สูจิบัตรการแสดง มิสซาสยาม

สาขาวิชาดุริยางคศิลป์ตะวันตก คณะศิลปกรรมศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เสนอ

การแสดงดนตรีสร้างสรรคร์ ะดบั ดษุ ฎีบัณฑิต
ดษุ ฎีนิพนธ์งานดนตรีวิจยั สร้างสรรค์

มิสซาส ยาม

สำหรับศาสนพิธีนิกายโรมนั คาทอลิก

โดย นางสาวศิรารัตน์ สุขชัย
ขับร้องโดย Siamese Ensemble
วันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม 2564 เวลา 13.00 น.

สจู ิบตั รการแสดง บทเพลงมิสซาสยาม
ประพนั ธโ์ ดย ศิรารตั น์ สุขชัย

Kyrie

Piano – รับพร จิตติอรุณชยั

Gloria

Piano – รับพร จิตติอรณุ ชยั

Credo
I. Credo in unum Deum

Solo – กิตตินันท์ ชินสำราญ

II. Et in unum Dominum

Piano – รับพร จิตติอรุณชัย

III. Et incarnatus est

Piano – ศศินนั ท์ วิภูษิฑิมากูล

IV. Et in Spiritum Sanctum

Piano – รับพร จิตติอรุณชยั
Sanctus

Piano – รบั พร จิตติอรุณชัย
Agnus Dei

Solo – สมิตรา สุวรรณฤทธิ์
Piano – รบั พร จิตติอรณุ ชยั

มสิ ชาสยาม: ศริ ารตั น์ สขุ ชยั

ศิรารตั น์ สุขชัย - ผ้ปู ระพนั ธ์

ศริ ารตั น์ สขุ ชัย สาํ เร็จการศึกษาระดบั ปรญิ ญาตรี วิชาเอก
ขับร้องสากล (เกยี รตินยิ มอนั ดบั 1) และปริญญาโท สาขาวชิ าดนตรี
ศึกษา ภาควชิ าศลิ ปะ ดนตรี และนาฏศิลปศ์ กึ ษา คณะครุศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั

ศิรารัตน์ สุขชัย ได้ศึกษาวิชาขับร้องกับอาจารย์ดวงดาว
ชยสิริโสภณ อาจารย์ดุษฎี พนมยงค์ อาจารย์วีวรรณ โทนชัย และ
อาจารย์สุชีรา อังคไพโรจน์ ในขณะที่ศึกษาในระดับปริญญาโท
ศิรารัตน์ ยังได้ศึกษาด้านการขับร้องประสานเสียงกับ ดร.ภาวศุทธิ์
พิริยะพงษร์ ัตน์ อีกดว้ ย
ด้านการร้องประสานเสียงเคยเป็นสมาชิกวง The Bangkok Camerata และวง Siam Harmony
ร่วมงานดา้ นละครเพลง “บัลลงั ก์เมฆ” “บางกอก 2485” “Jesus Christ Super Star” และ “Joseph and
The Amazing Technicolor Dream Coat”

นอกจากนี้ ศิรารัตน์ ยังเป็นวิทยากรในการอบรมการขับร้องและการขับร้องประสานเสียงให้กับ
สถาบันและหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ ชมรมขับร้องประสานเสียง MDCU Chorus คณะแพทยศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย KBU Contemporary Chorus มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต วงขับร้องประสาน
เสียงโรงเรียนสุคนธีรวิทย์ เป็นผู้ฝึกหัดคณะภคินีพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าแห่งกรุงเทพ ฯ คณะนักร้อง
ประสานเสียงฟาติมา คณะนักร้องประสานเสียงวัดพระแม่องค์อุปถัมภ์ แผนกดุริยางคศิลป์โรงเรียนสาธิต
มศว ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม) แผนกดนตรีศักดิ์สิทธิ์ใน (เพื่อ) พิธีกรรมสภาพระสังฆราชคาทอลิก
แห่งประเทศไทย วิทยากรวิชาขับร้องให้กับกลุ่มบริษัทบีกริมม์ และศุภาลัย และยังเป็นวิทยากรพิเศษให้กับ
สถาบันต่าง ๆ อาทิ ภาควิชาศิลปะ ดนตรี และนาฏศิลป์ศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย

ด้านการบริหารฯ เคยดํารงตําแหน่งหวั หนา้ ภาควชิ าธุรกจิ ดนตรคี ณะดนตรี มหาวิทยาลยั อัสสัมชัญ

ปัจจุบัน ศิรารัตน์ สุขชัย กําลังศึกษาในหลักสูตรศิลปกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาดุริยางค
ศิลป์ตะวันตก คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นอาจารย์ประจําสาขาวิชาการเป็น
ผู้ประกอบการทางดนตรี คณะดนตรี มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ รวมถึงเป็นอาจารย์ผู้ควบคุมการร้องและ
อาจารยท์ ่ีปรึกษาชมรมขบั ร้องประสานเสียงมหาวทิ ยาลัยอสั สมั ชัญ (AU Chorus)

มสิ ชาสยาม: ศิรารตั น์ สุขชัย

สมิตรา สุวรรณฤทธิ์ - โซปราโน

นักร้องเสียงโซปราโน ปัจจุบันเป็นสมาชิกของคณะ
ขับร้องประสานเสียงแห่งชาติประจํากรุงวอร์ชอประเทศ
โปแลนด์ (Warsaw National Philharmonic Choir) ซึ่งใน
ปี 2560 คณะประสานเสียง รับรางวัล Grammy จาก
ผลง า นกา ร อั ดเ สี ยง ร ่ วมกั บ Krzysztof Penderecki
นกั ประพนั ธ์เพลงชือ่ ดังชาว โปลิช

สมิตราได้รับเกียรติใหข้ ับร้องนําบทเพลงจากนักประพันธ์เพลงชาวโปลิชและนักประพันธ์เพลงอื่น ๆ
ในหลาย ๆ คอนเสริ ต์ ที่ทําการแสดง ณ หอแสดงดนตรแี หง่ ชาติกรงุ วอรซ์ อ (The National Philharmonic
Hall Warsaw) และในปี 2553 สมิตรามีโอกาสได้ร่วมแสดงขับร้อง Art Songs Recital กับ แกรห์ม จอห์น
สัน (Graham Johnson) นักบรรเลงเปียโนประกอบ (Accompanist) ระดับโลกชาวอังกฤษ โดยได้รับ
เกยี รตแิ สดง ณ กรุงลอนดอน ประเทศองั กฤษ

สมิตรา ได้มีโอกาสเข้าร่วมการฝึกอบรมด้านการขับร้องเพลงโบราณกับผู้เชี่ยวชาญ ในค่ายเรียน
ดนตรีโบราณช่วงฤดูร้อน ณ เมืองลิดซ์บาร์ค-วาร์มิสกี้ และ กรุงวอร์ซอ นอกจากนี้ยังได้เข้ารอบ 15 คน
สุดท้ายในการแข่งขันร้องเพลงโบราณ กานติกุม เกาดีอุม ปี 2554 ณ เมืองปอซนาน ประเทศโปแลนด์ (The
First Canticum Gaudium International Early Music Singing Competition 2011 in Poznan,
Poland) สมิตรายังเคยได้เข้ารอบสุดท้ายของการแข่งขันร้องเพลง The First Festa Canzone
International Art song Competition เมื่อปี 2548 ณ ประเทศสิงคโปร์ และได้รับรางวัล The London
Prize of Excellence จากค่ายเรียนดนตรี Operaplus International Summer School for Singers
ปี 2550 จัดขน้ึ ท่ีเมืองเอสโตริว ประเทศโปรตุเกส

