The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ชุมชนบ้านท่าตะเภา ตำบลหนองเสม็ด จังหวัดตราด

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nongsametzaa, 2021-12-18 13:39:04

handy book ท่องเที่ยวชุมชนบ้านท่าตะเภา

ชุมชนบ้านท่าตะเภา ตำบลหนองเสม็ด จังหวัดตราด

ตำบลหนองเสม็ ด
จั งหวั ดตราด

จัดทำโดย U2T ตำบลหนองเสม็ด โครงการมหาวิทยาลัยสู่ตำบล กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

ชุ มชนบ้ านท่ าตะเภา
ตำบลหนองเสม็ ด อำเภอเมื อง จังหวัดตราด

บ้านท่าตะเภา ตั้งอยู่ในตำบลหนองเสม็ด อำเภอเมือง จังหวัดตราด เป็นชุมชน
เล็ก ๆ ในสมัยก่อนเป็นท่าเรือสำเภาที่ใช้ในการเดินทางและค้าขายซึ่งต้องอาศัย “ลมตะเภา”
ในการเดินเรือจึงเกิดเป็นชื่อบ้านท่าตะเภาตามที่ผู้เฒ่า ผู้แก่บอกต่อ ๆ กันมา

ชาวบ้านในชุมชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพค้าขาย เกษตรกรรมและประมงพื้นบ้าน
เนื่องจากพื้ นที่ของชุมชนล้อมรอบไปด้วยป่าชายเลนและคลองสายยาวที่เชื่อมจากปากอ่าว
จึงทำให้พื้ นที่แห่งนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพื ชพรรณป่าไม้และสัตว์น้ำที่ทำให้ชาวบ้านสามารถ
ประกอบอาชีพได้



ณ บ้านท่าตะเภา

ความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติแห่งนี้ ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 192 ไร่
เป็นป่าชายเลนที่สมบูรณ์แห่งหนึ่งซึ่งอุดมไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ
มีพั นธุ์พื ชและพั นธุ์สัตว์นานาชนิด

ป่าชายเลนแห่งนี้มีความสำคัญกับชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก นอกจาก
จะเป็นที่อนุบาลพันธุ์สัตว์ต่างๆแล้ว ยังเป็นแหล่งทำมาหากินที่ชาวบ้านใช้ทำการ
ประมงเพื่ อเลี้ยงชีพอีกด้วย

จากคำบอกเล่าของชาวบ้านในสมัยก่อนเมื่อครั้งได้มีการอัญเชิญ “หลวงพ่อทอง”
พระประธานแห่งวัดสุวรรณมงคลจากกรุงธนบุรีมาทางเรือ แต่เมื่อเดินทางมาถึงท่าใหญ่
แห่งนี้ กลับไม่สามารถอัญเชิญหลวงพ่อทองขึ้นบกได้ ชาวบ้านก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงได้
ไปบนบานกับเจ้าพ่อท่าใหญ่ แล้วจะถวายหัวหมู บายศรี เหล้ายาปลาปิ้ ง ขนมนมเนย
พร้อมละครฟ้อนรำขับร้องอีกหนึ่งโรง จนท้ายที่สุดก็สามารถอัญเชิญองค์พระขึ้นบกได้
โดยง่าย เจ้าพ่อท่าใหญ่เป็นที่กล่าวขานเรื่องความศักดิ์สิทธิ์นับแต่นั้นมา

ชาวบ้านใช้ศาลแห่งนี้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจมาช้านาน และนิยมมาบนบานศาลกล่าว ไม่ว่าจะ
เป็นเรื่องการค้าขาย การประมง การเกษตร การประกอบอาชีพและการดำรงชีพทั่วไป
โดยแก้บนด้วยหัวหมู เป็ด ไก่ ผลไม้ มวนยาสูบ หรือตามแต่ที่ได้บนบานไว้ นอกจากนี้ยัง
มีการทำบุญใหญ่ ในช่วงก่อนการทำเกษตรกรรม ในช่วงเดือนพฤษภาคม และหลังการ
เก็บเกี่ยว ในช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปีอีกด้วย

