The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ภาษาไทย-ม.1-พื้นฐานอ่านเขียน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by dtep140, 2021-09-07 01:56:00

ภาษาไทย-ม.1-พื้นฐานอ่านเขียน

ภาษาไทย-ม.1-พื้นฐานอ่านเขียน

ใบความรู้ เรอื่ ง การอ่านออกเสยี งรอ้ ยแก้ว
หนว่ ยท่ี ๑ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑ เร่อื ง การอ่านออกเสียงร้อยแกว้
รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑

การอ่านออกเสยี ง
๑. ความหมายของการอ่านออกเสยี ง
การอ่านออกเสียง คือ การเปล่งเสียงตามตัวอักษร ถ้อยคา และเคร่ืองหมายต่าง ๆ ที่กาหนดไว้ให้

ถกู ตอ้ ง ชดั เจน แกผ่ ้ฟู ัง การอา่ นออกเสียงถือเป็นการส่ือความหมายทีก่ ่อใหเ้ กิด “ทักษะ” (วาสนา บญุ สม,
๒๕๔๑ : ๒๒) ดงั ต่อไปนี้

๑.๑ เกดิ ทักษะการเปล่งเสียงให้ชดั เจน
๑.๒ เกิดทักษะการใช้อวัยวะทอ่ี อกเสยี งได้ถูกต้อง
๑.๓ เกิดทักษะการออกเสียงควบกลา้ ไดถ้ ูกตอ้ ง ชัดเจนย่งิ ข้นึ
๑.๔ เกดิ ทักษะการวิเคราะห์คาที่อา่ นมากขนึ้
๑.๕ เกดิ ทกั ษะการเปลง่ เสยี งตามรปู ตัวอกั ษรควบกล้าได้คล่องแคล่ว
๒. หลักเกณฑใ์ นการอา่ นออกเสียงร้อยแกว้
หลักเกณฑท์ ว่ั ไปในการอา่ นออกเสยี งร้อยแก้ว (ฟองจนั ทร์ สขุ ย่งิ และคณะ, ๒๕๕๔ : ๓ – ๔) มดี ังนี้
๒.๑ ก่อนอ่านควรศึกษาเร่ืองท่ีอ่านให้เข้าใจโดยศึกษาสาระสาคัญของเร่ืองและข้อความทุก
ขอ้ ความเพือ่ จะแบง่ วรรคตอนในการอ่านได้อยา่ งเหมาะสม
๒.๒ อ่านออกเสียงดังพอเหมาะกับสถานท่ีและจานวนผู้ฟัง ให้ผู้ฟังได้ยินท่ัวถึงกัน ไม่ดังหรือ
คอ่ ยจนเกินไป
๒.๓ อ่านให้คล่อง ฟังร่ืนหูและออกเสียงให้ถูกต้องตามอักขรวิธี ชัดถ้อยชัดคา โดยเฉพาะตัว ร
ล หรอื คาควบกล้า ตอ้ งออกเสียงให้ชัดเจน
๒.๔ อ่านออกเสียงใหเ้ ป็นเสยี งพูดอย่างธรรมชาตทิ ส่ี ดุ
การเตรยี มตัวก่อนการอา่ นออกเสียง
การเตรียมตัวกอ่ นการอ่านออกเสียง (จุไรรตั น์ ลกั ษณะศิรแิ ละบาหยนั อม่ิ สาราญ, ๒๕๔๗ : ๒๖) มี
ดงั นี้
๑. อ่านบทให้เข้าใจ การอ่านให้ผู้อื่นฟัง มีวัตถุประสงค์สาคัญเพื่อให้ผู้ฟังรับรู้และเข้าใจตรงตาม
เน้ือหาสาระท่ีอ่าน ฉะน้ันผู้อ่านจึงตอ้ งเข้าใจข้อความน้ันเสียก่อนเพ่ือความมน่ั ใจ และเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน
ระหวา่ งผสู้ ง่ สารและผรู้ ับสาร ขอ้ ความใดท่อี า่ นไมเ่ ข้าใจหรอื สงสัยวา่ จะผดิ พลาด ต้องตรวจสอบเสียก่อน
๒. ทาเคร่ืองหมายแสดงจังหวะการอ่าน ในการอ่านเราควรทาเครื่องหมายลงในบทว่าตอนใด
ควรหยุด คาใดควรเน้น และคาใดควรทอดจังหวะ การทาเครื่องหมายในบทมีกฎเกณฑ์ตายตัว แต่โดยทางที่
นยิ มปฏิบัตกิ นั มกั ทาเครื่องหมายง่าย ๆ ดังนี้

ก. เครอ่ื งหมายขีดเฉยี งขดี เดียว (/) ขีดระหวา่ งคา แสดงการหยดุ เวน้ นิดหนึ่งเพราะมีคาหรือ
ข้อความอ่นื ตอ่ ไปอกี การอา่ นตรงคาทมี่ ีเครอื่ งหมายนีจ้ ึงไม่ควรลงเสียงหนกั เพราะยังไมจ่ บประโยค

ข. เครื่องหมายขีดเฉียงสองขีด (//) ขีดหลังประโยคหรือระหว่างคาเพื่อแสดงให้รู้ว่าให้หยุด
เว้นนานหนอ่ ย

ค. เคร่อื งหมายวงกลมล้อมคา เพื่อบอกวา่ เป็นคาทสี่ งสัยหรือไมแ่ นใ่ จวา่ อ่านอย่างไร
ง. คาทตี่ ้องการเนน้ ใหข้ ีดเส้นใตท้ ่ีคานั้น
จ. คาใดท่ที อดจงั หวะ ใหท้ าเส้นโคง้ ที่สว่ นบนของคานั้น ( ⌒ )

ฉ. เครื่องหมายมุมคว่าหรือหมวกเจ๊กคว่า ( ^ ) แสดงว่าข้อความนั้นจะเน้นเสียงขึ้นสูง และ
มมุ หงายหรือหมวกเจก๊ หงาย ( v ) แสดงการเนน้ เสียงลงต่า

๓. ซ้อมอ่านให้คล่อง หลังอ่านบทจนเข้าใจและทาเคร่ืองหมายแสดงจังหวะการอ่านแล้ว ควรซ้อม
อา่ นใหค้ ล่องโดยใช้ไมโครโฟนเพื่อใหผ้ ู้อน่ื ช่วยสังเกต หรอื บนั ทึกเสียงไวเ้ พ่ือฟังและแก้ไขข้อบกพรอ่ งของตัวเอง
อาจตอ้ งซ้อมหลายคร้ังจนกวา่ จะแกไ้ ขไดเ้ ปน็ ที่นา่ พอใจ

การปรบั ปรงุ ตนเองเกย่ี วกับการอา่ น
๑. อ่านหนงั สอื ทุกวนั

๒. การอ่านเป็นสิ่งจาเปน็ แมจ้ ะมีกจิ กรรมยุ่งยากเพียงใด ต้องหาเวลาอา่ นหนังสอื ใหไ้ ด้

๓. จดบันทกึ วา่ ก่อนจะปฏบิ ัติ การอา่ นเปน็ อยา่ งไรเม่อื ดาเนินการไปแล้วมีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างไร

๔. ต้องหาทางฝกึ อ่านมาก ๆ จงจาไวว้ ่ายิง่ ได้ฝึกมากเทา่ ใดก็ส่งผลมากขึ้นเทา่ นนั้

๕. พยายามอ่านด้วยความตงั้ ใจและต้งั ใจอ่านให้ดขี ้ึนกวา่ เดิมทกุ วนั

ใบงาน เรื่อง การอา่ นออกเสียงร้อยแกว้
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๑ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๑ เร่อื ง การอา่ นออกเสียงรอ้ ยแกว้
รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑

คาช้ีแจง : ให้นกั เรยี นตอบคาถามต่อไปนีใ้ ห้ถกู ต้อง
๑. ความหมายของการอา่ นออกเสยี งบทร้อยแก้ว

............................................................................................................................. .................................................
..................................................................................................................................................................... .........
.......................................................................................................................... ....................................................
............................................................................................................................. .................................................
........................................................................................................................................................... ...................
................................................................................................................ ..............................................................
............................................................................................................................. .................................................

๒. หลักการอ่านออกเสียงบทรอ้ ยแก้ว
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................................................................ ..
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................................................................................................. ............
....................................................................................................................... .......................................................
............................................................................................................................. .................................................



ใบความรู้เร่ือง บทอาขยาน
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๒ เร่อื งบทอาขยาน
รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ ๑

๑. บทอาขยาน

๑.๑ ความหมายและประเภทของบทอาขยาน
พจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑิตสถาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๒ ให้นิยามคา “อาขยาน” ไวว้ ่า บท

ท่องจา การบอกเล่า การบอกการสวด เรื่อง นิทาน “อาขยาน” อ่านออกเสียงได้ ๒ อย่าง คือ อา – ขะ –
หยาน หรือ อา – ขะ – ยาน

บทอาขยานท่ีให้นักเรียนท่องจานั้น แบ่งออกเป็น ๓ ประเภท คือ บทอาขยานที่เป็นบทหลัก
บทรอง และบทเลอื กอสิ ระ

บทหลัก หมายถึง บทอาขยานที่กระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้กาหนดให้นักเรียนนาไปท่องจา
เพอื่ ความเป็นอนั หนง่ึ อันเดยี วกนั ทั่วประเทศ

บทรอง หมายถึง บทอาขยานท่ีครูผู้สอนหรือสถานศึกษาเป็นผู้ท่ีกาหนดให้นักเรียนท่องจา
เสริมจากบทอาขยานท่ีกระทรวงศึกษาธิการกาหนด (บทหลกั ) เป็นบทร้อยกรองท่มี ลี กั ษณะตรงตามหลกั เกณฑ์
การคดั เลือกบทอาขยาน อาจเปน็ บทร้อยกรองทีแ่ สดงภูมิปัญญาท้องถิน่ เช่น เพลงพืน้ บา้ น เพลงกลอ่ มเด็ก
คา่ วซอพญา เพลงชาน้อง เพลงเรือ บทกวรี ว่ มสมยั ท่มี คี ุณคา่

บทเลือกอสิ ระ หมายถงึ บทอาขยานที่นักเรยี นแต่ละคนเลือกสรรมาท่องจาเองดว้ ย ความ
สมัครใจ หรือด้วยความชื่นชอบ อาจเป็นบทร้อยกรองท่ีมีผู้แต่งไว้ หรือเป็นบทร้อยกรองท่ีนักเรียนแต่ง ขึ้นเอง
หรือผปู้ กครองเปน็ ผแู้ ตง่ ขึน้ ก็ได้ แต่ตอ้ งบอกไดว้ า่ มีเหตุผลอย่างไรจงึ เลือกบทร้อยกรองนั้น ๆ มา ท่องจาเป็น
บทอาขยานของตนเอง โดยความเหน็ ชอบของครูผสู้ อนหรือสถานศกึ ษา

บทรอ้ ยกรองทจี่ ะคดั เลือกให้เปน็ บทรองและบทเลือกอิสระ ควรมีลกั ษณะดังน้ี
๑. มเี น้ือหา ความยากง่ายเหมาะสมกบั วัย
๒. มีความยาวพอเหมาะ พอควร
๓. มคี ุณธรรม คติธรรม ใหแ้ นวทางการดาเนินชีวิตทีด่ ีงาม
๔. มสี ุนทรียภาพทางภาษา
๕. มีความถกู ตอ้ งตามฉนั ทลักษณ์
๖. มรี ปู แบบท่หี ลากหลาย

๑.๒ หลกั การทอ่ งบทอาขยาน

การท่องอาขยานทาได้ ๒ แบบ คือ การอ่านบทอาขยานตามหลักทั่วไป หรือออกเสียงแบบ

ร้อยแกว้ และการอา่ นแบบทานองเสนาะ ดงั น้ี

๑.๒.๑ การทอ่ งบทอาขยานตามหลักการท่วั ไป

การท่องบทอาขยานส่วนใหญ่เป็นการท่องออกเสียง คือ ผู้ท่องเปล่งเสียงออกมาดัง ๆ

ในขณะท่ีใชส้ ายตากวาดไปตามตวั อักษรยดึ หลักการออกเสียงเหมือนหลักการอ่านท่ัวไป เพ่อื ให้การออกเสียงมี

