ระบบรักษาความปลอดภยั คอมพิวเตอร์เบอื ้ งต้น
ประวตั ิ WIFI
ไวไฟ หรือ เทคโนโลยเี ครือข่ายแบบไร้สาย มาตรฐาน IEEE 802.11 ถือกาเนิดข้ึนในปี ค.ศ. 1997
จดั ต้งั โดยองคก์ ารไอทริปเปิ้ ลอี (สถาบนั วศิ วกรรมทางดา้ นไฟฟ้าและอิเลก็ โทรนิคส์) มีความเร็ว 1 Mbps ใน
ยคุ เร่ิมแรกน้นั ใหป้ ระสิทธิภาพการทางานท่ีคอ่ นขา้ งต่า ท้งั ไมม่ ีการรับรองคุณภาพของการใหบ้ ริการที่
เรียกวา่ QoS (Quality of Service) และมาตรฐานความปลอดภยั ต่า จากน้นั ทาง IEEE จึงจดั ต้งั คณะทางาน
ข้ึนมาปรับปรุงหลายกลุ่มดว้ ยกนั โดยที่กลุ่มท่ีมีผลงานเป็ นท่ีน่าพอใจและไดร้ ับการยอมรับอยา่ งเป็ นทางการ
วา่ ไดม้ าตรฐานไดแ้ ก่กลุ่ม 802.11a, 802.11b และ 802.11g
เทคโนโลยี 802.11 มีตน้ กาเนิดในปี ค.ศ. 1985 กาหนดข้ึนโดยคณะกรรมการการสื่อสารแห่งชาติ
สหรัฐอเมริกา (U.S. Federal Communications Commission) หรือ FCC ที่ประกาศช่วงความถี่สาหรับกิจการ
ดา้ นอุตสาหกรรม วทิ ยาศาสตร์และการแพทย์ (ISM) สาหรับการใชง้ านท่ีไม่ตอ้ งมีใบอนุญาต
ในปี ค.ศ. 1991 บริษทั เอน็ ซีอาร์/เอทีแอนดท์ ี (ตอนน้ีเป็ น Alcatel-Lucent และ LSI คอร์ปอเรชน่ั ) ได้
สร้างชุดต้งั ตน้ ของ 802.11 ในเมือง Nieuwegein, เนเธอร์แลนด์ ตอนแรกนกั ประดิษฐต์ ้งั ใจจะใชเ้ ทคโนโลยี
น้ีสาหรับระบบเกบ็ เงิน ผลิตภณั ฑไ์ ร้สายตวั แรกที่นาออกสู่ตลาดอยภู่ ายใตช้ ื่อ WaveLAN ท่ีมีอตั ราขอ้ มูลดิบ
ของ 1 Mbit/s และ 2 Mbit/s
วกิ เฮส์ผเู้ ป็นประธานของ IEEE 802.11 เป็นเวลา 10 ปี และเรียกวา่ "บิดาแห่ง Wi-Fi" ไดม้ ีส่วนร่วม
ในการออกแบบ 802.11b และ 802.11a มาตรฐานเริ่มตน้ ภายใน IEEE.
นกั วทิ ย-ุ ดาราศาสตร์ชาวออสเตรเลียชื่อ จอห์น โอ ซลั ลิแวนไดพ้ ฒั นาสิทธิบตั รที่สาคญั ท่ีใชใ้ น Wi-Fi
ที่เป็นผลพลอยไดใ้ นโครงการวจิ ยั CSIRO "การทดลองที่ลม้ เหลวในการตรวจสอบหาการระเบิดหลุมดา
ขนาดเล็กที่มีขนาดเทา่ หน่ึงอนุภาคอะตอม"[11] ในปี ค.ศ. 1992 และ ปี ค.ศ. 1996 องคก์ รของออสเตรเลียช่ือ
CSIRO (the Australian Commonwealth Scientific and Industrial Research Organisation) ไดร้ ับสิทธิบตั ร
[12]สาหรับวธิ ีการท่ีในภายหลงั ใชใ้ น Wi-Fi ในการ "กาจดั รอยเป้ื อน"ของสญั ญาณ.[13]
นางสาว จฑุ ามาศ ชานาญพงศ์ 2ชทส3 เลขที่ 8
ระบบรักษาความปลอดภยั คอมพวิ เตอร์เบอื ้ งต้น
ในปี ค.ศ. 1999 Wi-Fi Alliance จดั ต้งั ข้ึนเป็นสมาคมการคา้ เจา้ ของเครื่องหมายการคา้ Wi-Fi ซ่ึง
ผลิตภณั ฑส์ ่วนใหญ่ท่ีใช้ Wi-Fi จะมีเครื่องหมายน้ี
ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2009 14 บริษัทเทคโนโลยตี กลงทจ่ี ะจ่าย 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กบั CSIRO
สาหรับการละเมดิ สิทธิบัตรของ CSIRO[14] สิ่งนีท้ าให้ Wi-Fi กลายเป็ นสิ่งประดษิ ฐ์ ของออสเตรเลยี
[15] แม้ว่าจะเป็ นเร่ืองของการโต้เถียงกนั อยู่[16][17] ในปี ค.ศ. 2012 CSIRO ยงั ชนะคดีและจะได้รับเงินชดเชย
เพม่ิ เติม 220 ล้าน$ สาหรับการละเมดิ สิทธิบัตร Wi-Fi กบั บริษทั ระดบั โลกในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่ง
จะต้องจ่ายค่าลขิ สิทธ์ิแก่ CSIRO ทคี่ าดว่าจะมีมูลค่าเพม่ิ อกี $ 1 พนั ล้านดอลลาร์[18][19][20]ลกั ษณะการ
เช่ือมต่อของอุปกรณ์[แก]้
ภาพของอุปกรณ์ส่งขอ้ มูลแบบไร้สายไปยงั อุปกรณ์อ่ืนท้งั ที่เช่ือมต่อกบั แลนไร้สายและเครือข่ายทอ้ งถิ่นใช้
สายในการพิมพเ์ อกสาร
ไวไฟ ไดก้ าหนดลกั ษณะการเช่ือมต่อของอุปกรณ์ภายในเครือข่ายแลน ไว้ 2 ลกั ษณะคือ
โหมด Infrastructure และโหมด Ad-Hoc หรือ Peer-to-Peer[21]
โหมด Infrastructure[แก]้
โดยทวั่ ไปแลว้ อุปกรณ์ในเครือขา่ ยไวไฟ จะเช่ือมตอ่ กนั ในลกั ษณะของโหมด Infrastructure ซ่ึงเป็น
โหมดท่ีอนุญาตให้อุปกรณ์ภายใน LAN สามารถเชื่อมต่อกบั เครือขา่ ยอื่นได้ ในโหมด Infrastructure น้ีจะ
ประกอบไปดว้ ยอุปกรณ์ 2 ประเภทไดแ้ ก่ สถานีผใู้ ช้ (Client Station) ซ่ึงก็คืออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ (Desktop,
แลป็ ทอ็ ป, หรือ PDA ต่าง ๆ ) ที่มีอุปกรณ์ Client Adapter เพอื่ ใชร้ ับส่งขอ้ มูลผา่ นไวไฟใหบ้ ริการ แก่สถานี
ผใู้ ชน้ ้นั อยเู่ ทา่ น้นั ส่วนสถานีแมข่ า่ ยจะทาหนา้ ท่ีส่งตอ่ (forward) ขอ้ มูลท่ีไดร้ ับจากสถานีผใู้ ชไ้ ปยงั จุดหมาย
ปลายทางหรือส่งตอ่ ขอ้ มูลท่ีได้ รับจากเครือขา่ ยอ่ืนมายงั สถานีผใู้ ช้
โหมด Ad-Hoc หรือ Peer-to-Peer[แก]้
เครือขา่ ยไวไฟ.ในโหมด Ad-Hoc หรือ Peer-to-Peer เป็ นเครือข่ายที่ปิ ดคือไมม่ ีสถานีแมข่ ่ายและไมม่ ี
การเชื่อมตอ่ กบั เครือข่ายอ่ืน บริเวณของเครือขา่ ยไวไฟในโหมด Ad-Hoc จะเรียกวา่ Independent Basic
นางสาว จฑุ ามาศ ชานาญพงศ์ 2ชทส3 เลขท่ี 8
ระบบรักษาความปลอดภยั คอมพิวเตอร์เบอื ้ งต้น
Service Set (IBSS) ซ่ึงสถานีผใู้ ชห้ น่ึงสามารถติดต่อส่ือสารขอ้ มูลกบั สถานีผใู้ ชอ้ ื่น ๆ ในเขต IBSS เดียวกนั
ไดโ้ ดยตรงโดยไมต่ อ้ งผา่ นสถานีแม่ขา่ ย แตส่ ถานีผใู้ ชจ้ ะไม่สามารถรับส่งขอ้ มูลกบั เครือขา่ ยอ่ืน ๆ ได้
กลไกรักษาความปลอดภยั [แก]้
ไวไฟไดก้ าหนดใหม้ ีทางเลือกสาหรับสร้างความปลอดภยั ใหก้ บั เครือขา่ ยแลนแบบไร้สาย ดว้ ยกลไก
ซ่ึงมีช่ือเรียกวา่ WEP (Wired Equivalent Privacy) ซ่ึงออกแบบมาเพอ่ื เพิม่ ความปลอดภยั กบั เครือขา่ ย LAN
แบบไร้สายใหใ้ กลเ้ คียงกบั ความปลอดภยั ของเครือข่ายแบบที่ใชส้ ายนาสญั ญาณ (IEEE 802.3 Ethernet)
บทบาทของ WEP แบง่ เป็น 2 ส่วนหลกั ๆ คือ การเขา้ รหสั ขอ้ มูล (Encryption) และ การตรวจสอบผใู้ ช้
(Authentication)
การเข้าและถอดรหัสข้อมูล[แก]้
การเขา้ และถอดรหสั ขอ้ มูล (WEP Encryption/Decryption) ใชห้ ลกั การในการเขา้ และถอดรหสั ขอ้ มูล
ที่เป็นแบบ symmetrical (นนั่ คือรหสั ท่ีใชใ้ นการเขา้ รหสั ขอ้ มูลจะเป็นตวั เดียวกนั กบั รหสั ท่ีใช้ สาหรับการ
ถอดรหสั ขอ้ มูล)
การทางานของการเข้ารหัสข้อมูลในกลไก WEP Encryption
o 1. Key ขนาด 64 หรือ 128 บิต สร้างข้ึนโดยการนาเอารหสั ลบั ซ่ึงมีความยาว 40 หรือ 104 บิต
มาตอ่ รวมกบั ขอ้ ความเร่ิมตน้ IV (Initialization Vector) ขนาด 24 บิตที่กาหนดแบบสุ่มข้ึนมา
