The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Supansa Plaekphakwaen, 2021-09-26 06:30:16

ละครโรมัน

ละครโรมัน

Keywords: ละครโรม,ั

ละครโรมัน

รายวิชาการละครตะวนั ตก
รหสั วิชา 301-22014

นางสาวสพุ รรษา จดั ทาโดย
นางสาวศิริพร แปลกผกั แว่น รหสั นกั ศกึ ษา 3105611004
นางสาวอรัญญา พงษ์อดุ ม รหัสนักศึกษา 3105611011
นายจักรกฤษณ์ นเิ ลปยิ งั รหัสนกั ศกึ ษา 3105611018
นายสมบตั ิ กล่นิ เฉย รหสั นกั ศึกษา 3105611027
วรรณทอง รหสั นักศกึ ษา 3105611030

นกั ศึกษาปรญิ ญาตรีปีท่ี 4

เสนอ
อาจารย์ กฤษฎเ์ ตชินห์ เสกฐานโชติจินดา

ภาคเรียนท่ี 1
วิทยาลยั นาฏศิลปะนครราชสมี า
สถาบันบัณฑิตพัฒนศลิ ป์ กระทรวงวัฒนธรรม

คานา
รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหน่ีงของรายวิชา การละครตะวันตก รหัสวิชา 301-22014 เร่ืองละครโรมัน
โดยมีวัตถุประสงค์ เพอ่ื การศึกษาความรทู้ ี่ได้จากเร่อื ง ละครโรมัน ทัง้ นี้ในรายงานฉบันน้มี เี น้ือหาซง่ึ ประกอบไปด้วย
ประวตั คิ วามเป็นมา วิวัฒนาการ รูปแบบการแสดง วรรณกรรมการละคร และ นักการละครที่สาคัญของ สมัย
โรมัน
ในการจดั ทารายงาน เรื่องละครโรมนั ในครั้งนี้ ผจู้ ดั ทาของขอบคุณ อาจารยก์ ฤษฎ์เตชินห์ เสกฐานโชตจิ ินดา
อาจารย์ประจารายวิชา การละครตะวันตก ที่ให้ความรู้และแนวทางในการศึกษา ผู้จัดทาหวังว่ารายงานฉบันนี้
จะให้ความรู้และเปน็ ประโยชน์แกผ่ ูอ้ ่านทุก ๆ ท่าน

คณะผจู้ ดั ทา

สารบญั

เน้ือหา หนา้
ประวตั ิความเปน็ มา 1
วิวัฒนาการ 4
รูปแบบการแสดง 5
วรรณกรรมการละคร 9
นักการละครท่สี าคญั ของสมัยโรมัน 10

1

ละครโรมนั
ประวตั คิ วามเป็นมา

ในปี 17 ก่อนคริสต์ศักราช มีการแสดงมหรสพที่ย่ิงใหญ่หลายประเภท เพ่ือเฉลิมฉลองการครองราชย์ครบ
10 ปีของเอากุสตุส การเฉลิมฉลองครั้งนี้เป็นเวลา 3 วัน 3 คืน การแสดงประกอบละครโรมันประเภทต่าง ๆ การ
แสดงยุทธนาวี และการประลองยุทธ์ มหรสพ 2 ประเภทหลังได้นับความนิยมแล้ว แต่กลับมีการสร้างโรงละคร
ถาวรเพ่ิมขึ้นเรื่อย เพ่ือใช้ในการแสดงประเภทอ่ืนมากกว่า นอกจากนี้ การสร้างฉากเพ่ือใช้ในการแสดงยังก้าวหนา้
เป็นอยา่ งมาก

รัชสมัยของเอากุสตุสเป็นจุดเร่ิมต้นของสันติสุขแบบโรมันหรือพักซ์โรมานา (Pax Romana) ซึ่งกินเวลา
ยาวนานถงึ 200 ปี ช่วงเวลาดงั กล่าวเปน็ ชว่ งเวลาแห่งสนั ตสิ ุขสาหรับ ชาวโรมนั จึงมีการสร้างสรรค์วรรณคดีละติน
เป็นจานวนมาก ยกเว้นบทละครสุขนาฏกรรมท่ีไม่มี ใครเขียนเร่ืองใหม่ๆ เพื่อนามาแสดง ละครท่ีนามาแสดงมัก
เปน็ ละครเกา่ ท่นี ามาสรา้ ง ใหม่ สาหรบั บทละครโศกนาฏกรรมท่ยี งั มกี ารเขยี นกนั อยู่ในสมัยน้เี ป็นบทละครเพ่ืออ่าน
(closet drama; closet play)มิได้นามาแสดงจริงบนเวที เนื่องจากในสมัยจักรวรรดิการรังสรรค์งาน วรรณกรรม
กลายเปน็ ของเลน่ ชน้ิ โปรดของพวกขนุ นาง

หลังจากเอากุสตุสสิ้นพระชนม์ มีจักรพรรดิโรมันครองราชย์ต่อกันมาอีกเกือบ 70 องค์ ในจานวนน้ีมีท้ัง
จักรพรรดทิ ด่ี ีและได้รับความจงรักภกั ดีจากประชาชน อาทิ จักรพรรดอิ งค์ถัดมา ดนิ ทิเบรีอสุ (Tiberius: ครองราชย์
ค.ศ. 14-37) คลาวดีอุส (Claudius: ครองราชย์ ค.ศ. 41-54) แนร์วา (Nerva: ครองราชย์ ค.ศ. 9 98-117) ฮาเด
รียน (Hadrian: ค.ศ. 117-138) ทราจัน (Trajan: ครองราชย์ ค.ศ.98-117) และมาร์คุส เอาเรลือส (Marcus
Aurelius: ศ. 161-180) นอกจากน ยังมีจักรพรรดิเหี้ยมโหดบ้าอานาจ เช่น คาลิกูลา (Caligula: ครองราชย์ ค.ศ.
37-41) และเนโร (Nero: ครองราช2 (Nero: ครองราชย์ ค.ศ. 54-68) ท้ังนี้ ยกย่องให้จักรพรรดิที่ดีเป็นเทพเจ้า
หลังจากสิ้นพระชนม์ อนั เป็นธรรมเนยี มที่ เอากสตุสเปน็ ผู้รเิ ร่มิ ดว้ ยการยกย่องให้ยลู ีอสุ ซซี าร์เปน็ เทพเจา้ โรมัน
สรุป

- อารยธรรมโรมัน เกดิ ขึน้ ใกล้เคยี งกับยคุ กรกี รงุ่ เร่ือง
- อารยธรรมโรมนั ได้รบี อิทธพิ ลจากกรีกอย่างมากมาย
- ละครโรมนั รบั อทิ ธิพลจากละครกรีก
- ได้มลี ะครชนดิ ใหมๆ่ เกดิ ข้นึ อกี หลายชนิด

2

การแบง่ ชนชัน้ ในสงั คมโรมนั สังคมโรมันเป็นสังคมทีม่ ชี นช้ัน ตา่ งจากสังคมกรีกทรี่ าษฎรทุกคนมีความเทา่
เทียมกัน ในสมัยสาธารณรัฐมีชาวโรมนั 2 กล่มุ

แพทรเิ ชยี น
พวกแพทริเชียน(Patricians) คอื พวกชนชัน้ สูง ได้แก่ กลมุ่ ผู้ดมี ีสกุล มีความมง่ั ค่ังรา่ รวย พวกแพทริเชียน

มีอานาจในการปกครองสาธารณรัฐและพยายามรักษาอานาจของตนดว้ ยการหา้ มปะปนโลหติ กบั พวกสามญั
เพลเบียน
พวกเพลเบียน(Plebeians) คือ พวกชนช้ันต่า หรือสามัญ ได้แก่ ชาวนา พ่อค้า ช่างฝีมือ ซ่ึงแทบจะไม่มี

อานาจหรอื สิทธทิ างการเมืองและสังคมเลย
ศาสนา
เดมิ โรมันนบั ถือวญิ ญาณท่เี รยี กว่า
“นมู นี า” (numina) โดยเชอื่ วา่ นมู นี า มีอยูท่ กุ หนทกุ แห่งเชื่อว่า พวกโรมันรับเทพเจ้ากรีกมาเป็นเทพ

เจ้าของตนผ่านพวกอีทรัสกันพวกโรมันส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยพิธี บูชา โดยบิดาเป็นผู้ทาหน้าท่ีบูชาเทพเจ้า
ประจาบ้าน

