด ีใหบอก “ลกู กาํ ลงั หงุดหงดิ
หรือกาํ ลงั โกรธโมโหอยู”
2. ข้ันกําหนดเง่ือนไข (Conditioning) โดยบอกวา “เราจะยังไมพูดกันขณะอารมณเปน
แบบนี้ รอใหล กู ควบคมุ อารมณไดพอแมถ ึงจะคยุ กับลูก”
3. ขั้นเพิกเฉย (Ignoring) ใหงดการกระตุนดวยคําพูด ไมสบตา หรือหันไปมองเด็ก ปลอยใหเด็กอยู
ตามลาํ พัง หรือพอ แมผปู กครองเดนิ หนอี อกจากสถานการณน น้ั
4. ข้ันควบคุมอารมณ (Calm down) ใหรอคอยจนกวาเด็กจะควบคุมอารมณไดดวยตัวเองเมื่อเด็ก
ไมไ ดร ับความสนใจ ไมถูกกระตุน อารมณต อ เน่อื งจากสถานการณ หรอื คนท่ีขัดใจเดก็
50
5. ขั้นประเมินอารมณและช่ืนชม (Affirmation) เม่ือควบคุมอารมณไดสําเร็จ เมื่อเด็กมีอารมณดีหรือ
ควบคุมอารมณตัวเองไดแลว ใหเดินเขาหา แลวบอกอารมณเด็ก “ลูกอารมณดีแลวใชไหม?” ถาเด็กตอบวา
อารมณด ีแลว ให ใหพ ดู คยุ กับเดก็ ดวยนา้ํ เสียงปกติ และช่นื ชมเดก็ ทีส่ ามารถควบคุมอารมณไ ด
51
3. พฤตกิ รรมรุนแรงระดบั รุนแรงมาก (Severe)
เทคนคิ การจดั การพฤตกิ รรม
1.ใหพอแมหรือผูท่ีสามารถควบคุมเด็กได เขาควบคุมพฤติกรรมเด็กทันทีเพื่อไมใหเกิดความรุนแรง
โดยใหก ันผูอน่ื ทีก่ ระตุน อารมณเด็กออกหา ง หรือเดินหนจี ากสถานการณน น้ั ไปกอน
2.อาจใชวธิ ีการจับลอ คตวั เด็กในทาท่ไี มอนั ตราย* (Physical Restrain)
3.ถาไมสามารถควบคุมไดก็อาจพิจารณาใชผา**มัดมือเด็กไวแทนการใชเชือกที่จะทําอันตรายตอเด็ก
ได แลว พาเด็กไปอยูในหอ ง หรือบรเิ วณที่สงบ รอจนกวา จะควบคมุ อารมณได (Time out) ถึงปลอยใหเด็กเปน
อิสระ และเร่ิมตกลงกติกา หรือเงอื่ นไขกันใหมกับส่งิ ทีเ่ ดก็ ตองการ
หมายเหตุ:
* ทาท่ีล็อคท่ีไมอันตราย คือ ทาท่ีไมทําท่ีสามารถควบคุมเด็กไดแลวไมทําใหเกิดการบาดเจ็บ คือ มีคนล็อค
มากกวา 1 คนข้นึ เชน คนแรกจบั มือ อีกคนน่งั จบั ขา เปนตน
** ลักษณะผา ตอ งนมิ่ ไมท ําใหเด็กไดร ับบาดเจ็บหรือเปนรอยบริเวณท่มี ดั
52
แผนการสอนหน่วยที่ 2
เร่อื ง 2.2 การสื่อสารเพอ่ื สรางเงอื่ นไขและขอ ตกลงใหเกิดความรวมมือในการ เวลา 1 ชั่วโมง
ปรบั พฤตกิ รรม 20 นาที
ความคดิ รวบยอด
เมื่อเด็กอยูในสภาวะปกติไมมีปญหาทางอารมณ หรืออยูในสภาพท่ีสามารถควบคุมอารมณอยางสงบ
ไดแลว ส่ิงสําคัญตามมาก็คือการส่ือสาร พูดคุยกับเด็กเพ่ือกําหนดเง่ือนไขและขอตกลงรวมกัน ใหสามารถ