o 2. Integrity Check Value (ICV) ขนาด 32 บิต สร้างข้ึนโดยการคานวณค่า 32-bit Cyclic
Redundant Check จากขอ้ มูลดิบท่ีจะส่งออกไป (ICV) ซ่ึงจะนาไปตอ่ รวมกบั ขอ้ มูลดิบ มีไว้
สาหรับตรวจสอบความถูกตอ้ งของขอ้ มูลหลงั จากการถอดรหสั แลว้ )
o 3. ขอ้ ความที่มีความสุ่ม (Key Stream) ขนาดเท่ากบั ความยาวของขอ้ มูลดิบท่ีจะส่งกบั อีก 32
บิต (ซ่ึงเป็นความยาวของ ICV) สร้างข้ึนโดยหน่วยสร้างขอ้ ความที่มีความสุ่มหรือ PRNG
(Pseudo-Random Number Generator) ท่ีมีชื่อเรียกวา่ RC4 ซ่ึงจะใช้ Key ที่กล่าวมาขา้ งตน้ เป็น
Input (หรือ Seed) หมายเหตุ PRNG จะสร้างขอ้ ความสุ่มท่ีแตกต่างกนั สาหรับ Seed แต่ละค่าท่ี
ใช้
o 4. ขอ้ ความท่ีไดร้ ับการเขา้ รหสั (Ciphertext) สร้างข้ึนโดยการนาเอา ICV ต่อกบั ขอ้ มูลดิบแลว้
ทาการ XOR แบบบิตต่อบิตกบั ขอ้ ความสุ่ม (Key Stream) ซ่ึง PRNG ไดส้ ร้างข้ึน
o 5. สญั ญาณท่ีจะส่งออกไปคือ ICV และขอ้ ความท่ีไดร้ ับการเขา้ รหสั (Ciphertext)
การทางานของการเข้ารหัสข้อมูลในกลไก WEP Decryption
นางสาว จฑุ ามาศ ชานาญพงศ์ 2ชทส3 เลขท่ี 8
ระบบรักษาความปลอดภยั คอมพวิ เตอร์เบอื ้ งต้น
o 1. Key ขนาด 64 หรือ 128 บิต สร้างข้ึนโดยการนาเอารหสั ลบั ซ่ึงมีความยาว 40 หรือ 104 บิต
(ซ่ึงเป็นรหสั ลบั เดียวกบั ท่ีใชใ้ นการเขา้ รหสั ขอ้ มูล) มาตอ่ รวมกบั IV ที่ส่งมากบั สญั ญาณท่ี
ไดร้ ับ
o 2. PRNG สร้างขอ้ ความสุ่ม (Key Stream) ท่ีมีขนาดเทา่ กบั ความยาวของขอ้ ความท่ีไดร้ ับการ
เขา้ รหสั และส่งมา โดยใช้ Key ท่ีกล่าวมาขา้ งตน้ เป็น Input
o 3. ขอ้ มูลดิบและ ICV ไดร้ ับการถอดรหสั โดยการนาเอาขอ้ ความที่ไดร้ ับมา XOR แบบบิตตอ่
บิตกบั ขอ้ ความสุ่ม (Key Stream) ซ่ึง PRNG ไดส้ ร้างข้ึน
o 4. สร้าง ICV' โดยการคานวณค่า CRC-32 จากขอ้ มูลดิบที่ถอดรหสั แลว้ เพือ่ นามาเปรียบเทียบ
กบั คา่ ICV ท่ีส่งมา หากค่าท้งั สองตรงกนั (ICV' = ICV) แสดงวา่ การถอดรหสั ถูกตอ้ งและผทู้ ่ี
ส่งมาไดร้ ับอนุญาต (มีรหสั ลบั ของเครือขา่ ย) แตห่ ากค่าท้งั สองไมต่ รงกนั แสดงวา่ การ
ถอดรหสั ไมถ่ ูกตอ้ งหรือผทู้ ่ีส่งมาไม่ไดร้ ับอนุญาต
การตรวจสอบผ้ใู ช้[แก]้
สาหรับเครือข่ายไวไฟ ผใู้ ช้ (เครื่องลูกข่าย) จะมีสิทธิในการรับส่งสญั ญาณขอ้ มูลในเครือข่ายไดก้ ็
ต่อเมื่อไดร้ ับการตรวจสอบ แลว้ ไดร้ ับอนุญาต ซ่ึงมาตรฐานไวไฟ
Open System Authentication
การตรวจสอบผใู้ ชใ้ นลกั ษณะ น้ีเป็นทางเลือกแบบ default ที่กาหนดไวใ้ นมาตรฐาน IEEE 802.11 ใน
การตรวจสอบแบบน้ีจะไม่ตรวจสอบรหสั ลบั จากผใู้ ช้ ซ่ึงอาจกล่าวไดว้ า่ เป็ นการอนุญาตใหผ้ ใู้ ชใ้ ด ๆ กไ็ ด้
สามารถเขา้ มารับส่งสัญญาณในเครือข่ายนนั่ เอง แต่อยา่ งไรก็ตามในการตรวจสอบแบบน้ีอุปกรณ์ที่ทาหนา้ ที่
เป็นสถานีแม่ขา่ ยไมจ่ าเป็นตอ้ งอนุญาตใหส้ ถานีผใู้ ชเ้ ขา้ มาใชเ้ ครือข่ายไดเ้ สมอไป ในกรณีน้ีบทบาทของ
WEP จึงเหลือแตเ่ พียงการเขา้ รหสั ขอ้ มูลเทา่ น้นั กลไกการตรวจสอบแบบ open system authentication มี
ข้นั ตอนการทางานดงั ต่อไปน้ี
o 1. สถานีที่ตอ้ งการจะเขา้ มาร่วมใชเ้ ครือข่ายจะส่งขอ้ ความซ่ึงไมเ่ ขา้ รหสั เพ่ือขอรับการ
ตรวจสอบ (Authentication Request Frame) ไปยงั อุปกรณ์ที่ทาหนา้ ท่ีเป็นสถานีแม่ขา่ ย โดย
ในขอ้ ความดงั กล่าวจะมีการแสดงความจานงเพ่ือรับการตรวจสอบแบบ open system
o 2. อุปกรณ์ท่ีทาหนา้ ท่ีเป็นสถานีแม่ขา่ ยโตต้ อบดว้ ยขอ้ ความท่ีแสดงถึงการตอบรับหรือปฏิเสธ
Request ดงั กล่าว
Shared Key Authentication
นางสาว จฑุ ามาศ ชานาญพงศ์ 2ชทส3 เลขที่ 8
ระบบรักษาความปลอดภยั คอมพิวเตอร์เบอื ้ งต้น
นาโนเทคโนโลยี
ริชาร์ด ไฟน์แมน (Richard Phillips Feynman) เป็ นผทู้ ี่ไดร้ ับการยอมรับวา่ เป็นคนแรกที่แสดงความเห็น
ถึงความเป็นไปได้ และแนวโนม้ ของนาโนเทคโนโลยี ในการบรรยายเร่ือง “There’s plenty of room at
the bottom” ท่ีสถาบนั เทคโนโลยแี คลิฟอร์เนีย เมื่อปี ค.ศ. 1959 (พ.ศ. 2502) โดยการแสดงความเห็นถึง
ความเป็นไปได้ และโอกาสของประโยชน์ท่ีจะไดจ้ ากการจดั การในระดบั อะตอม
ปี ค.ศ. 1974 (พ.ศ. 2517) ศาสตราจารยโ์ นริโอะ ทานิงูจิ (Norio Taniguchi) แห่งมหาวทิ ยาลยั
วทิ ยาศาสตร์โตเกียวเป็ นคนแรกที่เร่ิมใชค้ าวา่ “Nanotechnology” [1]
นาโนเทคโนโลยี (องั กฤษ: Nanotechnology) คือ เทคโนโลยที ่ีเก่ียวขอ้ งกบั กระบวนการจดั การ การสร้าง
หรือการวเิ คราะห์ วสั ดุ อุปกรณ์ เคร่ืองจกั รหรือผลิตภณั ฑ์ท่ีมีขนาดเล็กมาก ๆ ในระดบั นาโน
เมตร (ประมาณ 1-100 นาโนเมตร) รวมถึงการออกแบบหรือการประดิษฐเ์ ครื่องมือ เพ่ือใชส้ ร้างหรือ
วเิ คราะห์วสั ดุในระดบั ที่เลก็ มาก ๆ เช่น การจดั อะตอมและโมเลกุลในตาแหน่งที่ตอ้ งการไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
แม่นยา ส่งผลใหโ้ ครงสร้างของวสั ดุ หรืออุปกรณ์ มีสมบตั ิพเิ ศษข้ึนไม่วา่ ทางดา้ นกายภาพ เคมี หรือ
ชีวภาพ และสามารถนาไปใชใ้ หเ้ กิดประโยชนไ์ ด้
นาโนศาสตร์ (Nanoscience) คือ วทิ ยาศาสตร์แขนงหน่ึงท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การศึกษา วสั ดุ อินทรีย์ อนินทรีย์
และรวมไปถึงสารชีวโมเลกุล ที่มีโครงสร้างในสามมิติ (ดา้ นยาว ดา้ นกวา้ ง ดา้ นสูง) ดา้ นใดดา้ นหน่ึง
หรือท้งั 3 ดา้ น มีขนาดอยรู่ ะหวา่ ง 1-100 นาโนเมตร โดยวสั ดุท่ีมีมิติท้งั สามเลก็ กวา่ 100 นาโนเมตร
วสั ดุชนิดน้นั เรียกวา่ วสั ดุนาโนสามมิติ (3-D nanomaterial) ถา้ มี สองมิติ หรือ หน่ึงมิติ ท่ีเลก็ กวา่ 100
นาโนเมตร เรียกวา่ วสั ดุนาโนสองมิติ (2-D) และวสั ดุนาโนหน่ึงมิติ (1-D) ตามลาดบั สมบตั ิของวสั ดุนา
โนจะแตกตา่ งจากวสั ดุท่ีมีขนาดใหญ่ (bulk material) ไม่วา่ จะเป็นสมบตั ิทางกายภาพ เคมี และชีวภาพ
ลว้ นแลว้ แตม่ ีสมบตั ิเฉพาะตวั ดงั น้นั ถา้ กล่าวถึง นาโนศาสตร์ กจ็ ะเป็นการสร้างหรือศึกษาวสั ดุที่มี
โครงสร้างในระดบั นาโนเมตร โดยผลลพั ธ์ท่ีไดก้ ค็ ือ วสั ดุชนิดใหม่ หรือทราบสมบตั ิที่แตกต่างและ
น่าสนใจ โดยสมบตั ิเหล่าน้นั สามารถอธิบายไดด้ ว้ ยทฤษีทางควอนตมั (quantum theory)
