Parts ​of​ Speech​

Parts of Speech

Raphiphat Nanthanaphanit No.9
Wilailak tungsothanon No.11
Thitaporn Sangkun No.21
Pichaya Danthaisong No.25
Ketsinee Suksusin No.34

Parts of Speech คืออะไร?

เมื่อพูดถึงเรื่องแกรมม่า (Grammar) หรือไวยากรณ์ ภาษาอังกฤษ
หลาย ๆ คนคงคิดถึงเรื่อง Tense ทั้ง 12 Tenses แต่อีกหนึ่งหัวข้อ
ที่สำคัญและถือว่าเป็ นพื้นฐานของการเรียนแกรมม่า ก็คือ Parts
of Speech หรือ “ชนิดของคำ” เพราะก่อนที่เราจะเรียนรู้เรื่อง
Tense, เข้าใจวลี หรือประโยคภาษาอังกฤษ เราต้องรู้จักประเภท
หรือชนิดของคำศัพท์ก่อน ต้องรู้ว่าแต่ละคำทำหน้าที่อะไร และควร
อยู่ตำแหน่งไหนของวลี หรือประโยค

Parts of Speech มีอะไรบ้าง

Parts of Speech หรือ ชนิดของคำในภาษา
อังกฤษ ประกอบไปด้วย 8 ชนิด คือ Noun,
Pronoun, Verb, Adjective, Adverb,
Preposition, Conjuction และ Interjection

Nouns

คำนาม คือคำที่ใช้เรียก ชื่อ คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ รวม
ไปถึง ความรู้สึก อารมณ์ แนวคิด คุณสมบัติ ที่เป็ น
นามธรรมจับต้องไม่ได้ สามารถแบ่งย่อยไปได้อีกหลาก
หลายประเภทเช่น Proper Nouns (คำนามชี้เฉพาะ)
Common Nouns (คำนามทั่วไป) Collective Nouns
(สมุหนาม) Abstract Nouns (อาการนาม) เป็ นต้น

ตัวอย่าง Nouns คำนามภาษาอังกฤษ
-Proper Nouns: Robert, Maria, London, Bangkok,
January
-Common Nouns: boy, apple, dog, ice cream, phone,
city
-Collective Nouns: herd, team, class, crowd
-Abstract Nouns: happiness, anger, kindness, health,
ตัวอย่างประโยค

London is a big city.
The team is working well together.
My phone is broken.
Thank you for your kindness.

Pronouns

คำสรรพนาม คือคำที่ใช้เรียกแทนคำนาม เพื่อลดการ
กล่าวหรือเขียนซ้ำคำในเวลาที่พูดถึงคำนามเดิมใน
ประโยค หรือเนื้อเรื่องเดียวกัน Pronouns สามารถแยก
ออกไปได้อีกหลายชนิด เช่น Personal Pronoun (บุรุ ษ
สรรพนาม), Possessive Pronoun (สรรพนามเจ้าของ),
Reflexive Pronouns (สรรพนามตนเอง) เป็ นต้น

ตัวอย่าง Pronouns คำสรรพนามภาษาอังกฤษ
-Personal Pronoun: I, you, we, he, she, it, they
-Possessive Pronoun:, Mine, yours, his, hers, theirs
-Reflexive Pronouns: myself, yourself, himself, herself,
itself

ตัวอย่างประโยค
Emily likes playing tennis, she goes to the tennis
court every Wednesday.
Those pens are mine.
Benjamin hurt himself when he tripped on the
ball.

