The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ratimakm02, 2022-09-04 14:24:35

America Revolution

.

1776

"ALL MEN ARE

CREATED EQUAL"

The second paragraph of the United States
Declaration of Independence starts

M.6.2
AUG 2022



TABLE
OF

CONTENTS

INDEX

Group Member 04

Timeline 05

Somebody has to pay 07

Clashing with Native 08
Americans 09
Events leading to Revolution

The Continental Congress 11

The American Revolutionary War 13 สารบัญ

Article of Confederation 14 สมาชิกคณะผู้จัดทำ 04
05
Constitutional Convention 15 ไทม์ไลน์ 07
จะต้องมีคนชดใช้ ! ยัยธารใส 08
The American Constitution 16
สู้เขาเนทีฟอเมริกา การปะทะอันแสน 09
American Expansion 18 ดุเดือดกำลังปะทุขึ้นแล้ว !!
19 เหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ นำไปสู่การปฏิวัติอัน 11
The War Americans ใหญ่ยิ่ง 13
don't like to talk about สภาคองเกรส 14
สงครามปฏิวัติอเมริกา 15
The Missouri Compromise 20 บทบัญญัติแห่งสมาพันธรัฐ 16
The Civil War 21 อนุสัญญาตามรัฐธรรมนูญ 18
รัฐธรรมนูญสหรัฐ 19
Effect 24 การขยายพื้ นที่ของชาวอเมริกา 20
สงครามที่คนอเมริกาไม่อยากพู ดถึง 21
การประนีประนอมในมิสซูรี 24
สงครามกลางเมือง
ผลกระทบ

微博:焉祈兔子

Group Member

Tanyatorn Jaturapitakkul No.10
Nittha Wongwanthanee No.12
Supakorn Anaprayot No.22
Suphissara Srisuwannapop No.23
Namthip Muansub No.36
Ratima Ngammuk No.39

นางสาวธัญธร จาตุรพิทักษ์กุล ม.6.2 เลขที่ 10
นางสาวนิษฐา วงษ์วันทนีย์ ม.6.2 เลขที่ 12
นางสาวศุภากร อาณาประโยชน์ ม.6.2 เลขที่ 22
นางสาวศุภิสรา ศรีสุวรรณภพ ม.6.2 เลขที่ 23
นางสาวน้ำทิพย์ เหมือนทรัพย์ ม.6.2 เลขที่ 36
นางสาวรติมา งามมุข ม.6.2 เลขที่ 39

TIMELINE

The New World (16ᵗʰ century) The First American Colony (1607)
American-Indian Wars (1622-1924) The American Revolutionary War
(1775-1783)
Westward Expansion (1801-1861) Declaration of Independence (1817)
Abolition Movement (1830) Women’s Right Movement (1848)

American Civil War (1861-1865) Emancipation Proclamation (1863)
U.S. Abolition of Slavery (1865) Jim Crow Law (1865)
American Federation of Labour (1886) Rise of Industrial America (1876-1900)

World War I (1914-1918) Women’s Suffrage (19ᵗʰ Amendment)
The Great Depression (1929-1933) World War II (1939-1945)
Vietnam War (1955-1975)
Cold War (1947-1991)
Civil Right Movement (1954-1968) The Civil Rights Act of 1964

The Voting Right Act of 1965 The Fair Housing Act of 1968
Metoo movement (2018)
Same-sex Marriage Legalization (2015)
Black Lives Matter Movement (2020)

ไทม์ไลน์

การค้นพบโลกใหม่ (16ᵗʰ century)
ชาวอเมริกันกลุ่มแรกที่เข้ามาตั้งถิ่นฐาน (1607)

สงครามอเมริกัน/อินเดีย (1622-1924)
สงครามปฏิวัติอเมริกา (1775-1783)

ยุคแห่งการเคลื่อนย้ายไปตะวันตก (1801-1861)
คำประกาศอิสรภาพสหรัฐ (1817)

การรณรงค์การเลิกทาส (1830) การรณรงค์แนวคิดสตรีนิยม (1848)
สงครามกลางเมืองอเมริกา (1861-1865)

การประกาศเลิกทาส (1863)
การเลิกทาสในอเมริกา (1865)

กฎหมายของ Jim Crow(1865)
สหภาพแรงงานอเมริกา (1886)

สงครามโลกครั้งที่ 1 (1914-1918) ยุคทองของอุตสาหกรรมอเมริกา (1876-1900)
สิทธิเลือกตั้งของสตรีอเมริกา
(การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งที่ 19ᵗʰ)

ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (1929-1933)

สงครามเย็น (1947-1991) สงครามโลกครั้งที่ 2 (1939-1945)
การเคลื่ อนไหวเพื่ อสิทธิพลเมืองของชาว สงครามเวียดนาม (1955-1975)

แอฟริกัน (1954-1968) รัฐบัญญัติสิทธิพลเมือง ค.ศ. 1964
การนามในกฎหมายสิทธิการเลือกตั้ง ปี 1965 กฎหมายว่าด้วยสิทธิพลเมืองปี 1968

การสมรสเพศเดียวกันอย่างถูกต้องตาม
กฎหมาย (2015)

Metoo movement (2018)
Black Lives Matter Movement (2020)