ประสทิ ธภิ าพ ควรฝกึ ฝนดังน้ี

๑) ฝึกเปล่งเสียงให้ดังพอประมาณ ไม่ตะโกน ควรบังคับเสียง เน้นเสียง ปรับระดับ
เสยี งสงู – ตา่ ใหส้ อดคล้องกบั จงั หวะลลี า ท่วงทานอง และความหมายของเนอ้ื หาทอ่ี ่าน

๒) ทอ่ งดว้ ยเสียงที่ชดั เจน แจ่มใส ไพเราะ มีกระแสเสยี งเดยี ว ไมแ่ ตกพรา่ เปลง่
เสยี งออกจากลาคอโดยตรงดว้ ยความมน่ั ใจ

๓) ท่อง ออกเสียงให้ถกู อกั ขรวธิ ี และต้องเขา้ ใจเนอื้ หาของบทอาขยานนก้ี ่อน
๔) ออกเสียง ร ล คาควบกลา้ ใหถ้ กู ต้องชัดเจน
๕) ทอ่ งให้ถูกจังหวะ และวรรคตอน
๖) ท่องใหไ้ ดอ้ ารมณแ์ ละความรสู้ กึ ตามเนื้อหา

บทอาขยาน
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๒ เร่ืองบทอาขยาน
รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๑

นิราศภูเขาทอง

มาถึงบางธรณีทวโี ศก ยามวโิ ยคยากใจใหส้ ะอ้ืน
โอ้สุธาหนาแนน่ เป็นแผ่นพืน้ ถึงสี่หม่นื สองแสนทงั้ แดนไตร
เม่ือเคราะห์รา้ ยกายเราก็เทา่ น้ี ไม่มีทพี่ สธุ าจะอาศยั

ลว้ นหนามเหน็บเจ็บแสบคบั แคบใจ เหมอื นนกไร้รังเร่อยู่เอกา
ถึงเกรด็ ย่านบ้านมอญแต่กอ่ นเก่า ผหู้ ญงิ เกลา้ มวยงามตามภาษา
เดย๋ี วนม้ี อญถอนไรจกุ เหมือนตกุ๊ ตา ท้ังผัดหน้าจบั เขมา่ เหมอื นชาวไทย

โอส้ ามญั ผันแปรไมแ่ ทเ้ ที่ยง เหมอื นอยา่ งเยีย่ งชายหญงิ ท้งิ วสิ ัย
น่หี รือจติ คดิ หมายมหี ลายใจ ทจ่ี ิตใครจะเปน็ หนึ่งอย่าพงึ คิด
ถงึ บางพูดพูดดเี ป็นศรีศักดิ์ มคี นรักรสถ้อยอร่อยจิต

แมน้ พูดช่วั ตัวตายทาลายมติ ร จะชอบผดิ ในมนุษย์เพราะพดู จา

พระสุนทรโวหาร (ภู่)

โคลงโลกนติ ิ คณนา
หยงั่ ได้
พระสมุทรสดุ ลกึ ล้น กาหนด
สายด่งิ ทิง้ ทอดมา ยากแท้หยงั่ ถงึ
เขาสูงอาจวดั วา ชลธาร
จิตมนุษยน์ ไี้ ซร้ ชาติเชอ้ื
ควรทราบ
ก้านบวั บอกลึกตืน้ บอกร้ายแสลงดิน
มารยาทสอ่ สันดาน เขาหนงั
โฉดฉลาดเพราะคาขาน อยไู่ ซร้
หยอ่ มหญ้าเหีย่ วแห้งเรื้อ ขารร่าง
แต่รา้ ยกับดี
โคควายวายชพี ได้ แหนงหนี
เปน็ ส่งิ เปน็ อันยงั มากได้
คนเดด็ ดบั สญู สงั - วาอาตม์
เปน็ ช่ือเปน็ เสยี งได้ ยากแทจ้ ักหา

เพือ่ นกนิ สนิ้ ทรัพย์แล้ว
หาง่าย หลายหม่นื มี
เพอ่ื นตาย ถ่ายแทนชี-
หายาก ฝากผีไข้

(สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดศิ ร)

ใบความรู้ เร่อื ง การคดั ลายมือ
หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๓ เรือ่ ง การคดั ลายมือ
รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ ๑

การคัดลายมอื
การคัดลายมือ เป็นการฝึกเขียนตัวอักษรไทยให้ถูกต้องตามหลักการเขียนคาไทย ซ่ึงต้องคานึงถึง

ความถูกต้องของอักษรไทย เขียนให้อ่านง่าย มีช่องไฟ มีวรรคตอน ตัวอักษรเสมอกัน วางพยัญชนะ สระ และ
วรรณยุกต์ให้ถูกท่ี ตัวสะกด การันต์ถูกต้อง และลายมือสวยงาม การคัดลายมือมีแบบการคัดหลายแบบ
ซึ่งแบ่งได้ ๒ ประเภท คอื ตวั เหล่ยี ม และตวั กลมหรอื หวั มน
ลักษณะของการคดั ลายมือ

การคดั ลายมอื มี ๓ ลกั ษณะ คอื
๑. การคัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัด เหมาะสาหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑ และ ๒
เนอ่ื งจากเป็นช่วงทีก่ ล้ามเน้อื และการประสานระหวา่ งตากับมือยังพฒั นาไมเ่ ต็มท่ี
๒. การคัดลายมือตัวบรรจงครึ่งบรรทัด เหมาะสาหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ และ ๔
เนื่องจากจะมกี ารประสานระหวา่ งกล้ามเน้ือและตาเพิ่มมากขึน้
๓. การคัดลายมือหวัดแกมบรรจง เป็นการคัดลายมือหวัดแต่ให้อ่านออก การเขียนลายมือหวัด
แกมบรรจงเป็นการเขียนที่ใช้ในชีวิตประจาวัน ซึ่งผู้เขียนจะต้องเขียนให้อ่านง่าย มีช่องไฟ เว้นวรรคตอน
ถกู ต้อง และเขียนด้วยลายมอื ท่สี วยงาม โดยคดั ใหร้ วดเรว็ สวยงาม ถกู ตอ้ ง และน่าอ่าน
หลักการคัดลายมอื
๑. นั่งตัวตรง เขียนด้วยมือขวา ส่วนมือซ้ายวางบนกระดาษที่จะเขียนเพ่ือมิให้กระดาษเล่ือนไปมา
ขอ้ ศอกขวาวางบนโตะ๊ ขณะเขยี น สายตาหา่ งจากกระดาษที่เขียนประมาณ ๑ ฟตุ
๒. จับดินสอหรือปากกาให้ถูก โดยดินสอหรือปากกาจะอยู่ที่หัวแม่มือกับน้ิวช้ี และนิ้วกลาง ส่วน
นิ้วนางกบั น้วิ ก้อยงอไว้ในฝ่ามือ
๓. เขียนตัวอักษรให้ถูกส่วน ตัวอักษรต้ังตรง การเขียนพยัญชนะไทยทุกตัวต้องเร่ิมเขียนหัวก่อน
ยกเว้นตัว ก และ ธ ซึ่งไม่มีหัว เว้นช่องไฟและวรรคตอนให้พองาม วางเคร่ืองหมายต่าง ๆ ให้ถูกต้องตาม
ตาแหนง่
๔. วางพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์ให้ถูกต้องตามตาแหน่ง ซึ่งสระทุกตัวมีตาแหน่งท่ีสัมพันธ์กับ
พยัญชนะ เช่น

๔.๑ สระทอ่ี ยู่หนา้ พยญั ชนะ ไดแ้ ก่ เ- แ- โ- ใ- ไ-
๔.๒ สระทอี่ ยู่หลังพยญั ชนะ ได้แก่ -ะ -า
๔.๓ สระท่ีอย่เู หนือพยัญชนะ ได้แก่ -ิ -ี -ึ -ื
๔.๔ ไมห้ ันอากาศ ( -ั ) ไมไ้ ต่คู้ ( - ็ ) นิคหติ ( - ) จะวางเหนือพยญั ชนะตรงกลาง
๔.๕ สระท่ีอยู่ใตพ้ ยญั ชนะ ได้แก่ -ุ -ู

ตวั อกั ษรแบบกระทรวงศกึ ษาธิการ

สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร. ภาษาไทย สาระท่ีควรรู้
คู่มอื การเรยี นการสอนภาษาไทย ระดับประถมศึกษา. กรุงเทพฯ : โรงพิมพช์ ุมนุมสหกรณ์
การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จากดั , ๒๕๕๓.

ใบงาน เร่ือง การคดั ลายมือ
หน่วยการเรียนรูท้ ี่ ๑ แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๓ เร่อื ง การคัดลายมือ
รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ ๑

คาชีแ้ จง ให้นักเรยี นคดั ลายมือตวั บรรจงครึ่งบรรทดั ตามรูปแบบตัวอักษรไทยแบบกระทรวงศกึ ษาธกิ าร

...................................................................................................... ........................................................................
..............................................................................................................................................................................
...................................................................................................... ........................................................................
...................................................................................................... ........................................................................
..............................................................................................................................................................................
...................................................................................................... ........................................................................
...................................................................................................... ........................................................................
..............................................................................................................................................................................
...................................................................................................... ........................................................................
...................................................................................................... ........................................................................
...................................................................................................... ........................................................................
..............................................................................................................................................................................
...................................................................................................... ........................................................................
...................................................................................................... ........................................................................
..............................................................................................................................................................................
...................................................................................................... ........................................................................
...................................................................................................... ........................................................................
..............................................................................................................................................................................
...................................................................................................... ........................................................................
...................................................................................................... ........................................................................
..............................................................................................................................................................................
...................................................................................................... ........................................................................

ใบงาน เรอื่ ง การคัดลายมอื
หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๓ เร่ือง การคัดลายมอื
รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๑

คาช้ีแจง : ให้นักเรียนคัดลายมือบทอาขยานเรื่องนิราศภูเขาทองตัวบรรจงครึ่งบรรทัดตามรูปแบบ
ตัวอักษรไทย แบบกระทรวงศกึ ษาธกิ าร

...................................................................................................... ........................................................................
...................................................................................................... ........................................................................
...................................................................................................... ........................................................................
......................................................................................... .....................................................................................
...................................................................................................... ........................................................................
...................................................................................................... ........................................................................
..............................................................................................................................................................................
...................................................................................................... ........................................................................
...................................................................................................... ........................................................................
..............................................................................................................................................................................
...................................................................................................... ........................................................................
...................................................................................................... ........................................................................
..............................................................................................................................................................................
...................................................................................................... ........................................................................
...................................................................................................... ........................................................................
...................................................................................................... ........................................................................
..............................................................................................................................................................................
...................................................................................................... ........................................................................
...................................................................................................... ........................................................................
..............................................................................................................................................................................
...................................................................................................... ........................................................................
...................................................................................................... ........................................................................