สมิตรา สําเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง สาขาวิชาดนตรีศึกษา จากคณะ
ครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยศึกษาการขับร้องกับอาจารย์วีวรรณ โทนชัย สมิตราได้รับ
ทุนการศึกษาต่อทางด้านการขับร้องที่มหาวิทยาลัยการดนตรีและศิลปะการแสดง แห่งกรุงเวียนนา
ประเทศออสเตรีย (University of Music and Performing Arts in Vienna) โดยได้เรียนขับร้องกับ
อาจารย์ ฟรานซ์ ลูกาซอฟสกี (Prof. Franz Lukasovski) และได้รับประกาศนียบัตรด้านการขับร้อง
(Postgraduate Diploma of Artistic Training Course in Singing) โดยเรียนกับอาจารย์ สจิซวาว่า โดนัท
(Prof. Zdzislawa Donat) ณ มหาวิทยาลัยดนตรีเฟรเดริก โชแปง กรุงวอร์ซอ (Fryderyk Chopin
Music University in Warsaw) ประเทศโปแลนด์

มิสชาสยาม: ศริ ารัตน์ สุขชยั

จียอง ยนุ – อัลโต

จียอง จบศึกษาจากรั้วมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
ในสาขาวิชาธุรกิจดนตรี วิชาเอกขับร้อง จียองได้เข้า
ร่วมแสดง Opera เรื่อง “Der Freischutz” ณ ศูนย์
วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เป็นสมาชิกวงขับร้อง
ประสานเสียงสยามฮาร์โมนี (Siam Harmony) ซึ่งได้
ร่วมแข่งขันขับร้องประสานเสียง ณ สาธารณรัฐเกาหลี
ในปี 2006 และประเทศญีป่ นุ่ ในปี 2013

นอกจากนี้ยังร่วมขับร้องประสานเสียงกับ
วง Fairfax ChoralSociety ประเทศสหรัฐอเมริกา ใน
ปี 2008 และเปน็ นกั ร้องประสานเสียงใหก้ บั ชรนิ ทร์ อนิ คอนเสิรต์ ในปี 2014 – 2017
ดา้ นการทาํ งาน
จยี อง ยนุ เคยเปน็ อาจารย์ประจาํ ภาควิชาดนตรี โรงเรยี นสาธติ แหง่ มหาวิทยาลัยรงั สติ
ในปี 2009-2010
ปัจจบุ นั จยี อง ยนุ เป็นอาจารยป์ ระจํา ภาควิชาดนตรีโรงเรียนนานาชาตไิ ทยจนี ต้งั แต่
ปี 2010 เป็นต้นมา

มสิ ชาสยาม: ศริ ารัตน์ สขุ ชัย

มานติ ธุวะเศรษฐกลุ - เทเนอร์

มานิต จบการศึกษาจาก สาขาวิชาดนตรีศึกษา
คณะครุศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั เมื่อปี พ.ศ. 2545

มานิต เป็นนักร้องคนแรก ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศการ
แข่งขันขับร้องเพลงคลาสสิก-โอเปรา แห่งประเทศไทย จัดซ่ึง
โดยกระทรวงวัฒนธรรม ต่อมาได้ร่วมแสดง กับ Bangkok
Opera ในอุปรากรเร่ือง Don Giovanni ประพันธ์โดยโมสาร์ท

เมื่อปี พ.ศ. 2547 เรื่อง Aida ประพันธ์โดย แวร์ดี
และแม่นาค ประพันธโ์ ดย สมเถา สุจรติ กลุ เมอื่ ปื พ.ศ. 2548

มานิต ได้รับเชิญให้ขับร้องในงานวันข้าราชการ ณ ทําเนียบรัฐบาลเป็นประจําทุกปี ขับร้องใน
งานสันนบิ าททจ่ี ดั ขึ้น ณ ทําเนียบรฐั บาล ในด้านการขบั ร้องประสานเสยี ง มานติ เคยเปน็ ผูอ้ ํานวยเพลง
ให้กบั วงขับรอ้ งประสานเสียงโลกสีฟ้าและวงขบั รอ้ งประสานเสียงสยามฮารโ์ มนี (Siam Harmony)

