The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เล่มแผนส่วนรายได้ 65

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by slovep19, 2021-12-21 01:38:55

เล่มแผนส่วนรายได้ 65

เล่มแผนส่วนรายได้ 65

แผนงำนโครงกำรจดั ทำประกำศสำนกั งำนลกู เสือแหง่ ชำติ เรือ่ ง อตั รำคำ่ บริกำรในกำรจดั สง่ และ
แนวทำงในกำรจำหน่ำยวุฒบิ ัตรใบผำ่ นกำรฝึกอบรม และใบแทน

ปีงบประมำณ พ.ศ. 2565

ลำดับท่ี รำยกำร ต.ค. 2564
พ.ย. 2564
ธ.ค. 2564
ม.ค. 2565
ก.พ. 2565
ีม.ค. 2565
เม.ย. 2565
พ.ค. 2565
ิม.ย. 2565
ก.ค. 2565
ส.ค. 2565
ก.ย. 2565

1 รวบรวบและวิเครำะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ 5-7
กำรฝึกอบรมลูกเสือที่เก่ียวข้องในเรอ่ื งกำร โดยฝำ่ ย
กำหนดอัตรำค่ำวุฒิบัตร และกำรกำหนดอัตรำ นติ ิกร

ค่ำธรรมเนยี มกำรศึกษำ ของหนว่ ยงำนที่

เก่ียวข้องกับสำนกั งำนลูกเสือแห่งชำติ

2 นำข้อมูลมำวิเครำะห์และนติ ิกรเจำ้ ของเรอื่ ง ยก 11-12 13 - 14

รำ่ งระเบียบคณะกรรมกำรบรหิ ำรลูกเสือแห่งชำติ โดยฝำ่ ย ฝำ่ ยนติ ิกร
ว่ำด้วยกำรกำหนดอัตรำค่ำวุฒิบัตรใบผ่ำนกำร นติ ิกร ณฐั พงศ์
ฝึกอบรม และใบแทน พ.ศ. .... เสกสรร

3 แต่งตั้งคณะทำงำน 1
4 จดั ประชุมคณะทำงำนยกรำ่ งระเบียบคณะ 23

กรรมกำรบรหิ ำรลูกเสือแห่งชำติ ว่ำด้วยกำร 5
กำหนดอัตรำค่ำวุฒิบัตรใบผ่ำนกำรฝึกอบรม และ 1
ใบแทน พ.ศ. ....
5 ประชุมสรปุ ผลกำรจดั ทำรำ่ งระเบียบฯเพ่ือ 10
นำเสนอเข้ำอนกุ รรมกำรเพ่ือให้ควำมเห็นชอบ 14
6 นำรำ่ งระเบียบฯเสนอต่อเลขำธิกำรสำนกั งำน 16
ลูกเสือแห่งชำติเพ่ือให้นำเสนอต่อคณะ
กรรมกำรบรหิ ำรลูกเสือแห่งชำติ
7 นำรำ่ งระเบียบฯ เสนอต่อคณะกรรมกำรบรหิ ำร
ลูกเสือแห่งชำติ เพื่อให้ควำมเห็นชอบ
8 นำรำ่ งระเบียบ ฯ เสนอต่อรฐั มนตรี ว่ำกำร
กระทรวงศึกษำธิกำร เพ่ือลงนำม
9 ประกำศใช้ระเบียบ

หมำยเหตุ : ผลท่ไี ดร้ ับ
สำนักงำนลูกเสือแห่งชำติมีประกำศ เร่ืองกำรกำหนดอัตรำค่ำบริกำรในกำรจัดส่งและแนวทำงในกำร

จำหนำ่ ยวุฒิบตั รใบผำ่ นกำรฝกึ อบรม และใบแทน

แผนปฏิบตั กิ ารส่วนพัฒนารายไดแ้ ละสทิ ธปิ ระโยชน์ หนา้ 47

5. ว่ำทร่ี ้อยตรี ทนุธรรม สมุ ำลยก์ ณั ฐ์ นักจัดกำรงำนท่ัวไป ปฏิบัตกิ ำร

งำน / กจิ กรรม ระยะเวลำ

ต.ค. 2564 หมำยเหตุ
พ.ย. 2564
ธ.ค. 2564 ปีงบประมำณ
ม.ค. 2565 พ.ศ. 2565
ก.พ. 2565
ีม.ค. 2565
เม.ย. 2565
พ.ค. 2565
ิม.ย. 2565
ก.ค. 2565
ส.ค. 2565
ก.ย. 2565

1. แผนงำนสำรบรรณ 29 ธ.ค. 64
ของสว่ นพัฒนำรำยได้และสทิ ธิประโยชน์
ประจำปีงบประมำณ พ.ศ. 2565
1.1 เรม่ิ กระบวนกำรงำนสำรบรรณ

1.1.1 เอกสำร จดหมำย บนั ทึก และพัสดภุ ณั ฑ์
1.2 คดั แยก / ดำเนนิ กำร

1.2.1 ลงทะเบยี นรับ
1.2.1.1 ทำงอิเล็กทรอนกิ ส์
1.2.1.2 ทำงระบบ Manual

1.2.2 ลงทะเบียนสง่
1.2.2.1 ทำงอิเลก็ ทรอนกิ ส์
1.2.2.2 ทำงระบบ Manual

1.3 ข้อสัง่ กำร / สรปุ ย่อ เกษียนหนงั สือ
1.3.1 แจง้ เวียนตำมขอ้ สงั่ กำรฯ
1.3.2 รำ่ งโตต้ อบฯ
1.3.3 ตรวจสอบและเสนอผูบ้ งั คับบญั ชำ
1.3.4 ออกเลขท่ีเอกสำรฯ
1.3.5 จดั ทำเอกสำรตำมระบบฯ

1.4 คุมทะเบยี นรบั - สง่ หนงั สอื รำชกำร
ภำยใน-นอก

1.5 รบั - สง่ หนงั สือ และเอกสำร
ณ งำนสำรบรรณ สลช.

1.6 ตดิ ตำมหนังสือระหวำ่ งดำเนนิ กำรฯ

1.7 จัดทำสถติ งิ ำนสำรบรรณ
ของสว่ นพัฒนำรำยได้และสทิ ธิประโยชน์
ประจำปีงบประมำณ พ.ศ. 2565

แผนปฏบิ ัตกิ ารสว่ นพฒั นารายไดแ้ ละสิทธิประโยชน์ หนา้ 48

ระยะเวลำ

งำน / กจิ กรรม ต.ค. 2564 หมำยเหตุ
พ.ย. 2564
ธ.ค. 2564
ม.ค. 2565
ก.พ. 2565
ีม.ค. 2565
เม.ย. 2565
พ.ค. 2565
ิม.ย. 2565
ก.ค. 2565
ส.ค. 2565
ก.ย. 2565

2. แผนงำน / (เป็นโครงกำรตอ่ เน่ือง) 27 ธ.ค. 64
กำรจัดทำสวัสดกิ ำรในเชงิ ธุรกิจบริเวณกลมุ่ อำคำร
เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษำ 18 ม.ค. 65 ปงี บประมำณ
ประจำปีงบประมำณ พ.ศ. 2565 15 ก.พ. 65 พ.ศ. 2565
2.1 วำงแผนศกึ ษำข้อมลู ข้อกฎหมำยทเี่ ก่ยี วขอ้ ง
20 เม.ย. 65
และออกแบบรำยละเอียด
2.2 เสนอผบู้ รหิ ำรเพอ่ื ขออนุมัติ 11 พ.ค. 65
15 ม.ิ ย. 65
แต่งตั้งคณะทำงำนพจิ ำรณำข้อมลู ฯ 5 ก.ย. 65
และขออนุมัตจิ ดั ประชุมฯ
2.3 ประชุมคณะทำงำนพจิ ำรณำข้อมูลฯ
รว่ มกับอนกุ รรมกำรลูกเสือฝำ่ ยจดั กำร
ทรัพยส์ นิ
2.3.1 ดำเนินกำรประชมุ พจิ ำรณำขอ้ มลู
ร่วมกบั อนุกรรมกำรลูกเสือฝ่ำยจัดกำรทรัพยส์ ิน
2.3.2 พิจำรณำหลกั เกณฑต์ ่ำงๆ ที่เกี่ยวข้องฯ
2.4 สรปุ ขอ้ มูล และจัดทำรำยงำนเสนอ
เลขำธิกำรสำนกั งำนลกู เสือแหง่ ชำติ
2.4.1 สรปุ มตทิ ่ปี ระชุมฯ เสนอเลขำธกิ ำร
สำนักงำนลูกเสอื แหง่ ชำติ เพื่อวนิ จิ ฉัยสัง่ กำร
2.4.2 นำเรื่องเสนอคณะกรรมกำรบริหำร
ลูกเสือแห่งชำติ
2.5 ดำเนินกำรตำมแผนงำนฯ และมติ
คณะกรรมกำรบริหำรลูกเสอื แหง่ ชำติ
2.6 ตดิ ตำม และประเมินผลโครงกำร

แผนปฏิบัตกิ ารสว่ นพัฒนารายได้และสิทธปิ ระโยชน์ หน้า 49

4. นำยเสกสรร สพี ลอยนิล นกั วิเครำะหน์ โยบำยและแผน ปฏิบตั กิ ำร

การประชมุ เชิงปฏิบตั กิ ารจดั ทาแผนการจัดหารายไดจ้ ากทรพั ย์สนิ ของสานักงานลกู เสือแหง่ ชาติ

ระยะเวลำ

กิจกรรม ต.ค. 2564 หมำยเหตุ
พ.ย. 2564
ธ.ค. 2564
ม.ค. 2565
ก.พ. 2565
ีม.ค. 2565
เม.ย. 2565
พ.ค. 2565
ิม.ย. 2565
ก.ค. 2565
ส.ค. 2565
ก.ย. 2565

1. ศกึ ษำข้อมูลเอกสำรทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั
ที่ดิน ทรพั ย์สิน และแหล่งท่มี ำของ
รำยได้ของสำนักงำนลูกเสอื แหง่ ชำติ
วิเครำะห์ สรุปปญั หำ
2. ขออนุมัติโครงกำร/แตง่ ตง้ั
คณะทำงำน
3. ประชุมคณะทำงำนเพือ่ วำงแผนกำร
ดำเนนิ งำนโครงกำร
4. ดำเนินกำรจดั ประชุม

5. สรปุ ผลกำรดำเนินงำน จัดทำรปู เลม่
เอกสำร
6. รำยงำนผลกำรดำเนินงำน

หมำยเหตุ : ผลทไ่ี ดร้ ับ
1. บุคลำกรสำมำรถนำควำมรู้ ควำมเข้ำใจ ในกำรจัดทำแผนกำรจัดหำรำยได้และแผนกำรจัดกำร

ทรพั ย์สินของสำนักงำนลูกเสอื แห่งชำติเพม่ิ มำกขนึ้
2. บคุ ลกรมเี ป้ำหมำยและทิศทำงกำรทำงำนมำกย่ิงขึน้
3. ทรพั ยส์ ินของสำนกั งำนลกู เสอื แห่งชำติมกี ำรบริหำรจัดกำรอย่ำงเปน็ ระบบและมีประสิทธภิ ำพ

แผนปฏบิ ตั กิ ารสว่ นพัฒนารายได้และสทิ ธปิ ระโยชน์ หน้า 50

จัดทำแผนงำนโครงกำรส่วนพัฒนำรำยไดแ้ ละสิทธิประโยชน์ ประจำปีงบประมำณ พ.ศ. 2566

ระยะเวลำ

กิจกรรม ต.ค. 2564 หมำยเหตุ
พ.ย. 2564
ธ.ค. 2564
ม.ค. 2565
ก.พ. 2565
ีม.ค. 2565
เม.ย. 2565
พ.ค. 2565
ิม.ย. 2565
ก.ค. 2565
ส.ค. 2565
ก.ย. 2565

1. ศึกษำขอ้ มลู เอกสำรท่ีเกยี่ วขอ้ งกบั
ที่ดนิ ทรัพยส์ ิน และแหล่งที่มำของ
รำยไดข้ องสำนกั งำนลกู เสือแหง่ ชำติ
วเิ ครำะห์ สรปุ ปญั หำ
2. ประชมุ สว่ นพัฒนำรำยไดแ้ ละสทิ ธิ
ประโยชน์เพือ่ รวบรวมโครงกำร
3. นำเสนอโครงกำรใหผ้ อู้ ำนวยกำร
สว่ นพัฒนำรำยไดแ้ ละสิทธปิ ระโยชน์
พิจำรณำเห็นชอบ
4. สง่ แผนของส่วนพฒั นำรำยไดแ้ ละ
สิทธปิ ระโยชน์ เพ่ือของงบประมำณ
รำยจ่ำยประจำปงี บประมำณ พ.ศ.
2566 แกส่ ว่ นอำนวยกำร งำนนโยบำย
และแผน

หมำยเหตุ : ผลทไี่ ด้รบั
1. สำนกั งำนลกู เสือแหง่ ชำติ มรี ำยไดเ้ พ่ิมมำกขนึ้
2. สำนักงำนลูกเสือแห่งชำตมิ ีกำรบริหำรจัดกำรสินทรัพย์อยำ่ งมีประสิทธภิ ำพและเกดิ ประโยชน์สูงสดุ
3. เครือข่ำยไดร้ ับควำมสะดวกจำกกำรบริกำรของสำนักงำนลกู เสอื แหง่ ชำติอยำ่ งจริงจัง
4. เครือข่ำยมคี วำมพงึ พอใจในกำรรบั บริกำรจำกสำนักงำนลูกเสือแห่งชำติ
5. บคุ ลำกรท่เี กี่ยวข้องรบั ทรำบและเข้ำใจถึงกำรเกบ็ เงินคำ่ บำรุงลูกเสือ-เนตรนำรี และบุคลำกร

ทำงกำรลูกเสือ รวมถึงสำมำรถนำเงินคำ่ บำรุงไปใช้ในกำรพัฒนำกิจกำรลูกเสือได้ถูกต้องตำมกฎหมำยทเ่ี กย่ี วข้อง
6. สำนกั งำนลูกเสอื แห่งชำตมิ ีเอกสำรกำรถือครองทด่ี นิ และโฉนดทด่ี นิ
7. สำนกั งำนลูกเสือแห่งชำตมิ ฐี ำนขอ้ มลู ทีด่ ินเพิ่มมำกยิ่งข้ึน
8. สำนกั งำนลกู เสือแหง่ ชำตมิ ีกำรจัดหำรำยไดจ้ ำกท่ีดินเพิ่มมำกข้นึ

แผนปฏบิ ตั ิการส่วนพัฒนารายได้และสทิ ธิประโยชน์ หนา้ 51

จัดทาแผนการจาหนา่ ยวุฒบิ ัตรผ่านการฝกึ อบรมระดับต่างๆ

ระยะเวลำ

กิจกรรม
ต.ค. 2564 หมำยเหตุ
พ.ย. 2564
ธ.ค. 2564
ม.ค. 2565
ก.พ. 2565
ีม.ค. 2565
เม.ย. 2565
พ.ค. 2565
ิม.ย. 2565
ก.ค. 2565
ส.ค. 2565
ก.ย. 2565

1. รวบรวบขอ้ มลู วุฒบิ ตั รทำงกำร
ลกู เสอื แต่ละประเภทจำกสว่ นรำยได้
และสทิ ธิประโยชน์ เชน่ ตน้ ทุน สถิติ
กำรจำหน่ำย จำหน่วยคงเหลือ และ
รำคำจำหน่ำยทัว่ ไป
2. วเิ ครำะหก์ ฎหมำย ระเบยี บ
ข้อบงั คบั และ พ.ร.บ. ทีเ่ กีย่ วขอ้ ง
4. ทำบนั ทกึ แจง้ กำรส่ังพมิ พว์ ุฒิบตั ร
กำรฝึกอบรมบคุ ลำกรทำงกำรลูกเสือ
23 ประเภท ถึงสว่ นพฒั นำลกู เสอื
และบุคลำกรทำงกำรลูกเสือ
3. จัดทำแผนและคมู่ ิอปฏบิ ัติงำนใน
กำรจำหน่ำยวฒุ ิบตั รทำงกำรลูกเสอื
4. จัดทำระบบกำรควบคุมบญั ชีกำร
จำหน่ำยวฒุ ิบัตรทำงกำรลกู เสอื
5. จัดทำประชำสมั พันธร์ ะเบียบคณะ
กรรมกำรบริหำรลูกเสอื แหง่ ชำติ วำ่
ดว้ ยกำรกำหนดอตั รำคำ่ วฒุ ิบัตรใบ
ผำ่ นกำรฝกึ อบรม และใบแทน และ
ประกำศสำนกั งำนลกู เสอื แห่งชำติ
เรื่อง อตั รำค่ำบรกิ ำรในกำรจัดส่งและ
แนวทำงในกำรจำหน่ำยวุฒบิ ตั รใบ
ผำ่ นกำรฝึกอบรม และใบแทน ให้
หน่วยงำนท่เี กีย่ วขอ้ งทรำบ
6. นำเงินคำ่ จำหนำ่ ยวฒุ บิ ตั ร เข้ำ
บัญชรี ำยได้ของสำนกั งำนลูกเสือ
แหง่ ชำติ และรำยงำนไปยังกำรเงิน
7. จดั ทำบัญชกี ำรจำหนำ่ ยวฒุ ิบตั รฯ

8. รำยงำนผลกำรดำเนนิ กำร
จำหน่ำยวุฒิบัตรให้ผบู้ ริหำรทรำบ

หมำยเหตุ : ผลท่ไี ดร้ ับ
1. สำนกั งำนลกู เสือแหง่ ชำติ มรี ะบบกำรบรหิ ำรจัดกำรกำรจำหน่ำยวฒุ บิ ตั รผำ่ นกำรฝึกอบรมทม่ี ี

ประสทิ ธิภำพมำกขนึ้
2. สำนกั งำนลูกเสอื แห่งชำติ มฐี านข้อมูลวุฒบิ ตั รผา่ นการฝึกอบรมท่ีจาหนา่ ยไปแต่ละหนว่ ยงาน

และสามารถตรวจสอบได้

แผนปฏบิ ตั ิการส่วนพัฒนารายไดแ้ ละสิทธปิ ระโยชน์ หน้า 52

การจัดเก็บเงินค่าบารงุ บ.ี พ.ี และคา่ บารงุ สมาชกิ ลกู เสือตลอดชีพ

ระยะเวลำ

กิจกรรม
ต.ค. 2564 หมำยเหตุ
พ.ย. 2564
ธ.ค. 2564
ม.ค. 2565
ก.พ. 2565
ีม.ค. 2565
เม.ย. 2565
พ.ค. 2565
ิม.ย. 2565
ก.ค. 2565
ส.ค. 2565
ก.ย. 2565

1. รวบรวมและวเิ ครำะหก์ ฎหมำย
ระเบยี บขอ้ บังคบั และ พ.ร.บ. ท่ี
เกย่ี วข้อง
2. จัดทำหนงั สือแจง้ กำรนำสง่ เงินคำ่
บำรงุ ไปยงั หนว่ ยงำนท่เี กย่ี วข้อง
3. ดำเนินกำรรบั ชำระคำ่ บำรงุ บ.ี พ.ี
และค่ำบำรงุ สมำชกิ ลกู เสอื ตลอดชพี
4. นำเงินคำ่ บำรงุ บ.ี พี. และคำ่ บำรุง
สมำชกิ ลกู เสอื ตลอดชีพเขำ้ บญั ชี
รำยได้ของสำนักงำนลูกเสอื แหง่ ชำติ
และรำยงำนไปยงั กำรเงนิ
5. จดั ทำฐำนข้อมลู ค่ำบำรงุ บ.ี พี.
และคำ่ บำรงุ สมำชกิ ลกู เสือตลอดชีพ
6. รำยงำนผลกำรดำเนนิ กำรให้
ผบู้ รหิ ำรทรำบ

หมำยเหตุ : ผลทไี่ ดร้ ับ
1. สำนักงำนลูกเสอื แห่งชำติ มีรำยไดเ้ พิ่มมำกข้นึ
2. สำนักงำนลกู เสอื แห่งชำติ มีฐำนขอ้ มลู จำนวนบคุ ลำกรทำงกำรลกู เสือ และสำมำรถนำมำบรหิ ำรจัดกำร

ในด้ำนตำ่ งๆ ให้มปี ระสทิ ธภิ ำพมำกข้นึ

แผนปฏบิ ตั กิ ารสว่ นพัฒนารายได้และสิทธปิ ระโยชน์ หนา้ 53

ภำคผนวก

แผนปฏบิ ตั ิการส่วนพัฒนารายได้และสิทธปิ ระโยชน์ หน้า 54





เลม ๑๒๕ ตอนท่ี ๔๒ ก หนา ๙๒ ๔ มีนาคม ๒๕๕๑
ราชกจิ จานเุ บกษา

พระราชบญั ญัติ

ลูกเสือ
พ.ศ. ๒๕๕๑

ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.