ใบความรู้เรื่องการอา่ นจบั ใจความสาคญั
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๕ เรอื่ ง การอา่ นจบั ใจความสาคัญ
\\\ รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑

ความหมายของใจความสาคญั
ใจความสาคัญ คือข้อความสาคัญของเร่ือง จะตัดออกไม่ได้ ถ้าตัดออกไปจะทาให้เน้ือความ

เปลีย่ นแปลงไปหรอื ไดค้ วามไมค่ รบถ้วน การอา่ นเพอื่ สรปุ ใจความสาคญั ผู้อ่านต้องมสี มาธิ อา่ นอย่างรอบคอบ
และผู้อ่านจะต้องทาความเข้าใจเรื่องที่อ่าน ต้องอ่านหลาย ๆ เท่ียว แล้วตั้งคาถามเก่ียวกับเร่ืองท่ีอ่านว่า ใคร
ทาอะไร ท่ีไหน เม่ือใด อย่างไร แล้วตอบคาถามน้ันเพียงส้ัน ๆ แต่ให้ได้ใจความชดั เจน จากนั้นนามาเรียบเรียง
ให้เปน็ ประโยคสั้น ๆ
หลักการอา่ นจับใจความสาคญั

การอา่ นเพือ่ จบั ใจความจะต้องพิจารณาทีละย่อหนา้ โดยปกตยิ อ่ หนา้ แตล่ ะย่อหน้าจะมีใจความสาคัญ
ที่สุดอยู่หนึ่งประโยค ข้อความอ่ืน ๆ เป็นส่วนขยายใจความสาคัญให้กระจ่างชัดข้ึน ด้วยวิธีอธิบายความหมาย
ยกตวั อย่างเปรียบเทยี บหรือแสดงเหตผุ ล ประโยคใจความสาคัญอาจอย่ตู อนต้นยอ่ หนา้ อยู่ท้ายย่อหนา้ กลาง
ย่อหน้า หรืออาจอยู่ทั้งตอนต้นและท้ายย่อหน้า แต่ส่วนใหญ่มักอยู่ตอนต้นย่อหนา้ ในบางครั้งประโยคใจความ
สาคัญก็ไม่ได้เขียนไว้ชัดเจน ผู้อ่านต้องแยกให้ได้ว่า ข้อความใดเป็นใจความสาคัญ ข้อความใดเป็นใจความท่ี
ขยายหรอื เสรมิ ใจความสาคัญ
ตัวอยา่ งการอ่านใจความสาคญั

ความรัก ความเข้าใจ คอื สายใยของครอบครัว เปน็ คาขวญั ทชี่ นะเลิศการประกวดคาขวัญวันครอบครัว

ซ่งึ รฐั บาลกาหนดให้วนั ที่ ๑๔ เมษายน ของทุกปีเปน็ วันครอบครัว

ประโยคใจความสาคัญ อย่ตู อนต้นของขอ้ ความ ไดแ้ ก่ ความรัก ความเข้าใจ คอื สายใยของครอบครัว
ประโยคใจความรอง คือ ประโยคที่มาขยาย ไดแ้ ก่ รัฐบาลกาหนดให้วันที่ ๑๔ เมษายน ของทกุ ปี
เป็นวนั ครอบครัว จะเหน็ ไดว้ า่ ประโยคนใ้ี จความสาคญั อยู่ตอนตน้ ของข้อความ ใจความที่ ๒ เปน็ ส่วนขยาย

แมวเป็นสัตวน์ ่ารัก แต่ผมไมเ่ คยผกู พนั ดว้ ย มนั นา่ ราคาญมากในสายตาผม แตเ่ มือ่ ครง้ั เป็นเด็กมาแล้ว
เห็นแม่เลีย้ งแมวมาด้วยความรกั แบบหลงใหล หาข้าวให้มันกิน จบั มันขน้ึ มาอุม้ เรยี กมนั ดว้ ยเสียงแบบเอน็ ดู
ท้ังท่ีร้องกวนใจ เคล้าแข้งเคล้าขาเกะกะ และเป็นสัตว์เลี้ยงท่ีฉวยโอกาสที่แสดงความรักคนเฉพาะเม่ือเวลามัน
หิว อม่ิ แลว้ ก็ไป หรอื ไม่กน็ อนหลบั เกียจครา้ น บ่อยครั้งท่ีผมอจิ ฉาทค่ี ดิ ว่าแม่รกั แมวมากกวา่ ผม

(ขอทาน แมว และคนเมา : อศั ศริ ิ ธรรมโชติ)

ใจความสาคญั อย่ปู ระเด็นสุดทา้ ย กล่าวคอื ผ้แู ตง่ อิจฉาแมว และคดิ วา่ แม่รกั แมวมากกวา่ เขา สว่ น

ประโยคอืน่ ๆ เป็นสว่ นขยายวา่ ทาไมผ้แู ต่งจึงอิจฉาแมว

ใบงาน เรอ่ื ง การอ่านจับใจความสาคญั

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๑ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๕ เรื่อง การอา่ นจบั ใจความสาคญั
รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑

กลมุ่ ที่................

คาช้ีแจง ให้นกั เรยี นจับใจความสาคัญบทความต่อไปนี้

๑. การดารงรักษาและสืบสานวัฒนธรรมไทยเป็นส่ิงที่คนไทยทุกคนต้องสานึกว่าเป็นเร่ืองสาคัญและ
จาเปน็ อยา่ งยงิ่ ที่ต้องรว่ มมือร่วมใจกันทา เพราะวัฒนธรรมของเราเป็นส่ิงทส่ี วยสดงดงาม น่าหวงแหน และน่า
ทะนุถนอมเป็นยิ่งนัก การที่จะปลูกจิตสานึกให้คนไทยได้ระลึกถึงเร่ืองน้ีให้ทั่วถึงกันจาเป็นต้องมีการรณรงค์
อย่างต่อเนื่องกันโดยตลอด มิใช่แค่จะกระทากันเป็นปีๆ แล้วหยุดไป เราเคยได้บทเรียนมาพอสมควรแล้วว่า
วัฒนธรรมต่างชาติได้แพร่เข้ามาในบ้านเมืองเราหลายอย่างและหลายทิศทาง เพราะฉะนั้น ถ้าเราไม่พยายาม
ปลกู จิตสานึกใหค้ นไทยโดยเฉพาะเยาวชนของเราไดต้ ระหนักถึงความสาคญั ในเรื่องน้ี ก็คงจะเปน็ เรื่องท่ีนา่ หว่ ง

(พลเอกเปรม ติณสลู านนท์ ๒๕๓๗ : ๑)
ใจความสาคญั
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................

๒. ในสมัยก่อนเมื่อใกล้วันสารท ชาวบ้านจะนิยมกวนขนมที่เรียกกันว่า กระยาสารทกันแทบทุกบ้าน
แต่ปัจจุบันทากันในบางท้องถิ่นเท่านั้น ผู้ที่ไม่ได้ทาก็มักเตรียมจัดซ้ือขนมดังกล่าว ซึ่งจะมีขายโดยท่ัวไปเมื่อถึง
เทศกาลน้ี กระยาสารท คือ ขนมหวานชนิดหน่ึงทาด้วยข้าวเม่า ข้าวตอก ถั่วงา มะพร้าว กวนกับน้าตาล
สามารถเก็บไว้ได้นาน เมื่อกวนหรือหาซ้ือมาแล้วก็จัดแบ่งเป็นส่วน ๆ ห่อด้วยใบตอง เป็นจานวนมากน้อยตาม
ต้องการเพ่ือนาไปตกั บาตร เนื่องจากกระยาสารทเปน็ ขนมท่ีมรี สหวานจดั หากรบั ประทานกับกลว้ ยไขส่ กุ จะทา
ให้รบั ประทานกระยาสารทได้มาก ผทู้ าบุญจึงนิยมนากลว้ ยไขไ่ ปตักบาตรคู่กับกระยาสารทเพื่อใหม้ ีรสดีขนึ้

(สานักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแหง่ ชาติ กระทรวงศกึ ษาธิการ ๒๕๓๐ : ๕๙)
ใจความสาคญั
............................................................................................................................. .................................................
...................................................................................................................................... ........................................
........................................................................................... ...................................................................................

เฉลย
๑.การดารงรกั ษาและสืบสานวัฒนธรรมไทยเปน็ สิ่งทคี่ นไทยทุกคนต้องสานึกวา่ เป็นเร่ืองสาคัญและจาเป็นอยา่ ง
ยิ่งทต่ี อ้ งร่วมมอื ร่วมใจกนั ทา
๒.กระยาสารท คือ ขนมหวานชนดิ หน่ึงทาด้วยข้าวเมา่ ขา้ วตอก ถว่ั งา มะพร้าว กวนกบั น้าตาล

ใบความรู้ เร่อื ง งานเขยี นประเภทโน้มน้าวใจ
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๑ แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ๖ เร่อื ง การอ่านจับใจความสาคัญ
รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๑

ความหมายของการโนม้ น้าวใจ
การโน้มน้าวใจ คือ การพยายามเปลี่ยนแปลง ความเช่ือ ทัศนคติ การกระทาของบุคคลอื่นด้วย

กลวิธที เ่ี หมาะสม ให้มผี ลกระทบใจผู้น้ัน จนเกดิ การยอมรับและเปลี่ยนตามผูโ้ นม้ นา้ วใจต้องการ

ข้อสงั เกตของงานเขียนประเภทโนม้ น้าวใจ
๑. การแสดงให้เหน็ ถึงความนา่ เชอื่ ถอื ของบุคคลผู้โนม้ น้าวใจโดยธรรมดาบุคคล ทีม่ ีคณุ ลักษณะ ๓

ประการ คอื มีความรู้จริง มีคณุ ธรรม และมคี วามปรารถนาดีตอ่ ผอู้ ่ืน ย่อมไดร้ บั ความเช่อื ถือ จากบุคคลท่ัวไป
๒. การแสดงให้เห็นตามกระบวนการของเหตุผล ผู้โน้มน้าวใจต้องแสดงให้เห็นว่า เร่ืองที่ตนกาลัง

โน้มนา้ วใจมีเหตุผลหนักแนน่ และมีคุณค่าควรแก่การยอมรับอย่างแท้จริง
๓. การแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกและอารมณ์ร่วม บุคคลท่ีมีอารมณ์ร่วมกันคล้อยตามกันได้ง่ายกว่า

บุคคลที่มีความรู้สึกอคติต่อกัน เมื่อใดที่ผู้โน้มน้าวใจค้นพบและแสดงอารมณ์ร่วมออกมา การโน้มน้าวใจก็จะ
ประสบความสาเร็จ

๕. การแสดงให้เห็นทางเลือกทั้งด้านดีและด้านเสีย ผู้โน้มน้าวใจต้องโน้มน้าวผู้รับสารให้เช่ือถือ หรือ
ปฏิบัติเฉพาะทางท่ีตนต้องการ โดยช้ีให้เห็นว่าส่ิงน้ัน มีด้านที่เป็นโทษ อย่างไร ด้านที่เ ป็นคุณอย่างไร

๖. การสร้างความสุขให้แก่ผู้รับสาร การเปล่ียนบรรยากาศ ให้ผ่อนคลายด้วยอารมณ์ขัน จะทาให้ผู้รับ
สารเปลยี่ นสภาพจากการต่อตา้ นมาเปน็ ความรสู้ กึ กลาง ๆ พร้อมทจี่ ะคลอ้ ยตามได้

๗. การเรา้ ใหเ้ กดิ อารมณอ์ ยา่ งแรงกล้า เม่ือมนุษยเ์ กิดอารมณ์ขน้ึ อยา่ งแรงกลา้ ไมว่ ่าดใี จ เสยี ใจ โกรธ
แค้น อารมณเ์ หลา่ นี้ มักจะทาใหม้ นษุ ย์ไมใ่ ช้เหตุผลอย่างถถ่ี ้วน พิจารณาถึงความถูกต้องเหมาะสม เมอ่ื มี การ
ตดั สินใจ ก็อาจจะคลอ้ ยไปตามที่ผ้โู น้มน้าวใจเสนอแนะได้ง่าย

ใบงาน เรื่อง งานเขียนประเภทชกั จงู โนม้ น้าวใจ
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๑ แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี ๖ เรอ่ื ง การอ่านจับใจความสาคญั
รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๑

คาชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนเขยี นเครอื่ งหมาย  หน้าข้อความที่เปน็ สารโนม้ นา้ วใจทมี่ คี วามสมเหตสุ มผล
และขดี เคร่อื งหมาย X หน้าข้อความท่ีไม่ใชส่ ารโน้มน้าวใจ

.......... ๑. บ้านเมอื งสวย ดว้ ยมือเรา
.......... ๒. ปฏิบตั ิตามกฎ ลดปัญหาจราจร
.......... ๓. ประหยดั น้าวนั น้ี ก่อนท่จี ะไมม่ นี า้ ใช้
.......... ๔. ใชน้ ้าอยา่ งคุม้ คา่ เพอื่ วนั น้ี เผอ่ื วันหนา้
.......... ๕. ทิง้ ขยะให้เป็นท่ี เพมิ่ ราศีแกบ่ ้านเมอื ง
.......... ๖. หา้ มท้งิ ขยะบริเวณน้ี ปรับทลี ะสองพัน
.......... ๗. ทางรอดของโลกปัจจบุ ันน้มี ีอยู่ทางเดียวเท่านัน้
.......... ๘. บา้ นสะอาด เมืองสะอาด คนในชาติมคี วามสขุ
.......... ๙. อทุ ยานรอบมหาสถานนน้ั เลา่ กง็ ามไม่นอ้ ย เต็มไปดว้ ยตน้ ไมน้ านาพนั ธุ์ ไมด้ อกและลดาวัลย์งาม

นา่ ทศั นา
..........๑๐. โลหติ คอื สายธารแห่งชวี ติ ถ้าร่างกายขาดโลหติ ชีวติ กอ็ ยู่ไมไ่ ด้ โลหิตจงึ เป็นนา้ หลอ่ เล้ยี ง

ร่างกายท่จี าเป็นอย่างยิง่ เพ่อื ให้มชี ีวติ อยู่ได้

เฉลย ๑.  ๒.  ๓.  ๔.  ๕. 

