เขาคชิ ฌกูฏเปิดตำนำนรอยพระพทุ ธบำทพลวง
จดั ทาโดย นางสาวปรยี ฉตั ร กกิ ล้งิ
รอยพระพทุ ธบาทเขาคชิ ฌกูฎ
ท่ีตง้ั อยู่ในบรเิ วณอุทยานแหง่ ชาตเิ ขาคชิ ฌถฏู อยู่ห่างจากตัวเมอื งจนั ทบุรี 30 กิโลเมตร แยกจากถนนสุชุมวิท
มาตามเสน้ ทางถนนบาราศนราดรู มพี ้นื ท่ีอยู่ใน ตาบลตะเคียนทอง ตาบลพลวง ก่ิงอาเภอ เขาคชิ ฌกฎู ตาบล
วงั แขม้ ตาบลฉมนั อาเภอมะขาม มีพื้นที่ทงั้ หมด ๓๖,๖๘๗ ไร่ หรอื 58 ตารางกิโลเมตร อทุ ยานต้ังอยู่ทางตอน
ใต้ของเทือกเขาสอยดาว ลกั ษณะพืน้ ทเี่ ปน็ เทือกเขาสูงชนั ปกคลุมด้วยป่าดงดบิ ช้ืน ยอดเขาพระบาทเป็นยอด
เขาสงู สุด สูงจากระดบั นา้ ทะเลประมาณ 1,000 เมตร เป็นตน้ กาเนิดของแม่น้าจนั ทบรุ ี อากาศบนเขาค่อนขา้ ง
เยน็ และขน้ึ ปริมาณฝนตก โดยเฉล่ยี 3,000 มิลลิเมตรต่อปี พ้ืนที่บนอุทยาน อุดมไปดว้ ยปา่ ไม้ เชน่ ไม้ยาง
พนอง (ตน้ ไมข้ นาดใหญ่ มปี ระโยชน์หลายอยา่ ง เช่น ใช้ยางทาเรือต่างๆ ) หว้า ตะเคียน สารอง อินทนิน ประดู่
และไม้พืน้ ลา่ ง เชน่ ระกา หวาย เรว่ นอกจากน้ยี ังมพี ชื สมุนไพร เชน่ เจ็ดชา้ งสาร กระวาน สารอง ตะคา้ นปา่
เปน็ ตน้ ดว้ ยเหตุทเ่ี ป็นปา๋ ท่ยี งั อุดมสมบูรณ์ จงึ เปน็ ท่ีอยอู่ าศัยของสัตวป์ า่ ตา่ งฯ ไก่ฟ้า กระทิง เสอื หมี เกง้
เลยี งผา และ นกเงือก
ผนื ป่าแห่งนีย้ ังเปน็ แหล่งเจริญเติบโตของกลว้ ยไมป้ า่ นานาพันธ์ โดยเฉพาะ "เหลอื งจันทบูร"อนั เป็น
กลวั ยไมท้ ่ีงามเลศิ เปน็ ทีป่ ระทับใจ สาหรบั ผู้พบเหน็ ความงามของมันนน่ั เอง เป็นเหตใุ ห้ถกู ลกั ลอบออกมาขาย
จนปจั จบุ ันหาไดย้ ากเตม็ ที
นอกจากน้ี อทุ ยานฯ ยังเป็นแหลง่ ไมห้ อม เช่น กฤษณา ส่วนท่นี ามาใชป้ ระโยชนค์ ือเปลอื กลาตน้ แก่
ซ่งึ มีสีนา้ ตาลแก่ถึงดา มสี รรพคุณเป็นยาสมุนไพรบารงุ เลือด หัวใจ และปอด
จุดเดน่ ทนี่ ่าสนใจ ของอุทยานแห่งชาติเขาตชิ ฌกูฎ
เขาพระบาท เขาพระบาทอยู่หา่ งจากท่ที าการอทุ ยาน ฯ ประมาณ 5 กโิ ลเมตร ไปตาม
