อาญา ๒
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564
จัดทำโดย
นายกฤตนันท์ ศรีสุวรรณ
ความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์
ความผิดฐานทำให้เสี ยทรัพย์
คณะนิติศาสตร์
หลักสูตร นิติศาสตร์บัณฑิต
สารบัญ
มาตรา ๒๑๗ ๒
คำอธิบายเชิงโครงสร้างความรับผิดอาญา
คำอธิบายจากบรรทัดฐานคำพิพากษาศาลฎีกา ๔
สรุ ปเนื้ อหาและข้อเสนอแนะ ๕
มาตรา ๓๕๘ ๗
คำอธิบายเชิงโครงสร้างความรับผิดอาญา
คำอธิบายจากบรรทัดฐานคำพิพากษาศาลฎีกา ๘
สรุ ปเนื้ อหาและข้อเสนอแนะ ๑๐
บรรณานุกรม ๑๓
๑
หมวด ๒
ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม
ลักษณะ ๖
ความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดภยันตราย
ต่อประชาชน
มาตรา ๒๑๗
ผู้ใดวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุก
ตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี ่และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาท
ถึงหนึ่งแสนสี หมื่นบาท
๒
องค์ประกอบความผิด
มาตรา ๒๑๗
ผู้ใดวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น
องค์ประกอบภายนอก
ผู้กระทำ คือ ผู้ใด
การกระทำ คือ วางเพลิงเผา
วัตถุแห่งการกระทำ คือ
ทรัพย์ของผู้อื่น
องค์ประกอบภายใน
เจตนา - เจตนาธรรมดา
เจตนาประสงค์ต่อผล หรือ เล็งเห็นผล
๓
ข้อสั งเกตเกี่ยวกับความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์
1. ความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ ตามาตรา
217 เป็นความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ธรรมดา
หากทรัพย์ที่เผาเป็นโรงเรือนต้องพิจารณาตาม
มาตรา 218 ซึ่งมีโทษหนักกว่า
2. ความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์กฎหมาย
พิจารณาจากอันตรายของเพลิง หากลักษณะของ
เพลิงจะทำให้เกิดอันตรายกับประชาชนได้ ย่อมมี
ความผิดตาม มาตรา 217 แต่หากลักษณะของ
เพลิงไม่อาจก่ออันตรายต่อใครได้เลย จะมีความ
ผิดฐานทำให้เสี ยทรัพย์เท่านั้น
3. ความผิดฐานพยายามวางเพลิงเผาทรัพย์กับ
ความผิดสำเร็จ พิจารณาจากเพลิงว่าไฟติดหรือไม่
หากไฟยังไม่ติดก็เป็นเพียงพยายามกระทำความ
ผิด แต่หากไฟลุกติดแล้วแม้เพียงเล็กน้อยก็เป็น
ความผิดสำเร็จ
๔
ข้อสั งเกตเกี่ยวกับความผิด
ฐานวางเพลิงเผาทรัพย์
ตามคำพิพากษาศาลฎีกา
คำพิพากษา
ข้อสั งเกต ความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์กฎหมายพิจารณาจาก
อันตรายของเพลิง หากลักษณะของเพลิงจะทำให้เกิด
อันตรายกับประชาชนได้ ย่อมมีความผิดตาม มาตรา 217
แต่หากลักษณะของเพลิงไม่อาจก่ออันตรายต่อใครได้เลย
จะมีความผิดฐานทำให้เสี ยทรัพย์เท่านั้น
พิจารณาฎีกา คำพิพากษาฎีกาที่ 6666/2542 การที่
จำเลยดึงรั้วไม้ไผ่ผ่าซีกที่ยึดติดเป็นแผงซึ่งเป็นรั้วบ้านของ
โจทก์ร่วมที่ 1 แล้วนำไปเผาทำลายนั้น เป็นความผิดฐาน
ทำให้เสี ยทรัพย์ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358
เพียงบทเดียว มิใช่กระทำผิดหลายบท เพราะจำเลยมีเจตนา
จะทำลายรั้วไม้ไผ่ที่ปักติดเป็นแผงโดยนำไปเผาให้ใช้การไม่
ได้เท่านั้น การเผาแผงไม้ไผ่นั้น เป็นการทำลายทรัพย์ของ
โจทก์ร่วมที่ 1 ให้เสี ยหาย มิใช่วางเพลิงเผาทรัพย์รั้วบ้าน
