The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรฝึกอบรมผู้ปกครอง ADHD

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Chanatda Poowichai, 2020-12-11 23:35:09

หลักสูตรฝึกอบรมผู้ปกครอง ADHD

หลักสูตรฝึกอบรมผู้ปกครอง ADHD

ระดบั 2 รุนแรงปานกลาง (Moderate) เรม่ิ มีการแสดงออกทางพฤติกรรมกาวรา ว

ตวั อยาง
• ทางคําพดู รองใหอาละวาด เสียงดงั พูดคําหยาบ ดาทอ (verbal aggressive)
• ทางภาษากาย เชน กํามือแนน กาํ หมัด กดั ฟน แตย งั ไมถึงข้นั ท่ที าํ ลายส่ิงของ หรือทาํ รายผูอ ื่น

ระดบั 3 รุนแรงมาก (Severe) ไมส ามารถควบคุมอารมณได

ตวั อยา ง
• การทําลายวตั ถุ ส่งิ ของไดรบั ความเสียหาย
• ทํารา ยผอู ่นื ดว ยอวยั วะ เชน หมดั เทา ปากกดั จนไปถงึ การใชอ ปุ กรณ หรือสง่ิ ทีส่ ามารถเปน อาวุธทาํ

รา ยผูอนื่ ได
• ทํารา ยตัวเอง

47

ใบความรู้ 2.1.2

เทคนิควิธีการจดั การปัญหาพฤตกิ รรมทางอารมณ์
และฝึ กทกั ษะการควบคมุ อารมณเ์ ดก็ สมาธสิ ้นั

1. พฤตกิ รรมอยูใ่ นระดบั รุนแรงนอ้ ย (Mild)

เทคนิคการจัดการพฤตกิ รรม
1.1 ถา เด็กยังมเี หตุผลอยใู หกําหนดเงอื่ นไขหรือขอ ตกลงรวมกันกบั เด็ก โดยใหเ ด็กทาํ

กจิ กรรมหรือรอคอยในระยะเวลาทช่ี ัดเจน หรือมกี ารกําหนดเง่อื นเวลาใหเ ด็กทาํ กิจกรรม เชน ทาํ
การบา นใหเสร็จ 2 ขอ จะใหทานขนม เปน ตน

48

1.2 ถาเด็กเร่ิมไมมีเหตุผลไมสามารถกําหนดเง่ือนไขหรือขอตกลงรวมกันกับเด็กได ใหพอแมทําตาม
กระบวนการ ดงั ตอไปน้ี

• ใหพ อ แมผ ูปกครองหลกี เล่ยี งการพดู โตเถยี ง หรอื ใชค าํ พดู สั่งสอนเดก็ เพราะจะทาํ ใหเด็กมี
อารมณรุนแรงขึ้นไปอีก

• ถามใี ครเปนผูข ัดแยง หรือกระตุนอารมณเ ด็ก กใ็ หแยกคนนัน้ รวมทงั้ คนอ่ืนๆ ออกหา งจากตัวเด็ก
• หรืออาจอยกู บั เด็กก็ไดดว ยการทาํ งานหรอื กจิ กรรมของผปู กครองตามปกติโดยไมส นใจเด็กใหง ด
การสงเสยี งพดู คุย การสงั่ สอน หรอื การปลอบเด็ก รวมท้ังการมองหรือการกระตนุ ดวยภาษากายอ่ืนๆ โดย
ปลอ ยใหเด็กอยตู ามลําพงั เพิกเฉยไมส นใจจนกวาเด็กจะลดพฤติกรรมทางอารมณ และควบคุมอารมณได

49

2. พฤตกิ รรมอยูใ่ นระดบั รุนแรงปานกลาง (Moderate)

เทคนิคการจัดการพฤตกิ รรม
1. ขนั้ บอกอารมณ (Emotional naming) ใหพ ูดถงึ พฤติกรรมหรืออารมณทีเ่ กดิ ขึ้น

โดยไมตองกลาวโทษหรอื ตําหนิ ถงึ ตวั เด็กวาเปนเด็กไมดีหรอื นสิ ยั ไมด ีใหบอก “ลกู กาํ ลงั หงุดหงดิ
หรือกาํ ลงั โกรธโมโหอยู”

2. ข้ันกําหนดเง่ือนไข (Conditioning) โดยบอกวา “เราจะยังไมพูดกันขณะอารมณเปน
แบบนี้ รอใหล กู ควบคมุ อารมณไดพอแมถ ึงจะคยุ กับลูก”