เสน้ ทางแยกเข้าวัดพลวง และต้องเดนิ ข้ึนสยู่ อกเขาอีก 5 กิโลเมตร ทวิ ทศั น์บนยอดเขาพระบาทน้มี ี
ปรากฎการณ์ทางธรณวี ทิ ยาท่ีเก่ียวเนื่องกบั ตานานทางพุทธศาสนา อาทิ เช่น ศิลา เจดยี ์ รอยพระพุทธบาท
หินรูปบาตรควา่ ถ้าฤาษี ลานแขง่ รถพระอินทร์ หนิ เป็นรปู คล้ายเตา่ และช้างขนาดยกั ษ์ บนยอดเขาพระบาท
ซงึ่ มอี ากาศเย็นสบายน้นั สามารถมองเห็นทวิ ทศั น์ของตวั เมืองจันทบรุ ใี ด้อย่างชัดเจน ในวันมาฆบชู าจะมี
ประชาชนขนึ้ ไปนมสั การรอยพระพทุ ธบาท ท้ังกลางวันและกลางคืนเป็นจานวนมาก
พระครธู รรมสรคณุ (ท่านพ่อเขียน) เจา้ คณะอาเภอมะขาม ได้กรุณาเลา่ ประวตั คิ วามเปน็ มาของรอยพระพุทธ
บาทเขาคิชฌกฎู (พลวง) ไว้ในหนงั สอื ท่รี ะลึกงานพระราซทานเพลิงศพ คณุ โยมแม่มุ้งยอดเจาพระบาทพลวง
ประวตั ิความเป็นมาของ
รอยพระพทุ ธบาทเธาคชิ ฌกฏ (พลวง)
โดย
พระครุธรรมสรคณุ ผ้รู า่ งประวัติเขาคิชมกฏุ
การพบรอยพระบาทจนั ทบุรี ออกจะเป็นบุญญาภินิหารของชาวจังหวดั จันทบรุ ี
มิใชน่ ้อยนับว่าเปน็ โชคของพระพุทธศาสนกิ ชนและเปน็ มงิ่ ขวัญของชาวจันทบรุ ี และพทุ ธศาสนกิ ชนทั่วทง้ั
ประเทศเมอ่ื พ.ศ. 2397 โดยมนี ายติ่งพร้อมดว้ ยพวกหลายคนด้วยกัน ได้พากันเดนิ ทาง
ข้ึนไปบนเขาเพ่ือหากฤษณา กะลาพัก มาขาย ทาท่ีพกั ไวบ้ นเขาหลายวัน ตอนกลางวันตา่ งคนต่างก็ออกไป
แสวงหาโซคลาภ วันหน่ึงกพ็ ากนั กลบั ไปพักไม่ถูก ต่างพากันเดนิ วนอยูบ่ นเขาหลายรอบวนเวยี นไปมาก็มาที่
แห่งนี้หลายครงั้ จนเหน่อื ยอ่อนในทีน่ น้ั เป็นหินลานกว้างใหญ่ จงึ พากนั ข้นึ ไปพักเหน่อื ย เพือ่ นคนหน่งึ ของนาย
ตง่ิ ได้ถอนหญา้ เพ่ือจะนอนพักกพ็ บแหวนใหญ่ขนาดสวมหัวแมเ่ ท้าได้ เมื่อช่วยกนั ตรวจดูก็ปรากฎว่าเป็นแหวน
ทาดว้ ยนาค เมื่อพบโซคลาภเช่นนกี้ ช็ ว่ ยกันถอนหญ้าเพ่ือแสวงหาโชคกันใหญ่ ตอนนี้ไม่พบอะไร นอกจากหิน
