The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ประวัติ ครูช้อย สุนทรวาทิน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Breem Tharatip, 2022-07-28 08:41:51

ประวัติ ครูช้อย สุนทรวาทิน

ประวัติ ครูช้อย สุนทรวาทิน

บุคคลสำคัญนาฏศิลป์ไทย





จัดทำโดย



นางสาว สุนัดดา แสงแก้ว
ชั้นม.5/12 เลขที่ 27

นำเสนอ



ครูประกายวรรณ บุญอยู่

สารบัญ

เนื้ อหา หน้ า
3-6
ประวัติครูช้อย 7 - 10

ผลงานครูช้อย

บุคคลสำคัญนาฏศิลป์ไทย

ครูช้อย สุนทรวาทิน

ครูช้อย เป็นบุตรของครูทั่ง ครูดนตรีที่มีชื่อเสียง
ในยุคต้นรัตนโกสินทร์ เมื่อตอนเล็กๆ ตาบอด
เพราะเป็นไข้ทรพิษ แต่ครูมีความสามารถทาง
ดนตรีได้ โดยมิได้ร่ำเรียนอย่างจริงจัง ครูช้อย
สามารถตีระนาดเอกนำวงได้โดยไม่ผิดตก
บกพร่อง จนทำให้บิดาซึ่งแต่เดิมไม่ได้สนใจ
ถ่ายทอดวิชาให้เพราะเห็นว่าตาบอด ในที่สุดบิดา
ได้ทุ่มเทถ่ายทอดวิชาการดนตรีให้

ต่อมาในบรรดาศิษย์ของครูช้อยนั้นก็มีพระยา
เสนาะดุริยางค์ (แช่ม สุนทรวาทิน) เจ้ากรมพิณ
พาทย์หลวงในรัชกาลที่ ๕ ซึ่งเป็นบุตรของครูช้อย
และพระยาประสานดุริยศัพท์ (แปลก ประสานศัพท์)
เจ้ากรมพิณพาทย์หลวงในรัชกาลที่ ๖ นักดนตรี
ไทยสองคนเท่านั้นที่ได้มีบรรดาศักดิ์ เป็นถึงชั้น
พระยาทางดนตรีไทย นอกนั้นศิษย์ของครูช้อยก็มี
อีกหลายคน เช่น พระประดับดุริยกิจ (แหยม วีณิน)

หลวงบรรเลงเลิศเลอ (กร กรวาทิน)

พระยาเสนาะดุริยางค์ (แช่ม สุนทรวาทิน)

พระประดับดุริยกิจ (แหยม วีณิน)

หลวงบรรเลงเลิศเลอ (กร กรวาทิน)

ด้านชีวิตครอบครัว ครูช้อยแต่งงานกับนางสาว
ไผ่ ตั้งบ้านเรือนเป็นหลักฐานอยู่ที่ตำบล

สวนมะลิ ในกรุงเทพมหานครนี้เอง มีบุตรธิดา
ทั้งสิ้น ๔ คน คือ แช่ม ชื่น ชม และผิว

ครูช้อยท่านอยู่ในสมัย ช่วง พ.ศ. 2370 –
2380 ชีวิตในวัยเด็กนั้นท่านป่วยเป็นไข้ทรพิษ
แต่รอดตายมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ เพราะหนึ่ง
ในร้อยในพันจริงๆจึงรอดตายจากโรคนี้ได้ แต่
ด้วยพิษแห่งโรคร้ายแม้รอดตายมาได้แต่ก็ต้อง
เสียดวงตาทั้งสองข้างแต่แม้ดวงตาทั้งสองข้าง
ของท่านจะบอดสนิทตั้งแต่วัยเยาว์ แต่ท่านกลับ
ไม่เคยคิดพ่ายแพ้แก่ชะตาชีวิตตนเอง และด้วย
สายเลือดแห่งศิลปินที่มีอยู่ภายในชีวิตจิต
วิญญาณของท่านทำให้ท่าน ฝึกหัดเครื่องเล่น
ดนตรีไทยด้วยตนเองตั้งแต่เด็ก นความจริงครู
ช้อย ท่านก็เกิดในตระกูลศิลปินอยู่แล้ว แต่ด้วย
ที่ท่านตาบอดผู้เป็นบิดาจึงมิได้หัดท่านในทาง
ดนตรี ก็ด้วยความใส่ใจ ความรักในศิลปะดนตรี
นี่เองที่ทำให้ท่านฝึกฝน โดยเริ่มจากการนำเอา
กะลาใต้ถุนบ้านมาเรียงกัน ๑๖ ใบแล้วตีตาม

หูก็แง่ฟังการสอนของบิดาบนเรือน ส่วนตัวเองอยู่
ใต้ถุนบ้านหัดตามไป และยามใดที่บิดาท่านไม่อยู่ท่านก็จะ
ขึ้นไปฝึกหัดกับเครื่องดนตรีจริงบนบ้าน จนเกิดความ

ชำนาญในเครื่องดนตรีทุกชนิดที่มีอยู่
เล่ากันว่าอยู่มาวันหนึ่ง มีงานดนตรี แต่คนระนาดป่วย
หาคนแทนไม่ได้ พวกลูกศิษย์รู้ฝีมือลูกชายอาจารย์ว่า
ใช้ได้ ก็เสนอให้ครูช้อยไปเป็นคนระนาดแทน กระนั้นบิดา
ก็ยังไม่แน่ใจ ขอทดสอบฝีมือลูกชาย…เห็นฝีมือแล้ว จึง
ยอมปล่อยตัวไปออกงาน หลังจากนั้นบิดา ก็เริ่มอบรม

บ่มเพาะฝีมือดนตรีให้ลูกชายอย่างจริงจัง
ปลายรัชกาลที่ 4 เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดัง โดยเฉพาะเรื่องปี่