ของโจทก์ร่วมที่ 1 เนื่องจากจำเลยมิได้วางเพลิงเผาแผง
ไม้ไผ่ ในขณะที่มีสภาพเป็นรั้วบ้านกั้นขอบเขต เป็นที่อยู่
อาศัยของโจทก์ร่วมที่ 1 อันจะต้องด้วยความผิดตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 217
ข้อสังเกตของคำพิพากษา เห็นว่าโดยเจตนารมณ์ของ
ความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์เป็นความผิดที่อยู่ใน
ลักษณะ6 ความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดภยันตรายต่อ
ประชาชน ดังนั้นลักษณะของการวางเพลิงต้องก่อให้
เกิดภยันตรายต่อประชาชนได้ แต่คำพิพากษาฎีกานี้
การเผาไม้ไผ่ หาทำให้เกิดภยันตรายต่อประชาชนได้ไม่
ดังนั้นจึงไม่มีความผิดตาม มาตรา 217
๕
สรุป
มาตรา ๒๑๗
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 217 ผู้ใดวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น ต้องระวาง
โทษจำคุก ตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่ พันบาท
ความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น องค์ประกอบความผิด
เป็นความผิดที่อยู่ในลักษณะ 6 ความผิด
เกี่ยวกับการก่อให้เกิดภยันตรายต่อ
ประชาชน ซึ่งกฎหมายเอาผิดกับคนที่ วางเพลิงเผา
วางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น ซึ่งการวาง
เพลิงนั้นอาจก่อให้เกิดภยันตรายต่อ
ประชาชนได้ ทรัพย์ของผู้อื่น
โดยเจตนา
การกระทำความผิดฐานนี้ต้องมีการวางเพลิงเผา ซึ่งหมายถึง การจุด
ไฟเผาอาคารบ้านเรือนหรือทรัพย์สมบัติของผู้อื่น ทรัพย์ที่เผาต้องเป็น
ทรัพย์ของผู้อื่นเท่านั้น หากเป็นทรัพย์ที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย
ย่อมไม่มีความผิดฐานนี้
ความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์เป็นความผิดที่ผู้กระทำต้องกระทำโดย
เจตนาเท่านั้น หากเป็นการทำให้เกิดเพลิงไหม้ จะเป็นความผิดอีกฐาน
หนึ่ง แต่ไม่ใช่ฐานนี้ และไม่ต้องพิจารณาถึงเจตนาพิเศษหรือมูลเหตุ
ชักจูงใจว่าเผาเพื่ออะไร
๖
หมวด ๗
ความผิดฐานทำให้เสี ยทรัพย์
ลักษณะ ๑๒
ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์
มาตรา ๓๕๘
ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่ อมค่าหรือ
ทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่น
เป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ผู้นั้นกระทำความผิด
ฐานทำให้เสียทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่
เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
๗
องค์ประกอบความผิด
มาตรา ๓๕๘
ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่ อมค่า
หรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้
อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย
องค์ประกอบภายนอก เจปตอรนะงสาค์ง-ปค์รตเจ่ะอกตผอนลบาธภหรารรืยอมใดนา
เล็งเห็นผล
ผู้กระทำ คือ ผู้ใด
การกระทำ คือ ทำให้เสี ยหาย ทำลาย
ทำให้เสื่ อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์
วัตถุแห่งการกระทำ คือ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่น
หรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย
๘
การกระทำ
มาตรา ๓๕๘
การกระทำ
1.ทำให้เสียหาย หมายถึง ทำให้ทรัพย์ชำรุด บุบสลาย