3. ขั้นเพิกเฉย (Ignoring) ใหงดการกระตุนดวยคําพูด ไมสบตา หรือหันไปมองเด็ก ปลอยใหเด็กอยู
ตามลาํ พัง หรือพอ แมผปู กครองเดนิ หนอี อกจากสถานการณน น้ั

4. ข้ันควบคุมอารมณ (Calm down) ใหรอคอยจนกวาเด็กจะควบคุมอารมณไดดวยตัวเองเมื่อเด็ก
ไมไ ดร ับความสนใจ ไมถูกกระตุน อารมณต อ เน่อื งจากสถานการณ หรอื คนท่ีขัดใจเดก็

50

5. ขั้นประเมินอารมณและช่ืนชม (Affirmation) เม่ือควบคุมอารมณไดสําเร็จ เมื่อเด็กมีอารมณดีหรือ
ควบคุมอารมณตัวเองไดแลว ใหเดินเขาหา แลวบอกอารมณเด็ก “ลูกอารมณดีแลวใชไหม?” ถาเด็กตอบวา
อารมณด ีแลว ให ใหพ ดู คยุ กับเดก็ ดวยนา้ํ เสียงปกติ และช่นื ชมเดก็ ทีส่ ามารถควบคุมอารมณไ ด

51

3. พฤตกิ รรมรุนแรงระดบั รุนแรงมาก (Severe)

เทคนคิ การจดั การพฤตกิ รรม
1.ใหพอแมหรือผูท่ีสามารถควบคุมเด็กได เขาควบคุมพฤติกรรมเด็กทันทีเพื่อไมใหเกิดความรุนแรง
โดยใหก ันผูอน่ื ทีก่ ระตุน อารมณเด็กออกหา ง หรือเดินหนจี ากสถานการณน น้ั ไปกอน
2.อาจใชวธิ ีการจับลอ คตวั เด็กในทาท่ไี มอนั ตราย* (Physical Restrain)
3.ถาไมสามารถควบคุมไดก็อาจพิจารณาใชผา**มัดมือเด็กไวแทนการใชเชือกที่จะทําอันตรายตอเด็ก
ได แลว พาเด็กไปอยูในหอ ง หรือบรเิ วณที่สงบ รอจนกวา จะควบคมุ อารมณได (Time out) ถึงปลอยใหเด็กเปน
อิสระ และเร่ิมตกลงกติกา หรือเงอื่ นไขกันใหมกับส่งิ ทีเ่ ดก็ ตองการ

หมายเหตุ:
* ทาท่ีล็อคท่ีไมอันตราย คือ ทาท่ีไมทําท่ีสามารถควบคุมเด็กไดแลวไมทําใหเกิดการบาดเจ็บ คือ มีคนล็อค
มากกวา 1 คนข้นึ เชน คนแรกจบั มือ อีกคนน่งั จบั ขา เปนตน
** ลักษณะผา ตอ งนมิ่ ไมท ําใหเด็กไดร ับบาดเจ็บหรือเปนรอยบริเวณท่มี ดั

52

แผนการสอนหน่วยที่ 2

เร่อื ง 2.2 การสื่อสารเพอ่ื สรางเงอื่ นไขและขอ ตกลงใหเกิดความรวมมือในการ เวลา 1 ชั่วโมง
ปรบั พฤตกิ รรม 20 นาที

ความคดิ รวบยอด

เมื่อเด็กอยูในสภาวะปกติไมมีปญหาทางอารมณ หรืออยูในสภาพท่ีสามารถควบคุมอารมณอยางสงบ
ไดแลว ส่ิงสําคัญตามมาก็คือการส่ือสาร พูดคุยกับเด็กเพ่ือกําหนดเง่ือนไขและขอตกลงรวมกัน ใหสามารถ
ยอมรับ และการทาํ ตามขอตกลงและรวมมอื ในการปรบั พฤติกรรมไดอยา งเหมาะสม

จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม

1. พอ แมผ ูปกครองสามารถวิเคราะหการสือ่ สารที่เปนอปุ สรรคในการปรบั พฤติกรรมเด็กได
2. พอ แมผ ปู กครองมีความรู และมีทักษะในการสอื่ สารกับเดก็ สมาธิสั้นทเี่ หมาะสมได

เน้ ือหา

1. การสื่อสารท่ีกระตุนอารมณแ ละเปน อปุ สรรคในการปรับพฤติกรรม
2. ขนั้ ตอนการสื่อสารสําหรบั เด็กสมาธสิ ั้น