เป็นวัดราษฎร์มหานิกายที่เก่าแก่
ตั้งอยู่บนพื้ นที่สูงและมองเห็นเมืองตราดได้
จึงมีเรื่องเล่าต่อกันมาว่า วัดแห่งนี้เป็นที่ตั้งฐานทัพ
ของพระเจ้าตากสินมหาราชที่มีไว้เพื่ อรวบรวมและ
ฝึกปรือกำลังพลในการกอบกู้กรุงศรีอยุธยา

ภายในบริเวณวัดมีเจดีย์โบราณขนาดใหญ่ชื่อว่า “เจดีย์ศรีบูรพา”เป็นเจดีย์ศิลาแลงที่
ได้รับการบูรณะโดยกรมศิลปากร พร้อมเจดีย์บริวารอีก 4 องค์ และมีพระพุ ทธรูปปาง
สมาธิ 2 องค์ ที่มีลักษณะคล้ายพระพุ ทธรูปในศิลปะลังกา นอกจากนี้บริเวณด้านหลังวัด
ยังพบร่องรอยของบ่อศิลาแลงอีกด้วย

เป็นวัดราษฎร์มหานิกาย ประกาศจัดตั้งวัดเมื่อปีพ.ศ. 2400 ได้รับพระราชทาน

วิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 พระประธานเป็นพระปางมารวิชัย

ศิลปะรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยมีสิ่งที่น่าสนใจของวัดนี้คือจิตรกรรมฝาผนังที่วิจิตร

งดงาม เป็นเรื่องราวของพุ ทธประวัติและรามเกียรติ์ และนอกจากนี้ยังมี ”หลวงพ่อใหญ่”

เป็นพระพุ ทธรูปที่ชาวบ้านเคารพและนับถือ มักจะมาบนบานศาลกล่าวกราบไหว้ขอพรเรื่อง

การเงิน การงาน การค้าขาย และอสังหาริมทรัพย์

รอบบริเวณวัดสะอาดร่มรื่นด้วยต้นไม้น้อยใหญ่นานาชนิด จนได้เป็นวัดพัฒนา

ตัวอย่างในปีพ.ศ. 2543 และทางวัดยังให้การสนับสนุนพื้นที่กับหน่วยงานราชการ องค์กร

ต่าง ๆ ในการจัดประชุม อบรม หรือจัดกิจกรรม เนื่องจากมีความพร้อมทั้งด้านสถานที่

วัสดุอุปกรณ์ รวมไปถึงยังให้การสนับสนุนการอนุรักษ์ศิลปะท้องถิ่น เช่น หนังตะลุง

โหงฟาง และรำสวดของศิลปินพื้นบ้านอีกด้วย

วัดสุวรรณมงคล วัดเก่าแก่คู่ชุมชนบ้านท่าตะเภามาอย่างยาวนาน ถูกสร้างขึ้น
ในปีพ.ศ.2351 ภายในอุโบสถของวัดแห่งนี้ได้ประดิษฐาน "พระพุ ทธสุวรรณมงคล" หรือ
"หลวงพ่อทอง" พระพุ ทธรูปศิลปะรัตนโกสินทร์ที่อัญเชิญมาจากวัดสังข์กระจาย ธนบุรี
โดยที่แท่นของพระประธานนั้นได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุเอาไว้ และยังมีภาพแกะสลัก
บานประตูหน้าต่างที่วิจิตรงดงาม รวมไปถึงจิตรกรรมฝาผนังภายในอุโบสถที่สวยงาม
อีกด้วย

สวนสร้างสุข สวนเกษตรอินทรีย์ เริ่มจากคุณตุ๋ม - ฉัตรชัย ปานดี ต้องการลดค่าใช้จ่าย

ในการซื้อพื ชผักมาเพื่ อประกอบอาหารในครัวเรือนจึงเริ่มมีแนวคิดการทำเกษตรกรรมไว้เพื่ อ

บริโภคเอง ต่อมาเมื่อได้รู้จักกับศาสตร์พระราชาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และได้ศึกษา

อย่างลึกซึ้งจนเกิดความศรัทธา จึงได้มีความตั้งใจในพั ฒนาพื้ นที่ของตนให้เกิดประโยชน์

สูงสุด ทดลองทำการเกษตรด้วยตัวเองเป็นเวลากว่า 2 ปี ก่อนตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อ