นอกเหนือจากเทพประจาบ้าน โรมันยังมีเทพประจาเมือง มีคณะนักบวชทาหน้าที่ ประกอบศาสนพิธี
กาหนดวันสาหรบั เทศกาลทางศาสนา และเก็บรักษาคัมภีร์ โดยมี “พอนทีเฟอร์ แม็กซีมุส” (Pontifex Maximus)
หรอื ประมุขทางศาสนาของรฐั เปน็ ผู้ควบคุมดแู ลพวกนักบวชชาวโรมนั เช่ือถือโชคลาง พธิ กี รรมทางศาสนาส่วนใหญ่
จึงจัดขึ้นเพื่อขอพร หรือบนบาน ศาลกล่าวเทพเจ้าเพื่อขอให้ทา อะไรสาเร็จ เพ่ือขอความคุ้มครอง
หรือเพ่ือเอาใจไม่ให้เทพเจ้าพิโรธ โกรธกร้ิวจนทาให้เกิดเรื่องร้ายๆความเชื่อ เร่ืองโชคลางของพวกโรมันยังทาให้
พิธีกรรมและมหรสพต่าง ๆ ดาเนินไปโดยไม่มีอะไรติดขัด หากมีอะไรผิดพลาดต้องทาซ้าใหม่ท้ังหมด จานวน
วันที่ใช้ในการแสดงในเทศกาลที่จัดข้ึนแต่ละปีจึงไม่เท่ากันในเวลาต่อมาเมื่อเทพเจ้าได้รับความศรัทธาน้อยลง
ชาวโรมันบางคนก็ได้ ไปศึกษาปรชั ญาแทน ดังเชน่ เซเนกาที่หนั ไปศึกษาปรัชญาของลัทธสิ โตอิกสอนมนษย์ไม่ให้ยึด
ติดกับความสุขทางโลก แนวคิดของลัทธิน้ีคล้ายคลึงกับคาสอนในศาสนาพุทธและมีอิทธิพลอย่างมาก ต่อเซเนกา
ยังนาคาสอนของลัทธิสโตอิกไปใส่ไว้ในบทละครโศกนาฏกรรมทุกเร่ือง ที่มีผู้สันนิษฐานว่าเขาเขียนขึ้นมาเพ่ือสอน
ศลี ธรรมใหแ้ กจ่ ักรพรรดิเนโร

3
ชาวโรมันเป็นคนทางานหนกั ขยันขันแข็ง อดทน มคี วามเป็นอยู่เรียบงา่ ย แต่กห็ รูหรา มรี ะเบยี บวนิ ัย และ
ตระหนกั ในหน้าที่รับผิดชอบสูง ชาวโรมันส่วนใหญท่ ามาหากนิ ด้วยการเปน็ กสิกร ทางานในท่ีดินในยามสนั ติ และ
จับอาวุธขึ้นรบอย่างเขม้ แข็ง กลา้ หาญ ในยามสงคราม
ชาวโรมันนิยมอาบน้าสาธารณะ และการกีฬาท่นี ยิ มชมกนั มาก ได้แก่ การแข่งรถศกึ ทส่ี นามแขง่ รถศึกเทียม
มา้ (Circus Maximus) และกีฬาทนี่ ิยมชมกันอีกประการหนึ่งแต่ถือวา่ ป่าเถ่ือนมากๆ คือ การต่อส้แู บบกลาดเิ อ
เตอรต์ ามสนามแข่งขันสนามใหญท่ ่สี ุด ได้แก่ สนามประลองยทุ ธหรอื โคลอสเซยี ม(Colossem) ในกรุงโรม ในการ
บนั เทิงแบบนม้ี ีการต่อสูร้ ะหว่างสัตวก์ ับนกั ส้ถู ืออาวธุ หรอื แมแ้ ต่ชายหญงิ มือเปล่าซ่ึงถูกตัดสินประหารชีวติ แล้วให้
ต่อสกู้ นั ถึงตาย

ภาพท่ี 1 สนามแข่งรถศกึ เทยี มมา้ (Circus Maximus)
ทมี่ า http://withtheoldboy.blogspot.com/2011/03/blog-post_25.html

ภาพที่ 2 การตอ่ สู้แบบกลาดิเอเตอร์
ทีม่ า http://withtheoldboy.blogspot.com/2011/03/blog-post_25.html

4

ภาพท่ี 3 แผนท่แี สดงอาณาเขตของจกั รวรรดิโรมันตะวันตกและโรมันตะวันออก
ทมี่ า http://withtheoldboy.blogspot.com/2011/03/blog-post_25.html
หลังจากน้ี ศาสนาคริสตเ์ รมิ่ เขา้ มีอิทธิพลในจักรวรรดโิ รมัน ความเสื่อมกเ็ ร่ิมมาเยือนจกั รวรรดโิ รมนั ด้วย สมัยของจักรพรรดิ
คอนสแตนติน ทรงประกาศพระราชกฤษฎีกาแห่งเมืองมลิ านขึ้นใน ค.ศ.313 และเป็นพลงั อย่างเดยี วที่สามารถรวมเอาชาวเมืองให้
ลุกข้ึนต่อสู้กับศัตรู คือ พวกอนารยชนที่เปิดศึกเขา้ มารุกรานในช่วงศตวรรษท่ี 3 ได้ จนจักรวรรดโิ รมนั ต้องแยกออกเป็น 2 ส่วนใน
การปกครอง ประมาณ ค.ศ.395 เป็นจักรวรรดิโรมันตะวันตก ศนู ย์กลางอยู่ที่กรงุ โรม และจกั รวรรดิโรมันตะวนั ออก ศนู ยก์ ลางอยู่ท่ี
กรงุ คอนสแตนตินโนเปิล อย่างไรกต็ าม จักรวรรดิโรมนั ตะวันตก (ทางด้านกรุงโรม) ก็ลม่ สลายในปี ค.ศ.476 โดยพวกอนารยชนเผ่า
เยอรมัน สามารถเข้าตีกรุงโรมจนแตกไดส้ าเรจ็ ในขณะทจ่ี กั รวรรดิโรมนั ตะวันออกสามารถดารงอยู่ได้ แต่กล็ ม่ สลายในปี ค.ศ.1453

วิวัฒนาการ
การละครยุคโรมนั (พ.ศ. 250 – พ.ศ. 1000) ละครในยคุ โรมัน (ประมาณยุคทวาราวด)ี

ไดร้ บั อทิ ธิพลจากละครของกรีกอย่างมาก และได้มลี ะครชนิดใหมๆ่ เกดิ ขน้ึ อีกหลายชนิด เช่น
(1) ละครคอมเมดี ไดร้ ับอทิ ธิพลจากคอมเมดกี รกี
(2) ละครแทรเจดี ไดร้ บั อิทธิพลจากตานานกรีกไดม้ นี กั เขยี นบทละครชาวโรมนั ชอ่ื
เซเนกาได้เขียนบทละครทีม่ อี ิทธพิ ลต่อนกั เขยี นบทละครยคุ ต่อมา คือยคุ ฟน้ื ฟศู ิลปวทิ ยา

(ยุคเรอเนอซองส)์ ลกั ษณะของละครเซเนกา มีดังนี้
- โครงสร้างของละครแบ่งเป็น 5 องค์ประกอบ
- เรื่องราวเกย่ี วพนั กับเหตุการณร์ นุ แรง หรอื การกระทาท่ีสยดสยอง
- ความพยาบาทอาฆาตแคน้ มักปรากฏเป็นเหตจุ งู ใจทส่ี าคัญในการกระทาของตวั ละคร
- มีเรื่องราวของภูตผีปีศาจและการใช้เวทมนตร์คาถา ซึ่งแสดงให้เห็นอานาจเหนือธรรมชาติที่มีต่อ

มนษุ ย์
(3) ละครแพบูลาอาเทลลานา เป็นละครตลกสั้นๆ ใช้ตัวละครที่ไม่ลึกซึ้งและมีลักษณะซ้ากันทุกเร่ือง

ใช้เรื่องราวชวี ิตในชนบทของชาวบ้านสามัญ ละครชนดิ นไ้ี ด้รับความนยิ มสงู สุด เช่น มายม์ (Mime) เป็นละครสั้นๆ
ตลกโปกฮา มีการใช้ผู้หญิงแสดงบทของผู้หญิง (เป็นละครประเภทแรกที่ใช้ผู้หญิงแสดง) ไม่มีการสวมหน้ากาก

5

แสดงเร่อื งราวชวี ติ ของคนในเมือง ระยะหลังมายม์แสดงเรื่องราวทผี่ ิดทานองคลองธรรม เช่น การคบชสู้ ชู่ าย ความ
ชัว่ ชา้ สามานย์ ภาษาที่หลาบโลน ทาให้เกดิ การตอ่ ต้านจากคริสต์ศาสนกิ ชน