กิจกรรมการเรียนการสอน เวลาที่ใช้
(นาที)
ลาํ ดบั กิจกรรม สื่อที่ใช้
- Power point
1 วิทยากรสอบถามผปู กครอง “เหตุการณเ หลา น้เี คยเกิดขนึ้ 5 - ใบความรู 2.2.1
- VDO 7
ในชวี ิตประจาํ วนั ของทานไหม” ใหผูปกครองอภิปราย “มี
เหตุการณอยา งอน่ื อีกไหม ลกั ษณะการพูดเปน อยางไร - VDO 8
ระยะทางการส่ือสารเปน อยางไร” และใหผ ูป กครองดู VDO - .ใบงาน 2.2
7 ปญ หาการสอ่ื สารในเด็กสมาธสิ นั้ ที่พบบอ ย - ใบความรู 2.2.2
2 วทิ ยากรใหผูปกครองดู VDO 8 เทคนคิ การสอ่ื สารที่ 5 - สาธติ ประกอบ
- ใบความรู 2.2.2
เหมาะสมกับเด็กสมาธสิ ัน้ และใบความรู 2.2.2 แลว ให
ผูปกครองทําใบงาน 2.2 เทคนคิ การสอื่ สารสาํ หรบั เด็กสมาธิ
สน้ั
3 วิทยากรใหผ เู ขาอบรมจบั คูในการฝกปฏบิ ัติการส่ือสาร ทีละ 40
ข้นั ตอนจนครบ 5 ขั้นตอน

53

ลาํ ดบั กิจกรรม เวลาท่ีใช้ สื่อที่ใช้
4 วิทยากรสอบถามกลุมเพื่ออภิปรายเพม่ิ เติม และสรุป (นาที)
ประเดน็ สาํ คัญในการส่ือสาร
2

การประเมินผล

การสอบถามผูปกครองถึงความเขาใจตอปญหาการสื่อสารในเด็กสมาธิสั้นท่ีพบบอย และเทคนิคการ
สอ่ื สารทีเ่ หมาะสมสาํ หรบั เด็กสมาธิส้นั

54

ใบงาน 2.2

เทคนิคการสอื่ สารสาํ หรบั เดก็ สมาธิสน้ั

เหตกุ ารณ/เรอ่ื งราว……………………………………………………………………
1. เทคนคิ ที่ผูป กครองควรทาํ ในการสื่อสารกบั เด็กสมาธสิ น้ั ใน ข้นั ตอนที่ 1 การส่ือสารเพื่อความจริงจงั
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. เทคนคิ ทผี่ ปู กครองควรทําในการส่ือสารกับเดก็ สมาธสิ ้นั ใน ข้นั ตอนที่ 2 การส่อื สารเพื่อการประเมนิ ความ
พรอ ม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. เทคนิคท่ผี ปู กครองควรทาํ ในการส่อื สารกบั เดก็ สมาธิสนั้ ใน ขัน้ ตอนที่ 3 การส่อื สารฝก การดั สินใจ

รปู แบบที่ 1 ………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

รปู แบบที่ 2 ………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

รูปแบบท่ี 3 ………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
4. เทคนิคท่ีผูปกครองควรทําในการสื่อสารกับเด็กสมาธิสั้นใน ขั้นตอนท่ี 4 การสื่อสารเพื่อสรางกติกา
และเงื่อนไข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
5. เทคนิคท่ผี ปู กครองควรทาํ ในการสอื่ สารกับเด็กสมาธสิ ั้นใน ขั้นตอนที่ 5 การชมเชย (Affirmation)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

55

ใบความรู้ 2.2.1

ปัญหาการสอ่ื สารในเด็กสมาธิส้นั ทพี่ บบอ่ ย

การมีสมาธิ คือ การมีความต้ังใจหรือมุงหมั้นกับการกระทําสิ่งใดส่ิงหนึ่ง การทําใหใจสงบแนวแนไม
ฟุงซาน การมีจิตกําหนดแนวแนอยูในสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยเฉพาะ การมีสมาธิน้ันจึงเกิดจากการต้ังเปาหมายท่ีมี
ระยะเวลาในการทํากิจกรรมใหเสร็จที่ชัดเจน ซึ่งในเด็กท่ีมีปญหาสมาธิส้ันสามารถสรางสมาธิใหแกเด็กไดดวย
การกาํ หนดงานใหเด็กทํา โดยเปนงานที่ไมยาก เชน การใหวาดรูปใหเสร็จภายใน 10 นาที การกําหนดเวลาใน
การทาํ การบานใหแลวเสรจ็ ที่ละขอ เปนตน

