แบบวดั เจตคติ ดา้ นการเมอื งไทย
นางสาวสุกานดา ไชยรตั น์
รหัสนักศึกษา 6221148006
การสร้างแบบวดั เจตคติตามวธิ ีคิดของลิเคิร์ทและออสกดู
แบบวดั เจตคติของนิสิตต่อการเมืองไทย
โดย
นางสาวสุกานดา ไชยรัตน์
รหสั นกั ศึกษา 6221148006 เลขท่ี 6 หมู่เรียน D13
สาขาการวดั ประเมินและวิจยั ทางการศึกษา
รายงานเล่มน้ีเป็นส่วนหน่ึงของวชิ าเครื่องมือท่ีใชใ้ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลเพื่อการวิจยั
ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2562
มหาวิทยาลยั ราชภฏั บา้ นสมเดจ็ เจา้ พระยา
คานา
รายงานเล่มน้ีจดั ทาข้ึนเพ่ือเป็นส่วนหน่ึงของวชิ าเคร่ืองมือที่ใชก้ ารเกบ็ รวบรวมชอ้ มูลเพื่อการิจยั
ช้นั ปี ท่ี2 เพอื่ ใหไ้ ดฝ้ ึ กเขียนแบบวดั เจตคติในรูปแบบต่างๆ ภายในรูปเล่มรายงานจะประกอบดว้ ย
ข้นั ตอนวธิ ีการสร้างการวดั เจตคติ การสร้างแบบวดั เจตคติ 3 รูปแบบ ไดแ้ ก่ ลิเคิร์ท ออสกดู
และเทอร์สโตน การตรวจสอบความสอดคลอ้ ง ดา้ นเน้ือหา (LOC)
การวเิ คราะห์ค่าความสอดคลอ้ งดา้ นเน้ือหา (LOC) การวเิ คราะห์เพือ่ หาค่าเฉล่ีย ส่วนเบ่ียงเบน
มาตรฐาน การหาค่าความแปรปรวนค่าสัมประสิทธ์ิ Alpha และการหาค่าอานาจจาแนกรายขอ้ t-test
for Independent ของแบบวดั เจตคติของลิเคอร์ท และออสกดู สรุปผลการดาเนินการ
ตวั อยา่ งแบบวดั เจตคติที่นาไป ทดลองกบั กลุ่มตวั อยา่ ง และแบบสมั ภาษณ์
ผจู้ ดั ทาหวงั วา่ ยงานเล่มน้ีจะเป็นประโยชนก์ บั ผอู้ ่าน หรือนกั เรีย นกั ศึกษา ท่ีกาลงั หาขอ้ มูลเรื่องน้ีอยู่
หากมีขอ้ แนะนาหรือขอ้ ผดิ พลาดประการใด ผจู้ ดั ทาขอ้ อภยั มา ณ ท่ีน้ีดว้ ย
นางสาวสุกานดา ไชยรัตน์
ผจู้ ดั ทา
สารบญั หนา้
1
เร่ือง 2
6
แบบวดั เจตคติ 11
-ลิเคิอร์ท 17
-ออสกดู
ข้นั ตอนการสร้างแบบวดั เจตคติ 30
-การสร้างแบบวดั เจตคติ 15 ขอ้
-ลิเคิอร์ท
แบบประเมนิ ค่าความสอดคลอ้ ง
-ลิเคิอร์ท
แบบวเิ คราะห์คา่ ความสอดคลอ้ ง IOC
-ลิเคิอร์ท
แบบวดั เจตคตริ ูปแบบลเิ คริ ์ท
-การวเิ คราะห์เพื่อหาคา่ เฉลี่ย
-คา่ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและค่าความแปรปรวน
-คา่ สมั ประสิทธ์ิ Alpha
-วเิ คราะห์อานาจจาแนก
สรุปผลการดาเนนิ งาน
แบบวดั เจตคตทิ นี่ าไปทดสอบกบั กลุ่มตวั อย่าง 31
แบบวดั เจตคตริ ูปแบบออสกูด 40
แบบประเมนิ ค่าความสอดคล้อง 44
แบบประเมนิ ความสอดคล้อง 51
-ความแปรปรวน
ค่าอานาจจาแนก 72
สรุปผลการดาเนนิ งาน
-ออสกดู 73
นาไปทดสอบกบั กล่มุ ตวั อย่าง 82
ภาคผนวก
แบบวดั เจตคติ
แบบวดั เจตคติเป็นเครื่องมือท่ีใชใ้ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลเพื่อการวจิ ยั แบบวดั เจตคติวดั พฤติกรรม
ทางการศึกษาดา้ นจิตพสิ ัย และ ซ่ึงมีลกั ษณะเป็นมาตรประมาณคา่ มีลกั ษณะ รูปแบบ และวธิ ีการสร้างที่
แตกตา่ งกนั ตามแนวคิดของแต่ละคน การสร้างแบบวดั เจตคติจาเป็ นที่จะตอ้ งศึกษาวธิ ีการสร้างใหเ้ ขา้ ใจโดย
ละเอียด จึงจะทาใหไ้ ดเ้ คร่ืองมือท่ีใชใ้ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลที่ถูกตอ้ งและเหมาะสม
ความหมายของเจตคติ
เจตคติ ตรงกบั ภาษาองั กฤษวา่ Attitude หมายถึง ความโนม้ เอียง ความเหมาะสม มีผใู้ ชค้ าอื่นใน
ความหมายเดียวกนั เช่น ทศั นคติ หรือ เจตนคติ ซ่ึงมีนกั การศึกษาและนกั จิตวทิ ยา ไดน้ ิยามหรือจากดั ความ
พอสรุปไดด้ งั น้ี เจตคติพฤติกรรมหรือความรู้สึกทางดา้ นจิตใจของบุคลท่ีมีต่อสิ่งเร้าหรือสิ่งใดส่ิงหน่ึงในทาง
สังคม รวมถึงเป็นความรู้สึกท่ีเกิดจากการเรียนรู้เก่ียวกบั สิ่งเร้าหรือเกี่ยวกบั ประสบการณ์ในเร่ืองใดเรื่องหน่ึง
และ แสดงออกมาเป็ นเชิงบวกหรือลบต่อส่ิงน้นั
การสร้างแบบวดั เจตคติ
แบบวดั เจตคติ (Attitude Test) เป็นแบบมาตรประมาณคา่ ลกั ษณะหน่ึงที่ใชว้ ดั เจตคติเป็ นเคร่ืองมือท่ีใช้
วดั เจตคติหรือความเชื่อของแตล่ ะบุคล มีวธิ ีการสร้างที่แตกต่างกนั โดยมีความเชื่อเกี่ยวกบั เจตคติ (Attitude)
วา่ เป็นสภาพการแสดงออกของจิตใจในการตอบสนองของส่ิงหน่ึงส่ิงใด เช่น ความรู้สึกชอบ ไม่ชอบ ความรู้สึก
เช่ือในส่ิงต่างๆ เป็ นตน้ ซ่ึงเจตคติน้นั เป็นลกั ษณะนามธรรม เป็นการแสดงออกท่ีค่อนขา้ งซบั ซอ้ น ยากแก่การ
วดั โดยตรง แต่สามารถที่จะวดั โดยออ้ มโดยวดั ความคิดเห็นของบุคลเหล่าน้นั แทน และใชค้ วามคิดเห็นน้นั เป็น
เครื่องช้ีในการวดั เจตคติ และ การใชค้ วามคิดเห็นเป็ นตวั อยา่ งการบง่ ช้ีใหเ้ ห็นถึงเจตคติของแต่ละบุคลน้นั
อาจจะทาใหเ้ กิดความคลาดเคล่ือนข้ึนถา้ บุคลน้นั แสดงความคิดเห็นไม่ตรงตามความรู้สึก ที่แทจ้ ริงออกมา
การสร้างแบบวดั เจตคติ ไดม้ ีผเู้ สนอและวธิ ีการสร้างแบบวดั เจตคติไวห้ ลายวธิ ีดว้ ยกนั ในที่น้ีจะขอ
กล่าวถึง 3 วธิ ีท่ีนิยมกนั มากไดแ้ ก่ แบบวดั เจตคติของลิเคอร์ท(Likert’s Scale) แบบวดั เจตคติโดยใช้
ความหมายทางภาษาของออสกดู (Osgood’s Semantic Differential Technique) และ แบบวดั เจคติของ
เทอร์สโตน(Thrustone’s Scale)
1.แบบวดั เจตคติตามรูปแบบของลเิ คอร์ท(Likert’s Scale)
แนวคิดของลิเคอร์ทเกี่ยวกบั การวดั เจคติน้ีเป็นวธิ ีที่หาค่าความเชื่อมนั่ ไดส้ ูงกวา่ วธิ ีอ่ืนตลอดจนสามารถวดั
เจตคติไดก้ วา้ งขวางกวา่ วธิ ีอื่น (วริ ัช วรรณรัตน์,2532, น. 21) ในการถามความรู้สึกหรือเจคคติเก่ียวกบั เร่ืองใด
เรื่องหน่ึงน้นั ท าไดโ้ ดยการสร้างขอ้ ความในเรื่องน้นั ๆ ใหบ้ ุคคลพิจารณาหรือหาคา่ ของมาตรวดั
โดยใหพ้ จิ ารณา เห็นดว้ ย หรือ ไม่เห็นดว้ ยต่อขอ้ ความน้นั แตล่ ะขอ้ ความจะแบง่ มาตรวดั ออกเป็ น 5 ช่วง