ยอมรับ และการทาํ ตามขอตกลงและรวมมอื ในการปรบั พฤติกรรมไดอยา งเหมาะสม
จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
1. พอ แมผ ูปกครองสามารถวิเคราะหการสือ่ สารที่เปนอปุ สรรคในการปรบั พฤติกรรมเด็กได
2. พอ แมผ ปู กครองมีความรู และมีทักษะในการสอื่ สารกับเดก็ สมาธิสั้นทเี่ หมาะสมได
เน้ ือหา
1. การสื่อสารท่ีกระตุนอารมณแ ละเปน อปุ สรรคในการปรับพฤติกรรม
2. ขนั้ ตอนการสื่อสารสําหรบั เด็กสมาธสิ ั้น
กิจกรรมการเรียนการสอน เวลาที่ใช้
(นาที)
ลาํ ดบั กิจกรรม สื่อที่ใช้
- Power point
1 วิทยากรสอบถามผปู กครอง “เหตุการณเ หลา น้เี คยเกิดขนึ้ 5 - ใบความรู 2.2.1
- VDO 7
ในชวี ิตประจาํ วนั ของทานไหม” ใหผูปกครองอภิปราย “มี
เหตุการณอยา งอน่ื อีกไหม ลกั ษณะการพูดเปน อยางไร - VDO 8
ระยะทางการส่ือสารเปน อยางไร” และใหผ ูป กครองดู VDO - .ใบงาน 2.2
7 ปญ หาการสอ่ื สารในเด็กสมาธสิ นั้ ที่พบบอ ย - ใบความรู 2.2.2
2 วทิ ยากรใหผูปกครองดู VDO 8 เทคนคิ การสอ่ื สารที่ 5 - สาธติ ประกอบ
- ใบความรู 2.2.2
เหมาะสมกับเด็กสมาธสิ ัน้ และใบความรู 2.2.2 แลว ให
ผูปกครองทําใบงาน 2.2 เทคนคิ การสอื่ สารสาํ หรบั เด็กสมาธิ
สน้ั
3 วิทยากรใหผ เู ขาอบรมจบั คูในการฝกปฏบิ ัติการส่ือสาร ทีละ 40
ข้นั ตอนจนครบ 5 ขั้นตอน
53
ลาํ ดบั กิจกรรม เวลาท่ีใช้ สื่อที่ใช้
4 วิทยากรสอบถามกลุมเพื่ออภิปรายเพม่ิ เติม และสรุป (นาที)
ประเดน็ สาํ คัญในการส่ือสาร
2
การประเมินผล
การสอบถามผูปกครองถึงความเขาใจตอปญหาการสื่อสารในเด็กสมาธิสั้นท่ีพบบอย และเทคนิคการ
สอ่ื สารทีเ่ หมาะสมสาํ หรบั เด็กสมาธิส้นั
54
ใบงาน 2.2
เทคนิคการสอื่ สารสาํ หรบั เดก็ สมาธิสน้ั
เหตกุ ารณ/เรอ่ื งราว……………………………………………………………………
1. เทคนคิ ที่ผูป กครองควรทาํ ในการสื่อสารกบั เด็กสมาธสิ น้ั ใน ข้นั ตอนที่ 1 การส่ือสารเพื่อความจริงจงั
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. เทคนคิ ทผี่ ปู กครองควรทําในการส่ือสารกับเดก็ สมาธสิ ้นั ใน ข้นั ตอนที่ 2 การส่อื สารเพื่อการประเมนิ ความ
พรอ ม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. เทคนิคท่ผี ปู กครองควรทาํ ในการส่อื สารกบั เดก็ สมาธิสนั้ ใน ขัน้ ตอนที่ 3 การส่อื สารฝก การดั สินใจ