การส่ือสารในเด็กสมาธิสั้นเปนการสรางสมาธิใหแกเด็ก ไมควรเปนการขัดสมาธิเด็ก โดยปกติ
ผูปกครองมักจะมีปญหาการสื่อสารกับเด็กสมาธิสั้น ซึ่งเปนการส่ือสารที่ทําลายสมาธิเด็กเม่ือเด็กแสดง
พฤตกิ รรมดงั ตอไปนี้

1. การหาม เมื่อเด็กซน ไมน ่ิง ยุกยิก ชอบปน ปาย เลน อันตราย หรือสง เสยี งดงั รบกวน
คําพูดทีผ่ ปู กครองใชคือ การหาม มักจะขนึ้ ตน ดว ยคําวา “อยา..” หรอื “ระวงั ...” ซึง่ การทีแ่ มส่ัง
หรอื หามขณะที่ลกู มสี มาธิกบั กิจกรรมใดกิจกรรมหนงึ่ ถือวาเปนการขัดขวางสมาธเิ ด็ก

56

2. การใชค ําสัง่ ซ้ํา เมื่ออยากใหเ ด็กทาํ ตามคาํ สงั่ บอกใหทําตาม หรือใหท ําในส่งิ ท่ี
ผปู กครองตอ งการ ขณะที่เดก็ กําลังทาํ กจิ กรรมและมสี มาธจิ ดจอกบั ส่งิ ใดสง่ิ หนง่ึ อยู เชน ดูทีวี
วาดรปู เลนของเลน เลน เกม ฯ ผปู กครองจะใชค าํ พดู ยาํ้ ๆ ซ้ําคําสงั่ เดิม และเพิ่มระดับเสียงดงั ขนึ้
เรอ่ื ยๆ จนถึงขั้นตะโกนใสเ ด็ก และเดก็ ก็มกั จะโตต อบดว ยคําพดู วา “เดีย๋ วกอน” หรอื ไมเ งยี บไม
โตตอบ สงผลใหผ ูป กครองมีอารมณหงุดหงิด มองวา เปนเด็กดื้อไมเชื่อฟง คาํ ส่ัง

ซึ่งเปนการสื่อสารที่ผูปกครองแสดงออกมาอาจเปนการขัดขวางสมาธิของเด็ก และอาจสงผลเสียตอ
พฤติกรรมทางดานสมาธิของเดก็ ในระยะยาว

57

ใบความรู้ 2.2.2

เทคนิคการสอื่ สารท่ีเหมาะสมสาํ หรบั เด็กสมาธสิ ้นั

ข้ันตอนที่ 1. การสอ่ื สารเพ่อื ความจริงจัง
เพ่ือลดการใชโทนเสียงดังและการพูดซ้ํา ยํ้า โดยไมเกิดอะไรขึ้น ใหเปล่ียนรูปแบบการสื่อสารแบบ

Passive คือ ผูปกครองน่ังอยูกับที่แลวพูดคุยกับเด็ก เปนแบบ Active คือ การเดินเขาหาเด็กเพ่ือเกิดความ
จริงจงั และเมอื่ ถงึ ตวั เด็กใหส มั ผัสตวั เด็ก หรอื เรยี กชอ่ื เด็กใหร ูตวั

ข้นั ตอนที่ 2. การสื่อสารเพ่ือการประเมนิ ความพรอ ม
เมื่อเด็กรูตัวแลว อยารีบใชคําส่ังหรือบอกใหเด็กทําตามเพราะจะเปนการทําลายสมาธิเด็กขณะท่ีเขา

ทํากิจกรรมยังไมเสร็จ โดยเริ่มจากการพูดคุยถึงเร่ืองราว หรือรายละเอียดของกิจกรรมท่ีเด็กกําลังมีสมาธิอยู
หรอื ทาํ กิจกรรมที่ตอเนอ่ื งอยูน้นั เปนการสรางสัมพันธภาพ รวมถึงความรูสึกไดรับความใสใจ และความสําคัญ
ในกิจกรรมท่ีทําท่ีไดรับจากผูปกครอง คําพูดสําคัญในข้ันตอนนี้ ท่ีจะสงตอไปยังการส่ือสารข้ันตอนตอไป คือ
“เสรจ็ จากนี้ เราจะทําอะไรตอ”

58

ข้นั ตอนท่ี 3 การส่ือสารฝกการตัดสนิ ใจ
เปนสิ่งท่ีจะทําตอเน่ืองจากกิจกรรมท่ีสรางสมาธิจนเสร็จแลว มีเปาหมายหรือกิจกรรมกรรมอะไรทํา

ตอไปอีก เปนการฝกใหเด็กคิดเช่ือมโยงกิจกรรมในปจจุบันไปยังกิจกรรมในอนาคต มีการสื่อสารยอย 3
รปู แบบ คือ

รูปแบบท่ี 1 คําถามปลายปด จะเปนการใชคําส่ังของผูปกครองใหเด็กทําตาม ถึงแมจะเปนคําส่ังแตก็
ยงั เปดโอกาสใหเ ดก็ ตดั สินใจได โดยใชค าํ วา “ไดห รือไม” เชน ถา เสรจ็ แลว แมอยากใหลูกไปอาบนาํ้ ไดไ หมลูก?