นางสาว จฑุ ามาศ ชานาญพงศ์ 2ชทส3 เลขที่ 8
ระบบรักษาความปลอดภยั คอมพิวเตอร์เบอื ้ งต้น
ประโยชนข์ องนาโนเทคโนโลยี[แก]้
ประโยชนข์ องนาโนเทคโนโลยเี ป็นความหวงั ที่จะฝ่ าวกิ ฤติปัจจุบนั ของมนุษยชาติไดห้ ลากหลาย
อยา่ งดงั น้ี
1. พบทางออกที่จะไดใ้ ชพ้ ลงั งานราคาถูกและสะอาดเป็นมิตรกบั ส่ิงแวดลอ้ ม
2. มีน้าที่สะอาดเพยี งพอสาหรับทุกคนในโลก
3. ทาใหม้ นุษยส์ ุขภาพแขง็ แรงและอายยุ นื กวา่ เดิม (มนุษยอ์ าจมีอายเุ ฉลี่ยถึง 200 ปี )
4. สามารถเพ่ิมผลผลิตทางการเกษตรไดอ้ ยา่ งพอเพียงกบั ประชากรโลก
5. เพ่ิมศกั ยภาพในการติดต่อสื่อสารของผคู้ นท้งั โลกอยา่ งทวั่ ถึง ทดั เทียม
6. สร้างหุ่นยนตน์ าโนที่สามารถซ่อมแซมความบกพร่องของเซลลเ์ มด็ เลือดแดง คอยทาลายเซลล์
แปลกปลอมต่าง ๆ
7. มีความสามารถในการประกอบตวั เอง และทาสาเนาตวั เอง
8. การใชเ้ ทคโนโลยใี นเทคโนโลยเี พอื่ สุขภาพ
9. การใชน้ าโนเทคโนโลยใี นการผลิตภณั ฑอ์ าหารเสริมเพ่อื สุขภาพและทางการแพทย์
10. ในอนาคตเราอาจใชน้ าโนเทคโนโลยสี ร้างอวยั วะเทียม
นางสาว จฑุ ามาศ ชานาญพงศ์ 2ชทส3 เลขท่ี 8
ระบบรักษาความปลอดภยั คอมพวิ เตอร์เบอื ้ งต้น
สาขายอ่ ยของนาโนเทคโนโลยี
1. นาโนอิเลก็ ทรอนิกส์ (Nanoelectronics)
2. นาโนเทคโนโลยชี ีวภาพ (Bionanotechnology)
3. นาโนเซนเซอร์ (Nanosensor)
4. การแพทยน์ าโน (Nanomedicine)
5. ท่อนาโน (Nanotube)
6. นาโนมอเตอร์ (Nanomotor)
7. โรงงานนาโน (Nanofactory)
แม่แบบ:งานดา้ นนาโนเทคโนโลยี
งานดา้ นวสั ดุนาโนเฉพาะทางและนาโนเทคโนโลยขี ้นั สูง
การพฒั นาวสั ดุนาโนเฉพาะทางเพอ่ื ใหม้ ีคุณสมบตั ิพิเศษเฉพาะดา้ น ที่มุ่งเนน้ การประยกุ ตใ์ ชง้ านดา้ น
ผลิตภณั ฑส์ ิ่งทอ ผลิตภณั ฑใ์ นครัวเรือน รวมถึงการใชป้ ระโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อเพ่มิ คุณภาพ
ชีวติ ท่ีดี
งานดา้ นการเกษตรนาโนและสิ่งแวดลอ้ ม
การวจิ ยั และพฒั นานาโนเทคโนโลยดี า้ นนวตั กรรมอาหาร เกษตรและสิ่งแวดลอ้ ม โดยการ
ประยกุ ตใ์ ชน้ าโนเทคโนโลยกี ารดดั แปลงโครงสร้างและพ้นื ผวิ รวมท้งั การเตรียมนาโนคอมพอสิตี เพื่อ
เสริมสร้างความเขม้ แขง็ ดา้ นเศรษฐกิจและสงั คมของประเทศไทย ร่วมกบั การจดั การสิ่งแวดลอ้ มอยา่ งยง่ั ยนื
งานดา้ นนาโนเพ่อื ชีวติ และสุขภาพ
การวจิ ยั และพฒั นานาโนเทคโนโลยดี า้ นการตรวจวนิ ิจฉยั โดยการใชโ้ มเลกุลเป้าหมาย การพฒั นา
เทคโนโลยรี ะบบนาส่งยาชนิดใหม่และเวชสาอางจากการใชป้ ระโยชน์ ดว้ ยสารจากธรรมชาติและสมุนไพร
ไทย เพ่อื การประยกุ ตท์ างดา้ นการแพทย์ สาธารณสุขและเวชสาอาง
งานดา้ นมาตรวทิ ยานาโนวเิ คราะห์และวศิ วกรรม
การวจิ ยั และพฒั นาทางดา้ นมาตรวทิ ยาและความปลอดภยั ทางดา้ นนาโนเทคโนโลยี การใหบ้ ริการ
วเิ คราะห์ทดสอบระดบั นาโน การพฒั นาตน้ แบบงานวจิ ยั เชิงวศิ วกรรม เพื่อเป็นรากฐานในการสร้างความ
เชื่อมน่ั ใหก้ บั ภาคการผลิตสินคา้ และบริการในดา้ น คุณภาพและมาตรฐานต่างๆในระดบั สากล
นางสาว จฑุ ามาศ ชานาญพงศ์ 2ชทส3 เลขที่ 8
ระบบรักษาความปลอดภยั คอมพวิ เตอร์เบอื ้ งต้น
งานดา้ นการพฒั นาวสั ดุนาโนและวศิ วกรรมระบบนาโน
การพฒั นาและออกแบบ วสั ดุ โครงสร้าง และระบบในระดบั นาโนดว้ ยวธิ ีการคานวณทางเคมี
คอมพวิ เตอร์ผา่ นการสร้างแบบจาลองและการประเมินเชิงวศิ วกรรมผา่ นการ สร้างตน้ แบบและระบบนาร่อง
สาหรับการประยกุ ตใ์ ชง้ านในดา้ นพลงั งาน ตวั เร่งปฏิกิริยา ประสิทธิภาพสูงและระบบตรวจวดั แบบจาเพาะ
เพ่อื ความยงั่ ยนื และเป็นมิตรตอ่ ส่ิงแวดลอ้ ม
ตวั อยา่ งผลงานจากนาโนเทคโนโลย[ี แก]้
คอนกรีตชนิดหน่ึงใชเ้ ทคโนโลยนี าโน ใช้ Biochemical ทาปฏิกิริยายอ่ ยสลายกบั มลภาวะที่เกิดจาก
รถยนต์ เช่น ไนโตรเจนไดออกไซด์ ในประเทศองั กฤษไดเ้ ริ่มมีการใชเ้ ทคโนโลยนี ้ีในการสร้างถนน
และอุโมงคต์ ่างๆ เพื่อลดมลภาวะบนทอ้ งถนน และขณะเดียวกนั เทคโนโลยนี าโน ทาใหอ้ นุภาค
คอนกรีตมีขนาดเล็กมาก ฝ่ นุ และแบคทีเรีย ไมส่ ามารถฝังตวั ในเน้ือคอนกรีตได้ ทาให้อาคารท่ีใช้
คอนกรีตชนิดน้ี ดูใหม่เสมอ และยงั คงไมส่ ะสมเช้ือโรค
เส้ือนาโน ดว้ ยการฝังอนุภาคนาโนเงิน (silver nanoparticle) ทาใหเ้ กิดปฏิกิริยากบั การเจริญเติบโต
ของแบคทีเรีย หรือการใชอ้ นุภาคสงั กะสีออกไซดร์ ะดบั นาโนเมตรท่ีสามารถทางานไดเ้ ม่ือถูกกระตุน้
ดว้ ยแสงท่ีตามองเห็น หรือแสงขาวมากเคลือบเส้นใยหรือสิ่งทอ ทาใหเ้ กิดอนุมูลอิสระที่สามารถ
กาจดั สารอินทรียต์ ่างๆ โดยการแตกสลายตวั ทาใหย้ บั ย้งั การเจริญเติบโตของเช้ือจุลินทรียแ์ ละลด
กลิ่นอบั ที่เกิดข้ึนได้ โดยมีการนามาพฒั นาผลิตภณั ฑเ์ ส้ือนาโนหลายรูปแบบ เช่น เส้ือกีฬานาโนยบั ย้งั
เชิ้อจุลินทรียแ์ ละกล่ิน
ไมเ้ ทนนิสนาโนผสมทอ่ คาร์บอนนาโน เป็นตวั เสริมแรง (reinforced) ทาใหแ้ ขง็ แรงข้ึน (อ่าน วสั ดุ
ผสม)
ชุดนกั เรียนปลอดเช้ือและกลิ่น อนั เป็นความร่วมมือระหวา่ งนกั วจิ ยั สวทช. กบั บริษทั สยามชุด
นกั เรียน จากดั ในการพฒั นาเทคโนโลยกี ารเคลือบผา้ ดว้ ยอนุภาคไทเทเนียมไดออกไซด์ ซ่ึงใชแ้ สง
เป็นตวั กระตุน้ ใหเ้ กิดปฏิกิริยายอ่ ยสลาย หรือที่เรียกวา่ โฟโตแคตลิสต์ (photocatalyst) โดยไทเทเนียม
ไดออกไซดท์ ่ีโดนกระตุน้ ดว้ ยแสงยวู ี จะเกิดการแตกตวั และทาปฏิกิริยากบั น้า จนไดเ้ ป็ นอนุมูลอิสระ
ซ่ึงจะสามารถไปยอ่ ยสลายโปรตีนหรือสารเคมีตา่ งๆ จนทาใหเ้ ช้ือแบคทีเรียและกล่ินอบั หมดไป จึงมี
การนาเทคโนโลยกี ารเคลือบผา้ ดว้ ยอนุภาคไทเทเนียมไดออกไซดน์ ้ีไปใชก้ บั กระบวนการผลิตชุด
นกั เรียนต่อไป
นางสาว จฑุ ามาศ ชานาญพงศ์ 2ชทส3 เลขที่ 8
ระบบรักษาความปลอดภยั คอมพวิ เตอร์เบอื ้ งต้น
Bluetooth
ประวตั ิความเป็นมาของ Bluetooth น้นั ตวั ช่ือ Bluetooth ถูกต้งั ข้ึนในปี ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540) โดย Jim
Kardach จาก Intel ท่ีเป็นผพู้ ฒั นาระบบท่ีทาใหโ้ ทรศพั ทม์ ือถือสามารถติดต่อส่ือสารกบั คอมพวิ เตอร์ได้ ซ่ึง
ในขณะท่ีเขาคิดคน้ เทคโนโลยดี งั กล่าวข้ึน เจา้ ตวั กก็ าลงั อยใู่ นระหวา่ งการอา่ นนิยายประวตั ิศาสตร์เรื่อง The
Long Ships ของผูแ้ ตง่ Frans G. Bengtsson ที่มีเน้ือหาเก่ียวกบั ชนเผา่ ไวกิ้ง และกษตั ริยเ์ ดนิชในศตวรรษที่ 10