ใหไ ว ณ วนั ที่ ๒๖ กมุ ภาพนั ธ พ.ศ. ๒๕๕๑
เปนปท ี่ ๖๓ ในรัชกาลปจ จุบัน

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกลา ฯ
ใหป ระกาศวา

โดยทเ่ี ปน การสมควรปรบั ปรงุ กฎหมายวา ดวยลูกเสอื
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกลา ฯ ใหตราพระราชบัญญัติข้ึนไวโดยคําแนะนําและยินยอมของ
สภานติ บิ ญั ญัตแิ หง ชาติ ดังตอ ไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญตั ินเ้ี รียกวา “พระราชบญั ญตั ลิ ูกเสอื พ.ศ. ๒๕๕๑”
มาตรา ๒ พระราชบัญญัติน้ีใหใชบังคับต้ังแตวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เปน ตน ไป
มาตรา ๓ ใหย กเลิก
(๑) พระราชบัญญัติลูกเสอื พ.ศ. ๒๕๐๗
(๒) พระราชบัญญตั ลิ ูกเสอื (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๐๙
(๓) พระราชบญั ญตั ิลกู เสือ (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๒๘
(๔) พระราชบัญญตั ิลูกเสือ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๓๐

เลม ๑๒๕ ตอนท่ี ๔๒ ก หนา ๙๓ ๔ มีนาคม ๒๕๕๑
ราชกิจจานเุ บกษา

มาตรา ๔ ในพระราชบัญญตั นิ ้ี
“ลูกเสือ” หมายความวา เด็กและเยาวชนทั้งชายและหญิง ท่ีสมัครเขาเปนลูกเสือทั้งใน
สถานศึกษาและนอกสถานศึกษา สวนลกู เสอื ทเ่ี ปนหญงิ ใหเรยี กวา “เนตรนารี”
“บุคลากรทางการลกู เสอื ” หมายความวา ผบู ังคบั บัญชาลูกเสือ ผูตรวจการลูกเสือ กรรมการ
ลกู เสือ อาสาสมัครลกู เสือ และเจาหนา ทีล่ กู เสอื
“รัฐมนตรี” หมายความวา รฐั มนตรผี ูร ักษาการตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี
มาตรา ๕ ใหรฐั มนตรีวา การกระทรวงศกึ ษาธิการรกั ษาการตามพระราชบัญญัติน้ี และใหมี
อาํ นาจออกกฎกระทรวง เพอ่ื ปฏบิ ัติการตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงนน้ั เมือ่ ไดประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาแลว ใหใชบ งั คับได

หมวด ๑
บททั่วไป

มาตรา ๖ ใหมีคณะลูกเสือแหงชาติ ประกอบดวย บรรดาลูกเสือทั้งปวงและบุคลากร
ทางการลูกเสอื

มาตรา ๗ พระมหากษตั รยิ ทรงเปน ประมุขของคณะลกู เสือแหง ชาติ
มาตรา ๘ คณะลูกเสือแหงชาติ มีวัตถุประสงคเพื่อพัฒนาลูกเสือท้ังทางกาย สติปญญา
จิตใจ และศลี ธรรม ใหเปนพลเมอื งดี มคี วามรบั ผดิ ชอบ และชว ยสรา งสรรคสงั คมใหเ กิดความสามัคคี
และมีความเจริญกาวหนา ท้ังน้ี เพ่ือความสงบสุข และความมั่นคงของประเทศชาติตามแนวทาง
ดังตอ ไปนี้
(๑) ใหมีนิสัยในการสงั เกต จดจํา เชอื่ ฟง และพึ่งตนเอง
(๒) ใหซ อื่ สตั ยสุจริต มีระเบียบวนิ ยั และเห็นอกเห็นใจผูอ่นื
(๓) ใหร ูจ ักบาํ เพ็ญตนเพื่อสาธารณประโยชน
(๔) ใหร จู กั ทําการฝมือ และฝกฝนใหทํากจิ การตา ง ๆ ตามความเหมาะสม
(๕) ใหรูจักรักษาและสงเสรมิ จารตี ประเพณี วัฒนธรรม และความม่นั คงของประเทศชาติ

เลม ๑๒๕ ตอนท่ี ๔๒ ก หนา ๙๔ ๔ มีนาคม ๒๕๕๑
ราชกจิ จานุเบกษา

มาตรา ๙ ใหกระทรวงศึกษาธิการ มีหนาที่สงเสริมและสนับสนุนงานของคณะลูกเสือ
แหงชาติเพื่อใหบรรลุวัตถุประสงคของคณะลูกเสือแหงชาติ รวมท้ังสงเสริมและสนับสนุน
การดําเนินการของสํานักงานลูกเสือแหงชาติ สํานักงานลูกเสือจังหวัด สํานักงานลูกเสือเขตพ้ืนท่ีการศึกษา
สถานศึกษาและหนวยงานอ่ืนท่ีเกี่ยวของ เพื่อใหการจัดกิจกรรมลูกเสือเปนไปอยางท่ัวถึงและ
มปี ระสทิ ธิภาพ

มาตรา ๑๐ ใหก รรมการสภาลกู เสือไทย กรรมการบริหารลูกเสือแหงชาติ กรรมการลูกเสือ
จังหวัด และกรรมการลูกเสือเขตพ้ืนที่การศึกษา ไดรับเบ้ียประชุมและคาตอบแทนอื่นตามระเบียบ
ทกี่ ระทรวงการคลังกําหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี

หมวด ๒
การปกครอง

สวนที่ ๑
สภาลกู เสอื ไทย

มาตรา ๑๑ ใหมสี ภาลกู เสอื ไทย ประกอบดว ย
(๑) นายกรฐั มนตรี เปนสภานายก
(๒) รองนายกรฐั มนตรี เปนอุปนายก
(๓) กรรมการโดยตําแหนง ไดแก รัฐมนตรีวาการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีวาการ
กระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทย ปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง
ศึกษาธิการ ปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและ
ความมั่นคงของมนุษย ผูบัญชาการทหารสูงสุด ผูบัญชาการทหารบก ผูบัญชาการทหารเรือ
ผูบ ัญชาการทหารอากาศ ผบู ัญชาการตาํ รวจแหง ชาติ เลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา เลขาธกิ ารคณะกรรมการ
การศึกษาขัน้ พื้นฐาน เลขาธกิ ารคณะกรรมการการอดุ มศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
เลขาธิการสภากาชาดไทย อธิบดีกรมการปกครอง อธิบดีกรมสงเสริมการปกครองทองถ่ิน
ผวู า ราชการกรุงเทพมหานคร ผวู า ราชการจงั หวัด และผอู ํานวยการศูนยปฏิบตั กิ ารลกู เสอื ชาวบา น

เลม ๑๒๕ ตอนท่ี ๔๒ ก หนา ๙๕ ๔ มนี าคม ๒๕๕๑
ราชกิจจานุเบกษา

(๔) กรรมการผทู รงคุณวุฒิจํานวนไมเกินแปดสิบคนซ่ึงทรงพระกรุณาโปรดเกลา ฯ แตงตั้ง
ตามพระราชอัธยาศัย

ใหเลขาธิการสํานกั งานลูกเสือแหง ชาติ เปนกรรมการและเลขานุการ รองเลขาธิการและผูชวย
เลขาธกิ ารสํานักงานลูกเสือแหงชาติ เปน ผชู วยเลขานกุ าร

สภาลูกเสือไทยอาจมีสภานายกกิตติมศักดิ์ อุปนายกกิตติมศักดิ์ และกรรมการกิตติมศักดิ์
ซึ่งจะไดท รงพระกรณุ าโปรดเกลา ฯ แตง ต้ัง

มาตรา ๑๒ สภาลูกเสือไทยมอี าํ นาจหนา ที่ ดังตอ ไปนี้
(๑) วางนโยบายเพอ่ื ความม่นั คงและความเจรญิ กาวหนาของคณะลูกเสอื แหงชาติ
(๒) ใหคําแนะนําในการปฏบิ ตั ิงานของคณะกรรมการบริหารลกู เสอื แหง ชาติ
(๓) พจิ ารณารายงานประจําปข องคณะกรรมการบริหารลกู เสอื แหงชาติ
มาตรา ๑๓ กรรมการผทู รงคุณวุฒิตามมาตรา ๑๑ (๔) มีวาระการดํารงตําแหนงคราวละสี่ป
นับแตวนั ทที่ รงพระกรณุ าโปรดเกลา ฯ แตง ตั้ง และเม่ือพนจากตาํ แหนงอาจทรงพระกรุณาโปรดเกลา ฯ
แตง ต้งั อกี ได
มาตรา ๑๔ นอกจากการพนจากตําแหนงตามวาระตามมาตรา ๑๓ กรรมการผูทรงคุณวุฒิ
ตามมาตรา ๑๑ (๔) พน จากตําแหนง เมือ่
(๑) ตาย
(๒) ลาออก
(๓) เปน บคุ คลลม ละลาย
(๔) เปนคนไรความสามารถหรอื คนเสมือนไรความสามารถ
(๕) ไดร บั โทษจําคุกโดยคําพพิ ากษาถงึ ทส่ี ดุ ใหจ าํ คกุ

สวนที่ ๒
คณะกรรมการบรหิ ารลกู เสอื แหงชาตแิ ละสาํ นักงานลกู เสอื แหง ชาติ

มาตรา ๑๕ ใหมีคณะกรรมการบรหิ ารลูกเสือแหงชาติซ่ึงเปนองคกรบริหารของคณะลูกเสือ
แหง ชาติ ประกอบดวย

เลม ๑๒๕ ตอนท่ี ๔๒ ก หนา ๙๖ ๔ มีนาคม ๒๕๕๑
ราชกิจจานเุ บกษา

(๑) รฐั มนตรีวา การกระทรวงศกึ ษาธกิ าร เปน ประธานกรรมการ
(๒) กรรมการโดยตําแหนง ไดแก ปลัดกระทรวงศึกษาธิการและปลัดกระทรวงมหาดไทย
เปนรองประธานกรรมการ เลขาธิการสภาการศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน
เลขาธกิ ารคณะกรรมการการอดุ มศึกษา เลขาธกิ ารคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เลขาธิการสภากาชาดไทย
ผูอํานวยการสํานักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน ผูอํานวยการสํานักบริหารงานคณะกรรมการ
สงเสรมิ การศึกษาเอกชน และผูอ าํ นวยการศนู ยป ฏิบตั ิการลกู เสือชาวบาน
(๓) กรรมการผูทรงคุณวุฒิจํานวนไมเกินสิบหาคนซ่ึงสภานายกสภาลูกเสือไทยแตงตั้งโดย
คาํ แนะนําของกรรมการบริหารลูกเสือแหง ชาตติ าม (๑) และ (๒) ซึ่งในจํานวนนีต้ องมาจากภาคเอกชน
ไมนอ ยกวาก่ึงหนง่ึ
ใหเ ลขาธิการสาํ นักงานลกู เสือแหง ชาติ เปน กรรมการและเลขานุการ รองเลขาธิการและผูชวย
เลขาธิการสาํ นักงานลกู เสือแหง ชาติ เปนผูช ว ยเลขานกุ าร
มาตรา ๑๖ กรรมการผทู รงคณุ วุฒิตามมาตรา ๑๕ (๓) มวี าระการดํารงตําแหนงคราวละสี่ป
และอาจไดร บั แตงต้ังอกี ได แตจ ะแตง ต้งั ใหด ํารงตาํ แหนง ติดตอ กันเกนิ สองวาระมไิ ด
ในกรณีท่ีกรรมการตามวรรคหน่ึงพนจากตําแหนงกอนครบวาระ ใหดําเนินการแตงตั้ง
กรรมการใหมภายในเกาสิบวันนับแตวันที่กรรมการพนจากตําแหนง และใหผูซ่ึงไดรับแตงต้ังอยูใน
ตําแหนงเพียงเทาวาระที่เหลืออยูของผูซึ่งตนแทน แตถาวาระการดํารงตําแหนงเหลืออยูนอยกวา
หนึ่งรอ ยแปดสิบวันจะไมด าํ เนนิ การแตงตงั้ แทนกไ็ ด
ใหน ําบทบญั ญตั ิมาตรา ๑๔ มาใชบังคับแกการพนจากตําแหนงของกรรมการตามวรรคหน่ึง
โดยอนโุ ลม
มาตรา ๑๗ คณะกรรมการบริหารลูกเสอื แหงชาตมิ ีอาํ นาจหนา ท่ี ดงั ตอไปน้ี
(๑) ดําเนินการตามวตั ถปุ ระสงคข องคณะลูกเสอื แหงชาติและตามนโยบายของสภาลูกเสอื ไทย
(๒) สงเสรมิ ความสัมพนั ธก ับคณะลกู เสือนานาชาติ
(๓) สนับสนนุ และสง เสริมใหม กี ารพฒั นาบคุ ลากรทางการลกู เสือ
(๔) สนบั สนนุ ใหมีการจัดกจิ กรรมอยางตอ เน่ือง
(๕) จดั การทรพั ยสินของสํานักงานลกู เสือแหงชาติ
(๖) ใหค วามเหน็ ชอบในการลงทนุ เพื่อประโยชนข องสํานักงานลูกเสือแหงชาติ

เลม ๑๒๕ ตอนที่ ๔๒ ก หนา ๙๗ ๔ มีนาคม ๒๕๕๑
ราชกจิ จานเุ บกษา

(๗) ออกขอบังคบั ของคณะกรรมการบรหิ ารลูกเสือแหงชาติตามทร่ี ะบไุ วในพระราชบัญญัติน้ี
โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

(๘) วางระเบยี บและแนวทางปฏบิ ตั เิ กี่ยวกบั กจิ การลูกเสอื
(๙) จดั ทํารายงานประจําปเสนอสภาลูกเสอื ไทยพจิ ารณาตามมาตรา ๑๒ (๓)
(๑๐) แตง ตง้ั ที่ปรึกษาคณะกรรมการบรหิ ารลกู เสอื แหง ชาติ
(๑๑) แตงตง้ั คณะอนกุ รรมการเพ่ือพิจารณาหรอื ปฏิบตั กิ ารตามที่คณะกรรมการบริหารลูกเสือ
แหงชาติมอบหมาย
(๑๒) กํากับดแู ล สนับสนนุ และสงเสริมกิจการลกู เสอื ชาวบา น
(๑๓) จดั ตัง้ ตําแหนงกิตติมศกั ดิ์ และตาํ แหนงอืน่ ใดทีม่ ไิ ดระบไุ วในพระราชบญั ญตั นิ ี้
(๑๔) ปฏิบตั ิการอนื่ ใดตามที่กฎหมายกําหนดใหเปนอํานาจหนาท่ีของคณะกรรมการบริหาร
ลูกเสือแหงชาติหรือตามท่ีคณะรัฐมนตรมี อบหมาย
มาตรา ๑๘ ใหมีสํานักงานลูกเสือแหงชาติเปนหนวยงานของรัฐท่ีไมเปนสวนราชการหรือ
รัฐวิสาหกจิ ตามกฎหมายวา ดวยวธิ ีการงบประมาณหรือกฎหมายอ่ืน
ใหสํานักงานลูกเสือแหง ชาตมิ ฐี านะเปน นิตบิ คุ คลและอยูใ นกาํ กบั ของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร
การจัดแบงสวนงานภายในของสํานักงานลูกเสือแหงชาติใหเปนไปตามขอบังคับคณะกรรมการ
บรหิ ารลกู เสอื แหง ชาติ
มาตรา ๑๙ เพือ่ ประโยชนในการดาํ เนนิ การของสํานกั งานลูกเสอื แหงชาติใหรัฐมนตรีแตงต้ัง
รองปลัดกระทรวงศกึ ษาธิการคนหน่งึ ทําหนาท่เี ลขาธกิ ารสาํ นักงานลกู เสือแหง ชาติ และแตง ต้ังผูบริหาร
ระดบั สูงอืน่ ในกระทรวงศกึ ษาธิการทาํ หนา ท่รี องเลขาธกิ ารและผูชวยเลขาธิการตามจํานวนท่ีเหมาะสม
โดยการเสนอของเลขาธิการสาํ นักงานลูกเสือแหง ชาติ
การปฏบิ ัตหิ นา ทขี่ องขา ราชการกระทรวงศึกษาธกิ ารตามวรรคหนึง่ ใหถ ือเปน การปฏบิ ัตริ าชการดว ย
มาตรา ๒๐ สํานักงานลูกเสือแหงชาติมีอํานาจหนาที่ดําเนินการตามวัตถุประสงคของคณะ
ลูกเสือแหงชาติและตามนโยบายของสภาลกู เสือไทย รวมทั้งใหมีอาํ นาจหนา ที่ดังตอ ไปนี้
(๑) ถอื กรรมสทิ ธิ์หรือสทิ ธคิ รอบครองในทรัพยสินของคณะลูกเสือแหงชาติหรือดําเนินการใด ๆ
เก่ียวกับทรพั ยส ิน
(๒) ทาํ นิติกรรมสัญญาหรอื ขอตกลงอ่นื

เลม ๑๒๕ ตอนท่ี ๔๒ ก หนา ๙๘ ๔ มีนาคม ๒๕๕๑
ราชกจิ จานเุ บกษา

(๓) รบั ผดิ ชอบการดําเนินงานของคณะกรรมการบรหิ ารลกู เสือแหง ชาติ
(๔) ควบคุมดแู ลกิจการลูกเสือใหเปนไปตามกฎหมาย ขอบังคับ และระเบียบของทางราชการ
และคณะกรรมการบรหิ ารลกู เสอื แหงชาติ รวมท้งั ถูกตอ งตามแบบธรรมเนยี มของลกู เสอื
(๕) จัดใหม กี ารฝกอบรมหรอื การชมุ นมุ ลูกเสือ ผูบงั คับบัญชาลูกเสอื และเจา หนาท่ีลูกเสอื
(๖) จัดทาํ รายงานประจาํ ปพรอ มงบดุลเสนอคณะกรรมการบริหารลกู เสอื แหง ชาติ
(๗) จดั ใหมที ะเบยี นและสถิตติ าง ๆ เกย่ี วกับลูกเสือ
(๘) ประสานและสง เสรมิ สาํ นักงานลกู เสอื จงั หวัดและสาํ นกั งานลกู เสอื เขตพืน้ ที่การศกึ ษา
(๙) ปฏิบัติหนาท่ีตามท่ีกําหนดไวในขอบังคับและตามมติของคณะกรรมการบริหารลูกเสือ
แหง ชาติ
มาตรา ๒๑ สํานกั งานลกู เสือแหงชาตมิ รี ายได ดงั ตอ ไปนี้
(๑) เงนิ อุดหนุนทั่วไปท่ีรฐั บาลจดั สรรใหตามความเหมาะสมเปน รายป
(๒) เงนิ หรอื ทรพั ยส ินท่ีมผี อู ทุ ิศให
(๓) คา บาํ รุง คาธรรมเนยี ม และคาบรกิ ารอ่ืนตามขอบงั คับคณะกรรมการบริหารลกู เสอื แหงชาติ
(๔) รายไดหรือผลประโยชนท่ีไดจากการลงทุนหรือการรวมลงทุนกับหนวยงานและ
บุคคลภายนอก รวมท้งั ผลประโยชนจ ากทรพั ยส ินทางปญ ญาของสํานักงานลกู เสอื แหงชาติ
(๕) รายไดห รอื ผลประโยชนที่ไดจากทรัพยสินของสํานักงานลูกเสือแหงชาติ และทรัพยสินที่
สาํ นักงานลกู เสือแหง ชาติปกครอง ดแู ล บาํ รงุ รักษา ใช และจดั หาประโยชน
(๖) รายไดหรอื ผลประโยชนอนื่
มาตรา ๒๒ บรรดาเงนิ หรือรายไดข องสํานักงานลูกเสือแหงชาติไมเปนเงินหรือรายไดที่ตอง
นาํ สง คลังตามกฎหมายวาดวยเงนิ คงคลังและกฎหมายวา ดว ยวิธกี ารงบประมาณ
การใชจายเงินหรือรายไดของสํานักงานลูกเสือแหงชาติใหเปนไปเพื่อประโยชนแกกิจการ
ลูกเสือตามขอ บังคบั คณะกรรมการบริหารลูกเสอื แหง ชาติ
มาตรา ๒๓ ใหเลขาธิการสํานักงานลูกเสือแหงชาติเปนผูรับผิดชอบการบริหารงานของ
สาํ นักงานลูกเสอื แหง ชาติและเปนผูบังคับบัญชาพนักงานและลูกจางในสํานักงาน รวมทั้งใหมีอํานาจ
หนาท่ี ดังตอ ไปน้ี