รูปแบบที่ 2 คําถามที่มี 2 ตัวเลือก จะเปนการสื่อสารแบบมีทางเลือกใหเด็กไดตัดสินใจทําดวยตัวเอง
เชน “เสรจ็ จากน้ลี ูกจะไปอาบน้ําหรือวาทานขาวกอน? เปนการใหเด็กไดตัดสินใจทําภารกิจไหนกอนหลัง หรือ
การตดั สินใจเลือกทีจ่ ะทาํ เพียงอยางเดียว เชน “ลกู จะทานขาวผดั หรือวา กวยเตี๋ยว?”

59

รปู แบบท่ี 3 คําถามปลายเปด เปนการสื่อสารใหเด็กไดคิดดวยตัวเอง เชน “เสร็จจากน้ีลูกจะทําอะไร
ดี? หรือ “ลูกอยากทานขาวกับอะไร?” วิธีนี้จะเปนการฝกใหเด็กไดใชสมองคิดและตัดสินใจเองเปนวิธีการ
สอื่ สารทีด่ ที ีส่ ุด

60

ขัน้ ตอนที่ 4 การสื่อสารเพื่อสรางกตกิ าและเงือ่ นไข
ประกอบดวยการกําหนดแผน ระยะเวลา ความรับผิดชอบ รูปแบบการกํากับวินัย การกระตุนแรงจูง

อยางสม่ําเสมอ และการกาํ หนดเปา หมายท่ชี ัดเจน
โดยใชห ลักการและเทคนคิ ทางจติ วิทยา การใหรางวลั การงดรางวลั การฝก ทาํ ตารางกิจกรรมในแตละ

วัน บนั ทึกขอตกลงรว มกนั มาบูรณาการในการฝกเด็กใหท าํ ตามเงื่อนไข
ตวั อยา งเชน การสรางเง่อื นไขโดยใชก ารดทู วี ี หรือเลนเกมมาเปนส่ิงจูงใจ โดยกาํ หนดให
- กอ นดทู ีวหี รือเลนเกมจะตอ งทาํ การบานใหเ สรจ็ อาบนาํ้ หรือทานขาว ถงึ จะไดเลน เกม
- ระยะเวลาในการเลนเกมครั้งละ 1 ช่วั โมง
- กาํ หนดขอ ตกลง ถา เลนตามกําหนดระยะเวลาท่ตี กลงกนั และควบคมุ ตัวเองใหเลิกเลนตามกําหนดได

กจ็ ะไดเ ลน ในครั้งตอไป หรอื ไดเ ลนทกุ วัน แตถาไมสามารถควบคุมตัวเองไดผูปกครองตองบอกใหเลิกเลน หรือ
เลยเวลาไปจากท่ีตกลงกนั ก็จะถกู งดเลน 1 ครงั้ หรือ 1 วนั

61

ขัน้ ตอนท่ี 5 การชมเชย (Affirmation)
หลักการสื่อสารเม่ือทํากิจกรรมสําเร็จตามการตัดสินใจของเด็ก และเง่ือนไขที่ตกลงรวมกัน โดยมี

องคประกอบของการชมดังนี้
1. ใชค าํ พดู ชื่นชมเดก็ เม่ือทาํ สําเร็จ เชน เกง มาก ดมี าก สุดยอด เพ่ือสรางแรงจงู ใหเด็กอยากทาํ

พฤติกรรมนั้นอีก
2. บอกพฤตกิ รรมทเ่ี ดก็ ทาํ ไดสาํ เร็จเปนรูปธรรม เชน ทําการบานเสร็จ รักษาเวลาในการเลนเกม หรือ

วาดรปู สวย ตอ เลโกเปน รูปปราสาทฯ
ตัวอยางคาํ ชมเชย เชน ลูกเกง มากท่ีทาํ การบานจนเสรจ็ , ลกู เปน คนที่รักษาคาํ พูด และรักษาเวลาไดดี