๖.  ๗. X ๘.  ๙. X ๑๐. X

ใบควำมรู้ เรือ่ ง เสียงในภำษำไทย (เสียงสระ)
หน่วยกำรเรยี นรทู้ ่ี ๑ แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ท่ี ๗ เร่อื ง เสยี งในภาษาไทย (เสยี งสระ)
รำยวชิ ำภำษำไทย รหัสวิชำ ท๒๑๑๐๑ ภำคเรยี นที่ ๑ ชัน้ มัธยมศกึ ษำปที ี่ ๑

เสียงในภาษา หมายถึง เสียงที่มนุษย์เปล่งออกมาเพื่อสื่อความหมายระหว่างมนุษย์ด้วยกัน เพ่ือสนองความ

ตอ้ งการต่าง ๆ เชน่ เพ่อื ขอความช่วยเหลือ เพอ่ื ขอความรู้ เพ่ือแสดงความรสู้ ึกพอใจหรอื ไม่พอใจ เป็นต้น

กำเนดิ ของเสียงในภำษำ

อวัยวะที่ทาให้เกิดเสียงในภาษา ได้แก่ ปอด หลอดลม กล่องเสียงซึ่งอยู่ในลาคอตรงลูกกระเดือก

ต่อมาก็มีลิ้นไก่และส่วนต่าง ๆ ในช่องปาก ได้แก่ เพดาน ล้ิน ปุ่มเหงือก และริมฝีปาก นอกจากนี้จมูกก็มีส่วน

ทาให้เกิดเสียงได้ด้วย อวัยวะต่าง ๆ เหล่านี้ทางานประสานกัน ทาให้เกิดเสียงในภาษาข้ึน เราจะสังเกตได้ว่า

อวัยวะท่ีทาใหเ้ กดิ เสียงต่าง ๆ ยงั ทาหนา้ ทส่ี าคญั อย่างอืน่ ในการดารงชีวิตอีกด้วย เชน่ ปากเรามีไว้รับประทาน

อาหาร หลอดลม ปอด มีหน้าทเ่ี ก่ียวกบั หายใจ เป็นตน้

ชนดิ และลักษณะของเสียงสระในภำษำไทย

โดยทว่ั ไป เสยี งในภาษามอี ยู่ ๓ ชนดิ ไดแ้ ก่ เสยี งสระ เสยี งพยัญชนะ และเสียงวรรณยกุ ต์

เสยี งสระ หมายถงึ เสียงทีเ่ กิดจากลมท่อี อกจากปอดผา่ นหลอดลม และกล่องเสยี ง ทลี่ าคอออกมา พ้น

ช่องปาก หรือช่องจมูก โดยไม่ถูกสกัดกั้น ณ ท่ีหนึ่งท่ีใดในช่องทางของลม แต่ในขณะท่ีเราออกเสียงสระ สาย

เสียงที่อยู่ในกล่องเสียงจะปิดและเปิดอย่างรวดเร็ว สายเสียงจึงมีความสั่นสะเทือน บังเกิดความกังวานหรือ

ความก้อง และออกเสยี งไดน้ าน เช่น อา อี อวั ฯลฯ

เสียงสระในภาษาไทยแบ่งออกได้ ๒๑ เสียง แบ่งเป็นเสียงสระเดี่ยว ๑๘ เสียง และเป็นเสียงสระ

ประสม ๓ เสยี ง ดังนี้

เสียงสระเดี่ยว มีเสียงสระ ๑๘ เสียง แบง่ เป็นเสยี งสัน้ ๙ เสียง และเสยี งยาว ๙ เสียงดงั น้ี

สระเสยี งสัน้ สระเสยี งยาว

/อะ/ /อา/

/อิ/ /อ/ี

/อ/ึ /อ/ื

/อ/ุ /อู/

/เอะ/ /เอ/

/แอะ/ /แอ/

/เออะ/ /เออ/

/โอะ/ /โอ/

/เอาะ/ /ออ/

สระเด่ยี ว คอื สระทเ่ี ปล่งออกมาเป็นเสียงเดยี ว เกิดจากลมผา่ นเส้นเสยี ง ซง่ึ มีการสะบัดแลว้ ผ่านเลยไป
ทางช่องปาก โดยไม่ถูกกัก ณ อวัยวะใดอวัยวะหน่ึง แต่จะถูกลิ้นและริมฝีปากทาให้เกิดเสียงในลักษณะใด
ลกั ษณะหนึ่ง เม่อื นกั เรยี นออกเสียงสระเดี่ยวจึงมีอวัยวะสาคัญ ไดแ้ ก่ ลิ้นและรมิ ฝีปาก ท่รี ่วมกันสรา้ งเสียงสระ
ให้แตกต่างกันออกไป การยกระดับล้ิน ระดับสูง กลาง ต่า ส่วนของล้ิน ล้ินส่วนหน้า ส่วนกลาง ส่วนหลัง
ลักษณะของริมฝีปากเหยียด ปกติ ห่อกลม และลักษณะช่องปาก แคบ ปานกลาง กว้าง ล้วนแต่ทาให้นักเรียน
ออกเสียงสระข้างต้นได้แตกต่างกนั ลักษณะอวัยวะในการออกเสียงสระ สรุปไดด้ งั น้ี

สระเสยี งส้นั สระเสียงยำว ชอ่ งปำก ระดับลน้ิ รมิ ฝีปำก
อิ อี แคบ สว่ นหนา้ กระดกขนึ้ สูง เหยียดออก
เอะ เอ สว่ นหน้ากระดกปานกลาง เหยยี ดออก
แอะ แอ ปานกลาง สว่ นหนา้ อย่ใู นระดบั ต่า เหยยี ดออก
อี ออื กวา้ ง ส่วนกลางกระดกขน้ึ สูง
เออะ เออ แคบ สว่ นกลางกระดกปานกลาง ปกติ
อะ อา สว่ นกลางอย่ใู นระดับต่า ปกติ
อุ อู ปานกลาง ส่วนหลงั กระดกขึ้นสูง ปกติ
โอะ โอ กวา้ ง ส่วนหลังกระดกปานกลาง หอ่ กลม
เอาะ ออ แคบ สว่ นหลงั อยใู่ นระดับตา่ หอ่ กลม
หอ่ กลม
ปานกลาง
กว้าง

สระประสมหรือสระเลอ่ื น

เสียงในภาษาไทยนอกจากจะจาแนกเป็นเสียงสระเด่ียวหรือสระแท้ ๑๘ เสียงแล้ว ยังจาแนกเป็น

เสียงสระประสมหรือสระเลื่อนอีก ๓ เสียง ท่ีเรียกว่าสระเล่ือนหรือสระประสมเพราะที่เกิดจากลมซ่ึงเคล่ือนท่ี

ผา่ นอวัยวะในช่องปากทมี่ ีการเปลย่ี นหรอื เล่อื นเสยี ง ระหวา่ งสระเด่ยี ว

สระประสม (สระเลอื่ น) มี ๓ เสยี ง คือ

เอีย (อี + อา)

เออื (อือ + อา)

อัว (อู + อา)

ข้อสังเกต

อน่ึงตาราหลักภาษาไทยบางตารานับเสียงสระมี ๒๔ เสียง โดยนับสระเดี่ยว ๑๘ เสียง เสียงสระ

ประสม ๖ เสยี ง ซ่งึ นอกจาก เอีย เอือ อัว แลว้ ยงั มสี ระเสยี งสนั้ อีก ๓ เสยี ง เอยี ะ เออื ะ และอวั ะ แต่คาที่ใช้

สระเหล่านี้พบน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นคาเลียนเสียงธรรมชาติ และคาท่ีมาจากภาษาถิ่นหรือภาษาต่างประเทศ

เชน่ ผวั ะ ยัวะ เกี๊ยะ เจีย๊ ะ มะเมีย เปน็ ตน้ นกั ภาษาศาสตรจ์ งึ ไมน่ ับว่าสระเหล่านเ้ี ป็นเสียงสาคัญในภาษา

บางตารากน็ บั เสียงสระวา่ มี ๓๒ เสียงโดยนับสระเดย่ี ว ๑๘ เสยี ง ได้แก่ /อะ/ /อา/ /อิ/ /อ/ี /อ/ึ

/อ/ื /อุ/ /อู/ /เอะ/ /เอ/ /แอะ/ /แอ/ /เออะ/ /เออ/ /โอะ/ /โอ/ /เอาะ/ /ออ/ สระประสม ๖ เสียง

ได้แก่ เอยี ะ เอยี เอือะ เอือ อัวะ อวั

สระเกิน ๘ เสียง ได้แก่ /อา/ /ไอ/ /ใอ/ /เอา/ /ฤ/ /ฤๅ/ /ฦ/ /ฦๅ/

บางตาราไม่นับสระเกินเพราะถอื วา่ เป็นสระที่ไม่ใชส่ ระแท้ๆ มพี ยญั ชนะมาประสม เชน่

อา (อะ+ม) มเี สยี งตวั ม เปน็ ตัวสะกด

ไอ (อะ+ย) มเี สยี งตวั ย เปน็ ตวั สะกด

ใอ (อะ+ย) มเี สียงตัว ย เป็นตวั สะกด

เอา (อะ+ว) มีเสยี ง ว เปน็ ตัวสะกด

ฤ (ร)ึ (ร + ื) มีเสียงพยญั ชนะ ร

ฤๅ (รอื ) (ร + ื) มีเสียงพยญั ชนะ ร

ฦ (ล)ึ (ล + ื) มีเสยี งพยญั ชนะ ล

ฦๅ (ลือ) (ล + ื) มีเสียงพยญั ชนะ ล

ฉะน้ันบางตาราจึงนับเสียงสระว่า มีเพียง ๒๑ เสียง โดยไม่นับสระเกิน เพราะถือว่าไม่ใช่เสียงสระ
แท้ ๆ มีเสียงพยัญชนะประสมอยู่และไม่นับสระประสม /เอียะ/ /เอือะ/ /อัวะ/ เพราะคาประสมสระเหล่าน้ี
มีน้อยและเป็นคายมื จากภาษาอ่นื

แผนภำพอวัยวะทีเ่ ก่ียงข้องกับกำรออกเสียง
หน่วยกำรเรยี นร้ทู ่ี ๑ แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ่ี ๗ เร่อื ง เสยี งในภาษาไทย (เสยี งสระ)
รำยวิชำภำษำไทย รหัสวิชำ ท๒๑๑๐๑ ภำคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ มธั ยมศกึ ษำปที ี่ ๑



ใบความรู้ เรอ่ื ง ตาแหน่งของสระในภาษาไทย
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๑ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๘ เรือ่ ง เสยี งในภาษาไทย (เสยี งสระ)
รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑

สระอยทู่ ใ่ี ด
สระ ๒๑ รูป มวี ิธีเขียนดงั นี้
๑. เขียนไว้หนา้ พยญั ชนะมี ๔ รปู ได้แก่ เ ใ ไ โ
๒. เขียนไว้หลงั พยัญชนะ ๗ รูป ไดแ้ ก่ ะ ๅ ฤ ย ร ว อ

๓. เขียนไว้บนพยัญชนะ มี ๕ รูป ไดแ้ ก่ ั ิ ่
๔. เขียนไว้ลา่ งพยัญชนะมี ๒ รปู ไดแ้ ก่ ู

๕. เขยี นโดด ๆ ไม่ต้องประสมพยัญชนะมี ๔ รปู ได้แก่ ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ
๖. ใช้ได้ตามลาพงั ไมต่ ้องประสมกบั รปู สระอ่นื มี ๑๗ รูป ได้แก่ ะ ั า ิ ู เ ใ ไ โ ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ ร อ
๗. ตอ้ งประสมกับรูปสระอนื่ มี ๔ รปู ได้แก่ ่ ย ว
๘. ใช้ลาพังกได้ใช้ควบกับพยัญชนะกได้ ออกเสียงคลา้ ยมี ร อยู่ดว้ ย มี ๑ รูป คอื ฤ (ตวั ฤๅ ฦ ฦๅ ตาม
หลักกใชค้ วบกบั พยัญชนะได้แตไ่ ม่มีที่ใช)้
๙. ใช้เปน็ สระกได้ ใชเ้ ป็นพยัญชนะกได้ มี ๔ รปู ไดแ้ ก่ ย ร ว อ



ใบงาน เรื่อง เสยี งในภาษาไทย (เสยี งสระ)
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๑ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๘ เรอื่ ง เสยี งในภาษาไทย (เสยี งสระ)
รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๑

กิจกรรมท่ี ๑ คาชีแ้ จง ให้นกั เรียนเขยี นเครื่องหมาย ✓หน้าข้อความท่ถี ูกตอ้ ง และเขียน เครือ่ งหมาย 
หนา้ ขอ้ ความที่ไมถ่ ูกตอ้ ง

........................ ๑. แหล่งเริ่มต้นของเสยี ง คือ ปาก
........................ ๒. เสียงสระ และเสียงพยญั ชนะนับเปน็ เสยี งในภาษา
........................ ๓. เสียงทมี่ นษุ ย์ใช้เพื่อสอื่ ความหมาย คือเสยี งในภาษา
........................ ๔. เสยี งในภาษาเกิดจากลมเดินทางจากปอดผ่านหลอดลมออกมาทางช่องปากหรือจมูก

โดยไม่กระทบส่ิงใดเลย
........................ ๕. อวัยวะต่าง ๆ ในปาก เช่น ลนิ้ ไก่ ลิ้น ฟัน เพดาน และรมิ ฝีปาก มสี ่วนในการทาให้

เกดิ เสยี งในภาษาฟังเปน็ เสียงตา่ งกนั ออกไป

กจิ กรรมที่ ๒ คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนตอบคาถามลงในช่องว่างต่อไปนีใ้ หถ้ ูกตอ้ งเหมาะสม

๑. เสียงในภาษาเร่มิ ตน้ ท่ี .......................................................................................................................... ..........

๒. เสียงในภาษาไทยแบ่งออกได้.............................เสียง ไดแ้ ก่............................................................................

๓. เสยี งสระทีอ่ ย่ใู นคาเหล่าน้ี คือ

ซู่ ........................... แซง ............................ งอ .......................... วัว ..............................

๔. นักเรียนจาแนกคาสระเสียงเดยี่ วแทล้ งในช่องว่าง

กวน จดื กลงึ ตู้

ขลุ่ย เบ่ือ เตรียม เทพ

เกล็ด เพลยี กัด จาน

................................................................. ............................................................................................... ..............

............................................................................................................................. .................................................

............................................................................................................................. .................................................

๕. ขีดเสน้ ใตค้ าที่มีสระประสม (สระเล่ือน)

ทงุ่ นา ป่าเขา หนองน้า บา้ นเรือน



เฉลยใบงาน เร่ือง เสียงในภาษาไทย (เสียงสระ)
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๑ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๘ เรอ่ื ง เสยี งในภาษาไทย (เสยี งสระ)
รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑

กจิ กรรมที่ ๑ คาชแ้ี จง ให้นกั เรยี นเขยี นเครื่องหมาย ✓หน้าข้อความท่ถี ูกต้อง และเขยี น เครือ่ งหมาย 

หน้าขอ้ ความทีไ่ มถ่ ูกตอ้ ง
 ๑. แหลง่ เรม่ิ ต้นของเสียง คือ ปาก (ปอด)
✓ ๒. เสียงสระ และเสียงพยญั ชนะนับเป็นเสียงในภาษา
✓ ๓. เสยี งทม่ี นษุ ย์ใช้เพ่ือส่ือความหมาย คือเสยี งในภาษา
 ๔. เสียงในภาษาเกิดจากลมเดนิ ทางจากปอดผา่ นหลอดลมออกมาทางช่องปากหรือจมูก

โดยไมก่ ระทบส่งิ ใดเลย
✓ ๕. อวยั วะต่างๆ ในปาก เชน่ ล้นิ ไก่ ลน้ิ ฟนั เพดาน และริมฝีปาก มสี ว่ นในการทาให้

เกิดเสียงในภาษาฟังเปน็ เสยี งตา่ งกันออกไป

กจิ กรรมท่ี ๒ คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามลงในชอ่ งวา่ งต่อไปนใี้ หถ้ ูกต้องเหมาะสม

๑. เสียงในภาษาเรม่ิ ต้นท่ี ลมจากปอด

๒. เสยี งในภาษาไทยแบ่งออกได้ ๓ เสยี ง ได้แก่ เสียงพยญั ชนะ เสยี งสระ และเสยี งวรรณยกุ ต์

๓. เสียงสระท่ีอย่ใู นคาเหล่าน้ี คอื

ซู่ สระ อู แซง สระ แอ งอ สระ ออ วัว สระ อัว

๔. นักเรียนจาแนกคาสระเสียงเด่ียวแท้ลงในช่องวา่ ง

กวน จดื กลงึ ตู้

ขลยุ่ เบ่ือ เตรยี ม เทพ

เกล็ด เพลีย กัด จาน

จืด (สระอือ) กลงึ สระอึ ตู้ สระอู ขล่ยุ สระอุ

กัด สระ อะ จาน สระ อา

เทพ สระเอ เกลด็ สระเอะ (เอีย อัว เอือ ป็นสระประสมหรือสระเลือ่ น)

๕. ขีดเสน้ ใตค้ าทีม่ สี ระประสม (สระเล่อื น)

ทุ่งนา ปา่ เขา หนองน้า บา้ นเรือน

ใบความรู้ เรอ่ื ง เสียงในภาษาไทย (เสยี งพยัญชนะ)
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๙ เร่ือง เสยี งในภาษาไทย (เสยี งพยญั ชนะ)

รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑

ความหมาย

เสียงพยัญชนะ (เสียงแปร) หมายถึง เสียงที่เกิดจากลมท่ีออกจาก ปอด แต่ขณะที่ลมผ่านหลอดลม

หรือออกมาทางช่องทางเดินของลมจะถูกสกัดกั้น ณ ที่ใดที่หน่ึง ตั้งแต่ในลาคอ ในช่องปาก หรือในช่องจมูก

และลมอาจถูกสกัดกั้นไว้ท้ังหมด หรือถูกสกัดกั้นเป็นบางส่วน แล้วจึงผ่านออกมาภายนอก ทาให้เกิดเสียง

พยัญชนะต่าง ๆ เสียงชนิดนี้ได้แก่เสียงที่อยู่ต้นพยางค์ เช่น กะ โค งู ฯลฯ เสียงพยัญชนะในภาษาไทยมี

๒๑ เสยี ง ๔๔ รปู ดงั นี้

เสยี งพยญั ชนะไทย ๒๑ เสยี ง รูปพยญั ชนะไทย ๔๔ รูป

๑. /ก/ ก

๒. /ค/ ข ฃ ค ฅ ฆ

๓. /ง/ ง

๔. /จ/ จ

๕. /ช/ ช ฌ ฉ

๖. /ซ/ ซ ส ศ ษ

๗. /ด/ ด ฎ

๘. /ต/ ต ฏ

๙. /ท/ ท ธ ฑ ฒ ถ ฐ

๑๐. /น/ นณ

๑๑. /บ/ บ

๑๒. /ป/ ป

๑๓. /พ/ พภผ

๑๔. /ฟ/ ฟฝ

๑๕. /ม/ ม

๑๖. /ย/ ยญ

๑๗. /ร/ ร

๑๘. /ล/ ลฬ

๑๙. /ว/ ว

๒๐. /ฮ/ ฮห

๒๑. /อ/ อ

ข้อสังเกต บางครั้งเสียงพยัญชนะเสียงเดียวมีรูปพยัญชนะมากท่ีสุดถึง ๖ ตัว เช่น เสียง ท มีรูป

พยัญชนะ ท ธ ฑ ฒ ถ ฐ เปน็ ตน้ แตบ่ างเสยี งกม็ รี ูปพยัญชนะเพยี งรปู เดยี วเทา่ น้ัน

เสยี งพยญั ชนะต้น
เสียงพยัญชนะต้น แบ่งออกเป็น ๒ ชนิด คอื
๑. เสยี งพยญั ชนะตน้ เด่ียว เชน่ กัน ขาน คิด ฉาน ชอบ /ก/ /ข/ /ค/ /ช/ เป็นเสียงพยัญชนะต้น
๒. เสยี งพยัญชนะควบกล้า หมายถงึ พยัญชนะ ๒ เสยี ง ที่ออกเสียงพรอ้ มกัน เสียงพยัญชนะควบกล้า

ในภาษาไทยอยู่ได้ในตาแหนง่ ต้นพยางค์เท่านัน้ เช่น กราบ ขรมึ โคลง ความ /กร/ /คล/ /คว/ เปน็ ต้น และ
ยังมีพยัญชนะควบกล้าซ่ึงอยู่ในต้นพยางค์ในคาท่ีเรารับมาจากภาษาอื่น เช่น อินทรา /ทร/ ฟรี /ฟร/ ฟลุก /
ฟล/ เปน็ ต้น

พยัญชนะท้ายพยางค์
ในภาษาไทยเสียงพยัญชนะทั้ง ๒๑ เสียง ใช้เป็นเสียงพยัญชนะท้ายพยางค์ไม่ได้ท้ังหมด เรามีเสียง

พยัญชนะท้ายพยางค์ เพยี ง ๘ มาตราเทา่ น้นั ส่วนพยางคท์ ี่ไม่มเี สียงพยัญชนะท้ายพยางคจ์ ดั อยู่ในมาตราแม่ ก
กา เชน่ จะ มา ตี ครู เหาะ พอ แกะ เตะ

เสียงพยัญชนะท้ายพยางค์ มี ๘ มาตรา หรือ ๘ แม่ ในแต่ละมาตราอาจใช้พยัญชนะตัวเดียว
พยัญชนะควบกล้าหรือพยญั ชนะท่มี สี ระกากับก็ได้ดงั น้ี

๑. แม่ กก มีเสียง ก เป็นเสียงพยัญชนะท้ายพยางค์ ใช้ ก กร ข ค คร ฆ ออกเสียงเหมือน ก
สะกด เชน่ ลกู จักร เลข นาค สมัคร เมฆ

๒. แม่ กด มีเสียง ด เป็นเสียงพยัญชนะเป็นเสียงพยัญชนะท้ายพยางค์ ใช้ จ ช ขร ซ ฎ ฏ ฐ
ฑ ฒ ต ตร ถ ท ทร ธ ส ศ ษ ออกเสียงเหมือน ด สะกด เช่น กัด นิจ ราช เพชร ก๊าซ กฎ
ปรากฏ รฐั ครฑุ พัฒนา รตั น์ ฉัตร รถ พทุ ธ ภทั ร โกรธ รส อากาศ