เลม ๑๒๕ ตอนที่ ๔๒ ก หนา ๙๙ ๔ มีนาคม ๒๕๕๑
ราชกจิ จานเุ บกษา

(๑) ควบคมุ ดแู ลทรพั ยสินของสาํ นักงานลกู เสอื แหง ชาติ
(๒) เสนอรายงานประจาํ ปเก่ียวกับผลการดําเนินงานดานตาง ๆ ของสํานักงาน รวมทั้งการเงิน
และบัญชี ตลอดจนกระบวนการดําเนินงาน แผนการเงินและงบประมาณของปถัดไปตอคณะกรรมการ
บริหารลูกเสอื แหงชาติ
(๓) เสนอความเหน็ ตอ คณะกรรมการบริหารลกู เสือแหงชาติเก่ียวกับการปรับปรุงกิจการและ
การดาํ เนนิ งานใหมปี ระสทิ ธภิ าพซ่งึ เปน ไปตามวัตถุประสงคของคณะลูกเสือแหงชาติและตามนโยบาย
ของสภาลูกเสอื ไทย
(๔) บรรจุ แตงต้ัง เล่ือน ลด ตัดเงินเดือนหรือคาจาง และลงโทษทางวินัย พนักงานและ
ลูกจาง ตลอดจนใหพนักงานและลูกจางออกจากตําแหนง ท้ังน้ี ตามขอบังคับคณะกรรมการบริหาร
ลกู เสอื แหง ชาติ
(๕) วางระเบยี บเกี่ยวกบั การดําเนนิ งานของสาํ นักงานลูกเสือแหงชาติ โดยไมขัดหรือแยงกับกฎหมาย
ขอบังคบั และระเบียบของทางราชการและคณะกรรมการบรหิ ารลูกเสือแหง ชาติ
มาตรา ๒๔ ในกิจการท่ีเกี่ยวกับบุคคลภายนอก ใหเลขาธิการสํานักงานลูกเสือแหงชาติ
เปนผแู ทนของสาํ นกั งานลกู เสือแหงชาติ เพ่ือการน้ีเลขาธิการสํานักงานลูกเสือแหงชาติจะมอบอํานาจให
บุคคลใดปฏิบัติหนาท่ีเฉพาะอยางแทนก็ได แตตองเปนไปตามหลักเกณฑท่ีคณะกรรมการบริหาร
ลกู เสือแหงชาติกําหนด
มาตรา ๒๕ กิจการของสาํ นกั งานลูกเสือแหงชาติไมอยูภายใตบังคับแหงกฎหมายวาดวยการ
คุมครองแรงงาน กฎหมายวาดวยแรงงานสัมพันธ กฎหมายวาดวยประกันสังคมและกฎหมายวาดวย
เงินทดแทน
มาตรา ๒๖ การบัญชีของสํานักงานลูกเสือแหงชาติ ใหจัดทําตามมาตรฐานการบัญชีตาม
กฎหมายวาดวยการบัญชี และตองจัดใหมีการตรวจสอบเกี่ยวกับการเงิน การบัญชีและการพัสดุของ
สาํ นักงานลูกเสอื แหง ชาติ ตลอดจนรายงานผลการตรวจสอบใหคณะกรรมการบริหารลูกเสือแหงชาติ
ทราบอยา งนอ ยปล ะคร้งั ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑท ีค่ ณะกรรมการบรหิ ารลูกเสอื แหง ชาติกําหนด
มาตรา ๒๗ ใหสํานักงานลูกเสือแหงชาติจัดทํางบการเงินตามกฎหมายวาดวยการบัญชี
สงผูสอบบญั ชีภายในเกา สบิ วนั นบั แตวนั สนิ้ ปง บประมาณเพอ่ื ตรวจสอบ

เลม ๑๒๕ ตอนท่ี ๔๒ ก หนา ๑๐๐ ๔ มนี าคม ๒๕๕๑
ราชกจิ จานุเบกษา

ใหสํานักงานการตรวจเงินแผนดินหรือบุคคลภายนอกตามที่คณะกรรมการบริหารลูกเสือ
แหงชาติแตงต้ังดวยความเห็นชอบจากสํานักงานการตรวจเงินแผนดินเปนผูสอบบัญชีของสํานักงาน
ลกู เสอื แหงชาติ และใหท ําการตรวจสอบรับรองบัญชีและการเงินของสํานักงานลูกเสือแหงชาติทุกรอบ
ปงบประมาณ แลวทํารายงานผลการสอบบัญชีเสนอตอคณะกรรมการบริหารลูกเสือแหงชาติภายใน
หน่ึงรอ ยแปดสบิ วนั นับแตวนั สน้ิ ปง บประมาณทุกป

สวนที่ ๓
ลูกเสือจังหวัด

มาตรา ๒๘ ในแตล ะจังหวดั ใหจัดระเบียบการปกครองลกู เสอื ตามเขตจังหวัด
สําหรบั การจัดระเบียบการปกครองลูกเสือในกรุงเทพมหานครและองคกรปกครองสวนทองถ่ิน
ท่ีมกี ฎหมายจดั ตงั้ เปน รูปแบบพเิ ศษใหเ ปน ไปตามทีก่ ําหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๒๙ ใหม ีคณะกรรมการลูกเสือจังหวัด ประกอบดวย
(๑) ผูวาราชการจังหวดั เปนประธานกรรมการ
(๒) กรรมการโดยตําแหนง ไดแก รองผูวาราชการจังหวัด เปนรองประธานกรรมการ
ปลัดจังหวดั นายกเหลากาชาดจังหวัด ผูบ ังคบั การตํารวจภูธรจงั หวดั นายกองคการบริหารสวนจังหวัด
นายอาํ เภอ นายกเทศมนตรี นายกสมาคมการศกึ ษาเอกชนจงั หวัด และผูอํานวยการสํานักงานเขตพ้ืนที่
การศกึ ษา
(๓) กรรมการประเภทผูแทนจํานวนหา คน ไดแก ผแู ทนสถาบันอุดมศึกษา ผูแทนสถานศึกษา
อาชวี ศกึ ษา ผูแ ทนคา ยลูกเสือจังหวัด ผูแ ทนสมาคมหรอื สโมสรลูกเสือ และผูแทนจากลูกเสือชาวบาน
ซึง่ เลือกกนั เองกลุมละหน่ึงคน
(๔) กรรมการผทู รงคุณวุฒิจํานวนไมเกินสิบคน ซ่ึงประธานกรรมการแตงต้ังโดยคําแนะนํา
ของกรรมการลูกเสือจงั หวัดตาม (๒) และ (๓) ในจํานวนน้ีจะตองแตงต้ังจากภาคเอกชนไมนอยกวา
กึ่งหน่ึง
ใหผูอํานวยการสํานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาเขต ๑ เปนกรรมการและเลขานุการ
ใหผ ูอํานวยการศูนยการศึกษานอกโรงเรียนจังหวัด เปนกรรมการและผชู วยเลขานุการ

เลม ๑๒๕ ตอนที่ ๔๒ ก หนา ๑๐๑ ๔ มีนาคม ๒๕๕๑
ราชกิจจานเุ บกษา

หลักเกณฑแ ละวิธกี ารในการเลือกกรรมการตาม (๓) ใหเปนไปตามขอบังคับคณะกรรมการ
บริหารลกู เสือแหง ชาติ

มาตรา ๓๐ ใหน าํ บทบญั ญตั มิ าตรา ๑๖ มาใชบังคับกับวาระการดํารงตําแหนงและการพน
จากตําแหนง ของกรรมการตามมาตรา ๒๙ (๓) และ (๔) โดยอนโุ ลม

มาตรา ๓๑ คณะกรรมการลกู เสือจังหวัดมีอาํ นาจหนาทีภ่ ายในเขตจังหวดั ดังตอ ไปนี้
(๑) ควบคุมดูแลกิจการลูกเสือใหเปนไปตามกฎหมาย ขอบังคับ และระเบียบของทาง
ราชการและคณะกรรมการบริหารลกู เสอื แหง ชาติ
(๒) สง เสริมและสนบั สนุนความมั่นคงและความเจริญกาวหนา ของกิจการลกู เสอื
(๓) สนับสนนุ และสงเสรมิ ใหม ีการพัฒนาบุคลากรทางการลกู เสอื
(๔) ควบคมุ ดูแลทรัพยส ินในกิจการของลูกเสือจังหวัด
(๕) พจิ ารณาคาํ ขอการจดั ตง้ั คา ยลูกเสือตามมาตรา ๓๒
(๖) พจิ ารณารายงานประจาํ ปข องสํานักงานลกู เสอื จังหวัด
(๗) ใหความเห็นชอบแผนปฏิบัติการประจาํ ป
(๘) ใหคาํ แนะนาํ ผูอํานวยการลูกเสือเขตพื้นท่ีการศกึ ษาในการปฏิบตั ิงานลูกเสอื
(๙) จัดใหมที ะเบียนและสถติ ิตาง ๆ เกีย่ วกับการดําเนินกจิ การลูกเสือ
(๑๐) ออกระเบียบปฏิบตั ิเกยี่ วกับกิจการลูกเสอื เพื่อความเหมาะสมแกการปกครองในจังหวัด
ซ่ึงจะตอ งไมข ัดหรอื แยงกับกฎหมาย ขอบงั คับ และระเบียบของทางราชการและคณะกรรมการบริหาร
ลูกเสอื แหง ชาติ
(๑๑) จัดทํารายงานประจําปและรายงานท่ีเกี่ยวของกับกิจการลูกเสือในจังหวัดเสนอตอ
คณะกรรมการบรหิ ารลกู เสอื แหง ชาติ
(๑๒) แตงต้ังคณะอนุกรรมการเพ่ือดําเนินการอยางหน่ึงอยางใด ตามที่คณะกรรมการลูกเสือ
จงั หวดั มอบหมาย
(๑๓) ปฏบิ ตั งิ านอื่นตามที่คณะกรรมการบรหิ ารลกู เสือแหง ชาติมอบหมาย
มาตรา ๓๒ การจดั ตั้งคา ยลกู เสอื ในจงั หวดั ใดตองไดรับอนุญาตเปนหนังสือจากคณะกรรมการ
ลกู เสอื จงั หวัด และใหคณะกรรมการลูกเสือจังหวัดรายงานตอ คณะกรรมการบริหารลกู เสือแหง ชาติทราบ

เลม ๑๒๕ ตอนท่ี ๔๒ ก หนา ๑๐๒ ๔ มนี าคม ๒๕๕๑
ราชกิจจานุเบกษา

การขออนุญาตและการอนุญาตใหเ ปนไปตามหลักเกณฑ วิธกี าร และเง่อื นไขท่ีคณะกรรมการ
บริหารลกู เสือแหง ชาติกาํ หนด

มาตรา ๓๓ ใหมีสํานักงานลูกเสือจังหวัดอยูในสํานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาเขต ๑
โดยมผี อู าํ นวยการสํานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาเขต ๑ เปนหัวหนาสํานักงานลูกเสือจังหวัด บังคับบัญชา
และรับผิดชอบการดําเนินงานของสํานักงานลูกเสือจังหวัด และใหผูอํานวยการศูนยการศึกษา
นอกโรงเรยี นจังหวัดเปน ผูช ว ยหัวหนา สํานกั งานลกู เสอื จังหวดั

มาตรา ๓๔ การจัดตั้งคายลูกเสือ การขออนุญาต และการอนุญาตสําหรับคายลูกเสือ
ในกรุงเทพมหานคร ใหนาํ บทบัญญตั มิ าตรา ๓๒ มาใชบ งั คบั โดยอนโุ ลม

สว นท่ี ๔
ลกู เสอื เขตพ้นื ที่การศึกษา

มาตรา ๓๕ ใหม ีสาํ นกั งานลกู เสือเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษา เพื่อการบริหารงานลูกเสือในเขตพ้ืนที่
การศึกษานั้น

มาตรา ๓๖ ใหมคี ณะกรรมการลกู เสอื เขตพน้ื ที่การศกึ ษา ประกอบดว ย
(๑) ผูอํานวยการสาํ นักงานเขตพื้นทีก่ ารศึกษา เปนประธานกรรมการ
(๒) กรรมการโดยตําแหนง ไดแ ก ผูกํากับการสถานีตํารวจภูธรของทุกอําเภอในเขตพื้นท่ี
การศกึ ษา หรือผูก าํ กับการสถานตี าํ รวจนครบาลของทุกสถานใี นเขตพนื้ ที่การศึกษาของกรงุ เทพมหานคร
(๓) กรรมการประเภทผแู ทน ไดแ ก ผแู ทนองคกรปกครองสวนทองถ่ิน ผูแทนสถานศึกษา
ในสังกัดเขตพ้ืนที่การศึกษา ผูแทนสถานศึกษาเอกชน ผูแทนสถานศึกษาอาชีวศึกษา ผูแทน
สถาบันอุดมศึกษา ผูแทนศูนยบริการการศึกษานอกโรงเรียนอําเภอ ผูแทนคายลูกเสือ และผูแทน
สมาคมหรอื สโมสรลูกเสือ ซ่งึ เลอื กกันเองกลุมละหนง่ึ คน
(๔) กรรมการผทู รงคณุ วุฒิจาํ นวนไมเกนิ เจด็ คน ซึ่งประธานกรรมการแตงตั้งโดยคําแนะนํา
ของกรรมการตาม (๒) และ (๓) ในจํานวนน้จี ะตอ งแตง ต้งั จากภาคเอกชนไมนอยกวากง่ึ หน่ึง

เลม ๑๒๕ ตอนที่ ๔๒ ก หนา ๑๐๓ ๔ มีนาคม ๒๕๕๑
ราชกจิ จานเุ บกษา

ใหรองผูอํานวยการสํานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาที่ไดรับมอบหมายเปนกรรมการและ
เลขานุการ และใหผูอํานวยการสํานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาแตงต้ังขาราชการในสํานักงานเขตพื้นท่ี
การศึกษาอกี ไมเกินสองคนเปน ผชู ว ยเลขานกุ าร

หลกั เกณฑแ ละวิธกี ารในการเลือกกรรมการตาม (๓) ใหเปนไปตามขอบังคับคณะกรรมการ
บริหารลูกเสอื แหง ชาติ

มาตรา ๓๗ ใหน าํ บทบัญญัติมาตรา ๑๖ มาใชบังคับกับวาระการดํารงตําแหนงและการพน
จากตําแหนง ของกรรมการตามมาตรา ๓๖ (๓) และ (๔) โดยอนุโลม

มาตรา ๓๘ ใหคณะกรรมการลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษามีอํานาจหนาท่ีภายในเขตพ้ืนที่
การศกึ ษา ดังตอไปนี้

(๑) ควบคุมดูแลกิจการลูกเสือใหเปนไปตามกฎหมาย ขอบังคับ และระเบียบของทาง
ราชการและคณะกรรมการบรหิ ารลกู เสอื แหงชาติ

(๒) สง เสริมและสนับสนนุ ความมัน่ คงและความเจริญกา วหนาของกจิ การลูกเสือ
(๓) สง เสริมและสนบั สนุนใหมกี ารจดั กจิ กรรมลูกเสอื ท้ังในและนอกสถานศกึ ษา
(๔) ควบคมุ ดูแลทรัพยส นิ ในกิจการของลกู เสือเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษา
(๕) พิจารณารายงานประจําปของสํานักงานลูกเสือเขตพื้นท่ีการศึกษาและรายงานให
คณะกรรมการลกู เสือจังหวัดทราบ
(๖) ใหความเห็นชอบในแผนปฏบิ ัตกิ ารประจาํ ป
(๗) ใหค าํ แนะนําแกผ อู าํ นวยการสถานศกึ ษาในการปฏิบัติงานหรือจัดกจิ กรรมลกู เสือ
(๘) จัดใหม ีทะเบยี นและสถติ ิตาง ๆ เกย่ี วกับลูกเสือ
(๙) กาํ กบั ดแู ล สนบั สนนุ และสง เสริมกจิ การลกู เสือชาวบา นในเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษา
(๑๐) ออกระเบยี บปฏบิ ัติเกีย่ วกับกิจการลูกเสือ เพอ่ื ความเหมาะสมแกการปกครองในเขตพื้นท่ี
การศกึ ษา ซงึ่ จะตองไมข ดั แยง กบั กฎหมาย ขอบังคับ และระเบียบของทางราชการและคณะกรรมการ
บริหารลูกเสือแหง ชาติ

เลม ๑๒๕ ตอนที่ ๔๒ ก หนา ๑๐๔ ๔ มีนาคม ๒๕๕๑
ราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๓๙ ใหม สี าํ นกั งานลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษาอยูในสํานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาน้ัน
โดยมีผูอํานวยการสํานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาเปนหัวหนาสํานักงานลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษา
บังคับบัญชาและรับผิดชอบการดําเนินงานของสํานักงานลูกเสือเขตพ้ืนท่ีการศึกษา และใหรอง
ผูอํานวยการสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาซ่ึงผูอํานวยการสํานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามอบหมาย
เปนผูชว ยหวั หนาสํานกั งานลกู เสือเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษา

สว นท่ี ๕
ทรัพยส นิ ของสํานกั งานลกู เสอื แหงชาติ

มาตรา ๔๐ บรรดาอสังหาริมทรัพยที่สํานักงานลูกเสือแหงชาติไดมาโดยมีผูอุทิศใหหรือ
ไดม าจากการให ซื้อดวยเงินรายไดของสํานักงาน หรือแลกเปลี่ยนกับทรัพยสินของสํานักงานลูกเสือ
แหงชาติ หรือไดมาโดยวิธีอ่ืน ไมถือเปนท่ีราชพัสดุ และใหเปนกรรมสิทธ์ิของสํานักงานลูกเสือ
แหงชาติ

การจําหนายหรือแลกเปลี่ยนอสังหาริมทรัพยของสํานักงานตามวรรคหน่ึงใหกระทําไดก็แต
โดยพระราชบญั ญัติ เวน แตเ ปนการโอนกรรมสิทธ์ิใหแกสวนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหนวยงานอ่ืน
ของรัฐ เม่ือคณะกรรมการบริหารลูกเสือแหงชาติไมขัดของและไดรับคาตอบแทนจากสวนราชการ
รัฐวสิ าหกิจ หรอื หนวยงานนั้นแลว ใหก ระทําโดยพระราชกฤษฎีกา