(4) แพนโทมายม์ (Pantomime) เป็นการร่ายราที่มีความหมายโดยใช้นักแสดงคนเดียว ซ่ึงเปล่ียน
บทบาทโดยการ “เปล่ียนหน้ากาก” มีพวกคอรัสเป็นผู้บรรยายเรื่องราว มักเป็นเร่ืองราวท่ีเคร่งเครียดและได้จาก
ตานานปรัมปรา มเี ครื่องดนตรปี ระกอบหลายช้นิ เช่น ขลุย่ และเครอื่ งตี

การละครโรมันถึงยุคเส่ือม เพราะความไร้ศีลธรรมของการแสดง ซึ่งเน้นหนักด้านความโหดร้าย การ
ทารุณกรรม การนองเลือด การอนาจาร ฯลฯ จนกระท่ังประมาณ พ.ศ. 1076 จักรพรรดิจัสติเนียน แห่ง
อาณาจกั รดรมนั ตะวันออก ได้ออกประกาศหา้ มการแสดงในโรงละคร
รูปแบบการแสดงของละครโรมนั

1. ฟาบลู าอาเตลลานา หรือ ละครตลกแบบอาเตลลา
(fabula atellana atelona farce)

2. ละครสุขนาฏกรรมโรมนั
ละครสขุ นาฏกรรมโรมันมี 2 ประเภท
- สขุ นาฏกรรม แบบพัลลอี า
- ละครสุขนาฏกรรม แบบโทกาทา

3. ละครโศกนาฏกรรมโรมนั
ละครโศกนาฏกรรมโรมันมี 2 ประเภท
- ละคร โศกนาฏกรรม แบบเครพดี าทา (fabula crepidata)
- ละครโศกนาฏกรรม แบบเพรเทกซท์ า (fabula praetexta)

4. ละครไมม์ (mime)
5. ละครแพนโทไมม์ (pantomime)
๑. ฟาบูลาอาเตลลานา หรือ ละครตลกแบบอาเตลลา (fabula atellana atelona farce)
เป็นละครตลกสน้ั ๆ เลน่ กันแบบสดๆ โดยไม่มกี ารเขยี นบทล่วงหน้า เน้อื เรื่องเป็นเรื่องท่ีอย่ใู นความสนใจของ
ชาวบา้ น จัดอยใู่ นประเภทละครสุขนาฏกรรมชนั้ ตา่ เพราะมีเนื้อหาลามกเช่นเดียวกับละครฟลยี าเคสทีเ่ ป็นต้นแบบ
ตัวละครในฟาบูลาอา เตลลานาได้แก่ ตาแก่พัพพุส (Pappus) ไอ้ข้ีคุยมันดูคูส (Manducus) ไอ้แก้มป่องบุคโค
(Bucco) ไอ้โง่มักคุส (Maccus) และไอ้ค่อม ดอสเซนนุส (Dossennus) การท่ีละครประเภทนี้แบบและสวม
หน้ากากขณะแสดง เช่นเดียวกับละครสุขนาฏกรรมแนวใหม่ ของกรีก ทาให้มีผู้สันนิษฐานว่าฟาบูลา อาเตลลานา
น่าจะได้รับอิทธิพลจากละครประเภทดังกล่าวของกรีก แต่อาร์นอตต์ ไม่เห็นด้วย และคิดว่าการท่ีละครตลกแบบน้ี

6

ใช้ตัวละครเข้าแบบ น่าจะเป็นเพราะการแทนคนประเภทต่างๆ เข้าใจได้ง่ายกว่าสาหรับชาวบ้านธรรมดา
นอกจากน้ี การท่ีตัวละคร ของละครตลกแบบอาเตลลามีลักษณะคล้ายกบั ตัวละครของละครสุขนาฏกรรมแนวใหม่
เกดิ จากการทม่ี นุษย์ไมว่ ่าท่ีใดมีธรรมชาตวิ ิสัยของความเปน็ มนุษย์เหมอื นๆ กนั

2. ละครสขุ นาฏกรรมโรมนั
หลังจากอันโดรนคี ุสนาละครสุขนาฏกรรมโรมนั ทเี่ ขาแปลจากละครสขุ นาฏกรรมแนวใหม่ของกรีกไปแสดงท่ี

โรมแลว้ นกั เขียนบทละครรุ่นหลังก็เจริญรอยตาม และแทบไมไ่ ด้คดิ โครงเรื่องหรือสร้างตัวละครขึ้นมาใหม่ แต่ใชว้ ิธี
ดัดแปลงบท ให้เข้ากับรสนิยมของชาวโรมันท่ีชอบเรื่องตลกแบบสองแง่สองง่าม โดยอาจแทรกเรื่องราว ชาวโรมัน
เข้าไปด้วย แตพ่ ยายามหลีกเลย่ี งการล้อเลยี นเสียดสีหรือวิพากษ์วจิ ารณ์ชนช้นั เช่นเดียวกบั ละครสุขนาฏกรรมแนว
ใหมข่ องกรกี เหตุการณใ์ นละครสขุ นาฏกรรมโรมันมักเกดิ ขึ้น ตามท้องถนน ฉากบนเวทจี ึงเป็นฉากนอกบา้ น หากมี
เหตุการณ์ใดเกิดข้ึนในบ้านก็จะใช้วิธีให้ ตัวละครออกมาพูดถึง อันเป็นวิธีการเดียวกับที่เห็นได้ในละคร
โศกนาฏกรรมกรีกเมือ่ มีเหตุการณ์ รนุ แรงเกดิ ขนึ้ ในเรอ่ื ง

ละครสุขนาฏกรรมโรมันมี 2 ประเภท ไดแ้ ก่
- ละครสขุ นาฏกรรมแบบพลั ลีอาทา
- ละครสขุ นาฏกรรมแบบโทกาทา

ละครสุขนาฏกรรมแบบพลั ลีอาทา
นักเขยี นบทละครสร้างบรรยากาศท่ีไม่ใชโ่ รมัน ดว้ ยการใชน้ ครรฐั กรีกแห่งหนึ่งซง่ึ มักเป็นเอเธนส์เป็นฉาก

ทอ้ งเรอ่ื ง นอกจากน้ี ยังใช้ตวั ละครและ เสื้อผ้าทเี่ ปน็ กรกี สาเหตทุ ตี่ อ้ งทาเชน่ นนั้ เพราะบทละครสุขนาฏกรรมโรมัน
เคร่งครัดเรื่องศีลธรรมและให้ความสาคัญเป็นอย่างสูงแก่สถาบันครอบครัว ชาวโรมันยอมรับเรื่องดังกล่าวได้หาก
เป็นเร่ืองที่เกิดข้ึนในฉากดั้งเดิมคือท่ีกรีซ และ ตัวละครมิใช่ชาวโรมัน ตัวละครเข้าแบบเช่นทาสซ่ึงยุยงให้เจ้านาย
หนุ่มทาอะไรผิดศีลธรรม จึง ไม่ทาให้ชาวโรมันรู้สึกขุ่นเคือง เพราะเห็นได้อย่างชัดเจนวา่ เรอื่ งราวในละครเป็นเร่ือง
ของพวกกรีกมิใช่โรมัน ละครสุขนาฏกรรมโรมันทุกเร่ืองท่ีเหลืออยู่ในปัจจุบัน ล้วนแต่เป็นละครสุขนาฏกรรม
แบบพัลลอี าทาที่เขียนโดยเพลาทสและเทเรนซ์

ละครสุขนาฏกรรมแบบโทกาทา
เน้ือเรอื่ งของละครสขุ นาฏกรรมประเภทน้แี ม้จะยังคงใช้ละครสุขนาฏกรรมแนวใหม่ของกรีกเปน็ ต้นแบบ

แต่ดัดแปลงเน้ือเร่ืองให้เป็นเรื่องราวชีวิตของชาวโรมัน โดยใช้ตัวละครโรมัน และฉากท้องเร่ืองเป็นเมืองเล็กๆหรือ
มฉิ ะนนั้ อาจจะยังคงฉากท้องเร่ืองและตวั ละครที่เป็นกรีกไว้ แต่ดดั แปลงหรือเพิ่มเติมรายละเอียดและองค์ประกอบ
ท่ีชาวโรมันคุ้นเคยเข้าไปในเรื่อง และตัดทอนรายละเอียดบางอย่างในบทละครต้นแบบ ผู้เขียนคิดว่าชาวโรมันไม่
สนใจหรืออาจจะไม่เข้าใจ เพื่อให้คนดูเข้าใจง่ายข้ึน ในบทละครเรื่องหน่ึงเพลาทุสจึงถ่ายทอดกระบวนการทาง

