เทคโนโลยีสารสนเทศ
สาขางานอิเล็กทรอนิกส์อุตสาหกรรม วิทยาลัยเทคนิคสงขลา
เ รี ย บ เ รี ย ง โ ด ย . . .
XXXXX XXXXXX
ค รู ผู้ ส อ น . . .
XXXXX XXXXXX
รายงานเรื่อง เทคโนโลยสี ารสนเทศ
จัดทำโดย
นายทีฆะทศั น์ เกษสระ
รหสั 65301040042
สาขางานไฟฟา้ กำลงั
รายงานนี้เปน็ สว่ นหนงึ่ ของวชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่อื การจัดการอาชพี
รหสั วิชา 30001-2001
สอนโดย
คุณครู พลวัฒน์ เกือ้ ขำ
วทิ ยาลยั เทคนิคสงขลา
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา
ก
คำนำ
รายงานเลม่ นี้จัดทำข้ึนเพ่ือเป็นส่วนหนงึ่ ของวิชา เทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่อการจดั การอาชีพ เพื่อให้ได้
ศกึ ษาหาความรู้ในเร่ือง เทคโนโลยสี ารสนเทศ และไดศ้ ึกษาอย่างเขา้ ใจ เพื่อเปน็ ประโยชน์กบั การเรยี น
ผู้จัดทำหวงั วา่ รายงานเล่มน้จี ะเปน็ ประโยชนก์ บั นักศึกษา ที่กำลงั หาข้อมูลเรื่องนี้อยู่ หากมขี ้อแนะนำหรือ
ข้อผดิ พลาดประการใด ผู้จัดทำขอน้อมรบั ไวแ้ ละชออภยั ณ ท่ีนด้ี ้วย
จัดทำโดย
ทฆี ะทัศน์ เกษสระ
สารบัญ ข
เรอ่ื ง หน้า
คำนำ ก
สารบัญ ข
สารบัญรปู ภาพ ค
เทคโนโลยีสารสนเทศ 1
ความหมายสารสนเทศ
นโยบายเทคโนโลยสี ารสนเทศ ฉบับแรก 1-2
การใช้เทคโนโลยสี ารสรเทศเพื่อการศึกษา 2-3
สภาพแวดล้อมทางการศึกษา 3-5
การศกึ ษาตอ้ งตอบสนองความต้องการของสงั คม
อา้ งองิ 5
6-9
10
สารบญั รปู ภาพ ค
ภาพท1ี่ องค์ประกอบของคอมพวิ เตอร์ 1
ภาพท่2ี การใชเ้ ทคโนโลยเี พอื่ การสื่อสาร 3
ภาพท3ี่ การศึกษาออนไลน์ 8
1
เทคโนโลยีสารสนเทศ คอื ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทีท่ ำใหเ้ กิดวิธีการใหม่ ๆ ในการจดั เก็บ
ข้อมลู ขา่ วสาร ความรู้ การสง่ ผา่ น การสอ่ื สารสารสนเทศ การเข้าถึงสารสนเทศ การรับสารสนเทศ รวมถึงการ
สรา้ งสังคมและอตุ สาหกรรมด้านสารสนเทศ และการจัดการสารสนเทศใหม้ ีประสทิ ธิภาพ และสอดคลอ้ งกบั การ
นำมาใช้ในชวี ติ ประจำวันได้อย่างลงตัว
ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศ
คำว่า"เทคโนโลยีสารสนเทศ" หรือ"Information Technology" ตรงกับคำศัพธ์ที่ว่า"Informatique"
ซึ่งหมายถึง "การนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีอื่นๆ มาใช้ในงานที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและสังคม"
นอกจากนี้ยังมีความหมายที่ใกล้เคียงกันคือ"Telematioque" หมายถึง "การบูรณาการระหว่างคอมพิวเตอร์กับ
การสื่อสาร" และคำว่า "Burotique" หมายถึง สำนักงานอัตโนมัติ ดังนั้นเมื่อมีการนำคำศัพท์ภาษาอังกฤษทั้งสอง
คำมาใช้แทนคำว่าเทคโนโลยี สารสนเทศ จึงได้คำว่า "Informatic" ซึ่งมีความหมายเช่นเดียว กันกับ"
Informatique" แต่คำเหล่านี้ไม่เป็นที่นิยมมากนัก ในสหรัฐอเมริการก็ได้มีการบัญญัติคำศัพท์ว่า "Teleputer"
ขึ้น มาใช้แต่กไ็ มเ่ ป็นทนี่ ยิ มเชน่ กัน
คำว่า "สารสนเทศ" หรือ "สารนิเทศ " ตรงกับคำศัพท์ภาษาอังกฤษว่า " Information" ซ่ึง