มาตรา ๔๑ ทรัพยสินที่มีผูอุทิศใหแกสํานักงานลูกเสือแหงชาติจะตองจัดการตามเงื่อนไข
ท่ีผูอุทิศใหกําหนดไว และตองเปนไปตามวัตถุประสงคของสํานักงานลูกเสือแหงชาติ แตถามีความ
จําเปน ตองเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขดังกลาว สาํ นกั งานลกู เสือแหงชาติตองไดรับความยินยอมจากผูอุทิศให
หรอื ทายาท หากไมม ที ายาทหรอื ทายาทไมปรากฏจะตองไดรับอนุมัติจากคณะกรรมการบริหารลูกเสือ
แหง ชาติ

เลม ๑๒๕ ตอนที่ ๔๒ ก หนา ๑๐๕ ๔ มนี าคม ๒๕๕๑
ราชกจิ จานเุ บกษา

มาตรา ๔๒ ทรพั ยสินของสาํ นักงานลกู เสือแหงชาติไมอยูในความรับผิดแหงการบังคับคดี
และบคุ คลใดจะยกอายคุ วามขน้ึ เปน ขอ ตอ สกู บั สํานักงานลกู เสอื แหง ชาตใิ นเรือ่ งทรัพยสนิ มไิ ด

หมวด ๓
การจัดกลมุ ประเภท และตําแหนงลูกเสือ

มาตรา ๔๓ การต้ัง การยบุ การจัดหนวยลูกเสือ เหลาลูกเสือ และประเภทลูกเสือท้ังปวง
ใหเปนไปตามหลกั เกณฑแ ละวิธกี ารที่กําหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๔๔ การเขาเปนลูกเสือ การออกจากลูกเสือ การจัดประเภท ชั้น เหลา และ
การฝก อบรมลูกเสือในสถานศึกษาหรือนอกสถานศกึ ษา ใหเปนไปตามขอบังคับคณะกรรมการบริหาร
ลูกเสอื แหง ชาติ

มาตรา ๔๕ ตําแหนง ผูบ งั คับบญั ชาลูกเสอื มลี าํ ดบั ดงั ตอ ไปน้ี
(๑) ผูอ าํ นวยการใหญ
(๒) รองผอู ํานวยการใหญ
(๓) ผูชวยผอู าํ นวยการใหญ
(๔) ผอู ํานวยการลูกเสือจังหวัด
(๕) รองผูอํานวยการลกู เสอื จังหวดั
(๖) ผูช วยผูอํานวยการลูกเสือจังหวัด
(๗) ผอู ํานวยการลกู เสือเขตพ้นื ที่การศกึ ษา
(๘) รองผอู ํานวยการลกู เสอื เขตพ้นื ท่ีการศึกษา
(๙) ผูอํานวยการลกู เสือโรงเรียน
(๑๐) รองผอู าํ นวยการลกู เสอื โรงเรยี น
(๑๑) ผูกํากับกลุม ลกู เสือ
(๑๒) รองผกู ํากบั กลมุ ลกู เสือ

เลม ๑๒๕ ตอนที่ ๔๒ ก หนา ๑๐๖ ๔ มีนาคม ๒๕๕๑
ราชกิจจานุเบกษา

(๑๓) ผูกํากับกองลูกเสอื

(๑๔) รองผูกาํ กบั กองลูกเสอื

(๑๕) นายหมูลูกเสอื

(๑๖) รองนายหมูลกู เสอื
มาตรา ๔๖ ใหร ฐั มนตรีวาการกระทรวงศึกษาธิการเปนผูอํานวยการใหญ ปลัดกระทรวง
ศึกษาธิการ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
เปนรองผูอาํ นวยการใหญ และรองปลัดกระทรวงศกึ ษาธิการ เปนผูช ว ยผอู าํ นวยการใหญ
ใหผูวาราชการจังหวัดเปนผูอํานวยการลูกเสือจังหวัด รองผูวาราชการจังหวัดเปน
รองผูอาํ นวยการลกู เสือจังหวัด และปลดั จงั หวดั เปน ผชู ว ยผูอ ํานวยการลูกเสือจังหวัด
ใ ห ผู อํ า น ว ย ก า ร เ ข ต พ้ื น ท่ี ก า ร ศึ ก ษ า เ ป น ผู อํ า น ว ย ก า ร ลู ก เ สื อ เ ข ต พ้ื น ท่ี ก า ร ศึ ก ษ า แ ล ะ
รองผูอ าํ นวยการเขตพน้ื ที่การศกึ ษาเปนรองผอู าํ นวยการลกู เสอื เขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา
การแตงตั้งผูบังคับบัญชาลูกเสือตามมาตรา ๔๕ (๙) ถึง (๑๖) ใหเปนไปตามขอบังคับ
คณะกรรมการบรหิ ารลกู เสือแหง ชาติ
มาตรา ๔๗ ตาํ แหนง ผตู รวจการลกู เสอื มลี ําดบั ดังตอ ไปน้ี
(๑) ผตู รวจการใหญพ ิเศษ
(๒) ผตู รวจการใหญ
(๓) รองผูตรวจการใหญ
(๔) ผูตรวจการลกู เสอื ประจําสํานกั งานลกู เสือแหง ชาติ
(๕) รองผูต รวจการลกู เสอื ประจาํ สาํ นกั งานลูกเสือแหง ชาติ
(๖) ผชู ว ยผตู รวจการลูกเสือประจําสํานกั งานลกู เสอื แหงชาติ
(๗) ผตู รวจการลูกเสือจงั หวัด
(๘) รองผตู รวจการลกู เสอื จงั หวดั
(๙) ผชู ว ยผตู รวจการลกู เสอื จงั หวดั
(๑๐) ผตู รวจการลูกเสือเขตพ้ืนที่การศกึ ษา
(๑๑) รองผูตรวจการลกู เสอื เขตพน้ื ท่ีการศกึ ษา

เลม ๑๒๕ ตอนท่ี ๔๒ ก หนา ๑๐๗ ๔ มีนาคม ๒๕๕๑
ราชกจิ จานเุ บกษา

มาตรา ๔๘ ใหน ายกรัฐมนตรีเปนผูตรวจการใหญพิเศษ รองนายกรฐั มนตรี และรฐั มนตรวี าการ
กระทรวงมหาดไทย เปนผูตรวจการใหญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผูตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ
อธิบดกี รมการปกครอง และอธิบดกี รมสงเสรมิ การปกครองทองถน่ิ เปนรองผตู รวจการใหญ

การแตงตัง้ ผูตรวจการลกู เสอื และการกําหนดหนา ทขี่ องผูตรวจการลกู เสอื ตามมาตรา ๔๗ (๔)
ถงึ (๑๑) ใหเปน ไปตามขอ บังคบั คณะกรรมการบรหิ ารลูกเสอื แหง ชาติ

มาตรา ๔๙ ผตู รวจการลูกเสอื มีหนา ทตี่ รวจตรา แนะนํา ช้ีแจง และรายงานเพ่ือใหการ
บรหิ ารงานลกู เสือเปน ไปตามนโยบาย ขอบงั คบั ระเบียบ และแบบธรรมเนยี มของลูกเสือ

หมวด ๔
ธง เครือ่ งแบบ และการแตง กาย

มาตรา ๕๐ ใหมีธงคณะลกู เสอื แหงชาติ และธงลูกเสือประจําจังหวัดโดยรับพระราชทาน
จากประมุขของคณะลกู เสือแหงชาติ

ใหม ธี งคณะลูกเสอื ไทยและธงลกู เสอื อ่ืน ๆ เพ่ือประโยชนใ นการรว มกจิ กรรมระดับนานาชาติ
ทัง้ นี้ ใหเปนไปตามทกี่ าํ หนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๕๑ เคร่ืองแบบและการแตง กายลูกเสอื ใหเปนไปตามทีก่ ําหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๕๒ ลูกเสือตองปฏิบัติตามวินัยซึ่งกําหนดไวในขอบังคับคณะกรรมการบริหาร
ลกู เสอื แหงชาติ และตามแบบธรรมเนียมของลูกเสอื

หมวด ๕
เหรียญลกู เสือ และการยกยองเชิดชูเกียรติ

มาตรา ๕๓ ใหมีเคร่ืองราชอิสริยาภรณอันเปนสิริย่ิงรามกีรติ ลูกเสือสดุดี ชั้นพิเศษ
ไวสําหรับพระราชทานแกผูที่ไดรับพระราชทานเหรียญลูกเสือสดุดีชั้นที่หนึ่งและไดมีอุปการคุณ
ชวยเหลือกิจการลูกเสืออยางตอเน่ืองมาแลวไมนอยกวาหาป นับแตวันที่ไดรับพระราชทานเหรียญ
ลูกเสอื สดดุ ีชน้ั ท่หี น่ึง

เลม ๑๒๕ ตอนที่ ๔๒ ก หนา ๑๐๘ ๔ มนี าคม ๒๕๕๑
ราชกจิ จานเุ บกษา

มาตรา ๕๔ เคร่ืองราชอสิ ริยาภรณต ามมาตรา ๕๓ เปนดวงตรา ดา นหนามลี กั ษณะเปนรูปไข
พื้นลงยาสีนํ้าเงิน ขนาดกวาง ๒.๕ เซนติเมตร ยาว ๓.๓ เซนติเมตร กลางดวงตรามีตราหนาเสือ
ประกอบวชิระเงินลอมดวยเม็ดไขปลาสีทองและมีรัศมีเงินโดยรอบแปดแฉกคั่นดวยกระจังสีทอง
เบ้อื งบนมีพระมหามงกฎุ รศั มีฉลุโปรง และเลข “๙” สีทอง ดานหลังกลางดวงตราเปนดุม พ้ืนลงยาสีมวง
มีรูปตราของคณะลูกเสือโลก เบ้ืองลางมีอักษรสีเงินวา “เราจะทํานุบํารุงกิจการลูกเสือสืบไป”
ที่ขอบสวนบนของดวงตรามีหวงหอยแพรแถบสําหรับคลองคอ ขนาดกวาง ๔ เซนติเมตร
มรี วิ้ สเี หลอื งกวาง ๒.๒ เซนติเมตร อยูกลางริมทั้งสองขางมีริ้วสีขาวกวาง ๓ มิลลิเมตร และร้ิวสีดํา
กวาง ๖ มิลลเิ มตร

มาตรา ๕๕ ใหมเี หรยี ญลกู เสอื สรรเสริญเปน เครอ่ื งราชอิสริยาภรณไวสําหรับพระราชทาน
แกลกู เสอื และบคุ ลากรทางการลูกเสอื ผูมีความดีความชอบตามทีบ่ ญั ญตั ไิ วใ นมาตรา ๕๗

มาตรา ๕๖ เหรยี ญลูกเสือสรรเสรญิ เปนเหรยี ญเงินมีลักษณะกลมรี ขนาดกวาง ๒.๕ เซนตเิ มตร
ยาว ๓.๒ เซนติเมตร ดานหนาตรงกลางมีตราหนาเสือประกอบวชิระ ริมขอบสวนบนมีอักษรวา
“ลูกเสือ” และสวนลางมีอักษรวา “เสียชีพอยาเสียสัตย” ตราหนาเสือประกอบวชิระและตัวอักษร
ใหท าํ เปน ลายดุน ดา นหลงั เปนพืน้ เกลี้ยงจารกึ นาม เลขหมายประจาํ ตัวของผซู ่ึงไดรับพระราชทานนาม
หนวยลูกเสือท่ีสังกัด และวันที่พระราชทาน ท่ีขอบสวนบนของเหรียญมีหวงหอยแพรแถบ
ขนาดกวาง ๒.๔ เซนติเมตร มีร้ิวสีดํากวาง ๑.๒ เซนติเมตร อยูกลาง ริมทั้งสองขางมีริ้วสีเหลือง
กวา ง ๖ มิลลเิ มตร ประดบั ท่อี กเสอ้ื เหนือปกกระเปา เบ้อื งซา ย

เหรียญลกู เสอื สรรเสริญ มีลาํ ดบั เปน สามชั้น ดังตอไปน้ี
ชั้นที่หน่งึ มเี ฟลอรเดอลสี  ทําดว ยโลหะเงินประดบั ที่แพรแถบสองดอกตามแนวนอน
ช้ันที่สอง มีเฟลอรเดอลสี  ทําดวยโลหะเงินประดบั ทแี่ พรแถบตรงกง่ึ กลางหน่งึ ดอก
ช้ันท่ีสาม ไมมเี ฟลอรเดอลสี ประดับทแ่ี พรแถบ
มาตรา ๕๗ เหรียญลูกเสือสรรเสริญช้ันท่ีหน่ึง จะพระราชทานแกผูมีความดี ความชอบ
ซงึ่ ไดทาํ การรักษาความปลอดภัยหรอื สนั ตสิ ุขเพอ่ื ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริยหรือไดชวยชีวิตผูตกอยู
ในอันตราย ท้ังน้ี โดยตนเองไดฝาอันตรายจนถึงขนาดที่สมควรไดรับพระราชทานเหรียญน้ี
หรอื ตนเองไดประสบอนั ตรายถึงทุพพลภาพหรอื ถึงเสียชวี ิต

เลม ๑๒๕ ตอนที่ ๔๒ ก หนา ๑๐๙ ๔ มีนาคม ๒๕๕๑
ราชกจิ จานเุ บกษา

เหรียญลูกเสือสรรเสริญช้ันท่ีสอง จะพระราชทานแกผูมีความดีความชอบซึ่งไดชวยชีวิต
ผตู กอยูในอันตรายโดยตนเองไดประสบอนั ตรายหรือฝา อนั ตราย หรอื แกผซู งึ่ ไดทําความดีความชอบใน
ขอ ตอไปนี้ ทกุ ขอ รวมกันไมน อ ยกวาหน่งึ รอ ยครั้ง และในแตละขอ ไมนอยกวาสิบครั้ง คือ

(๑) ชวยเหลอื ผไู ดรบั ทกุ ขยากลําบากทค่ี วรชว ย
(๒) ชวยเหลอื หรอื ปอ งกันผูอ น่ื หรือทรัพยสนิ ของผูอ ื่นใหพ น อันตราย
(๓) ชวยสัตวใ หพนจากการทรมานหรอื พนทุกขเวทนา
(๔) ทาํ การปฐมพยาบาล
(๕) ชวยเหลือราชการ
(๖) ชว ยเหลอื กจิ การอันเปนสาธารณกศุ ล
(๗) ชว ยเหลอื ผูปกครอง
(๘) ชว ยเหลอื กิจการตา ง ๆ ของโรงเรยี น หรอื สถานที่ทํางานซึง่ ไมใชหนา ท่ตี ามปกติ
เหรยี ญลูกเสอื สรรเสรญิ ช้ันทีส่ าม จะพระราชทานแกผูมีความดีความชอบซ่ึงไดชวยชีวิตผูตก
อยูในอันตรายแมเพียงคร้ังเดียว หรือแกผูซึ่งไดทําความดีความชอบตามเกณฑสําหรับเหรียญลูกเสือ
สรรเสรญิ ช้ันทีส่ อง ทุกขอรวมกันไมน อ ยกวาหา สบิ คร้งั และในแตละขอ ไมนอ ยกวาหา คร้ัง
มาตรา ๕๘ ใหมีเหรียญลูกเสือสดุดีเปนเครื่องราชอิสริยาภรณ ไวสําหรับพระราชทาน
แกบุคลากรทางการลูกเสือและบุคคลอ่ืนบรรดาที่มีอุปการคุณตอการลูกเสือถึงขนาด หรือที่ไดอุทิศ
กําลังกายหรือกําลังความคิดในการประกอบกจิ การใหบังเกิดคุณประโยชนแ กการลกู เสือตามที่บัญญัติไว
ในมาตรา ๖๐
มาตรา ๕๙ เหรียญลกู เสอื สดุดเี ปนเหรยี ญเงิน มีลักษณะกลมรีขนาดกวาง ๒.๕ เซนติเมตร
ยาว ๓.๒ เซนติเมตร ดานหนาตรงกลาง มีตราหนาเสือประกอบวชิระ ริมขอบสวนบนมีอักษรวา
“ลูกเสือ” และสวนลางมีอักษรวา “เสียชีพอยาเสียสัตย” ตราหนาเสือประกอบวชิระและตัวอักษร
ใหท ําเปนลายดุน ดานหลังเปนพื้นเกล้ียงจารึกนามของผูซึ่งไดรับพระราชทานและวันที่พระราชทาน
ที่ขอบสวนบนของเหรียญมีหวงหอยแพรแถบ ขนาดกวาง ๒.๔ เซนติเมตร มีร้ิวสีเหลือง
กวาง ๑.๒ เซนติเมตร อยูกลาง ริมทั้งสองขางมีร้ิวสีดํากวาง ๖ มิลลิเมตร ประดับที่อกเส้ือเหนือ
ปกกระเปาเบ้อื งซา ย
เหรยี ญลูกเสอื สดดุ ี มลี าํ ดับเปน สามชัน้ ดงั ตอ ไปนี้

เลม ๑๒๕ ตอนที่ ๔๒ ก หนา ๑๑๐ ๔ มนี าคม ๒๕๕๑
ราชกจิ จานเุ บกษา

ช้ันที่หนง่ึ มเี ข็มวชริ ะ ทําดว ยโลหะเงนิ ประดับที่แพรแถบตรงกึง่ กลางในแนวทางดิง่ หนงึ่ เข็ม
ชั้นท่ีสอง มเี ข็มหนาเสือ ทําดวยโลหะเงนิ ประดบั ทีแ่ พรแถบตรงก่ึงกลางในแนวทางด่ิงหน่ึงเขม็
ชัน้ ท่ีสาม ไมมเี ขม็ วชิระและเข็มหนาเสอื ประดบั ทแี่ พรแถบ
มาตรา ๖๐ เหรียญลูกเสือสดดุ ีชน้ั ทห่ี นงึ่ จะพระราชทานแกผูท่ีมีอุปการคุณตอการลูกเสือ
ถึงขนาด หรือที่ไดอุทิศกําลังกาย หรือกําลังความคิดในการประกอบกิจการใหบังเกิดคุณประโยชน
แกการลกู เสอื อยางยิง่ ตามหลักเกณฑท ี่คณะกรรมการบริหารลูกเสอื แหง ชาติกําหนด
เหรยี ญลกู เสือสดดุ ีช้นั ทสี่ อง จะพระราชทานแกผูที่มีอุปการคุณตอการลูกเสืออยางใดอยางหน่ึง
ดังตอ ไปน้ี
(๑) บริจาคเงินหรือทรัพยส่ิงของตาง ๆ ครั้งเดียวหรือหลายคร้ัง รวมกันเปนจํานวนเงิน
ไมน อ ยกวาทค่ี ณะกรรมการบรหิ ารลกู เสือแหงชาติกําหนด
(๒) ชว ยเหลอื เปนอยางดีในการฝก อบรมผูบงั คับบญั ชาลูกเสือระดับท่ีหน่ึงวิชาผูกํากับลูกเสือ
ข้ันความรูเบ้ืองตนหรือขั้นความรูชั้นสูง โดยอยูประจําตลอดการฝกอบรมไมนอยกวาหาสิบครั้ง
หรือระดับท่ีสอง การใหการฝกอบรมแกผูท่ีผานการฝกอบรมวิชาผูกํากับลูกเสือแลว โดยอยูประจํา
ตลอดการฝกอบรมไมน อ ยกวา ย่สี บิ ครัง้
(๓) ชวยเหลือกิจการลูกเสอื ดา นอนื่ ๆ จนเกิดผลดแี กการลูกเสือติดตอกันมาไมนอยกวาหาป
และปห น่ึง ๆ ไมน อ ยกวา สิบครง้ั
(๔) ชวยเหลือและสง เสรมิ ความสัมพนั ธระหวางคณะลูกเสือไทยกับคณะลูกเสือตางประเทศ
เปน อยางดยี ิง่
เหรยี ญลกู เสือสดุดชี ้นั ทสี่ าม จะพระราชทานแกผูที่มีอุปการคุณตอการลูกเสืออยางใดอยางหน่ึง
ดังตอไปน้ี
(๑) บริจาคเงินหรือทรัพยสิ่งของตาง ๆ ครั้งเดียวหรือหลายคร้ัง รวมกันเปนจํานวนเงิน
ไมน อ ยกวา ท่คี ณะกรรมการบริหารลกู เสือแหงชาติกําหนด
(๒) ชว ยเหลือเปนอยางดใี นการฝกอบรมผูบงั คบั บัญชาลูกเสือระดับท่ีหนึ่งวิชาผูกํากับลูกเสือ
ขั้นความรูเบ้ืองตนหรือขั้นความรูชั้นสูง โดยอยูประจําตลอดการฝกอบรมไมนอยกวายี่สิบหาครั้ง
หรือระดับที่สอง การใหการฝกอบรมแกผูที่ผานการฝกอบรมวิชาผูกํากับลูกเสือแลว โดยอยูประจํา
ตลอดการฝกอบรมไมน อยกวาสบิ ครัง้