คือ เห็นดว้ ยอยา่ งยงิ่ เห็นดว้ ย ไมแ่ น่ใจ ไม่เห็นดว้ ย และ ไม่เห็นดว้ ยอยา่ งยง่ิ
และหลงั จากผตู้ อบไดพ้ ิจารณาแลว้ จะนาคาตอบน้นั มา ใหน้ ้าหนกั (ปัจจุบนั มกั ก
าหนดคา่ น้าหนกั ในแตล่ ะขอ้ ความเป็น (1-2-3-4-5)
ข้นั ตอนการสร้างแบบทดสอบ
การสร้างแบบวดั เจตคติตามรูปแบบของลิเคอร์ท(Likert’s Scale)
เทคนิคการสร้างแบบวดั เจตคติของลิเคอร์ทน้นั ประกอบดว้ ยหลกั การสร้างคือ
ข้นั ที่ 1 กาหนดตวั แปรหรือเจตคติท่ีจะวดั ใหช้ ดั เจน
โดยพจิ ารณาจากกรอบแนวคิดการวจิ ยั วา่ ตวั แปรเจตคติมีองคป์ ระกอบอะไรบา้ ง
ข้นั ท่ี 2 ศึกษาเอกสารและงานวจิ ยั ท่ีเก่ียวขอ้ ง และนิยมศพั ทเ์ ฉพาะ
กาหนดเป็นนิยามศพั ทเ์ ฉพาะที่นามาสร้างเป็นเคร่ืองมือได้ มีองคป์ ระกอบหรือคุณลกั ษณะอยา่ งไร
ข้นั ท่ี 3 เขียนขอ้ ความท่ีเกี่ยวขอ้ ง โดยขอ้ ความเหล่าน้นั จะเป็นท้งั ในทางท่ีดีหรือทางบวก และ
ทางที่ไม่ดี หรือ ทางลบ
ข้นั ท่ี 4 ตรวจสอบขอ้ ความที่สร้างข้ึนดว้ ยตนเอง โดยการพิจารณาความชดั เจนของภาษา ความเหมาะสม
ข้นั ที่ 5 กาหนดตวั เลือกและค่าน้าหนกั ของคะแนน เช่น เห็นดว้ ย ไม่แน่ใจ ไมเ่ ห็นดว้ ย ไม่เห็น ดว้ ยอยา่ งยงิ่
ข้นั ที่ 6 นาขอ้ ความที่คดั เลือกมาเรียบเรียงเป็นแบบวดั เจตคติ มีคาช้ีแจงในการตอบแบบวดั เจตคติใหช้ ดั เจน
ข้นั ท่ี 7 ตรวจสอบความเที่ยงตรง นาขอ้ ความวดั เจตคติไปใหผ้ เู้ ชี่ยวชาญพิจารณาและตดั ขอ้ ความออก
ข้นั ที่ 8 นาแบบวดั เจตคติไปทดลองหาคา่ อานาจจาแนกรายขอ้ เปรียบเทียบกลุ่มสูงกลุ่มต่าดว้ ยการทดสอบคา่ ที
(t-test) เลือกต้งั แต่ 1.75 ข้ึนไป
ข้นั ท่ี 9 หาคุณภาพรวมท้งั ฉบบั โดยหาค่าความเชื่อมนั่ หาค่าสมั ประสิทธ์ิแอลฟาตามวธิ ีของครอนบาช ควรมีค่า
ความเช่ือมนั่ สูง ระหวา่ ง 0.80-1.00
ข้นั ที่ 10 จดั พมิ พแ์ บบวดั เจตคติตามวธิ ีการของลิเคอร์ทใหส้ วยงาม
การสร้างแบบวดั เจตคติตามรูปแบบของลิเคอร์ท
เร่ือง แบบสอบถามวดั เจตคติของนกั ศึกษามหาวทิ ยาลยั ราชภฏั บา้ นสมเด็จเจา้ พระยาต่อการเมืองไทย
วตั ถุประสงค์
เเบบวดั เจตคติน้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พือ่ เก็บรวบรวมขอ้ มูลและศึกษาเจตคติของนกั ศึกษา
มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั บา้ นสมเด็จเจา้ พระยาตอ่ การเมืองไทย
ข้นั ท่ี 1 กาหนดตวั แปรหรือเจตคติที่จะวดั ใหช้ ดั เจน
เจตคติของนกั ศึกษามหาวทิ ยาลยั ราชภฏั บา้ นสมเด็จเจา้ พระยาตอ่ การเมืองไทย
1.ตวั แปรอิสระ
1.1 ชื่อ – สกุล
1.2 เพศ
1.3 ช้นั ปี
1.4 คณะ
1.5 สาขา
1.6 หลกั สูตร
2.ตวั แปรตาม
2.1 เจตคติต่อการเมืองไทย
ข้นั ที่ 2 ศึกษาเอกสารและงานวจิ ยั ท่ีเกี่ยวขอ้ ง และนิยมศพั ทเ์ ฉพาะ
1.เจตคติ หมายถึง พฤติกรรมหรือความรู้สึกทางดา้ นจิตใจของบุคคลท่ีมีต่อสิ่งใดส่ิงหน่ึง
รวมท้งั เป็ นความรู้สึกที่เกิดจากการเรียนรู้เก่ียวกบั สิ่งเร้าหรือเกี่ยวกบั ประสบการณืในเร่ืองใดเรื่องหน่ึงแลว้ แสดง
ออกมาเป็ นเชิงบวกหรือเชิงลบตอ่ สิ่งน้นั
2.เจตคติต่อการเมืองไทย หมายถึง ความรู้สึกที่มีต่อการเมืองไทย หรือ
ความคิดเห็นท่ีนกั ศึกษาที่มีต่อการเมืองไทย
ข้นั ท่ี 3 เขียนขอ้ ความที่เก่ียวขอ้ ง
สร้างขอ้ ความใหค้ รอบคลุมคุณลกั ษณะที่สาคญั ๆ
ของส่ิงที่จะศึกษาใหค้ รบถว้ นทุกแง่มุมตอ้ งมีท้งั ขอ้ ความท่ีเป็นทางบวกทางลบ
ขอ้ ความที่เป็ นทางบวก ขอ้ ความท่ีเป็ นทางลบ
1. การเมืองไทยมีบุคคลเป็นผมู้ ีอิทธิพล 1. การเมืองไทยในปัจจุบนั แยม่ ากถึงมากท่ีสุด
2. การเมืองไทยในปัจจุบนั มีประสิทธิภาพมาก 2. การเมืองไทยเป็ นเร่ืองท่ีไร้สาระมากๆ
3. การเมืองไทยทาใหค้ นสามคั คีกนั 3. ขา้ พเจา้ มีความวิตกกงั วลสูงในเร่ืองของการเมือง
4.ขา้ พเจา้ ไดม้ ีส่วนร่วมในสถานการณ์ทางการเมือ 4. สวสั ดิการของการเมืองไทยไมม่ ีประสิทธิภาพ
ง
5.การเมืองไทยทาใหป้ ระชาชนปองดองกนั 5.
การเมืองเป็นท่ีทาใหข้ า้ พเจา้ ไม่ประสบความสาเร็จในชีวิ
ต
6.การเมืองไทยมีสมาชิกที่มีการศึกษาสูง 6. การเมืองไทยทาใหป้ ระชาชนทะเลาะกนั
7.การเมืองไทยทาใหป้ ระชาชนรักกนั 7.การเมืองไทยชอบกดข่ีขม่ เหงประชาชน
8.การเมืองไทยมีผนู้ าท่ีไร้การศึกษา
ข้นั ท่ี 4 ตรวจสอบขอ้ ความท่ีสร้างข้ึนดว้ ยตนเอง โดยการพจิ ารณาความชดั เจนของภาษา ความเหมาะสม
ข้นั ท่ี 5 กาหนดตวั เลือกและค่าน้าหนกั ของคะแนน
การกาหนดการใหค้ ะแนน โดยให้ 5 4 3 2 1 สาหรับทางบวก และ 1 2 3 4 5 สาหรับทางลบ
แบบวดั เจตคติเลือกใชต้ วั เลือก 5 ตวั เลือก โดยกาหนดการใหค้ ะแนน ดงั น้ี
ความคิดเห็น ขอ้ ความทางบวก ขอ้ ความทางลบ
เห็นดว้ ยอยา่ งยงิ่ 5 1
เห็นดว้ ย 4 2
ไมแ่ น่ใจ 3 3
ไมเ่ ห็นดว้ ย 2 4
ไมเ่ ห็นดว้ ยอยา่ งยงิ่ 1 5
ข้นั ท่ี 6 นาขอ้ ความท่ีคดั เลือกมาเรียบเรียงเป็นแบบวดั เจตคติ
แบบวดั เจตคติดต่อการเมืองไทย
เเบบวดั เจตคติน้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พอื่ เกบ็ นขอ้ มูลในการทาวจิ ยั เรื่อง การเมืองไทย
ดงั น้นั จึงขอความร่วมมือของนกั ศึกษาในการตอบเเบบวดั เจตคติ
ดงั น้นั จึงขอความร่วมมือนกั ศึกษาในการตอบเเบบวดั เจตคติ ตอบทุกขอ้ ทุกข้นั ตอน
ขอความร่วมมือจากนกั ศึกษาดงั น้ี
ตอนที่ 1 ขอ้ มูลทวั่ ไปของนกั ศึกษา
ตอนท่ี 2 เจตคติตอ่ การเมืองไทยของลิเคอร์ท
ตอนที่ 3 เจตคติตอ่ การเมืองไทยของออสกดู
ตอนที่ 4 ขอ้ เสนอเเนะหรือขอ้ คิดเห็นอื่นๆ
ตอนท่ี 1 ขอ้ มูลทว่ั ไปของนกั ศึกษา
คาช้ีแจง : โปรดเลือกคาตอบท่ีตรงกบั นกั ศึกษาเพยี งขอ้ เดียว
ช่ือ-สกุล ……………………………………………….
เพศ
ชาย
หญิง
ช้นั ปี
ช้นั ปี ที่ 1
ชนั้ ปีท่ี 2
ชนั้ ปีท่ี 3
ชนั้ ปีท่ี 4
ชนั้ ปีท่ี 5
คณะ …………………………………………………….