ราชบัณฑิตยสถานบญั ญัตใิ หใ้ ชค้ ำศัพท์ทงั้ สองคำแทนคำว่า Information ไดใ้ นวงการคอมพิวเตอร์การสื่อสาร และ
วงการธุรกิจ ส่วนใหญน่ ิยมใช้คำวา่ สารสนเทศมากกว่า
"สารนเิ ทศ" มคี วามหมายถึง ข้อมลู ขา่ วสาร ความรตู้ า่ ง ๆ ทม่ี ีการบนั ทกึ อยา่ งเปน็ ระบบตามหลกั วชิ าการ
เพื่อนำมาเผยแพร่และใช้งานทุกสาขาทุกด้าน ส่วนคำว่า "เทคโนโลยี สารสนเทศ" (Imformation
Technology:IT) เรียกสั้นๆว่า "ไอที" มีความหมายเน้นถึงขั้นตอนการดำเนินงานและการจัดการในกระบวนการ
สารสนเทศหรือ สารนเิ ทศ ตัง้ แต่การเสาะแสวงหาการวิเคราะห์ การจดั เก็บ การจัดการ และการเผยแพร่ เพ่ือเพ่ิม
ประสทิ ธภิ าพ ความถกู ต้อง ความแมน่ ยำ และความรวดเร็วทนั ต่อการนำมาใช้ปประโยชน์
2
บีแฮนและโฮลมั ส์ ใหค้ วามหมายไวว้ ่า "เทคโนโลยีสารสนเทศหมายถึง เทคโนโลยที ท่ี ำให้มนษุ ย์สามารถ
สร้างระบบสารสนเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนทำให้เกิดประสิทธิผลและประโยชน์อย่างมหาศาล ได้แก่ การใช้
ทำเบียนข้อมูล การจัดเก็บ การประมวลผลการค้นคืน การส่งและรับสารสานเทศต่าง ๆ ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่
ต่าง ๆ เช่น คอมพิวเตอร์ โทรสาร โทรคมนาคม และไมโครอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งเทคโนโลยีเดิมที่ใช้ในระบบ
จดั เรียงเอกสาร เครอื่ งทำบญั ชอี ตั โนมตั ิ เป็นต้น"
มหาวิทยาลัยสุโยทัยธรรมาธิราช ให้ความหมายว่า "เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง เทคโนโลยีทุกอย่างที่
เกี่ยวข้องกับสารสนเทศ เมจากเทคโนโลยีเดิมที่ใข้ในการจัดเก็บ ประมวลผล แสดงผล และเผยแพร่สารสนเทศใน
รูปของข้อมูล ข้อความและเร่ือง โดยใชเ้ ทคโนโลยีคอมพวิ เตอร์และเทคโนโลยโี ทรคมนาคม
ประเทศไทยได้ประกาศใช้นโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศฉบับแรก (IT2000) และได้ดำเนินการโดยมุ่งหวัง
ให้เกิดการพัฒนาประเทศไปสู่เศรษฐกิจและสังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้ ( Knowledge -based
Economy/Society : KBE/KBS) และด้วยองค์ประกอบทางสังคมและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปจึงต้องมีการ
กำหนดนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงทั้งในและต่างประเทศ จึงได้จัดทำกรอบ
นโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศในระยะที่สอง IT 2010 ซึงจะครอบคลุมเวลา 10 ปี (พ.ศ.2544-
2553) โดยให้ความสำคัญกับบทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศ ในฐานะเครื่องมือในการขับเคลื่อนการพัฒนา
ประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยเน้นถึงการประยกุ ต์ใช้ในสาขาหลักที่เป็นเปา้ หมายของการพัฒนาอยา่ ง
สมดุลย์ระหว่างภาคเศรษฐกิจและภาคสังคม โดยเน้นการพัฒนาด้าน IT ใน 5 สาขา ได้แก่ 1) การพัฒนา
เทคโนโลยีสารสนเทศในภาครัฐ (e-Government) 2) การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในภาคอุตสาหกรรม
(e-Industry) 3) การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในภาคการพาณิชย์ (e-Commerce) 4)การพัฒนาเทคโนโลยี
สารสนเทศในภาคการศึกษา (e-Education) 5) การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในภาคสังคม (e-Socitey) รวม
ไปถึงการเสริมสร้างอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Industry) ให้มีขีดความสามารถและความเข้มแข็งมาก
ข้ึน โดยมีความสอดคล้องกบั หลักเศรษฐกิจพอเพยี ง ให้ประเทศไทยไดพ้ ง่ึ ตนเองด้านเทคโนโลยีมากข้นึ เพือ่ ทดแทน
การซ้ือเทคโนโลยี โดยมพี ้ืนฐานท่ีสำคญั ในการพัฒนาคนให้ มีคุณภาพเพียงพอในทกุ ระดบั การศึกษา มีการใช้ไอที
มาประยุกต์ใช้กับงานด้านต่างๆ ของประเทศ เช่น ด้านเกษตรสิ่งแวดล้อม อุตสาหกรรม พลังงาน การพัฒนา
ทรพั ยากรมนุษย์ การศึกษา การบริหารจัดการ การสนับสนนุ คนพิการ ความม่นั คงของประเทศ เป้าหมายให้แผน
ไอที 2010 เป็นแผนที่เน้นด้านเศรษฐกิจมากขึ้น ลดความยากจนของคนในประเทศโดยใช้ไอทีเข้าช่วย
เป็นการพัฒนาระหว่าง เศรษฐกิจเก่าและเศรษฐกิจใหม่เข้าด้วยกัน ซึ่งเพิ่มเติมจากแผนไอที 2000 ซึ่งเป็นแผนที่
เน้นความสำคัญด้าน โครงสรา้ งพนื้ ฐาน บุคลากรและการปกครองทด่ี ี ซ่ึงถอื ได้ว่าประสบความสำเรจ็ จาก
3
เอกสาร สรุปผลการประเมินแผนแม่บท ICT ฉบับที่ 1 ที่ปรากฏใน(ร่าง) วิสัยทัศน์ พันธกิจ และประเด็น
ยทุ ธศาสตร์ของแผน่ แมบ่ ทเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร (ฉบับท่ี 2) ของประเทศไทย พ.ศ. 2552
พบว่า ดัชนีชี้วัดประเทศไทยอยู่ในในด้านการแข่งขันอยู่อันดับที่ 33 จาก 55 ประเทศทั่วโลก
ด้านความพร้อมอยู่อันดับที่ 47 จาก 70 ประเทศทั่วโลกแต่มีแนวโน้มลดลง ปัจจัยที่ทำให้การพัฒนา เทคโนโลยี
สารสนเทศและการสื่อสาร ของประเทศลดลงไทยคือความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่พอเพียง จากการ
วเิ คราะห์ SWOT มขี ้อสรปุ ว่าในแผน ICT ฉบบั ที่ 2 ควรมุง่ เนน้ การแก้ไขจุดออ่ น 2 ประการคือ คน และการบรหิ าร
จัดการ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยกำหนดวิสัยทัศน์ว่า เป็นสังคมอุดมปัญญา (Smart Thailand)
มกี ารใช้เทคโนโลยอี ย่างชาญฉลาดภายใตเ้ ศรษฐกิจพอเพยี ง ประชาชนทกุ ระดบั มีความรอบรู้ สามารถเขา้ ถึงและใช้
สารสนเทศได้อย่างมีคุณธรรม จริยธรรม มีวิจารณญาณ และรู้เท่าทัน (Smart people: Information literate)
มีการบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารที่มีธรรมาภิบาล และ (Smart Governance) เพื่อการ
พฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมอยา่ งยง่ั ยนื
การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศเพอื่ การศึกษา
นโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศระยะ พ.ศ.2544-2553 ของประเทศไทย ได้กำหนดเป้าหมายและ
ยทุ ธศาสตร์ด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่ือการพัฒนาดา้ น การศึกษา (e-Education) ดงั นี้
