“ PRONOUN ” ทั้งทั้ 8 ประเภท PRONOUN เป็นสิ่งที่มีประโยชน์มน์าก ๆ เพราะ PRONOUN จะ ช่วยให้คุห้คุณไม่ต้อต้งพูดคำ ซ้ำ ๆ แต่ PRONOUN มีถึงถึ 8 ประเภท เลย ทำ ให้หห้ลาย ๆ คนอาจสับสัสนว่าควรใช้ยัช้งยั ไง ใช้ตช้อนไหนดี เราจะพาไป รู้จัรู้กจักับกั PRONOUN กันกัค่ะ PRONOUN คือคำ สรรพนาม สามารถใช้แช้ทนคำ นาม เพื่อหลีกเลี่ยง การใช้คำช้คำนามเดิม ๆ ซ้ำ ๆ อีกทั้งทั้ยังยัทำ ให้ปห้ระโยคกระชับชัเข้าข้ใจง่ายอีก ด้วด้ย PRONOUN PRONOUN คือคือะไรนะ? Pronoun
Pronoun 1) PERSONAL PRONOUN (สรรพนามแทนบุคคล) ประเภทที่ 1 หลักลัการใช้ Personal Pronoun กลุ่มประธาน I, You, We, They, He, She, It 1. เป็นประธานของประโยค 2. เป็นส่วนเติมเต็มของกริยา Verb to be หลักลัการใช้ Personal Pronoun กลุ่มกรรม me, you, us, them, him, her, it 1. เป็นกรรมของกริยา (Verb) 2. เป็นกรรมของบุพบท (Preposition) 3. เป็นประธานของ infinitive (to + V.1) หลักลัการใช้ Personal Pronoun กลุ่มคำ คุณศัพศัท์ (Adjective) my, your, our, their, his, her, its 1. วางไว้หว้น้าน้คำ นาม เพราะ Pronoun ชนิดนี้ทำนี้ทำหน้าน้ที่เป็น Adjective แสดงความเป็นเจ้าจ้ของ
หลักลัการใช้ POSSESSIVE PRONOUN 1. เป็นประธานของประโยค แต่ต้อต้งมีการกล่าวถึงคำ นั้นนั้มาก่อนแล้วล้ 2. เป็นส่วนเติมเต็มของประโยค มักมัวางหลังลั VERB TO BE 3. เน้นน้การแสดงความเป็นเจ้าจ้ของ โดยวางหลังลั OF 2) POSSESSIVE PRONOUN (สรรพนามเจ้าของ) ประเภทที่ 2
1. วางหลังลัประธานหรือรืหลังลัประโยค เพื่อเน้นน้ว่าประธานเป็นผู้ทำผู้ทำเอง 2. วางหลังลักริยริา เพื่อเน้น น้ ว่าประธาน เป็นผู้กผู้ระทำ เอง 3. วางหลังลับุพบุบท (Preposition) เพื่อเป็นกรรมของบุพบท 4. วางหลังลั by เพื่อเน้น น้ ว่าประธานเป็น ผู้กผู้ระทำ เพียงลำ พัง 3) REFLEXIVE PRONOUN (สรรพนามเน้นตัวตัเอง) ประเภทที่ 3
4) DEFINITE PRONOUN (สรรพนามชี้เฉพาะ) ประเภทที่ 4 หลักลัการใช้ DEFINITE PRONOUN DEFINITE PRONOUN ทุกตัวตัสามารถเป็นได้ทั้ด้งทั้ประธานและกรรมของประโยค 1. THIS (นี้) แทนคำ นามเอกพจน์ที่น์ ที่อยู่ใกล้ตัล้วตั 2. THESE (เหล่านี้) แทนคำ นามพหูพจน์ที่น์ ที่อยู่ใกล้ตัล้วตั 3. THAT (นั้นนั้ ) แทนคำ นามเอกพจน์ที่น์ ที่อยู่ไกลตัวตั 4. THOSE (เหล่านั้นนั้ ) แทนคำ นามพหูพจน์ที่น์ ที่อยู่ไกลตัวตั 5. ONE (อันอัหนึ่ง) แทนคำ นามเอกพจน์ที่น์ ที่กล่าวถึงถึเป็นครั้งรั้ที่ 2 6. ONES (กลุ่มหนึ่ง) แทนคำ นามพหูพจน์ที่น์ ที่กล่าวถึงถึเป็นครั้งรั้ที่ 2
5) INDEFINITE PRONOUN (สรรพนามไม่ชี้เฉพาะ) ประเภทที่ 5 หลัก ลั การใช้ INDEFINITE PRONOUN 1. เป็นประธานของประโยค 2. เป็นกรรมของกริยา
6) INTERROGATIVE PRONOUN (สรรพนามคำ ถาม) ประเภทที่ 6 หลักลัการใช้ INTERROGATIVE PRONOUN 1. WHO (ใคร) ทำ หน้าน้ที่เป็นประธานในประโยคคำ ถาม เมื่อถามถึงถึบุคคล 2. WHOM (ใคร) ทำ หน้าน้ที่เป็นกรรมในประโยค 3. WHOSE (ของใคร) ทำ หน้าน้ที่เป็นประธานในประโยคคำ ถาม เมื่อถามถึงถึความเป็นเจ้าจ้ของ 4. WHAT (อะไร) เป็นได้ทั้ด้งทั้ประธานและกรรม 5. WHICH (อันอั ไหน) เป็นได้ทั้ด้งทั้ประธานและกรรม ใช้ถช้ามถึงถึสัตสัว์แว์ละสิ่งของเท่านั้นนั้
7) RELATIVE PRONOUN (สรรพนามเชื่อมความ) ประเภทที่ 7 หลักลัการใช้ RELATIVE PRONOUN 1. RELATIVE PRONOUN ที่ต้อต้งตามด้วด้ย VERB ได้แด้ก่ WHO (ผู้ซึ่ผู้ ซึ่ง), WHICH (อันอัซึ่ง), THAT (อันอัซึ่ง) **WHICH ห้าห้มใช้ขช้ยายคนเด็ดขาด** 2. RELATIVE PRONOUN ที่ต้อต้งตามด้วด้ย NOUN ได้แด้ก่ WHOSE (ซึ่ง...ของ), OF WHICH (อันอัซึ่ง) 3. RELATIVE PRONOUN ที่ต้อต้งตามด้วด้ย SUBJECT + VERB ได้แด้ก่ WHAT (ผู้ซึ่ผู้ ซึ่ง), WHOM (ซึ่ง...ของ)
8) DISTRIBUTIVE PRONOUN (สรรพนามแบ่งแยก) ประเภทที่ 8 เช่น YOU BETTER NOT TELL EITHER OF THEM. คุณไม่บอกสองคนนั้นนั้จะดีกว่า JATUJAK PARK WAS HALF WAY BETWEEN THEIR TWO HOUSES, SO IT IS EASY TO WALK FROM EACH. สวนจตุจักจัรอยู่ตรงกลางระหว่างบ้าบ้น 2 หลังลัเลยเดินมาง่ายมากจากบ้าบ้นแต่ละหลังลั