ที่มีนามวา่ Harald Bluetooth
Bluetooth คือ ระดบั ความแรงท่ีสามารถส่งขอ้ มูลไปหาอุปกรณ์บลูทูธอีกชิ้นหน่ึงได้ ซ่ึง ณ ปัจจุบนั มีท้งั หมด
4 Class ดว้ ยกนั ไดแ้ ก่
1. Class 1 : มีกาลงั ส่งอยทู่ ี่ 100 มิลลิวตั ต์ และมีระยะทาการประมาณ 100 เมตร
2. Class 2 : มีกาลงั ส่งอยทู่ ี่ 2.5 มิลลิวตั ต์ และมีระยะทาการประมาณ 10 เมตร
3. Class 3 : มีกาลงั ส่งอยทู่ ่ี 1 มิลลิวตั ต์ และมีระยะทาการประมาณ 1 เมตร
4. Class 4 : มีกาลงั ส่งอยทู่ ่ี 0.5 มิลลิวตั ต์ และมีระยะทาการประมาณ 0.5 เมตร
จากตวั เลขคลาสและประสิทธิภาพดา้ นบน จะเห็นไดว้ า่ กาลงั ส่งและระยะทาการถูกลดหลน่ั ลงมาเร่ือย ๆ
ตามระดบั คลาส ทาใหก้ ารมีเลขคลาสสูง ไม่ไดห้ มายความวา่ จะส่งสัญญาณไดไ้ กลข้ึน ดงั น้นั การเลือกซ้ือ
นางสาว จฑุ ามาศ ชานาญพงศ์ 2ชทส3 เลขท่ี 8
ระบบรักษาความปลอดภยั คอมพิวเตอร์เบอื ้ งต้น
อุปกรณ์บลูทูธทุกคร้ัง อยา่ ลืมเช็คคลาสของบลูทูธดว้ ยทุกคร้ัง แตถ่ า้ ผลิตภณั ฑน์ ้นั ๆ ไมไ่ ดร้ ะบุคลาสไว้ ก็
อยา่ ลืมมองหาระยะทาการของมนั ดว้ ย เพ่อื ดูวา่ เหมาะสมกบั การใชง้ านของคุณหรือไม่
เวอร์ชันของ Bluetooth ทถี่ ูกพฒั นามาจนถงึ ปัจจุบัน
Bluetooth 1.0 (เวอร์ชันแรก)
เวอร์ชนั 1.0 และ 1.0B เป็นเวอร์ชนั เริ่มแรกที่ยงั มีปัญหาอยูเ่ ป็นจานวนมาก และบรรดาผูผ้ ลิตกย็ งั ประสบ
ปัญหาที่จะทาใหผ้ ลิตภณั ฑต์ ่าง ๆ น้นั สามารถทางานร่วมกนั ได้ โดยเวอร์ชนั 1.0 และ 1.0B ยงั มีตวั ส่ง
สญั ญาณ Bluetooth Hardware Device Address (BD_ADDR) สาหรับใชใ้ นกระบวนการเชื่อมต่อ ที่ถือเป็น
ปัจจยั หลกั ของความลม้ เหลวในการใหบ้ ริการอุปกรณ์บลูทูธในขณะน้นั
Bluetooth 1.1
ไดร้ ับการจดั เรตให้อยใู่ น IEEE Standard 802.15.1-2002 ซ่ึงเป็นมาตรฐาน IEEE Standard สาหรับ
เทคโนโลยสี ารสนเทศ ในเวอร์ชนั น้ีมีการแกไ้ ขขอ้ ผดิ พลาดหลายอยา่ งที่เกิดข้ึนในเวอร์ชนั 1.0B เรียบร้อย
แลว้ และถูกเพม่ิ ความเป็นไปไดใ้ นการติดต่อผา่ นแชนแนลท่ีไมไ่ ดร้ ับการเขา้ รหสั พร้อมท้งั มีการเพมิ่ ตวั
บอกระดบั ความแรงของสญั ญาณที่ไดร้ ับ (RSSI หรือ Received Signal Strength Indicator) เขา้ มา
Bluetooth 1.2
การเปล่ียนแปลงหลกั ๆ ในเวอร์ชนั น้ีท่ีเกิดข้ึนไดแ้ ก่
การคน้ พบและเชื่อมตอ่ สามารถทาไดร้ วดเร็วข้ึน
นางสาว จฑุ ามาศ ชานาญพงศ์ 2ชทส3 เลขท่ี 8
ระบบรักษาความปลอดภยั คอมพวิ เตอร์เบอื ้ งต้น
เพิ่มความตา้ นทานการถูกคลื่นความถ่ีวทิ ยเุ ขา้ แทรก โดยหลีกเล่ียงคลื่นความถ่ีที่มีการใชง้ านพร้อม
กนั เป็นจานวนมากในลาดบั ท่ีกระโดดไปไม่เรียงต่อกนั ฟี เจอร์ดงั กล่าวถูกเรียกวา่ Adaptive
Frequency-Hopping Spread Spectrum (AFH)
มีความเร็วในการรับส่งสญั ญาณเพม่ิ ข้ึนสูงถึง 721 กิโลบิต / วนิ าที
เพม่ิ ฟี เจอร์ Extended Synchronous Connections (eSCO) ที่ทาใหค้ ุณภาพเสียงดีข้ึนโดยการอนุญาต
ใหส้ ามารถส่งสญั ญาณไปหาแพก็ เกต็ ที่เสียหายไดอ้ ีกคร้ัง
เพ่มิ ระบบปฏิบตั ิการ Host Controller Interface (HCI) แบบ 3 สาย (UART)
ไดร้ ับการจดั เรตใหอ้ ยใู่ น IEEE Standard 802.15.1-2005
เริ่มใชง้ านโหมดควบคุมการไหลของขอ้ มูลและการส่งสัญญาณซ้า (Flow Control and
Retransmission Modes) สาหรับ L2CAP
Bluetooth 2.0 + EDR
การเปล่ียนแปลงหลกั ในเวอร์ชนั น้ีคือการเปิ ดตวั ระบบ Enhanced Data Rate (EDR) เพ่ือใหส้ ามารถรับส่ง
ขอ้ มูลไดเ้ ร็วข้ึน โดยมีจานวนบิตเรตในการรับส่งอยทู่ ี่ 3 เมกะบิต / วนิ าที ซ่ึงถึงแมว้ า่ จะกลายเป็นอตั รารับส่ง
ขอ้ มูลท่ีรวดเร็วที่สุดในขณะน้นั แต่กลบั ใชพ้ ลงั งานนอ้ ยผา่ นรอบการทางานที่ถูกลดลงดว้ ยเช่นกนั
ดงั ท่ีเห็นวา่ ช่ือเวอร์ชนั ถูกเขียนเป็น Bluetooth 2.0 + EDR นนั่ หมายความวา่ EDR คือฟี เจอร์ที่ถูกเพิ่มเสริม
เขา้ มาเทา่ น้นั เพราะตวั เวอร์ชนั เองมีการเปลี่ยนแปลงเพยี งเลก็ นอ้ ย ซ่ึงถา้ หากอุปกรณ์ไหนไมม่ ีเทคโนโลยี
EDR เขา้ มาใช้ อุปกรณ์น้นั จะมีการระบุเอาไวเ้ ลยวา่ Bluetooth v2.0 without EDR
Bluetooth 2.1 + EDR
Bluetooth 2.1 + EDR คือบลูทูธท่ีไดร้ ับการดดั แปลงโดย Bluetooth SIG ในวนั ที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 2007
(พ.ศ. 2550) ฟี เจอร์หลกั ที่ถูกเสริมเขา้ มาคือ SSP ที่ยอ่ มาจาก Secure Simple Pairing (การจบั คู่แบบปลอดภยั )
ที่ช่วยเพ่ิมประสบการณ์การจบั คู่ที่ดีข้ึนระหวา่ งอุปกรณ์บลูทูธดว้ ยกนั ในขณะที่เพิ่มระดบั ความแขง็ แรงใน
การรักษาความปลอดภยั ของการเชื่อมต่อดว้ ย
ส่วนการเปลี่ยนแปลงอ่ืน ๆ ก็เช่น การเพิม่ EIR (Extended Inquiry Response) หรือการขยายการตอบสนอง
การร้องขอ ที่ทาให้อุปกรณ์ไดร้ ับขอ้ มูลตา่ ง ๆ ที่จาเป็นเพิ่มข้ึนในกระบวนการร้องขอการเช่ือมต่อ ช่วยให้
สามารถคดั กรองอุปกรณ์ก่อนการเช่ือมต่อได้ และเพมิ่ ระบบ Sniff Subrating ที่ช่วยลดการใชพ้ ลงั งาน
ระหวา่ งการเปิ ดโหมดประหยดั พลงั งานดว้ ย
นางสาว จฑุ ามาศ ชานาญพงศ์ 2ชทส3 เลขที่ 8
ระบบรักษาความปลอดภยั คอมพิวเตอร์เบอื ้ งต้น
Bluetooth 3.0 + HS
Bluetooth 4.0
Bluetooth 4.1
Bluetooth SIG ประกาศรองรับเวอร์ชนั น้ีอยา่ งเป็นทางการเม่ือวนั ที่ 4 ธนั วาคม ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556)
การอปั เดตในเวอร์ชนั น้ี เป็นการอปั เดตซอฟตแ์ วร์ใหก้ บั บลูทูธเวอร์ชนั 4.0 ท่ีเพม่ิ ฟี เจอร์เพือ่ ใหผ้ ใู้ ชส้ ามารถ
ใชง้ านไดห้ ลากหลายยงิ่ ข้ึน รวมไปถึงการเพม่ิ การสนบั สนุนการรองรับ LTE ที่มีอยเู่ ดิม, เพิ่มอตั รา
แลกเปล่ียนขอ้ มูลจานวนมาก, และช่วยในการคิดคน้ สิ่งใหม่ ๆ กบั นกั พฒั นาโดยการอนุญาตให้อุปกรณ์ตา่ ง
ๆ สามารถทางานสนบั สนุนไดพ้ ร้อม ๆ กนั
ส่วนฟี เจอร์อ่ืน ๆ ท่ีเพมิ่ ข้ึนมาในเวอร์ชนั น้ีกเ็ ช่น
ยกระดบั การใชง้ านใหล้ ื่นไหลยง่ิ ข้ึนดว้ ยเทคโนโลยมี ือถืออยา่ ง LTE
รักษาระดบั การเชื่อมตอ่ ใหม้ ีการแทรกแซงแบบแมนวลนอ้ ยลง
แลกเปล่ียนขอ้ มูลไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพยงิ่ ข้ึนดว้ ย L2CAP
จากดั เวลาในการคน้ พบอุปกรณ์ใหม่
Bluetooth 4.2