๓. แม่ กบ มเี สยี ง บ เป็นเสยี งพยญั ชนะท้ายพยางค์ ใช้ บ ป พ ฟ ภ ออกเสียงเหมือน บ สะกด
เช่น บาป ภาพ กราฟ ลาภ

๔. แม่ กง มีเสียง ง เป็นตัวสะกดหรือพยัญชนะท้ายพยางค์ ใช้ ง สะกด เช่น จง ยิง สูง สังข์
สงฆ์

๕. แม่ กน มีเสียง น เป็นเสียงพยัญชนะท้ายพยางค์ ใช้ น ญ ณ ร ล ฬ ออกเสียงเหมือน น
สะกด เช่น เงนิ เข็ญ คณุ พร กล จุฬ

๖. แม่ กม มีเสยี ง ม เปน็ เสียงพยัญชนะท้ายพยางค์ ใช้ ม สะกด เชน่ ผม เคม็
๗. แม่ เกย มเี สยี ง ย เปน็ เสียงพยญั ชนะทา้ ยพยางค์ ใช้ ย สะกด เชน่ คุย พาย สวย โอย
๘. แม่ เกอว มีเสียง ว เปน็ เสียงพยัญชนะทา้ ยพยางค์ ใช้ ว สะกด เช่น สาว ฉวิ เร็ว เปลว แล้ว
นอกจากน้ันยงั มีคาทีป่ ระสมสระเสียงสั้นหรือเสียงยาว แต่ไมม่ ีตวั สะกดเรียกวา่ แม่ ก กา เช่น กา จะตี ดุ
เสอื หนี

ใบงาน เร่ือง เสียงในภาษาไทย (เสยี งพยญั ชนะ)
หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๑ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๙ เรอ่ื ง เสยี งในภาษาไทย (เสยี งพยญั ชนะ)

รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑

คาช้แี จง ให้นกั เรียนออกเสียงคาตอ่ ไปนี้ แล้วเขยี นบอกพยัญชนะตน้ เสยี งและพยัญชนะทา้ ยเสียง

พยัญชนะต้นเสียง พยญั ชนะท้ายเสียง

๑. คลัง ............................... ............... ........................ ..............
๒. สาว ............................... ............... ........................ ..............
๓. เลน่ ............................... ............... ........................ ..............
๔. เคย ............................... ............... ........................ ..............
๕. มติ ร ............................... ............... ........................ ..............
๖. เพลง ............................... ............... ............................... ...............
๗. ศรี ............................... ............... ............................... ...............
๘. กราฟ ............................... ............... ............................... ...............
๙. ครุฑ ............................... ............... ............................... ...............
๑๐. ถ้วย ............................... ............... ............................... ...............
๑๑. ทราม ............................... ............... ............................... ...............
๑๒. บรรยาย ............................... ............... ............................... ...............
๑๓. เตรยี มพร้อม ............................... ............... ............................... ...............
๑๔. ขวนขวาย ............................... ............... ............................... ...............
๑๕. ปราบปราม ............................... ............... ............................... ...............
๑๖. เควง้ ควา้ ง ............................... ............... ............................... ...............
๑๗. พลกิ แพลง ............................... ............... ............................... ...............
๑๘. กลาดเกล่ือน ............................... ............... ............................... ...............
๑๙. ปลาวาฬ ............................... ............... ............................... ...............
๒๐. เป่ียมสุข ............................... ............... ............................... ...............

เฉลยใบงาน เร่อื ง เสียงในภาษาไทย (เสียงพยญั ชนะ)
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๑ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ ๙ เรอ่ื ง เสยี งในภาษาไทย (เสยี งพยญั ชนะ)

รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑

คาช้แี จง ให้นกั เรยี นออกเสียงคาตอ่ ไปนี้ แล้วเขยี นบอกพยัญชนะต้นเสยี งและพยญั ชนะท้ายเสยี ง

พยัญชนะตน้ เสียง พยัญชนะทา้ ยเสียง
.พ...ย..ญั...ช...น..ะ...ค..ว..บ...ก..ล...า้ .. ./..ค..ล.../.......
๑. คลงั .พ...ย..ัญ...ช...น..ะ...เ.ด..่ยี...ว........ ./..ส../.......... .แ...ม..ก่...ง............... .../..ง../.......
๒. สาว .พ...ย..ัญ...ช...น..ะ...เ.ด..่ีย...ว........ ./..ล../.......... .แ...ม..ก่...เ.ก..อ...ว......... .../..ว../.......
๓. เลน่ .แ...ม..่ก...น............... .../..น../.......
.พ...ย..ัญ...ช...น..ะ...เ.ด..ย่ี...ว........ ./..ค../.......... .แ...ม..่เ..ก..ย.............. .../..ย../.......
๔. เคย .พ...ย..ัญ...ช...น..ะ...เ.ด..ยี่...ว........ ./..ม../.......... .แ...ม..ก่...ด............... .../..ด../.......
๕. มิตร .พ...ย..ัญ...ช...น..ะ...ค..ว..บ...ก..ล...า้ .. ./..พ...ล../....... .....แ...ม..ก่..ง................... .../..ง../........
๖. เพลง
๗. ศรี .พ...ย..ัญ...ช...น..ะ...ค..ว..บ...ก..ล...้า.. ./..ศ../.......... .....แ...ม..่ก....ก..า............... ...-............
.(.ค...ว..บ..ไ..ม..่แ...ท..้).............
./..ก..ร../........
๘. กราฟ .พ...ย..ญั...ช...น..ะ...ค..ว..บ...ก..ล...้า.. ./..ค..ร../........ .....แ...ม..่ก..บ................... .../..บ../........
๙. ครุฑ .พ...ย..ญั...ช...น..ะ...ค..ว..บ...ก..ล...้า.. ./..ถ../.......... .....แ...ม..่ก..ด................... .../..ด../........
๑๐. ถ้วย .พ...ย..ัญ...ช...น..ะ...เ.ด..ยี่...ว........ ./..ซ../.......... .....แ...ม..เ่.ก...ย................. .../..ย../........
๑๑. ทราม .พ...ย..ญั...ช...น..ะ...ค..ว..บ...ก..ล...้า.. ....แมก่ ม................. .../..ม../........

..(..ค..ว..บ...ไ.ม...่แ..ท...)้ ...........
.พ...ย...ัญ...ช..น...ะ..เ.ด...่ีย..ว........
๑๒. บรรยาย .พ...ย...ัญ...ช..น...ะ..ค..ว..บ...ก..ล...า้ .. ./..บ..././..ย../.... .....แ...ม..ก่..น....แ...ม..่เ.ก...ย...... .../..น../.../..ย../.
๑๓. เตรียมพร้อม .พ...ย...ญั ...ช..น...ะ..ค..ว..บ...ก..ล...้า.. ./.ต...ร../.../..พ..ร. / ...........แมก่ ม ........ .../..ม../........
๑๔. ขวนขวาย .พ...ย...ัญ...ช..น...ะ..ค..ว..บ...ก..ล...้า.. ./..ข..ว../........ ....แม่กน................ .../..น../........
๑๕. ปราบปราม .พ...ย...ัญ...ช..น...ะ..ค..ว..บ...ก..ล...า้ .. ./..ป...ร../....... ....แมก่ บ แม่กม..... .../..บ../.../..ม.../
๑๖. เคว้งควา้ ง .พ...ย...ญั ...ช..น...ะ..ค..ว..บ...ก..ล...้า.. ./..ค..ว.../....... ....แม่กง................ .../..ง../........
๑๗. พลิกแพลง .พ...ย...ญั ...ช..น...ะ..ค..ว..บ...ก..ล...า้ .. ./..พ...ล../....... .......แม่กก แม่กง.. .../..ก../.../..น../.
๑๘. กลาดเกลื่อน .พ...ย...ญั ...ช..น...ะ..ค..ว..บ...ก..ล...้า.. ./..ก..ล.../....... ...แม่กด แม่กน.... .../..ด../...../.น../
๑๙. ปลาวาฬ .พ...ย...ัญ...ช..น...ะ..เ.ด...ย่ี ..ว........ ./..ป...ล../..../..ว. / .....แม่ก กา แม่กน. .../..น../........

๒๐. เปี่ยมสุข .พ...ย...ัญ...ช..น...ะ..เ.ด...ี่ย..ว........ ./..ป.../.../.ส.../.. .แม่กม แม่กก........ .../..ม../../..ก../..

ความหมาย

เสียงวรรณยกุ ต์ หมายถึง เสียงที่มรี ะดบั สูงต่า และเราจะไดย้ ินไปพร้อมกับเสียงสระบางทีเป็นเสียงสูง

บางทีก็เป็นเสียงต่า บางทีก็เป็นเสียงที่อยู่ระหว่างเสียงสูงกับเสียงต่า บางทีก็เป็นเสียงต่าแล้วค่อย ๆ เลื่อนขึ้น

ไปสเู่ สยี งสงู

เสียงวรรณยกุ ตใ์ นภาษาไทยนบั ว่ามคี วามสา่ คัญ เพราะท่าใหค้ วามหมายของค่าเปลีย่ นแปลงไปได้ เชน่

เสือ มีความหมายอย่างหนึ่ง เส้ือ มีความหมายอย่างหน่ึง แต่เสียงท่ีมีระดับสูงต่าในบางภาษาไม่ได้ท่าให้

ความหมายของค่าเปล่ยี นไป

วรรณยกุ ต์ในภาษาไทย มี ๔ รูป มี ๕ เสยี ง ดังน้ี

รปู วรรณยุกต์

๑. รปู เอก ( ่ ) เช่น ค่าทร่ี ปู วรรณยกุ ต์เอก ในคา่ ไข่ บ่อ พล่า

๒. รปู โท ( ้ ) เชน่ คา่ ทม่ี รี ูปวรรณยุกตโ์ ท ในค่า กลา้ ค้า ม้า

๓. รปู ตรี ( ) เช่น ค่าทม่ี รี ปู เสียงวรรณยกุ ตต์ รี ในค่า โตะ เปรยี๊ ะ ก๊กั

๔. รปู จัตวา ( ) เชน่ คา่ ทม่ี รี ปู เสียงวรรณยกุ ตจ์ ตั วา ในคา่ เกง แจว กวยเตีย๋ ว

เสยี งวรรณยุกต์

๑. เสียงสามญั เช่น ค่าท่มี เี สียงวรรณยกุ ต์ในคา่ คลอง จาน ดาว เฟอื ง

๒. เสียงเอก เชน่ คา่ ทม่ี ีเสยี งวรรณยุกต์ในค่า ไข่ บอ่ กัด จิต

๓. เสยี งโท เช่น ค่าทม่ี เี สียงวรรณยุกต์ในคา่ กลา้ พล่า มาก เมฆ

๔. เสยี งตรี เช่น คา่ ที่มีเสยี งวรรณยุกต์ในคา่ ค้า มา้ ลดั เปร๊ียะ

๕. เสียงจัตวา เช่น ค่าที่มีเสยี งวรรณยกุ ต์ในคา่ จ่า ขอ หมอ เกง

ข้อสังเกต เสยี งวรรณยุกต์ท่ีมีอยู่ในพยางค์หรือคา่ ต่าง ๆ ทีเ่ ราออกเสียงนัน้ มิได้ตรงกับรูปวรรณยุกต์ท่ี

เหน็ ในตัวเขียนเสมอไป เช่น รู้ เปน็ ค่าที่มีรปู วรรณยุกตโ์ ท แตอ่ อกเสยี งวรรณยุกต์ตรี

ระบบวรรณยุกต์ของไทยมีความสัมพันธ์กับอักษรสูง กลาง ต่า และค่าเป็น – ค่าตาย มาก การศึกษา

เรอื่ งวรรณยุกตจ์ ึงต้องศึกษาไปพร้อม ๆ กับ อกั ษร ๓ หมู่ หรือไตรยางศ์

อักษรสูง มี ๑๑ ตวั ไดแ้ ก่ ข ฃ ฉ ฐ ถ ผ ฝ ศ ษ ส ห ผี ฝาก ถงุ ข้าว (ฃ) สาร เศรษฐี ให้ ฉนั

อักษรกลาง มี ๙ ตัว ก จ ฎ ฏ ด ต บ ป อ ไก่ จกิ เด็ก (ฎ) ตาย (ฏ) บน ปาก โอง่

อักษรต่า มี ๒๔ ตัว แบ่งเป็นอักษรต่าเด่ียว มี ๑๐ ตัว ได้แก่ ง ญ น ณ ม ย ร ล ฬ ว งู ใหญ่ นอน อยู่

ณ รมิ วดั โม ฬี โลก

อักษรต่าคู่ มี ๑๔ ตวั ได้แก่

อักษรตา่ อกั ษรสูง

คฅ ขฃ

ชฌ ฉ

ซ ศษส

ฑฒทธ ฐถ

พภ ผ

ฟฝ

ฮห

ใบงาน เรื่อง เสียงในภาษาไทย (เสียงวรรณยุกต์)
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๑ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๑๐ เรือ่ ง เสียงในภาษาไทย (เสียงวรรณยกุ ต)์

รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๑

ตอนที่ ๑ คาช้แี จง ใหน้ กั เรยี นตอบค่าถามต่อไปนใ้ี ห้ถูกตอ้ งสมบรู ณ์
๑. เสียงวรรณยกุ ต์หมายถึง

.................................................................................................................. ............................................................