เป้าหมาย พัฒนาและเตรยี มความพร้อมด้านทรัพยากรมนุษยใ์ นทุกระดับของประเทศเพ่ือรองรับการ
พฒั นาสู่การเปน็ สังคมแห่งภมู ิปัญญาและการเรียนรู้ ยทุ ธศาสตร์การพัฒนาเทคโนโลยสี ารสนเทศ ประกอบดว้ ย
4
ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 1
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ส่งเสริม สนับสนุน ให้ผู้เรียนใช้
ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนรู้จาก แหล่งและวิธีการที่หลากหลาย โดยจัดให้มีการพัฒนาส่ือ
อิเล็กทรอนิกส์ พัฒนาผู้สอนและบุคลากรทางการศึกษา พัฒนาหลักสูตรให้เอื้อต่อการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี
สารสนเทศเพื่อการจัดการเรียนการสอน เพิ่มประสิทธิภาพการเรียนทางไกล จัดให้มีศูนย์ข้อมูลสื่ออิเล็กทรอนิกส์
(Courseware Center) ใหม้ ีการเรียนการสอนผา่ นระบบอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (e-Learning) จดั ทำหนงั สอื อิเลก็ ทรอนิกส์
(e-Book) จัดให้มีห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ (e-Library) เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ได้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง
ตลอดชีวติ (Lifelong Learning) นำไปส่สู งั คมแห่งคุณธรรมและสงั คมแหง่ ภูมปิ ญั ญาและการเรียนรู้
ยุทธศาสตรท์ ี่ 2
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศพัฒนาการบริหารจัดการและให้บริการทางการศึกษา พัฒนาระบบงาน
คอมพิวเตอร์ ระบบฐานข้อมูลเพื่อการบรหิ ารจัดการ และพัฒนาบุคลากรทกุ ระดับท่ีเกี่ยวข้อง โดยความร่วมมือกับ
สถาบันอุดมศึกษาที่มีความพร้อมและเอกชน สร้างศูนย์ปฏิบัติการสารสนเทศ (Operation Center) เชื่อมโยง
แลกเปลี่ยนข้อมูลระดับชาติและระดับกระทรวง รวมทั้งส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพิ่มประสิทธิภาพการ
บรหิ ารจดั การ และใหบ้ รกิ ารทางการศึกษา ดว้ ยระบบอเิ ล็กทรอนิกส์ท่สี อดคล้องกับการปฏริ ปู ระบบราชการ
ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 3
การผลิตและพัฒนาบุคลากรดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศ ผลติ และพัฒนาบุคลากร เพื่อรองรับความต้องการ
กำลังคนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ โดย จัดให้มีการพัฒนาหลักสูตรเทคโนโลยีสารสนเทศในทุกระดับกรศึกษา
พฒั นาผสู้ อนและนักวจิ ยั สง่ เสรมิ การวจิ ัย และนำผลการวจิ ัยไปประยุกตใ์ ช้ รวมทง้ั ประสานความรว่ มมอื กับองค์กร
ของรัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศ ในการพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อการพัฒนา
การศกึ ษาและอตุ สาหกรรม
ยทุ ธศาสตร์ท่ี 4
การกระจายโครงสร้างพืน้ ฐานเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือการศึกษา จัดใหม้ แี ละกระจายโครงสร้างพื้นฐาน
เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างทั่วถึง มุ่งเน้นการจัดหาและใช้ทรัพยากรทางด้านเครือข่ายร่วมกัน จัดหาระบบ