สาขา ……………………………………………………..
ตอนท่ี 2 แบบสอบถามวดั เจตคตขิ องนกั ศกึ ษาตอ่ การเมืองไทย
คาชีแ้ จง โปรดเลือกคาตอบท่ีตรงกบั ความคดิ เหน็ ของท่านมากท่ีสดุ เพียงขอ้ เดียว
โดยมีเกณฑก์ ารใหค้ ะแนนและแปลความหมายดงั นี้
5 หมายถึง มีความคิดเห็นดว้ ยอย่างย่งิ 2 หมายถงึ ไมเ่ หน็ ดว้ ย
4 หมายถงึ มีความคดิ เหน็ ดว้ ย 1 หมายถงึ ไมเ่ ห็นดว้ ยอย่างย่งิ
3 หมายถงึ ไมแ่ นใ่ จ
ขอ้ ท่ี ขอ้ ความ 54321
1 การเมืองไทยในปัจจบุ นั แยม่ ากถงึ มากท่ีสดุ
2 การเมืองไทยมีบคุ คลเป็นผมู้ ีอทิ ธิพล
3 การเมืองไทยในปัจจบุ นั มีประสทิ ธิภาพมาก
4 การเมืองไทยเป็นเร่อื งท่ีไรส้ าระมากๆ
5 ขา้ พเจา้ มีความวิตกกงั วลสงู ในเร่อื งของการเมือง
6 การเมืองไทยทาใหค้ นสามคั คีกนั
7 สวสั ดกิ ารของการเมืองไทยไมม่ ีประสิทธิภาพ
8 ขา้ พเจา้ ไดม้ ีสว่ นรว่ มในสถานการณท์ างการเมือง
9 การเมืองเป็นท่ีทาใหข้ า้ พเจา้ ไมป่ ระสบความสาเรจ็ ในชีวิต
10 การเมืองไทยทาใหป้ ระชาชนปองดองกนั
11 การเมืองไทยทาใหป้ ระชาชนทะเลาะกนั
12 การเมืองไทยชอบกดข่ีขม่ เหงประชาชน
13 การเมืองไทยมีผนู้ าท่ีไรก้ ารศกึ ษา
14 การเมืองไทยมีสมาชกิ ท่ีมีการศกึ ษาสงู
15 การเมืองไทยทาใหป้ ระชาชนรกั กนั
ตอนท่ี 3 ขอ้ เสนอแนะ
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………
แบบประเมินเจตคตทิ ่ีตรวจโดยผเู้ ช่ียวชาญ
เจตคตขิ องนิสิตตอ่ คะแนนความคดิ เห็น ของผเู้ ช่ียวชาญ ∑ แปลผล
การเมืองไทย คนท่ี 1 คนท่ี 2 คนท่ี 3 3 1.00 สอดคลอ้ ง
ขอ้ ท่ี 1 +1 +1 +1 3 1.00 สอดคลอ้ ง
3 1.00 สอดคลอ้ ง
ขอ้ ท่ี 2 +1 +1 +1 3 1.00 สอดคลอ้ ง
3 1.00 สอดคลอ้ ง
ขอ้ ท่ี 3 +1 +1 +1 3 1.00 สอดคลอ้ ง
3 1.00 สอดคลอ้ ง
ขอ้ ท่ี 4 +1 +1 +1 3 1.00 สอดคลอ้ ง
3 1.00 สอดคลอ้ ง
ขอ้ ท่ี 5 +1 +1 +1
ขอ้ ท่ี6 +1 +1 +1
ขอ้ ท่ี 7 +1 +1 +1
ขอ้ ท่ี 8 +1 +1 +1
ขอ้ ท่ี 9 +1 +1 +1
ขอ้ ท่ี 10 +1 +1 +1 3 1.00 สอดคลอ้ ง
ขอ้ ท่ี 11 +1 +1 +1 3 1.00 สอดคลอ้ ง
ขอ้ ท่ี 12 +1 +1 +1 3 1.00 สอดคลอ้ ง
ขอ้ ท่ี 13 +1 +1 +1 3 1.00 สอดคลอ้ ง
ขอ้ ท่ี 14 +1 +1 +1 3 1.00 สอดคลอ้ ง
ขอ้ ท่ี 15 +1 +1 +1 3 1.00 สอดคลอ้ ง
สรุปคา่ เฉล่ียของแบบวดั เจตคติ สว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน ความแปรปรวน
แบบวดั เจตคตติ ามรูปแบบของลเิ คอรท์
คา่ เฉลย่ี ∑
= 1307
28
= 46.68
สว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation: S.D.)
S.D =√ ∑ 2−(∑ )2
( −1)
=√28(62343)−(1307)2
28(28−1)
=√174562084(−2177)08249
=√37359
756
=√49.41
=7.03
ความแปรปรวน (variance : . .2)
. .2 = ∑ 2−(∑ )2
( −1)
= 28(62343)−(1307)2
28(28−1)
= 1745604−1708249
28(27)
= 37355
756
= 49.41
วเิ คราะหห์ าคา่ สมั ประสิทธิอลั ฟา (Alpha Coefficient)
Si2
Si2 = ∑x2 − ∑x 2
N N
ดงั นนั้ จงึ หาทาตารางเพ่ือหาคา่ ตามสตู รดงั นี้
คนท่ี ขอ้ ที่ 1 ขอ้ ที่ 2 ขอ้ ท่ี 3 ขอ้ ท่ี 4 ขอ้ ที่ 5 ขอ้ ที่ 6 ขอ้ ท่ี 7 ขอ้ ท่ี 8 ขอ้ ที่ 9 ขอ้ ที่ 10 ขอ้ ท่ี 11 ขอ้ ที่ 12 ขอ้ ที่ 13 ขอ้ ที่ 14 ขอ้ ท่ี 15 รวม
12 2 32 42 2 62 72 82 92 102 112 1 2 132 142 1 2 2
1 5 25 1 1 3 9 3 9 3 9 3 9 4 16 3 9 4 16 3 9 4 16 4 16 2 4 3 9 3 9 50 2500
44 1936
2 4 16 4 16 3 9 3 9 3 9 3 9 4 16 3 9 3 9 3 9 4 16 4 16 3 9 3 9 3 9 47 2209
49 2401
3 5 25 3 9 1 1 3 9 3 9 1 1 5 25 3 9 3 9 1 1 5 25 5 25 5 25 3 9 1 1 49 2401
51 2601
4 4 16 4 16 3 9 4 16 3 9 3 9 3 9 2 4 3 9 3 9 4 16 4 16 3 9 3 9 3 9 51 2601
59 3481
5 4 16 4 16 3 9 4 16 3 9 3 9 3 9 2 4 3 9 3 9 4 16 4 16 3 9 3 9 3 9 45 2025
43 1849
6 5 25 5 25 1 1 2 4 4 16 4 16 4 16 3 9 3 9 2 4 2 4 4 16 3 9 4 16 4 16 37 1369
42 1764
7 4 16 3 9 1 1 3 9 4 16 3 9 3 9 3 9 3 9 3 9 4 16 4 16 3 9 4 16 3 9 44 1936
33 1089
8 4 16 2 4 2 4 1 1 4 16 5 25 5 25 5 25 4 16 5 25 1 1 5 25 5 25 4 16 5 25 51 2601
45 2025
9 4 16 5 25 1 1 3 9 3 9 1 1 4 16 3 9 3 9 2 4 4 16 3 9 5 25 3 9 3 9 49 2401
37 1369
10 4 16 4 16 3 9 3 9 3 9 1 1 3 9 2 4 4 16 1 1 5 25 4 16 5 25 3 9 1 1 50 2500
49 2401
11 1 1 4 16 3 9 1 1 2 4 1 1 5 25 4 16 1 1 3 9 3 9 5 25 5 25 1 1 1 1 43 1849
53 2809
12 3 9 3 9 3 9 3 9 3 9 2 4 3 9 3 9 2 4 3 9 3 9 2 4 1 1 4 16 3 9 60 3600
53 2809
13 4 16 5 25 1 1 2 4 4 16 1 1 3 9 4 16 3 9 2 4 3 9 3 9 3 9 3 9 2 4 40 1600
33 1089
14 3 3 3 9 4 16 3 9 3 9 3 9 3 9 3 9 3 9 3 9 3 9 3 9 3 9 3 9 3 9 58 3364
42 1764
15 4 16 4 16 4 16 1 1 5 25 4 16 4 16 4 16 2 4 3 9 4 16 4 16 3 9 3 9 4 16
1307 62343
16 3 9 5 25 1 1 2 4 3 9 4 16 3 9 3 9 2 4 4 16 2 4 3 9 3 9 2 4 4 16
17 4 16 4 16 1 1 3 9 4 16 3 9 3 9 3 9 3 9 3 9 3 9 3 9 3 9 3 9 3 9
18 1 1 5 25 1 1 5 25 2 4 1 1 1 1 1 1 2 4 5 25 1 1 1 1 5 25 5 25 1 1
19 4 16 4 16 1 1 2 4 4 16 3 9 4 16 3 9 3 9 3 9 4 16 4 16 4 16 3 9 3 9
20 5 25 5 25 1 1 1 1 5 25 3 9 5 25 4 16 3 9 3 9 3 9 5 25 5 25 3 9 3 9
21 5 25 5 25 1 1 5 25 3 9 1 1 2 4 2 4 2 4 3 9 2 4 5 25 1 1 3 9 3 9
22 5 25 5 25 1 1 1 1 5 25 3 9 5 25 5 25 5 25 2 4 4 16 5 25 5 25 3 9 2 4
23 4 16 4 16 4 16 4 16 4 16 4 16 4 16 4 16 4 16 4 16 4 16 4 16 4 16 4 16 4 16
24 5 25 5 25 1 1 4 16 4 16 4 16 5 25 3 9 4 16 3 9 3 9 5 25 1 1 3 9 3 9
25 5 25 4 16 3 9 4 16 3 9 2 4 3 9 3 9 3 9 2 4 3 9 5 25 1 1 3 9 1 1