รปู แบบที่ 1 ………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
รปู แบบที่ 2 ………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
รูปแบบท่ี 3 ………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
4. เทคนิคท่ีผูปกครองควรทําในการสื่อสารกับเด็กสมาธิสั้นใน ขั้นตอนท่ี 4 การสื่อสารเพื่อสรางกติกา
และเงื่อนไข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
5. เทคนิคท่ผี ปู กครองควรทาํ ในการสอื่ สารกับเด็กสมาธสิ ั้นใน ขั้นตอนที่ 5 การชมเชย (Affirmation)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
55
ใบความรู้ 2.2.1
ปัญหาการสอ่ื สารในเด็กสมาธิส้นั ทพี่ บบอ่ ย
การมีสมาธิ คือ การมีความต้ังใจหรือมุงหมั้นกับการกระทําสิ่งใดส่ิงหนึ่ง การทําใหใจสงบแนวแนไม
ฟุงซาน การมีจิตกําหนดแนวแนอยูในสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยเฉพาะ การมีสมาธิน้ันจึงเกิดจากการต้ังเปาหมายท่ีมี
ระยะเวลาในการทํากิจกรรมใหเสร็จที่ชัดเจน ซึ่งในเด็กท่ีมีปญหาสมาธิส้ันสามารถสรางสมาธิใหแกเด็กไดดวย
การกาํ หนดงานใหเด็กทํา โดยเปนงานที่ไมยาก เชน การใหวาดรูปใหเสร็จภายใน 10 นาที การกําหนดเวลาใน
การทาํ การบานใหแลวเสรจ็ ที่ละขอ เปนตน
การส่ือสารในเด็กสมาธิสั้นเปนการสรางสมาธิใหแกเด็ก ไมควรเปนการขัดสมาธิเด็ก โดยปกติ
ผูปกครองมักจะมีปญหาการสื่อสารกับเด็กสมาธิสั้น ซึ่งเปนการส่ือสารที่ทําลายสมาธิเด็กเม่ือเด็กแสดง
พฤตกิ รรมดงั ตอไปนี้
1. การหาม เมื่อเด็กซน ไมน ่ิง ยุกยิก ชอบปน ปาย เลน อันตราย หรือสง เสยี งดงั รบกวน
คําพูดทีผ่ ปู กครองใชคือ การหาม มักจะขนึ้ ตน ดว ยคําวา “อยา..” หรอื “ระวงั ...” ซึง่ การทีแ่ มส่ัง
หรอื หามขณะที่ลกู มสี มาธิกบั กิจกรรมใดกิจกรรมหนงึ่ ถือวาเปนการขัดขวางสมาธเิ ด็ก
56
2. การใชค ําสัง่ ซ้ํา เมื่ออยากใหเ ด็กทาํ ตามคาํ สงั่ บอกใหทําตาม หรือใหท ําในส่งิ ท่ี
ผปู กครองตอ งการ ขณะที่เดก็ กําลังทาํ กจิ กรรมและมสี มาธจิ ดจอกบั ส่งิ ใดสง่ิ หนง่ึ อยู เชน ดูทีวี
วาดรปู เลนของเลน เลน เกม ฯ ผปู กครองจะใชค าํ พดู ยาํ้ ๆ ซ้ําคําสงั่ เดิม และเพิ่มระดับเสียงดงั ขนึ้