เปิ ดตวั อยา่ งเป็นทางการเมื่อวนั ท่ี 2 ธนั วาคม ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557) ถือเป็นการเพม่ิ ฟี เจอร์สาหรับ Internet
of Things (IoT) อยา่ งเป็นทางการดว้ ย โดยส่ิงที่ไดร้ ับการพฒั นาหลกั ๆ กค็ ือ
การเชื่อมตอ่ อยา่ งปลอดภยั โดยใชพ้ ลงั งานต่า ดว้ ยส่วนขยายความยาวของแพก็ เกต็ ขอ้ มูล
รักษาความเป็นส่วนตวั ของช้นั ขอ้ มูลดว้ ยขอ้ กาหนดในการคดั กรองเพม่ิ เติม
Internet Protocol Support Profile (IPSP) เวอร์ชนั 6 พร้อมใชง้ านสาหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ตา่ ง ๆ
ภายในบา้ น สาหรับการทาระบบ Smart Home
สาหรับอุปกรณ์รุ่นเก่ากวา่ อาจไดร้ ับฟี เจอร์ในเวอร์ชนั 4.2 เช่น การขยายความยาวของแพก็ เก็ตขอ้ มูล
Bluetooth 5
Bluetooth SIG ไดป้ ล่อย Bluetooth 5 ออกมาในวนั ท่ี 6 ธนั วาคม ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559) โดยฟี เจอร์ใหม่ ๆ
ของเวอร์ชนั น้ี จะโฟกสั ไปท่ีเทคโนโลยใี นหมวด IoT เป็ นหลกั
นางสาว จฑุ ามาศ ชานาญพงศ์ 2ชทส3 เลขที่ 8
ระบบรักษาความปลอดภยั คอมพวิ เตอร์เบอื ้ งต้น
เทคโนโลยี IPv6
เกือบจะทุกคนที่เคยใชง้ านอินเทอร์เน็ต น่าจะคุน้ หูกบั คาวา่ IP Address กนั มาบา้ งแลว้ แลว้ เคยทราบกนั บา้ ง
ไหม วา่ IP Address ที่พดู ถึงกนั เป็นประจาคืออะไร IP Address ยอ่ มาจาก Internet Protocol Address
เปรียบเสมือนบา้ นเลขที่ของเจา้ ตวั คอมพวิ เตอร์ที่ออนไลน์อยบู่ นเครือขา่ ย เพ่ือที่แต่ละคนท่ีใชง้ าน สามารถ
แยกแยะไดว้ า่ จะติดต่อกบั ใคร เหมือนกบั บา้ นเลขที่สาหรับใชส้ ่งจดหมายนน่ั เอง
โดยทว่ั ไป IP Address มีอยสู่ องลกั ษณะดว้ ยกนั คือ แบบท่ีเป็น Static IP คือจะเป็น IP Address ประจา
สาหรับการใชง้ านน้นั ตลอดเวลา อีกแบบคือ Dynamic IP จะเป็นเลข IP ท่ีเปล่ียนไป ทุกคร้ังท่ีคุณเชื่อมต่อ
การใชง้ านกบั อินเทอร์เน็ต (dial-in หรือ login) แต่ละคร้ัง ซ่ึงหน่วยงานที่ทาหนา้ ท่ีจดั สรร IP Address เหล่าน้ี
คือ องคก์ ารระหวา่ งประเทศที่ช่ือวา่ Network Information Center – NIC ซ่ึง ISP หรือองคก์ รต่างๆ จะตอ้ งทา
เร่ืองขอ IP Address จากหน่วยงานดงั กล่าว
นางสาว จฑุ ามาศ ชานาญพงศ์ 2ชทส3 เลขท่ี 8
ระบบรักษาความปลอดภยั คอมพวิ เตอร์เบอื ้ งต้น
เทคโนโลยี IPv6 การเกดิ ขนึ้ ของ IPv6
ปัจจุบนั IP Address Version 4 ซ่ึงเป็นมาตรฐานปัจจุบนั ท่ีเรากาลงั ใชอ้ ยนู่ ้นั เหลือจานวนนอ้ ยลงทุกที
เน่ืองจากอตั ราการเติบโตของผใู้ ชง้ านอินเทอร์เน็ตเพิ่มข้ึนอยา่ งรวดเร็วนน่ั เอง และปัจจยั สาคญั อีกประการ
คือ แนวโนม้ ของการพฒั นาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต เช่น โทรศพั ท์ มือถือ PDA เครื่องเล่นเกมส์
ตูเ้ ยน็ โทรทศั น์ ไมโครเวฟ ระบบกลอ้ งวงจรปิ ด ฯลฯ จะมีความสามารถ ในการส่ือสารและเช่ือมต่อเขา้ กบั
อินเทอร์เน็ตไดเ้ หมือนกบั คอมพวิ เตอร์ ทาใหอ้ ุปกรณ์เหล่าน้ีต่างกต็ อ้ งการมี IP Address เป็นของตนเอง ทา
ใหผ้ เู้ ช่ียวชาญตอ้ งร่วมมือกนั พฒั นา มาตรฐาน IPv6 ข้ึนมารองรับความตอ้ งการในจุดน้นั บางท่านอาจจะมี
คาถามวา่ ทาไมถึงกลายเป็น Version 6 แลว้ Version 5 หายไปไหน คาตอบก็คือ Version 5 ไดถ้ ูกใชง้ านไป
เรียบร้อยแลว้ ในขณะน้ี เนื่องจากในการทางานของ IPv4 น้นั จะมีเจา้ IPv5 เป็นตวั แบคอพั นน่ั เอง
นางสาว จฑุ ามาศ ชานาญพงศ์ 2ชทส3 เลขท่ี 8
ระบบรักษาความปลอดภยั คอมพิวเตอร์เบอื ้ งต้น
IPv6
การทางานของ IPv4 (ถูกคิดคน้ มาเกือบ 20 ปี แลว้ ) มีท่ีมาจากเลขฐานสอง คือ เลข 0 กบั 1 เท่าน้นั แตก่ าร
ส่ือสารกนั ดว้ ยเลขสองตวั น้ีอาจสร้างความสับสนใหก้ บั ผทู้ ี่ส่ือสารได้ จึงมีการแบ่งเจา้ เลขฐานสองออกเป็น
ช่วง 4 ช่วง แลว้ คนั่ ดว้ ย “.” จากน้นั กแ็ ปลงเป็นเลขฐานสิบ (เลข 0 ถึง 9) ที่เราคุน้ เคยกนั จึงมีหนา้ ตาแบบที่
เราเห็นกนั ในปัจจุบนั ตวั อยา่ งเช่น 193.10.10.154 ซ่ึงเจา้ ตวั เลข 32 บิตที่ถูกสร้างข้ึนมาน้นั สามารถสร้าง
Address ที่แตกตา่ งกนั ไดท้ ้งั หมดถึง 4.2 หมื่นลา้ น Address แต่ปัจจุบนั เราใชง้ านเจา้ เลขพวกน้ีกนั อยา่ งเตม็ ท่ี
จนไมส่ ามารถที่จะขยายออกไปไดอ้ ีกแลว้
IPv6 จึงถูกคิดคน้ ข้ึนมาเพอ่ื แกไ้ ขปัญหาจานวน IP Address ที่กาลงั จะหมดไป และเพิม่ ขีดความสามารถ
บางอยา่ งใหด้ ีข้ึนกวา่ เดิม เช่น ความสามารถในดา้ น Routing และ Network Autoconfiguration ซ่ึงการ
เปล่ียนแปลงมาเป็น IPv6 ตอ้ งเป็นการเปล่ียนแปลงอยา่ งชา้ ๆ ค่อยเป็นคอ่ ยไป ใหท้ ้งั สองเวอร์ชน่ั สามารถ
ทางานร่วมกนั ได้ เพอ่ื ที่จะไดไ้ ม่เกิดผลกระทบตอ่ ผบู้ ริโภคท่ีใชง้ าน
IPv6-IPv4 การทางานของ IPv6
IPv6 ประกอบดว้ ยเลขฐานสองจานวน 128 บิต (ซ่ึงมากกวา่ เดิมถึง 4 เท่า) ซ่ึงเพื่อใหก้ ารส่ือสารเขา้ ใจง่ายข้ึน
จึงมีการแปลงเป็นเลขฐาน 16 (คือเลข 0-9 และ a-f) ดงั น้นั เลข IP กจ็ ะเป็นเลขฐาน 16 จานวน 32 หลกั และ
ใช้ “:” คน่ั ในแต่ละ 4 หลกั ของเลขฐาน 16 เราจึงจะเห็นหนา้ ตาของเจา้ IPv6 เป็ นในลกั ษณะตวั อยา่ ง
ดงั ต่อไปน้ี 3ffe:ffff:0100:f101:0210:a4ff:fee3:9566 (น่ีเป็ นหน่ึงสาเหตุท่ีไมไ่ ดแ้ ปลงเป็ นเลขฐานสิบ
เหมือนกบั IPv4 เพราะจะมีความยาวถึง 39 หลกั )
จุดเด่นของ IPv6 ที่พฒั นาเพ่มิ ข้ึนมากจาก IPv4
ขยายขนาด Address ข้ึนเป็ น 128 บิต สามารถรองรับการใชง้ าน IP Address ที่เพ่มิ ข้ึนอยา่ งรวดเร็วได้
เพม่ิ ขีดความสามารถในการเลือกเส้นทางและสนบั สนุน Mobile Host
สนบั สนุนการทางานแบบเวลาจริง (real-time service)
มีระบบติดต้งั Address อตั โนมตั ิ (Auto configuration)
ปรับปรุง Header เพอ่ื ใหม้ ีการประมวลผลไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพมากข้ึน
เพม่ิ ระบบรักษาความปลอดภยั ใหม้ ีมากข้ึนและดีกวา่ เดิม
นางสาว จฑุ ามาศ ชานาญพงศ์ 2ชทส3 เลขที่ 8
ระบบรักษาความปลอดภยั คอมพิวเตอร์เบอื ้ งต้น
จุดเด่นของ IPv6 ท่ีพฒั นาเพิม่ ข้ึนมากจาก IPv4
การยอมรับและนามาใชข้ อง IPv6 ทวั่ โลก เน่ืองจากอุปกรณ์เทคโนโลยตี า่ งๆ ในอนาคตจะมีการพฒั นาข้ึนมา
ใหใ้ ช้ IP Address เพอื่ ติดต่อสื่อสารเขา้ กบั เครือข่ายอินเทอร์เน็ตไดแ้ ลว้ เพื่อเพม่ิ ความสะดวกสบายและ