7

กฎหมายของกรีก โดยใช้ถ้อยคาและกระบวนการทางกฎหมายของโรมันเพื่อให้คนดูเข้าใจง่าย ขึ้น โดยไม่คานึงว่า
จะทาให้ระบบกฎหมายของโรมันและลูกขุนโรมันอย่ผู ิดทผ่ี ดิ ทาง นอกจากนี้ เพลาทุสยงั มักเพิม่ รายละเอยี ดเก่ียวกับ
พวกโรมันเข้าไปในบทละคร เพื่อสร้างความขบขันให้แก่คนดู โดยไม่สนใจเร่ืองความสมจริงว่าเหตุการณ์ในเร่ือง
เกิดขึน้ ทน่ี ครรฐั กรีก

สรุป
ละครสุขนาฏกรรมแบบโทกาทานารูปแบบและกลวิธีของละครสุขนาฏกรรมแนวใหม่ของกรีกมาใช้

เช่นเดียวกับฟาบูลาพัลลีอาทา แต่มีการดัดแปลง เพิ่มเติม หรือตัดทอน รายละเอียดและองค์ประกอบบางอย่าง
ออก เพื่อให้คนดูเข้าใจง่ายข้ึน ละครสุขนาฏกรรมแบบโทกาทาไม่ได้รับความนิยมจากชาวโรมันเท่ากับละคร
สุขนาฏกรรมแบบพัลลีอาทา ปัจจุบันไม่มีต้นฉบับของบทละครสุขนาฏกรรมแบบโทกาทาเรื่องใดหลงเหลอื อยู่แล้ว
คงมีเพียงช่ือเรื่องของบทละครประเภทนี้บางเรื่อง และข้อความบางตอนจากบทละครที่มีผู้ยกมาอ้างถึงเพียง
เลก็ น้อย

ละครสุขนาฏกรรรมโรมนั ท้ัง 2 ประเภทน้ี แม้ว่าจะใชล้ ะครสุขนาฏกรรมแนวใหม่ของกรีกเป็นตน้ แบบแต่มี
ลักษณะเฉพาะตัวต่างจากต้นแบบหลายประการ กล่าวคือ นักเขียนบทละครสุขนาฏกรรมโรมันตัดนักร้องหมู่
ออกไป แต่ชดเชยด้วยการแทรกเพลงประกอบเข้าไปในเรื่อง กลวิธีน้ีได้รับความนิยมจากนักเขียนบทละครเพ่ิมข้ึน
เรื่อย ๆ ที่เหลือเป็นคาพูดท่ีมีท่วงทานองเหมือนเพลงโดยมีเสียงดนตรีคลอเบาๆ ขณะพูดทั้งน้ีการท่ีนักเขียนบท
ละครสุขนาฏกรรมโรมันตัดนักร้องหมู่ออกไปประกอบกับละครสุขนาฏกรรมโรมันไม่มีการแบ่งองค์ และฉากทาให้
การแสดงดาเนนิ ไปได้อย่างตอ่ เนอื่ งหรือเกือบตอ่ เน่ือง
3. ละครโศกนาฏกรรมโรมนั

เป็นที่น่าสังเกตว่าขณะท่ีพวกกรีกนิยมและยกย่อง โศกนาฏกรรมมากกว่าละครสุขนาฏกรรม ละคร
โศกนาฏกรรมกลับไดร้ ับความนยิ มจากชาวโรมัน เปน็ รองละครสขุ นาฏกรรม เพราะชาวโรมนั สว่ นใหญ่ไม่ใช่คนช่าง
คดิ จึงไม่ชอบเรื่องหนักสมอง อยา่ งละครโศกนาฏกรรม ละครโศกนาฏกรรมโรมันทเ่ี ขยี นในสมัยสาธารณรัฐ ปจั จุบนั
เหลือเพียง ชื่อเร่ืองและเน้ือเรื่องเป็นท่อนๆ ซึ่งช่วยให้สันนิษฐานได้ว่า ละครโศกนาฏกรรรมโรมันสมัย สาธารณรฐั
น่าจะคล้ายกับละครโศกนาฏกรรมกรีกสมัยเฮลเลนิสติก ซ่ึงมักมีเน้ือหาแบบละคร ประโลมโลก (melodrama)
และบทบาทของนกั ร้องหมไู่ มม่ ีความสาคัญอีกตอ่ ไป

ละครโศกนาฏกรรมโรมันมี 2 ประเภทเชน่ เดยี วกบั ละครสุขนาฏกรรม ได้แก่
(1) ละคร โศกนาฏกรรมแบบเครพดี าทา (fabula crepidata)
(2) ละครโศกนาฏกรรม แบบเพรเทกซ์ทา (fabula praetexta)

8

(๑) ละคร โศกนาฏกรรมแบบเครพีดาทา (fabula crepidata) ซึ่งใช้แก่นเร่ืองกรีก ละครโศกนาฏกรรม
ประเภทน้ีได้ชื่อตามคาว่า “เครพีดา” (Crepida) อันเป็นคาท่ีพวกโรมันใช้เรียก “โคเทอร์นัส” (cothurnus) ซ่ึง
เปน็ รองเทา้ ทพี่ วกกรกี ใชใ้ นการแสดงละครโศกนาฏกรรม

(2) ละครโศกนาฏกรรม แบบเพรเทกซ์ทา (fabula praetexta) อันเป็นละครอิงประวัติศาสตร์โรมัน
หรือชีวประวัติของ บุคคลสาคัญชาวโรมัน เช่น เรื่อง The Rape of the Sabines ซ่ึงควินทุส เอนนีอุส นา
ประวัติศาสตร์การก่อตั้งกรุงโรมตามที่เล่าไว้ในตานาน มาถ่ายทอดเป็นบทละคร ปัจจุบันมีบทละครโศกนาฏกรรม
แบบเพรเทกซ์ทาที่สมบูรณ์เหลืออยู่เพียงเร่ืองเดียวคือเร่ือง Octavia ซ่ึงไม่รู้ชื่อผู้แต่ง บทละคร เร่ืองน้ีเล่าถึงชะตา
กรรมของออกทาเวีย ชายาคนแรกของจักรพรรดิเนโร ผู้ถูกสามีทอดท้งิ และมผี ู้หญิงอื่น ตัวเธอเองถูกกล่าวหาว่าคบ
ชู้ ทาใหถ้ กู เนรเทศไปจากโรมและถูกสังหารในที่สุด โศกนาฏกรรมทงั้ 2 ประเภทนี้มีเน้ือเร่ืองน่ากลัวและมีตัวละคร
ท่ีดหี รือเลวเพียงดา้ นเดยี ว

กรีกและพวกโรมันมีวิธีการนาเสนอละครโศกนาฏกรรมต่างกัน กล่าวคือ กรีกจะไม่นาเรื่องหนักสมองและ
เร่ืองตลกมาปะปนกัน เพราะทาให้อารมณ์คนดูสะดุด แต่พวกโรมันไม่ชอบเรื่องหนักสมองจึงต้องมีการแสดงตลก
การพักคร่ึงเวลาและหลังจากปัจฉิมบทนั่นคือ หลังจากจบละครแต่ละเร่ือง เพื่อให้คนดูคลายเครียด บทละคร
โศกนาฏกรรมโรมนั ท่ีสมบรู ณ์ ในปจั จบุ นั ทุกเร่อื งเปน็ บทละครเพ่ืออ่านซึง่ เปน็ ผลงานของเซเนกาทั้งส้ิน
4. ละครไมม์ (mime)

ปจั จุบนั ละครไมม์หมายถึงละครใบ้หรือละครที่ไม่มีบทพูด ใชเ้ พียงสีหน้าทา่ ทางและท่าเต้นในการสื่อสารกับ
คนดู โดยเน้นตัวละครมากกว่าเน้ือเรื่องและมัก เป็นการแสดงสดไม่มีการเขียนบทล่วงหน้าแต่ในสมัยโรมันละคร
ไมม์เป็นละครสั้นๆ ที่มีบทสนทนา เน้ือเรื่องลามก และอาจตลกหรือไม่ก็ได้ ในการแสดงละครไมม์มักมีการแทรก
การร้องราทาเพลง และการละเล่นแปลกๆ อาทิ การกลืนดาบ การกินไฟ การเล่นโยนของรับของพร้อมกันหลายๆ
ชน้ิ และการแสดงกายกรรม ละครไมม์แสดงโดยนักแสดงละครเร่ ใชช้ ายจรงิ หญงิ แท้ในการแสดง นบั เปน็ ครงั้ แรกท่ี
มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรว่ามีนักแสดงหญิง นักแสดงไม่สวมหน้ากากขณะ แสดง นักแสดงที่ประสบ
ความสาเร็จและเป็นดาวดวงเดน่ ที่ไดร้ ับความนิยมเหมือนดาราในปัจจบุ นั มกั มีรูปร่างหนา้ ตาดีมากๆ หรอื มฉิ ะนั้นก็
ต้องอัปลักษณ์ผิดมนุษย์ นักแสดงหญิงท่ีมีชื่อเสียงที่สดุ ในคริสต์ศตวรรษที่ 6 (หลังจากจักรวรรดิโรมันตะวนั ตกล่ม
สลายไปแล้ว) ชือ่ เทโอโดรา (Theodora)
5. แพนโทมายม์ (Pantomime)