มาดูแลพ่ อแม่ที่สูงอายุรวมทั้งดูแลสวนอย่างเต็มตัว

สวนแห่งนี้เป็นสวนที่ผสมผสานระบบนิเวศ ให้มีการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน โดยจะไม่ใช้

สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืชเพื่อสุขภาพที่ดีและไม่เป็นการทำลายธรรมชาติ เพื่อให้มนุษย์อยู่กับ

ธรรมชาติอย่างยั่งยืนที่สุด ที่นี่มี 3 สิ่งที่พบได้ตลอดทั้งปี คือ น้ำผึ้งชันโรง มะพร้าวน้ำหอม

มะละกอ และยังมีพืชผักผลไม้ตามฤดูกาลอีกหลากหลายชนิด

นอกจากนี้คุณตุ๋มยังยินดีให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการทำเกษตรกรรม การปลูกพืชผักในภาชนะ

การเลี้ยงชันโรง อีกด้วย

คุณตุ๋ม - ฉัตรชัย ปานดี

”สวนอยู่ละออ” เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของสวนเกษตรผสมผสานที่น้อมนำแนวคิด
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพี ยงมาปรับใช้เป็นแนวทางในการจัดการและดำเนินธุรกิจ
คุณกิ๊ฟ - ธารินี อยู่ละออ ได้เล่าว่าตนเองนั้นมีธุรกิจจัดดอกไม้ซึ่งใบไม้และดอกไม้ที่

นำมาใช้ในการทำธุรกิจมีราคาค่อนข้างสูง ส่งผลให้ต้นทุนในการผลิตนั้นสูงตามไปด้วย
คุณกิ๊ฟจึงได้คิดริเริ่มหาแนวทางช่วยลดต้นทุนการผลิต โดยมีการปรับเปลี่ยนพื้นที่ที่มี
อยู่ให้เป็นสวนไม้ประดับที่ไม่ได้ปลูกเพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ก็ยังสามารถ
นำมาใช้ประโยชน์ในธุรกิจ รวมถึงสามารถสร้างรายได้ให้ครอบครัวอีกทางหนึ่ง

คุณกิ๊ฟ - ธารินี อยู่ละออ นายกหนู - กิตติพงษ์ อยู่ละออ

คุณยายนา - วรรณา ทักษ์คีรี

คุณยายนา - วรรณา ทักษ์คีรี ปราชญ์ชาวบ้าน
คนสำคัญผู้มีฝีมือในการประกอบอาชีพอย่างหลากหลาย
เช่น การทำอาหาร การทำขนม การปลูกผักสวนครัว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณยายนาเป็นผู้มี
ความสามารถในการสานงอบใบจาก
ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์และแสดงถึง
ภูมิปัญญาดั้งเดิมของชาวจังหวัดตราด
นอกจากจะสร้างรายได้และเป็นกิจกรรมยามว่างให้กับกลุ่มผู้สูงอายุได้ด้วย

“เถาคัน” เป็นพืชไม้เลื้อยมักขึ้นอยู่ตามพื้นที่รกร้าง ริมคลอง
พบได้มากในพื้นที่ป่าชายเลน มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิดคือ
เถาคันขาวและเถาคันแดง ชนิดที่นิยมนำมาประกอบอาหาร
คือเถาคันขาว โดยใช้ลูกเถาคัน จะให้รสชาติเปรี้ยวและขมนิด ๆ
ส่วนใหญ่จะนำไปใส่ในแกงส้มทำให้เกิดเป็นรสชาติเปรี้ยวจากลูกเถาคัน
แทนการใส่น้ำมะขามเปียก

”ดอกไก่เตี้ย” เป็นไม้เถาเลื้อย พบมากตามริมคลอง
หรือตามชายน้ำเค็ม มีชื่อเรียกหลากหลาย แต่ชื่อพื้นถิ่น
บ้านท่าตะเภาเรียกว่า ดอกไก่เตี้ย เพราะมีลักษณะรูปร่าง
คล้ายไก่แจ้หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าไก่เตี้ย รับประทานสดได้
กรอบ มีรสชาติหวาน สามารถนำไปประกอบอาหารได้

“ปรงทะเลและผักกูด” เป็นพืชพื้นถิ่นเติบโตง่าย
ตามริมน้ำ ยอดสามารถลวกจิ้มกับน้ำพริกได้
ส่วนผักกูดก็สามารถนำไปลวกและยำกับกุ้งหมึก
ใส่พริกเผาน้ำกะทิก็ได้เช่นกัน