26 3 9 3 9 3 9 3 9 3 9 3 9 3 9 3 9 3 9 3 9 3 9 3 9 3 9 3 9 3 9
27 5 25 5 25 1 1 1 1 4 16 5 25 2 4 4 16 1 1 5 25 5 25 5 25 5 25 5 25 5 25
28 4 16 5 25 1 1 1 1 4 16 1 1 5 25 4 16 5 25 1 1 5 25 4 16 4 16 1 1 1 1
111 465 113 485 56 148 75 243 98 360 75 245 101 395 89 305 84 278 81 265 95 355 110 460 96 380 88 298 78 254
0.24 0.23 0.39 0.31 0.27 0.31 0.26 0.29 0.3 0.31 0.27 0.24 0.25 0.3 0.31 0.02
วธิ ีทา หาค่า 2หรือค่าความแปรปรวน จากสูตร
si2 = ∑x2 − ∑x 2
N N
หา 12 263 − 122 2 2.442 = 5.26-5.95 = -0.69
50 50
=5.26-
หา 22 213 − 75 2 = 4.26 - 1.52 =4.26- 2.25 = 2.01
50
50
หา 32 285 − 85 2 = 5.7 - 1.72 = 5.7-2.89 =2.81
50
50
หา 42 412 − 110 2 2.22 = 8.24-4.84 = 3.4
50 50
=8.24-
หา 52 243 − 83 2 =4.86 - 1.662 =4.86-1.09 =3.77
50
50
หา 62 541 − 133 2 2.662 =10.82-7.07 = 3.75
50 50
=10.82
หา 72 556 − 130 2 =11.12 2.62 =11.12-6.76 = 4.36
50
50
หา 82 557 − 133 2 2.262 =11.14-5.10 = 6.04
50 50
=11.14
หา 92 509 − 123 2 2.462 =10.18-6.05 =4.13
50 50
=10.18
หา 120 527 − 127 2 =10.54 2.542 =10.54-6.45 = 4.09
50
50
หา 121 245 − 76 2 1.522 = 4.9-2.31 =2.59
50
50 =4.9
หา 122 437 − 113 2 2.262 =8.74-5.10 = 3.64
50
50 =8.74
หา 123 248 − 82 2 =4.96 1.642 =4.96-2.68 = 2.28
50
50
หา 124 275 − 89 2 1.782 = 5.5-3.16 = 2.34
50 50
=5.5
หา 125 497 − 123 2 = 9.94 2.462 =9.94-6.05 = 3.89
50
50
หา 2 9064 − 2431 2 =181.28 48.622 = 181.28-2369 = -2187.72
50 50
หาค่าความเ ่ือมน่ั ดยวิ ีของครอนบา
แทนค่า นสูตร = 1 − ∑ 2
−1
2
= 15 1 − 48.41
15−1 −2187 .72
= 15 (1 − 0.02212806)
14
= 1.07 (0.97)
= 1.037
ไดค้ ่าความเช่ือมนั่ เชิงความสอดคลอ้ งภายในเท่ากบั 1.037 แสดงวา่ แบบวดั เจตคติชุดน้ีมีความเชื่อมนั่ อยใู่ นระดบั สูงมาก
สรุปค่าเ ลย่ี ของแบบวดั เจตคตสิ ่วนเบ่ียงเบนมาตร าน ความแปรปรวน
แบบวดั เจตคตติ ามรูปแบบของลเิ คอร์ท
ค่าเฉลี่ย ∑
=
2431
= 50
= 48.62
ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน
S = √ ∑ −(∑ )2
( −1)
= √50(9061)−(2431 )2
50(50−1)
= √45305500−(4599)09761
= √−5456711
2450
=√−2227.2299
= 14.9264
แบบวดั เจตคติตามรูปแบบของลิเคอร์ท
แบบวดั เจตคติตามรูปแบบออสกูด(Osgood’s Semantic Differential Technique)
มีข้นั ตอนดงั น้ี
ข้นั ที่ 1 กาหนดความคิดรวบยอดวา่ จะวนั เจตคติในเรื่องใด
ข้นั ที่ 2 เลือกคาคุณศพั ทท์ ี่มีความหมาย เช่น ดา้ นประเมินคา่ ดา้ นพลงั อ านาจ และดา้ นกิจกรรม
ข้นั ท่ี 3 น าคุณศพั ทม์ าสร้างเป็นมาตรวดั โดยแบง่ เป็ น 3 , 5 , 7 หรือ 9 ช่วง
ข้นั ที่ 4 น าแบบวดั เจตคติไปทดลองใชก้ บั กลุ่มตวั อยา่ ง อยา่ งนอ้ ย 5 กลุ่ม
ข้นั ที่ 5 การวเิ คราะห์ขอ้ มูลจากแบบวดั เจตคติตามแบบออสกดู คะแนนจะข้ึนอยกู่ บั จานวนผตู้ อบประมาณคา่
แลว้ นามาหาค่าเฉลี่ย
วเิ คราะห์ค่าอานาจจาแนก
ตาราง ขอ้ มูลสาหรับการวเิ คราะห์หาค่าอานาจจาแนกของแบบวดั เจตคติของนิสิตต่อการเรียนในคณะครุศาสตร์
ขอ้ ที่ 1
ระดบั คาตอบ คะแนน(x) ความถ(ี่ f) กลมุ่ สูง กลมุ่ ต่า
2 fx 2 คะแนน(x) ความถ(่ี f) 2 fx 2
0
เห็นดว้ ยอย่างยิ่ง 5 0 25 0 0 5 2 25 10 50
16 0
เห้นดว้ ย 40 9 32 0 4 4 16 16 64
4 9
ไม่แน่ใจ 30 1 41 0 3 18 9 54 162
55
ไม่เห็นดว้ ย 2 16 64 2 1 4 2 4
ไม่เห็นดว้ ยอย่างยิ่ง 1 9 910100
รวม 25 73 15 25 55 82 280
∑ =41 = 0.82 =∑ = 82 = 1.64
50 50
2 = ∑ 2 2 ∑
−1 − 1
=50 73 −(41)2=0.91 =50 280 − 82 2 =2.96
50(49) 50 49
จากสูตร t = −
2 + 2 2
1
= 0.82−1.64
√25.906 +05.901
= 0.82 = 0.82 = 0.82 =
√35.807 √0.0774 0.278
จากผลการวเิ คราะห์ไดค้ ่า t เท่ากบั 2.94 ซ่ึงมากกวา่ ค่าวกิ ฤต 1.75
ตาราง ขอ้ มูลสาหรับการวเิ คราะห์หาคา่ อานาจจาแนกของแบบวดั เจตคติของนิสิตต่อการเรียนในคณะครุศาสตร์
ขอ้ ที่ 2
ระดบั คาตอบ คะแนน(x) ความถ(่ี f) กลมุ่ สูง fx 2 คะแนน(x) ความถ(ี่ f) กลมุ่ ต่า 2
0 2 fx
2 0 50
เห็นดว้ ยอย่างยิ่ง 5 0 0 0 5 2 25 10 32
25 22 8 126
เหน้ ดว้ ย 40 16 14 0 4 2 16 42 28
9 36 14 0
ไม่แน่ใจ 30 4 0 3 14 9 0 236
1 74
ไม่เห็นดว้ ย 2 11 55 44 2 7 4
ไม่เห็นดว้ ยอย่างยิ่ง 1 14 14 1 0 1
รวม 25 58 15 25 55
∑ 36 ∑ 74
50
50
2 ∑ 2 −(∑ )
2 ∑ 2 −(∑ )
−1
−1 50 236 −(74)2
50 58 −(36)2
50(49)
50(49)
จากสูตร t = −
2 1 + 22
= 0.72−1.48
√25.508+05.605
= 0.76 = 0.76 = 0.76 = 2.99
√35.203 √0.0646 0.2541
จากผลการวเิ คราะห์ไดค้ ่า t เท่ากบั 2.99 ซ่ึงมากกวา่ ค่าวกิ ฤต 1.75
17
ตาราง ขอ้ มูลสาหรับการวเิ คราะห์หาคา่ อานาจจาแนกของแบบวดั เจตคติของนิสิตต่อการเรียนในคณะครุศาสตร์
ขอ้ ท่ี 3
ระดบั คาตอบ คะแนน(x) ความถ(ี่ f) กลมุ่ สูง fx 2 คะแนน(x) ความถ(่ี f) กลมุ่ ต่า 2
0 2 fx
2 0 175
เห็นดว้ ยอย่างยิ่ง 5 0 0 0 5 7 25 35 64
25 20 16 81
เห้นดว้ ย 40 16 15 0 4 4 16 27 20
9 35 10 0
ไม่แน่ใจ 30 4 0399 0 340
1 88
ไม่เห็นดว้ ย 2 10 55 40 2 5 4
ไม่เห็นดว้ ยอย่างยิ่ง 1 15 15 1 0 1
รวม 25 55 25 55
∑ =35 =0.7 =∑ = 88 = 1.76
50 50
2 = ∑ 2 −(∑ ) = ∑ −(∑ )
−1 −1
=50 55 −(35)2 = 0.61 = 50 340 −(88)2 = 3.78
50(49) 50(49)
จากสูตร t = −
2 1 + 2 2
= 0.7−1.76
√35.708+05.601
= 1.06 = 1.06 = 1.06 = 3.57
√45.309 √0.0878 0.2963