แผ่น แผน่ หนง่ึ ที่มีพ้ืนท่รี ปู กนั หอย หลังจากน้ันก็กลบั บ้าน
อยา่ งสะดวกง่ายดาย ต่อมานายตงิ่ นายนา นายปล่มิ ได้ นาบตุ รชายไปอปุ สมบททีว่ ดั พลับ อ.เมอื ง จ.จนั ทบุรี
เมื่อบวชลูกชายเรียบรอ้ ยแล้ว จงึ กลบั บ้านไม่ทัน จึงคา้ งคืน ที่วดั นัน้ รุ่งข้นึ กเ็ ป็นงานเทศกาลปดิ ทองรอยพระ
พทุ ธบาทจาลอง นายต่งิ จงึ ซื้อทองไปปดิ รอยพระพุทธบาทจาลองน้ัน เมื่อปดิ แลว้ จึงพูดข้นึ ว่า พระพุทธบาทที่
เขาเชน่ น้ีบา้ นผมก็มีเหมือนกัน พระไดย้ ินเช่นน้นั กจ็ ึงเรยี นใหท้ ่านเจา้ อาวาสวดั ทราบ สมัยน้ันหลวงพอ่ เพซร
เป็นเจ้าอาวาสวัดพลับ
ขณะนน้ั หลวงพ่อดารงตาแหน่งเจ้าคณะจังหวัดจนั ทบรุ ี จึงเรยี ก
นายต่งิ ไปไตถ่ ามนายตงิ่ จงึ เลา่ ความวา่ เป็นความจรงิ เจา้ คณะจังหวดั จงึ ให้พระ
ไปพสิ จู นด์ ู นายตงิ่ เปน็ ผู้นาทางเมอื่ ไปพบเขา้ ก็เปน็ ความจริงดังที่นายต่ิงบอก
จึงได้นาแหวนจากนายดิง่ ไปถวายเจา้ คณะจังหวดั ต่อมาเจา้ คณะจังหวัดได้ไป
ดดู ้วยตนเอง ไปดูก็เปน็ ความจรงิ จึงได้ตรวจดูตามบรเิ วณนั้นทั่วไป กพ็ บสง่ิ
แปลกประหลาดและสง่ิ มหสั จรรย์หลายอย่างดงั ได้กลา่ วชี้แจงต่อไป รอยพระ
พทุ ธบาท นน้ั ทา่ นทรงเหยยี บจารกึ ไว้ที่ศิลาแผ่นใหญ่ บรรจุคนนงั่ ไดเ้ ปน็ ร้อย
กวา่ คน บนยอดเขาสงู สดุ กวา้ ง 1 เมตร ยาว 2 เมตร และทางด้านทศิ
ตะวันออกเฉียงใต้ของรอยพระพุทธบาทน้ัน ยังมีหินก้อนหนึ่งใหญม่ าก
หนิ กอ้ นน้เี รยี กกนั ว่า หินลกู บาตร ต้งั ขึ้นมามองแล้วนาแปลก และมหัศจรรย์
พระครูธรรมสรคณุ เปน็ อย่างมากไมน่ jkจะตง้ั อยู่ไดเ้ ลย มองดแู ล้วคล้ายๆ ลอยอยูเ่ ฉยๆ และยิ่งไป
หลวงพ่อเขียน (เขยี น ขนธฺ สโร) กวา่ น้นั คนก่อน ๆ เลา่ กันต่อมาว่า เขาเคยเอาด้ายสายสิญจ์คลอ้ งแลว้ หลุดมา
ผู้รา่ งประวัตเิ ขาคชิ มกุฏ ได้ พสิ ูจนด์ ูแล้วกน็ ่าจะเป็นไปได้ดโู ปรง่ ๆ คลา้ ย ๆ ไม่ติดอะไรเลยและยงั มี
