วรรณคดีสมัยอยุธยาตอนปลาย
(พ.ศ. ๒๒๗๕ - ๒๓๑๐)
ลักษณะวรรณคดี
ใช้คำประพนั ธท์ กุ ชนดิ ทั้ง โคลง ฉันท์ กำพย์ รำ่ ย ยุคน้มี กี ารใชก้ ลอน มี
ทง้ั วรรณคดี และ กวี สำคญั เกิดขึ้นมำกมำย กวมี ตี ้ังแต่ พระมหากษัตริย์
จนถงึ พระภกิ ษุ มวี รรณคดปี ระเภทละครเกิดขึ้นด้วยมี คาหลวง เกิดขึน้ ๒ เรื่อง
วรรณคดสี มยั อยุธยาตอนปลาย
๑. โคลงชะลอพระพทุ ธไสยำสน์ พระเจ้ำอยู่หัวบรมโกศ
๒. โคลงนิรำศ เจำ้ ฟ้ำอภัย
๓. นันโทปนันทสูตรคำหลวง เจ้ำฟำ้ ธรรมำธิเบศร
๔. พระมำลยั คำหลวง “
๕. กำพยเ์ ห่เรอื “
๖. กำพยห์ อ่ โคลงนริ ำศ “
๗. กำพย์ห่อโคลงประพำสธำรทองแดง “
๘. บทแห่เรอ่ื งกำกี เหส่ งั วำส เหค่ รวญเพลงยำว เจำ้ ฟ้ำธรรมำธิเบศร
๙. ดำหลัง (อเิ หนำใหญ)่ เจำ้ ฟำ้ กุณฑล
๑๐. อิเหนำ (อิเหนำเล็ก) เจำ้ ฟ้ำมงกฎุ
๑๑. ปณุ โณวำทคำฉันท์ พระมหำนำควัดทำ่ ทรำย
๑๒. โคลงนริ ำศพระบำท พระมหำนำควดั ท่ำทรำย
๑๓. กลบทสริ ิวิบลุ กิติ หลวงศรปี รีชำ (เซง่ )
โคลงชะลอพระพทุ ธไสยาสน์
ผ้แู ต่ง พระเจ้ำอยหู่ วั บรมโกศ
ลักษณะคาประพนั ธ์ โคลงสส่ี ุภำพ
วัตถุประสงค์ บันทกึ เหตุกำรณแ์ ละวธิ กี ำรที่สำมำรถชะลอพระพุทธไสยำสน์
สาระสาคญั เป็นกำรบันทึกเรื่องกำรชะลอพระพทุ ธไสยำสน์มำยงั สถำนทใ่ี หม่
แลว้ ไดก้ ่อสรำ้ งพระวหิ ำร อุโบสถ เจดีย์ กฏุ ิ ศำลำกำรเปรียญ จนครบ จบดว้ ย
กำรอัญเชญิ พระพุทธรูปอภิบำลพระเจ้ำแผ่นดนิ
คุณค่าทำใหท้ รำบเร่ืองรำวเกยี่ วกับกำรปฏิสังขรณ์พระพุทธรปู สำคญั
นอกจำกน้ันยงั แสดงใหเ้ หน็ ถึงควำมศรัทธำในพระพทุ ธศำสนำอกี ดว้ ย
นันโทปนนั ทสตู รคาหลวง
ผู้แตง่ เจำ้ ฟ้ำธรรมำธเิ บศร กวสี ำคญั ในชว่ งสมยั กรุงศรอี ยุธยำตอนปลำย
ลักษณะคาประพันธ์ เปน็ ร่ำยยำว ช่วงทำ้ ยเป็นโคลงกระทู้
สาระสาคญั กล่ำวถึงสมเด็จพระสัมมำสัมพทุ ธเจำ้ โปรดให้พระโมคคัลลำน์
เหำะขน้ึ ไปทรมำนพระยำนันโทปนันทนำครำชจนยอมแพ้ พระพทุ ธองค์ไปเทศน์ส่งั
สอนโปรด พระยำ- นันโทปนันท