จากผลการวเิ คราะห์ไดค้ ่า t เท่ากบั 3.57 ซ่ึงมากกวา่ ค่าวกิ ฤต 1.75
18
ตาราง ขอ้ มูลสาหรับการวเิ คราะห์หาคา่ อานาจจาแนกของแบบวดั เจตคติของนิสิตต่อการเรียนในคณะครุศาสตร์
ขอ้ ที่4
ระดบั คาตอบ คะแนน(x) ความถ(่ี f) กลมุ่ สูง กลมุ่ ต่า
2 fx 2 คะแนน(x) ความถ(ี่ f) 2 fx 2
0
เห็นดว้ ยอย่างยิ่ง 50 25 12 0 5 11 55 55 605
16 75 52 208
เห้นดว้ ย 45 9 6 48 4 14 16 0
4 0 0 0
ไม่แน่ใจ 3 15 1 93 135 3 0 9 0 0
55 107 0
ไม่เห็นดว้ ย 25 12 2 0 4 813
ไม่เห็นดว้ ยอย่างยิ่ง 10 0101
รวม 25 195 25 25
∑ =93 = 1.86 =∑ = 107 = 2.14
50 50
2 = ∑ 2 −(∑ ) = ∑ −(∑ )
−1 −1
=50 195 −(93)2 = 0.44 = 50 813 −(107)2 = 1.30
50(49) 50(49)
จากสูตร t = −
2 1 + 22
= 1.86−2.14
√15.300+05.404
= 0.28 = 0.28 = 0.28 = 1.50
√15.704 √0.0348 0.1865
จากผลการวเิ คราะห์ไดค้ ่า t เทา่ กบั 1.50 ซ่ึงนอ้ ยกวา่ ค่าวกิ ฤต 1.75
19
ตาราง ขอ้ มูลสาหรับการวเิ คราะห์หาคา่ อานาจจาแนกของแบบวดั เจตคติของนิสิตต่อการเรียนในคณะครุศาสตร์
ขอ้ ท่ี5
ระดบั คาตอบ คะแนน(x) ความถ(่ี f) กลมุ่ สูง กลมุ่ ต่า
2 fx 2 คะแนน(x) ความถ(ี่ f) 2 fx 2
0
เห็นดว้ ยอย่างยิ่ง 50 25 4 0 5 0 25 0 0
16 0 64 256
เห้นดว้ ย 41 9 36 16 4 16 16 27 81
4 6 36 72
ไม่แน่ใจ 30 1 46 0399 6
25 133 6
ไม่เห็นดว้ ย 2 18 72 2 18 4 415
ไม่เห็นดว้ ยอย่างยิ่ง 16 6161
รวม 25 94 15 49 25
∑ =46 = 0.92 =∑ = 133 = 2.66
50 50
2 = ∑ 2 −(∑ ) = ∑ −(∑ )
−1 −1
=50 94 −(46)2 = 1.05 = 50 415 −(133)2 = 1.24
50(49) 50(49)
จากสูตร t = −
21 + 2 2
= 0.92−2.66
√15.204+15.005
= 1.74 1.74 = 1.74 = 1.50
√12550.05 √2.501 1.5814
จากผลการวเิ คราะห์ไดค้ ่า t เทา่ กบั 2.50 ซ่ึงนอ้ ยกวา่ คา่ วกิ ฤต 1.75
20
ตาราง ขอ้ มูลสาหรับการวเิ คราะห์หาคา่ อานาจจาแนกของแบบวดั เจตคติของนิสิตต่อการเรียนในคณะครุศาสตร์
ขอ้ ท่ี6
ระดบั คาตอบ คะแนน(x) ความถ(่ี f) กลมุ่ สูง fx 2 คะแนน(x) ความถ(ี่ f) กลมุ่ ต่า 2
0 0 5 17 2 fx
เห็นดว้ ยอย่างยิ่ง 50 2 56 25 22 42
27 224 4 8 16 12 24
เหน้ ดว้ ย 4 14 25 4 0 0
16 0 0 0
ไม่แน่ใจ 39 9 87 81 3 0 9 0 0
4 8204 34 66
ไม่เห็นดว้ ย 22 1 0101
55 313 15 25 55
ไม่เห็นดว้ ยอย่างยิ่ง 1 0
รวม 25
∑ =87 = 1.74 ∑ 34
50
50
2 ∑ 2 −(∑ )
2 = ∑ 2 −(∑ )
−1
−1 50 66 −(34)2
=50 313 −(87)2 = 3.29 50(49)
50(49)
จากสูตร t = −
2 1 + 2 2
= 1.74−0.68
√05.807+35.209
= 1.06 = 1.06 = 1.06 = 17.2
√05.109 √0.0038 0.0616
จากผลการวเิ คราะห์ไดค้ ่า t เท่ากบั 17.2 ซ่ึงนอ้ ยกวา่ ค่าวกิ ฤต 1.75
21
ตาราง ขอ้ มูลสาหรับการวเิ คราะห์หาคา่ อานาจจาแนกของแบบวดั เจตคติของนิสิตต่อการเรียนในคณะครุศาสตร์
ขอ้ ท่ี7
ระดบั คาตอบ คะแนน(x) ความถ(ี่ f) กลมุ่ สูง fx 2 คะแนน(x) ความถ(ี่ f) กลมุ่ ต่า 50 2
50 0 0 5 25 2 fx 4
เห็นดว้ ยอย่างยิ่ง 4 14 2 18 30 4 0 25 0 625
เห้นดว้ ย 39 27 18 3 0 16 0 0
ไม่แน่ใจ 22 25 4 820 9 0 0
ไม่เห็นดว้ ย 10 16 0 010 4 54 0
ไม่เห็นดว้ ยอย่างยิ่ง 25 9 49 56 15 25 1 0
รวม 4 55
1 625
55
∑ 49 ∑ 54
50
50
2 ∑ 2 −(∑ )
2 ∑ 2 −(∑ )
−1
−1 50 625 −(54)2
50 56 −(49)2
50(49)
50(49)
จากสูตร t = −
2 1 + 22
= 0.98−1.08
√1510.7+05.908
= 1.08 = 1.08 = 1.08 = 2.14
√125.068 √0.2536 0.5035
จากผลการวเิ คราะห์ไดค้ ่า t เทา่ กบั 2.14 ซ่ึงมากกวา่ ค่าวกิ ฤต 1.75
22
ตาราง ขอ้ มูลสาหรับการวเิ คราะห์หาค่าอานาจจาแนกของแบบวดั เจตคติของนิสิตต่อการเรียนในคณะครุศาสตร์
ขอ้ ที่8
ระดบั คาตอบ คะแนน(x) ความถ(ี่ f) กลมุ่ สูง fx 2 คะแนน(x) ความถ(่ี f) กลมุ่ ต่า 2
0 0 5 17 2 fx
เห็นดว้ ยอย่างยิ่ง 50 2 56 25 85 425
30 196 4 8 16 32 128
เห้นดว้ ย 4 14 25 2 90 3 0 9 0
16 0 420 4 0 0
ไม่แน่ใจ 3 10 9 88 010 1 0 0
4 290 15 25 55 117 0
ไม่เห็นดว้ ย 21 1 553
55
ไม่เห็นดว้ ยอย่างยิ่ง 10
รวม 25
∑ =88 = 1.76 ∑ 117
50
50
2 ∑ 2 −(∑ )
2 = ∑ 2 −(∑ )
−1
−1 50 553 −(117)2
=50 290 −(88)2 = 2.75 50(49)
50(49)
จากสูตร t = −
21 + 22
= 2.76−2.34
√55.609+25.705
= 0.42 = 0.42 = 0.42 = 1.02
√85.404 √0.1688 0.4108
จากผลการวเิ คราะห์ไดค้ า่ t เทา่ กบั 1.02 ซ่ึงมากกวา่ ค่าวกิ ฤต 1.75
23
ตาราง ขอ้ มูลสาหรับการวเิ คราะห์หาค่าอานาจจาแนกของแบบวดั เจตคติของนิสิตต่อการเรียนในคณะครุศาสตร์
ขอ้ ท่ี9
ระดบั คาตอบ คะแนน(x) ความถ(ี่ f) กลมุ่ สูง fx 2 คะแนน(x) ความถ(่ี f) กลมุ่ ต่า 2
0 0 5 14 2 fx
เห็นดว้ ยอย่างยิ่ง 50 2 40 25 70 350
27 160 4 11 16 44 176
เหน้ ดว้ ย 4 10 25 12 81 3 0 9 0
16 0 24 2 0 4 0 0
ไม่แน่ใจ 39 9 79 010 1 0 0
4 265 15 25 55 114 0
ไม่เห็นดว้ ย 26 1 526
55
ไม่เห็นดว้ ยอย่างยิ่ง 10
รวม 25
∑ 79 =∑ = 114 = 2.28
50 50
2 ∑ 2 −(∑ ) = ∑ −(∑ )
−1 −1
50 265 −(79)2
= 50 526 −(114)2 = 5.43
50(49)
50(49)
จากสูตร t = −
21 + 22
= 1.58−228
√55.403+25.806
= 0.7 = 0.7 = 0.7 = 1.71
√8. 9 √0.1658 0.4071
0
จากผลการวเิ คราะห์ไดค้ า่ t เท่ากบั 2.71 ซ่ึงนอ้ ยกวา่ ค่าวกิ ฤต 1.75
24
ตาราง ขอ้ มูลสาหรับการวเิ คราะห์หาค่าอานาจจาแนกของแบบวดั เจตคติของนิสิตต่อการเรียนในคณะครุศาสตร์
ขอ้ ท่ี10
ระดบั คาตอบ กลมุ่ สูง กลมุ่ ต่า
คะแนน(x) ความถ(่ี f) 2 fx 2 คะแนน(x) ความถ(่ี f) 2 fx 2
เห็นดว้ ยอย่างยิ่ง 5 0 25 0 0 5 18 25 90 450
เห้นดว้ ย 4 15 16 60 240 4 7 16 28 112
ไม่แน่ใจ 3 8 9 24 72 3 0 9 0 0