”ปลาอีโก๊” เป็นปลาทะเลที่สามารถอาศัยอยู่ใน
น้ำกร่อยหรือน้ำจืดก็ได้ มีมากตามปากอ่าวทะเล
สามารถพบได้ตลอดทั้งปี นิยมนำไปทำเป็นแกงส้ม
เนื้อปลาจะมีความหวาน เนื้อเด้ง ไข่ปลาจะมีรสชาติมัน

"ลำแพน" เป็นไม้ยืนต้น มักขึ้นตามพื้นที่ที่มีป่าชายเลน ที่มี
น้ำกร่อยเข้าถึง ผลมีรสออกเปรี้ยว มีเมล็ดมาก ออกดอกและผล
ตลอดทั้งปี รับประทานได้ ผลสามารถนำมาทำขนม ผลไม้ดอง
ตำน้ำพริก และนิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับในกระถาง

"จาก" เป็นพืชจำพวกปาล์ม มีมากในพื้นที่ป่าชายเลนที่มี
ดินโคลนหรือริมคลองที่มีน้ำกร่อยเข้าถึง ขึ้นเป็นดงขนาดใหญ่
หรือที่เรียกว่า ดงจาก หรือ ป่าจาก ผลมีเปลือกแข็ง
กระจุกเป็นทะลายหลายผล เรียกว่า โหม่งจาก ข้างในมีเนื้อเมล็ด
สีขาวใส รับประทานได้ สามารถนำไปทำเป็นขนมหวาน

"ปูใบไม้" หรือปูแป้น ปูจาก เป็นปูขนาดเล็ก อาศัยอยู่ใน
แหล่งน้ำกร่อย หลบอาศัยอยู่ตามโคนไม้ที่มีร่มเงาและออกหากิน
ในเวลากลางคืน มีมากในช่วงเดือนตุลาคม–พฤศจิกายนของ
ทุกปี ปูใบไม้จะลอยมาตามกระแสน้ำหรือเกาะตามใบไม้ ลูกจาก
มาเรื่อยๆ ชาวบ้านใช้อวนหรือสวิงช้อนจับได้คราวละมาก ๆ ใน
เวลากลางคืน สามารถนำไปปรุงเป็นอาหารได้หลากหลาย เช่น
ปูใบไม้ดองน้ำปลา

"ขลู่" เป็นไม้พุ่ม มักขึ้นตามพื้นที่ชื้นแฉะ
ตามริมคลอง มีตลอดทั้งปี สามารถรับประทานได้
ใบนำไปลวกจิ้มน้ำพริก หรือใส่ในแกงคั่ว
นอกจากนั้นยังนำใบไปตากแห้งใช้ทำชา
ดื่มแก้กระหายน้ำ ช่วยลดน้ำหนัก ยอดอ่อนนำไป
รับประทานเป็นผักจิ้มน้ำพริก หรือนำไปยำ พล่า
กับเนื้อสัตว์อื่น ๆ ได้

วัตถุดิบ - ขิง
- ต้นหอม
- ลูกเถาคัน - ผักชีฝรั่ง
- ปลากระบอก - น้ำตาบปี๊ บ
- รากผักชี - น้ำปลา
- หอมแดง - เกลือ
- กะปิ
- พริกขี้หนูสด

ภาพจาก : รายการภัตตาคารบ้านทุ่ง ช่อง ThaiPBS

วิธีทำ

1. ขอดเกล็ดปลากระบอกและหั่นเป็นท่อนๆ
2. ปอกเปลือกหอมแดงและขิง
3. จากนั้นนำขิงและหอมแดงมาซอย
4. เด็ดลูกเถาคันและล้างให้สะอาด
5. หั่นผักชีฝรั่งและต้นหอม
6. ใส่กะปิลงในครกพร้อมกับหอมแดงซอยและตำให้เข้ากัน
7. นำกะปิที่ตำใส่ลงหม้อ ตามด้วยน้ำเปล่าและรากผักชีที่ทุบแล้ว
8. ต้มน้ำจนเดือด จากนั้นนำลูกเถาคันใส่ลงไปในหม้อ ต้มจนลูกเถาคันเปลี่ยนสี
9. บี้ลูกเถาคันในหม้อเพื่อเพิ่มความเปรี้ยว
10. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊ บ และเกลือ
11. ใส่ปลากระบอกลงไปทิ้งไว้สักพักและใส่หอมซอย
12. ทุบพริกขี้หนูใส่ลงหม้อ ตามด้วยใส่ต้นหอมและผักชีฝรั่ง
13. ทิ้งไว้สักพักจึงตักใส่ชามพร้อมรับประทาน