เรอ่ื ยๆ จนถึงขั้นตะโกนใสเ ด็ก และเดก็ ก็มกั จะโตต อบดว ยคําพดู วา “เดีย๋ วกอน” หรอื ไมเ งยี บไม
โตตอบ สงผลใหผ ูป กครองมีอารมณหงุดหงิด มองวา เปนเด็กดื้อไมเชื่อฟง คาํ ส่ัง
ซึ่งเปนการสื่อสารที่ผูปกครองแสดงออกมาอาจเปนการขัดขวางสมาธิของเด็ก และอาจสงผลเสียตอ
พฤติกรรมทางดานสมาธิของเดก็ ในระยะยาว
57
ใบความรู้ 2.2.2
เทคนิคการสอื่ สารท่ีเหมาะสมสาํ หรบั เด็กสมาธสิ ้นั
ข้ันตอนที่ 1. การสอ่ื สารเพ่อื ความจริงจัง
เพ่ือลดการใชโทนเสียงดังและการพูดซ้ํา ยํ้า โดยไมเกิดอะไรขึ้น ใหเปล่ียนรูปแบบการสื่อสารแบบ
Passive คือ ผูปกครองน่ังอยูกับที่แลวพูดคุยกับเด็ก เปนแบบ Active คือ การเดินเขาหาเด็กเพ่ือเกิดความ
จริงจงั และเมอื่ ถงึ ตวั เด็กใหส มั ผัสตวั เด็ก หรอื เรยี กชอ่ื เด็กใหร ูตวั
ข้นั ตอนที่ 2. การสื่อสารเพ่ือการประเมนิ ความพรอ ม
เมื่อเด็กรูตัวแลว อยารีบใชคําส่ังหรือบอกใหเด็กทําตามเพราะจะเปนการทําลายสมาธิเด็กขณะท่ีเขา
ทํากิจกรรมยังไมเสร็จ โดยเริ่มจากการพูดคุยถึงเร่ืองราว หรือรายละเอียดของกิจกรรมท่ีเด็กกําลังมีสมาธิอยู
หรอื ทาํ กิจกรรมที่ตอเนอ่ื งอยูน้นั เปนการสรางสัมพันธภาพ รวมถึงความรูสึกไดรับความใสใจ และความสําคัญ
ในกิจกรรมท่ีทําท่ีไดรับจากผูปกครอง คําพูดสําคัญในข้ันตอนนี้ ท่ีจะสงตอไปยังการส่ือสารข้ันตอนตอไป คือ
“เสรจ็ จากนี้ เราจะทําอะไรตอ”
58
ข้นั ตอนท่ี 3 การส่ือสารฝกการตัดสนิ ใจ
เปนสิ่งท่ีจะทําตอเน่ืองจากกิจกรรมท่ีสรางสมาธิจนเสร็จแลว มีเปาหมายหรือกิจกรรมกรรมอะไรทํา
ตอไปอีก เปนการฝกใหเด็กคิดเช่ือมโยงกิจกรรมในปจจุบันไปยังกิจกรรมในอนาคต มีการสื่อสารยอย 3
รปู แบบ คือ
รูปแบบท่ี 1 คําถามปลายปด จะเปนการใชคําส่ังของผูปกครองใหเด็กทําตาม ถึงแมจะเปนคําส่ังแตก็
ยงั เปดโอกาสใหเ ดก็ ตดั สินใจได โดยใชค าํ วา “ไดห รือไม” เชน ถา เสรจ็ แลว แมอยากใหลูกไปอาบนาํ้ ไดไ หมลูก?
รูปแบบที่ 2 คําถามที่มี 2 ตัวเลือก จะเปนการสื่อสารแบบมีทางเลือกใหเด็กไดตัดสินใจทําดวยตัวเอง
เชน “เสรจ็ จากน้ลี ูกจะไปอาบน้ําหรือวาทานขาวกอน? เปนการใหเด็กไดตัดสินใจทําภารกิจไหนกอนหลัง หรือ
การตดั สินใจเลือกทีจ่ ะทาํ เพียงอยางเดียว เชน “ลกู จะทานขาวผดั หรือวา กวยเตี๋ยว?”