หนิ อกี ลกู หนึง่ ใหญ่มากเหมือนกนั อยู่ตรงกันข้ามกบั ลูกบาตรน้ี มรี อยพระหัตถ์ไปรับก้อนนี้ จากรอย
พระพุทธบาทกบั รอยพระหตั ถน์ ั้น ห่างกนั ประมาณ 4 เมตร และยิง่ แปลกไปกว่านัน้ ในหินก้อนนน้ั ตรงกันข้าม
กับรอยพระหัตถ์ ยงั มีรปู รอยเทา้ ใหญ่ อันน้เี ขาเรียกวา่ รอยเท้าพญามาร เพียงแหงนหนา้ ข้ึนไปมองจะเห็นได้
ทนั ที สูงประมาณ ๑๕ เมตร ต่อจากน้ันไปทางทิศตะวนั ตกเซียงเหนอื ห่างจากหินลกู น้ีไปเพยี ง 14 วา ก็มีหนิ ลกู
ข้างบนเปน็ ลานจะมองเห็นรอยรถหรือรอยเกวียน น่กี น็ า่ แปลกมาก ยนื บนหนิ ลกู นน้ั มองลงไปทางทิศเหนือจะ
เหน็ ถา้ เตา่ บนหลังถ้ามองเห็นรูปเตา่ ลักษณะคลา้ ย ๆ เต่าปลวก ต่อจากนั้นก็หนั ไปทางทศิ
ตะวันออกเฉียงเหนือของรอยพระพุทธบาทกจ็ ะพบกับถา้ ช้าง ถ้ามองจากรอยพระพุทธบาทไป จะเหน็ หินก้อน
หนง่ึ มีรูปลกั ษณค์ ล้ายชา้ งจรงิ เลยจากช้างไปสงู สุดนัน้ เราเรียกว่า ห้างฝร่งั ท่ีเรียกว่าห้างฝรงั่ กเ็ พราะฝรงั่ ไป
ตั้งห้างส่องกล้องเพ่ือทาแผนท่ี มองไปทาง ทิศตะวนั ออกเฉยี งใต้ ยังมีถ้าอีกถ้าหน่งึ เรียกว่า ถ้าสาเภา เพราะมี
หนิ ก้อนหนึ่ง ข้างบนถา้ มีลักษณค์ ลา้ ยเรอื สาเภา จึงเรยี กวา่ ถา้ สาเภา ยังมอี ีกถา้ หนง่ึ ใต้ พระบาทน้เี รียกว่าถ้า
ฤาษี พระบาทแหง่ นี้ ทาไมจึงเรยี กว่า เขาคิชฌกูฏ ทเี่ รียกเชน่ นี้ กเ็ พราะมีชอ่ื เขาในกรุงราชคฤห์ในประเทศ
อินเดยี ลูกหนง่ึ มชี อ่ื วา่ เขาคชิ ฌกูฏฟังแล้ว สะเทอื นใจคล้าย ๆ ไดไ้ ปยังนครราชคฤห์ อนั เปน็ ที่ประดิษฐาน
พระพุทธศาสนาของพระพุทธองค์ครัง้ ปฐมโพลิกาลโนน้ และการไปมาก็ไม่สใู้ กลนักนึกไปว่าปีหนึง่ เรายงั มี
โอกาสไปนมัสการรอบพระพุทธบาทคร้งั หนึ่ง บาทหรือเท้า นบั วา่ เป็นอวัยวะท่ตี ่าสดุ ของมนุษย์เราแตเ่ ทา้ นน้ั
เป็นอวยั วะที่สาคัญสดุ ่ถข้ าดเทา้ เสยี กไ็ ม่สามารถทจี่ ะไปประกอบคุณงามความดีได้ โดยเฉพาะเป็นเท้าของพระ
พทุ ธองคด์ ้วยแลว้ เป็นเทา้ พิเศษและบรสิ ุทธิ์ เพราะ