Somebody
has to pay

ผลลัพธ์ของสงครามฝรั่งเศส/อินเดียสำหรับอังกฤษ The result of the French / Indian War for
คือการเข้าถึงทรัพยากรที่ดูเหมือนไม่จำกัดของ England was access to the seemingly
unlimited resources of North America as
อเมริกาเหนือ รวมถึงดินแดนอันกว้างใหญ่สำหรับสร้าง well as vast lands on which to build more
อาณานิคมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม สงครามมีราคาแพง colonies. However, the war was
และมีคนต้องจ่าย ผู้คนในอังกฤษรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมที่จะ expensive and somebody had to pay for
จ่ายให้กับสงครามที่ไม่ลงคะแนนเสียงซึ่งเป็นประโยชน์ it. People in England felt that it wasn't
ต่อชาวอาณานิคม ด้วยเหตุนี้จึงมีการกำหนดชุดภาษี fair to pay for a no-vote war that
สำหรับสินค้าที่ส่งไปยังอาณานิคมรวมถึงน้ำตาล กาแฟ benefited colonists. Consequently, a set
และไวน์ ชาวอาณานิคมรู้สึกว่าภาษีเหล่านี้ไม่ยุติธรรม of taxes were imposed on goods sent to
เพราะไม่มีเสียงในรัฐสภาอังกฤษ สิ่งนี้นำไปสู่สโลแกน the colonies including sugar, coffee, and
wine. The colonists felt that these taxes
"การเก็บภาษีโดยไม่มีตัวแทน" และกลายเป็นการ were unfair because they had no voice in
เคลื่ อนไหวทางการเมืองเพื่ อต่อต้านการควบคุมของ British Parliament. This led to the slogan
อังกฤษ ในเวลาเดียวกัน บุรุษผู้มั่งคั่งและอำนาจใน “taxation without representation” and
อาณานิคมต่างมองหาการเสริมความแข็งแกร่งให้ became a political movement to resist
อำนาจนี้และแย่งชิงอำนาจจากมือของผู้ว่าการอังกฤษ English control. Simultaneously, men of
ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากกษัตริย์และได้รับคำสั่งจาก wealth and power in the Colonies were
อังกฤษ การโต้เถียงเรื่องการเก็บภาษีเป็นโอกาสที่ดีใน looking to solidify this power and wrest it
from the hands of the British governors
การเริ่มต้นการสนทนาเพื่อความเป็นอิสระ who were appointed by the King and
received directions from England. The
argument over taxation was a good
opportunity to start the conversation for
independence.

Clashing with

Native

Americans

The French / Indian War ( also known as the 7 Years War ) between the British
and the French for domination of the North American Colonies. The Native
Americans sided with the French as the French colonies were much smaller with
fewer than 100,000 inhabitants compared to the 1.5 million British. The French
probably appeared to be preferable as perhaps later they could be overcome
by an organized Native Peoples army. However, the result of the war was
English domination, with England gaining complete control of Canada, the
land east of the Mississippi River, and several Caribbean islands.

สงครามฝรั่งเศส / อินเดีย (หรือที่เรียกว่าสงคราม 7 ปี) ระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศสเพื่อครอบครอง
อาณานิคมในอเมริกาเหนือ ชนพื้นเมืองอเมริกันเข้าข้างฝรั่งเศสเนื่องจากอาณานิคมของฝรั่งเศสมีขนาด
เล็กกว่ามากโดยมีประชากรน้อยกว่า 100,000 คนเมื่อเทียบกับชาวอังกฤษ 1.5 ล้านคน ชาวฝรั่งเศสอาจดู
ดีกว่าเพราะบางทีในภายหลังพวกเขาสามารถเอาชนะโดยกองทัพชนเผ่าพื้นเมืองที่จัดตั้งขึ้น อย่างไรก็ตาม
ผลของสงครามคือการครอบงำของอังกฤษ โดยอังกฤษเข้าควบคุมแคนาดาอย่างสมบูรณ์ ดินแดนทาง

ตะวันออกของแม่น้ำมิสซิสซิปปี้ และหมู่เกาะแคริบเบียนหลายแห่ง

Events leading to

Revolution

Between 1764 and 1767, the British ระหว่างปีค.ศ.1764 - ค.ศ.1767 รัฐสภาอังกฤษ
Parliament enacted a series of laws ได้ออกกฎหมายชุดหนึ่งที่นำสินค้านำเข้าและ
placing Imported goods to the colonies, ชาวอาณานิคมตอบโต้ภาษีเหล่านี้ด้วยการคว่ำ
and the colonists responded to these บาตร ชาวอังกฤษตอบโต้ด้วยการส่งกองกำลัง
taxes with boycotts. The British retaliated ไปปราบปรามความคิดเรื่องการปฏิวัติ บอสตัน
by sending in troops to quell any thought ตกเป็นเป้าหมายของชาวอังกฤษผู้ติดตั้งทหาร
of revolution. Boston was targeted by the 4,000 นายในเมืองที่มีประชากร 16,000 นาย
British who installed 4000 soldiers in a city ทำให้เกิดความตึงเครียดมากขึ้นในเมือง ความ
of 16,000, increasing tensions in the city. ตึงเครียดนี้เกิดขึ้นในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1770
This tension came to a head in March of เมื่อฝูงชนเผชิญหน้ากับกลุ่มทหาร และการ
1770 when a crowd confronted a group เผชิญหน้าครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย ผู้
of soldiers, and this confrontation led to 5 สนับสนุนการปฏิวัติตั้งชื่อเหตุการณ์นี้ว่า " การ
deaths. The supporters of the revolution สังหารหมู่ที่บอสตัน” ซึ่งเผยแพร่ข่าวการจู่โจม
named the event the “Boston Massacre” ในวงกว้างเพื่อพยายามได้รับการสนับสนุน
spreading news of the attack far and สำหรับสาเหตุของพวกเขา อังกฤษตอบโต้ด้วย
wide in an attempt to gain support for
their cause. Britain responded by การถอนทหารและยกเลิกภาษี
withdrawing troops and repealing the
tariffs.