ทนั สมยั ใหก้ บั การใชช้ ีวติ ของเราเพิ่มข้ึน เช่น การผลิตตูเ้ ยน็ ที่รองรับมาตรฐาน Ipv6 จะช่วยใหต้ ูเ้ ยน็ สามารถ
สแกนไดว้ า่ อาหารใดกาลงั จะหมดอายุ และเช่ือมตอ่ อินเทอร์เน็ตไปยงั ร้านคา้ เพ่ือสงั่ ซ้ือสินคา้ ไดโ้ ดยตรง ,
การติดต้งั ระบบกลอ้ งวงจรปิ ดตามบา้ งเรือนท่ีรองรับมาตรฐาน Ipv6 จะช่วยตรวจจบั ส่ิงไม่พงึ ประสงคแ์ ละ
เช่ือต่ออินเตอร์เน็ตเพ่ือแจง้ เหตุการณ์ในทนั ที เป็นตน้
ดงั น้นั ปัจจุบนั หลายๆ ประเทศไดแ้ สดงเจตนารมนท์ ่ีจะทาการอพั เกรดเทคโนโลยอี ินเทอร์เน็ตให้เป็น IPv6
แลว้ เช่น กระทรวงกลาโหมสหรัฐ ไดป้ ระกาศวา่ จะเลิกสง่ั ซ้ืออุปกรณ์ เครือขา่ ยที่สนบั สนุนมาตรฐาน
ปัจจุบนั และเปลี่ยนไปใชม้ าตรฐาน IPv6 ในปี 2008 ในเอเชียเอง จีน ไตห้ วนั และเกาหลีใตก้ ็ส่งสัญญาณวา่
จะอพั เกรดเทคโนโลยใี หร้ องรับ IPv6 ไดเ้ ช่นเดียวกนั แต่ญี่ป่ ุนคือผนู้ าในดา้ นน้ี รัฐบาลมีโครงการ e-Japan ที่
จะสร้างเครือข่ายใหค้ รอบคลุมทว่ั ประเทศเพ่ือใหอ้ ุปกรณ์สามารถสื่อสารกนั ได้ และยงั มีการทดสอบ
โครงการทดลองใช้
นางสาว จฑุ ามาศ ชานาญพงศ์ 2ชทส3 เลขที่ 8
ระบบรักษาความปลอดภยั คอมพิวเตอร์เบอื ้ งต้น
เทคโนโลยี 5G
เทคโนโลยสี าหรับโทรศพั ทเ์ คลื่อนที่ไดถ้ ูกพฒั นาข้ึนอยา่ งตอ่ เน่ือง ต้งั แต่โทรศพั ทเ์ คลื่อนที่ยคุ แรก ซ่ึงใช้
งาน ระบบอนาล็อก จนถึงยคุ ปัจจุบนั ที่โทรศพั ทก์ ลายเป็นส่วนหน่ึงของชีวติ ประจาวนั ของ ผคู้ นส่วนใหญ่
ในสงั คมการใชง้ านอินเตอร์เน็ตเป็ นไปดว้ ยความรวดเร็วและแพร่หลาย อยา่ งไรกต็ ามความตอ้ งการในการ
เขา้ ถึงขอ้ มูลเหล่าน้ี ยงั คงเพม่ิ ข้ึนอยา่ งต่อเนื่อง ซ่ึงเราจาเป็ นที่จะตอ้ งหาเทคโนโลยใี หมเ่ พื่อรองรับความ
ตอ้ งการที่เพิ่มสูงข้ึน รวมถึง รองรับการใชง้ านในรูปแบบใหม่ๆ เพอ่ื สนองตอ่ การพฒั นาสงั คมดิจิทลั ในยคุ
4.0 เทคโนโลยี 5G คือเทคโนโลยที ี่จะเขา้ มาตอบโจทยใ์ นเรื่องน้ี ระบบ 5G จะสามารถรองรับการใชง้ านที่
ตอ้ งการอตั ราการส่งขอ้ มูลท่ีสูงกวา่ 4G รองรับ อุปกรณ์เช่ือมต่อกบั ระบบจานวนมหาศาลรวมท้งั ยงั สามารถ
นามาใชใ้ นกิจการที่ตอ้ งการการส่งขอ้ มูลที่รวดเร็วและทนั ที โดยเฉพาะกิจการท่ีตอ้ งการความแม่นยาสูง ซ่ึง
การท่ีระบบ 5G จะสามารถการรองรับการใชง้ านเหล่าน้ีได้ จาเป็นตอ้ งใช้ เทคนิคใหม่ๆ รวมถึงจาเป็นตอ้ งใช้
คลื่นความถ่ีในปริมาณมากข้ึน โดยเฉพาะความถ่ีในยา่ นที่สูงกวา่ 1 GHz
นางสาว จฑุ ามาศ ชานาญพงศ์ 2ชทส3 เลขท่ี 8
ระบบรักษาความปลอดภยั คอมพวิ เตอร์เบอื ้ งต้น
5G เป็นเครือขา่ ยไร้สายท่ีถูกพฒั นาและเริ่มใชใ้ นปี พ.ศ. 2561 เป็นตน้ มา เทคโนโลยพี ้ืนฐานไดแ้ ก่
คลื่นความถ่ี (Millimeter wave bands 26, 28, 38, และ 60 GHz) มีประสิทธิภาพสูงสุดถึง 20 จิกะบิตต่อ
วนิ าที MIMO (Multiple Input Multiple Output - 64-256 antennas) ประสิทธิภาพสูงซ่ึงเร็วกวา่ 4G ถึง 10
เท่า 5G ยา่ นความถ่ีต่าและกลางใชค้ วามถี่ระหวา่ ง 600 MHz ถึง 6 GHz โดยเฉพาะระหวา่ ง 3.5-4.2 GHz
ในปี พ.ศ. 2560 หลายบริษทั ต่างพฒั นาเทคโนโลยี 5G
เช่น Samsung, Intel, Qualcomm, Nokia, Huawei, Ericsson, ZTE รวมถึงการมาของ Internet of Things
อยา่ งเช่น Smart Home, Smart Infrastructure, Smart City, Smart Car เป็นตน้ ตามคอนเซ็ปต์ “Anything that
can be connected, will be connected.” หรืออะไรท่ีสามารถเชื่อมต่อไดก้ จ็ ะถูกเช่ือมต่อดว้ ยระบบ
อินเทอร์เน็ต แต่เพือ่ ใหม้ ีประสิทธิภาพการทางานสูงสุด และอะไรที่ตอ้ งการแสดงผลเรียลไทมจ์ ึงจาเป็นตอ้ ง
มีความรวดเร็วในการรับส่งขอ้ มูลเช่น การศึกษา, การขนส่ง, การแพทย์ เป็นตน้
แนวคดิ ของเทคโนโลยี 5G
การพฒั นามาตรฐานสาหรับระบบ 5G หรือมาตรฐาน IMT for 2020 and beyond ของ ITU-R น้นั มี
วตั ถุประสงคห์ ลกั แตกตา่ งจากระบบโทรศพั ทเ์ คลื่อนที่ยคุ ท่ีผา่ นมาต้งั แต่ยคุ 1G ถึง 4G โดยระบบ 5G ไม่ได้
มี วตั ถุประสงคเ์ พียงเพื่อใหเ้ กิดการเช่ือมโยง การรองรับการติดตอ่ ส่ือสาร และการเขา้ ถึงขอ้ มูลของคน
(Humancentric communication) เพียงอยา่ งเดียวอีกต่อไป แต่ยงั มีวตั ถุประสงคเ์ พื่อรองรับความตอ้ งการใน
การ ติดตอ่ ส่ือสารของสรรพส่ิง (Machine-centric communication) ในภาคส่วนตา่ งๆ ของเศรษฐกิจ หรือท่ี
เรา เรียกวา่ Verticals ซ่ึงไดแ้ ก่ ภาคอุตสาหกรรม ภาคการขนส่ง ภาคการเงิน หรือ ภาคของสื่อ เป็ นตน้ อีก
ดว้ ย การที่ระบบ 5G สามารถรองรับการติดต่อส่ือสารในภาคส่วนตา่ งๆ ของเศรษฐกิจ จะส่งผลใหโ้ ลกของ
เรากา้ วสู่ ยคุ ที่ 4 ของการปฏิวตั ิอุตสาหกรรมซ่ึงเป็ นยคุ ของการเปลี่ยนผา่ นสู่สงั คมดิจิทลั อยา่ งเตม็ ตวั
แนวโนม้ อุตสาหกรรม จะมีการเชื่อมต่อระหวา่ งอุปกรณ์และเคร่ืองมือต่างๆ หรือท่ีเรียกวา่ Internet of things
(IoT) และการท างาน แบบอตั โนมตั ิจะเขา้ มามีบทบาทส าคญั โดยการท างานตา่ งๆที่เป็นกิจวตั รของมนุษย์
ในปัจจุบนั อาจถูกแทนท่ีดว้ ย เทคโนโลยี อุตสาหกรรมจะมีความแขง็ แกร่งข้ึน รวดเร็วข้ึน และฉลาดข้ึน
เทคโนโลยสี ่ือสารจะไมเ่ ป็ นเพียงแค่ ส่วนประกอบหน่ึงในวถิ ีชีวติ ของเราอีกต่อไป แต่จะเป็นส่ิงจ าเป็ นท่ีเรา
ขาดไม่ไดใ้ นชีวติ ประจ าวนั รวมท้งั จะเป็ น แรงผลกั ดนั ใหเ้ กิดการรวบรวมขอ้ มูลและองคค์ วามรู้ขนาดใหญ่
และขอ้ มูลเหล่าน้ีจะเป็นกุญแจสาคญั ในการเพิ่ม ศกั ยภาพและประสิทธิภาพในการใชช้ ีวติ ของมนุษย์ ไม่วา่
จะในดา้ นเศรษฐกิจหรือสงั คม เน่ืองจากเทคโนโลยี 5G จะท าใหอ้ ตั รา คว ามเร็ วในกา รส่งขอ้ มูลแบบไร้ส
ายน้นั เทียบเทา่ กบั การเชื่อมต่อแบบไฟเบอร์ เทคโนโลยี 5G จึงจะมีบทบาทสาคญั ในดา้ น ตา่ งๆ มากมาย ไม่
วา่ จะเป็น เกษตรกรรม ยาน ยนต์ การขนส่ง ส่ิงก่อสร้าง พลงั งาน การเงิน สุขภาพ อุตสาหกรรมการผลิต การ
บนั เทิง ความมนั่ คงปลอดภยั และพฤติกรรมผบู้ ริโภค ท้งั น้ี ITU-R ไดก้ าหนดมาตรฐาน IMT for 2020 and
นางสาว จฑุ ามาศ ชานาญพงศ์ 2ชทส3 เลขท่ี 8
ระบบรักษาความปลอดภยั คอมพวิ เตอร์เบอื ้ งต้น
beyond ซ่ึงมีขีดความสามารถในดา้ น ต่างๆเพิม่ ข้ึนจากมาตรฐาน IMT-Advanced ของระบบ 4G โดยมี
