The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ดนตรีสมัยกรีก โรมัน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Kiadtisak Sri, 2022-10-30 23:25:50

ดนตรีสมัยกรีก โรมัน

ดนตรีสมัยกรีก โรมัน

1. สมัยกรีก (Ancient Greek Music)
วฒั นธรรมตะวันตกถูกผูกติดอยูกับชาวกรกี โบราณ และชาวโรมัน ความสมบรู ณ ความยอดเยีย่ มของ

ความสวยงาม และศลิ ปะมีตน กําเนิดจากกรีกท้ังสิน้ ประวตั ดิ นตรกี รกี โบราณต้ังแตเร่มิ ตนถงึ 330 ป กอน
ครสิ ตกาล ดนตรกี รีกเปน ดนตรีเนนเสยี งแนวเดียว(Monophonic music) เนน เฉพาะแนวทาํ นอง ไมม ีการ
ประสานเสยี ง ดนตรีกรีกแบง ออกไดด ังนี้

1.1 Mythical Period จากเรม่ิ ตนถงึ 1,000 ป กอนครสิ ตกาล ดนตรปี ระเภทนี้ใชป ระกอบพธิ ีกรรม
ของลทั ธเิ ทพเจา อพอลโล (Apollo) ผูเปน เจา แหงแสงสวา ง พธิ กี รรมของเทพเจา ไดโอนซิ สั (Dionysus) สวน
เพทนยิ ายอืน่ ๆ ทเ่ี กยี่ วของกับดนตรคี ือบรรดาเทพ 9 องค เปนธดิ าของเทพเจาซอี สุ

1.2 Homeric Period (1,000 – 700 B.C.) โฮเมอร (Homer) เปน ผกู อ ต้งั สมยั น้ี และในสมยั นี้มี
บทรอ ยกรองที่เกย่ี วกับประวัตศิ าสตรข องชาติเกิดขนึ้ จากการเดินทางผจญภัยของโฮเมอร ซึ่งตอ มาบทรอ ย
กรองหรือมหากาพยของโฮเมอรกลายเปน วรรณคดที ชี่ าวกรีกนํามาขับรอง ผทู ่ีขับรอ งจะดดี พิณไลรา (Lyra)
ลักษณะการขับรอ งนี้เรยี กวา บาดส (bards) นอกจากนย้ี ังมดี นตรพี ืน้ เมอื ง (Folk songs) ซ่ึงมลี ักษณะเปน
เพลงของพวกเลยี้ งแกะทเ่ี ปา Panpipes (เครอ่ื งดนตรชี นดิ หนึ่งคลา ยแคน)

1.3 Archaic Period (700 – 550 B.C.) ในยคุ สมยั น้มี ีการแสดงออกจากการระบายอารมณใ นใจ
ของกวี (Music expressing sentiments)เปนรปู แบบกวีนพิ นธแบบลรี กิ (Lyric) ซงึ่ มลี ักษณะทเี่ ออ้ื ใหกวไี ด
แสดงความรสู ึกสวนตนไดอยา งเต็มที่

1.4 Classical period (550 – 440 B.C.) เปนยคุ ท่ีมีการพฒั นาการรองเพลงประกอบระบาํ ที่
เรียกวา “ดที แี รมบ” (Dithyramb) คอื เปน การรอ งเพลงโตตอบกับกลุมคอรสั ทําใหการแสดงมีลักษณะของ
การสนทนาโตต อบกัน นอกจากนย้ี งั มีการแสดงที่มกี ารผสมผสานศลิ ปะการเตนราํ และดนตรี

1.5 Hellinistic Period (440 – 330 B.C.) มีการคน พบกฎพนื้ ฐานของเสยี ง โดย พพิ าโกรสั
(Pythagoras) คน พบวิธีทีจ่ ะสรางระยะข้นั คเู สียงตางๆ รวมทง้ั ระยะขนั้ คู 8 ซ่ึงเปน หลกั ท่สี าํ คญั ของบนั ไดเสยี ง
ของดนตรีตะวนั ตก กลาวไดวาทฤษฎดี นตรีของกรีก

2. สมัยโรมนั (Roman)
หลงั จากกรกี เปน สวนหนง่ึ ของอาณาจักรโรมันในป 146 ป กอนคริสตศักราช อาราจักรโรมนั รบั เอา

วัฒนธรรมดนตรขี องกรีกไปท้ังหมด ใชรปู แบบ การรองเสียงเดยี ว (Monophony) เรยี กวา เพลนซอง (Plain
Song) หรอื แชนต( Chant) นกั ปราชญท างดนตรีสมยั โรมันยึดทฤษฎดี นตรีของกรีกเปนหลกั แลว นาํ มา
ผสมผสานกับทัศนะแบบเฮเลนิสตคิ เชน โพลตนิ ุส (Plotinus.) และศิษยข องเขาคนหน่ึงชอ่ื พอรฟ  รี
(Porphyry 233-304 A.D.) ก็ไดเ ผยแพรส ัง่ สอนทฤษฎีแบบเพลโตนคิ ใหม (Neo-Platonic) โพลตนิ ุส ไดยา้ํ ถงึ
อํานาจที่ดนตรมี ีตอจิตใจ และจรรยาธรรมของมนุษย มีอํานาจในการชาํ ระลางจติ ใจใหบริสทุ ธ พาใจใหพบ
ความสวยงามและความดงี าม และในทางตรงกันขามดนตรีอาจมี อํานาจทาํ ลายหากใชไ ปในทางทผ่ี ิด ดังน้ันจึง
ไดมคี วามพยายามทจ่ี ะอนรุ ักษ และกวดขันดนตรีท่ใี ชป ระกอบพธิ ศี าสนาและที่บรรเลงสําหรบั การทหาร

ในสมยั หลงั ๆการดนตรีไดเ สื่อมลงมากเพราะถกู นาํ ไปบรรเลงประกอบในโอกาส และสถานทซ่ี ่ึงไม
เหมาะสม และการจัดการบรรเลงดนตรีแบบโออ าไมเ ปน ท่สี บอารมณหมูนักปราชญทางดนตรี ประเภทอนุรกั ษ
นยิ มเทาใดนัก เชนการจดั แสดงดนตรีวงมหมึ า(Monter concert) ในสมยั ของคารนิ ุส (Carinus 284 A.D.) ได
มกี ารบรรเลงดนตรที ี่ประกอบดว ยทรัมเปต 100 ช้ิน แตร (Horn) 100 ชิน้ และเครื่องดนตรีอน่ื ๆ อีก 200 ช้ิน
ถา จะกลาวถึงชีวติ ของนักดนตรีในสมยั นั้นก็พดู ไดวา คึกคักมาก สมาคมสาํ หรับนกั ดนตรีอาชพี ไดร ับการจัดตัง้
กันมาตัง้ แตศตวรรษท่ี 7 กอ นคริสตศ ักราช มีบทบาทในการเรยี กรอ งสทิ ธใิ์ หแ กสมาชิกในรุนหลงั ๆ


Click to View FlipBook Version