Events leading to
Revolution

An uneasy calm lasted until 1773 when, as a ความสงบที่ไม่สบายใจดำเนินไปจนกระทั่ง
protest to the monopoly on tea granted to the พ.ศ. 2316 เมื่อในฐานะที่เป็นการประท้วง
East India Company, a group boarded 3 ships
laden with tea and dumped it overboard into การผูกขาดชาที่มอบให้กับบริษัท East
Boston Harbor. This protest came to be known India โดยการขึ้นเรือ 3 ลำที่บรรจุชาแล้วทิ้ง
as the “Boston Tea Party”. Britain responded by ลงน้ำที่อ่าวบอสตัน การประท้วงนี้เป็นที่รู้จัก
creating a series of measures to remove ในชื่อ "Boston Tea Party" อังกฤษตอบโต้
political power from the American colonies ด้วยการสร้างชุดของ มาตรการในการขจัด
and to put pressure on those who were calling
for revolution. One of the key acts that affects อำนาจทางการเมืองออกจากอาณานิคม
modern American politics was the Quartering ของอเมริกาและกดดันผู้ที่เรียกร้องให้มีการ
Act that required colonists to provide food ปฏิวัติ หนึ่งในการกระทำสำคัญที่ส่งผลต่อ
and shelter to British soldiers. In essence,
anyone suspected of being pro-revolutionary การเมืองอเมริกันสมัยใหม่คือพระราช
would have 1-2 soldiers living in his/her house. บัญญัติการพักแรมที่กำหนดให้ชาว
อาณานิคมต้องจัดหาอาหารและที่พักพิงให้
กับทหารอังกฤษ ใครก็ตามที่สงสัยว่าเป็น
พวกปฏิวัติจะมีทหาร 1-2 นายอาศัยอยู่ใน

บ้านของตน

The
ชาวอาณานิคมตอบโต้การกดขี่ของอังกฤษ
Continental
ด้วยการจัดตั้งสภาคองเกรสภาคพื้นทวีปซึ่ง
ประกอบด้วยผู้แทนจากอาณานิคม จุดประสงค์
Congress คือเพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติและได้รับ
ฉันทามติระหว่างอาณานิคม การประชุมสภาค
The colonists responded to the oppressions by the องเกรสครั้งแรกของในเดือนกันยายนและ
ตุลาคม ค.ศ. 1774 ที่ฟิลาเดลเฟีย ซึ่งพวกเขา

British by establishing a Continental Congress, made ได้หารือเกี่ยวกับตำแหน่งต่างๆ รัฐสภาตัดสินใจ
ต่อต้าน "การบีบบังคับ" ของสหราชอาณาจักร
up of delegates from the colonies. The purpose of
the Congress was to discuss a course of action and และวางแผนการประชุมอีกครั้งในเดือน
obtain consensus among the colonies. The First พฤษภาคม ค.ศ. 1775 ก่อนการประชุมครั้งนั้น
Continental Congress met in September and ชาวอังกฤษในความพยายามที่จะค้นหาและนำ
October of 1774 in Philadelphia where they discussed แคชอาวุธออกจากผู้สนับสนุนการปฏิวัติถูกพบ
a variety of positions regarding independence. The
congress decided to oppose Britain’s “Coercive Acts” โดยกลุ่มอาณานิคมที่เรียกตัวเอง
and planned another meeting in May of 1775. Just "Minutemen" ซึ่งยิงใส่ทหารอังกฤษ สิ่งนี้นำไป
prior to that meeting, the British in an attempt to find
and remove a cache of weapons from revolutionary สู่การยิงปืนทั้งสองฝ่ายและการเสียชีวิตของ
supporters were met by a group of colonists, calling ชายหลายคน การสู้รบดำเนินต่อไปใน
themselves "Minutemen", who fired on the British
soldiers. This led to gunfire on both sides and the คองคอร์ด แมสซาชูเซตส์ และบอสตัน การ
deaths of several men. The fighting continued in ประชุมสภาคองเกรสครั้งที่สองพบกันในเดือน
Concord, Massachusetts, and Boston. The Second
Continental Congress met in May and June of 1775 in พฤษภาคมและมิถุนายน ค.ศ. 1775 ที่ฟิลา
Philadelphia where they decided to formally muster เดลเฟีย ซึ่งพวกเขาตัดสินใจรวบรวมกองทัพ
an army and appointed George Washington as its อย่างเป็นทางการและแต่งตั้งจอร์จ วอชิงตัน
General, and he was later elected as the first U.S.
President. เป็นนายพล และต่อมาเขาได้รับเลือกเป็น
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรก

The

Continental


Congress

Over the course of 1775 and the spring of 1776, the ในช่วงปี ค.ศ.1775 และฤดูใบไม้ผลิปี ค.ศ.1776 ผู้
delegates from the 12 colonies (Georgia was แทนจาก 12 อาณานิคม (จอร์เจียไม่อยู่) ได้ถก

primarily absent) debated methods and means of เถียงกันถึงวิธีการและวิธีการได้รับอิสรภาพจากสห
gaining independence from Britain. Meanwhile, a ราชอาณาจักร ในขณะเดียวกัน การโจมตีและการ
series of attacks and retaliations were executed by ตอบโต้หลายครั้งและมีผู้ถูกฆ่าทั้งโดยทหารฝั่ ง
the British and Colonial soldiers, increasing tensions in อังกฤษและทหารฝั่ งอาณานิคม ทำให้เกิดความ
North America and forcing people to decide whether ตึงเครียดในอเมริกาเหนือ และบังคับให้ผู้คนตัดสิน
they were revolutionaries or loyalists (loyal to Britain).
The Congress appointed Thomas Jefferson, Benjamin →ใจว่าพวกเขาเป็นนักปฏิวัติ(ผู้ที่อยากแยกประเทศ
Franklin, John Adams, Roger Sherman, and Robert
กับอังกฤษ)หรือผู้ภักดี(อยากอยู่กับอังกฤษ
Livingston to create an official statement that ภักดีต่อสหราชอาณาจักร) รัฐสภาได้แต่งตั้งโธมัส
formally declared the independence of the colonies เจฟเฟอร์สัน, เบนจามิน แฟรงคลิน, จอห์น อดัมส์,
from Great Britain. The Declaration of Independence
โรเจอร์ เชอร์แมน และโรเบิร์ต ลิฟวิงสตัน เพื่อ
was debated over before ultimately accepted สร้างคำแถลงอย่างเป็นทางการที่ประกาศอิสรภาพ
unanimously and first signed on 4th July 1776, a key ของอาณานิคมจากบริเตนใหญ่อย่างเป็นทางการ
คำประกาศอิสรภาพได้รับการถกเถียงกันก่อนที่จะ
date in American History.
ได้รับการยอมรับอย่างเป็นเอกฉันท์และลงนาม
ครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1776 ซึ่งเป็น

วันสำคัญในประวัติศาสตร์อเมริกา

The
American
Revolutionary
War

The American Revolutionary War is
long and messy with both sides
having significant victories. The war
lasted until 1783, but it took until
January of 1784 for a formal peace
treaty to be signed owiling was and
ratified.

สงครามปฏิวัติอเมริกานั้นยาวนาน โดย
ทั้งสองฝ่ายมีชัยชนะที่สำคัญ สงคราม
ดำเนินไปจนถึงปี ค.ศ. 1783 แต่ต้องใช้
เวลาจนถึงเดือนมกราคม ค.ศ. 1784 เพื่อ
ลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพอย่างเป็น
ทางการและให้สัตยาบัน.

ARTICLES
OF
CONFEDERATIONS

Fearful of a new "king" being installed as the head
of the government, the individual colonies wanted
power to be primarily local. Consequently, the first

organization of the United States, "Articles of
Confederation", became a loose set of guidelines
that limited the power of the Federal government.

In essence, each colony would remain an
independent "country", tenuously connected to one
another. There were no provisions for the Federal
government to collect taxes, the "President" was a

figurehead position, individual states could have
trade treaties with conflicting countries, and there
was no means to repel an attack either from other
countries or the Native Americans. Due to needs the
exigencies of war, this system functioned, barely,
but once the war was over, it was clear that a more

extensive set of rules was needed.



ด้วยความกลัวว่าจะมี "กษัตริย์" องค์ใหม่เข้ามาเป็นประมุขของ
รัฐบาล อาณานิคมแต่ละแห่งต้องการให้อำนาจเป็นท้องถิ่นเป็น
หลัก ดังนั้น องค์กรแรกของสหรัฐอเมริกา "มาตราแห่งสมา

พันธ์" กลายเป็นชุดแนวทางหลวม ๆ ที่จำกัดอำนาจของ
รัฐบาลกลาง โดยพื้นฐานแล้ว แต่ละอาณานิคมจะยังคงเป็น

"ประเทศ" ที่เป็นอิสระ ซึ่งเชื่อมต่อถึงกันเล็กน้อย ไม่มี
บทบัญญัติสำหรับรัฐบาลในการเก็บภาษี "ประธานาธิบดี" เป็น
ตำแหน่งผู้นำ แต่ละรัฐสามารถมีสนธิสัญญาการค้ากับประเทศ
ที่ขัดแย้งกัน และไม่มีวิธีใดที่จะขับไล่การโจมตีจากประเทศอื่น
หรือชนพื้นเมืองอเมริกัน เนื่องจากความจำเป็นเร่งด่วนของ

สงคราม ระบบนี้จึงใช้งานได้จริง แต่เมื่อสงครามสิ้นสุดลง
เป็นที่ชัดเจนว่าจำเป็นต้องมีกฎเกณฑ์ที่กว้างขวางกว่านี้