วัตถุดิบ

- ดอกไก่เตี้ย - เนื้อสัตว์ตามชอบ

- ฝักอ่อนไก่เตี้ย - พริกสด

- ดอกขลู่ - กระเทียม

- ยอดขลู่ - หอมแดง

- น้ำปลา

ภาพจาก : รายการภัตตาคารบ้านทุ่ง ช่อง ThaiPBS - มะนาว

- น้ำตาลปี๊ บ

วิธีทำ

1. นำเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ไปทำความสะอาด
2. ตั้งหม้อต้มให้เดือดแล้วนำเนื้อสัตว์ลงไปลวก จากนั้นนำขึ้นพักไว้
3. ล้างฝักอ่อนและดอกไก่เตี้ยเตรียมไว้
4. นำฝักอ่อนดอกไก่เตี้ยลงไปลวกในน้ำเดือดแล้วตักขึ้นมาน็อกไว้ในน้ำเย็น

(เคล็ดลับ ใส่เกลือลงไปเล็กน้อยจะช่วยให้ฝักอ่อนมีสีเขียวสด)
5. ปอกเปลือกหอมแดงและกระเทียม
6. นำยอดขลู่มาซอย
7. นำกระเทียม พริกสด เกลือ ใส่ลงครกโขลกให้แหลก
8. ใส่น้ำตาลปี๊ บตามลงไปโขลกต่อให้เข้ากัน
9. ปรุงรสน้ำยำด้วยน้ำปลาและน้ำมะนาว
10. นำดอกไก่เตี้ยใส่ลงในภาชนะผสม
ตามด้วยฝักอ่อนและยอดขลู่
11. ราดด้วยน้ำ ยำโรยด้วยหอมแดงซอย
แล้วคลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากัน
12. นำเนื้อสัตว์ที่ลวกไว้ใส่ลงไปคลุกเคล้าให้ทุกอย่างเข้ากันอีกรอบ

วัตถุดิบ

- ปลาทะเลแล่
- น้ำส้มสายชู
- พริก
- กระเทียม
- มะนาว
- น้ำปลา
- น้ำตาล
- ถั่วตัด
- แครอต
- กะหล่ำปลี
- ตะไคร้
- หอมแดง
- ผักชีใบเลื่อย

วิธีทำ

1. นำเนื้อปลามาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ขยำกับน้ำส้มสายชู เทน้ำส้มสายชูออก พักไว้
2. ซอยแครอต กะหล่ำปลี ตะไคร้ หอมแดง ผักชีใบเลื่อย
3. เตรียมน้ำยำ โดยโขลกพริกกระเทียมและถั่วตัด ปรุงรสตามชอบ
4. นำเนื้อปลาที่เตรียมไว้ผสมกับน้ำยำ จากนั้นเติมผักต่าง ๆ

คลุกเคล้าให้เข้ากันดี
5. ตักใส่จาน พร้อมรับประทาน

**น้ำส้มสายชูจะชว่ ยล้างเมือกที่ติดผิวหนังของปลา และช่วยให้ปลาไม่คาว**

วัตถุดิบ

- ปลาทะเล
- ดอกไก่เตี้ย
- ลูกเถาคัน
- เครื่องแกงส้ม
- เกลือ
- น้ำตาล
- น้ำปลา
- น้ำมะขามเปียก