หรือทำให้ทรัพย์เปลี่ยนแปลงไปในทางที่เลวลง
2.ทำลาย คือ การทำให้ทรัพย์สิ้นสภาพไปเลย
3.ทำให้เสื่ อมค่า คือ การทำให้ทรัพย์ราคาลดลง
4.ทำให้ไร้ประโยชน์ คือ ทำให้ทรัพย์นั้นหมดประโยชน์ไป
แม้เพียงชั่ วคราวก็ตาม
๙
ฏีกาเกี่ยวกับความผิดฐาน
ทำให้เสี ยทรัพย์
คำพิพากษาฎีกาที่ 8140/2541 วัว บุกรุก
ยึดถือครอบครองที่ดินสาธารณะประโยชน์
และได้ถางที่ดินดังกล่าวเพื่อทำไร่ ทำให้
บุคคลอื่นทั่วไปไม่สามารถใช้ประโยชน์จาก
หนองน้ำอันเป็นสาธารณะประโยชน์ในส่ วนที่
วัวบุกรุกยึดถือครอบครอง เป็นการทำให้
หนองน้ำนั้นไร้ประโยชน์แม้เป็นเพียงบาง
ส่ วนการกระทำของจำเลยก็เป็นความผิด
ฐานทำให้เสี ยทรัพย์·
คำพิพากษาฎีกาที่ 1948/2542 ใช้ค้อนทุบ
กระจกตู้ เอ.ที.เอ็ม. เพื่อระบายความแค้นโดย
ไม่มีเจตนาลักทรัพย์ เป็นมาตรา 358· ที่ดิน
ไม่มีโฉนดเจ้าของไม่มีกรรมสิ ทธิ์ แต่ถือว่าเป็น
ผู้ครอบครองมีฐานะและสิ ทธิอย่างเจ้าของ
และเป็นเจ้าของต้นยางและน้ำยางในที่นั้น
ใครมาลักขุดดินก็เป็นความผิดฐานทำให้เสี ย
ทรัพย์ หรือขุดดินมาทำนาของเขาเป็นบ่อ แม้
เป็นที่ดินไม่มีโฉนด ก็เป็นมาตรา 358
๑๐
สรุป มาตรา ๓๕๘
ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่ อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์
ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ผู้นั้น
กระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่
เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
องค์ประกอบความผิดฐานทำให้
เสียทรัพย์ มาตรา 358
1. ผู้กระทำ คือ ผู้ใด
2.การกระทำ คือ ทำให้เสียหาย
ทำลาย ทำให้เสื่ อมค่า หรือทำให้
ไร้ประโยชน์
3. วัตถุแห่งการกระทำ คือ ซึ่ง
ทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็น
เจ้าของรวมอยู่ด้วย
4. เจตนา (องค์ประกอบภายใน)
ส่ วนของการกระทำ
1.ทำให้เสียหาย หมายถึง ทำให้ทรัพย์ชำรุด บุบสลาย หรือทำให้ทรัพย์
เปลี่ยนแปลงไปในทางที่เลวลง
2.ทำลาย คือ การทำให้ทรัพย์สิ้นสภาพไปเลย
3.ทำให้เสื่ อมค่า คือ การทำให้ทรัพย์ราคาลดลง
4.ทำให้ไร้ประโยชน์ คือ ทำให้ทรัพย์นั้นหมดประโยชน์ไป แม้เพียง
ชั่ วคราวก็ตาม
๑๑
สาระสำคัญของความผิด
ฐานทำให้เสี ยทรัพย์
1. ความผิดฐานชิงทรัพย์นี้มีบัญญัติอยู่ในประมวลกฎหมายอาญา ภาค 2 ภาความผิด ลักษณะ 12
ความผิด เกี่ยวกับทรัพย์ หมวด 7 ว่าด้วยเรื่องความผิดฐานทำให้เสี ยทรัพย์
2. ผู้ใดทำให้เสี ยหาย ทำลาย ทำให้เสื่ อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชนซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็น
เจ้าของรวม อยู่ด้วย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำให้เสี ยทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี
หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 358
3. ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 358 ได้กระทำต่อ
(1) เครื่องกลหรือเครื่องจักรที่ใช้ในการประกอบกสิ กรรมหรืออุตสาหกรรม
(2) ปศุสั ตว์
(3) ยวดยานหรือสั ตว์พาหนะที่ใช้ในการขนส่ งสาธารณะหรือในการประกอบกสิ กรรมหรือ
อุตสาหกรรม หรือ
(4) พืชหรือพืชผลของกสิ กร
ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม
มาตรา 359
4. ผู้ใดทำให้เสี ยหาย ทำลาย ทำให้เสื่ อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อ
สาธารณประโยชน์ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้ง
ปรับ ตามมาตรา 360
5. ผู้ใดทำให้เสี ยหาย ทำลาย ทำให้เสื่ อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ตามมาตรา 335 ทวิ
วรรคหนึ่ง (ทรัพย์ที่ทำให้เสี ยเป็นทรัพย์ที่มีไว้เพื่อให้ประชาชนเคารพบูชา) ที่ประดิษฐานอยู่ใน
สถานที่ตามมาตรา 335 ทวิ(การทำให้เสี ยทรัพย์ได้กระทำในสถานที่ที่มีไว้เพื่อให้ประชาชนเคารพ
บูชา) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม
มาตรา 360 ทวิ
6. ความผิดตามมาตรา 358(กรณีความผิดฐานทำให้เสี ยทรัพย์ธรรมดา) และมาตรา 359(กรณี
ความผิดฐาน ทำให้เสี ยทรัพย์ที่มีเหตุฉกรรจ์ที่เป็นทรัพย์ที่มิใช่มีไว้ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์
หรือทรัพย์ที่มีไว้เพื่อให้ ประชาชนเคารพบูชา หรือการกระทำต่อทรัพย์ที่มีไว้เพื่อให้ประชาชนเคารพ
บูชาและกระทำในสถานที่เพื่อให้ ประชาชนเคารพบูชา) เป็นความผิดอันยอมความได้
๑๒
ความผิดในฐานทำให้เสี ยทรัพย์
ดังนั้น ความผิดในฐานทำให้เสียทรัพย์ ตามมาตรา 358 และมาตรา 359
ที่กล่าวมาแล้วเป็นความผิดต่อ ส่วนตัว ซึ่งสามารถตกลงยอมความกัน
ระหว่างผู้เสียหาย และผู้กระทำความผิดได้ ตามประมวลกฎหมายวิธี
พิจารณาความอาญา มาตรา 35 วรรคสอง เมื่อมีการยอมความกันแล้ว
จะมีผลให้สิทธิที่จะนำคดีอาญามาฟ้อง ระงับไปตามมาตรา 39 (2)
ยกเว้นแต่ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 360 (กรณีทรัพย์เป็นทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์)
หรือมาตรา 360 ทวิ (กรณีทรัพย์เป็นทรัพย์ที่มีไว้ เพื่อให้ประชาชน
เคารพบูชา หรือทำให้เสียทรัพย์ที่มีไว้เพื่อประชาชนเคารพบูชาและกระทำ
ในสถานที่ที่มีไว้ เพื่อให้ประชาชนเคารพบูชา) เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน
ไม่อาจตกลงยอมกันเองระหว่างคู่กรณีไม่ได้ แม้จะมี การตกลงกันคดี
อาญาก็ไม่ระงับตามไปด้วย
บรรณานุกรม
https://ratchadalawfirm.com/th/cases-th/attorney-to-
criminal-law-case-th/attorney-to-malicious-mischief-
case/
https://m.facebook.com/weareoja/photos/a.124583001
8836101/1245830665502703/
https://sites.google.com/view/chalermwut/%E0%B8%8
1%E0%B8%8E%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8
%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0
%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A0%E0%B8%B2%
E0%B8%84%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B
2%E0%B8%A1%E0%B8%9C%E0%B8%94/%E0%B8
%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%
B8%9C%E0%B8%94%E0%B8%90%E0%B8%B2%E
0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%87
%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%
87%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%B2%E0%B
8%97%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A2
ประมวลกฎหมายอาญา พุทธศักราช ๒๕๖๔