59
รปู แบบท่ี 3 คําถามปลายเปด เปนการสื่อสารใหเด็กไดคิดดวยตัวเอง เชน “เสร็จจากน้ีลูกจะทําอะไร
ดี? หรือ “ลูกอยากทานขาวกับอะไร?” วิธีนี้จะเปนการฝกใหเด็กไดใชสมองคิดและตัดสินใจเองเปนวิธีการ
สอื่ สารทีด่ ที ีส่ ุด
60
ขัน้ ตอนที่ 4 การสื่อสารเพื่อสรางกตกิ าและเงือ่ นไข
ประกอบดวยการกําหนดแผน ระยะเวลา ความรับผิดชอบ รูปแบบการกํากับวินัย การกระตุนแรงจูง
อยางสม่ําเสมอ และการกาํ หนดเปา หมายท่ชี ัดเจน
โดยใชห ลักการและเทคนคิ ทางจติ วิทยา การใหรางวลั การงดรางวลั การฝก ทาํ ตารางกิจกรรมในแตละ
วัน บนั ทึกขอตกลงรว มกนั มาบูรณาการในการฝกเด็กใหท าํ ตามเงื่อนไข
ตวั อยา งเชน การสรางเง่อื นไขโดยใชก ารดทู วี ี หรือเลนเกมมาเปนส่ิงจูงใจ โดยกาํ หนดให
- กอ นดทู ีวหี รือเลนเกมจะตอ งทาํ การบานใหเ สรจ็ อาบนาํ้ หรือทานขาว ถงึ จะไดเลน เกม
- ระยะเวลาในการเลนเกมครั้งละ 1 ช่วั โมง
- กาํ หนดขอ ตกลง ถา เลนตามกําหนดระยะเวลาท่ตี กลงกนั และควบคมุ ตัวเองใหเลิกเลนตามกําหนดได
กจ็ ะไดเ ลน ในครั้งตอไป หรอื ไดเ ลนทกุ วัน แตถาไมสามารถควบคุมตัวเองไดผูปกครองตองบอกใหเลิกเลน หรือ
เลยเวลาไปจากท่ีตกลงกนั ก็จะถกู งดเลน 1 ครงั้ หรือ 1 วนั
61
ขัน้ ตอนท่ี 5 การชมเชย (Affirmation)
หลักการสื่อสารเม่ือทํากิจกรรมสําเร็จตามการตัดสินใจของเด็ก และเง่ือนไขที่ตกลงรวมกัน โดยมี
องคประกอบของการชมดังนี้
1. ใชค าํ พดู ชื่นชมเดก็ เม่ือทาํ สําเร็จ เชน เกง มาก ดมี าก สุดยอด เพ่ือสรางแรงจงู ใหเด็กอยากทาํ
พฤติกรรมนั้นอีก
2. บอกพฤตกิ รรมทเ่ี ดก็ ทาํ ไดสาํ เร็จเปนรูปธรรม เชน ทําการบานเสร็จ รักษาเวลาในการเลนเกม หรือ
วาดรปู สวย ตอ เลโกเปน รูปปราสาทฯ
ตัวอยางคาํ ชมเชย เชน ลูกเกง มากท่ีทาํ การบานจนเสรจ็ , ลกู เปน คนที่รักษาคาํ พูด และรักษาเวลาไดดี
เยี่ยมเลย
62
แผนการสอนหน่วยที่ 2 เวลา 40 นาที
เรอ่ื ง 2.3 การใชก ิจกรรมทีเ่ ปน เร่อื งราวตอเนอื่ ง (Story) มาฝกสมาธิและทํา
ภารกิจใหส าํ เร็จ
ความคดิ รวบยอด
เม่ือผูปกครองสามารถสื่อสารกับเด็กไดอยางเหมาะสมแลว ก็จะทําใหงายตอการสรางเงื่อนไขและ
ขอตกลงรวมกัน โดยใชส่ิงที่เด็กตองการ หรือส่ิงท่ีชอบ มากําหนดเปาหมายและกระตุนแรงจูงใจการการทํา
ตามขอ ตกลงนั้นใหสําเรจ็ ตามเปา หมายไดโ ดยงา ย
พฤติกรรมซน ไมนงิ่ ของเดก็ เปนการเคลอ่ื นไหวทไี่ มม เี ปาหมายหรือไมม ีจดุ สน้ิ สุด ในการลดพฤติกรรม
ไมน ิง่ ดวยการบอก หรือบงั คับใหเ ด็กหยุดดวยคําพดู หรือการหามนั้นมักจะไมไดผล ย่ิงจะทําใหเด็กตอตานและ
มีพลังในการเคล่ือนไหวเพ่ิมมากขึ้นไปอีก การออกแบบกิจกรรมที่สอดคลองกับการเคล่ือนไหวของเด็กใหชวย