เท้าของท่านไม่ใด้ใช้ไปในทางสามะเลเทเมา ไม่ใช้เท่า
ไปก่อความทกุ ขห์ รือเดือดรอ้ นให้แก่ผูใ้ ด ไมไ่ ปทา
ทจุ ริตลักฉอ้ หรือพยาบาทปองร้ายผใู้ ด ไม่ใชเ้ ดนิ ไปทา
ชู้กับเมยี ใคร เท้าน้นั ใช้ไปในทางดีก็ไดท้ างชั่วกใ็ ด้ นับ
จากระดับน้าทะเลขน้ึ ไปถงึ ยอดเขา สูงประมาณ
1,000 เมตร จากวัดพลวงข้ึนไปประมาณ 5 กโิ ลเมตร
นัน้ ผดิ กันมาก กเ็ พราะนา้ ทะเลนน้ั วัดตรงสวนจาก
“ผ้าแดง”จดุ เขียนคาอธิษฐานลงบนผ้าแดง
วดั พลวงไปนัน้ ตอ้ งปีนไปตามไหลเ่ ขาปีนข้ึนแล้วปีนลง รวมแลว้ ท้ังหมด 12 ช้ัน ฉะนั้นจงึ ดไู กลมาก นบั วา่
ประเทศไทยทง้ั ประเทศไม่มรี อยพระพุทธบาทแห่งไหนที่พบแต่ละแหง่ อาจจะยนื ยนั ได้ว่า ไมม่ ปี ระดิษฐานสูงถงึ
ขนาดนี้ ท้งั นี้เพราะพระพุทธองค์ท่านคาดการณ์ไกลวา่ พทุ ธศาสนกิ ขนในกาลต่อไป จะมศี รทั ธาแกก่ ลา้ ขนาด
ไหนและจะมคี วามเชอ่ื มนั่ และสักการะบูชาท่านแค่ไหน ทั้งน้ีอาจวดั ไดจ้ ากพุทธศาสนิกชนผแู้ สวงบญุ ทั้งหลาย
ได้หล่ังไหลพากันไป นมสั การทุกสาทศิ ด้วยศรทั ธาอนั แรงกลา้ ด้วยนา้ จติ อันแท้จรงิ ของพุทธศาสนกิ ชน
ทงั้ หลายผ้เู ขยี นรับรองไดว้ ่า ถ้าไมม่ ีศรัทธาจรงิ ๆ แลว้ ยากย่ิงท่จี ะข้นึ ไปใด้ แม้แตบ่ ุคคลทก่ี าลังอยใู่ นวัย
เบญจเพศร่างกายยังเข็งแรงไม่มศี รัทธาในพระองค์ทา่ นแลว้ ยังลา้ ถอยหลังกลับไปซะเปล่า ๆ ปีละมาก ๆ ถ้ามี
ศรัทธาแก่กล้าจรงิ ๆ แลว้ แม้แตอ่ ายเุ ขา้ วยั ชราถึง 60 - 70 ปี เดนิ 4 เท้า 3 เทา้ กย็ งั ขึน้ ไปนมัสการ "ปสา
ทะปฏถิ ตา" ศรทั ธา ต้ังม่นั อยู่ในส่งิ ใด สงิ่ นั้นยอ่ มสาเร็จผลตามความมุ่งหมายทุกประการแต่ก็เป็นท่นี ่kเสียดายที่
มบี คุ คลบางจาพวกทีไ่ ปดว้ ยไมม่ ศี รัทธา ไปอยากรู้อยากเห็น หรอื ไปเพลิน ๆ ตามเพื่อนพวกน้นั มักจะถูกรุกข
เทวดาท่ปี กปีกษ์รักษา รอยพระพุทธบาทแหง่ น้ีลงโทษกนั บ่อย ๆ แทบทุก ๆ ปี ทง้ั นเี้ ราจะเห็นไดจ้ าก เมื่อ พ.ศ.