วิธีทำ

1. ขอดเกล็ดปลาทะเล ล้างให้สะอาด ก่อนหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ
2. เด็ดลูกเถาคันและล้างให้สะอาด
3. ล้างดอกไก่เตี้ยให้สะอาด
4. ต้มน้ำให้เดือด
5. ใส่เครื่องแกงส้มลงไป รอจนเดือดอีกรอบ
6. ใส่ลูกเถาคันลงหม้อ รอจนลูกเถาคันเปลี่ยนสี
7. บี้ลูกเถาคันให้พอแตกในหม้อ ให้น้ำเปรี้ยวของลูกเถาคันออกมา
8. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล เกลือ น้ำมะขามเปียก
9. ใส่ดอกไก่เตี้ยลงหม้อ ต้มไว้จนดอกไก่เตี้ยเริ่มยุบและสุก
10. ใส่ปลากุเลาลงไป รอจนปลากุเลาสุก ต้มไว้ให้เดือดอีกรอบ
11. ใส่ชาม พร้อมรับประทาน

วัตถุดิบ

- ตัวแป้ง - ตัวใส้

- แป้งข้าวเจ้า - ตัวใส้

- แป้งมันสำปะหลัง - ถั่วเขียวซีก

- แป้งเท้ายายม่อม - มะพร้าว

- น้ำเปล่า - เผือก

- น้ำตาลทราย - เกลือ

- น้ำตาลโตนด - น้ำตาล

- น้ำใบเตย - งาขาว

- น้ำดอกอัญชัน

วิธีทำ
ตัวแป้ง

1. นำแป้งทั้งสามชนิดมาผสมรวมกันค่อยๆใส่น้ำทีละน้อยแล้วนวดให้เข้ากัน
2. ใส่น้ำตาลทรายและน้ำที่เหลือผสมให้เข้ากันดี
3. นำแป้งที่ได้ แบ่งออกเป็นสามส่วน จากนั้นผสมแป้งกับน้ำอัญชัน (สีฟ้า)

น้ำเปล่า (สีขาว) น้ำตาลโตนดละลายน้ำ (สีน้ำตาล) คนให้เข้ากัน

ตัวไส้

1. ไส้ถั่วเขียวนำถั่วเขียวซีกไปแช่น้ำประมาณ3-4ชั่วโมงและนำไปนึ่งประมาณ
ครึ่งชั่วโมง จากนั้นนำถั่วเขียวนึ่งมาผสมกับมะพร้าวขูด เกลือ และน้ำตาลให้
เข้ากัน

2. ไส้เผือก นำเผือกไปล้างด้วยน้ำร้อนก่อน 15 นาที จากนั้นนำเผือกไปนึ่ง
ประมาณครึ่งชั่วโมง นำเผือกนึ่งมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วจึงใส่มะพร้าวขูด
เกลือ และน้ำตาลผสมให้เข้ากัน

3. ไส้มะพร้าว นำมะพร้าวผสมกับ เกลือ น้ำตาล และงาขาวให้เข้ากัน

1. ตั้งหม้อแล้วขึงผ้าให้เรียบร้อย เมื่อน้ำเดือดให้ลดไฟลงเป็นไฟกลาง
2. นำแป้งที่เตรียมไว้ ปาดลงบนปากหม้อ ปิดฝานึ่งจนแป้งสุกหรือขึ้นเป็นสีใส
3. ใช้พายปาดแป้งที่ได้มาพักไว้ในภาชนะที่เตรียมไว้ ซึ่งพรมด้วยน้ำมัน จากนั้นนำ

ไส้ที่ต้องการวางตรงกลางแล้วห่อให้สวยงาม

วัตถุดิบ

- ลูกจาก
- น้ำตาลทราย
- น้ำเปล่า
- ใบเตย

วิธีทำ

1. นำลูกจากกับใบเตยที่เตรียมไว้ ล้างน้ำให้สะอาด 1-2 น้ำ
2. เตรียมหม้อใส่น้ำพอประมาณ ใส่ใบเตยที่หั่นหรือตัดลงไป
3. นำหม้อที่เตรียมไว้ไปตั้งน้ำ รอจนน้ำเดือดจึงใส่ลูกจากลงไป
4. เมื่อลูกจากนิ่มให้ทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไป ในอัตรา 2 : 1

(ลูกจาก : น้ำตาล) **สามารถเพิ่มความหวานได้ตามชอบ**
5. เคี่ยวสักพัก โดยต้องคนตลอดเวลา เพื่อไม่ให้น้ำตาลไหม้
6. ตักใส่ภาชนะพร้อมรับประทาน
**แช่เย็นหรือเสิร์ฟพร้อมน้ำแข็งเพิ่ มความสดชื่น**






Click to View FlipBook Version