..............................................................................................................................................................................

๒. วรรณยกุ ตแ์ บ่งออกเป็น..................รปู ได้แก.่ .................................................................................................
ม.ี ..............................เสยี ง ไดแ้ ก่ .........................................................................................................................
๓. เสียงวรรณยุกต์มีความส่าคญั แก่ค่าในภาษาไทยของเราหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด

.................................................................................................................. ............................................................

.................................................................................................. ............................................................................

ตอนที่ ๒ คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนจา่ แนกรปู และเสยี งของวรรณยุกตค์ ่าต่อไปน้ี

รปู วรรณยกุ ต์ เสียงวรรณยุกต์
นา้ รูปโท เสียงตรี
ชาติ - เสียงโท

๑ โนต้ ..................................................................................................................................................
๒. ยมื ...................................................................................................................... ............................
๓. จ๋ี ............................................................................................................................. .....................

๔. หนมุ่ ............................................................................................................................. .....................
๕. พี่ .................................................................................................... ..............................................
๖. ฉัน ............................................................................................................................. ........,............

๗. คา่ ..................................................................................................................................................
๘. ฝัง ............................................................................................................................. .....................
๙. ช่วย ............................................................................................................................. .....................

๑๐. น้อง ..................................................................................................................................................
๑๑. พลาง ............................................................................................................................. .....................
๑๒. หมาย ........................................................................................................................................... .......

๑๓. ปู่ ............................................................................................................................. .....................
๑๔. เปียก ............................................................................................................................. .....................
๑๕. จอย ..................................................................................................................................................

เฉลยใบงานเร่อื งเสียงในภาษาไทย (เสียงวรรณยุกต)์
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๑ แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี ๑๐ เรื่อง เสียงในภาษาไทย (เสียงวรรณยกุ ต)์

รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ ๑

ตอนท่ี ๑ คาชีแ้ จง ให้นกั เรยี นตอบค่าถามต่อไปนใี้ หถ้ ูกต้องสมบรู ณ์
๑. เสียงวรรณยุกต์หมายถงึ เสยี งที่มรี ะดับสูงต่ำ และเรำจะไดย้ นิ ไปพร้อมกับเสียงสระบำงทีเป็นเสียงสูง

บำงทกี ็เป็นเสยี งตำ่ บำงทกี ็เป็นเสียงที่อยรู่ ะหวำ่ งเสียงสูงกับเสียงตำ่ บำงทกี ็เป็นเสียงตำ่ แล้วคอ่ ยๆ เล่อื นข้ึน

ไปสเู่ สียงสูง

๒. วรรณยกุ ต์แบ่งออกเปน็ ๔ รูป ได้แก่ รูปเอก ่ รูปโท ้ รูปตรี รูปจตั วำ

มี ๕ เสยี ง ได้แก่ เสียงสำมัญ เสียงเอก เสยี งโท เสียงตรี เสียงจัตวำ
๓. เสียงวรรณยกุ ต์มีความส่าคัญแก่ค่าในภาษาไทยของเราหรือไม่ มี เพรำะทำ่ ให้ควำมหมำยของค่ำ

เปลีย่ นแปลงไปได้ เช่น เสอื มคี วำมหมำยอย่ำงหน่ึง เสอ้ื มคี วำมหมำยอย่ำงหน่ึง

ตอนที่ ๒ คาชแี้ จง ใหน้ ักเรียนจา่ แนกรูปและเสยี งของวรรณยกุ ตค์ ่าต่อไปนี้

รปู วรรณยกุ ต์ เสยี งวรรณยกุ ต์
เสียงตรี
น้า รูปโท เสียงโท
เสยี งตรี
ชาติ - เสียงสำมัญ
เสียงจัตวำ
๑. โน้ต รปู โท เสยี งเอก
เสยี งโท
๒. ยมื - เสียงจัตวำ
เสียงโท
๓. จ๋ี รูปจตั วำ เสียงจตั วำ
เสียงโท
๔. หน่มุ รูปเอก เสยี งตรี
เสยี งสำมัญ
๕. พ่ี รูปเอก เสยี งจัตวำ
เสยี งเอก
๖. ฉัน - เสียงสำมญั
เสียงจตั วำ
๗. ค่า รปู เอก

๘. ฝงั -

๙. ช่วย รปู เอก

๑๐. นอ้ ง รปู โท

๑๑. พลาง -

๑๒. หมาย -

๑๓. ปู่ รูปเอก

๑๔. เปยี ก -

๑๕. จอย รูปจัตวำ

ใบความรู้ เรือง ไตรยางศ์
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี ๑ แผนการจัดการเรียนรู้ที ๙ เร่ือง ไตรยางศ์

รายวิชาภาษาไทย รหัสวชิ า ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที ๑ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที ๑

ไตรยางศ์ คือ อักษร ๓ หมู่ซ่ึงจัดแยกออกมาเป็นพวกๆ จากพยัญชนะ ๔๔ ตัว ได้แก่ อักษรสูง อักษรกลาง อักษร
ตา่

อกั ษรสงู มี ๑๑ ตัวคอื ข ฅ ฉ ฐ ถ ผ ฝ ศ ษ ส ห
อักษรกลางมี ๙ ตัวคือ ก จ ฎ ฏ ด ต บ ป อ
อกั ษรต่ามี ๒๔ ตัวคอื ค ฅ ฆ ง ช ซ ฌ ญ ฒ ฑ ณ ท ธ น พ ฟ ภ ม ย ร ล ว ฬ ฮ
การท่ีจัดแยกพยัญชนะออกเป็นอักษร ๓ หมู่ (ไตรยางศ์) น้ันก็โดยถือเอาเสียงเป็นส่าคัญ คือ พยัญชนะตัวใด
พ้ืนเสียงท่ียังมิได้ผันด้วยรูปวรรณยกุ ต์ มีส่าเนียงอยู่ในระดับสงู ก็จัดเป็นพวกอักษรสงู พยัญชนะตัวใดพ้ืนเสียงที่ยังมไิ ด้
ผันด้วยรูปวรรณยุกต์ มีส่าเนียงอยู่ในระดับกลางก็จัดเป็นพวกอักษรกลาง พยัญชนะตัวใดพ้ืนเสียงที่ยังมิได้ผันด้วยรูป
วรรณยุกต์ มีส่าเนียงอยู่ในระดับต่าก็จัดเป็นพวกอักษรต่า ท่ีเรียกตัวอักษรต่าน่าจะหมายถึงเสียงต่ากว่าอักษรพวก
ขา้ งตน้ ลองออกเสยี งอักษรกลางกับอักษรตา่ เทียบกันจะรู้สึกในข้อน้ี เพราะล้นิ ทา่ หน้าทตี่ า่ งกัน

ประโยชนข์ องการจ่าแนกพยัญชนะออกเป็นอกั ษรสงู อักษรกลาง อักษรตา่
๑. สามารถผันค่าให้มีเสียงและรูปต่าง ๆ เม่ือเสียงและรูปต่างกับความหมายก็ต่างกันด้วย เช่น ไผ ไผ่ ไผ้

ยอ่ มแสดงความหมายคลคี ลายไปจากเดมิ เช่นเดียวกัน
๒. สามารถนา่ ค่าบาลีและสนั สกฤต มาเป็นแนวสา่ เนียงของคนไทย ไดส้ นิทสนม เช่น เลห่ ์ สนเทห่ ์ พุทโธ

สมุทร ฯลฯ
๓. ไม่ต้องเขยี นเคร่ืองหมายวรรณยกุ ต์ก่ากับลงไปทุกค่า เช่น “ชา” ไม่ต้องเขยี นเป็น “ค่า” ท้งั น้ีนับว่าช่วยให้

การเขยี นหนงั สือสะดวกและรวดเรว็ ย่งิ ข้นึ

ใบความรู้ เรอ่ื ง การผันวรรณยกุ ต์
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๑๒ เรือ่ ง การผันวรรณยุกต์
รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑

การท่ภี าษาไทยผันเสียงไลเ่ สียงได้ นอกจากจะทาใหม้ ีคาใช้มากขนึ้ แล้ว ยังทาให้ภาษาไทยไพเราะ เพราะระดับ
เสียงต่าง ๆ ของคาทาให้เกิดเป็นเสยี งอย่างดนตรี การไล่เสียง สูง - ต่านั้นทาให้ความหมายเปล่ยี นไปด้วย เป็น
การผันอักษรหรือผนั วรรณยกุ ต์ซึ่งได้จัดระบบไวอ้ ย่างดี ใช้ง่าย ไม่ยุ่งยากทั้งการเขียนและการอ่านเพียงแต่ต้อง
ทาความเข้าใจระบบการใช้วรรณยุกต์เทา่ นั้น

คาว่า “ผันวรรณยุกต์” มีตาราหลายเล่มใช้ว่า “ผันอักษร” การผันวรรณยุกต์หรือการผันอักษร คือ
การเปล่ียนระดับเสียงของคาโดยใช้รูปวรรณยุกต์กากับ เราเรียกคาที่ผันแล้วน้ีว่า “วรรณยุกต์มีรูป” คาที่ยัง
ไม่ได้ผนั จงึ เรยี กวา่ “วรรณยุกตไ์ มม่ ีรูป” ซึง่ กค็ อื คาทีเ่ ปน็ “พน้ื เสียง”

พระยาอุปกิตศิลปสาร (น่ิม กาญจนาชีวะ ; ๒๔๗๔) อธิบายเรื่องจาแนกวรรณยุกต์เป็น ๒ ประเภท
ดงั น้ี

๑. วรรณยกุ ตม์ รี ปู คอื วรรณยุกต์ที่ตอ้ งใช้รูปวรรณยกุ ต์คือ ไม่ ่ ้ บังคับข้างบน เช่น
ก่า ก้า กา กา, ข่า (ข้า,ค่า) ค้า ดังน้ี เป็นต้น วรรณยุกต์มีรปู น้ีมีแค่ ๔ เสียง คือ เอก โท ตรี จัตวา เท่าน้ัน เสียง
สามัญไมม่ ี

๒. วรรณยุกต์ไม่มีรูป คือวรรณยุกต์ท่ีไม่ต้องใช้รูปวรรณยุกต์บังคับข้างบนสังเกตเสียง
วรรณยุกต์ได้ด้วยวิธีกาหนดตัวพยัญชนะเป็น สูง กลาง ต่า แล้วประสมกับสระ-พยัญชนะ อ่านเป็นเสียง
วรรณยุกต์ไดต้ ามพวก เช่น คาง ขาก คาก คกั ขาง ดงั นี้ เปน็ ต้น วรรณยุกตไ์ ม่มรี ปู น้ี มคี รบทั้ง ๕ เสียง