เยี่ยมเลย

62

แผนการสอนหน่วยที่ 2 เวลา 40 นาที

เรอ่ื ง 2.3 การใชก ิจกรรมทีเ่ ปน เร่อื งราวตอเนอื่ ง (Story) มาฝกสมาธิและทํา
ภารกิจใหส าํ เร็จ

ความคดิ รวบยอด

เม่ือผูปกครองสามารถสื่อสารกับเด็กไดอยางเหมาะสมแลว ก็จะทําใหงายตอการสรางเงื่อนไขและ
ขอตกลงรวมกัน โดยใชส่ิงที่เด็กตองการ หรือส่ิงท่ีชอบ มากําหนดเปาหมายและกระตุนแรงจูงใจการการทํา
ตามขอ ตกลงนั้นใหสําเรจ็ ตามเปา หมายไดโ ดยงา ย

พฤติกรรมซน ไมนงิ่ ของเดก็ เปนการเคลอ่ื นไหวทไี่ มม เี ปาหมายหรือไมม ีจดุ สน้ิ สุด ในการลดพฤติกรรม
ไมน ิง่ ดวยการบอก หรือบงั คับใหเ ด็กหยุดดวยคําพดู หรือการหามนั้นมักจะไมไดผล ย่ิงจะทําใหเด็กตอตานและ
มีพลังในการเคล่ือนไหวเพ่ิมมากขึ้นไปอีก การออกแบบกิจกรรมที่สอดคลองกับการเคล่ือนไหวของเด็กใหชวย
พอในการทํากิจกรรมนอกบาน (Outdoor) เชน ทําสวน รดน้ําตนไม หรือเลนกีฬา หรือชวยแมในบาน เชน
ทําอาหาร กวาดบา น จัดหอ งนอน เปน ตน กจ็ ะทาํ ใหลดพฤตกิ รรมไมนง่ิ ได

สิ่งสาํ คัญทจ่ี ะชว ยใหเด็กเกิดสมาธไิ ดน ้นั กค็ ือการทีเ่ ด็กไดทาํ กจิ กรรมที่เด็กชอบ หรอื ท่ีไดรับมอบหมาย
ไดต ามขั้นตอน เชอ่ื มโยงและตอเนอื่ ง และมรี ะยะเวลาทีก่ าํ หนดชัดเจน จนสําเร็จ รวมไปถึงการวิเคราะหระดับ
ความยาก งา ยของกระบวนงาน โดยใชกิจกรรมที่มีขั้นตอนสั้นๆ ไมยุงยาก และสามารถทําสําเร็จไดงายๆ มาก
ฝกปรับพฤตกิ รรมเพอ่ื สรา งสมาธิใหสม่ําเสมอ แลวคอยๆ เพิ่มระดับความยากท่ีละนิด จนกวาเด็กจะปรับตัวได
และมสี มาธิทํากิจกรรมไดน านกวาเดมิ

จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม

1. ผปู กครองสามารถสรางแรงจงู ใจจากส่ิงท่ีเด็กตอ งการ หรือสิ่งทีเด็กชอบมาใชในการสรางเง่ือนไขได
เหมาะสม

2. ผูปกครองสามารถออกแบบกิจกรรมท่ีเปนรูปธรรมเพื่อสรางเปนเง่ือนไข และขอตกลงรวมกับเด็ก
ใหสามารถทาํ ตามข้นั ตอนจนสาํ เรจ็ ได

เน้ ือหา

1. การคนหาแรงจูงใจ สิ่งที่เด็กชอบ มากําหนดเปนเปาหมายในการปรบั พฤติกรรมเด็ก
2. การออกแบบกจิ กรรมที่มีเปาหมายชัดเจนเพ่ือสรางสมาธแิ ละวนิ ัยในเดก็ สมาธสิ ้นั
3. วเิ คราะหกระบวนงาน และออกแบบกิจกรรมที่มีความเช่ือมโยง ตอเน่ืองจนเสร็จส้ินกระบวนการท่ี
เหมาะสมกับเด็กสมาธสิ ัน้ ได

63

กิจกรรมการเรยี นการสอน เวลาทใ่ี ช้ สอ่ื ทใ่ี ช้
(นาท)ี - Power point
ลาํ ดบั กิจกรรม
5 - Power point
1 วิทยากรสอบถามผูป กครอง “เวลาท่ีผูปกครองจะหากิจกรรมในการ - ใบความรู 2.3
ฝกสมาธิลูก กิจกรรมไหนท่ีสรางสมาธิลูก ที่ทําใหลูกมีสมาธิกับ 10 - VDO 9
กิจกรรมน้ันนานๆ และลูกมีสวนรวมในการทํากิจกรรมนั้นจนจบ - ใบงาน 2.3
กระบวนการ มกี จิ กรรมอะไรบาง” 15
10
2 วิทยากรใหผูปกครอง ยกตัวอยางกิจกรรมในการฝกสรางสมาธิลูก
และใหผูปกครองคาดการเวลาท่ีใชในการทํากิจกรรมนั้นๆ วามี
ระยะเวลายาวนานเทาไหร

