มหาเวสสันดร
กัณฑ์มัทรี
จัดทำโดย
นางสาวจิรวรรณ บุญรอด
ม.5/5 เลขที่ 20
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาภาคใต้
ประวัติผู้แต่ง
เจ้าพระยาพระคลัง (หน) เป็นกวีเอกคน
หนึ่งในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ มีนามเดิมว่า
หน เกิดเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด
น่าจะอยู่ในช่วงปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา
และถึงแก่อสัญกรรม ในสมัยรัชกาลที่ ๑
พ.ศ. ๒๓๔๘ ผลงานด้านวรรณคดีที่ท่าน
ได้แต่งไว้หลายเรื่องด้วยกัน
ลักษณะคำประพันธ์
เป็นร่ายยาว วิธีแต่งยกคาถาภาษา
บาลีขึ้นเป็นหลัก แล้วแปลแต่งเป็น
ภาษาไทยด้วยร่ายยาว ภาษาบาลีที่
ยกมานั้นจะยกมาเป็นตอน ๆ สั้น
บ้าง ยาวบ้างตามลักษณะเรื่อง แล้ว
แปลเป็นภาษาไทยอีกทีหนึ่ง
ที่มาของเรื่อง
เวสสันดรชาดก (ทานอุปบารม)ี พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติ
เป็นพระเวสสันดรพระองคท์รงพอพระทัย ในการบริจาคทาน
โดยท่ีสุดแม้ชีวิตก็ใหเ้ป็นทาน ดังท่ีตรัสวา่“เมื่อคร้ัง เรา
มีอายุ ๘ ปี นั่งอยู่บนปราสาท มีความคิดที่จะให้ทานว่า ถ้า
ใครๆ มาขอ ซ่ึงดวงหทับ ดวงตา เน้ือและเลือด กับเรา เรา
ก็จะให้”ดังนั้นพระองค์ ได้ทรงบริจาคมหาทานและรักษา
อุโบสถ
ศีล ตลอดพระชนมายุ สวรรคตแล้วไปสู่สวรรค์ชั้นดุสิต
ข้อคิดจากเรื่อง
ความรักของแม่ที่มีต่อลูกนั้นยิ่งใหญ่นัก
ผู้ที่จะปรารถนาสิ่งต่าง ๆ อันยิ่งใหญ่
จะต้องทำด้วยความอดทนและเสียสละ
อันยิ่งใหญ่ด้วย
ความซื่อสัตย์ระหว่างสามีภรรยาทำให้
ชีวิตครอบครัวมีความสุข
ผู้มีปัญญาย่อมแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะ
หน้าได้ดี
การบริจาคบุตรทานบารมีเป็นสิ่งที่ยาก
ยิ่งที่ใครจะกระทำได้ง่าย ๆ
เนื้อเรื่องย่อ
พระนางมัทรีฝันร้ายว่ามีบุรุษมาทำร้าย จึงขอให้พระเวสสันดร
ทำนายฝันให้ แต่พระนางก็
ยังไม่สบายพระทัย ก่อนเข้าป่า
พระนางฝากพระโอรสกับพระธิดากับ
พระเวสสันดรให้ช่วยดูแล หลังจาก
นั้นพระนางมัทรีก็เสด็จเข้าป่าเพื่อหาผลไม้มาปรนนิบัติพระเวสสันดร
และสองกุมารก่อนเข้าป่า พระนางฝากพระโอรสกับพระธิดากับพระ
เวสสันดรให้ช่วยดูแล หลังจากนั้นพระนางมัทรีก็เสด็จเข้าป่า
เพื่อหาผลไม้มาปรนนิบัติพระเวสสันดรและสองกุมาร ขณะที่อยู่
ในป่า พระนางพบว่าธรรมชาติผิดปกติไปจากที่เคยพบเห็น เช่น
ต้นไม้ที่เคยมีผลก็กลายเป็นต้นที่มีแต่
ดอก ต้นที่เคยมีกิ่งโน้มลงมาให้พอเก็บ
ผลได้ง่าย ก็กลับกลายเป็นต้นตรงสูง
เก็บผลไม่ถึง ทั้งท้องฟ้าก็มืดมิด ขอบฟ้า
เป็นสีเหลืองให้รู้สึกหวั่นหวาดเป็นอย่าง
ยิ่งไม้คานที่เคยหาบแสรกผลไม้ก็พลัดตกจากบ่า
ไม้ตะขอที่ใช้เกี่ยวผลไม้พลัดหลุดจากมือ
เนื้อเรื่องย่อ
ยิ่งพาให้กังวลใจยิ่งขึ้นบรรดาเทพยดาทั้ง
หลายต่างพากันกังวลว่า หากนางมัทรีกลับ
ออกจากป่าเร็วและทราบเรื่องที่พระเวส
สันดร ทรงบริจาคพระโอรสธิดาเป็นทาน
ก็จะต้องออกติดตามพระกุมารทั้งสองคืน
จากชูชก พระอินทร์จึงส่งเทพบริวาร
3 องค์ให้แปลงกายเป็นสัตว์ร้าย 3 ตัว
คือราชสีห์ เสือโคร่ง และเสือเหลือง ขวางทางไม่ให้เสด็จ
กลับอาศรมได้ตามเวลาปกติเมื่อล่วงเวลาดึกแล้วจึงหลีกทาง
ให้พระนางเสด็จกลับอาศรม เมื่อพระนางเสด็จกลับถึง
อาศรมไม่พบสองกุมารก็โศกเศร้าเสีย
พระทัย เที่ยวตามหาและร้องไห้
คร่ำครวญ พระเวสสันดรทรงเห็นพระนาง
เศร้าโศก จึงหาวิธีตัดความทุกข์โศกด้วย
การแกล้งกล่าวหานางว่าคิดนอกใจคบหากับชายอื่น จึง
กลับมาถึงอาศรมในเวลาดึก เพราะทรงเกรงว่าถ้าบอก
ความจริงในขณะที่พระนางกำลังโศกเศร้าหนักและ
กำลังอ่อนล้า พระนางจะเป็นอันตรายได้
เนื้อเรื่องย่อ
ในที่สุดพระนางมัทรีทรงคร่ำครวญหาลูกจนสิ้น
สติไป ครั้นเมื่อฟื้นขึ้น พระเวสสันดรทรงเล่า
ความจริงว่า พระองค์ได้ประทานกุมารทั้งสองแก่ชู
ชกไปแล้วด้วยเหตุผลที่จะทรงบำเพ็ญทานบารมี
พระนางมัทรีจึงทรงค่อยหายโศกเศร้าและทรงอนุโมทนาในการ
บำเพ็ญทานบารมีของพระเวสสันดรด้วย
จบการนำเสนอ
ขอบพระคุณที่รับ
ชมจนจบค่ะ