พอในการทํากิจกรรมนอกบาน (Outdoor) เชน ทําสวน รดน้ําตนไม หรือเลนกีฬา หรือชวยแมในบาน เชน
ทําอาหาร กวาดบา น จัดหอ งนอน เปน ตน กจ็ ะทาํ ใหลดพฤตกิ รรมไมนง่ิ ได
สิ่งสาํ คัญทจ่ี ะชว ยใหเด็กเกิดสมาธไิ ดน ้นั กค็ ือการทีเ่ ด็กไดทาํ กจิ กรรมที่เด็กชอบ หรอื ท่ีไดรับมอบหมาย
ไดต ามขั้นตอน เชอ่ื มโยงและตอเนอื่ ง และมรี ะยะเวลาทีก่ าํ หนดชัดเจน จนสําเร็จ รวมไปถึงการวิเคราะหระดับ
ความยาก งา ยของกระบวนงาน โดยใชกิจกรรมที่มีขั้นตอนสั้นๆ ไมยุงยาก และสามารถทําสําเร็จไดงายๆ มาก
ฝกปรับพฤตกิ รรมเพอ่ื สรา งสมาธิใหสม่ําเสมอ แลวคอยๆ เพิ่มระดับความยากท่ีละนิด จนกวาเด็กจะปรับตัวได
และมสี มาธิทํากิจกรรมไดน านกวาเดมิ
จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม
1. ผปู กครองสามารถสรางแรงจงู ใจจากส่ิงท่ีเด็กตอ งการ หรือสิ่งทีเด็กชอบมาใชในการสรางเง่ือนไขได
เหมาะสม
2. ผูปกครองสามารถออกแบบกิจกรรมท่ีเปนรูปธรรมเพื่อสรางเปนเง่ือนไข และขอตกลงรวมกับเด็ก
ใหสามารถทาํ ตามข้นั ตอนจนสาํ เรจ็ ได
เน้ ือหา
1. การคนหาแรงจูงใจ สิ่งที่เด็กชอบ มากําหนดเปนเปาหมายในการปรบั พฤติกรรมเด็ก
2. การออกแบบกจิ กรรมที่มีเปาหมายชัดเจนเพ่ือสรางสมาธแิ ละวนิ ัยในเดก็ สมาธสิ ้นั
3. วเิ คราะหกระบวนงาน และออกแบบกิจกรรมที่มีความเช่ือมโยง ตอเน่ืองจนเสร็จส้ินกระบวนการท่ี
เหมาะสมกับเด็กสมาธสิ ัน้ ได
63
กิจกรรมการเรยี นการสอน เวลาทใ่ี ช้ สอ่ื ทใ่ี ช้
(นาท)ี - Power point
ลาํ ดบั กิจกรรม
5 - Power point
1 วิทยากรสอบถามผูป กครอง “เวลาท่ีผูปกครองจะหากิจกรรมในการ - ใบความรู 2.3
ฝกสมาธิลูก กิจกรรมไหนท่ีสรางสมาธิลูก ที่ทําใหลูกมีสมาธิกับ 10 - VDO 9
กิจกรรมน้ันนานๆ และลูกมีสวนรวมในการทํากิจกรรมนั้นจนจบ - ใบงาน 2.3
กระบวนการ มกี จิ กรรมอะไรบาง” 15
10
2 วิทยากรใหผูปกครอง ยกตัวอยางกิจกรรมในการฝกสรางสมาธิลูก
และใหผูปกครองคาดการเวลาท่ีใชในการทํากิจกรรมนั้นๆ วามี
ระยะเวลายาวนานเทาไหร
3 วิทยากรใหผูปกครองดู VDO 9 การออกแบบกิจกรรมเพื่อ
ฝกวนิ ัยของเด็กสมาธิส้นั ในชัน้ เรียน
4 ใหผ ูปกครองทาํ ใบงาน การวเิ คราะหข ้นั ตอนและกระบวนการของ
กิจกรรม (Process Analysis) โดยยกตัวอยางกจิ กรรมที่มี
กระบวนการทีค่ ลายกบั VDO
การประเมินผล
การสอบถามผูปกครองถึงความเขาใจตอการใชกิจกรรมท่ีเปนเร่ืองราวตอเน่ือง(Story) มาฝกสมาธิ
และทําภารกิจใหสําเรจ็
64
ใบงาน 2.3
การวิเคราะหข์ ้นั ตอนและกระบวนการของกิจกรรม (Process Analysis)
ชอื่ กิจกรรม
จาํ นวน ขั้นตอน
ขน้ั ตอนท่ี 1
ข้ันตอนท่ี 2
ขนั้ ตอนท่ี 3
ข้ันตอนท่ี 4
ขั้นตอนท่ี 5
ข้ันตอนที่ 6
ขั้นตอนที่....