คอมพวิ เตอร์ และซอฟตแ์ วรท์ ่ใี ชใ้ นการดำเนนิ การอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยร่วมมือกบั ภาครัฐ เอกชน ชุมชน
5
และท้องถิ่น เตรียมบุคลากรปฏิบัติงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศให้เพียงพอ รวมทั้งการสร้างมูลค่าเพิ่ม และ
การซ่อมบำรงุ รักษาอปุ กรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศทมี่ ีอยใู่ ห้มปี ระสิทธิภาพในการใช้ปฏบิ ตั ิงาน
นโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา จะเป็นสิ่งกำหนดแนวทางใน
การดำเนนิ การปฏริ ปู การศึกษาตอ่ ไป
สภาพแวดล้อมทางการศกึ ษา
บทบาทต่อการพัฒนาประเทศเป็นอย่างมากของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร อาจกล่าวได้ว่า
ปัจจุบนั เปน็ ยุคสังคมเทคโนโลยีสารสนเทศ มกี ารติดตอ่ สือ่ สารผ่านเครอื ข่ายอนิ เทอร์เนต็ ทำให้ผคู้ นทั่วโลกสามารถ
ติดตอ่ ส่อื สารกนั ได้อย่างสะดวกและรวดเรว็ ไมว่ ่าจะเป็นการพดู คุยผา่ นเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ (Chat) การใช้ไปรษณีย์
อิเล็กทรอนิกส์ (e-Mail) การสืบค้นข้อมูลตามเว็บไซต์ต่างๆ สำหรับวงการธุรกิจก็เกิดระบบพาณิชย์อิเลก็ ทรอนกิ ส์
(e-Commerce) และธุรกรรมอเิ ล็กทรอนิกส์ (e-Business) ในวงการศึกษาเกิดระบบมหาวิทยาลยั เสมือน (Virtual
University) มหาวิทยาลัยอิเล็กทรอนิกส์ (e-University) ซึ่งจะมีการจัดการเรียนการสอนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
(e-Learning) ซึ่งอาจเป็นการสอนแบบออนไลน์หรือออฟไลน์ก็ได้ การสอนแบบออนไลน์ จะสอนผ่านระบบ
อินเทอร์เน็ต หรือ อินทราเน็ต ผู้เรียนกับผู้สอนสามารถติดต่อสื่อสารผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ การสอนแบบ
ออฟไลน์ เป็นการสื่อช่วยสอนประเภทวีดีโอ หรือ ซีดีรอม ที่รู้จักกันในชื่อ คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer As
Instruction : CAI) หรือ คอมพิวเตอร์ช่วยในการฝึกอบรม (Computer Based Training : CBT) หรือที่เรียกใหม่
ว่าบทเรยี นโปรแกรม (Courseware)
สื่ออิเล็กทรอนิกส์จะเป็นเครื่องมือช่วยในการเรยี นการสอนก่อให้เกิดการเรียนรู้อยา่ งต่อเนื่องตลอดชวี ติ
(Life Long Learning) ผู้ที่สนใจสามารถเลือกที่จะศึกษาได้ตามความต้องการของตนเอง เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง
ใชเ้ วลาไหนก็ได้สามารถเรยี นรไู้ ด้ตลอดเวลา หรืออยทู่ ี่ไหนก็สามารถเรยี นรไู้ ด้ เพือ่ ใหง้ านดา้ นนเี้ ป็นไปอย่างต่อเน่ือง
จึงได้มีการจัดทำร่างแผนวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี 2020 ขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ
สังคม และเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น โดยต้องคำนึงถึงแนวทางการพัฒนาประเทศในภาพรวมดังที่ได้ระบุไว้ในแผน
ระดับประเทศต่างๆ อาทิ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2550 -2554) แผนแม่บท
โครงสร้างพนื้ ฐานทางปัญญา (พ.ศ. 2551 - 2555)