๒๕๑๓ แต่ไม่ต้องออกนาม
เขาไม่ใชศ่ าสนาพุทธเขาขึน้ ไปสนุกกับเพื่อนเขา ผู้นน้ั มาจากระยอง เขาเป็นผ้ชู ายเสยี ดว้ ยเพือ่ น ๆทุก
คนพากนั นมสั การรอยพระพุทธบาททุกคน แต่เขาไมน่ มัสการ เขาหวั เราะคล้าย ๆ เป็นเรอ่ื งขบชนั เหน็ วา่ พวก
เราหลงไปกราบหนิ หรือกราบรอยตีนอะไรกนั ทานองน้ัน แถมรองเท้าไมย่ อมถอดเสียด้วย นยั วา่ เป็นหนามแทง
ตาชาวพทุ ธเราหนักหนาทีเดียว ต่อจากน้ันมาได้สกั ครู่เดยี ว ชายผ้นู ้นั ก็นึกอยากง่วงนอนก็ไปนอนบนแผ่นหนิ
ทางใต้ของรอยพระพทุ ธบาท ห่างจากพระพุทธบาทไม่ไกลนัก ท่ีหลับไป
เขาฝนั วา่ วง่ิ ลงมาจากทส่ี งู แตไ่ หนไดต้ วั ไม่ได้
วิง่ สกั หน่อยทเี่ ขาใชเ้ ทา้ วิง่ แต่กลับใช้หลังว่งิ กล้ิงลง
ไปกระทบหินศรี ษะแตกหลายแผล สลบไปหลาย
ชว่ั โมง เคราะห์หนมุ บุญยงั มี ยงั ไมถ่ ึงท่ตี ายหาไม่ก็
เป็นสิงหท์ วดายังสงสาร และยงั เล้ียงไวใ้ ห้ผู้อน่ื
ประจักษ์ เขามีความตกใจเป็นอย่างมาก ทาง
คณะกรรมการพระบาทไดช้ ่วยกันปฐมพยาบาลพืน้
ขนึ้ มาก็พาเขาผูน้ น้ั ไปกราบขอขมาลาโทษท่ีรอยพระ
พุทธบาทกค็ ่อยทุเลาข้ึนทันที แล้วกก็ ลับไปดว้ ยความปลอดภยั
และย่ิงไปกวา่ น้นั ในปี 2515 น้ี อาตมาไดพ้ าหลวงพอ่ บวั ท่านมาจากจงั หวัดสรุ ินทร์มาจาพรรษาทว่ี ัด
ทุ่งสะพาน มโี อกาสกไ็ ดพ้ าทา่ นขึ้นไปนมสั การรอยพระบาท ท่านเปน็ คนช่างวิจารณ์ ทา่ นเพียงแต่คดิ ในใจวา่
รอยพระบาททาไมถงึ ใหญ่อย่างนี้ และไมก่ ล้าเข้าไปใกล้ลกู บาตรกลวั ล้มทับพอตกกลางคืนท่านจาวตั รฝันเห็นมี
คนรูปรา่ งใหญด่ า มือถอื ตะบองยืนช้หี นา้ วา่ ทา่ นเปน็ สมณะท่านไม่ควรคิดผิด ควรจะคิดเสยี ใหม่ให้ดีกวา่ นที้ ่าน
ตกใจกลัวมากถึงกับเรยี กอาตมาเสยี งลัน่ อาตมาถามเป็นอะไรหลวงพ่อ ท่านกเ็ ล่าเหตุการณใ์ ห้ฟัง แล้วท่านก็
พดู ว่าผมผดิ อะไรไม่รู้ อาตมาก็บอกวา่ หลวงพ่อผิดอะไร ผมจะรู้หลวงพอ่ หรือ เรื่องผิดน้ันมหี ลายอยา่ งด้วยกาย
กไ็ ด้ ดว้ ยวาจาก็ได้ ด้วยใจก็ได้ ทา่ นก็บอกว่าเม่ือวานนผ้ี มคิดอยา่ งนัน้ ๆ อาตมากบ็ อกวา่ อย่างนั้นหลวงพ่อรบี