เลม ๑๒๕ ตอนท่ี ๔๒ ก หนา ๑๑๑ ๔ มีนาคม ๒๕๕๑
ราชกิจจานเุ บกษา

(๓) ชวยเหลือเปนอยางดีในการฝกอบรมวิชานายหมูลูกเสือหรือวิชาลูกเสือประเภทตาง ๆ
โดยอยูประจําตลอดการฝก อบรมครง้ั ละสามวัน ไมนอ ยกวา หาสิบครั้ง

(๔) ชว ยเหลอื กจิ การลูกเสือดานอื่น ๆ จนเกิดผลดีแกการลูกเสือติดตอกันไมนอยกวาสามป
และปหนง่ึ ๆ ไมน อยกวา หาครงั้

(๕) ชว ยเหลอื และสงเสรมิ ความสัมพันธระหวางคณะลูกเสือไทยกับคณะลูกเสือตางประเทศ
เปน อยางดี

มาตรา ๖๑ ใหม ีเหรียญลูกเสอื ยงั่ ยนื เปนเครอ่ื งราชอิสริยาภรณ ไวส าํ หรับพระราชทานเปน
บําเหนจ็ ความชอบในราชการใหแกบุคลากรทางการลูกเสือท่ีปฏิบัติหนาท่ีอยางตอเน่ืองเปนระยะเวลา
ไมน อยกวา สบิ หา ป ดว ยความวิริยะอุตสาหะ ทาํ งานดว ยความเรียบรอย ไมเ กดิ ความเสยี หาย กอใหเกิด
ผลดตี อกจิ การลกู เสือ ตามหลักเกณฑท ค่ี ณะกรรมการบรหิ ารลูกเสอื แหง ชาตกิ าํ หนด

มาตรา ๖๒ เหรียญลูกเสือย่ังยืน มีลักษณะเปนเหรียญเงินรูปหกเหล่ียมตัวเหรียญหมุนได
ขนาดเสนผาศูนยกลาง ๓.๓ เซนติเมตร มีมุมแหลมอยูดานบนติดกับหวงหอยรอยแพรแถบ
มีขอบสองชัน้ ดา นหนา กลางเหรียญมีหนาเสือประกอบวชิระทําเปนลายดุน ภายในกรอบเปนวงกลม
ยกระดับพนทรายดาน ดานหลังเปนตราคณะลูกเสือแหงชาติ ขอบเหรียญเบื้องลางมีขอความวา
“บําเหน็จแหงความย่ังยืน” อยูบนพื้นพนทรายดาน ดานบนแพรแถบเปนเข็มกลัดมีลักษณะเปนแถบ
โลหะสเี งนิ ภายในมีขอความวา “เสียชีพอยาเสียสัตย” ลอมดวยรูปเกลียวเชือกผูกเปนปมเง่ือนพิรอด
แพรแถบกวาง ๓ เซนติเมตร มีร้ิวสีแดงกวาง ๑๑ มิลลิเมตร อยูกลาง ริมทั้งสองขางมีริ้วสีดํากวาง
๓ มลิ ลเิ มตร ถัดจากริว้ สีดาํ เปนรวิ้ สขี าวกวา ง ๒ มิลลิเมตร และรว้ิ สีเหลืองอยูริมแพรแถบกวาง ๔.๕
มลิ ลเิ มตร ประดับท่ีอกเสอ้ื เหนือปกกระเปา เบอื้ งซาย

มาตรา ๖๓ เมื่อคณะกรรมการบริหารลูกเสือแหงชาติพิจารณาเห็นวา ผูใดสมควรไดรับ

พระราชทานเครื่องราชอสิ ริยาภรณอนั เปนสิริยิง่ รามกรี ติ ลูกเสือสดุดีชัน้ พิเศษ เหรียญลูกเสือสรรเสริญ

เหรียญลกู เสือสดุดี และเหรยี ญลกู เสอื ยง่ั ยนื ใหน าํ ความข้ึนกราบบงั คมทลู ขอรบั พระราชทานตอ ไป

เลม ๑๒๕ ตอนท่ี ๔๒ ก หนา ๑๑๒ ๔ มีนาคม ๒๕๕๑
ราชกจิ จานุเบกษา

มาตรา ๖๔ ผูซึง่ ไดรบั พระราชทานเคร่อื งราชอิสรยิ าภรณอันเปนสิริย่ิงรามกีรติลูกเสือสดุดี

ช้ันพเิ ศษ เหรียญลูกเสอื สรรเสริญ เหรียญลูกเสือสดุดี และเหรียญลูกเสือยั่งยืนทุกช้ันใหประกาศนาม

ในราชกจิ จานเุ บกษา

มาตรา ๖๕ เคร่ืองราชอิสริยาภรณอันเปนสิริยิ่งรามกีรติ ลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ

เหรียญลูกเสือสรรเสริญ เหรียญลูกเสือสดุดี และเหรียญลูกเสือยั่งยืน ใหเปนสิทธิแกผูท่ีไดรับ

พระราชทาน เมือ่ ผไู ดร ับพระราชทานวายชนมใหตกทอดแกทายาทเพอ่ื รกั ษาไวเปนทีร่ ะลกึ

มาตรา ๖๖ ใหมีเข็มลูกเสือสมนาคุณ ไวสําหรับตอบแทนผูมีจิตศรัทธาบริจาคเงินหรือ

ทรพั ยสนิ อยางอ่ืนเพ่ือบาํ รุงการลกู เสือ
เข็มลกู เสอื สมนาคณุ มลี ําดับเปน ส่ีชน้ั ดงั ตอไปน้ี
เข็มลูกเสือสมนาคณุ ช้นั พิเศษ
เขม็ ลูกเสอื สมนาคณุ ช้ันทหี่ นง่ึ
เข็มลูกเสอื สมนาคุณ ชน้ั ทีส่ อง
เข็มลกู เสือสมนาคณุ ช้นั ทส่ี าม
ลักษณะของเข็มลูกเสือสมนาคุณและเงื่อนไขในการใหเข็มลูกเสือสมนาคุณใหเปนไปตาม

ขอ บงั คบั คณะกรรมการบริหารลกู เสอื แหง ชาติ
มาตรา ๖๗ ใหม เี ข็มลกู เสือบาํ เพ็ญประโยชน เพ่ือสงเสรมิ การบาํ เพ็ญประโยชนข องลูกเสอื
ลกั ษณะและประเภทของเขม็ ลูกเสอื บําเพญ็ ประโยชน และเงอ่ื นไขในการใหเขม็ ลกู เสอื บําเพ็ญ

ประโยชนใหเ ปน ไปตามขอบงั คบั คณะกรรมการบริหารลูกเสือแหง ชาติ
มาตรา ๖๘ ผูไดร บั พระราชทานเหรียญท่ีระลึกสาํ หรับลูกเสอื หรอื เหรยี ญลกู เสือสรรเสริญ

อยแู ลวกอนวนั ที่พระราชบญั ญตั นิ ใ้ี ชบ งั คับ จะใชเ หรยี ญน้นั ประดบั หรอื จะใชเหรียญลูกเสือสรรเสริญ
ตามพระราชบัญญตั ินี้ประดับกไ็ ด โดยเทียบชัน้ ดงั นี้คอื

เหรียญทองคําหรือเหรียญลูกเสือสรรเสริญช้ันที่หน่ึง เทียบเทากับเหรียญลูกเสือสรรเสริญ
ชน้ั ท่ีหน่งึ ตามพระราชบัญญตั ิน้ี

เหรยี ญเงินหรือเหรียญลกู เสอื สรรเสริญช้ันที่สอง เทียบเทากับเหรียญลูกเสือสรรเสริญช้ันท่ีสอง
ตามพระราชบญั ญัตนิ ี้

เลม ๑๒๕ ตอนท่ี ๔๒ ก หนา ๑๑๓ ๔ มนี าคม ๒๕๕๑
ราชกิจจานุเบกษา

เหรยี ญโลหะขาวหรือเหรียญลูกเสือสรรเสริญชั้นที่สาม เทียบเทากับเหรียญลูกเสือสรรเสริญ
ช้นั ที่สาม ตามพระราชบญั ญัตินี้

หมวด ๖
บทกาํ หนดโทษ

มาตรา ๖๙ ผูใดแตงเคร่ืองแบบลูกเสือ หรือประดับเคร่ืองหมายลูกเสือโดยไมมีสิทธิ
เพื่อใหบุคคลอ่ืนเช่ือวาตนมีสิทธิ หรือแตงกายเลียนแบบหรือประดับเครื่องหมายเพ่ือใหบุคคลอ่ืน
หลงเชื่อวาตนเปนลูกเสือหรือบุคลากรทางการลูกเสือ ตองระวางโทษจําคุกไมเกินหนึ่งเดือน
หรือปรับไมเกนิ หนึ่งพนั บาท หรือทง้ั จาํ ทัง้ ปรับ

มาตรา ๗๐ ผใู ดทําปลอมเขม็ ลูกเสือสมนาคุณ หรือเข็มลูกเสือบําเพ็ญประโยชนดวยวิธีใด ๆ
ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเกินหนง่ึ ป หรอื ปรบั ไมเ กนิ หนึ่งหม่นื บาท หรอื ทัง้ จาํ ท้งั ปรับ

บทเฉพาะกาล

มาตรา ๗๑ ใหโอนบรรดากิจการ ทรัพยสิน สิทธิ หนี้สิน และงบประมาณของ
คณะลูกเสือแหงชาติตามพระราชบัญญัติลูกเสือ พ.ศ. ๒๕๐๗ ไปเปนของสํานักงานลูกเสือแหงชาติ
ตามพระราชบัญญตั ินี้

ใหโ อนพนักงานและลกู จา งของคณะลูกเสอื แหงชาตติ ามพระราชบญั ญัตลิ กู เสือ พ.ศ. ๒๕๐๗
ไปเปนพนกั งานและลูกจางของสาํ นกั งานลูกเสอื แหงชาติตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี

มาตรา ๗๒ ใหส ภาลกู เสอื แหง ชาติ คณะกรรมการบริหารลูกเสือแหงชาติ คณะกรรมการ
ลูกเสือจังหวัด คณะกรรมการลูกเสืออําเภอ ตามพระราชบัญญัติลูกเสือ พ.ศ. ๒๕๐๗ ปฏิบัติหนาท่ี
ตามพระราชบัญญัตินี้ตอไปจนกวาจะไดมีสภาลูกเสือไทย คณะกรรมการบริหารลูกเสือแหงชาติ
คณะกรรมการลกู เสือจังหวัด และคณะกรรมการลกู เสอื เขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษา ตามพระราชบัญญตั ิน้ี

มาตรา ๗๓ คายลูกเสือใดที่จัดตั้งและดํารงอยูแลวกอนวันที่พระราชบัญญัติน้ีประกาศใน
ราชกจิ จานเุ บกษา ใหถ ือวาไดร บั การอนุญาตเพ่ือจัดตง้ั คายลกู เสือตามพระราชบญั ญตั ินี้

เลม ๑๒๕ ตอนที่ ๔๒ ก หนา ๑๑๔ ๔ มีนาคม ๒๕๕๑
ราชกจิ จานเุ บกษา

มาตรา ๗๔ ในระหวางที่ยังมิไดออกกฎกระทรวง ขอบังคับคณะกรรมการบริหารลูกเสือ
แหงชาติ ระเบยี บ ประกาศ คําส่งั เพอ่ื ปฏบิ ัตกิ ารตามพระราชบัญญัตินี้ ใหนํากฎกระทรวง ขอบังคับ
คณะลูกเสือแหงชาติ ระเบียบ ประกาศ หรือคําสั่งที่ออกตามพระราชบัญญัติลูกเสือ พ.ศ. ๒๕๐๗
ท่ใี ชอยูในวันทพี่ ระราชบญั ญัตนิ ้ีใชบังคับ มาใชบงั คับโดยอนโุ ลม

ผรู บั สนองพระบรมราชโองการ
พลเอก สรุ ยุทธ จุลานนท
นายกรฐั มนตรี

เลม ๑๒๕ ตอนที่ ๔๒ ก หนา ๑๑๕ ๔ มีนาคม ๒๕๕๑
ราชกจิ จานเุ บกษา

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชพ ระราชบัญญัติฉบบั นี้ คอื โดยท่ไี ดมีการปฏิรปู โครงสรางระเบยี บบรหิ าร
ราชการและการจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการขึ้นตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ
กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๖ ทําใหการบริหารงานของสวนราชการท่ีเก่ียวของกับกิจการลูกเสือ
เปล่ียนแปลงไป ประกอบกบั กฎหมายวาดวยลกู เสือไดใชบ งั คบั มาเปนเวลานานและไมส อดคลองกับสภาพการณ
ในปจจุบัน จึงสมควรปรับปรุงบทบัญญัติของกฎหมายดังกลาว เพ่ือกําหนดการดําเนินการของลูกเสือ
องคป ระกอบและอํานาจหนาที่ของคณะลูกเสือแหงชาติ คณะกรรมการบริหารลูกเสือแหงชาติ คณะกรรมการ
ลูกเสอื จงั หวัด และคณะกรรมการลกู เสอื เขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษา ตลอดจนสมควรกาํ หนดภารกิจใหสอดคลองกับการ
ลูกเสือของนานาประเทศ ท้ังน้ี เพื่อใหการลูกเสือมีความเจริญกาวหนาและสรางความสามัคคีแกคนในชาติ
จึงจําเปน ตอ งตราพระราชบัญญัติน้ี

แผนผงั กำรจัดหำรำ

อสงั หำรมิ ทรัพย์ ท่ดี นิ ข
(ไม

ท่ดี นิ ข
(เ

รำยได

รำยไดข้ องสำนักงำนลกู เสอื รำ
แห่งชำติ รำยไ

สงั หำริมทรัพย์ รำยได

รำยได

ำยได้ของส่วนพฒั นำรำยได้ ส่วนอำนวยกำรดำเนินกำรเร่อื งทีด่ ิน
และสิ่งก่อสรำ้ ง รวมถงึ สัญญำเชำ่
ของสำนักงำนลูกเสือแหง่ ชำติ สว่ นพัฒนำรำยได้และสทิ ธิประโยชนด์ ูแลบรหิ ำร
มเ่ ปน็ คำ่ ยลูกเสือ) 60 โฉนด สญั ญำเช่ำที่ดนิ และส่งิ กอ่ สรำ้ ง
สว่ นกจิ กำรคำ่ ยลูกเสือเป็นผูด้ แู ล
ของสำนักงำนลูกเสอื แหง่ ชำติ
เปน็ คำ่ ยลูกเสือ) 30 โฉนด บรหิ ำรจดั กำรคำ่ ยลกู เสอื
ด้จำกตรำสัญลกั ษณข์ อง สลช. กำรอนญุ ำตใหใ้ ชต้ รำสัญลักษณ์

ำยได้จำกลิขสทิ ธิข์ อง สลช. กำรอนญุ ำตให้ผลติ เคร่ืองแบบลูกเสอื
และเครอ่ื งหมำยประกอบ ตำมกฎกระทรวง
ได้จำกแบบพิมพแ์ ละหลกั สูตร
ของ สลช. กำรอนุญำตใหใ้ ชเ้ พลงลูกเสือ
กำรอนญุ ำตให้พิมพ์แบบพิมพ์
ด้อ่ืนตำมพระรำชบัญญัตลิ ูกเสือ
พ.ศ. 2551 และหลกั สูตรตำ่ งๆ

ดท้ ีอ่ ยใู่ นบญั ชขี องหนว่ ยงำนอ่นื ค่ำบำรุงลกู เสือ เนตรนำรี บคุ ลำกรทำงกำรลูกเสอื
ตำมพระรำชบญั ญตั เิ ดมิ
ค่ำบำรงุ กำรฝึกอบรม (คำ่ บีพ)ี

กำรจำหน่ำยสินคำ้ และวุฒบิ ัตร

โอนมำยังรำยได้ของสำนักงำนลกู เสือแห่งชำติ
ตำมพระรำชบัญญัติลูกเสือ พ.ศ. 2551

แผนปฏิบตั ิการส่วนพฒั นารายได้และสทิ ธิประโยชน์ หน้า 55

ขอ้ มูลทด่ี ินและกำรใช้ประโยชนจ์ ำกท่ดี นิ ของสำนักงำนลกู เสือแหง่ ชำติ

จำนวนท่ีดนิ และกำรใช้ประโยชนใ์ นทีด่ ิน
ของสำนกั งำนลูกเสือแห่งชำติ

ทีด่ นิ ที่เปล่ียนชอ่ื ในโฉนดท่ีดนิ เป็นชอื่ สำนักงำนลูกเสือแหง่ ชำติและทำกำรรงั วัดสอบเขตทดี่ นิ แลว้ ดงั น้ี
1. ภำคเหนือ จำนวน 4 จงั หวดั คือ จงั หวัดอุทยั ธำนี,จงั หวัดลำปำง,จังหวัดเพชรบรู ณ์ และจงั หวดั น่ำน
2. ภำคกลำง จำนวน 6 จังหวดั คอื กรงุ เทพมหำนคร,จังหวัดชลบรุ ,ี จังหวดั สมทุ รสำคร,

จังหวัดประจวบคีรีขันธ์,จังหวดั รำชบุร,ี จงั หวัดสพุ รรณบุรี
3. ภำคใต้ จำนวน 3 จังหวดั คอื จังหวัดระนอง,จงั หวดั ตรัง,จังหวัดสงขลำ

รวมทั้งสนิ้ 58 โฉนด

ที่ดินทไ่ี ด้มำเพิม่ เติม และยังไม่เปล่ยี นชื่อเป็นสำนกั งำนลกู เสอื แหง่ ชำติ มีดังน้ี
1. จังหวดั นครปฐม 4 โฉนด
2. จงั หวดั เพชรบุรี 1 โฉนด
3. จังหวดั สุพรรณบรุ ี 1 โฉนด
4. จังหวัดรำชบุรี 1 โฉนด

รวมทั้งส้นิ 7 โฉนด

ท่ีดินทเ่ี ป็นคำ่ ยลูกเสือ (มีวัตถุประสงคใ์ นกำรใช้ทีด่ นิ ) จำนวน 8 จังหวัด ดงั นี้
1. ภำคเหนอื จำนวน 2 จงั หวดั คอื จังหวัดอุทยั ธำนี และจังหวัดลำปำง
2. ภำคกลำง จำนวน 5 จังหวดั คือ กรงุ เทพมหำนคร,จงั หวดั ชลบุร,ี จังหวัดสมุทรสำคร,

จังหวดั ประจวบครี ีขันธ์,จงั หวดั รำชบรุ ี
3. ภำคใต้ จำนวน 1 จังหวดั คอื จังหวัดตรัง
ท่ดี นิ ที่ไมเ่ ป็นค่ำยลูกเสือ (อสังหำรมิ ทรพั ยเ์ พื่อกำรลงทุน) จำนวน 9 จังหวดั ดังน้ี
1. ภำคเหนอื จำนวน 2 จังหวดั คือจังหวดั เพชรบรู ณ์ และจังหวัดนำ่ น

1.1 จังหวดั เพชรบรู ณ์ เป็นทดี่ ินว่ำงเปลำ่ รอกำรจดั หำประโยชน์
1.2 จังหวดั น่ำน เปน็ ที่ดินวำ่ งเปลำ่ รอกำรจดั หำประโยชน์
2. ภำคกลำง จำนวน 4 จงั หวัด คือ จังหวัดรำชบุรี,จงั หวดั สุพรรณบรุ ี,จังหวัดนครปฐม และจงั หวดั เพชรบรุ ี
2.1 จังหวัดรำชบรุ ี หน่วยงำนรำชกำร 3 หนว่ ยงำน เชำ่ อยู่ ยังไมท่ ำสญั ญำเชำ่ กับ สลช.
2.2 จงั หวัดสุพรรณบรุ ี ชำวบ้ำนเช่ำทำนำ ทำสวน และท่ีอย่อู ำศยั ยังไมท่ ำสัญญำเช่ำกบั สลช.
2.3 จงั หวดั นครปฐม ชำวบ้ำนเช่ำทำสวน และทอี่ ยู่อำศัย ยังไม่ทำสญั ญำเชำ่ กับ สลช.
2.4 จังหวัดเพชรบุรี อบต.ธงชยั ใช้ประโยชน์ ยังไมท่ ำสญั ญำเชำ่ กับ สลช.