ไม่เห็นดว้ ย 2244820400
ไม่เห็นดว้ ยอย่างยิ่ง 1 0 1 0 0 1 0 1 0 0
รวม 25 55 88 320 15 25 55 118 562
∑ =88 = 1.76 ∑ 118
50
50
2 ∑ 2 −(∑ )
2 = ∑ 2 −(∑ )
−1
−1 50 562 −(118)2
=50 320 −(88)2 = 2.24 50(49)
50(49)
จากสูตร t = −
21 + 22
= 1.76−2.36
√55.708+25.204
= 0.6 = 0.6 = 0.6 = 1.51
√7,80 √0.1564 0.3954
จากผลการวเิ คราะห์ไดค้ า่ t เท่ากบั 1.51 ซ่ึงนอ้ ยกวา่ คา่ วกิ ฤต 1.75
25
ตาราง ขอ้ มูลสาหรับการวเิ คราะห์หาคา่ อานาจจาแนกของแบบวดั เจตคติของนิสิตต่อการเรียนในคณะครุศาสตร์
ขอ้ ท่ี11
ระดบั คาตอบ คะแนน(x) ความถ(ี่ f) กลมุ่ สูง fx 2 คะแนน(x) ความถ(่ี f) กลมุ่ ต่า 15 2
50 0 053 2 fx 8
เห็นดว้ ยอย่างยิ่ง 40 2 0 042 25 24 75
เหน้ ดว้ ย 30 0 038 16 24 32
ไม่แน่ใจ 2 10 25 20 40 2 12 9 0 72
ไม่เห็นดว้ ย 1 15 16 15 15 1 0 4 71 48
ไม่เห็นดว้ ยอย่างยิ่ง 25 9 35 55 15 25 1 0
รวม 4 55 227
1
55
∑ =35 = 0.7 =∑ = 71 = 1.42
50 50
2 = ∑ 2 −(∑ ) = ∑ −(∑ )
−1 −1
=50 55 −(35)2 = 1.05 = 50 227 −(71)2 = 2.57
50(49) 50(49)
จากสูตร t = −
2 1 + 22
= 0.7−1.42
√25.507+15.005
= 0.72 = 0.72 = 0 .72 = 0.84
√35.602 √0.0724 0.85
จากผลการวเิ คราะห์ไดค้ ่า t เทา่ กบั 0.84 ซ่ึงนอ้ ยกวา่ ค่าวกิ ฤต 1.75
26
ตาราง ขอ้ มูลสาหรับการวเิ คราะห์หาค่าอานาจจาแนกของแบบวดั เจตคติของนิสิตต่อการเรียนในคณะครุศาสตร์
ขอ้ ท่ี12
ระดบั คาตอบ คะแนน(x) ความถ(่ี f) กลมุ่ สูง fx 2 คะแนน(x) ความถ(ี่ f) กลมุ่ ต่า 65 2
50 0 0 5 13 2 fx 48
เห็นดว้ ยอย่างยิ่ง 45 2 20 80 4 12 25 0 75
เหน้ ดว้ ย 3 15 45 16 0 192
ไม่แน่ใจ 23 25 6 135 3 0 9 0
ไม่เห็นดว้ ย 12 16 2 12 2 0 4 113 0
ไม่เห็นดว้ ยอย่างยิ่ง 25 9 73 210 1 0
รวม 4 229 15 25 55 0
1 267
55
∑ 73 =∑ = 113 = 2.26
50 50
2 ∑ 2 −(∑ ) = ∑ −(∑ )
−1 −1
50 229 −(73)2
= 50 267 −(113)2 = 0.23
50(49)
50(49)
จากสูตร t = −
21 + 22
= 1.46−2.26
√05.203+25.409
= 0.8 = 0.8 = 0.8 = 3.63
√25.702 √0.05 0.22
จากผลการวเิ คราะห์ไดค้ า่ t เท่ากบั 3.63 ซ่ึงมากกวา่ คา่ วกิ ฤต 1.75
27
ตาราง ขอ้ มูลสาหรับการวเิ คราะห์หาคา่ อานาจจาแนกของแบบวดั เจตคติของนิสิตต่อการเรียนในคณะครุศาสตร์
ขอ้ ที่13
ระดบั คาตอบ คะแนน(x) ความถ(่ี f) กลมุ่ สูง fx 2 คะแนน(x) ความถ(ี่ f) กลมุ่ ต่า 2
0 053 2 fx
เห็นดว้ ยอย่างยิ่ง 50 2 0 043 25 15 75
0 0 3 16 16 12 48
เห้นดว้ ย 40 25 34 68 2 3 9 48 144
16 8 810 4 6 12
ไม่แน่ใจ 30 9 42 76 15 25 1 0 0
4 55 81 279
ไม่เห็นดว้ ย 2 17 1
55
ไม่เห็นดว้ ยอย่างยิ่ง 18
รวม 25
∑ =42 = 0.84 =∑ = 81 = 1.62
50 50
2 = ∑ 2 −(∑ ) = ∑ −(∑ )
−1 −1
=50 76 −(42)2 = 0.83 = 50 279 −(81)2 = 3.01
50(49) 50(49)
จากสูตร t = −
2 1 + 2 2
= 0.84−1.62
√35.001+05.803
= 0.78 = 0.78 =0.78 = 3.00
√35.804 √0.07 0.26
จากผลการวเิ คราะห์ไดค้ า่ t เทา่ กบั 3.00 ซ่ึงมากกวา่ คา่ วกิ ฤต 1.75
28
ตาราง ขอ้ มูลสาหรับการวเิ คราะห์หาคา่ อานาจจาแนกของแบบวดั เจตคติของนิสิตต่อการเรียนในคณะครุศาสตร์
ขอ้ ที่14
ระดบั คาตอบ คะแนน(x) ความถ(่ี f) กลมุ่ สูง กลมุ่ ต่า
2 fx 2 คะแนน(x) ความถ(ี่ f) 2 fx 2
0
เห็นดว้ ยอย่างยิ่ง 5 0 25 0 0 5 1 25 5 25
เหน้ ดว้ ย 4 0 16 9 20 80
34 0 4 5 16 57 171
5 0 0
ไม่แน่ใจ 339 48 27 3 19 9 0 0
82 276
ไม่เห็นดว้ ย 2 17 4 68 2 0 4
ไม่เห็นดว้ ยอย่างยิ่ง 1 5 1 5101
รวม 25 55 100 15 25 55
∑ =48 = 0.96 =∑ = 82 =1.64
50 50
2 = ∑ 2 −(∑ ) = ∑ −(∑ )
−1 −1
=50 100 −(48)2 = 1.10 = 50 276 −(82)2 = 2.88
50(49) 50(49)
จากสูตร t = −
21 + 22
= 0.96−1.64
√25.808+15.100
= 0.68 = 0.68 =0.68 = 2.61
√35.908 √0.07 0.26
จากผลการวเิ คราะห์ไดค้ า่ t เทา่ กบั 2.61 ซ่ึงนอ้ ยกวา่ ค่าวกิ ฤต 1.75
29
ตาราง ขอ้ มูลสาหรับการวเิ คราะห์หาคา่ อานาจจาแนกของแบบวดั เจตคติของนิสิตต่อการเรียนในคณะครุศาสตร์
ขอ้ ที่15
ระดบั คาตอบ คะแนน(x) ความถ(ี่ f) กลมุ่ สูง fx 2 คะแนน(x) ความถ(่ี f) กลมุ่ ต่า 2
0 0 5 13 2 fx
2 40 25 325
36 160 4 12 16 192
เห็นดว้ ยอย่างยิ่ง 5 0 25 4 108 3 0 9 65
1 48 0
เหน้ ดว้ ย 4 10 16 81 0 0
0 0
ไม่แน่ใจ 3 12 9 0 517
113
ไม่เห็นดว้ ย 22 4 8204
ไม่เห็นดว้ ยอย่างยิ่ง 1 1 1 1101
277 15 25 25
รวม 25 25
∑ =81 = 1.62 =∑ = 113 =2.26
50 50
2 = ∑ 2 −(∑ ) = ∑ −(∑ )
−1 −1
=50 277 −(81)2 = 2.97 = 50 517 −(113)2 = 5.3
50(49) 50(49)
จากสูตร t = −
21 + 2 2
= 1.62−2.26
√55.03+25.907
= 0.64 = 0.64 = 0.64 = 1.6
√85.207 √0.16 0.4
จากผลการวเิ คราะห์ไดค้ ่า t เท่ากบั 1.6 ซ่ึงนอ้ ยกวา่ คา่ วกิ ฤต 1.75
30
สรุปผลการดาเนนิ งาน
การสร้างแบบสอบถามและแบบวดั เจตคตผิ ลการดาเนินงานมดี งั นี้
การสร้างแบบสอบถาม
การสร้างแบบสอบถาม ผลการดาเนินการ
1. การจดั ทาแบบสอบถามมีขอ้ ผดิ พลาดตรงการเขียน
ขอ้ คาถาม ซ่ึงตอนแรกมีความก ากวมของขอ้ คาถาม และ
ขอ้ คาถามการซอ้ นประโยคไม่แยกออกเป็ นขอ้ ใหช้ ดั เจน
2. การใชค้ าศพั ทต์ า่ งๆ เพ่ือลดความซบั ซนใหก้ บั ผตู้ อบ
แบบสอบถาม
3. การนิยามคาศพั ทเ์ ฉพาะ ยงั ไมค่ รอบคลุมท าใหข้ อ้ ค
าถามออกมาไม่ดีเท่าที่ควร
4. การเขียนรายละเอียดเก่ียวกบั พฤติบงช้ียงั ไมด่ ีมากนกั
เพราะเกิดจากความไม่เขา้ ใจในคร้ังแรก และจากน้นั จึง
ปรับปรุงใหด้ ีกวา่ เดิม
การสร้างแบบวดั เจตคติ
การสร้างแบบวดั เจต ผลการดาเนนิ การ
คติ