Constitutional

Convention

In 1787, over the course of 4 months, ในปี ค.ศ.1787 ตลอดระยะเวลา 4 เดือน ผู้
delegates from the states แทนจากรัฐต่างๆ ได้รวบรวมชุดของกฎ
เกณฑ์และแนวทางที่กลายเป็นรัฐธรรมนูญ
assembled a set of rules and guides ของอเมริกา ประเด็นสำคัญคือรัฐบาลกลาง
that became the American ควรมีความแข็งแกร่งเพียงใดเมื่อเทียบกับ
รัฐบาลของรัฐ กลุ่มหนึ่ง "สหพันธรัฐ" ได้
Constitution. A key issue was how ผลักดันให้มีรัฐบาลกลางที่เข้มแข็งซึ่งมีกฎ
strong the federal government เกณฑ์ที่จะมาแทนที่กฎเกณฑ์ของรัฐแต่ละ

should be in relation to the State รัฐ พวกเขาเขียนบทความชุดหนึ่งชื่อ
governments. One group, the "Federalist Papers" ที่กระตุ้นให้ตัวเลือกนี้
และตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ ในอีกด้านหนึ่ง
"Federalists", pushed for a strong
Federal government whose rules กลุ่มต่อต้านรัฐบาลกลางมีความกังวลว่า
รัฐบาลกลางที่เข้มแข็งจะส่งผลให้เกิดการ
would supersede those of an
individual state. They wrote a series รวมตัวกันของอำนาจ ทำให้เกิดระบอบ
of articles called "Federalist Papers" เผด็จการ

urging this choice and published
them in newspapers. On the other

side, the Anti-Federalists were
worried that a strong Federal
government would result in a
concentration of power, effectively

creating a plutocracy.

The American Constitution

The United States’ Constitution was รัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกาถูกสร้างขึ้นในปี
ค.ศ.1787 ให้สัตยาบันในปี ค.ศ.1788 และมีผล
created in 1787, ratified in 1788, and
บังคับใช้ในปี ค.ศ.1789 เอกสารดังกล่าว
ประกอบด้วยร่างกฎหมายว่าด้วยสิทธิ (ฉบับ
became effective in 1789. The document แก้ไข 10 ฉบับแรก) และการแก้ไขหลายชุดที่
is composed of the Bill of Rights (the first เพิ่มเติมเข้ามาตลอดประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ
10 amendments) and a series of ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลง การแก้ไขครั้งที่
amendments that have been added 13 ยกเลิกการเป็นทาสและความเป็นทาสโดยไม่
throughout U.S. history that reflect สมัครใจ การแก้ไขครั้งที่ 19 ทำให้ผู้หญิงมีสิทธิ
changes to American society; the 13th ในการออกเสียงลงคะแนน การแก้ไขครั้งที่ 18
amendment abolished slavery and ห้ามการผลิตและการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
involuntary servitude, the 19th amendment แต่การแก้ไขครั้งที่ 21 เปลี่ยนแปลงในหัวข้อ
granted women the right to vote, the 18th แอลกอฮอล์ของการแก้ไขครั้งที่ 18 โดยให้การ
amendment prohibited the production ควบคุมการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่ในมือ
and sale of alcohol, but the 21st repealed ของสหรัฐฯ โดยรวมแล้ว รัฐธรรมนูญเป็น
the 18th, placing control of alcohol sales เอกสารขนาดใหญ่และซับซ้อนที่ถกเถียงกันอยู่
in the hands of the States. Overall, the ในปัจจุบัน
Constitution is a large and complex
document that is argued over today.

微博:忠犬波吉

American Expansion

In 1800, Spain ceded the Louisiana Territory ในปี 1800 สเปนยกดินแดนหลุยเซียน่าให้กับ
to France. This territory was a vast stretch ฝรั่งเศส อาณาเขตนี้เป็นพื้นที่กว้างใหญ่
of land from what is today Louisiana in the ตั้งแต่รัฐลุยเซียนาในปัจจุบันทางตอนใต้
south to the Canadian Border in the north, จนถึงชายแดนแคนาดาทางตอนเหนือ โดย
essentially the middle of the today's United พื้นฐานแล้วคือตอนกลางของสหรัฐอเมริกา
States. In 1803, France's Emperor Napoleon ในปัจจุบัน ในปี ค.ศ. 1803 จักรพรรดินโป
Bonaparte wanted cash, so he ordered his เลียน โบนาปาร์ตของฝรั่งเศสต้องการเงินสด
foreign minister Talleyrand to sell the ดังนั้นเขาจึงสั่งให้รัฐมนตรีต่างประเทศของ
territory to the U.S., essentially doubling เขา Talleyrand ให้ขายดินแดนดังกล่าวให้กับ
America's land and enabling further สหรัฐฯ โดยพื้นฐานแล้วจะเพิ่มที่ดินของ
expansion. However, at the time of the อเมริกาเป็นสองเท่าและทำให้สามารถขยาย
sale, nobody was certain how much land เพิ่มเติมได้อีก อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาของ
there was or what that land was like. การขาย ไม่มีใครแน่ใจว่ามีที่ดินเท่าใดหรือที่ดิน
President Thomas Jefferson enlisted the นั้นเป็นอย่างไร ประธานโธมัส เจฟเฟอร์สันขอ
help of Merriweather Lewis and William ความช่วยเหลือจากเมอร์ริเวเธอร์ ลูอิส และ
Clark to map the new lands. วิลเลียม คลาร์กในการทำแผนที่ดินแดนใหม่