แผนปฏบิ ัตกิ ารส่วนพัฒนารายไดแ้ ละสทิ ธิประโยชน์ หนา้ 56

3. ภำคใต้ จำนวน 3 จังหวดั คือ จังหวดั ระนอง,จังหวดั ตรงั ,จงั หวัดสงขลำ
3.1 จังหวดั ระนอง ชำวบ้ำนเช่ำทำกำรค้ำ และท่ีอยู่อำศัย และอีก 1 แปลง เทศบำลใชป้ ระโยชน์ ยงั ไมท่ ำ
สัญญำเชำ่ กับ สลช. ทัง้ 2 แปลง
3.2 จงั หวดั ตรัง บริษัท ทโี อที เช่ำติดตั้งเสำกระจำยสัญญำณ สัญญำสน้ิ สุดปี 2558 ยงั ไม่ต่อสัญญำ
3.3 จงั หวัดสงขลำ
3.3.1 ทด่ี นิ ในอำเภอเมือง ธนำคำรกรุงเทพ เช่ำบำงสว่ นเป็นทที่ ำกำร และประชำชนเชำ่ เป็นท่ีอยู่อำศยั
3.3.2 ทด่ี ินในอำเภอสะเดำ เทศบำลเมืองสะเดำเชำ่ บำงสว่ น และประชำชนเชำ่ ทำกำรค้ำ และที่อยู่อำศัย

ที่ดนิ ทีต่ ง้ั คำ่ ยลูกเสือ
ในสังกัดสำนักงำนลูกเสือแห่งชำติ

คำ่ ยลกู เสือในสงั กัดสำนกั งำนลกู เสอื แหง่ ชำติ มี 4 คำ่ ย

ลำดับ ชื่อจงั หวดั จำนวนโฉนด รวมเนอ้ื ที่ สภำพที่ดิน หมำยเหตุ
1 จงั หวดั ชลบรุ ี 6 โฉนด 60-0-78 ไร่ เป็นทีต่ งั้ คำ่ ยลูกเสือ “คำ่ ยลูกเสือ
ระดับชำติ วชิรำวธุ ”
2 จงั หวดั รำชบรุ ี 18 โฉนด 83-3-71 ไร่ เป็นทต่ี ้งั คำ่ ยลูกเสือระดบั ภำค - คำ่ ยหลวงบ้ำนไร่

3 จงั หวดั ตรัง กรมป่ำไมอ้ นุญำต 1,583-0-0 ไร่ เปน็ ที่ตั้งคำ่ ยลกู เสือระดบั ภำค - ค่ำยลกู เสอื ไทย
4 จังหวดั สงขลำ ให้ใช้ ทำสญั ญำ
ทกุ 30 ปี เฉลมิ พระเกียรติ

ทรี่ ำชพสั ดุ 23-1-56 ไร่ เป็นทตี่ ั้งคำ่ ยลกู เสือในกำกบั - ค่ำยลกู เสือรตั รสำร
ทะเบียนเลขท่ี ของสำนกั งำนลูกเสือแห่งชำติ
สข.54 (36607)

แผนปฏบิ ัติการส่วนพฒั นารายได้และสทิ ธิประโยชน์ หน้า 57

สรปุ ขอ้ มูลที่ดินสำนกั งำนลกู เสอื แหง่ ชำติ

ภำคเหนอื จำนวน 4 จงั หวัด มีดังนี้

ลำดบั ช่ือจงั หวัด จำนวนโฉนด รวมเนอ้ื ที่ สภำพที่ดนิ หมำยเหตุ
153-2-73 ไร่ เปน็ ทต่ี ั้งค่ำยลูกเสอื จังหวัด
1 จงั หวัดอทุ ัยธำนี 4 โฉนด อุทยั ธำนี “ค่ำยลูกเสือสมเด็จพระ
62-0-89.90 ไร่ เป็นทีต่ ง้ั คำ่ ยลูกเสอื จงั หวดั ปฐมบรมมหำชนก”
2 จงั หวัดลำปำง 1 โฉนด ลำปำง
0-1-99.3 ไร่ ทีด่ นิ ว่ำงเปลำ่ “คำ่ ยลกู เสือ
3 จังหวัดเพชรบูรณ์ 1 โฉนด 82-1-42 ไร่ ทด่ี นิ ว่ำงเปลำ่ หนองกระทิง”
4 จังหวัดนำ่ น 2 โฉนด ทด่ี ินในเขตเมอื ง

ตัง้ อยทู่ อี่ ำเภอเชยี งกลำง

ภำคกลำง จำนวน 8 จังหวัด มดี งั น้ี

ลำดับ ชอ่ื จังหวดั จำนวนโฉนด รวมเน้ือที่ สภำพทด่ี ิน หมำยเหตุ
1 กรุงเทพมหำนคร 1 โฉนด 50-0-0 ไร่
2 จงั หวดั ชลบุรี 6 โฉนด 59-0-78 ไร่ เป็นท่ีตั้งคำ่ ยลูกเสือกรงุ เทพมหำนคร “ค่ำยพิศลยบตุ ร”
3 จังหวัดสมทุ รสำคร 1 โฉนด 16-2-92.7 ไร่
เป็นท่ตี ้งั ค่ำยลูกเสือ “คำ่ ยลกู เสือ
4 จังหวัด 2 โฉนด 12-0-26 ไร่ ระดับชำติ วชิรำวธุ ”
ประจวบคีรีขันธ์ 19 โฉนด 161-1-52 ไร่ ทดี่ ินวำ่ งเปลำ่ (มีสนำมเทนนิส
เป็นทดี่ ินในเขตเมือง
5 จังหวดั รำชบุรี 5 โฉนด 122-1-15.10 โดยงบประมำณพัฒนำจังหวัด ทผ่ี ้บู ริจำคประสงค์ให้
1 โฉนด ไร่ สมทุ รสำคร) เป็นค่ำยลูกเสือ
6 จังหวดั สุพรรณบุรี 4 โฉนด จงั หวัดสมุทรสำคร
2-0-16 ไร่ เป็นที่ต้งั คำ่ ยลูกเสือจังหวดั
7 จังหวดั เพชรบุรี 120-2-68 ไร่ ประจวบคีรขี นั ธ์ ค่ำยลกู เสอื
8 จังหวดั นครปฐม เป็นท่ตี ัง้ คำ่ ยลูกเสอื ระดับภำค ตำม่องล่ำย
และที่ดินทม่ี ีหนว่ ยงำน
รำชกำรเช่ำ - คำ่ ยหลวงบ้ำนไร่

ท่ดี ินชำวบำ้ นเชำ่ ทำนำ 18 โฉนด
ทำสวนและที่อยูอ่ ำศยั
- 1 โฉนดได้มำ
อตบ.ธงชัยใชป้ ระโยชน์
เพม่ิ เตมิ ยังไม่ไดท้ ำ
ชำวบำ้ นเชำ่ เป็นท่อี ยอู่ ำศัย สญั ญำเช่ำ
อยใู่ นเขตชุมชนที่มี
ควำมเจริญ
ยังไม่ไดท้ ำสญั ญำเช่ำ
ยงั ไม่ไดท้ ำสญั ญำเช่ำ
ยงั ไม่ได้เปล่ียนชอ่ื
ยงั ไม่ได้ทำสัญญำเช่ำ
ยังไม่ไดเ้ ปลี่ยนชื่อ

แผนปฏบิ ตั ิการส่วนพัฒนารายได้และสิทธิประโยชน์ หนา้ 58

ภำคใต้ จำนวน 3 จังหวัด มีดงั นี้

ลำดบั ชอื่ จงั หวัด จำนวนโฉนด รวมเนอ้ื ที่ สภำพท่ีดนิ หมำยเหตุ
1 จังหวัดระนอง 2 โฉนด 5-2-22.7 ไร่
2 จงั หวัดตรงั 3 โฉนด 44-1-8.20 ไร่ ประชำชนเชำ่ เปน็ ที่อยู่อำศัย เป็นท่ดี ินในเขตเมือง
ยังไม่ได้ทำสญั ญำเช่ำ
3 จังหวดั สงขลำ 13 โฉนด 24-3-25.60 ไร่ และทำกำรคำ้

เปน็ ที่ตั้งค่ำยลูกเสือจงั หวดั “ค่ำยลกู เสอื รัษฎำนุ
และอีก 1 โฉนด เปน็ ทด่ี ิน ประดิษฐ์”
ว่ำงเปลำ่ อีก 1 โฉนด บ.ทีโอที
เช่ำตงั้ เสำสัญญำณ

ธนำคำรกรงุ เทพ สำขำสงขลำ 1 โฉนดอยใู่ น

เช่ำเปน็ ที่ทำกำรธนำคำร และ อำเภอเมือง
และ 12 โฉนด
ประชำชนเชำ่ เปน็ ท่อี ยูอ่ ำศยั และ อยใู่ นอำเภอสะเดำ
ทำกำรค้ำ เป็นทด่ี ินในเขตเมือง

แผนปฏบิ ัติการสว่ นพัฒนารายไดแ้ ละสทิ ธปิ ระโยชน์ หนา้ 59

ข้อมูลรำยละเอียดทีด่ ินสำนกั งำนลูกเสือ

แหง่ ชำติ

ภำคเหนอื 4 จงั หวัด (8 โฉนด)

ลำดบั จงั หวดั เอกสำรสิทธ์ิ เนือ้ ท่ี รำคำประเมนิ หมำยเหตุ
ไร่ งำน ตรว.

1 จังหวดั อทุ ยั ธำนี 1. โฉนดที่ดนิ เลขท่ี 3890 7 1 28 658,800.- เป็นท่ีต้งั คำ่ ยลกู เสอื จังหวดั
2. โฉนดทด่ี ินเลขที่ 4747 13 3
3. โฉนดทดี่ นิ เลขท่ี 15125 12 1 20 690,000.- อุทยั ธำนี “ค่ำยลกู เสอื
4. โฉนดทดี่ นิ เลขที่ 15133 120 0 45 1,112,625.- สมเดจ็ พระปฐมบรมมหำ
80 10,818,000.- ชนก” อำเภอเมือง
รวม 153 2
จงั หวดั อทุ ัยธำนี

73 13,279,425.-

2 จังหวดั ลำปำง 1. โฉนดท่ีดนิ เลขท่ี 20076 62 0 89.90 64,854,400.- เปน็ ท่ีตงั้ คำ่ ยลกู เสอื จงั หวัด

ลำปำง “ค่ำยลูกเสอื

รวม 62 0 89.90 64,854,400.- หนองกระทิง”
อำเภอเมอื ง จงั หวัดลำปำง

3 จังหวัดเพชรบูรณ์ 1. โฉนดท่ดี นิ เลขที่ 23706 0 1 99.3 4,284,950.- เป็นทด่ี ินว่ำงเปล่ำ

อำเภอเมือง
รวม 0 1 99.3 4,284,950.- จังหวัดเพชรบูรณ์

4 จงั หวดั นำ่ น 1. โฉนดท่ดี นิ เลขท่ี 16877 44 1 16 2,303,080.- ต้งั อย่ทู ่อี ำเภอเชยี งกลำง

2. โฉนดทดี่ นิ เลขท่ี 16881 38 - 26 1,979,380.- พื้นท่เี ปน็ ป่ำรก

รวม 82 1 42 8,567,410.-

ภำคกลำง 8 จังหวดั (39 โฉนด)

ลำดับ จงั หวดั เอกสำรสิทธ์ิ เน้อื ที่ รำคำประเมิน หมำยเหตุ
ไร่ งำน ตรว.

1 กรงุ เทพมหำนคร 1. โฉนดท่ดี นิ เลขท่ี 28386 50 0 0 270,000,000.- เปน็ ท่ีต้งั คำ่ ยลูกเสอื
50 0
รวม กรงุ เทพมหำนคร “ค่ำย
พิศลยบตุ ร”
1. โฉนดทด่ี ินเลขที่ 7633
2. โฉนดที่ดินเลขที่ 17494 0 270,000,000.- เขตดอนเมอื ง กทม.
3. โฉนดทด่ี ินเลขท่ี 17495
2 จงั หวดั ชลบุรี 4. โฉนดทดี่ นิ เลขท่ี 18671 30 0 44 36,132,000.- เป็นทต่ี งั้ คำ่ ย
5. โฉนดทดี่ ินเลขที่ 18786
6. โฉนดทีด่ นิ เลขท่ี 23741 8 0 53 7,319,250.- ลกู เสือระดบั ชำติ
2 0 85 1,770,000.-
รวม 13 2 39 12,237,750.- “คำ่ ยลูกเสอื
1 1 4 1,134,000.- วชริ ำวุธ”

3 3 53 3,494,250.- อำเภอศรีรำชำ

59 0 78 62,087,250.- จงั หวดั ชลบรุ ี

แผนปฏบิ ตั กิ ารส่วนพัฒนารายไดแ้ ละสิทธปิ ระโยชน์ หน้า 60

ลำดบั จงั หวดั เอกสำรสิทธ์ิ เน้อื ที่ รำคำประเมนิ หมำยเหตุ
3 จงั หวัดสมุทรสำคร ไร่ งำน ตรว.

4 จังหวดั 1. โฉนดที่ดินเลขที่ 7791 16 2 92.7 100,390,500.- เปน็ ท่ีต้งั คำ่ ยลกู เสอื จงั หวดั
ประจวบคีรีขนั ธ์ สมทุ รสำคร“ผนิ แจม่ วชิ ำสอน”

5 จังหวัดรำชบรุ ี รวม 16 2 92.7 100,390,500.- อำเภอเมอื งจังหวัดสมทุ รสำคร
(ผนิ แจม่ วชิ ำสอน เป็นชอ่ื

เจ้ำของที่ดนิ ทีบ่ ริจำคให้

คณะลกู เสอื แห่งชำต)ิ ไม่มี

สิ่งปลกู สรำ้ งทีเ่ ปน็ คำ่ ย

ลกู เสอื เนอ่ื งจำกจังหวดั

สมุทรสำคร มคี ำ่ ยลกู เสอื

เขตพ้นื ที่แลว้ (คำ่ ยทปี งั กรรศั มี

โชติ)

จำกเดมิ มี 4 โฉนด รวมเป็น 1

โฉนด

1. โฉนดท่ีดนิ เลขท่ี 24333 4 3 63 23,556,000.- เป็นทต่ี ง้ั ค่ำยลูกเสอื
2. โฉนดที่ดนิ เลขท่ี 24334 7 0 63 858,000.- จงั หวดั

ประจวบคีรขี นั ธ์

“คำ่ ยลกู เสือตำมอ่ ง

รวม 12 0 26 24,414,900.- ล่ำย” อำเภอเมือง

จังหวดั ประจวบครี ขี ันธ์

1. โฉนดทด่ี ินเลขท่ี 10661 3 1 20 396,000.- เปน็ ทตี่ ง้ั คำ่ ย

2. โฉนดทด่ี นิ เลขที่ 10662 14 0 18 4,213,500.- ลูกเสอื แหง่ ชำติ
3. โฉนดท่ดี ินเลขที่ 10663 2 0 24 824,000.- ระดับภำค
4. โฉนดที่ดนิ เลขท่ี 10664 4 0 76 1,257,000.-
5. โฉนดท่ดี ินเลขที่ 10666 3 0 64 379,200 “คำ่ ยหลวงบ้ำน
6. โฉนดที่ดินเลขที่ 10667 7 1 92 2,992,000.- ไร่”

7. โฉนดที่ดินเลขท่ี 10668 4 0 48 1,236,000.- อำเภอโพธำรำม

8. โฉนดท่ดี ินเลขท่ี 10669 9 0 17 2,712,750.- จังหวดั รำชบรุ ี

9. โฉนดทด่ี ินเลขท่ี 10670 2 0 83 883,000.-

10. โฉนดที่ดินเลขที่ 10759 4 1 24 1,293,000.-

11. โฉนดทดี่ ินเลขที่ 10760 4 1 88 1,341,000.-

12. โฉนดทด่ี นิ เลขที่ 10761 1 2 40 480,000.-

13. โฉนดทด่ี นิ เลขท่ี 25105 0 3 60 270,000.-

14. โฉนดที่ดินเลขที่ 25432 0 1 96 147,000.-

15. โฉนดท่ีดนิ เลขที่ 25485 16 2 12 6,612,000.-

16. โฉนดที่ดนิ เลขท่ี 25578 2 0 45 633,750.-

17. โฉนดทดี่ ินเลขที่ 25950 1 1 64 423,000.-

18. โฉนดที่ดินเลขท่ี 35673 2 2 0 300,000.-

19. โฉนดทดี่ นิ เลขท่ี 12630 77 1 81 929,430,000.-

รวม 161 1 52 955,823,200.-

แผนปฏบิ ัติการสว่ นพัฒนารายได้และสิทธปิ ระโยชน์ หน้า 61

ลำดับ จังหวัด เอกสำรสทิ ธ์ิ เนื้อที่ รำคำประเมิน หมำยเหตุ
6 จังหวดั สพุ รรณบรุ ี ไร่ งำน ตรว.

7 จังหวัดเพชรบุรี 1. โฉนดท่ดี นิ เลขที่ 3758 3 0 71 10,231,550.- ลำดับท่ี 1,2 เป็นท่ดี ินท่ีมี
8 จังหวัดนครปฐม ประชำชนเชำ่ เป็นที่อยู่
2. โฉนดที่ดนิ เลขที่ 3779 1 2 78 5,085,000.- อำศัย ตงั้ อยู่อำเภอเมือง

3. โฉนดท่ดี นิ เลขท่ี 6828 27 3 80 1,677,000.- ลำดับท่ี 3 เป็นทีด่ ิน

4. โฉนดทด่ี ินเลขท่ี 4183 56 0 24 5,606,000.- ชำวบ้ำนเช่ำทำสวนและ
ทำนำ ตง้ั อยู่อำเภอเมือง
5. โฉนดที่ดินเลขท่ี 8419 31 1 68 - ลำดับที่ 4 ชำวบ้ำนเช่ำ

ทำนำ และที่อยู่อำศยั
รวม 120 1 211 22,599,550.- ตั้งอยู่อำเภอสองพ่ีน้อง

ลำดับท่ี 5 ได้มำเพ่ิมเติม

ตัง้ อยู่อำเภอบำงปลำม้ำ

ชำวบ้ำนเชำ่ ทำนำ

ท้ัง 5 แปลง ยังไม่มกี ำร

ทำสัญญำเข่ำกับ สลช.