แบบลเิ คอร์ท
1. การกาหนดพฤติกรรมบ่ง
เน่ืองจากมีความสบั สนจึงทาใหพ้ ฤติกรรมบ่งช้ีของรูปแบบลิเคอร์ทค่อนขา้ งทีจะออกมาเป็ นรูปแบบข
องขอ้ เท็จจริง จากน้นั จึงมีการปรบั ปรุงใหเ้ ป็ น
คาศพั ทท์ ่ีแสดงใหเ้ ห็นถึงความรู้สึก ความคิดเห็น
2. นาไปใหผ้ เู้ ช่ียวชาญตรวจหาความสอดคลอ้ งของขอ้
คาถาม และนากลบั มาปรับปรุงแกไ้ ข ตามคาแนะนา
3. นาไปทดลองกบั กล่มุ ตวั อยา่ ง แลว้ นามาวเิ คราะห์ค่าทาง สถิติโดยค่าสถิติไดส้ รุปผลไวแ้ ลว้ ขา้ งตน้
31
แบบวดั เจตคตทิ น่ี าไปทดสอบกบั กล่มุ ตวั อย่าง
แบบลเิ คริ ์ท
แบบสอบถามวดั เจตคตขิ องลิเคอร์ท
32
33
34
35
36
37
38
39
40
2.แบบวดั เจตคตติ ามรูปแบบออสกดู (Osgood’s Semantic Differential Technique)
ออสกดู (Osgood) มีความเช่ือวา่ ภาษาเป็ นส่ือท่ีมีความหมายของมนุษยท์ ่ีสามารถนามาวดั ความรู้สึก เจตคติ และพฤติกรรม
ของมนุษยไ์ ดก้ ารพฒั นาแบบวดั เจตคติโดยใชค้ วามหมายทางภาษาน้นั อาศยั องคค์ วามรู้
เกี่ยวกบั การวดั ความหมายของคาซ่ึงคาท้งั หลาย มีองคป์ ระกอบที่เป็ นพ้นื ฐานอย3ู่ องคป์ ระกอบโดยท่ี
องคป์ ระกอบแตล่ ะดา้ นจะมีคาคุณศพั ทท์ ่ีแสดงลกั ษณะขององคป์ ระกอบซ่ึงคาคุณศพั ทเ์ หลา่ น้ีจะสามารถ
จดั เป็ นคูโ่ ดยมคี วามหมายตรงกนั ขา้ มกนั (Bipolar Adjectival) (วเิ ชียร เกตุสิงห์, 2524, น. 94-95 ; วริ ัช วรรณรัตน์,2532, น. 29 ;
บุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธ์ิ, 2534)ไดแ้ ก่ 1.องคป์ ระกอบดา้ นการประเมินคา่ (Evaluation Factor) (ดา้ นการตดั สิ้น) เช่น ดี– เลว
เมตตา – โหดร้าย ซื่อสตั ย์ – คดโกง ฉลาด – โง่ จริง – เทจ็ ยตุ ิธรรม – ลาเอียง เป็ นตน้
2.องคป์ ระกอบดา้ นศกั ยภาพหรือพลงั อานาจ (Potency Factor) (ดา้ นความสามารถ) เช่น แขง็ แรง – ออ่ นแอ หนกั – เบา ใหญ่ –
เลก็ ลึก – ต้ืน บอบบาง – ทนทาน เป็ นตน้ 3.องคป์ ระกอบดา้ นกิจกรรม (Activity Factor) (ดา้ นความเคลื่อนไหว) เช่น วอ่ งไว –
เฉ่ือยชา เร็ว – ชา้ ร่าเริง – หงอยเหงา รีบร้อน – เยน็ ชา บอบบาง – ทนทาน เป็ นตน้
3.แบบวดั เจตคตติ ามรูปแบบเทอร์สโตน(Thrustone’s Scale) แบบวดั เจตคติตามวธิ ีของเทอร์สโตน เป็ นมาตรวดั
ที่นิยมใชม้ ีชื่อเรียกหลายอยา่ งไดแ้ ก่ Psychophysical Scale เพราะอาศยั วธิ ีการทางจิตวทิ ยา
ผนวกกบั ฟิ สิกส์โดยวดั ความรู้สึกของบคุ คลที่มีต่อส่ิง เร้าเรียกวา่ Priori Approach
เพราะวา่ ไดก้ าหนดลกั ษณะของบคุ คลต้งั แตม่ ากท่ีสุดจนไปถึงนอ้ ยที่สุดโดยค่า
น้าหนกั ของแตล่ ะขอ้ ไดม้ าจากการพจิ ารณาของผเู้ ช่ียวชาญและดว้ ยวธิ ีการใหแ้ ตล่ ะช่วง มีน้าหนกั คะแนน เท่ากนั จึงเรียกวา่
Equal -appearing Interval Scale. โดยแบ่งจานวน11 ช่วงเท่าๆกนั จึงเรียกวา่ Judgment Method
เพราะเป็นวธิ ีการวดั ที่อาศยั ผเู้ ชี่ยวชาญพจิ ารณาตดั สินใจขอ้ ความเพอ่ื กาหนดมาตรวดั
แตล่ ะขอ้ วา่ ขอ้ ความแต่ละขอ้ ความจะอยใู่ นต าแหน่งท่ีของมาตรวดั และเรียกวา่ Thurstone’s Method เพราะ
วา่ การสร้างแบบวดั น้ีเพ่ือใหว้ ดั ทศั นคติของคนต่อศาสนาตอ่ บทลงโทษกฎหมายบา้ นเมืองและตอ่ ลทั ธิ คอมมิวนิสต์ (วริ ัช
วรรณรัตน์, 2524, น. 34)หลกั การวดั โดยวธิ ีน้ีตอ้ งอาศยั บคุ คลเป็นผพู้ ิจารณาตดั สินผลการ
พจิ ารณาจะสรุปไดเ้ ป็ นมาตรวดั ที่มีคา่ ประจาขอ้ แตล่ ะขอ้ แตกตา่ งกนั ไปโดยถือวา่ ตวั เลขไดอ้ ยใู่ นมาตรวดั แบบ อนั ตรภาคช้นั
(Interval Scale)
ข้นั ตอนการสร้างแบบทดสอบ
2.การสร้างแบบวดั เจตคตติ ามรูปแบบออสกูด(Osgood’s Semantic Differential Technique)
เทคนิคการสร้างแบบวดั เจตคตขิ องออสกูดน้นั ประกอบด้วยหลกั การสร้าง คือ
ข้นั ที่ 1 กาหนดความคิดรวบยอด วา่ จะวดั เจตคติในเร่ืองใด
ข้นั ท่ี 2 เลือกคาคุณศพั ทท์ ่ีมีความหมาย เช่น ดา้ นประเมินค่า ดา้ นพลงั อานาจ และดา้ นกิจกรรม
ข้นั ท่ี 3 นาคุณศพั ทม์ าสร้างเป็ นมาตรวดั โดยแบ่งเป็ น 3 , 5 , 7 หรือ 9 ช่วง
ข้นั ท่ี 4 นาแบบวดั เจตคติไปทดลองใชก้ บั กลุ่มตวั อยา่ ง อยา่ งนอ้ ย 5 กลุ่ม
ข้นั ท่ี 5 การวเิ คราะห์ขอ้ มลู จากแบบวดั เจตคติตามแบบออสกดู คะแนนจะข้ึนอยกู่ บั จานวนผตู้ อบประมาณค่า
แลว้ นามาหาค่าเฉลี่ย
แบบวดั เจตคตอิ อสกดู (Osgood’s Semantic Differential Technique)
1. กาหนดความคิดรวบยอด
เจตคติของนกั ศึกษาต่อการเรียนเรียนวชิ าการวดั และประเมินผลการศึกษาคณะครุศาสตร์
มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั บา้ นสมเดจ็ เจา้ พระยาความคิดรวบยอด ไดแ้ ก่
1.1 ความคิดรวบยอดดา้ นการเรียนวชิ าการวดั และประเมินผลการศึกษาของนกั ศึกษา
1.2 ความคิดรวบยอดดา้ นบุคลิกภาพของนกั ศึกษาที่มีต่อการเรียนในรายวชิ าการวดั และประเมินผลการศึกษา
1.3 ความคิดรวบยอดดา้ นกิจกรรมส่งเสริมการเรียนในรายวชิ าการวดั และประเมินผลการศึกษา
42
2. เลือกคาคณุ ศัพท์ทม่ี คี วามหมาย
ความคดิ รวบยอด องค์ประกอบด้าน คาคุณศัพท์
-ดา้ นการเรียนในคณะครุศาสตร์ ดา้ นประเมินคา่ 1.สุขท่ีไดเ้ รียนคณะครุศาสตร์-ทุกขท์ ี่ไดเ้ รียนคณะครุศาสตร์
2.วชิ าครูเรียนยาก-วชิ าครูเรียนง่าย
3.คณะครุศาสตร์เรียนหนกั -คณะครุศาสตร์เรียนเบา
4.นกั ศึกษาครุศาสตร์เรียนเก่ง- นกั ศึกษาครุศาสตร์เรียนอ่อน
5.รู้สึกสนใจในการเรียน-รู้สึกเบ่ือหน่ายในการเรียน
- ดา้ นศกั ยภาพและพลงั อานาจ 1.มีศกั ยภาพในการเรียนสูง-มีศกั ยภาพในการเรียนต่า
ดา้ นบุคลิกภาพของนกั ศึกษาที่มีต่อการ 2.ขยนั ทางานท่ีไดร้ ับมอบหมาย-ข้ีเกียจทางานท่ีไดร้ ับมอบหมาย