รายละเอียดท่ีสาคญั ตาม แผนภาพใยแมงมุมในรูป
จะเห็นวา่ ระบบ 5G จะมีอตั ราการส่งขอ้ มูลสูงสุด (Peak data rate) เพิ่มข้ึน 20 เท่า, อตั ราการส่งขอ้ มูล ท่ี
ผใู้ ชไ้ ดร้ ับ (User experienced data rate) เพมิ่ ข้ึน 10 เทา่ , ความหน่วงของระบบ (Latency) ลดลง 10 เท่า ,
ความสามารถในการรับขอ้ มูลในขณะเคลื่อนที่ (Mobility) โดยสามารถรองรับการเคลื่อนท่ีมีความเร็ว
เพิม่ ข้ึน 1.5 เทา่ , ความหนาแน่นในการเชื่อมตอ่ (Connection density) ซ่ึงหมายถึงจ านวนอุปกรณ์ที่ระบบ
สามารถ รองรับได้ เพ่ิมข้ึน 10 เทา่ , ประสิทธิภาพการใชพ้ ลงั งานของโครงขา่ ย (Energy efficiency) เพิม่ ข้ึน
100 เท่า, ประสิทธิภาพการใชค้ ล่ืนความถี่ (Spectrum efficiency) เพมิ่ ข้ึน 3 เท่า และอตั ราการส่งขอ้ มูลสูงสุด
ต่อพ้นื ที่ (Area traffic capacity) เพิม่ ข้ึน 100 เท่า ซ่ึงขีดความสามารถที่มากข้ึนเหล่าน้ี จะตอบสนอง
ความสามารถใน รองรับการท างานของ ระบบ 5G ใน 3 ดา้ นหลกั ดงั น้ี
นางสาว จฑุ ามาศ ชานาญพงศ์ 2ชทส3 เลขที่ 8
ระบบรักษาความปลอดภยั คอมพวิ เตอร์เบอื ้ งต้น
eMBB หรือ enhanced Mobile Broadband คือ การใชง้ านในลกั ษณะที่ตอ้ งการการส่ง ขอ้ มูลความเร็ว
สูงในระดบั กิกะบิตตอ่ วินาที (Gbps) ซ่ึงการใชง้ านลกั ษณะน้ีตอบสนองความตอ้ งการการส่ง และรับขอ้ มูลที่
มากข้ึนเรื่อย ๆ
mMTC หรือ massive Machine Type Communications คือการใชง้ านท่ีมีการเช่ือมต่อของ อุปกรณ์
จานวนมากในพ้ืนท่ีเดียวกนั โดยมีปริมาณมากถึงระดบั ลา้ นอุปกรณ์ตอ่ ตารางกิโลเมตร โดยการส่งขอ้ มูล
ของอุปกรณ์ในการใชง้ านลกั ษณะน้ี จะเป็นการส่งขอ้ มูลปริมาณนอ้ ยๆ ท่ีไมต่ อ้ งการความเร็วสูง หรือ
ความหน่วงเวลาต่า อุปกรณ์โดยทว่ั ไปมีราคาถูก และมีอายกุ ารใชง้ านของแบตเตอร่ีที่มากกวา่ อุปกรณ์ทว่ั ไป
ซ่ึง ความสามารถน้ีทาใหร้ ะบบ 5G เหมาะสมกบั การทางานของอุปกรณ์จาพวก IoT
URLLC หรือ Ultra-reliable and Low Latency Communications คือการใชง้ านที่ตอ้ งการ
ความสามารถในการส่งขอ้ มูลที่มีความเสถียรมาก รวมท้งั มีความหน่วงเวลา (latency) หรือความหน่วงใน
การส่งขอ้ มูลต่าในระดบั 1 มิลลิวนิ าที (ระบบ 4G ในปัจจุบนั รองรับความหน่วงเวลาในระดบั 10 มิลลิวนิ าที)
ซ่ึง ความสามารถน้ีทาใหร้ ะบบ 5G เหมาะกบั การใชง้ านระบบท่ีตอ้ งการความแมน่ ยาสูง (critical
application) เช่น การผา่ ตดั ทางไกล การควบคุมเคร่ืองจกั รในโรงงาน หรือการควบคุมรถยนตไ์ ร้คนขบั เป็น
ตน้
5G เหนือกว่า 4G อย่างไร?
ตอบสนองไวข้ึน สามารถส่งั งาน และควบคุมสิ่งตา่ งๆ ไดเ้ ร็วข้ึน ตอบสนองไดไ้ ว 1 ส่วนพนั วนิ าที
รับ-ส่งขอ้ มูลไดม้ ากกวา่ ถา้ เป็น 4G จะสามารถ รับ-ส่ง ขอ้ มูลไดร้ าว 7.2 Exabytes ต่อเดือน แต่
สาหรับ 5G จะเพิ่มข้ึนราว 7 เท่า หรือ 50 Exabytes ตอ่ เดือน
เร็วข้ึนกวา่ เดิม 5G มีความเร็วมากกวา่ 20 เท่า สามารถดาวน์โหลดดูวดิ ีโอ 8K หรือ ดาวนโ์ หลด
ภาพยนตร์ 3 มิติ ไดใ้ นภาย 6 วนิ าที
ความถี่มากกวา่ 5G สามารถใชง้ านคลื่นความถ่ีไดจ้ นถึง 30GHz ซ่ึงเป็ นความถ่ียา่ นใหม่ที่ไมเ่ คยมี
การใชง้ านมาก่อน
รองรับการใชง้ านมากกวา่ รองรับจานวนผใู้ ชง้ านเพ่มิ ข้ึน 10 เทา่ จากที่สามารถรับคนไดร้ าว 1 แสน
คนต่อพ้ืนท่ี 1 ตร.กม. กลายเป็น 1 ลา้ นคนต่อพ้นื ที่ 1 ตร.ก
นางสาว จฑุ ามาศ ชานาญพงศ์ 2ชทส3 เลขที่ 8
ระบบรักษาความปลอดภยั คอมพวิ เตอร์เบอื ้ งต้น
เทคโนโลยี WIFI
Wi-Fi ยอ่ มาจาก wireless fidelity) หมายถึงชุดผลิตภณั ฑต์ ่างๆ ท่ีสามารถใชไ้ ดก้ บั มาตรฐานเครือขา่ ย
คอมพวิ เตอร์แบบไร้สาย (WLAN) ซ่ึงอยบู่ นมาตรฐาน IEEE 802.11 เดิมทีวายฟายออกแบบมาใชส้ าหรับ
อุปกรณ์พกพาต่างๆ และใชเ้ ครือขา่ ย LANเท่าน้นั แต่ปัจจุบนั นิยมใชว้ ายฟายเพื่อต่อกบั อินเทอร์เน็ต โดย
อุปกรณ์พกพาตา่ งๆ สามารถเชื่อมต่อกบั อินเทอร์เน็ตไดผ้ า่ นอุปกรณ์ที่เรียกวา่ แอคเซสพอยต์ และบริเวณที่
ระยะทาการของแอค เซสพอยตค์ รอบคลุมเรียกวา่ ฮอตสปอตแต่เดิมคาวา่ Wi-Fi เป็ นช่ือที่ต้งั แทนตวั เลข
IEEE 802.11 ซ่ึงง่ายกวา่ ในการจดจา โดยนามาจาก เครื่องขยายเสียงHi-Fi อยา่ งไรกต็ ามในปัจจุบนั ใชเ้ ป็ นคา
ยอ่ ของ Wireless-Fidelity โดยมีแสดงในเวบ็ ไซตข์ อง Wi-Fi Alliance โดยใชช้ ื่อวาย ฟายเป็นเครื่องหมาย
การคา้ เทคโนโลยี Wi-Fi ใชค้ ล่ืนวทิ ยคุ วามถี่สูงสาหรับรับส่งขอ้ มูลภายในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เคร่ือง
คอมพิวเตอร์ที่ สามารถใชง้ าน Wi-Fi ไดต้ อ้ งมีการติดต้งั แผงวงจรหรืออุปกรณ์รับส่ง Wi-Fi ซ่ึงมีช่ือเรียกวา่
Network Interface Card (NIC) แตป่ ัจจุบนั เคร่ือง คอมพิวเตอร์โน๊ตบุค๊ ท่ีมีจาหน่ายในทอ้ งตลาดมกั ไดร้ ับการ
ติดต้งั ชิปเซ็ต (Chipset) ที่ทาหนา้ ท่ีเป็นตวั รับส่งสัญญาณ Wi-Fi ไปในตวั ทาใหส้ ะดวก ต่อการนาไปใชง้ าน
มากข้ึน การติดตอ่ สื่อสารดว้ ยเทคโนโลยี Wi-Fi ทาไดท้ ้งั แบบเช่ือมตอ่ โดยตรงระหวา่ งเคร่ืองคอมพิวเตอร์
โดยไม่ตอ้ งผา่ น อุปกรณ์ตวั กลาง (Ad-hoc) และแบบที่ผา่ นอุปกรณ์จุดเช่ือมตอ่ (Access Point) ดงั แสดงใน
รูปท่ี 1 เน่ืองจากการติดต้งั เครือขา่ ย Wi-Fi ทาไดง้ ่าย และไม่ตอ้ งใชค้ วามรู้ในเชิงลึกทางดา้ นวศิ วกรรม
เครือข่าย แมจ้ ะมีพ้ืนท่ีครอบคลุมในระยะทางจากดั แตก่ ็ถือวา่ เพยี งพอท่ีต่อการใชง้ านในสานกั งานและ
บา้ นพกั อาศยั โดยทว่ั ไป จึงทาใหผ้ คู้ นทวั่ ไปนิยมใชง้ าน Wi-Fi กนั มาก ส่งผลใหเ้ กิดการขยายตวั ของตลาด
ผบู้ ริโภคอยา่ งรวดเร็วใน ปัจจุบนั ดงั แสดงในรูปท่ี 10 ซ่ึงเป็นการแสดงจานวนพ้นื ที่ที่มีการเปิ ดใหบ้ ริการ
Wi-Fi ในสหรัฐอเมริกา ท้งั ที่เป็นการใหบ้ ริการฟรี และที่มีการ คิดค่าใชจ้ ่าย โดยทวั่ ไปมกั เรียกพ้นื ท่ีเหล่าน้ี
วา่ Hotspot
นางสาว จฑุ ามาศ ชานาญพงศ์ 2ชทส3 เลขท่ี 8
ระบบรักษาความปลอดภยั คอมพวิ เตอร์เบอื ้ งต้น
เทคโนโลยี Wi-Fi มีการพฒั นามาตามยคุ สมยั ภายใตก้ ารกากบั ดูแลของกลุ่มพนั ธมิตร WECA (Wireless
Ethernet Compatibility Alliance) เร่ิมจากขอ้ กาหนดมาตรฐาน IEEE 802.11 ซ่ึงกาหนดใหใ้ ชค้ ล่ืนวทิ ยุ