1. โฉนดทด่ี นิ เลขท่ี 7622 2 0 16 - ต้งั อย่ใู นอำเภอเมืองฯ

อบต.ธงชยั ใช้เป็นทตี่ ั้ง

รวม 2 0 16 สำนักงำนฯ ยงั ไม่ทำ
สญั ญำเช่ำ และยงั ไม่

เปล่ียนชื่อ

ในเอกสำรสทิ ธ์ิ

1. โฉนดท่ดี นิ เลขที่ 983 4 0 8 - ลำดับที่ 1 ต้ังอยใู่ น
2. โฉนดท่ีดินเลขท่ี 7209 44 3 88 อำเภอเมืองฯ มี
3. โฉนดทีด่ นิ เลขท่ี 7220 33 3 44 - ประชำชนเข่ำเป็นที่อยู่
4. โฉนดทดี่ นิ เลขที่ 7217 37 3 28
- อำศยั
รวม 120 2 68
- ลำดับท่ี 2 – 4 ยงั ไม่มี
กำรสำรวจทัง้ 4 โฉนดยัง

ไม่เปลย่ี นชื่อเป็น สลช.

-

แผนปฏบิ ตั ิการสว่ นพฒั นารายไดแ้ ละสิทธปิ ระโยชน์ หน้า 62

ภำคใต้ 3 จงั หวัด (18 โฉนด)

ลำดบั จงั หวัด เอกสำรสิทธิ์ เนือ้ ท่ี รำคำประเมนิ หมำยเหตุ
ไร่ งำน ตรว.

1 จังหวัดระนอง 1. โฉนดที่ดนิ เลขที่ 379 1 1 91.4 1,478,500.- ลำดับท่ี 1 เทศบำลเมือง
2. โฉนดทด่ี ินเลขที่ 3416 4 0 31.3 11,011,275.- ระนองใช้ประโยชน์

รวม 5 ลำดับท่ี 2 ชำวบ้ำนเชำ่ เป็น
ทีอ่ ยู่อำศัยและทำกำรค้ำ

0 31.3 12,489,775.- ทั้ง 2 แปลงต้งั อย่ทู ่ีอำเภอ

เมือง จงั หวัดระนอง

2 จังหวัดตรัง 1. โฉนดท่ดี นิ เลขท่ี 8444 2 0 22.8 1,769,020.- ลำดบั ท่ี 1 เปน็ ท่ดี นิ ว่ำงเปล่ำ
2. โฉนดทด่ี ินเลขท่ี 1163 39 บริษัท TOT เชำ่ ตง้ั เสำสญั ญำณ
3. โฉนดท่ดี นิ เลขท่ี 1164 2 2 57.9 18,236,858.- ตง้ั อยู่ทอ่ี ำเภอปะเหลยี น

2 23.3 102,330.- ลำดบั ที่ 2,3 เปน็ ทตี่ ้ังค่ำยลกู เสอื

จังหวดั ตรงั “คำ่ ยลกู เสือรษั ฎำนุ

รวม 44 1 4 20,107,935.- ประดิษฐ”์ ต้งั อยู่ทอ่ี ำเภอนำโยง

จงั ห3วดั สจังหวัดสงขลำ 1. โฉนดที่ดินเลขที่ 365 0 2 55.6 5,112,000.- ลำดบั ท่ี 1 ธนำคำร
2. โฉนดท่ดี นิ เลขที่ 4099 3 1 47.2 18,916,800.- กรุงเทพเชำ่ และ
3. โฉนดท่ีดินเลขท่ี 4100 1 1 16.3 6,195,600.- ประชำชนเชำ่ เป็นท่ีอยู่
4. โฉนดทดี่ นิ เลขที่ 4101 1 0 45.5 7,321,600.- อำศัย ตัง้ อยู่ทอ่ี ำเภอเมือง
5. โฉนดทีด่ นิ เลขท่ี 4102 3 3 24.6 16,324,350.- ลำดับที่ 2 - 13
6. โฉนดท่ดี ินเลขท่ี 4103 0 3 67.1 4,077,150.- ประชำชนเชำ่ เป็นที่อยู่
7. โฉนดที่ดนิ เลขท่ี 4104 2 3 82 16,644,600.- อำศยั และทำกำรคำ้
8. โฉนดที่ดินเลขท่ี 4105 1 3 78.9 13,350,400.- ต้งั อยู่ท่อี ำเภอสะเดำ
9. โฉนดทด่ี นิ เลขที่ 4106 3 2 83.7 20,711,600.-
10. โฉนดที่ดนิ เลขที่ 4107 1 3 11.8 10,884,800.-
11. โฉนดทดี่ นิ เลขที่ 4108 1 0 62 665,850.-
12. โฉนดท่ดี นิ เลขที่ 4109 0 1 68.4 2,694,400.-
13. โฉนดทดี่ นิ เลขท่ี 4110 1 2 82.4 10,899,200.-

รวม 24 3 25.6 133,798,350.-

แผนปฏิบัตกิ ารส่วนพฒั นารายได้และสทิ ธปิ ระโยชน์ หน้า 63

(ร่ำง)

ระเบยี บคณะกรรมกำรบริหำรลูกเสอื แห่งชำติ
ว่ำดว้ ยหลกั เกณฑก์ ำรกำหนดอตั รำคำ่ เช่ำ ค่ำทดแทน คำ่ ธรรมเนยี ม
เก่ียวกบั กำรจดั หำประโยชน์ในท่ีดนิ และส่งิ ปลูกสรำ้ งของสำนักงำนลูกเสอื แหง่ ชำติ พ.ศ. ....

.................................

ด้วยมำตรำ 21 (2) (4) (5) (6) แห่งพระรำชบัญญัติลูกเสือแห่งชำติ พ.ศ. 2551 กำหนดให้
สำนักงำนลูกเสือแห่งชำติมีรำยได้จำกทรัพย์สินท่ีมีผู้อุทิศให้ รำยได้จำกกำรลงทุนหรือกำรร่วมลงทุนกับหน่วยงำน
และบุคคลภำยนอก รวมท้ังผลประโยชน์จำกทรัพย์สินทำงปัญญำของสำนักงำนลูกเสือแห่งชำติ รำ ยได้จำก
ทรัพย์สินของสำนักงำลูกเสือแห่งชำติ และทรัพย์สินท่ีสำนักงำนลูกเสือแห่งชำติปกครอง ดูแล บำรุงรักษำ ใช้
และจัดหำประโยชน์และรำยได้หรือผลประโยชน์อ่ืน ดังน้ัน เพื่อให้กำรจัดกำรที่ดินและอสังหำริมทรัพย์ของ
สำนักงำนลูกเสือแห่งชำติ เกิดประโยชนส์ ูงสุดในกำรบริหำรจดั กำรทรัพยส์ ินของสำนกั งำนลกู เสอื แหง่ ชำติ

อำศัยอำนำจตำมควำมในมำตรำ 17 (5) (8) แห่งพระรำชบัญญัติลูกเสือ พ.ศ. 2551 ประกอบกับ
มติคณะกรรมกำรบริหำรลูกเสือแห่งชำติในกำรประชุมคร้ังท่ี..........เมื่อวันที่..............................พ.ศ. ........... จึงออก
ระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรลูกเสือแห่งชำติ ว่ำด้วยหลักเกณฑ์กำรกำหนดอัตรำค่ำเช่ำ ค่ำทดแทน ค่ำธรรมเนียม
เกี่ยวกบั กำรจดั หำประโยชน์ในทดี่ ินและสิง่ ปลูกสร้ำงของสำนักงำนลูกเสือแห่งชำติ พ.ศ. .... ดังต่อไปนี้

ข้อ 1. ระเบียบน้ีเรียกว่ำ “ระเบียบคณะกรรมกำรบริหำรลูกเสือแห่งชำติ ว่ำด้วยหลักเกณฑ์กำร
กำหนดอัตรำค่ำเช่ำ ค่ำทดแทน ค่ำธรรมเนียม เก่ียวกับกำรจัดหำประโยชน์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้ำงของสำนักงำน
ลกู เสอื แหง่ ชำติ พ.ศ. 2564”

ขอ้ 2. ระเบยี บนี้ใหใ้ ชบ้ งั คับตง้ั แต่วนั ประกำศเป็นตน้ ไป
ข้อ 3. ในระเบยี บน้ี
“อนุกรรมกำรลูกเสือฝ่ำยจัดกำรทรัพย์สิน” หมำยถึง คณะอนุกรรมกำรลูกเสือฝ่ำยจัดกำร
ทรัพยส์ นิ ในคณะกรรมกำรบรหิ ำรลูกเสอื แหง่ ชำติ ตำมคำสั่งคณะกรรมกำรบริหำรลูกเสอื แห่งชำติ
“ คำ่ เช่ำ” หมำยถึง เงนิ ทเ่ี รียกเก็บจำกผ้เู ชำ่ เปน็ รำยวนั รำยเดอื น หรอื รำยปี ตำมสญั ญำเช่ำ
“ค่ำธรรมเนียม” หมำยถึง เงินที่เรียกเก็บในกำรจัดให้เช่ำ กำรโอนสิทธิกำรเช่ำ และค่ำภำษี
อำกรหรอื เงินอ่ืนใดในลกั ษณะเดยี วกันที่เรยี กเก็บตำมกฎหมำยจำกหนว่ ยงำนของรัฐทุกประเภทเกยี่ วกบั ท่ีดนิ
“คำ่ ทดแทน” หมำยถึง เงินทีเ่ รยี กเก็บอย่ำงอืน่ นอกจำกค่ำเช่ำและคำ่ ธรรมเนยี ม
“ผู้เช่ำรำยเดิม” หมำยถึง ผู้ท่ีได้รับสิทธิกำรเช่ำหรือสิทธิตำมสัญญำต่ำงตอบแทนอื่น
นอกเหนือจำกกำรจดั ให้เช่ำ ก่อนวันทห่ี ลักเกณฑน์ ี้ประกำศใช้ และให้รวมถึงผู้เช่ำรำยเดิมท่ีอยรู่ ะหว่ำงกำรต่ออำยุ
สัญญำเช่ำด้วย
“ผู้เช่ำรำยใหม่” หมำยถึง ผู้ที่ได้รับสิทธิกำรเช่ำหรือสิทธิตำมสัญญำต่ำงตอบแทนอื่น
นอกเหนือจำกกำรจดั ให้เช่ำต้งั แตว่ ันที่หลักเกณฑ์นปี้ ระกำศใช้
“กำรเช่ำช่วง” หมำยถึง กำรที่ผู้เช่ำนำทรัพย์สินท่ีตนเช่ำมำ ไปให้บุคคลอ่ืนเช่ำต่ออีกทอดหน่ึง
อำจจะทั้งหมดหรือเพียงบำงสว่ นก็ได้

แผนปฏบิ ตั ิการส่วนพัฒนารายได้และสทิ ธปิ ระโยชน์ หนา้ 64

“ทำเลชนั้ 1” หมำยถงึ ทดี่ ินที่อยู่ติดกับถนนซึ่งมีควำมกวำ้ งต้ังแต่ 6 เมตรขนึ้ ไป และหรือต้ังอยู่ใน
แหล่งที่ใช้ประโยชน์ในทำงเศรษฐกิจได้ดีท่ีสุดในท้องถ่ิน หรืออยู่ห่ำงจำกแหล่งที่ใช้ประโยชน์ในทำงเศรษฐกิจได้ดี
ที่สดุ ในท้องถิน่ ไมเ่ กิน 80 เมตร

“ทำเลชั้น 2” หมำยถึง ท่ีดินท่ีอยู่ติดกับแม่น้ำ คลอง หรือถนนซึ่งมีควำมกว้ำงต้ังแต่ 4 เมตร
แต่ไม่ถึง 6 เมตร และหรือต้ังอยู่ในแหล่งที่ใช้ประโยชน์ในทำงเศรษฐกิจได้ดีเป็นลำดับรองจำกทำเลช้ัน 1
หรืออยู่ห่ำงจำกแหลง่ ทใี่ ช้ประโยชนใ์ นทำงเศรษฐกิจไดด้ เี ป็นลำดับรองจำกทำเลชนั้ 1 ไม่เกิน 80 เมตร

“ทำเลชั้น 3” หมำยถึง ที่ดินท่ีอยู่นอกเหนือจำกทำเลช้ัน 1 ถึงทำเลช้ัน 2 หรือท่ีดินที่รถยนต์เข้ำ
ไมถ่ งึ

“กิจกำรอันเป็นสำธำรณกุศลท่ีไม่ได้มุ่งหำกำไร” หมำยถึง กิจกำรขององค์กำรสำธำรณกุศล
สถำนพยำบำล สถำนศึกษำ หรือกิจกำรอน่ื ๆ ตำมท่เี ลขำธกิ ำรสำนกั งำนลกู เสอื แหง่ ชำติเหน็ สมควร

ขอ้ 4. กำรปรบั ปรุงอัตรำค่ำเชำ่ ที่ดินสำนกั งำนลกู เสือแหง่ ชำติ ใหด้ ำเนินกำร ดงั นี้
4.1 ใหพ้ จิ ำรณำปรับปรุงค่ำเชำ่ เพ่มิ ขนึ้ รอ้ ยละ 9 ของคำ่ เช่ำเดิมทุก 3 ปี
4.2 กรณีทำสญั ญำเช่ำไมถ่ ึง 3 ปี ให้พิจำรณำปรับปรุงค่ำเช่ำเพ่ิมขนึ้ ในอตั รำสว่ นของส่วนเฉลี่ย
ท่ีกำหนดให้มีกำรปรับปรงุ อัตรำคำ่ เช่ำเพ่มิ ขึ้นรอ้ ยละ 9 ของค่ำเช่ำเดิมทุก 3 ปี
4.3 กรณีทำสัญญำเช่ำรำยปี ให้พิจำรณำปรับปรุงค่ำเช่ำเพิ่มข้ึนร้อยละ 9 ของอัตรำค่ำเช่ำเดิม
ทกุ 3 ปี นบั แตไ่ ดม้ กี ำรปรบั ปรุงค่ำเช่ำเพิ่มขน้ึ
4.4 กรณีทำสัญญำเช่ำท่ีดินเพ่ืออยู่อำศัยหรือเพื่อประกอบกำรเกษตร ให้พิจำรณำปรับปรุงค่ำ
เช่ำเพิ่มขึ้นทุก 3 ปี นับแต่ได้มีกำรปรับปรุงค่ำเช่ำเพ่ิมข้ึนตำมสภำพทำเลและสภำวะเศรษฐกิจของท้องถ่ิน
แต่หำกอตั รำค่ำเชำ่ ท่เี รียกเก็บอยู่น้นั เหมำะสมแลว้ จะไมป่ รบั ปรงุ ค่ำเชำ่ เพิ่มข้นึ ก็ได้
4.5 กรณีกำรนำสิทธิกำรเช่ำไปให้เช่ำช่วงหรือจัดหำประโยชน์ ให้ปรับปรุงค่ำเช่ำเฉพำะส่วนท่ี
นำไปให้เช่ำชว่ งหรอื นำไปจัดหำประโยชนเ์ พิม่ ขึน้ ดงั นี้

(1) กรณีตำมวตั ถุประสงคก์ ำรเช่ำเดิมให้ปรบั ปรงุ คำ่ เชำ่ เพม่ิ ขนึ้ ร้อยละ 25
(2) กรณีนอกเหนือจำกวัตถุประสงค์กำรเช่ำเดิม ให้ปรับปรุงค่ำเช่ำตำมวัตถุประสงค์
กำรเช่ำใหมก่ อ่ นแล้วจงึ ปรบั ปรงุ ค่ำเช่ำเพิ่มขนึ้ ร้อยละ 25
ท้ังน้ี หำกผู้เช่ำเลิกนำไปให้เช่ำช่วงหรือจัดหำประโยชน์แล้ว ให้ปรับลดค่ำเช่ำลงเหลือเท่ำกับค่ำ
เช่ำตำมสญั ญำเช่ำเดิมกอ่ นปรบั ปรงุ คำ่ เชำ่ ชว่ งหรือจดั หำประโยชน์
4.6 กรณีผู้เช่ำใช้ประโยชน์ที่ดินที่เช่ำนอกเหนือจำกวัตถุประสงค์กำรเช่ำเดิมด้วยตนเอง
แต่ไม่ถึงขนำดเป็นกำรเปล่ียนแปลงวัตถุประสงค์กำรเช่ำ โดยยังคงใช้ประโยชน์ตำมวัตถุประสงค์ในสัญญำเช่ำ
เป็นหลัก กรณีเช่นน้ีไม่ถือเป็นกำรนำที่ดินไปจัดหำประโยชน์ แต่ให้ปรับปรุงค่ำเช่ำเฉพำะส่วนดังกล่ำวเป็น ค่ำเช่ำ
ตำมท่ีใชป้ ระโยชน์ตั้งแต่วนั ท่ีตรวจพบ เว้นแต่กำรเช่ำเพ่ืออยู่อำศัย หรือเพือ่ กำรเกษตรท่ีผูเ้ ช่ำได้ทำกำรค้ำขำยเพื่อ
กำรยังชพี ตำมอตั ภำพเล็กๆ น้อยๆ ไม่ถือเปน็ กำรนำไปจัดหำประโยชน์
ข้อ 5. กำรคิดเน้ือที่เช่ำที่ดินเพื่อนำไปคำนวณค่ำเช่ำ ค่ำทดแทน ค่ำภำษีท่ีดินและส่ิงปลูกสร้ำง
รวมทงั้ คำ่ ธรรมเนยี มให้คิดตำมจำนวนเน้อื ทตี่ ำมท่เี ช่ำจริง
ขอ้ 6. กำรปดั เศษเงนิ ค่ำเช่ำ ค่ำทดแทน และคำ่ ธรรมเนียม ใหป้ ดั เศษของบำทเปน็ สิบบำท

แผนปฏิบัติการสว่ นพฒั นารายไดแ้ ละสทิ ธิประโยชน์ หนา้ 65

ข้อ 7. กำรกำหนดอัตรำค่ำเช่ำ ค่ำทดแทน ค่ำธรรมเนียม ค่ำภำษีท่ีดินและสิ่งปลูกสร้ำง
ในกำรเช่ำที่ดนิ และส่ิงปลูกสร้ำงของสำนกั งำนลูกเสือแห่งชำติ ให้อนกุ รรมกำรลูกเสือฝำ่ ยจดั กำรทรัพย์สิน พิจำรณำ
เสนอให้เลขำธิกำรสำนักงำนลูกเสือแหง่ ชำติ เปน็ ผู้มอี ำนำจกำหนดตำมบัญชีแนบทำ้ ยระเบยี บน้ี

ข้อ 8. กรณีผู้เช่ำรำยเดิม อัตรำค่ำเช่ำและค่ำตอบแทนอื่น ให้เป็นไปตำมสัญญำเช่ำจนกว่ำจะ
สิ้นสดุ ระยะเวลำกำรเช่ำตำมสัญญำ

ขอ้ 9. กรณีผเู้ ช่ำรำยใหม่ ให้กำหนดอตั รำค่ำเชำ่ ที่ดิน คำ่ ทดแทน และคำ่ ธรรมเนียมเก่ยี วกับกำรเช่ำ ดงั น้ี
9.1 กำรเชำ่ เพื่ออย่อู ำศยั

9.1.1 อัตรำค่ำเช่ำท่ดี ิน
(1) ในกรุงเทพมหำนคร รำคำประเมินที่ดินไม่เกินตำรำงวำละ 300,000 บำท ให้คิดค่ำ

เช่ำตำมบัญชีหมำยเลข 1 ก ท้งั นไี้ ม่ต่ำกวำ่ ตำรำงวำละ 0.50 บำท ต่อเดือน ตำมทำเล
(2) ในจังหวัดอื่น รำคำประเมินท่ีดินไม่เกินตำรำงวำละ 100,000 บำท ให้คิดค่ำเช่ำ

ตำมบญั ชหี มำยเลข 1 ข ท้งั น้ไี มต่ ำ่ กวำ่ ตำรำงวำละ 0.25 บำท ตอ่ เดอื น ตำมทำเล
(3) หำกรำคำประเมนิ ท่ีดินเกินกวำ่ ที่กำหนดตำม (1) และ (2) ให้คดิ ค่ำเช่ำในอตั รำร้อย