In 1812, what is Canada today was still a ในปี ค.ศ.1812 แคนาดาในปัจจุบันยังคง
British territory. In that time period, British เป็นดินแดนของอังกฤษ ในช่วงเวลานั้น

ships would stop merchant vessels and เ รือ อั ง ก ฤ ษ จ ะ ห ยุ ด เ รือ เ ดิ น ท ะ เ ล แ ล ะ
force any British citizens to join the British บั ง คั บ ใ ห้ พ ล เ มื อ ง อั ง ก ฤ ษ ค น ใ ด เ ข้ า ร่ว ม
navy because it needed more sailors as it ก อ ง ทั พ เ รือ อั ง ก ฤ ษ เ พ ร า ะ ต้ อ ง ก า ร ท ห า ร
เรือมากขึ้ นเนื่ องจากต้องต่อสู้กับนโป
had been fighting Napoleon since 1799, เลียน ตั้งแต่ปี ค.ศ.1799 และ สงคราม
and a dozen years at war tends to deplete ห ล า ย สิ บ ปี มี แ น ว โ น้ ม ที่ จ ะ ทำ ใ ห้ ก อ ง ทั พ

the military. ห ม ด อำ น า จ
The Americans wanted to kick Britain out ช า ว อ เ ม ริกั น ต้ อ ง ก า ร ขั บ ไ ล่ อั ง ก ฤ ษ อ อ ก
of North America, but there was one little จากอเมริกาเหนือ แต่มีข้อบกพร่องเล็ก
flaw in that thinking: many people who น้อยในความคิดนั้น : หลายคนที่หนีออก
fled America as loyalists, losing land and จ า ก อ เ ม ริก า ใ น ฐ า น ะ ผู้ ภั ก ดี ต่ อ อั ง ก ฤ ษ
homes in the process, were still peeved at สูญเสียที่ดินและบ้านเรือน ยังคงโกรธ
the Americans. President Thomas Jefferson เคืองชาวอเมริกัน ประธานาธิบดีโธมัส
เจฟเฟอร์สัน เชื่ อว่าการเข้ายึดครอง
meanwhile believed that taking over แคนาดาจะเป็นเพียง "การเดินขบวน
Canada would be a "mere matter of
เ ข้ า ไ ป แ ล้ ว ไ ด้ สิ่ ง ที่ ป ร า ร ถ น า "
marching." แต่มันยุ่งยากกว่านั้น สงครามดำเนินไป
It was a little messier than that. The war
lasted until 1815, and the British marched จนถึงปี ค.ศ.1815 และผู้ที่ภัคดีต่อ
to Washington and set fire to the White อั ง ก ฤ ษ ไ ป ยั ง ก รุ ง ว อ ชิ ง ตั น แ ล ะ จุ ด ไ ฟ เ ผ า
House, so the Americans painted it white ทำเนียบขาว ชาวอเมริกันจึงทาสีขาวเพื่ อ
to hide the damage. The result of this war
for Americans was essentially nothing. ปกปิดความเสียหาย ผลของสงคราม
เพื่ อชาวอเมริกันครั้งนี้ไม่ได้อะไรเลย



donA'Tmt haleiebkroieWcuattaonrs
talk

THE MISSOURI

COMPROMISE

Slavery in the southern states gave them an economic and political
advantage. Each slave was counted as 3/5 of a citizen when
determining population, and because representation in the House of
Representatives was based on population, Slave Holding States held
a majority of seats since each state sent two representatives to the
Senate.

However, as expansion continued and new states joins the Union,
there was a concern that Free States would outnumber Slave
Holding States, so measures were taken to create a balance
between these states. Most crucial of these is the Missouri
Compromise that allowed Missouri to enter the U.S. as a Slave
Holding State and Maine as a Free State so that there were 24
states evenly divided between Free and Slave Holding and that no
new states above the Missouri Compromise line would be allowed to
have slavery.

However, the Kansas-Nebraska Act nullified the Missouri Compromise
and allowed the citizens of those states to decide for themselves
whether slavery would be allowed. This Act created unease within
Slave Holding States and led to clashes between both sides of the
slavery issue.

การเป็นทาสในรัฐทางใต้ทำให้พวกเขาได้เปรียบทางเศรษฐกิจและการเมือง ทาสแต่ละ
คนถูกนับเป็น 3/5 ของพลเมืองเมื่อกำหนดจำนวนประชากร และเนื่องจากการเป็น
ตัวแทนในสภาผู้แทนราษฎรนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนประชากร รัฐที่ถือครองทาสจึงมีที่
นั่งส่วนใหญ่เนื่องจากแต่ละรัฐส่งผู้แทนสองคนไปยังวุฒิสภา