ขน้ั ตอนท่ี....
ขนั้ ตอนสุดทาย
65
ใบความรู้ 2.3
การใชก้ ิจกรรมท่ีเป็ นเรอื่ งราวตอ่ เนื่อง (Story) มาฝึ กสมาธิและทาํ ภารกิจใหส้ าํ เรจ็
เมื่อผูปกครองสามารถสื่อสารกับเด็กไดอยางเหมาะสมแลว ก็จะทําใหงายตอการสรางเงื่อนไขและ
ขอตกลงรวมกัน โดยใชส่ิงท่ีเด็กตองการ หรือสิ่งที่ชอบ มากําหนดเปาหมายและกระตุนแรงจูงใจการการทํา
ตามขอ ตกลงนั้นใหสาํ เร็จตามเปา หมายไดโดยงา ย
พฤตกิ รรมซน ไมน ิง่ ของเด็ก เปน การเคลอ่ื นไหวทไี่ มม เี ปา หมายหรือไมมจี ุดสนิ้ สุด ในการลดพฤติกรรม
ไมนงิ่ ดว ยการบอก หรือบงั คับใหเด็กหยุดดวยคําพดู หรือการหามน้ันมักจะไมไดผล ยิ่งจะทําใหเด็กตอตานและ
มพี ลังในการเคล่ือนไหวเพิ่มมากขึ้นไปอีก การออกแบบกิจกรรมท่ีสอดคลองกับการเคล่ือนไหวของเด็ก โดยให
ชว ยคณุ พอ ในการทํากิจกรรมนอกบาน (Outdoor) เชน ทําสวน รดน้ําตนไม หรือเลนกีฬา หรือชวยคุณแมทํา
กิจกรรมในบา น เชน ทาํ อาหาร กวาดบาน จัดหองนอน เปน ตน กจ็ ะทาํ ใหล ดพฤติกรรมไมน งิ่ ได
ส่งิ สาํ คัญที่จะชว ยใหเ ด็กเกดิ สมาธไิ ดน้นั ก็คือการทเ่ี ด็กไดท ํากจิ กรรมที่เด็กชอบ หรือท่ีไดรับมอบหมาย
ไดตามขั้นตอนเช่ือมโยงและตอเนื่อง และมีระยะเวลาท่ีกําหนดชัดเจนจนสําเร็จ รวมไปถึงการวิเคราะหระดับ
ความยาก งายของกระบวนงาน โดยใชกิจกรรมท่ีมีขั้นตอนสั้นๆ ไมยุงยาก และสามารถทําสําเร็จไดงายๆ มา
ฝกปรับพฤติกรรมเพ่ือสรางสมาธิใหสมํ่าเสมอ แลวคอยๆ เพ่ิมระดับความยากที่ละนิดจนกวาเด็กจะปรับตัวได
และมสี มาธิทาํ กจิ กรรมไดน านกวา เดมิ
ตวั อยา่ งการวิเคราะหข์ ้นั ตอนและกระบวนการของกิจกรรม (Process Analysis)
ข้นั ตอน ภาพที่จะใส่
-ใชค วามตองการของเด็กมาสรา งกจิ กรรมเพ่ือใหเ กิด ฉากทบ่ี าน แมนง่ั อยกู ับลกู ที่หองนงั่ เลน
แรงจูงใจในการทาํ กิจกรรม โดยหวั ใจของกิจกรรม คือ ลูก : แมค รบั ? เทยี่ งน้ีแมทาํ กับขาวอะไรกนิ ครบั ?