Verbs

Verbs หรือ คำกริยา คือคำที่แสดงออกการ
เคลื่อนไหว อาการของคำนาม หรือคำ
สรรพนามในประโยค เมื่อเด็ก ๆ ต้องเรียน
เกี่ยวกับคำกริยา ก็จะมีเรื่องการผัน Verb ตาม
Tense หรือผันตามประธานของประโยคมา
ร่วมด้วย เช่น ถ้าประธานเป็ นบุคคลที่สาม ใน
Present Simple Tense คำกริยา หรือ Verb
ต้องมีการเติม S, ถ้าเป็ นประโยค Past Tense
ก็ต้องผัน Verb เป็ นรูปของอดีต (กริยาช่อง 2)
เป็ นต้น

ตัวอย่างประโยค
He gets up at 8 o’clock every morning
I go to school by bus.
We went to the park yesterday.

Adverb

Adverb หรือ คำวิเศษณ์ เป็ นคำที่เราใช้ขยายคำกริยา อธิบาย
เพิ่มเติมให้เห็นภาพชัดขึ้นว่า กริยา หรือการกระทำนั้น ๆ เกิด
ขึ้นอย่างไร (How) เมื่อไหร่ (When) บ่อยแค่ไหน (How often)
ที่ไหน (Where) และเท่าไร (How much)

ตัวอย่างประโยค
Jessica shouted loudly.
She likes to get up early.
Ben sometimes goes to a
supermarket with his mother.
We almost missed the bus.

Adjective​

Adjective หรือ คำคุณศัพท์ เป็ นที่ใช้ขยาย หรือประกอบคำนาม
และสรรพนาม ช่วยให้เห็นภาพและเข้าใจความหมายของ
คุณสมบัติหรือลักษณะของคำนามนั้น ๆ ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
เราสามารถใช้ Adjective มากกว่าหนึ่งคำเพื่อขยายคำนามได้

ตัวอย่างประโยค
There was a huge, hairy spider in the bathroom.
He drinks only black coffee.
She has beautiful, long, blond hair.
Katie is holding her colourful, cuddly teddy bear.

Perposition

Preposition หรือ คำบุพบท คือคำที่ใช้เชื่อมคำกับวลีเข้า
ด้วยกัน เพื่อระบุสถานที่ แสดงเวลา ทิศทาง การเคลื่อนไว
ลักษณะ หรือเหตุผล ทำให้ความหมายของประโยคมีความ
สมบูรณ์ มากยิ่งขึ้น สิ่งที่เราสามารถสังเกตได้ก็คือ
Preposition หรือ คำบุพบท จะต้องตามด้วยคำนามหรือ
สรรพนามอยู่เสมอ ตัวอย่างเช่น on, in front of, under,
beside, inside, around, between เป็ นต้น

ตัวอย่างประโยค
The guitar is on the chair
Sally is sitting next to Tom.
My dad parked the car under the big tree.
They went home after sunset.

Conjunctions

Conjunctions หรือ คำสันธาน คือคำที่ทำหน้าที่เชื่อมคำ, วลี
หรือประโยคให้ติดกันเป็ นเรื่องเดียวกัน สามารถแสดงถึง
ความคล้อยตาม ขัดแย้ง หรือสามารถใช้เชื่อมข้อความให้
เกิดความสละสลวย ตัวอย่างเช่น and, but, so, because,
although, even if, neither...nor, either...or เป็ นต้น

ตัวอย่างประโยค
They were late for the show because there was a traffic jam.



She hates bananas but she loves banoffee pie.



I was ill yesterday so I didn’t go to school.



You should keep trying even if you feel like giving up.

Interjection​

Interjection หรือ คำอุทาน เป็ นคำที่เราใช้เพื่อ
แสดงอารมณ์ ความรู้สึก มักจะเป็ นคำสั้น ๆ ที่
ทำให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านเข้าใจถึงอาการตกใจ ตื่น
เต้น ดีใจ และความรู้สึกอื่น ๆ ของผู้พูดหรือ
ข้อความ ส่วนใหญ่มักจะใช้กับเครื่องหมาย
อัศเจรีย์ หรือ exclamation mark (!)

ตัวอย่างประโยค
Wow! What a beautiful house!
Ouch! It hurts!
Hurrah! I passed the exam!
Oh! I didn’t know that.