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่การขยายตัวยังคงดำเนินต่อไปและรัฐใหม่เข้าร่วมสหภาพ มี
ความกังวลว่ารัฐอิสระจะมีจำนวนมากกว่ารัฐที่ถือครองทาส ดังนั้นจึงได้ดำเนิน
มาตรการเพื่อสร้างสมดุลระหว่างรัฐเหล่านี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการประนีประนอมใน
มิสซูรีที่อนุญาตให้มิสซูรีเข้าสู่สหรัฐอเมริกาในฐานะรัฐที่ถือทาสและรัฐเมนในฐานะรัฐ
อิสระเพื่อให้มี 24 รัฐแบ่งเท่า ๆ กันระหว่างอิสระและทาสโฮลดิ้งและไม่มีรัฐใหม่ใดที่
อยู่เหนือ Missouri Compromise line ได้รับอนุญาตให้มีความเป็นทาส

อย่างไรก็ตาม พระราชบัญญัติ Kansas-Nebraska ทำให้การประนีประนอมของรัฐ
มิสซูรีเป็นโมฆะและอนุญาตให้พลเมืองของรัฐเหล่านั้นตัดสินใจด้วยตัวเองว่าจะ
อนุญาตให้มีทาสหรือไม่ พระราชบัญญัตินี้สร้างความไม่สบายใจภายในรัฐที่ถือครอง
ทาสและนำไปสู่การปะทะกันระหว่างทั้งสองฝ่ายของปัญหาการเป็นทาส

The Civil War

The Civil War was initiated when South
Carolina voted to separate from the
rest of the United States after the

election of Lincoln as President in 1860.
By February of 1861, 7 states (Alabama
Florida Georgia, Louisiana, Mississippi,

South Carolina, and Texas) had
seceded, forming the Confederate
States of America. While the Civil War is
frequently depicted as being about
slavery, it was, as most wars are, about
power and money. The northern states
did not want to lose the profitable
southern states, so they went to war in
order to retain those states in their

country. The end result was the
abolition of slavery in 1865.

The players in the war were divided
into the northerners (blue uniforms)
known as Yankees, Blues, and Union

soldiers and southerners (grey
uniforms) known as Confederates,
Rebels, and Greybacks. Those colors are
frequently used to identify each side

The Civil War

สงครามกลางเมืองเริ่มขึ้นเมื่ อเซาท์แคโรไลนาโหวตให้
แยกตัวออกจากส่วนที่เหลือของสหรัฐอเมริกาหลังจาก
การเลือกตั้งประธานาธิบดีลินคอล์นในปีค.ศ.1860
ภายในเดือนกุมภาพันธ์ปีค.ศ.1861 7 รัฐ (อลาบา
มา,ฟลอริดา,จอร์เจีย,ลุยเซียนา,มิสซิสซิปปี้ ,เซาท์
แคโรไลนา,และเท็กซัส) ได้แยกตัว จัดตั้งสมาพันธรัฐ
อเมริกา ในขณะที่สงครามกลางเมืองเป็นเรื่องเกี่ยวกับ
การเป็นทาส สงครามส่วนใหญ่เกี่ยวกับอำนาจและเงินก็
เหมือนกับสงคราม รัฐทางเหนือไม่ต้องการเสียรัฐทาง
ใต้ที่ทำกำไรได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไปทำสงครามเพื่ อรักษา
รัฐเหล่านั้นไว้ในประเทศของตน ผลลัพธ์ที่ได้คือการเลิก
ทาสในปีค.ศ.1865 ผู้คนในสงครามแบ่งออกเป็นชาว
เหนือ (เครื่องแบบสีน้ำเงิน) ที่รู้จักกันในชื่ อ Yankees
, Blues และ Union soldiers และชาวใต้ (เครื่อง
แบบสีเทา) ที่รู้จักกันในชื่ อ Confederates ,
Rebels และ Greybacks สีเหล่านี้มักใช้เพื่ อระบุ
แต่ละฝั่ ง

ฝั่ งเหนือ → United States : เลิกทาส WIN
ฝั่ งใต้ → Confederate States : เอาทาส

ผลกระทบต่อทั่วโลก

สงครามปฏิวัติอเมริกาช่วงปีค.ศ.1775-1783 การที่ฝรั่งเศสได้ร่วมรบกับอเมริกาอย่างเคียง

อาณานิคมทั้ง 13 แห่งมิได้ต่อสู้โดยลำพัง แต่มี บ่าเคียงตลอดระยะเวลาร่วม 9 ปีของสงคราม

พันธมิตรคือฝรั่งเศสและสเปน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปฏิวัติอเมริกาดังกล่าว แม้ฝรั่งเศสจะเป็นฝ่าย

ฝรั่งเศสได้ทุ่มสุดตัวในร่วมรบเพราะมีความโกรธแค้น
บริเตนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ในฐานะเป็นผู้ปราชัยในการ ชนะสงคราม แต่ก็ได้ทำให้เศรษฐกิจของ

สู้รบชิงความเป็นใหญ่เหนือดินแดนอาณานิคมใน ฝรั่งเศสทรุดลงเป็นอันมาก จนอาจเรียกว่าอยู่

อเมริกาเหนือที่เรียกว่า สงคราม 7 ปีระหว่าง ในภาวะล้มละลาย (bankruptcy) และได้กลาย

ปีค.ศ.1756-1763 ซึ่งนอกจากจะทำให้ดินแดน
อาณานิคมทั้ง 13 แห่งตกเป็นของบริเตนแล้ว ยัง เป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้เกิด