ปัจจบุ นั มานติ รับราชการ ในตาํ แหนง่ คีตศิลปินแหง่ วงดรุ ิยางคส์ ากล กรมศลิ ปากร
และเปน็ อาจารยพ์ ิเศษสาขาวชิ าขบั ร้องให้กบั คณะดนตรมี หาวิทยาลยั อสั สัมชญั

มิสชาสยาม: ศิรารัตน์ สขุ ชัย

กิตตนิ นั ท์ ชนิ สําราญ - เบส

กิตตินันท์ ชินสําราญ สําเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี
จากภาควิชาดนตรีศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย (เกียรตินิยมอันดับ1) ต่อมา กิตตินันท์ ได้รับ
ทุนความสามารถพิเศษทางดนตรีจาก San Francsico
Conservatory of Music ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อศึกษา
ต่อในระดับปริญญาโท ด้านการร้องเพลงคลาสสิก โดยสําเร็จ
การศึกษาด้วย Voice Department Honor จากนั้นได้รับ
คัดเลือกให้เป็นศิลปินในสังกัด Falnders Operastudio
ประเทศเบลเยี่ยม
เมื่อปี 2019 กิตตินันท์ ชินสําราญ ได้สําเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก จากคณะศิลปกรรมศาสตร์
(ดุรยิ างคศิลปต์ ะวันตก) จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย

กิตตินันท์ มีผลงานการแสดงทั้งในทวีปเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกาในหลากหลายลีลาดนตรี
ทั้งป๊อป แจ๊ส ลูกกรุง มิวสิคัล และอุปรากร เขาได้ฝากผลงานทั้งระดับชาติและระดับนานาชาติไว้ทั้งใน
ประเทศ และต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น คอนเสิร์ตความสัมพันธ์ไทย-อิสราเอล คอนเสิร์ต
ความสัมพันธ์ไทย-อเมริกัน คอนเสิร์ตความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น รวมถึงการแสดงพระมหาชนก The
Phenomenon Live Show

ในด้านการแสดงละครเวที กิตตินันท์ ได้แสดงเรื่องวันสละโสดกับโจทก์เก่า ๆ บัลลังก์เมฆ ข้างหลัง
ภาพ และทวภิ พเดอะมิวสคิ ลั รวมถึงในการแสดง Ladies of the Stage ของโรงละครเมอื งไทยรัชดาลัย

นอกจากนี้ กิตตินันท์ยังได้เป็นตัวแทนนักร้องไทยแสดงร่วมกับศิลปินระดับโลกมากมายอาทิเช่น
José Carreras, Andrea Bocelli และ David Foster เป็นหนึ่งในผู้ขับร้อง “เพลงชาติไทย” เวอร์ชัน
ปรับปรงุ ล่าสุด และขับร้องบทเพลง “สรรเสริญพระบารมี” ท่ีฉายในโรงภาพยนตรเ์ ครือเมเจอร์ ซนิ ิเพล็กซ์

ปัจจุบันกิตตินันท์ ชินสําราญ เป็นอาจารย์ประจําสาขาวิชาดุริยางคศิลป์ตะวันตก คณะศิลปกรรม
ศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั

มิสชาสยาม: ศิรารตั น์ สุขชยั

รบั พร จิตตอรณุ ชยั - เปียโน

รับพร จิตตอรุณชัย เริ่มเรียนเปียโน ตั้งแต่อายุ 7 ปี
กับมรว.นรรยโสภาค สอบTrinity เกรด 8 รับพร จบ
การศึกษาระดับปริญญาตรีจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คณะครุศาสตร์ ภาควิชาดนตรีศึกษา เอกเปียโน ระดับ
ปริญญาโท จบการศึกษาจากโรงเรียนคริสตศาสนศาสตร์
แบบ็ ติสท์ M.Div.CM ด้านดนตรีครสิ ตจักร
ปัจจุบัน รับพร จิตติอรุณชัย เป็นผู้อํานวยเพลงให้กับคณะนักร้องประสานเสียงคริสตจักร
แสงสวา่ ง และคณะนักรอ้ งCMA (Church Music Association)