เรียนคณะเรียนคณะครุศาสตร์ 3.รู้สึกต่ืนเตน้ กบั การเรียน-รู้สึกเฉยๆกบั การเรียน
4.รู้สึกเครียดกบั การเรียน-รู้สึกสบายใจกบั การเรียน
5.มีความอดทนในการต้งั ใจเรียน-ขาดความอดทนในการต้งั ใจเรียน
-ด้านกิจกรรมส่งเสริ มการเรี ยนใน ดา้ นกิจกรรม 1.มี ค ว า ม ก ร ะ ตื อ รื อ ร้ น ใ น ก า ร ท า กิ จ ก ร ร ม -
ร ายวิชาการ วัด แ ละ ป ร ะ เ มิ น ผ ล มีความเฉ่ือยชาในการทากิจกรรม
การศึกษา
2.กิจกรรมมีความรวดเร็ว-กิจกรรมมีความเชื่องชา้
3.กิจกรรมมีความน่าสนใจ-กิจกรรมมีความน่าเบ่ือ
4.รู้สึกร่าเริงกบั กิจกรรม-รู้สึกเบ่ือหน่ายกบั กิจกรรม
5.มีความสุขท่ีไดเ้ ขา้ ร่วมกิจกรรม-มีความทุกขท์ ่ีไดเ้ ขา้ ร่วมกิจกรรม
43
3.นาคุณศัพท์มาสร้างมาตรวดั
แบบสอบถามวดั เจตคติของนกั ศึกษาท่ีมีต่อการเรียนวชิ าการวดั และประเมนิ ผลการศึกษา
คาช้ีแจงกาหนดคะแนนมากไวท้ างคาศพั ทท์ ี่เป็ นทางบวกใหม้ ีคา่ สูงสุดเป็ น 7 แลว้ ลดลงไปเร่ือยๆ จนถึง
คาศพั ทท์ ่ีเป็ นทางลบใหม้ ีค่าเป็ น 1
เพศ ชาย หญิง
ระดบั ้ันปี ปี 1 ปี 2 ปี 3
ปี 4 ปี 5
ด้านการเรียนคณะครุศาสตร์(องค์ประกอบด้านการประเมนิ ค่า)
สุขที่ไดเ้ รียนคณะครุศาสตร์ 7 6 5 4 3 2 1 ทุกขท์ ่ีไดเ้ รียนคณะครุศาสตร์
วชิ าครูเรียนยาก 7 6 5 4 3 2 1 วชิ าครูเรียนง่าย
คณะครุศาสตร์เรียนหนกั 7 6 5 4 3 2 1 คณะครุศาสตร์เรียนเบา
นกั ศึกษาครุศาสตร์เรียนเก่ง 7 6 5 4 3 2 1 นกั ศึกษาครุศาสตร์เรียนออ่ น
รู้สึกเครียดกบั การเรียน 7 6 5 4 3 2 1 รู้สึกสบายใจกบั การเรียน
ด้านบุคลกิ ภาพของนกั ศึกษาทมี่ ตี ่อการเรียนคณะครุศาสตร์(ด้านศักยภาพหรือ พลงั อานาจ)
มีศกั ยภาพในการเรียนสูง 7 6 5 4 3 2 1 มีศกั ยภาพในการเรียนต่า
รู้สึกสนใจในการเรียน 7 6 5 4 3 2 1 รู้สึกเบื่อหน่ายในการเรียน
ขยนั ทางานที่ไดร้ บั มอบหมาย 7 6 5 4 3 2 1 ข้ีเกียจทางานที่ไดร้ ับมอบหมาย
รู้สึกตื่นเตน้ กบั การเรียนในคณะครุศาสตร์ 7 6 5 4 3 2 1 รู้สึกเฉยๆกบั การเรียนในคณะครุศาสตร์
มีในการต้งั ใจเรียนความอดทน 7 6 5 4 3 2 1 ขาดความอดทนในการต้งั ใจเรียน
ด้านกจิ กรรมต่อการเรียนคณะครุศาสตร์(ด้านกจิ กรรม)
มีความกระตือรือร้นในการทากิจกรรม 7 6 5 4 3 2 1 มีความเฉ่ือยชาในการทากิจกรรม
กิจกรรมมีความรวดเร็ว 7 6 5 4 3 2 1 กิจกรรมมีความเช่ืองชา้
กิจกรรมมีความน่าสนใจ 7 6 5 4 3 2 1 กิจกรรมมีความน่าเบื่อ
รู้สึกร่าเริงกบั กิจกรรม 7 6 5 4 3 2 1 รู้สึกเบ่ือหน่ายกบั กิจกรรม
มีความสุขท่ีไดเ้ ขา้ ร่วมกิจกรรม 7 6 5 4 3 2 1 มีความทุกขท์ ี่ไดเ้ ขา้ ร่วมกิจกรรม
44
แบบประเมนิ ค่าความสอดคล้องของข้อความเจตคต(ิ ออสกดู )
นยิ ามคาศัพท์ ข้อความ ความสอดคล้อง ∑
+1 0 -1 แปลความหมาย
เจตคติของนกั ศึกษาตอ่ การเรียนคณะ ด้านประเมนิ ค่า
ครุศาสตร์ หมายถึง ความคิดเห็นของ 1.สุขที่ไดเ้ รียนคณะครุศาสตร์- 21 0.67 นาไป ้ได้
นกั ศึกษาต่อการเรียนคณะครุศาสตร์ ทุกขท์ ่ีไดเ้ รียนคณะครุศาสตร์
มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั บา้ น 2.วชิ าครูเรียนยาก-วชิ าครูเรียนง่าย 2 1 1.00 นาไป ้ได้
สมเด็จเจา้ พระยา ท่ีเรียนในคณะ 1 1.00 นาไป ้ได้
ครุศาสตร์ 3.คณะครุศาสตร์เรียนหนกั -คณะครุศาสตร์เรียนเบา 2 1.00 นาไป ้ได้
4.นกั ศึกษาครุศาสตร์เรียนเก่ง- 3
นกั ศึกษาครุศาสตร์เรียนออ่ น
5.ความรู้สึกเครียดกบั การเรียน- 3 1.00 นาไป ้ได้
รู้สึกสบายใจกบั การเรียน
ด้านบุคลกิ ภาพของนกั ศึกษาทมี่ ตี ่อการเรียนคณะครุศาสตร์(ด้านศักยภาพหรือ พลงั อานาจ)
1.มีศกั ยภาพในการเรียนสูง- 3 1.00 นาไป ้ได้
มีศกั ยภาพในการเรียนต่า
2.ขยนั ทางานที่ไดร้ ับมอบหมาย- 3 1.00 นาไป ้ได้
รู้สึกเบ่ือหน่ายในการเรียน
3.ขยนั ทางานที่ไดร้ ับมอบหมาย- 3 1.00 นาไป ้ได้
ข้ีเกียจทางานที่ไดร้ ับมอบหมาย 1.00 นาไป ้ได้
4.มีความอดทนในการต้งั ใจเรียน- 3 1.00 นาไป ้ได้
รู้สึกเฉยๆกบั การเรียนในคณะครุศาสตร์ 1.00 นาไป ้ได้
5.มีในการต้งั ใจเรียนความอดทน- 3 1.00 นาไป ้ได้
1.00 นาไป ้ได้
ขาดความอดทนในการต้งั ใจเรียน 1.00 นาไป ้ได้
1.00 นาไป ้ได้
ด้านกจิ กรรมต่อการเรียนคณะครุศาสตร์(ด้านกจิ กรรม)
1.มีความกระตือรือร้นในการทากิจกรรม- 3
มีความเฉื่อยชาในการทากิจกรรม
2.กิจกรรมมีความน่าสนใจ-กิจกรรมมีความเช่ืองชา้ 3
3.รู้สึกร่าเริงกบั กิจกรรม-กิจกรรมมีความน่าเบ่ือ 3
4.รู้สึกร่าเริงกบั กิจกรรม-รู้สึกเบื่อหน่ายกบั กิจกรรม 3
5.มีความสุขที่ไดเ้ ขา้ ร่วมกิจกรรม- 3
มีความทุกขท์ ่ีไดเ้ ขา้ ร่วมกิจกรรม
แบบวดั เจตคตอิ อสกดู (Osgood’s Semantic Differential Technique)
1. กาหนดความคิดรวบยอด
เจตคติของนกั ศึกษาตอ่ การเรียนเรียนวชิ าการวดั และประเมินผลการศึกษาคณะครุศาสตร์มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั
บา้ นสมเดจ็ เจา้ พระยาความคิดรวบยอด ไดแ้ ก่
1.1 ความคิดรวบยอดดา้ นการเรียนวชิ าการวดั และประเมินผลการศึกษาของนกั ศึกษา
1.2 ความคิดรวบยอดดา้ นบคุ ลิกภาพของนกั ศึกษาท่ีมีตอ่ การเรียนในรายวชิ าการวดั และประเมินผลการศึกษา
1.3 ความคิดรวบยอดดา้ นกิจกรรมส่งเสริมการเรียนในรายวชิ าการวดั และประเมินผลการศึกษา
2 เลือกคาคุณศัพท์ทม่ี คี วามหมาย เ ่น ด้านประเมนิ ค่า ด้านพลงั อานาจ และด้านกจิ กรรม
3 นาคณุ ศัพท์มาสร้างเป็ นมาตรวดั ดยแบ่งเป็ น 3 , 5 , 7 หรือ 9 ่วง
4 นาแบบวดั เจตคตไิ ปทดลอง ้กบั กลุ่มตวั อย่าง อย่างน้อย 5 กล่มุ
5 การวเิ คราะห์ข้อมูลจากแบบวดั เจตคตติ ามแบบออสกดู คะแนนจะขึน้ อยู่กบั จานวนผ้ตู อบประมาณค่า
แล้วนามาหาค่าเ ลย่ี