เป็นการร่ายราที่มีความหมายโดยใช้นักแสดงคนเดียวซ่ึงเปลี่ยนบทบาทโดยการ “เปล่ียนหน้ากาก” มีพวก
คอรัสเป็นผู้บรรยายเรื่องราว มักเป็นเรื่องราวที่เคร่งเครียดและได้จากตานานปรัมปรา มีเคร่ืองดนตรีประกอบ
หลายชนิ้ เชน่ ขลยุ่ และเครอ่ื งตี

9
วรรณกรรมการละคร

ด้านวรรณกรรม
โรมันได้รับอิทธิพลด้านวรรณกรรมจากกรีก ประกอบกับได้รับการส่งเสริมจากจักรพรรดิโรมัน จึงมี

ผลงานด้านวรรณกรรมจานวนมากท้ังบทกวีและร้อยแก้ว มีการนาวรรณกรรมกรีกมาเขียนเป็นภาษาละตินเพ่ือ
เผยแพร่ในหมู่ชาวโรมัน และยังมีผลงานด้านประวัติศาสตร์ นักประวัติศาสตร์โรมันที่มีชื่อเสียงคือ แทซิอุส
(Tacitus) ซึ่งวิพากษ์การใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยของชาวโรมัน ส่วนกวีที่มีช่ือเสียงมากท่ีสุดคนหนึ่งของโรมันคือ ซิเซโร
(Cicero) ซึง่ มีผลงานจานวนมากรวมท้ังการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง

การก่อสรา้ งและสถาปตั ยกรรม
ผลงานด้านการก่อสร้างเป็นมรดกท่ียิ่งใหญ่ของชาวโรมัน โรมันเรียนรู้พ้ืนฐานและเทคนิคการก่อสร้าง

การวางผังเมืองและระบบระบายน้าจากกรีกจากนั้นได้พัฒนาระบบก่อสร้างของตนเอง ชาวโรมันได้สร้างผลงานไว้
เป็นจานวนมาก เช่น ถนน สะพาน ท่อส่งน้าประปา อัฒจันทร์คร่ึงวงกลม สนามกีฬา ฯลฯ อน่ึง ในสมัยน้ีมีการใช้
ปูนซีเมนต์เป็นวัสดุก่อสร้างอย่างแพร่หลาย นอกจากผลงานด้านการก่อสร้างแล้ว โรมันยังมีผลงานด้าน
สถาปัตยกรรมซ่ึงได้รับยกย่องว่าเป็นศิลปกรรมที่งดงามจานวนมาก เช่น พระราชวัง วิหาร โรงละครสร้างเป็น
อัฒจันทร์ครึ่งวงกลม ฯลฯ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโรมันจะรับสถาปัตยกรรมกรีกเป็นต้นแบบงานสถาปัตยกรรมของ
ตน แต่ชาวโรมันกไ็ ดพ้ ัฒนารปู แบบที่เป็นเอกลักษณ์ของตนดว้ ย เช่น ประตู วงโคง้ และหลงั คาแบบโดม

ภาพที่ 4 โรงละครสร้างเป็นอัฒจันทร์ครึง่ วงกลม
ที่มา https://sites.google.com/site/historyinter123/xarythrrm-tawan-tk-smay-boran/xarythrrm-roman

10

นักการละครท่ีสาคัญของสมัยโรมนั
ชาวโรมันมิได้ยกย่องนักเขียนบทละครเป็นพิเศษ เพราะละครโรมันส่วนใหญ่เขียนโดย ทาสหรืออดีตทาส

เพ่ือหารายได้ยังชีพ ต่างจากนักเขียนบทละครกรีกซ่ึงเป็นราษฎรผู้มีช่ือเสียงและ ได้รับการยกย่องให้เป็นครู
นักเขียนบทละครโรมันที่ยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลต่อนักเขียนบทละคร สมัยหลังมากท่ีสุด ได้แก่ เพลาทุสกับเทเรนซ์
ทางด้านละครสขุ นาฏกรรม และเซเนกาทางดา้ น ละครโศกนาฏกรรม แต่เน่ืองจากนักเขียนบทละครโรมนั หลายคน
เขียนบทละครทั้งโศกและ สุขนาฏกรรม ต่างจากนักเขียนบทละครกรีก จึงขอกล่าวถึงนักเขียนบทละครโรมันท้ัง 2
ประเภท นี้รวมกันไป โดยเรียงตามลาดับเวลาก่อนหลัง และจะกล่าวถึงแต่นักเขียนบทละครโรมันที่มีความ สาคัญ
เปน็ พเิ ศษเท่านน้ั
ลูชอี ุส ลวี ีอสุ อันโดรนีคสุ (Lucius Livius Andronicus:

ราว 284-204 ปกี อ่ น ครสิ ตศ์ ักราช) เป็นนักเขียนบทละครโรมันคนแรกสุด ได้รบั การยกย่องให้เป็นบิดาแห่ง
ละครโรมัน ลีวีบันทึกไว้ในหนังสือเล่มหนึ่งว่า อันโดรนีคุสเป็นเชลยกรีกจากเมืองทาเรนทุม (Tarentum)ถูกกวาด
ต้อนไปเป็นทาสที่โรมแต่ผู้เป็นนายรับเป็นบุตรบุญธรรมเพราะมีความสามารถทางด้าน อักษรศาสตร์เป็นเยี่ยม
อันโดรนีคุสเป็นคนแรกท่ีนาละครกรีกทเ่ี ขาแปลเปน็ ภาษาละตนิ ไปแสดงท่ี โรมเมอ่ื 240ปีก่อนครสิ ตศ์ กั ราชในวาระ
ท่ีมีการฉลองชัยชนะของโรมันในสงครามพิวนิกคร้ังที่ 1ละครของอันโดรนีคุสมีคู่แข่งเป็นละครตลกแบบอาเตลลา
ซ่ึงได้รบั ความนิยมทีโ่ รมอยู่ก่อนแล้ว อันโดรนคี ุสเปน็ ทง้ั นกั เขยี นบทละคร นกั แสดง ผกู้ ากับการแสดง และผูจ้ ัดการ
คณะละคร ผลงานด้านการละครของอันโดรนีคุส ซึ่งประกอบไปด้วยบทละครสุขนาฏกรรมแบบ พัลลีอาทาและ
ละครโศกนาฏกรรมแบบเครฟิดาทา ไม่มีเรื่องใดสมบูรณ์ในปัจจุบัน นอกเหนือจาก ละคร อันโดรนีคุสยังแปลมหา
กาพย์ The Odyssey ของโฮเมอร์เป็นภาษาละตินด้วย ในปี 207 ก่อนคริสต์ศักราช หลังจากอันโดรนีคุสเสียชีวิต
ไปแล้ว มีการกอ่ ตงั้ โรงเรียนสอนนกั เขยี นบทละคร เพือ่ เปน็ เกียรติแก่เขา ตอ่ มาโรงเรียนแหง่ น้ีขยายไปเปน็ โรงเรียน
สอนการเขียนบทกวีด้วย และมี การสร้างวิหารของเทวีมิแนร์วา (Minerva) ไว้ใกล้ๆ เพื่อใช้เป็นท่ีพบปะสังสรรค์
ของพวกกวี

เงอูส เนวอี สุ
(Gnaeus Naevius: ราว 270-ราว 201 ปีก่อนคริสต์ศักราช) เนวีอุส เป็นกวีและนักเขียนบทละครจาก

แคว้นกัมปาเนีย (Campania)ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของคาบสมุทรอิตาลีเคยร่วมรบในสงครามพิวนิกครั้งที่ 1และนา
ประสบการณ์น้ีมาเขียนมหากาพย์ภาษา เร่ืองแรกช่ือ Bellum Punicum (Punic War) ซึ่งเป็นผลงานท่ีสร้าง
ชื่อเสียงให้เขามากท่ีสุด เนวีอุสเริ่มเขียนบทละครต้ังแต่ 235 ปีก่อนคริสต์ศักราชจนเสียชีวิต ปัจจุบันมีบทละคร
ประเภท โศกนาฏกรรมของเขาเหลืออยเู่ ป็นท่อนๆ ไมม่ ากนัก และชอื่ บทละครสุขนาฏกรรมแบบพัลลีอาทา ซง่ึ เช่ือ
กนั วา่ เปน็ ผลงานของเขาอกี 30 เรื่อง

11

ผลงานของเนวอี ุสประกอบไปดว้ ย
บทละครโศกนาฏกรรมแบบเครพีดาทาซึ่งใช้แก่นเรื่องกรีกและบทละครโศกนาฏกรรมแบบเพรเทกซ์ทา