3 วิทยากรใหผูปกครองดู VDO 9 การออกแบบกิจกรรมเพื่อ
ฝกวนิ ัยของเด็กสมาธิส้นั ในชัน้ เรียน

4 ใหผ ูปกครองทาํ ใบงาน การวเิ คราะหข ้นั ตอนและกระบวนการของ
กิจกรรม (Process Analysis) โดยยกตัวอยางกจิ กรรมที่มี
กระบวนการทีค่ ลายกบั VDO

การประเมินผล

การสอบถามผูปกครองถึงความเขาใจตอการใชกิจกรรมท่ีเปนเร่ืองราวตอเน่ือง(Story) มาฝกสมาธิ
และทําภารกิจใหสําเรจ็

64

ใบงาน 2.3

การวิเคราะหข์ ้นั ตอนและกระบวนการของกิจกรรม (Process Analysis)

ชอื่ กิจกรรม
จาํ นวน ขั้นตอน
ขน้ั ตอนท่ี 1
ข้ันตอนท่ี 2
ขนั้ ตอนท่ี 3
ข้ันตอนท่ี 4
ขั้นตอนท่ี 5
ข้ันตอนที่ 6
ขั้นตอนที่....
ขน้ั ตอนท่ี....
ขนั้ ตอนสุดทาย

65

ใบความรู้ 2.3

การใชก้ ิจกรรมท่ีเป็ นเรอื่ งราวตอ่ เนื่อง (Story) มาฝึ กสมาธิและทาํ ภารกิจใหส้ าํ เรจ็

เมื่อผูปกครองสามารถสื่อสารกับเด็กไดอยางเหมาะสมแลว ก็จะทําใหงายตอการสรางเงื่อนไขและ
ขอตกลงรวมกัน โดยใชส่ิงท่ีเด็กตองการ หรือสิ่งที่ชอบ มากําหนดเปาหมายและกระตุนแรงจูงใจการการทํา
ตามขอ ตกลงนั้นใหสาํ เร็จตามเปา หมายไดโดยงา ย

พฤตกิ รรมซน ไมน ิง่ ของเด็ก เปน การเคลอ่ื นไหวทไี่ มม เี ปา หมายหรือไมมจี ุดสนิ้ สุด ในการลดพฤติกรรม
ไมนงิ่ ดว ยการบอก หรือบงั คับใหเด็กหยุดดวยคําพดู หรือการหามน้ันมักจะไมไดผล ยิ่งจะทําใหเด็กตอตานและ
มพี ลังในการเคล่ือนไหวเพิ่มมากขึ้นไปอีก การออกแบบกิจกรรมท่ีสอดคลองกับการเคล่ือนไหวของเด็ก โดยให
ชว ยคณุ พอ ในการทํากิจกรรมนอกบาน (Outdoor) เชน ทําสวน รดน้ําตนไม หรือเลนกีฬา หรือชวยคุณแมทํา
กิจกรรมในบา น เชน ทาํ อาหาร กวาดบาน จัดหองนอน เปน ตน กจ็ ะทาํ ใหล ดพฤติกรรมไมน งิ่ ได

ส่งิ สาํ คัญที่จะชว ยใหเ ด็กเกดิ สมาธไิ ดน้นั ก็คือการทเ่ี ด็กไดท ํากจิ กรรมที่เด็กชอบ หรือท่ีไดรับมอบหมาย
ไดตามขั้นตอนเช่ือมโยงและตอเนื่อง และมีระยะเวลาท่ีกําหนดชัดเจนจนสําเร็จ รวมไปถึงการวิเคราะหระดับ
ความยาก งายของกระบวนงาน โดยใชกิจกรรมท่ีมีขั้นตอนสั้นๆ ไมยุงยาก และสามารถทําสําเร็จไดงายๆ มา
ฝกปรับพฤติกรรมเพ่ือสรางสมาธิใหสมํ่าเสมอ แลวคอยๆ เพ่ิมระดับความยากที่ละนิดจนกวาเด็กจะปรับตัวได
และมสี มาธิทาํ กจิ กรรมไดน านกวา เดมิ