ละ 0.50 ตอ่ ปี ของรำคำท่ีดิน
9.1.2 ค่ำธรรมเนยี มกำรจดั ใหเ้ ช่ำ
(1) ใหเ้ รียกเกบ็ ค่ำธรรมเนียม 1 เท่ำ ของคำ่ เชำ่ 1 ปี
(2) กรณีตำมขอ้ 8.1.1 (3) ให้เรยี กเกบ็ ค่ำธรรมเนียมในอัตรำร้อยละ .50 ของรำคำท่ีดิน

คูณจำนวนปที ่จี ดั ให้เชำ่
(3) ให้ยกเวน้ คำ่ ธรรมเนยี มกำรตอ่ อำยสุ ัญญำเช่ำ

9.1.3 ค่ำธรรมเนียมกำรโอนสทิ ธกิ ำรเช่ำ
(1) ใหเ้ รยี กเกบ็ คำ่ ธรรมเนยี มสำมเทำ่ ของค่ำเช่ำหนงึ่ ปีตำมอัตรำค่ำเชำ่ ท่ีปรับปรุงแล้ว
(2) กำรโอนสิทธิกำรเช่ำระหว่ำงผู้เช่ำร่วม ให้ถือว่ำเป็นกำรโอน และเสียค่ำธรรมเนียม

กำรโอนตำมส่วนของสทิ ธทิ ่โี อนไป
(3) กำรโอนสิทธิกำรเช่ำให้กับบุพกำรี ผู้สืบสันดำน หรือคู่สมรสของผู้เช่ำให้เรียกเก็บ

ค่ำธรรมเนียมรอ้ ยละ 25 ของอัตรำคำ่ ธรรมเนยี มตำมขอ้ 8.1.3 (1)
9.1.4 ค่ำภำษีที่ดินและส่ิงปลูกสร้ำงใหเ้ รียกเก็บตำมอัตรำท่ีหน่วยงำนของรฐั ผจู้ ดั เก็บกำหนด

9.2 กำรเชำ่ เพื่อกำรพำณชิ ยกรรมและอุตสำหกรรม
9.2.1 อัตรำค่ำเชำ่ ทด่ี ิน
(1) กรณีเช่ำที่ดินชั่วครำวไม่เกิน 30 วัน หรือกำรเช่ำท่ีดินเน้ือที่ไม่เกิน 12 ตำรำงวำ

และกำรเช่ำอำคำรสถำนที่ ใหเ้ รยี กเก็บตำมบัญชหี มำยเลข 2
(2) กรณเี ช่ำทีด่ นิ เนื้อท่มี ำกกว่ำ 12 ตำรำงวำ ใหเ้ รยี กเกบ็ ดงั น้ี
- ในกรุงเทพมหำนคร รำคำประเมินที่ดินไม่เกินตำรำงวำละ 300,000 บำท

ใหค้ ิดคำ่ เชำ่ ตำมบญั ชหี มำยเลข 3 ก ทั้งนี้ไม่ต่ำกว่ำตำรำงวำละ 12.00 บำท ต่อเดือน ตำมทำเล
- ในจังหวัดอื่น รำคำประเมินที่ดินไม่เกินตำรำงวำละ 100,000 บำท ให้คิดค่ำเช่ำ

ตำมบัญชีหมำยเลข 3 ข ทงั้ น้ไี ม่ตำ่ กวำ่ ตำรำงวำละ 6.00 บำท ตอ่ เดอื น ตำมทำเล

แผนปฏิบตั กิ ารส่วนพัฒนารายได้และสิทธปิ ระโยชน์ หน้า 66

-หำกรำคำประเมนิ ทด่ี นิ เกนิ กว่ำท่ีกำหนดดงั กลำ่ วให้คดิ ค่ำเช่ำในอัตรำรอ้ ยละ1ตอ่ ปี ของรำคำท่ีดิน
9.2.2 คำ่ ธรรมเนยี ม

(1) ค่ำธรรมเนียมกำรจัดให้เช่ำ หรือค่ำธรรมเนียมกำรจัดหำประโยชน์ เท่ำกับร้อยละ 1 ของรำคำ
ท่ดี นิ คูณจำนวนปที ี่จัดใหเ้ ช่ำ

(2)คำ่ ธรรมเนยี มกำรต่ออำยุสญั ญำเช่ำเทำ่ กับรอ้ ยละ0.2ของรำคำทีด่ ินคูณจำนวนปที จี่ ัดใหเ้ ชำ่
9.2.3 ค่ำธรรมเนยี มกำรโอนสิทธกิ ำรเชำ่

(1) ให้เรยี กเก็บจำนวนสำมเท่ำของคำ่ เช่ำหนงึ่ ปีตำมค่ำเช่ำท่ีปรับปรงุ แล้ว
(2) กำรโอนสิทธิกำรเช่ำระหว่ำงผู้เช่ำร่วม ให้ถือว่ำเป็นกำรโอน และเสียค่ำธรรมเนียม
กำรโอนตำมสว่ นของสทิ ธทิ ่โี อนไป
(3) กำรโอนสิทธิกำรเช่ำให้กับบุพกำรี ผู้สืบสันดำน หรือคู่สมรสของผู้เช่ำ ให้เรียกเก็บ
คำ่ ธรรมเนยี มรอ้ ยละ 25 ของอัตรำค่ำธรรมเนียมตำม 8.2.3 (1)
9.2.4 ค่ำภำษีทีด่ นิ และสง่ิ ปลกู สร้ำงใหเ้ รยี กเก็บตำมอตั รำที่หน่วยงำนของรฐั ผ้จู ดั เกบ็ กำหนด
9.3 กำรเชำ่ เพือ่ กจิ กำรโรงรับจำนำ ธนำคำร สถำบันกำรเงนิ หรือบริษัทประกนั ภยั
9.3.1 อตั รำคำ่ เชำ่ ที่ดิน
(1) ในกรุงเทพมหำนคร รำคำประเมินที่ดินไม่เกินตำรำงวำละ 300,000 บำท ให้คิดค่ำ
เช่ำตำมบญั ชีหมำยเลข 4 ก ทั้งน้ไี มต่ ำ่ กว่ำตำรำงวำละ 22 บำท ต่อเดอื น ตำมทำเล
(2) ในจังหวัดอื่น รำคำประเมินที่ดินไม่เกินตำรำงวำละ 100,000 บำท ให้คิดค่ำเช่ำ
ตำมบญั ชหี มำยเลข 4 ข ท้ังน้ีไมต่ ่ำกว่ำตำรำงวำละ 10 บำท ต่อเดือน ตำมทำเล
(3) หำกรำคำประเมนิ ท่ีดนิ เกินกว่ำท่ีกำหนดตำม (1) และ (2) ให้คดิ ค่ำเช่ำในอัตรำร้อย
ละ 1.5 ตอ่ ปี ของรำคำท่ีดิน
9.3.2 คำ่ ธรรมเนียม
(1) ค่ำธรรมเนียมกำรจัดให้เช่ำ หรือค่ำธรรมเนียมกำรจัดหำประโยชน์ เท่ำกับร้อยละ 1 ของรำคำ
ทดี่ นิ คณู จำนวนปที ่จี ดั ให้เช่ำ
(2)ค่ำธรรมเนยี มกำรต่ออำยสุ ญั ญำเชำ่ เทำ่ กับร้อยละ0.2ของรำคำท่ดี ินคณู จำนวนปที จี่ ัดให้เชำ่
9.3.3 คำ่ ธรรมเนียมกำรโอนสิทธิกำรเช่ำ
(1) ใหเ้ รียกเกบ็ จำนวนสำมเท่ำของคำ่ เชำ่ หนึง่ ปีตำมคำ่ เช่ำที่ปรบั ปรุงแล้ว
(2) กำรโอนสิทธิกำรเช่ำระหว่ำงผู้เช่ำร่วม ให้ถือว่ำเป็นกำรโอน และเสียค่ำธรรมเนียม
กำรโอนตำมสว่ นของสทิ ธิที่โอนไป
(3) กำรโอนสิทธิกำรเช่ำให้กับบุพกำรี ผู้สืบสันดำน หรือคู่สมรสของผู้เช่ำ ให้เรียกเก็บ
ค่ำธรรมเนียมรอ้ ยละ 25 ของอัตรำค่ำธรรมเนียมตำม 8.3.3 (1)
9.3.4 คำ่ ภำษีที่ดินและสิ่งปลูกสรำ้ งใหเ้ รยี กเกบ็ ตำมอตั รำที่หน่วยงำนของรัฐผจู้ ดั เก็บกำหนด
9.4 กำรเช่ำเพอื่ ประกอบกำรเกษตร
9.4.1 อตั รำคำ่ เชำ่ ท่ีดนิ
(1) ในกรุงเทพมหำนครและจังหวัดอื่น รำคำประเมินท่ีดินไม่เกินตำรำงวำละ 1,500,000 บำท ให้คิด
ค่ำเช่ำตำมบญั ชีหมำยเลข 5

แผนปฏิบัติการส่วนพฒั นารายได้และสทิ ธปิ ระโยชน์ หน้า 67

(2) หำกรำคำประเมินที่ดินสูงกว่ำ (1) ให้อยู่ในดุลพินิจของเลขำธิกำรสำนักงำนลูกเสือ
แห่งชำติกำหนดอัตรำคำ่ เช่ำตำมควำมเหมำะสม

9.4.2 ค่ำธรรมเนียมกำรจดั ใหเ้ ช่ำ ใหเ้ รียกเก็บค่ำธรรมเนียมหน่ึงเทำ่ ของคำ่ เช่ำหน่งึ ปี
9.4.2 คำ่ ธรรมเนียมกำรโอนสิทธิกำรเชำ่

(1) ใหเ้ รียกเก็บคำ่ ธรรมเนียมสองเท่ำของคำ่ เชำ่ หน่งึ ปตี ำมอตั รำค่ำเช่ำทีป่ รบั ปรงุ แล้ว
(2) กำรโอนสิทธิกำรเช่ำระหว่ำงผเู้ ช่ำร่วม ให้ถือว่ำเป็นกำรโอน และเสียค่ำธรรมเนียม
กำรโอนตำมส่วนของสิทธทิ ี่โอนไป
(3) กำรโอนสิทธิกำรเช่ำให้กับบุพกำรี ผู้สืบสันดำน หรือคู่สมรสของผู้เช่ำ ให้เรียกเก็บ
ค่ำธรรมเนียมรอ้ ยละ 10 ของอตั รำค่ำธรรมเนยี มตำมขอ้ 8.4.2 (1)
9.4.3 ใหย้ กเวน้ ค่ำธรรมเนยี มกำรตอ่ อำยุสญั ญำเช่ำ
9.4.4 ค่ำภำษีที่ดินและส่ิงปลูกสร้ำงให้เรียกเก็บตำมอัตรำท่ีหน่วยงำนของรัฐผู้จัดเก็บกำหนด
9.5 กำรเช่ำเพ่ือรัฐวสิ ำหกจิ (ยกเว้นธนำคำรหรอื สถำบันกำรเงิน) และสหกรณ์
9.5.1 อตั รำคำ่ เชำ่ ทีด่ นิ
(1) ในกรุงเทพมหำนครและจังหวัดอ่ืน รำคำประเมินท่ีดินไม่เกินตำรำงวำละ 130,000
บำท ให้คิดค่ำเชำ่ ตำมบัญชหี มำยเลข 6
(2) หำกรำคำประเมินที่ดินสูงกว่ำ (1) ให้กำหนดช่วงรำคำประเมินท่ีดินลำดับถัดไป
เพ่ิมขึ้นลำดับละ 10,000 บำท แล้วกำหนดอัตรำค่ำเช่ำท่ีดินในแต่ละทำเลชั้น เพิ่มขึ้นในสัดส่วนเดียวกับอัตรำค่ำ
เช่ำในช่วงรำคำทดี่ นิ ลำดับกอ่ นหนำ้ ของบญั ชี
9.5.2 คำ่ ธรรมเนยี ม
(1) ค่ำธรรมเนียมกำรจัดให้เช่ำ หรือค่ำธรรมเนียมกำรจัดหำประโยชน์ เท่ำกับร้อยละ 1 ของรำคำ
ทดี่ นิ คณู จำนวนปที จ่ี ดั ใหเ้ ชำ่
(2) ค่ำธรรมเนยี มกำรตอ่ อำยุสญั ญำเชำ่ เทำ่ กับรอ้ ยละ 0.2 ของรำคำทด่ี ินคูณจำนวนปีทีจ่ ัดให้เชำ่
9.5.3 คำ่ ธรรมเนียมกำรโอนสทิ ธกิ ำรเชำ่
(1) ใหเ้ รียกเก็บจำนวนสำมเท่ำของคำ่ เช่ำหน่ึงปตี ำมค่ำเชำ่ ทีป่ รับปรุงแล้ว
(2) กำรโอนสิทธิกำรเช่ำระหว่ำงผู้เช่ำร่วม ให้ถือว่ำเป็นกำรโอน และเสียค่ำธรรมเนียม
กำรโอนตำมสว่ นของสทิ ธทิ โี่ อนไป
9.5.4 คำ่ ภำษีท่ีดนิ และสิ่งปลูกสร้ำงให้เรียกเก็บตำมอัตรำท่หี น่วยงำนของรฐั ผู้จัดเก็บกำหนด
9.6 กำรเชำ่ เพื่อประกอบกิจกำรสถำนศึกษำ
9.6.1 อัตรำคำ่ เช่ำท่ดี ิน
(1) ในกรุงเทพมหำนคร ให้คิดค่ำเช่ำคร่ึงหนึ่งของอัตรำค่ำเช่ำท่ีดินเพื่ออยู่อำศัย
ตำมบัญชีหมำยเลข 1 ก แตต่ อ้ งไมต่ ำ่ กว่ำตำรำงวำละ 0.50 บำท ต่อเดอื น
(2) ในจังหวัดอืน่ ให้คดิ ค่ำเช่ำครึ่งหน่ึงของอัตรำค่ำเช่ำที่ดินเพือ่ อยู่อำศัย ตำมบัญชีหมำยเลข
1 ข แตต่ อ้ งไม่ตำ่ กวำ่ ตำรำงวำละ 0.25 บำทตอ่ เดือน
9.6.2 ค่ำธรรมเนียมกำรจดั ให้เชำ่
(1) ใหเ้ รียกเกบ็ ค่ำธรรมเนยี ม 1 เทำ่ ของค่ำเช่ำ 1 ปี

แผนปฏิบัตกิ ารส่วนพัฒนารายได้และสทิ ธปิ ระโยชน์ หน้า 68

(2) กรณีรำคำประเมินท่ีดินสูงกว่ำที่กำหนดไว้ตำมบัญชีหมำยเลข 1 ก หรือตำมบัญชี
หมำยเลข 1 ข ใหเ้ รียกเกบ็ คำ่ ธรรมเนยี มในอตั รำร้อยละ .25 ของรำคำท่ีดนิ คณู จำนวนปที ่ีจดั ให้เช่ำ

(3) ใหย้ กเว้นค่ำธรรมเนียมกำรตอ่ อำยสุ ญั ญำเช่ำ
9.6.3 ค่ำธรรมเนยี มกำรโอนสิทธกิ ำรเชำ่

(1) ใหเ้ รียกเก็บค่ำธรรมเนยี มสำมเท่ำของคำ่ เช่ำหนึง่ ปตี ำมอตั รำค่ำเช่ำที่ปรบั ปรงุ แลว้
(2) กำรโอนสิทธิกำรเช่ำระหว่ำงผู้เช่ำร่วม ให้ถือว่ำเป็นกำรโอน และเสียค่ำธรรมเนียม
กำรโอนตำมส่วนของสทิ ธทิ ีโ่ อนไป
(3) กำรโอนสิทธิกำรเช่ำให้กับบุพกำรี ผู้สืบสันดำน หรือคู่สมรสของผู้เช่ำ ให้เรียกเก็บ
คำ่ ธรรมเนยี มรอ้ ยละ 25 ของอตั รำค่ำธรรมเนยี มตำมข้อ 8.6.3 (1)
9.6.4 ค่ำภำษที ี่ดนิ และสิ่งปลกู สรำ้ งใหเ้ รียกเกบ็ ตำมอตั รำทห่ี น่วยงำนของรัฐผูจ้ ัดเก็บกำหนด
9.7 กำรเช่ำเพ่อื กจิ กำรอนั เป็นสำธำรณกศุ ลท่ไี ม่ได้มุ่งหำกำไร
9.7.1 อตั รำค่ำเช่ำทดี่ นิ
(1) ในกรุงเทพมหำนคร ให้คิดค่ำเช่ำตำมอัตรำค่ำเช่ำที่ดินเพื่ออยู่อำศัย ตำมบัญชี
หมำยเลข 1 ก แต่ต้องไมต่ ำ่ กว่ำตำรำงวำละ 0.50 บำท ตอ่ เดอื น
(2) ในจังหวัดอื่น ให้คดิ ค่ำเช่ำตำมอัตรำคำ่ เชำ่ ทด่ี ินเพือ่ อยู่อำศัย ตำมบญั ชีหมำยเลข 1 ข
แตต่ ้องไมต่ ่ำกวำ่ ตำรำงวำละ 0.25 บำท ตอ่ เดอื น
9.7.2 คำ่ ธรรมเนียมกำรจดั ให้เช่ำ
(1) ใหเ้ รียกเก็บคำ่ ธรรมเนยี ม 1 เท่ำ ของคำ่ เชำ่ 1 ปี
(2) กรณีรำคำประเมินที่ดินสูงกว่ำท่ีกำหนดไว้ตำมบัญชีหมำยเลข 1 ก หรือตำมบัญชี
หมำยเลข 1 ข ให้เรยี กเกบ็ ค่ำธรรมเนียมในอัตรำร้อยละ .50 ของรำคำทดี่ ินคณู จำนวนปีทจ่ี ดั ให้เชำ่
(3) ใหย้ กเว้นคำ่ ธรรมเนียมกำรต่ออำยุสัญญำเช่ำ
9.7.3 คำ่ ธรรมเนยี มกำรโอนสิทธิกำรเชำ่
(1) ใหเ้ รียกเก็บคำ่ ธรรมเนยี มสำมเทำ่ ของค่ำเช่ำหนงึ่ ปตี ำมอัตรำค่ำเช่ำที่ปรับปรุงแล้ว
(2) กำรโอนสิทธิกำรเช่ำระหว่ำงผู้เช่ำร่วม ให้ถือว่ำเป็นกำรโอน และเสียค่ำธรรมเนียม
กำรโอนตำมส่วนของสทิ ธทิ โ่ี อนไป
9.7.4 คำ่ ภำษที ่ีดินและสิ่งปลูกสร้ำงให้เรียกเกบ็ ตำมอตั รำที่หน่วยงำนของรัฐผู้จัดเก็บกำหนด
9.8 กำรเชำ่ ขององค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน หรือหน่วยงำนอน่ื ของรัฐ เพ่อื เปน็ ที่ต้ังสำนักงำน
9.8.1 อตั รำค่ำเช่ำทดี่ ิน
(1) ในกรุงเทพมหำนคร ให้คิดค่ำเช่ำตำมอัตรำค่ำเช่ำทีด่ ินเพ่ืออยู่อำศัย ตำมบัญชีหมำยเลข
1 ก แตต่ อ้ งไม่ต่ำกว่ำตำรำงวำละ 0.50 บำท ต่อเดือน
(2) ในจังหวัดอ่ืน ให้คิดค่ำเช่ำตำมอัตรำค่ำเช่ำท่ีดินเพ่ืออยู่อำศัย ตำมบัญชีหมำยเลข 1
ข แตต่ อ้ งไมต่ ่ำกว่ำตำรำงวำละ 0.25 บำท ตอ่ เดอื น
9.8.2 ค่ำธรรมเนยี มกำรจดั ใหเ้ ช่ำ
(1) ให้เรยี กเกบ็ ค่ำธรรมเนียม 1 เทำ่ ของคำ่ เชำ่ 1 ปี

แผนปฏิบัติการส่วนพัฒนารายได้และสิทธิประโยชน์ หนา้ 69


Click to View FlipBook Version