6
การศกึ ษาตอ้ งตอบสนองความต้องการของสงั คม
การเรยี นการสอนไม่ได้จำกดั เฉพาะห้องเรยี นตามพระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542
กำหนดให้มีการจัดการศึกษา ในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ซึ่งเป็นตอบปัญหาจากสังคมที่
คาดหวงั จากการปฎิรูปการศึกษา เน่ืองจากสงั คมได้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเรว็ จากการทตี่ อ้ งการแรงงานไร้ฝีมือมา
เป็นแรงงานที่มีทักษะที่สูงขึ้น รวมถึงลักษณะการทำงานที่มีความยืดหยุ่น จากงานเสวนา เรื่อง “การพัฒนา
ศกั ยภาพกลมุ่ คนทำงานท่ีบ้านด้วยส่ือ ICT” ภายใตโ้ ครงการจดั ตง้ั ศูนย์การเรยี นรู้ ICT ชุมชน โดย กระทรวงเทคโน
โลยีสารสนเทศและการส่ือสารไดร้ ว่ มกับมหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธริ าช จดั การเสวนาเพือ่ ส่งเสรมิ ใหก้ ลมุ่
ผู้รับงานไปทำที่บ้าน หรือ Home worker สามารถนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเข้าไป
ผสมผสานการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งการพัฒนาอาชีพในด้านต่าง ๆ เช่นการสืบค้นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับอาชีพ
การทำงานของตนการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับราคาของตัวผลิตภัณฑ์และเพิ่มทักษะด้านต่างๆ ซึ่งสอดคล้องกับ
ลักษณะของงานใหม่ๆ ที่เกิดจากการพัฒนาของ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีการกำหนดองค์ประกอบ
ของการใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในการศึกษาในหลายประเทศแตกต่างกันไปแต่ก็มีอยู่ภายใต้
เงื่อนไขของหน่วยงานที่เป็นที่ยอมรับได้กำหนดองค์ประกอบการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ใน
การศึกษา เช่น UNESCO ได้กำหนดองค์ประกอบในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อการศึกษาไว้
5 ด้านคือ
1) การกำหนดนโยบาย เพื่อสนับสนุนสภาพแวดล้อมของระบบและบูรณาการในการใช้ เทคโนโลยี
สารสนเทศและการสอ่ื สาร เพ่อื การศึกษา
2) สร้างการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารท่เี หมาะสมทง้ั ในรูปแบบและนอกระบบ
3) ศึกษาการสนบั สนนุ ครใู ห้หาทางเลือกใหมใ่ นการเรียนการสอน
4) พัฒนาตวั ชีว้ ัดเพอ่ื พิจารณาผลการใช้เทคโนโลยีในการศึกษา
5) ใช้ผู้เช่ียวชาญทางเทคโนโลยอี ย่างเหมาะสมกบั ความต้องการบริบทการศกึ ษา
7
ในส่วนของรูปแบบการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร ในการเรียนการ สอน เช่น การเรียนการ
สอนทางไกล (Distance Education) เป็นการเรียนการสอนที่ประยุกต์เทคโนโลยีหลายๆอย่าง เช่น ระบบ
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ การประชุมทางไกลชนิดภาพและเสียง รวมถึงเอกสารต่างๆเพื่อเข้าถึงผู้เรียนที่อยู่ห่างไกล
แบบ
มหาวทิ ยาลยั ออนไลน์ เรยี กว่า Online University หรอื Virtual University โดยในประเทศไทยได้มีการ