กระทั่งบิดาเห็นแวว จึงส่งไปเรียนวิชาปี่ กับครูมีแขก
(พระประดิษฐ์ไพเราะ) จึงยิ่งมีความชำนาญเพิ่มขึ้น
ต่อมาเมื่อครูช้อยเป็นครูดนตรี สอนดนตรีทั้งที่บ้าน ใน
วัด ถึงในวัง มีลูกศิษย์สำคัญสองคน คนแรก ลูกชาย
ครูช้อยเอง ชื่อ แช่ม ต่อมาเป็นพระยาเสนาะดุริยางค์ (คู่
แข่งระนาดหลวงประดิษฐ์ไพเราะ) และศิษย์เอกชื่อ

แปลก ต่อมาเป็นพระยาประสานดุริยศัพท์
ความน่าอัศจรรย์อันเป็นความอัจฉริยะภาพอย่างหนึ่ง
ของครูช้อยคือ หากศิษย์คนใดก็ตามเล่นเครื่องดนตรี
เสียงเพี้ยน ไม่ถูกต้อง ครูช้อยจะใช้วิธี “ดีดเม็ดมะขาม”
ใส่ผู้นั้นอย่างถูกต้องแม่นยำ โดยรู้ว่าใครเป็นใครนั่งตรง

ไหนอย่างถูกต้องราวกับตาเห็น

สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของครูช้อยอีกอย่างหนึ่งคือ ท่าน
เลี้ยงนกฮูก เอาไว้สื่อสารกับลูกศิษย์
ท่านฝึกสอนนกฮูกของท่านจนพูดภาษาคนได้ โดยท่าน
สอนให้มันพูดว่า “พ่อเรียก” เหตุที่ท่านสอนคำนี้เพราะ
ว่า ท่านจะได้ใช้ให้นกฮูกไปตามศิษย์มาพบท่านได้ โดย
เมื่อศิษย์ที่มาเรียนดนตรีกลับบ้าน ครูช้อยก็ให้อุ้มนก
ฮูกไปด้วย ถึงบ้านแล้วก็ปล่อยให้นกฮูกบินกลับ ทำ
ซ้ำซากอย่างนี้ จนนกฮูกจำบ้านศิษย์ทุกคนได้แม่น
ยามใดที่มีคนมาเรียกวงปี่ พาทย์ของท่านไปเล่น ท่านก็
จะส่งนกฮูกของท่านไปตามในเวลาเย็น นกฮูกจะบินไป
เกาะหน้าบ้านของลูกศิษย์คนแล้วคนเล่า พร้อมทั้งส่ง
เสียงว่า “พ่อเรียก” อันเป็นที่รู้กันว่า ครูช้อยท่านตาม
ให้ไปพบ
เครื่องดนตรีที่ครูช้อยชำนาญและมีชื่อเสียงได้แก่
ระนาดเอก ปี่ ซอสามสาย และเครื่องดนตรีไทยอีก
หลายชนิด ผลงานของครูช้อยมีมากมาย ส่วนที่แพร่
หลายถึงวันนี้ได้แก่ เพลง ใบ้คลั่ง เขมรโพธิสัตว์
อกทะเล ฯลฯ
ส่วนลูกศิษย์คนสำคัญของท่านได้แก่พระยาเสนาะ
ดุริยางค์ (แช่ม สุนทรวาทิน) ผู้เป็นลูก และหลานของ
ท่านเองคือ ครูเลื่อน สุนทรวาทิน

ผลงานของครูช้อย สุนทรวาทิน

ถือเป็นสมบัติอันมีค่ายิ่งนักดนตรีทุกคนต้องรู้จัก

1.เพลงแขกลพบุรี

แขกลพบุรี เถา - YouTube
https://www.youtube.com › watch




2.โหมโรงครอบจักรวาล

โหมโรงครอบจักวาล
Thanyaphong Na nakorn -

YouTube
https://www.youtube.com/watch?

v=YYxvPolelMs

3.โหมโรงมะลิเลื้อย

โหมโรงมะลิเลื้อย เบียร์ ระนาดเอก -
YouTube

https://www.youtube.com/watch?
v=Yduo3tHAL5g

4.ม้าย่อง



อัศวลีลา (ม้าย่อง) (ASAWA LEELA)

ระนาดไม้แข็ง - YouTube
https://www.youtube.com/watch

?v=K_h3HdiW5bs

5.อกทะเล

เพลงอกทะเล เถา -Youtube
https://www.youtube.com/watch

?v=l2NifioVUo8

6.แขกโอด

แขกโอด SaisawSaisaw -YouTube
https://www.youtube.com/watch?

v=BlKOubXuizI

7.ใบ้คลั่ง

ใบ้คลั่ง - ทนงศักดิ์ - ผุสดี
(Official Master)

https://www.youtube.com/
watch?v=A0crpGEMfkU

8.เขมรปี่ แก้ว

เพลงเขมรปี่ แก้ว - YouTube
https://www.youtube.com/w

atch?v=WdaBwqdP2Xk

9.เขมรโพธิสัตว์



เขมรโพธิสัตว์ 2 ชั้น - YouTube
https://www.youtube.com/watch?

v=6VtzI8r4G28

10.เทพรัญจวน

เทพรัญจวน เถา - วงปี่ พาทย์ไม้แข็ง
https://www.youtube.com/watch?

v=KiJKaTwZ9zI

11.พราหมณ์เข้าโบสถ์

พราหมณ์เข้าโบสถ์ เถา วงเครื่อง
สายปี่ ชวา แจ้ง คล้ายสีทอง ขับร้อง
https://www.youtube.com/wa

tch?v=n58fqGburgM


Click to View FlipBook Version