ทำให้ฝรั่งเศสต้องเสียดินแดนแคนาดาให้บริเตนด้วย ปฏิวัติใหญ่ในฝรั่งเศส (French Revolution)

(Tim Lambert, American History Timeline) ระหว่างปี ค.ศ.1788-1789 โดยคนชั้นกลางซึ่ง

เป็นพ่อค้านายทุนรุ่นใหม่เห็นว่า พระเจ้าหลุยส์

ในการสู้รบดังกล่าว ฝรั่งเศสได้ร่วมรบอย่างเคียงบ่า
เคียงไหล่กับอเมริกา ดังจะเห็นได้จากการสู้รบที่ชี้ขาด ที่ 16 เป็นกษัตริย์ที่อ่อนแอ ไม่สนใจในการ

ชัยชนะมี่ยอร์คทาวน์ระหว่างวันที่ 28 กันยายน - 19 บริหารราชการบ้านเมือง จึงได้โค่นล้มพระเจ้า

ตุลาคม 1781 หากอเมริกามิได้กองทัพของฝรั่งเศส
เข้าร่วมสู้รบอย่างเต็มกำลังแล้ว ผลการสู้รบก็อาจจะ หลุยส์ที่ 16 พร้อมกับเปลี่ยนแปลงการ

ปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไป

กลับกลายเป็นอีกอย่างหนึ่ง
เป็นระบอบสาธารณรัฐ (Republic)

"เกิดการปกครองรูปแบบใหม่ ซึ่งก็คือการ
ปกครองที่ไม่มีกษัตริย์มาคอยควบคุม

แต่มีการยึดเสียงของประชาชนเป็นหลักแทน
โดยผ่านอำนาจของ “ รัฐ “ แนวคิดแบบ
เสรีนิยมถูกนำมาใช้มากขึ้น"

ผลกระทบต่อ
ประเทศไทย

เนื่องจากในช่วงเวลาที่พระบาทสมเด็จเด็จพระ
จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.5) ทรงปกครองอยู่นั้น
อเมริกาก็ได้มีการเลิกทาสและเกิดแนวคิดแบบ
เสรีนิยม ร.5 จึงนำแนวทางการเลิกทาสมาปรับ
ใช้ในสังคมไทย และอเมริกาได้มีการวางรากฐาน
ระบอบประชาธิปไตยให้กับไทยนั่นคือเมื่อทุกคน
เท่าเทียม ทุกคนควรได้รับกาการศึกษาที่ดีเท่า
กัน มีสิทธิเสรีภาพและอิสรภาพ

Bibliography

ไม่ระบุนาม. (2565). “American Revolution”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก:
https://en.wikipedia.org/wiki/American_Revolution.
(วันที่ค้นข้อมูล : วันที่ 15 สิงหาคม 2565).

ไม่ระบุนาม. (2564). “French and Indian War”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก:
https://www.history.com/topics/native-american-history/french-and-indian-war.
(วันที่ค้นข้อมูล : วันที่ 15 สิงหาคม 2565).

ไม่ระบุนาม. (2565). “Seven Years' War”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก:
https://en.wikipedia.org/wiki/Seven_Years%27_War.
(วันที่ค้นข้อมูล : วันที่ 15 สิงหาคม 2565).

Patrick J. Kiger. (2565). “7 Events That Led to the American Revolution”. [ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก: https://www.history.com/news/american-revolution-causes.
(วันที่ค้นข้อมูล : วันที่ 15 สิงหาคม 2565).

Jeff Wallenfeldt. (ไม่ระบุปี). “Timeline of the American Revolution”. [ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก: https://www.britannica.com/list/timeline-of-the-american-revolution.
(วันที่ค้นข้อมูล : วันที่ 16 สิงหาคม 2565).

ไม่ระบุนาม. (2565). “Continental Congress”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก:
https://en.wikipedia.org/wiki/Continental_Congress.
(วันที่ค้นข้อมูล : วันที่ 16 สิงหาคม 2565).

ไม่ระบุนาม. (2565). “American Revolutionary War”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก:
https://en.wikipedia.org/wiki/American_Revolutionary_War.
(วันที่ค้นข้อมูล : วันที่ 16 สิงหาคม 2565).

ไม่ระบุนาม. (ไม่ระบุปี). “The Constitutional Convention”. [ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก: https://www.constitutionfacts.com/us-constitution-amendments/the-
constitutional-convention/.
(วันที่ค้นข้อมูล : วันที่ 17 สิงหาคม 2565).

ไม่ระบุนาม. (2565). “Territorial evolution of the United States”. [ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก: https://en.wikipedia.org/wiki/Territorial_evolution_of_the_United_States.
(วันที่ค้นข้อมูล : วันที่ 17 สิงหาคม 2565).

ไม่ระบุนาม. (2565). “Missouri Compromise”. [ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก: https://www.history.com/topics/abolitionist-movement/missouri-compromise.
(วันที่ค้นข้อมูล : วันที่ 17 สิงหาคม 2565).

ไม่ระบุนาม. (2565). “American Civil War”. [ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก: https://en.wikipedia.org/wiki/American_Civil_War.
(วันที่ค้นข้อมูล : วันที่ 17 สิงหาคม 2565).




Click to View FlipBook Version