จัดทำโครงการ Thailand cyber University (TCU) ที่จัดทำขึ้นโดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
จะเป็นสรรพวิทยาลัย (มหาวิทยาลัยที่เป็นศูนย์รวมของสรรพวิทยาการ) ศูนย์กลางการศึกษาผ่านระบบเครือข่าย
คอมพิวเตอร์ ครอบคลุมการศึกษาในทุกระบบ ทั้งการศึกษาในระบบโรงเรียน (Formal Education) การศึกษา
นอกระบบโรงเรยี น (Non Formal Education) และการศกึ ษาตามอธั ยาศัย (In-Formal Education) ทีป่ ระชาชน
ทุกคน สามารถเข้ามาศึกษาหาความรู้ได้ มีระบบการเทียบโอนความรู้จากการศึกษาในแต่ละระบบ เพื่อให้ผู้ที่เข้า
รับการศึกษาจากระบบหนึ่ง สามารถจะเทียบโอนความรู้ เข้าสู่การศึกษาในอีกระบบหนึ่งได้ ตามเงื่อนไขและ
ข้อกำหนด ซึ่งจะเป็นการบูรณาการ การศึกษาทุกระบบเข้าด้วยกัน เกิดเป็นระบบการศึกษาที่รองรับการเรียนรู้
ตลอดชีวิตของประชาชน มีความยืดหยุ่น ต่อเนื่อง และเสริมกัน มีประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรร่วมกัน และ
มคี ุณภาพเป็นท่ยี อมรับตามหลักมาตรฐาน มีหลักสูตร
ออนไลน์(online) ที่ผู้เรียนสามารถเรียนจนจบได้รับปริญญาบัตร เป็นระบบการเรียนการสอนที่อยู่บน
เครือข่าย ในรูปเว็บเพจ มีการสร้างกระดานถาม-ตอบ อิเล็กทรอนิกส์ (Web Board) การเรียนการสอนผ่านทาง
อินเทอร์เน็ตและเว็บเพจ (Online Learning, Internet Web Base Education) เป็นการนำเสนอเนื้อหาและ
การปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนและผู้สอนโดยเน้นสื่อประสมหลายๆอย่างเข้าด้วยกัน มีการสร้างสภาวะแวดล้อมท่ี
ประสานงานกัน ให้ผู้เรียนและผู้สอนเข้าถึงฐานข้อมูลหลายชนิดได้ โดยผู้เรียนต้องควบคุมจังหวะการเรียนรู้ด้ วย
ตนเองให้เป็น และเลือกเวลา สถานที่ในการเรียนรู้ สร้างความหลากหลายในการเรียนรู้ของผู้เรียน จากสถิติของ
มหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย (ตั้งแต่เปิดให้บริการ เมื่อ 12 ม.ค. 2548 ถึงเดือนกันยายน 2551) มีจำนวนสมาชิกที่
ลงทะเบียน51,718 คนโดยแบ่งเป็น นักเรียน 49,012 คน อาจารย์ 2,706 คน มีจำนวนบทเรียน 470 บทเรียน ใน
16 หลักสูตร มีการลงทะเบียนเพ่อื เขา้ เรยี น 82,331 บทเรียน มมี หาวิทยาลยั ท่ีรว่ มโครงการ 3 แหง่ จำนวนครั้งท่ีมี
ผเู้ ข้าใช้บรกิ ารในบทเรียน 1,086,750 ครง้ั
8
จะเห็นได้ว่าจาก แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9 พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.
2542 นโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ในหลายฉบับที่ผ่านมาตั้งแต่ ปี 2000 เป็นต้นมา
มีการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร ในด้านต่างๆ รวมถึงการใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศและการ
สื่อสาร มาใช้ในการจัดการศึกษานั้น จะส่งผลในขั้นสุดท้ายคือการพัฒนาประเทศให้ทันกระแสการเปลี่ยนแปลง
พัฒนาของโลก ก้าวสู่ยุคของสังคมที่ใช้ความรู้เป็นฐานต่อไปชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบันเกี่ยวข้องกับสารสนเทศ