ใหเ ด็กทาํ กจิ กรรมดวยการมสี วนรว ม
ผมอยากกนิ แซนดว ิชไสปูอัดอะครบั
แม : วันนน้ี องตนอยากกนิ แซนดว ิชไสปูอดั หรอ
งัน้ เรามาชวยกนั ทาํ กินแซนดว ชิ ไสปอู ัดกันไหม
ลูก : ไดครบั แม
-วิเคราะหข น้ั ตอนและกระบวนการทาํ กจิ กรรมรวมกบั ฉากท่บี า น แมน ั่งอยูกับลูกท่ีหอ งนั่งเลน
ลูก แม : นอ งตน คิดวา แซนดว ชิ ไสป ูอดั มสี ว นผสมไรบา งครบั
ลกู : อือ! ขนมปง กับปอู ัดครับ
แม : แลวนองตนจะใสแครอท กับมายองเนส ไหมครับ
ลูก : ใสค รับ
แม : เราจะไปซื้อของกันทไี่ หนดี
ลกู : มินมิ าทหนา ปากซอยครบั
66
ข้นั ตอน ภาพท่ีจะใส่
- ฝกกระบวนการตดั สินใจดวยการเลือกและ ฉากทไี่ ปซือ้ ของท่มี นิ ิมาท
เปรยี บเทยี บ แม : นองตนเลือกขนมปง ดูสิครับ จะซ้ือขนมปงแบบ
ธรรมดาหรอื โฮลวที
ลกู : เอาแบบธรรมดาครบั
แม : ทําไม? นอ งตนถงึ จะซ้ือขนมปงแบบธรรมดา
ครบั
ลกู : มนั อรอยกวาแบบโฮลวที ครับ
- การวางแผน ทําตามข้ันตอน ท่ีไดวิเคราะหไว โดย แม : กอ นอน่ื นําอปุ กรณมาเตรยี มกอ นเลย
สอนผา นกระบวนการลงมอื ปฏิบตั โิ ดยมีผูป กครองเปน ลูก : ครบั
พ่ีเลย้ี ง แม : กอ นอื่นนองตน ตอ งฉีกปอู ดั เปนเสนๆ
ลกู : *นองตนทําตามท่ีแมบอก
แม : หลังจากนน้ั นอ งตน ตองตักสว นผสมไสป ูอดั ลง
ตรงกลางแผนขนมปง
- ผูปกครองคอยเฝาระวังความเส่ียงที่เกิดขึ้นจาก แม : ตัดแซนดว ชิ ดว ยมดี ออกเปน 2 ชิน้ ตนดูแมทํา
กิจกรรม
กอนนะครบั
ฉาก แมทาํ ใหด ู
ฉาก แมจ บั มือตน ทํา
ฉาก ตนทาํ เองคนเดยี ว
ทํากิจกรรมจนเสร็จเปนการสรา งสมาธิแกเ ด็ก ฉากห่นั เสร็จแลว
และเดก็ จะมีความภาคภูมใิ จในตวั เอง แม : นองตนเอาจานมาใสด ีไหมครบั
ลกู : *นองตน เดินไปหยบิ จานมาใสแ ซนวสิ
นาํ ไปไวท โี่ ตะอาหาร
- ผูปกครองชมเชยเด็ก ทําใหเด็กภูมิใจ และสงผลตอ ฉากนงั่ โตะ กนิ ขาวแลว กําลงั นง่ั กินกนั
การทําซ้าํ ของเด็กในครง้ั ตอๆไป
แม : วนั นลี้ ูกเกงจังเลย ท่ีทําแซนดวชิ ไสปอู ัด
ใหพ อกิน อรอ ยมากเลย
ฉากตนยิม้ ดว ยความภูมิใจ
67
หลักสูตร
ฝกอบรมผูปกครองในการคัดกรอง
และปรบั พฤติกรรมเดก็ ทีม่ อี าการสมาธสิ ้นั