ไปขอขมาลาโทษเสยี ทา่ นก็ไปจดุ ธูปเทยี นขอขมาเสยี พักอีกสองสามคืนก็ไมม่ ีอะไร นี่ก็น่าคดิ อีกอย่างหน่ึง
อีกเรื่องหนงึ่ เมื่อปี 2515 นีเ้ อง มเี ด็กชายอายุประมาณ 13 - 14 ปี เปน็ เดก็ ท่ีไหนไม่ทราบไม่ได้ถาม
ขึ้นไปฟงั เสยี งจดุ ประทดั โยนไปในรอยพระพุทธบาท โฆษกหา้ มไม่ฟงั พอไมช่ ้า ไมน่ านต่อมาสกั ครู่กม็ ี
คณะกรรมการอุ้มมาหาอาตมา ถามได้ความวา่ ตกลงที่หนา้ ถ้าตาฤาษี ถามได้ความวา่ เปน็ ผู้จดุ ประทัดน่นั เอง
กไ็ มเ่ ป็นอะไรมากนัก อาตมาปดั ๆ เป๋าๆ ให้แล้วก็ส่ังวา่ ทีหนา้ ทหี ลงั อย่าชนอย่างนแ้ี ล้วก็ใหเ้ ขาไป
ฉะนัน้ ถ้าท่านทงั้ หลายมโี อกาสหรอื บญุ พาวาสนาสง่ ข้ึนมาบนน้ี ถ้ามีโอกาสพักแรมหรอื คา้ งคืน จง
พยายามทาสตใิ ห้ตื่น จงพยายามทาใจให้สงบ คดิ ดี พูดดี ท่านจะได้พบแตส่ ่ิงทดี่ ี ๆ
จดุ สกั การะ
จุดสาคญั ทีจ่ ะต้องกราบไหวส้ ักการะบนเขาคิชฌกูฏ มีอยู่ 9 จุด ซง่ึ มเี คลด็ ลับในการขอพรเพียง 5 จุด
และต้องขอเพียงเรอ่ื งเดยี วเท่าน้นั และมคี วามเชอ่ื ว่าเม่ือกลับลงมาจากเขาจะสมปรารถนา
จุดที่ 1 ตน้ โพธ์ิ – พระบาทจาลอง
จดุ ท่ี 2 ไหว้พระปางตา่ งๆ 9 รปู
จดุ ท่ี 3 หลวงปนู่ งั หรือพระครูพทุ ธบทบรบิ าล อดีตเจ้าอาวาสวดั พลวง (ขอพรครง้ั ท่ี 1)
จดุ ที่ 4 ประพรมน้าพระพทุ ธมนต์ เพ่ือให้เกิดสิริมงคลแคล้วคลาดปลอดภัย
จดุ ท่ี 5 ศาลาพระนอน ตง้ั สจั จะอธฐิ านท่ีพระอภบิ าลมงคลพทุ ธไสยาสน์ (ขอพรครั้งที่ 2)
จุดท่ี 6 พระเจดีย์ (ขอพรคร้งั ท่ี 3)
จดุ ท่ี 7 พระสวิ ลี (ขอพรครงั้ ที่ 4)
จดุ ท่ี 8 พระสหี ไสยาสน์ หรอื พระนอนหิน (ขอพรครั้งท่ี 5) จุดนีเ้ ป็นจดุ ขอพรครั้งสดุ ทา้ ยคะ่ และอยา่
ลมื ว่า ตลอดการขอพรกับสิง่ ศักด์สิ ิทธ์ิตามจุดต่างๆ ท่ผี า่ นมา ตอ้ งขอเพยี ง 1 เรอ่ื งเท่านั้น
จดุ ท่ี 9 ไหว้พระ – กราบสักการะรอยพระพุทธบาท และบริเวณหินกอ้ นใหญ่ท่ตี ง้ั อยูต่ รงรอยพระบาท
ซงึ่ เปน็ จดุ หมายสาคัญของการเดินทางมาข้ึนเขาคิชฌถูฏ