ต่างๆ มากมาย การอยู่รวมกันเป็นสังคมของมนุษย์ทำให้ต้องเสียเวลาในการสื่อสารถึงกัน ต้องติดต่อและทำงาน
หลายสิ่งหลายอย่างร่วมกัน สมองของเราตอ้ งจดจำสิ่งต่างๆ ไวม้ ากมายตอ้ งจดจำรายช่ือผู้ที่เราเกีย่ วข้องดว้ ย จดจำ
ข้อมลู ต่างๆ ไวเ้ พือ่ ใชป้ ระโยชน์ในภายหลัง สงั คมจงึ ตอ้ งการความเปน็ ระบบท่มี ีรูปแบบชัดเจน เชน่ การกำหนดเลข
บ้าน ชื่อถนน อำเภอ จังหวัด ทำให้สามารถติดต่อส่งจดหมายถึงกันได้ เลขบ้านเป็นสารสนเทศอย่างหนึ่งที่ใช้งาน
กันอยู่เพื่อให้สารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์เป็นระบบมากขึ้น จึงมีการจัดการสารสนเทศเหล่านั้นในลักษณะเชิง
ระบบ เช่น ระบบทะเบียนราษฎร์ มีการใช้เลขประจำตัวประชาชน ซึ่งมีเลขรหัส 13 ตัว แต่ละตัวจะมีความหมาย
เพื่อใช้ในการตรวจสอบ เช่น แบ่งตามประเภท ตามถิ่นที่อยู่ การเข้ารับการตรวจรักษาในโรงพยาบาลก็ต้องมีการง
ทะเบียน การสร้างเวชระเบียน ระบบเสียภาษีก็มีการสร้างรหัสประจำตัวผู้เสียภาษี นอกจากนี้มีการจดทะเบียน
รถยนต์ ทะเบยี นการค้า ทะเบยี นโรงงาน ทะเบยี นประวัตินักเรยี นในโรงเรยี น ฯลฯ
การใช้สารสนเทศเก่ียวข้องกับทุกคน การเรยี นรเู้ ก่ียวกบั เทคโนโลยสี ารสนเทศจงึ มีความ
จำเป็น ปจั จุบันเราใช้จ่ายเงนิ ซอ้ื สินคา้ ดว้ ยบตั รเครดติ เบกิ เงนิ ดว้ ยบตั รเอทีเอ็ม การโอนย้ายช้อมูล ใน
ลกั ษณะอเิ ลก็ ทรอนิกสเ์ กยี่ วขอ้ งกบั เรามากขึ้น
9
เทคโนโลยสี ารสนเทศจึงเป็นเทคโนโลยแี หง่ ศตวรรษน้ี ที่ใช้ในการจัดเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ข้อมูลจำนวนมาก
ได้รับการบันทึกไว้ในรูปแบบที่ให้เครื่องจักรอ่านได้ เช่นอยู่ในแถบบันทึกไว้ในรูปแบบที่ให้เครื่องจักรอ่านได้
เชน่ อยู่ในแถบบันทึก แผน่ บนั ทกึ แผน่ ซดี ีรอม ดังจะเหน็ เอกสารหรือหนังสือ หรอื สารานกุ รมบรรจใุ นแผ่นซีดีรอม
หนงั สือทง้ั ตอู้ าจเก็บในแผน่ ซดี ีรอมเพียงแผ่นเดียว
การสื่อสารข้อมูลที่เห็นเด่นชัดขณะนี้ และกำลังมีบทบาทมากอย่างหนึ่งคือ ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
ซึ่งคือการส่งข้อความถึงกันโดยผ่านคอมพิวเตอร์ กล่าวคือ ผู้ใช้นั่งอยู่หน้าจอภาพ พิมพ์ข้อความเป็นจดหมายหรือ
เอกสาร พิมพ์เลขที่อยู่ของไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ของผู้รับแล้วส่งผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ผู้รับก็สามารถเปิด
คอมพวิ เตอร์ของผรู้ บั เพอ่ื ค้นหาจดหมายได้และสามารถตอบโต้กลบั ไดท้ ันที
10
อ้างองิ
- นายสากล กล มานุรตั น์. (2543). ความหมายของเทคโนโลยสี ารสนเทศ, สืบค้นเม่อื วันท่ี 15 ตลุ าคม
2565. จาก. https://www.gotoknow.org/posts/403516
- นางสาวมารษิ า นนั ทรัตน์. (2565). เทคโนโลยีสารสนเทศ, สบื คน้ เมื่อวนั ท่ี 15 ตลุ าคม 2565. จาก.
https://cs.bru.ac.th/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B9%82%E0%B8%99%E0
%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3
%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8-5/