คุณคา่ เปน็ กำรแสดงควำมศรทั ธำในพระพุทธศำสนำ ภำษำทีใ่ ชม้ คี ำศพั ท์สูงเป็น
ภำษำบำลี สันสกฤต เขมร มกี ำรแผลงคำอย่ำงไพเรำะชวนให้ศึกษำ
พระมาลัยคาหลวง
ผแู้ ต่ง เจำ้ ฟ้ำธรรมำธิเบศร
ลกั ษณะคาประพันธ์ ใชร้ ำ่ ยสภุ ำพ ยกบำลี แล้วขยำยด้วยภำษำไทยให้
ยำวออกไปตอนทำ้ ยมีโคลงส่สี ภุ ำพ
วตั ถปุ ระสงค์ เปน็ บทสวดสอนให้รู้จกั บำป บญุ คณุ โทษ
สาระสาคญั นำเรือ่ งพระมำลัยมำจำกเรื่อง มำเลยฺยสตู ร ของพระภิกษชุ ำว
ลังกำเปน็ เรอื่ งของพระมำลยั อรหนั ตส์ ำวกองค์หนงึ่ ของพระพุทธเจ้ำ มีฤทธ์เิ ชน่ เดียวกบั
พระโมคคัลลำน์ได้แสดงฤทธไ์ิ ปเทีย่ วนรก สวรรค์ ไดพ้ บพระศรีอำรยิ ์บนสวรรค์และ
นำเร่ืองที่ไปพบมำเทศนใ์ หป้ ระชำชนฟัง
คุณคา่ แสดงควำมศรทั ธำพระพทุ ธเจำ้ ทีแ่ นน่ แฟน้ เน้อื เรื่องมีอิทธิพลต่อ
ประชำชนในยคุ น้ัน และยุคต่อมำให้เชอื่ ในบำป บญุ คุณ โทษ มกี ำรพรรณนำ
โวหำรเกยี่ วกับ นรก สวรรคไ์ ดง้ ดงำม ทำให้ผู้อำ่ นเกิดจินตนำภำพตำม
กาพยเ์ หเ่ รือ
ผูแ้ ต่ง เจ้ำฟ้ำธรรมำธเิ บศร
ลักษณะคาประพนั ธ์ ใชโ้ คลงสสี่ ุภำพนำ ๑ บท แลว้ ขยำยควำมดว้ ย
กำพยย์ ำนไี ปจนจบควำม แลว้ ขนึ้ โคลงใหม่ ๑ บท แลว้ ใชข้ ยำยควำมดว้ ยกำพย์ยำนี
สลับไปจนจบเรอื่ ง
วัตถุประสงค์ ใชข้ บั เหก่ ระบวนเรือพระทน่ี ่งั
สาระสาคัญ ประกอบด้วยบทชมเรอื ชมปลำ ชมนก ชมไม้ และบทเหก่ ำกี
คณุ คา่ มสี ำนวนไพเรำะงดงำมดว้ ยเสยี ง สำนวนโวหำรไพเรำะ มี อรรถรสท่ี
ไพเราะ
เปน็ ยอดของกาพยเ์ ห่เรอื เปน็ วรรณคดที ี่สะท้อนภำพวฒั นธรรมประเพณี และ
ควำมอุดมสมบูรณข์ องบำ้ นเมือง เปน็ ตน้ แบบของกำพย์เห่เรือ
กาพย์ห่อโคลง หรือ นิราศธารโศก
หรือ กาพย์หอ่ โคลงนริ าศพระบาท
ผู้แต่ง เจ้ำฟำ้ ธรรมำธิเบศร แต่งเมอ่ื ตำมเสดจ็ ไปนมัสกำรพระพุทธบำท
ลกั ษณะคาประพันธ์ เป็นกำพย์ห่อโคลง โดยแต่งกำพย์ยำนี ๑ บท
สลบั กบั โคลงส่ีสุภำพ ๑ บท มใี จควำมเหมอื นกนั
วตั ถุประสงค์ บันทึกกำรเดนิ ทำงและพรรณนำถงึ นำงอนั เปน็ ทร่ี ัก