ตวั อยา่ งการวิเคราะหข์ ้นั ตอนและกระบวนการของกิจกรรม (Process Analysis)

ข้นั ตอน ภาพที่จะใส่

-ใชค วามตองการของเด็กมาสรา งกจิ กรรมเพ่ือใหเ กิด ฉากทบ่ี าน แมนง่ั อยกู ับลกู ที่หองนงั่ เลน
แรงจูงใจในการทาํ กิจกรรม โดยหวั ใจของกิจกรรม คือ ลูก : แมค รบั ? เทยี่ งน้ีแมทาํ กับขาวอะไรกนิ ครบั ?
ใหเ ด็กทาํ กจิ กรรมดวยการมสี วนรว ม
ผมอยากกนิ แซนดว ิชไสปูอัดอะครบั
แม : วันนน้ี องตนอยากกนิ แซนดว ิชไสปูอดั หรอ

งัน้ เรามาชวยกนั ทาํ กินแซนดว ชิ ไสปอู ัดกันไหม
ลูก : ไดครบั แม

-วิเคราะหข น้ั ตอนและกระบวนการทาํ กจิ กรรมรวมกบั ฉากท่บี า น แมน ั่งอยูกับลูกท่ีหอ งนั่งเลน
ลูก แม : นอ งตน คิดวา แซนดว ชิ ไสป ูอดั มสี ว นผสมไรบา งครบั

ลกู : อือ! ขนมปง กับปอู ัดครับ

แม : แลวนองตนจะใสแครอท กับมายองเนส ไหมครับ

ลูก : ใสค รับ

แม : เราจะไปซื้อของกันทไี่ หนดี

ลกู : มินมิ าทหนา ปากซอยครบั

66

ข้นั ตอน ภาพท่ีจะใส่

- ฝกกระบวนการตดั สินใจดวยการเลือกและ ฉากทไี่ ปซือ้ ของท่มี นิ ิมาท
เปรยี บเทยี บ แม : นองตนเลือกขนมปง ดูสิครับ จะซ้ือขนมปงแบบ

ธรรมดาหรอื โฮลวที
ลกู : เอาแบบธรรมดาครบั

แม : ทําไม? นอ งตนถงึ จะซ้ือขนมปงแบบธรรมดา

ครบั
ลกู : มนั อรอยกวาแบบโฮลวที ครับ

- การวางแผน ทําตามข้ันตอน ท่ีไดวิเคราะหไว โดย แม : กอ นอน่ื นําอปุ กรณมาเตรยี มกอ นเลย
สอนผา นกระบวนการลงมอื ปฏิบตั โิ ดยมีผูป กครองเปน ลูก : ครบั
พ่ีเลย้ี ง แม : กอ นอื่นนองตน ตอ งฉีกปอู ดั เปนเสนๆ

ลกู : *นองตนทําตามท่ีแมบอก

แม : หลังจากนน้ั นอ งตน ตองตักสว นผสมไสป ูอดั ลง

ตรงกลางแผนขนมปง
- ผูปกครองคอยเฝาระวังความเส่ียงที่เกิดขึ้นจาก แม : ตัดแซนดว ชิ ดว ยมดี ออกเปน 2 ชิน้ ตนดูแมทํา
กิจกรรม
กอนนะครบั
ฉาก แมทาํ ใหด ู
ฉาก แมจ บั มือตน ทํา
ฉาก ตนทาํ เองคนเดยี ว

ทํากิจกรรมจนเสร็จเปนการสรา งสมาธิแกเ ด็ก ฉากห่นั เสร็จแลว

และเดก็ จะมีความภาคภูมใิ จในตวั เอง แม : นองตนเอาจานมาใสด ีไหมครบั

ลกู : *นองตน เดินไปหยบิ จานมาใสแ ซนวสิ
นาํ ไปไวท โี่ ตะอาหาร

- ผูปกครองชมเชยเด็ก ทําใหเด็กภูมิใจ และสงผลตอ ฉากนงั่ โตะ กนิ ขาวแลว กําลงั นง่ั กินกนั
การทําซ้าํ ของเด็กในครง้ั ตอๆไป
แม : วนั นลี้ ูกเกงจังเลย ท่ีทําแซนดวชิ ไสปอู ัด

ใหพ อกิน อรอ ยมากเลย

ฉากตนยิม้ ดว ยความภูมิใจ

67

หลักสูตร

ฝกอบรมผูปกครองในการคัดกรอง
และปรบั พฤติกรรมเดก็ ทีม่ อี าการสมาธสิ ้นั


Click to View FlipBook Version