ความถี่ 2.4 กิกะเฮิตรซ์ เป็ นตวั กลางในการติดต่อสื่อสารกบั จุด เชื่อมต่อ (AP หรือ Access Point) ขอ้ กาหนด
ดงั กล่าวเป็นเพยี งหลกั การทางทฤษฎีเทา่ น้นั จนกระทง่ั เม่ือมีการกาหนดใหม้ าตรฐาน IEEE 802.11a
(อตั ราเร็ว 54 เมกะบิตต่อวนิ าที) และ IEEE 802.11b (อตั ราเร็ว 11 เมกะบิตต่อวนิ าที) ซ่ึงใชค้ ล่ืนวทิ ยคุ วามถ่ี
5 กิกะเฮิตรซ์ และ 2.4 กิกะ เฮิตรซ์ตามลาดบั เป็นมาตรฐานสากลสาหรับใชง้ านในปัจจุบนั และไดม้ ีการ
พฒั นามาตรฐาน Wi-Fi ต่อเน่ืองไปเป็น IEEE 802.11g(อตั ราเร็ว 54 เมกะบิตตอ่ วนิ าที) ซ่ึงในปัจจุบนั กล่าว
ไดว้ า่ การรับส่งขอ้ มูลผา่ นเครือขา่ ยแบบ Wi-Fi ท้งั สองความถี่สามารถทาไดด้ ว้ ยอตั ราเร็วสูงสุดถึง 54 เมกะ
บิตตอ่ วนิ าทีเทียบเทา่ กนั
นางสาว จฑุ ามาศ ชานาญพงศ์ 2ชทส3 เลขท่ี 8
ระบบรักษาความปลอดภยั คอมพิวเตอร์เบอื ้ งต้น
อยา่ งไรกต็ าม อตั ราเร็วท่ีแทจ้ ริงในการรับส่งขอ้ มูลผา่ นอุปกรณ์ AP ของผใู้ ชง้ านแต่ละคนอาจมีค่าไม่เทา่ กนั
ข้ึนอยกู่ บั สภาพแวดลอ้ มใน การใชง้ าน และจานวนผใู้ ชง้ านที่แบ่งกนั รับส่งขอ้ มูลผา่ นอุปกรณ์ AP ร่วมกนั
นอกจากน้นั ยงั ข้ึอยกู่ บั รูปแบบในการรับส่งขอ้ มูลของแต่ละคน อีกดว้ ย แมก้ ารวางเครือขา่ ยส่ือสารไร้สาย
แบบ Wi-Fi จะมีพ้นื ท่ีใหบ้ ริการจากดั ในระยะไมม่ ากนกั แตก่ ารติดต้งั อุปกรณ์ AP เพื่อสร้างพ้นื ท่ี บริการให้
ตอ่ เนื่องกนั ก็ทาให้เพ่ิมขอบเขตในการใหบ้ ริการได้ ปัจจุบนั มีการพฒั นารูปแบบการวางเครือข่ายอุปกรณ์
AP ชนิดพเิ ศษซ่ึงมีการ ใชง้ านร่วมกบั สายอากาศขยายความแรงสญั ญาณ ทาใหส้ ามารถใหบ้ ริการ Wi-Fi ใน
พ้นื ที่กวา้ งข้ึน และ AP แต่ละชุดตา่ งก็สามารถรับส่ง ขอ้ มูลหากนั ได้ โดยต่างทาหนา้ ท่ีเป็นวงจรส่ือสญั ญาณ
(Transmission) ใหแ้ ก่กนั และกนั เรียกเทคโนโลยดี งั กล่าววา่ Wireless-Mesh ในทางปฏิบตั ิมกั มีความเขา้ ใจ
กนั วา่ เทคโนโลยี Wi-Fi กบั มาตรฐาน WLAN เป็นสิ่งเดียวกนั แตแ่ ทจ้ ริงแลว้ WLAN มีความหมายถึงการให้
บริการสื่อสารขอ้ มูลในลกั ษณะแบ่งกนั ใชแ้ บนดว์ ดิ ท์ ระหวา่ งเคร่ืองลูกขา่ ย ซ่ึงส่วนใหญเ่ ป็ นเครื่อง
คอมพวิ เตอร์ กบั เครือขา่ ยส่ือสารไร้สาย โดยผา่ นทางอุปกรณ์สถานีฐานหรือจุดเชื่อมต่อ ท้งั น้ีไม่มีการ
กาหนดมาตรฐานการเชื่อมต่อทางเทคนิคใหต้ ายตวั นอกเหนือจากเทคโนโลยี Wi-Fi แลว้ ยงั มีเทคโนโลยอี ่ืน
ๆ ท่ีเขา้ ข่ายใหบ้ ริการแบบ WLAN ไม่วา่ จะเป็ นเทคโนโลยี WiMAX มาตรฐานการส่ือสารแบบ Bluetooth
เทคโนโลยี Home RF หรือแมก้ ระทงั่ เทคโนโลยี HiperLAN ซ่ึง 2 เทคโนโลยหี ลงั น้นั ยงั ไมไ่ ดร้ ับการยอมรับ
ใชง้ านอยา่ งแพร่หลาย การติดต้งั ชิปเซ็ตไวภ้ ายในก็กลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน มีราคาถูก เพม่ิ ความสะดวก
ในการใชง้ านและเอ้ือต่อการเติบโตของ ตลาดเท่าใดนกั ในปัจจุบนั แมก้ ารนาเทคโนโลยี Wi-Fi มาใชง้ านจะ
มีความแพร่หลาย ท้งั อุปกรณ์ AP และเคร่ืองลูกข่าย ซ่ึงส่วนใหญเ่ ป็ น คอมพิวเตอร์ใชง้ าน แตเ่ ทคโนโลยี Wi-
Fi เองก็ยงั มีขอ้ จากดั ในการใชง้ านอยหู่ ลายประการ ไมว่ า่ จะเป็นเรื่องความปลอดภยั การใชง้ านร่วม กนั ของ
อุปกรณ์ตา่ งรุ่น และความยากลาบากในการทากาไรใหก้ บั ผใู้ หบ้ ริการเครือข่าย โดยมีรายละเอียดดงั น้ี
นางสาว จฑุ ามาศ ชานาญพงศ์ 2ชทส3 เลขที่ 8
ระบบรักษาความปลอดภยั คอมพวิ เตอร์เบอื ้ งต้น
ความปลอดภยั (Security) เทคโนโลยี Wi-Fi มีจุดอ่อนในเร่ืองของมาตรการรักษาความปลอดภยั ที่เกิดจาก
การลกั ลอบเขา้ ใช้ เครือข่ายโดยบุคคลที่สามซ่ึงอาจใชเ้ ครื่องรับส่งสัญญาณและซอฟทแ์ วร์บางชนิดบนเครื่อง
คอมพวิ เตอร์ มาตรฐานการรักษาความปลอดภยั ท่ีมีมาพร้อมกบั Wi-Fi ซ่ึงมีชื่อเรียกวา่ WEP (Wired
Equivalent Privacy) ไม่สามารถป้องกนั การลกั ลอบเขา้ ใชง้ านเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์โดยผา่ น ทาง AP ไดแ้ ต่
อยา่ งไร ซ่ึง IEEE กม็ ีแผนการพฒั นาขอ้ กาหนดมาตรฐาน IEEE802.11i ซ่ึงนามาตรการเขา้ รหสั ขอ้ มูล
(Coding) และการ ตรวจยนื ยนั เพ่ือตวั ผใู้ ชง้ าน (Authentication) ท่ีมีความซบั ซอ้ น เพ่ือรักษาความปลอดภยั
ใหก้ บั เครือขา่ ย โดยใชเ้ ทคโนโลยี AES (Advanced Encryption Standard) มาเสริมความสามารถใหก้ บั ท้งั
มาตรฐาน IEEE802.11a, 802.11b และ 802.11g อยา่ งไรกต็ ามในช่วงระหวา่ งท่ีรอประกาศรับรองมาตรฐาน
IEEE 802.11i กลุ่มพนั ธมิตร WECA กไ็ ดม้ ีการนาเทคโนโลยรี ักษาความ ปลอดภยั ท่ีรู้จกั กนั ในชื่อของ WPA
(Wi-Fi Protected Access) เขา้ มาใชง้ าน ซ่ึงเทคโนโลยดี งั กล่าวเป็นเทคโนโลยมี าตรฐานที่พบใน อุปกรณ์AP
และเครื่องคอมพิวเตอร์ท่ีสามารถส่ือสารผา่ นเครือขา่ ย Wi-Fi ได้ นอกจากน้ีอุปกรณ์ Wi-Fi รุ่นเก่า ๆ บางรุ่น
ท่ีเคยรองรับเพียงเทคโนโลยี WEP ก็สามารถพฒั นาโดยการติดต้งั ซอฟทแ์ วร์เพิม่ เติมเพ่อื ให้ รองรับ
เทคโนโลยี WPA ได้ อีกท้งั มีความเป็นไปไดว้ า่ อุปกรณ์ Wi-Fi รุ่นใหม่ ๆ ที่รองรับมาตรฐาน WPA อยแู่ ลว้ ก็
จะสามารถพฒั นาข้ึนเพ่ือ ใหร้ องรับมาตรฐาน IEEE 802.11i ไดเ้ ช่นเดียวกนั การใชง้ านร่วมกนั ของอุปกรณ์
ต่างรุ่น (Compatibility and Interpretability) ในท่ีน้ีหมายถึงการใชง้ านร่วมกนั ไดร้ ะหวา่ งอุปกรณ์ Wi-Fi ท่ี
ออก แบบมาใหร้ องรับมาตรฐาน IEEE 802.11a กบั IEEE 802.11b หรือ IEEE 802.11g เนื่องจากมาตรฐาน
แรกกบั อีก 2 มาตรฐานต่อมามีการ ทางานในยา่ นความถ่ีคล่ืนวทิ ยแุ ตกตา่ งกนั ทาใหเ้ กิดขอ้ จากดั ในการเปิ ด
ใหบ้ ริการยา้ ยพ้ืนท่ีใชง้ านของเครื่องคอมพวิ เตอร์หรือเครื่องลูก ข่ายWi-Fiท่ีทางานในมาตรฐานหน่ึง ไปสู่
พ้นื ท่ีใหบ้ ริการท่ีแพร่กระจายสัญญาณโดยใชอ้ ีกมาตรฐานหน่ึง ซ่ึงในประเทศไทยเองอาจไมพ่ บกบั ปัญหา
นางสาว จฑุ ามาศ ชานาญพงศ์ 2ชทส3 เลขท่ี 8
ระบบรักษาความปลอดภยั คอมพิวเตอร์เบอื ้ งต้น
ดงั กล่าว เน่ืองจากคณะกรรมกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) อนุญาตใหม้ ีการใชเ้ ทคโนโลยี Wi-Fi
แบบเปิ ดเสรี เฉพาะที่ยา่ น ความถ่ี 2.4 กิกะเฮิตรซ์เทา่ น้นั แมเ้ คร่ืองคอมพวิ เตอร์บ
นางสาว จฑุ ามาศ ชานาญพงศ์ 2ชทส3 เลขที่ 8