สาระสาคญั เปน็ กำรสมมตุ เิ รื่องกำรจำกนำง แตไ่ มไ่ ดพ้ รรณนำตำมสถำนทท่ี ี่
ผำ่ น แตพ่ รรณนำเปน็ ระยะเวลำ คล้ำยโคลงทวำทศทำส เปน็ กำรพรรณนำไปตำม
ควำมคดิ และอำรมณ์
คุณคา่ เป็นนริ ำศทม่ี สี ำนวนไพเรำะและงดงำมอกี เร่อื งหนงึ่ ไดร้ ับควำมรู้
เกย่ี วกบั ประเพณีกำรเสดจ็ ทำงชลมำรค วัฒนธรรมควำมเป็นอย่ขู องคนไทย
กาพย์หอ่ โคลงประพาสธารทองแดง
ผแู้ ต่ง เจำ้ ฟำ้ ธรรมำธิเบศร
ลกั ษณะคาประพนั ธ์ กำพยห์ อ่ โคลง
วตั ถุประสงค์ พรรณนำสิง่ ทพ่ี บเห็นจำกกำรเสด็จทำงสถลมำรค จำกท่ำเจ้ำ
สนุกถงึ ธำรทองแดง
สาระสาคญั เป็นกำรพรรณนำถึงกระบวนเสดจ็ สภำพภูมปิ ระเทศท่ีผำ่ น และ
ควำมรน่ื รมย์
คุณคา่ มีกำรเล่นคำท่ไี พเรำะ ไดท้ รำบถึงธรรมชำตขิ องสัตว์ แสดงถงึ ควำม
รอบรเู้ ก่ยี วกบั ธรรมชำตแิ ละสตั วต์ ่ำงๆ เปน็ อย่ำงดี จนหลำยคนกล่ำวว่ำพระองค์เปน็
นักธรรมชำติวทิ ยำพระองค์หนึ่ง
เพลงยาวเจ้าฟา้ กุง้
ผแู้ ต่ง เจ้ำฟำ้ ธรรมำธเิ บศร
ลกั ษณะคาประพนั ธ์ กลอนแปดหรอื กลอนเพลงยำว
วัตถุประสงค์ แสดงควำมรกั
สาระสาคัญ เป็นเพลงยำวท่มี ีควำมไพเรำะท้ังเสยี ง ควำมหมำย และสำนวน
โวหำร
ดาหลงั และอเิ หนา
ผแู้ ตง่ เจ้ำฟ้ำกณุ ฑล นิพนธ์ ดำหลัง (อิเหนำใหญ่)
เจ้ำฟำ้ มงกฎุ นิพนธ์ อิเหนำ (อิเหนำเล็ก)
ลกั ษณะคาประพันธ์ แตง่ เปน็ บทละคร
จดุ มงุ่ หมาย เพือ่ ใชแ้ สดงละครถวำยพระเจ้ำอยูห่ ัวบรมโกศ
สาระสาคัญ นำงขำ้ หลวงชำวมลำยูเลำ่ ถวำยเจ้ำฟำ้ หญงิ ทัง้ ๒ พระองค์
พระองคท์ รงเห็นเป็นเรอ่ื งสนกุ จงึ นำมำปรบั ปรุงมำแตง่ เปน็ ละคร ซึ่งมเี ค้ำโครงเร่ืองว่ำ
อเิ หนำไปหลงรักหญิงอ่ืนซง่ึ ไม่ใชค่ ูต่ นุ ำหงนั ของตน ทำใหเ้ กิดเร่ืองวุ่นวำยตอ่ มำ
คุณคา่ เปน็ ต้นแบบสำคัญทท่ี ำใหเ้ กิดพระรำชนพิ นธเ์ รื่อง อเิ หนำ ในรชั กำลท่ี
๒ และยงั มีอทิ ธิพลต่อวรรณคดยี คุ หลงั ๆ อกี หลำยเร่อื ง รวมท้ังตวั ละคร และ
คำศัพท์ได้มผี มู้ ำอำ้ งอิงเปรยี บเทียบกนั ตอ่ มำ
ปณุ โณวาทคาฉนั ท์
ผ้แู ตง่ พระมหำนำค วดั ทำ่ ทรำย