ซง่ึ เป็นบทละครอิงประวัติศาสตรโ์ รมัน เนวีอุสเป็นผ้รู ิเริ่มเขียนบทละครโศกนาฏกรรมแบบเพรเทกซ์ทาเป็นคนแรก
เนวีอุสยังเขียนบทละครสุขนาฏกรรมแบบพัลลีอาทาท่ีใช้ละครสุขนาฏกรรมแนวใหม่ของกรีกเป็นต้นแบบ และยัง
สันนษิ ฐานกันว่าเขานา่ จะเขียนบทละครสุขนาฏกรรมแบบโทกาทา โดยใช้อิตาลเี ปน็ ฉากท้องเร่ืองไว้ดว้ ย ในช่วงบนั้
ปลายชีวิต เนวีอุสถูกเนรเทศไปแอฟริกาเหนือ และเสียชีวิตท่ีนั่น เพราะบทละครของเขาเรื่องหน่ึงวิพากษ์วิจารณ์
สังคมโรมันผ่านมุมมองของ ชนช้ันเพลเบียนอย่างขมขื่น และเสียดสีเมเทลลี (Metelli) ผู้เป็นกงสุลในช่วงเวลาน้ัน
เคราะห์กรรมทีเ่ นวีอุสไดร้ บั ทาใหไ้ มม่ ีนกั เขียนบทละครโรมันคนใดกลา้ เขียนถงึ เรือ่ งการเมอื งอีกเลย
ทีทสุ มกั ชีอุส เพลาทสุ (Titus Maccius Plantus: ราว 254-ราว 184 ปกี อ่ น ครสิ ตศ์ กั ราช)

เปน็ นักเขียนบทละครสุขนาฏกรรมโรมันท่ีสาคญั และมีอิทธิพลมากทส่ี ุดในหมชู่ าวโรมนั เพลาทสุ เกิดท่ีแคว้น
อุมเบรียแต่เดินทางเข้าโรมต้ังแต่ยังหนุ่ม เขาเริ่มเขียนบทละครต้ังแต่หลังสงครามพิวนิกคร้ังท่ี 2อันเป็นช่วงเวลาที่
ละครโรมันกาลังเฟ่ืองฟู เพลาทุสมีช่ือเสียงจากบทละครสุขนาฏกรรมท้ัง 2 ประเภท บทละครเรื่องท่ีเก่าท่ีสุดของ
เพลาทสที่มีอยู่ในปัจจุบันเขียนเม่ือ 205ปีก่อนคริสต์ศักราช หรือราว 35ปีนับต้ังแต่อันโดรนีคุสนาละครกรีกไป
แสดงคร้ังแรกท่ีโรม เพลาทุสเป็นทั้งนักแสดง ผู้กากับการแสดง และผู้จัดการคณะละครท่ีมีชื่อเสียงที่สุดคณะหน่ึง
เช่น เดียวกับอันโดรนีคุส และได้รับความนิยมมากที่สุดในสมัยของเขา นอกจากนี้ ยังมีผู้นาบทละคร ของเขาไป
แสดงบ่อยครั้งในช่วงปลายสมยั สาธารณรัฐ และระหว่างสมัยจกั รวรรดโิ ดยเฉพาะอย่าง ยิ่งในช่วงครสิ ต์ศตวรรษที่ 2
อันเป็นช่วงเวลาท่ีคนมีการศึกษาหนั มาสนใจผลงานของนกั เขียน บทละครโรมันสมยั สาธารณรฐั
เชซีลีอุส สทาซอี สุ (Caecilius Statius: ราว 239 หรือ 219-168 ปีกอ่ นครสิ ต์ ศกั ราช)

สทาซีอุสเป็นเชลยศึกชาวกอล (Gaul)ที่ถูกกวาดต้อนมาเป็นทาสและได้กลายเป็นนักเขียนบทละคร
สุขนาฏกรรมท่ียิ่งใหญ่ท่ีสุดในทัศนะของนักวิจารณ์โรมันบางคน ผลงานของเขา มีลักษณะเหมือนบทละครของ
เพลาทุสและเทเรนซ์ผสมกัน ปัจจุบันมีผลงานของสทาซีอุสเหลือ อยู่เป็นท่อนๆ ราว 300 ช้ิน และช่ือบทละครท่ี
เชือ่ กนั วา่ เขาเป็นผู้เขยี นราว 42 เรื่อง โดย 16 เร่ืองในจานวนนี้เป็นบทละครสุขนาฏกรรมแบบพัลลีอาทา ซงึ่ ใช้บท
ละครสุขนาฏกรรมแนวใหม่ ของมแี นนเดอร์เปน็ ต้นแบบ
มารค์ สุ พาคูวีอสุ (Marcus Pacuvius: 220-130 ปกี อ่ นคริสต์ศักราช)

ไดร้ ับการยกย่องให้เป็นนักเขียนบทละครโศกนาฏกรรมโรมันผยู้ ง่ิ ใหญ่ท่ีสุดจากชิเชโร์ ผู้ซงึ่ ชน่ื ชมในภาษา อนั
ไพเราะและทรงพลังของเขา จึงมักยกข้อความบางตอนในบทละครของเขามาสนับสนุนวาทะ ของตนเอง พาดวู ีอุส
เปน็ หลานชายและศิษย์ทางด้านการเขียนบทละครของควินทสุ เอนนอี ุส และนา่ จะเปน็ สมาชิกของสโมสรชิพิโอนิก

12

(Scipionic Circle)อันเป็นสโมสรของชาวโรมันชน้ั สูงท่ีใฝ่ใจในการเผยแพร่อารยธรรมกรีก ปัจจุบันมีผลงานของพา
คูวอี สุ เหลอื เพยี งตัวบทละคร เปน็ ท่อนๆ ราว 400 ช้ิน
หน้ากากละคร

การแสดงละครโรมันทกุ ประเภทยกเวน้ ละครไมม์ ตอ้ งสวมหนา้ กากขณะแสดง เนื่องจากนกั แสดง 1 คนตอ้ ง
รับบทตัวละครมากกว่า 1 ตัว เช่นเดียวกับนักแสดงละครกรีก หน้ากาก ละครโรมันมักทาจากผ้าลินินสวมครอบ
ศีรษะอย่างมิดชิดเช่นเดียวกับหน้ากากละครกรีก สีผม ของหน้ากากใช้ในเชิงสัญลักษณ์เช่นเดียวกับเสื้อผ้า ได้แก่
ผมสีขาวบอกให้รู้ว่าตัวละครเปน็ คนแก่ ผมดาเป็นคนหนุ่ม ผมแดงใช้กับทาส โดยอาจจะมาจากสีผมของพวกกอล
และพวกเคลต์ (Celt)ท่ถี ูกกวาดต้อนมาเป็นทาสหลังจากพ่ายแพ้พวกโรมัน หรอื อาจใชต้ ามแบบแผนของละครกรีก
ท่มี กั ใหท้ าสมีผมสีแดงเชน่ กัน และเน่ืองจากละครสุขนาฏกรรมโรมนั มักมีตวั ละครเขา้ แบบ จงึ ต้องใชห้ นา้ กากที่เป็น
ตัวแทนของคนประเภทต่างๆ ด้วย สีหน้าของหน้ากากละครสุขนาฏกรรมโดยเฉพาะหน้ากากของตัวละครเข้าแบบ
มักแสดงอารมณ์เกินจริง เพื่อให้คนดูแยกแยะได้ทันทีว่าเป็นตัวละครแบบใด สาหรับหน้ากากตัวละครผู้หญิงและ
เด็กหนุม่ มักมีลกั ษณะเป็นธรรมชาติกวา่ หนา้ กากตวั ละครแบบอ่ืนๆ
นกั แสดงละครแพนโทไมม์สวมหน้ากากแบบไมเ่ จาะรู นักแสดงจะเปลีย่ นหน้ากากบนเวทีต่อหน้าคนดูเม่ือรับบทตัว
ละครตัวใหม่ ทั้งนี้ ใน บางครั้งอาจต้องใช้หน้ากากถึง 5 อัน และหน้ากากอันเดียวกันอาจเป็นภาพใบหน้า 2 ตัว
หรือ 2 เพศ หรือตัวละครตัวเดียวแต่แสดงอารมณ์ 2 แบบ เน่ืองจากละครมักแสดงโดยนักแสดงเพียงคนเดียว จึง
ต้องใช้ประโยชน์จากหน้ากากให้ได้มากท่ีสุด โดยจะ จะใช้วิธีหันภาพใบหน้าซีกท่ีต้องการมาทางคนดู บอกให้รู้ว่า
กาลังรับบทตัวละครตวั ใด หรอื อยูใ่ นอารมณ์แบบใด
โรงละครโรมัน