ครบครนั เรอ่ื ง วรรณยกุ ต์
พศิ ศรี กมลเวชช,๒๕๕๒

ตารางการผันวรรณยุกต์
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี ๑๒ เร่ือง การผนั วรรณยกุ ต์

รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ ๑

อกั ษร ๓ หมู่ สามญั เสยี ง หมายเหตุ
ไตรยางศ์ เอก โท ตรี จัตวา
ปา
อกั ษรกลาง - ป่า ป้า ป๊า ป๋า คาเปน็ พ้นื เสียงสามญั
กจฎฏดตบปอ กัด กด้ั กด๊ั กัด๋ คาตาย พ้ืนเสียงเอก
คาเปน็ ผันได้ ๕ เสยี ง -
คาตาย ผนั ได้ ๔ เสียง - ข่า ข้า - ขา คาเป็น พน้ื เสยี งจตั วา
ขัด ขดั้ - - คาตาย พน้ื เสยี งเอก
อักษรสูง คา
ขฃฉฐถผฝศษสห - ค่า คา้ - คาเป็น พื้นเสยี งสามัญ
คาเป็น ผันได้ ๓ เสียง ถา้ รวมกบั อักษรสงู จะผนั ได้ครบ ๕
คาตาย ผนั ได้ ๒ เสยี ง เสียง

อักษรตา่ - ค่าบ ค้าบ คาบ เช่น คา ขา่ ข้า (คา่ ) คา้ ขา
อักษรท่เี หลือ ๒๔ ตัว - ค่ะ คะ คะ คาตาย พื้นเสียงเอก
คาเปน็ ผนั ได้ ๓ เสียง

คาตาย สระเสยี งยาว -
คาตาย สระเสียงสน้ั -

หมายเหตุ คาเป็น คอื คาทม่ี ีลักษณะข้อใดขอ้ หน่งึ ดังนี้
๑. คาทป่ี ระสมสระเสยี งยาว ไมม่ ีตัวสะกด เช่น ตา มี หมู เมยี ตัว
๒. คาทม่ี ีตัวสะกดในแม่ กง กน กม เกย เกอว เช่น คง กนิ นม เนย แล้ว
๓. คาท่ปี ระสมกบั สระ อา ใอ ไอ เอา เชน่ จา ใจ ไป เอา

คาตาย คอื คาทมี่ ีลกั ษณะข้อใดขอ้ หนึ่งดังนี้
๑. คาทป่ี ระสมสระเสยี งสั้น ไมม่ ตี วั สะกด เช่น พระ ดุ แกะ
๒. คาทีม่ ตี วั สะกดในแม่ กก กบ กด (แม่ กบฏ) เชน่ จาก รถ ศพ

ใบงาน เร่อื ง การผันวรรณยุกต์
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ๑ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑๒ เรอ่ื ง การผนั วรรณยกุ ต์

รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑

ตอนที่ ๑ จงพิจารณาว่า คาต่อไปน้ีมเี สยี งวรรณยุกตใ์ ด เพราะเหตใุ ด

ตวั อย่าง ๑) แก้ว มีเสียงวรรณยุกต์ โท เพราะ ก เปน็ อกั ษรกลาง รูปวรรณยกุ ต์ตรงกบั เสียง

๒) พร้อม มีเสียงวรรณยกุ ต์ ตรี เพราะ พ เป็นอกั ษรตา่ รปู วรรณยกุ ต์โทมเี สียงตรี

๑. เกย๊ี ว มเี สยี งวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ............................................................................................

๒. ชา้ มเี สยี งวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ............................................................................................

๓. ไหน มีเสยี งวรรณยุกต์ .....................เพราะ............................................................................................

๔. วิง่ มีเสียงวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ............................................................................................

๕. เสอื้ มีเสยี งวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ............................................................................................

๖. เฒา่ มีเสยี งวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ............................................................................................

๗. แปร มเี สยี งวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ............................................................................................

๘. อวน มเี สยี งวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ............................................................................................

๙. พล้ัง มีเสียงวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ............................................................................................

๑๐.เปรีย้ ว มเี สียงวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ............................................................................................

ตอนที่ ๒ จงพจิ ารณาว่า คาต่อไปน้ีมีเสียงวรรณยกุ ตใ์ ด เพราะเหตใุ ด

ตวั อย่าง ๑) ชก มเี สยี งวรรณยกุ ต์ ตรี เพราะ ช เปน็ อักษรตา่ คาตาย ประสมดว้ ยสระเสยี งสัน้

๒) โชก มเี สยี งวรรณยกุ ต์ โท เพราะ ช เป็นอักษรต่า คาตาย ประสมด้วยสระเสยี งยาว

๑. เงอื ก มเี สียงวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ............................................................................................

๒. พจน์ มีเสยี งวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ............................................................................................

๓. เทพ มเี สยี งวรรณยุกต์ .....................เพราะ............................................................................................

๔. รปู มีเสียงวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ...........................................................................................

๕. โชค มเี สียงวรรณยุกต์ .....................เพราะ............................................................................................

๖. งก มเี สยี งวรรณยุกต์ .....................เพราะ............................................................................................

๗. เช็ด มีเสียงวรรณยุกต์ .....................เพราะ............................................................................................

๘. นบั มีเสียงวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ............................................................................................

๙. เพศ มเี สยี งวรรณยุกต์ .....................เพราะ............................................................................................

๑๐.น็อค มเี สยี งวรรณยุกต์ .....................เพราะ............................................................................................

เฉลยใบงาน เรอ่ื ง การผนั วรรณยุกต์
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑๒ เรื่อง การผนั วรรณยกุ ต์

รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑

ตอนที่ ๑ จงพจิ ารณาว่า คาต่อไปน้ีมีเสียงวรรณยกุ ตใ์ ด เพราะเหตใุ ด
..................................................สส....จ......................าา......ัตตตต..โโโโ.................มมทททท..........วรรร....................ญญัั..ีีี...า.........................................................................เ.เเเเเเเเเพพพพพพพพพพรรรรรรรรรราาาาาาาาาาะะะะะะะะะะ......................................................กนฒปพอวปชส..........................................เ.เเเ....เเเเ..เ........เป.ปปป.ป.ป..ปป....ป..ป....................็นน็็น.็น.็น..น็็็นน.....็น...น็..................อออ.อ.อ..อออ.....อ...อ.................กัักกััก.กััก..กััก..กั......กั...............ษ...ษษ.ษษษ.ษษ..ษ.......ษ....................รรรรร.ร.รร...ร.....ร...........ตกกส..ต..ตกก.....ต...ต.................ล่าลงู.่า..่าลล...า่.....า่..................าา..าา.........รร.รไ.....ร.....งงร...งง......ม.ูปูป...ูป......ูป..ปู..................รรม่.วรรว...ว......ว....ว.......ปููป....ูปูป.....รรีร.ร.....ร.....ร..........รปูรวว...ร.วว....ร....ร..........ณ.ณ.....ณรร..ณวรร.......ณ.............รร....รร....ร.....ยย.....ย...ย..ณณ.....ยณณ..ร..........ุกกุ...ุก......กุ....ุกณ..........ยย.....ยยตต..ต........ต..ต..........กุกุ...ย.ุกุก....์โ์เ..์โ....์โ.....์เ..อ..ท.....ทต.ต.กุ.ตตท..อ................ก.....เ....ต์์ตตเ..ต์์ตก.เ........ส...ส......เส......ร.ร...์เเรร..ส.......ีย...ียส..ส..ีย...งง...งง........ีย....ง....ง.ยีกก.ยี..ง..กก............โ..ง.ต.....ต....งบัับง.ับบั...ท......โ..........รจ.โ...ร....ท..เเ...เเ.......ท.ี...ส..ส..ตัี.สส....................ีย...ยี..า.ียีย......................งง.....งง.....................................................................
๑. เกีย๊ ว มีเสียงวรรณยกุ ต์
๒. ช้า มีเสียงวรรณยกุ ต์
๓. ไหน มีเสยี งวรรณยุกต์
๔. ว่ิง มีเสยี งวรรณยกุ ต์
๕. เสือ้ มีเสียงวรรณยกุ ต์
๖. เฒา่ มีเสียงวรรณยุกต์
๗. แปร มีเสยี งวรรณยุกต์
๘. อวน มีเสียงวรรณยกุ ต์
๙. พล้งั มเี สียงวรรณยกุ ต์
๑๐.เปรี้ยว มเี สยี งวรรณยกุ ต์

ตอนท่ี ๒ จงพิจารณาวา่ คาต่อไปนี้มีเสยี งวรรณยกุ ตใ์ ด เพราะเหตุใด

๑. เงอื ก มีเสยี งวรรณยกุ ต์ ......โ..ท.............เพราะ...ง....อ...ัก..ษ....ร..ต...่า....ค..่า...ต...า..ย....ป...ร...ะ..ส...ม...ด...ว้ ..ย...ส...ร..ะ..เ..ส...ยี ..ง...ย..า...ว.........
๒. พจน์ มีเสียงวรรณยุกต์ ......ต...ร..ี..........เพราะ...พ.....อ...ัก...ษ...ร..ต...่า....ค...่า..ต...า..ย.....ป...ร..ะ...ส..ม...ด...้ว...ย..ส...ร...ะ..เ.ส...ีย...ง..ส..น้ั...........
๓. เทพ
๔. รปู มีเสียงวรรณยกุ ต์ ......โ..ท.............เพราะ...ท.....อ..ัก...ษ...ร...ต..า่....ค...่า...ต..า...ย....ป...ร..ะ...ส...ม..ด...้ว...ย...ส..ร...ะ..เ..ส..ีย...ง..ย...า..ว.........
๕. โชค มเี สยี งวรรณยกุ ต์ .....โ..ท..............เพราะ..ร....อ...กั...ษ...ร..ต...า่....ค...่า..ต...า..ย....ป...ร...ะ..ส...ม...ด...ว้ ..ย...ส...ร..ะ..เ..ส...ยี ..ง...ย..า...ว.........
๖. งก
๗. เช็ด มเี สียงวรรณยกุ ต์ ......โ..ท.............เพราะ...ช.....อ...กั ..ษ....ร..ต...่า....ค..่า...ต...า..ย....ป...ร...ะ..ส...ม...ด...ว้ ..ย...ส...ร..ะ..เ..ส..ีย...ง..ย...า..ว.........
๘. นับ มเี สยี งวรรณยกุ ต์ ......ต..ร...ี ..........เพราะ...ง...อ...กั...ษ...ร..ต...่า....ค...า่..ต...า...ย....ป...ร..ะ...ส...ม..ด...้ว...ย...ส..ร...ะ..เ..ส..ยี...ง..ส...้นั............
๙. เพศ
๑๐.น็อค มเี สยี งวรรณยุกต์ ......ต...ร...ี .........เพราะ....ช....อ...ัก...ษ...ร..ต...่า....ค...า่ ..ต...า..ย.....ป...ร..ะ..ส...ม...ด...้ว..ย...ส...ร..ะ..เ..ส..ยี...ง..ส...้นั...........
มเี สยี งวรรณยุกต์ ......ต...ร..ี..........เพราะ...น.....อ..กั...ษ...ร...ต..่า....ค...่า...ต..า...ย....ป...ร..ะ...ส...ม...ด..้ว...ย...ส...ร..ะ..เ.ส...ีย...ง..ส...น้ั ...........

มีเสียงวรรณยุกต์ ......โ..ท.............เพราะ...พ.....อ...ัก...ษ...ร..ต...า่ ....ค..่า...ต...า..ย....ป...ร...ะ..ส...ม...ด...ว้ ..ย...ส...ร..ะ...เ.ส...ยี ..ง...ย..า...ว........
มเี สียงวรรณยุกต์ ......ต...ร..ี..........เพราะ...น.....อ...กั ...ษ...ร..ต...า่....ค...่า..ต...า..ย....ป....ร..ะ..ส...ม...ด...้ว..ย...ส...ร..ะ...เ.ส..ีย...ง..ย...า..ว.........


Click to View FlipBook Version