ลักษณะคาประพนั ธ์ ฉันทแ์ ละกำพย์ฉบัง
วตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือใหม้ กี ำรได้รบั บุญกศุ ลจำกกำรแต่งเร่อื งนี้ และพรรณนำถึง
กำรปฏสิ งั ขรณแ์ ละสมโภชพระพทุ ธบำท
สาระสาคัญ ตน้ เรือ่ งกล่ำวบูชำพระรตั นตรยั เทพยดำ พระมหำกษตั รยิ ์
แลว้ ดำเนินเรื่องเลียนแบบปุณโณวำทสูตร แต่เปล่ียนช่ือสถำนทแี่ ละบุคคลสำคัญ
เพอื่ ให้เขำ้ กบั ประวตั ิ พระพทุ ธบำทซึง่ ไมม่ ใี นปณุ โณวำทสูตร
คณุ คา่ ให้ควำมรูเ้ ก่ยี วกับกำรสมโภชพระพทุ ธบำท กำรละเลน่ ศิลปกรรมสมัย
อยุธยำ
กลบทสิริวิบุลกติ ิ
ผ้แู ตง่ หลวงศรปี รีชำ (เซง่ )
ลกั ษณะคาประพนั ธ์ กลอนกลบท ๘๖ ชนิด
วตั ถุประสงค์ เพอ่ื เป็นอนิสงฆ์ให้สำเรจ็ เป็นอรหนั ต์
สาระสาคัญ ดำเนนิ เรือ่ งตำมศิรวิ บิ ุลกิตตชิ ำดกในปญั ญำสชำดก
คุณค่าเปน็ ตวั อย่ำงกำรเขียนคำกลอนพลกิ แพง เปน็ แบบอย่ำงของกำรเขียนกล
บทในสมยั หลัง และมคี วำมรูเ้ ร่ืองโหรำศำสตรส์ อดแทรกอยู่ดว้ ย
นาฏวรรณคดี
ในสมัยกรุงศรีอยธุ ยำตอนปลำยนี้ ควำมเจริญเฟ่ืองฟูของวรรณคดีประเภท
ละครเกดิ ขน้ึ อย่ำงมำก มีท้ังทีเ่ ป็น ละครใน ละครนอก และละครชำตรี
ละครใน เปน็ ละครหลวง แสดงในพระรำชพธิ ี ให้สตรีล้วน เป็นผแู้ สดงมี
บทร้อง บทรำประณีต เรอ่ื งทีใ่ ชแ้ สดง ได้แก่ รำมเกียรต์ิ อุณรุท ดำหลังอเิ หนำ
ละครนอก เปน็ ละครชาวบา้ น ตัวละครเปน็ ชายล้วน แตเ่ ดิมเรยี ก
ละคร มำเรยี ก ละครนอก เมือ่ มลี ะครใน เรอ่ื งทใี่ ชแ้ สดง เทำ่ ทเ่ี กบ็ ข้อมูลได้มี
๑๔ เร่ือง คือ กำระเกด , คำวี , สุวรรณหงส์ มณพี ิไชย, โมง่ ปำ่ , สงั ขท์ อง ,
พิณสรุ วิ งศ์ , มโนรำห์ , สวุ รรณศิลป์ , พิมพส์ วรรค์ , สงั ขศ์ ิลปช์ ัย , ไทยทตั ,
พกิ ลุ ทอง และโสวัตร
ละครชำตรี เดิมใช้ ผู้ชายลว้ น มตี วั ละครเพยี ง ตัวพระ ตัวนาง และตัว
ตลก และเล่นอยู่เร่ืองเดียวคือ มโนห์รำ จงึ เรยี กกำรแสดงน้ีวำ่ มโนหร์ า เป็นละคร
ทกี่ ำเนดิ ท่ีกรุงศรีอยุธยำและภำคใต้