ขณะท่ีละครโรมันใช้ละครกรีกเป็นต้นแบบ โดยดัดแปลงให้เข้ากับรสนิยมของชาวโรมัน โรงละครโรมันก็ใช้
โรงละครกรีกเป็นต้นแบบ โดยดัดแปลงให้เข้ากับรสนิยมของชาวโรมันเช่นกัน ทาให้โรงละครโรมันมีรูปแบบ
สถาปตั ยกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตวั ต่างจากโรงละครกรีก ดงั จะ ขยายความต่อไป
ลักษณะของเวทีละครโรมันสมัยแรกๆ ก่อนท่ีจะมีการสร้างโรงละครถาวร ไม่มีหลักฐาน หลงเหลืออยู่แล้วใน
ปัจจุบัน แต่สันนิษฐานกันว่าเวทีละครในสมัยของเพลาทุสกับเทเรนซ์ น่าจะ เป็นเวทีช่ัวคราวที่สร้างด้วยไม้แบบ
เดียวกับท่ีใช้แสดงละครฟลียาเคส ซึ่งเห็นได้ท่ัวไปในภาพเขียน บนโถผสมเหล้าองุ่นฟลียาเคส โดยส่วนใหญ่มักมี
แทน่ บชู าและฉากหลังเปน็ บา้ น 2หลังกบั ทางเดินเช่ือมระหวา่ งบ้าน เนื่องจากเหตุการณ์ในละครสุขนาฏกรรมโรมัน
มกั เกดิ ข้ึน ตามถนนหนา้ บา้ นตัวละครเอก
อยา่ งไรกด็ ีมีผสู้ ันนษิ ฐานไปอกี ทางหน่งึ ว่า เวทลี ะครแบบชว่ั คราวน่าจะมรี ปู แบบโดยรวมคล้ายกบั เวทีละครสมัยเฮล
เลนิสติก กล่าวคือ มีลักษณะเป็นยกพ้ืนสูง แต่เชเน (SCaenae) หรืออาคารท่ีใช้เป็นฉากหลังของเวที

13

(stagehouse)มักมี 3 ประตู เพื่อใช้บอกสถานที่ต่างกันไป เช่นเดียวกับเวทีละครกรีกสมัยคลาสสิก ประตูอาจใช้
เปน็ สญั ลกั ษณแ์ ทนสถานที่อ่ืนๆ ด้วย ดงั เหน็ ได้วา่ ในบทละครเรื่อง The Rope ของเพลาทุสต้องมีประตูบานหนึ่งท่ี
ใชแ้ ทนชายทะเล เน่ืองจากในเรือ่ งมนั ฉากที่ชาวประมง ใช้อวนลากกาปั่นท่ีลอยมาตามน้า
โรงละครโรมันที่สร้างข้ึนชั่วคราวในตอนแรกยังไม่มีที่น่ังสาหรับคนดู จนถึง 194 ปี ก่อนคริสต์ศักราช จึงเริ่มมีการ
นาเก้าอ้ีไปตั้งไว้ในลานออร์เคสตราให้วุฒิสมาชิกน่ัง และอีก 50 ปีต่อมาก็มีการสร้างม้ายาวด้วยไม้ให้คนดูทั่ว ไป
ในชว่ งศตวรรษสดุ ท้ายของสมัยสาธารณรัฐ โรงละครช่ัวคราวสร้างอย่างยิ่งใหญ่อลงั การขนึ้ เร่ือยๆ
ชาวโรมันใช้โรงละครช่ัวคราวจนถึง 75 ปีก่อนคริสต์ศักราช จึงเริ่มมีการสร้างโรงละคร โรมันถาวรแห่งแรกบน
คาบสมุทรอิตาลีที่เมืองปอมเปอี ตามมาด้วยโรงละครถาวรแหง่ แรกที่โรม เมื่อ 55 ปีก่อนคริสต์ศักราช หลังจากอัน
โดรนีคุสนาละครภาษาละตินไปแสดงที่โรมได้เกือบ 2 ท่ีควรรษแล้ว ท้ังน้ี สันนิษฐานกันว่าการที่พวกโรมันใช้
เวลานานมากกว่าจะยอมสรา้ งโรงละคร
โรงละครแห่งน้ีสร้างตามแบบโรงละครกรีก แต่เพิ่มโครงสร้างบางอย่างตามรสนิยมและความเชื่อ ของชาวโรมัน
กล่าวคือ มีลานจัตุรัสหน้าโรงละครก่อนเข้าไปข้างใน และเหนือที่ชมการแสดงซ่ึง พวกโรมันเรียกว่า “คาเวอา”
(cavea)มีวิหารท่ีสร้างถวายเทวีวีนัส เพ่ือให้วีนัสใช้เป็นท่ีชม การแสดง โดยในปี 52 ก่อนคริสต์ศักราช มีการนา
มหรสพหลายประเภทมาแสดงถวาย
หลังจากน้ันในช่วงต้นสมัยจักรวรรดิไปจนถึงคริสตศ์ ตวรรษที่ 2 มีการสร้างโรงละคร ถาวรที่โรมอีกหลายแห่ง อาทิ
โรงละครของบัลบุส (Theatre of Balbus) โรงละครของ มาร์เชลลุส (Theatre of Marcelus) ซ่ึงมีวิหารของเท
พอพอลโลโซซีอานุส (Apollo Sosianus) ข้างๆ (ดูภาพที่ 90) โรงละครของอากริพพา (Theatre of Agrippa)
และโรงละครของ จักรพรรดิทราจัน (Theatre of Trajan) ซ่ึงต่อมาถูกจักรพรรดิฮาเดรียนรื้อทิ้ง โรงละครถาวร
เหล่านสี้ รา้ งแบบก่ออิฐถอื ปูน
ลกั ษณะของโรงละครถาวร

ของโรมันมีหลักฐานปรากฏอยู่ในหนังสือช่ือ De Architectura (On Architecture) ท่ีวิทรูวีอุส
(Vitruvius:ไม่ปรากฏช่ือเต็ม) สถาปนิกและวิศวกรโรมันเขียน ไว้ในคริสต์ศตวรรษท่ี 1 หนังสือเล่มนี้บรรยาย
ลักษณะสถาปัตยกรรมของโรงละครโรมันไว้อย่าง ละเอยี ด รวมทัง้ การตกแต่งเวทีเพ่ือการแสดงหลายประเภท การ
ใช้ปั้นจ่ันและกลไกหลายอย่าง เพ่ือให้การแสดงย่ิงใหญ่อลังการ มีการใช้ฉากที่เขียนอย่างสวยงาม โดยฉากท่ีใช้จะ
เปล่ียนไปตาม ท้องเร่ือง เชเนฟรอนซ์หรือด้านหน้าของอาคารที่ใช้เป็นฉากหลังของเวที ตกแต่งตามสถานที่ ใน
ท้องเรื่อง ซึ่งอาจเป็นวังสาหรับละครโศกนาฏกรรรม หรือบ้านส่วนตัวที่มีหน้าต่างและระเบียง สาหรับละคร
สุขนาฏกรรม ขณะท่ฉี ากของละครไมมแ์ ละละครตลกแซเทอร์ประกอบไปด้วยตน้ ไม้ ถ้า ภูเขาและสง่ิ ท่บี อกถงึ ความ
เปน็ ชนบท

14

มหรสพและโรงมหรสพประเภทอ่นื ๆ ของโรมัน
นอกเหนอื จากละคร ชาวโรมนั ยงั มมี หรสพและโรงมหรสพอีกหลายประเภท ดงั น้ี

1. การแข่งรถศึก (chariot race) เป็นความบันเทิงท่ีเก่าแก่ที่สุดของพวกโรมันซึ่ง ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
เห็นไดจ้ ากการทีช่ าวโรมันสร้างสนามแข่งรถศึก ซึ่งในภาษาละตนิ เรียกวา่ “ชีร์คสุ ” (circus) ไวห้ ลายแห่งท่ี

โรมและตามดนิ แดนตา่ งๆ ในอาณตั ิ ชีรค์ ุสที่เกา่ แก่ ที่สุดคอื ชีร์คุสแม็กซีมสุ (Circus Maximus) ที่โรม ซึ่งเดิมสร้าง
ด้วยไม้ ต่อมาในสมัยจักรพรรดิ คลาวดีอุส เปลี่ยนเป็นหินอ่อน และเมื่อถึงสมัยจักรพรรดิทราจัน ก็มีการปรับปรุง
คร้งั ใหญ่ ทาให้ ชรี ์คุสแห่งนมี้ คี วามยาว 600-900 เมตร กว้างราว 100 เมตร จุคนดไู ด้ 385,000 คน ชีรค์ สุ แห่งนจ้ี งึ
เรยี กกนั ว่าชรี ค์ ุสแมก็ ซีมสุ * การแข่งรถศกึ มีการแขง่ เป็นทมี มาตงั้ แตส่ มยั สาธารณรฐั มที ง้ั หมด 4 ทีม สมาชิกของแต่
ละทีมต้องสวมเสื้อสีทีมของตน ได้แก่ สีขาว สีํน้าเงิน สีแดง และสีเขียว การแข่งขันที่สาคัญที่สุดจัด ขึ้นระหว่าง
เทศกาลลูดโี รมานี (Ludi Romani) การแข่ง รถศึกครง้ั สดุ ทา้ ยท่ีชีรค์ สุ แมก็ ซีมสุ จดั ขน้ึ เม่อื ค.ศ. 549
2. การประลองยุทธ์และการแสดงของสัตว์ป่า การประลองยุทธ์ ซึ่งชาวโรมันเรยี ก ว่า “มูเนรา” (munera) และ

การแสดงของสัตว์ป่า หรือ “เวนาซีโอ, เวนาซิโอเนส” (venatio venationes) เป็นความบันเทิงท่ีได้รับ
ความนิยมจากชาวโรมันไม่แพ้การแข่งรถศึก สาหรับ การประลองยุทธ์สันนิษฐานกันว่ามีที่มาจากความบันเทิงใน
งานศพของพวกอีทรัสกัน ต่อมาชาวแคว้นกัมปาเนียนาไปแสดงโดยทาให้ย่ิงใหญ่ยิ่งขึ้น ในเวลาต่อมามีการยึดเป็น
อาชีพด้วย การต่อสู้ในสนามประลองยุทธ์ มีหลากหลายรูปแบบ มีชื่อเรียกตามอาวุธที่ใช้ ซึ่งมีหลาย ประเภท เช่น
กรชิ สามงา่ ม รายการแสดงมีตดิ ไวใ้ หด้ ตู ามทีส่ าธารณะ
3. การแสดงยุทธนาวี การแสดงการต่อสู้ท่ียิ่งใหญ่ตระการตาท่ีสดุ ของพวกโรมันคือ นอมาเคีย (naumachia)หรือ

การแสดงยุทธนาวี (naval combat) ซึ่งเป็นความบันเทิงที่ได้รับความนิยมจากชาวโรมันเป็นอย่างมาก ไม่
แพก้ ารประลองยทุ ธ์และการแสดงของสตั วป์ า่ ใน การแสดงยทุ ธนาวีมีการใช้เรอื จริง และตอ่ สู้กนั จริงๆ จนบาดเจ็บ
ล้มตาย โดยผู้แสดงเป็นพวก ทาสและพวกนักโทษ เร่ืองท่ีใช้แสดงมีท้ังเร่ืองที่มาจากยุทธนาวีซ่ึงเกิดขึ้นจริงใน
ประวัติศาสตร์ และเรื่องท่ีแต่งข้ึนมาเพื่อใช้ในการแสดง การแสดงยุทธนาวีจัดข้ึนครั้งแรกเม่ือ 46 ปีก่อนคริสต์
ศักราชในสมัยของยูลอี สุ ซีซาร์ การแสดงคร้งั น้นั ใช้ฝีพายถงึ 4,000 คนและนกั ประลองยทุ ธ์ 2,000 คน
สถานท่ีจัดแสดงยุทธนาวีเรียกว่านอมาเคียเช่นเดียวกับตัวการแสดง การแสดงสมัยแรกจัดท่ีทะเลสาบซึ่งขุดข้ึนมา
เพื่อการนี้โดยเฉพาะ ดังเช่นนอมาเคียท่ีเก่าแก่ที่สุดของโรมชื่อ นอมาเคียของซีซาร์ (Caesar's Naumachia) เป็น
ทะเลสาบท่ีซีซาร์ให้ขุดขึ้นใหม่ใกล้กับ แม่น้าไทเบอร์ เพ่ือใช้ในการแสดงนอมาเคียคร้ังแรก และนอมาเคียท่ี
จักรพรรดิเอากุสตุสให้ขุดข้ึน ที่โรมเมื่อ 42 ปีก่อนคริสต์ศักราชในย่านตราสเตเวเร (Trastevere) ใกล้กับแมํ่น้าไท
เบอร์เช่น เดียวกับนอมาเคียของซีซาร์ เพ่ือใช้แสดงยุทธนาวีท่ีต้องใช้เรือถึง 30 ลา นักประลองยุทธ์ 3,000 คนไม่
รวมฝีพาย นอกจากนี้ ยังอาจจัดการแสดงตามทะเลสาบธรรมชาติ เช่น ทะเลสาบฟูชิโน (Lake Fucino) ซ่ึง

15

จกั รพรรดิคลาวดีอสุ ทรงจัดให้มีการแสดงยุทธนาวีเมื่อ ค.ศ. 52 โดยมี ผู้ร่วมแสดงถึง 19,000 คน นบั เป็นการแสดง
ยุทธนาวีครั้งท่ียิ่งใหญ่ที่สุด ต่อมานับตั้งแต่สมัย ของจักรพรรดิเนโรยังมีการขังม้าไว้ในสนามประลองยุทธ์
สนามแขง่ รถศึก สนามกีฬา และ โรงละครเพื่อใช้แสดงยทุ ธนาวเี ป็นครงั้ คราวด้วย
วาระสดุ ทา้ ยของมหรสพโรมัน

กอ่ นหน้าทศ่ี าสนาคริสต์จะไดร้ บั การยอมรับอยา่ งเปน็ ทางการจากจักรพรรดโิ รมัน นกั เขยี นและนกั เทววิทยา
คนสาคัญของเมืองคาร์เทจ ซึ่งในเวลานั้นเป็นจังหวัดหนงึ่ ของจักรวรรดิ โรมันชื่อแทร์ทุลเลียน (Tertulian)ได้เขียน
หนังสือเร่ือง De Spectaculis(ราว ค.ศ. 195) โจมตีละครไมม์ ละครแพนโทไมม์ นักร้อง นักเตน้ และเกมการต่อสู้
ประเภทต่างๆ ในสนาม ประลองยุทธ์โดยอ้างว่า ในสายตาของพระเจ้าทุกส่ิงที่เสกสรรป้ันแต่งขึ้นมาล้วนแต่ชั่วช้า
สามานย์ (everything fabricated is corrupt)” การทนี่ ักแสดงรับบทเป็นตัวละครจงึ ถือไดว้ า่ เป็นบาป เพราะเป็น
การบดิ เบือนอัตลกั ษณ์ของตนเอง ในหนังสอื เรอ่ื งนแี้ ทรท์ ุลเลยี นยังชักชวนใหช้ าวโรมนั
ต่อมาใน ค.ศ. 312 เมื่อศาสนาคริสต์ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากจักรพรรดิ คอนสแตนตินมหาราชแล้ว
คริสตจักรก็เข้มแข็งและทรงอานาจข้ึนเรื่อยๆ โดยเฉพาะหลังจากที่ โอรสของพระองค์คือ จักรพรรดิเทโอโดซีอุสที่
1 (Theodosius I) ทรงสั่งห้ามลัทธิศาสนาอ่ืนใด นอกเหนือจากศาสนาคริสต์ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ย่ิงไป
กว่าน้ัน ใน ค.ศ. 398 สภา สังคายนาแห่งเมืองคาร์เทจ (Council of Carthage) ยังบัพพาชนียกรรมผู้ที่ไปดูละคร
แทนท่ี จะเข้าโบสถ์ในวันสาคัญทางศาสนาและไม่อนุญาตให้นกั แสดงรับศีล อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทาง ศาสนจักรจะ
โจมตีมหรสพโรมันทุกประเภทอย่างรุนแรงและขยายวงกว้างออกไปทุกที แต่การแสดงองใหญ่ตระการตาและการ
แสดงแบบมโนสาเร่มไิ ด้หมดไปจากจกั รวรรดโิ รมนั โดยทนั ที แตย่ ังมี ให้ชมท้ังทโ่ี รมและคอนสแตนติโนเปิล

16

อ้างอิง

มัลลิกา มสั อดู ี และคณะ. อารยธรรมมนษุ ย.์ พิมพ์ครั้งที่ 2. นนทธบรุ ี: มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช, 2548.
การละครโรมนั เข้าถึงไดจ้ าก https://sites.google.com/site/historyinter123/xarythrrm-tawan-tk-
smay-boran/xarythrrm-roman

สบื ค้นเมือ่ วนั ที่ 17 สงิ หาคม 2564

โรมนั เข้าถงึ ได้จาก https://suphannigablog.wordpress.com

สบื คน้ เม่อื วนั ท่ี 17 สิงหาคม 2564


Click to View FlipBook Version