ศศนิ นั ท์ วภิ ูษิฑมิ ากูล - เปยี โน

ศศินันท์ วิภูษิฑฺมากูล สําเร็จการศึกษาในระดับ
ปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจาก สาขาวิชาดนตรีศึกษา
คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เริ่มเรียนเปียโน
กับอาจารย์ประพาฬรัสมิ์ จิตรุ่งสาคร ต่อมาได้มีโอกาสเรียน
กับ ดร. เอริ นาคากาวา และ ดร. สวุ รรณา วังโสภณ

นอกจากนี้ ศศินันท์ เคยได้รับทุนการศึกษา โครงการ
Yamaha Music Scholarship ซึ่งเป็นทุนสําหรับผู้ที่มีความสามารถทางด้านดนตรีสากล ประเภท
เปียโน ในสังกัดสถาบันอุดมศึกษา และเคยเป็นนักเปียโนให้กับ วงขับร้องประสานเสียงระดับ
ประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนสุคนธีรวิทย์ และ
คณะนักร้องประสานเสยี งมหาวิทยาลัยอัสสัมชญั

ปัจจุบันเป็นนักเปียโนให้กับวง Chulalongkorn University Silver Voices และกําลังศึกษา
ตอ่ ระดับปริญญาโท สาขาวิชาดนตรศี ึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย

มสิ ชาสยาม: ศริ ารตั น์ สุขชัย

เจษฎา จิตรกร - Mixing and Mastering

เจษฎา จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิชาธุรกิจดนตรี มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และ
ระดับปริญญาโท สาขาวิชาการตลาดและการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล ด้วยความสนใจทางด้าน
เสียงได้ศึกษาต่อทางด้านวิศวกรเสียงที่ SAE Institute และเริ่มการทํางานในสายดนตรี จากการเป็น
นกั ดนตรสี นบั สนุนใหก้ บั ศลิ ปนิ ในการเล่นดนตรีสดตามคอนเสริ ต์ ต่าง ๆ ต่อมาจึงไดข้ ยายการทาํ งาน
มาสายงานเบื้องหลังการผลิตผลงานเพลงให้กับศิลปิน รวมไปถึงการผสมเสียงและทํามาสเตอร์เพลง
สําหรับโฆษณา การผสมเสียงเพลงและมาสเตอร์เพลงสําหรับรายการโทรทัศน์ การประพันธ์เพลง
ประกอบการ์ตูน การออกแบบเสียงสําหรับการ์ตูนและอุปกรณ์ต่าง ๆ การเป็นวิศวกรเสียงในห้อง
บันทึกเสียงหลังจากสั่งสมประสบการณ์ร่วมทศวรรษ เจษฎา จิตรกร มุ่งมั่นที่จะนําความรู้และ
ประสบการณ์ที่ได้รับตลอดการทํางานมาแบ่งปันและต่อยอดให้กับเยาวชนรุ่นใหม่ด้วยการการสอน
และการสรา้ งสรรค์งานวชิ าการ

ปัจจุบัน เจษฎา จิตรกร เป็นอาจารย์ประจํา สาขาวิชาการเป็นผู้ประกอบการทางดนตรี และ
หัวหน้าหน่วยเทคโนโลยีดนตรี คณะดนตรี มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ นอกจากนี้ยังเป็นอาจารย์พิเศษ
วิทยากรรับเชิญให้กับสถาบันการศึกษา หน่วยงาน และค่ายเพลงต่าง ๆ อย่างสมํ่าเสมอ อาทิเช่น
มหาวิทยาลยั สแตนฟอร์ด มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ และเพจ Music Survivor Club

มิสชาสยาม: ศิรารตั น์ สขุ ชัย

บทเพลงมิสซาประเภทบทเพลงภาคปกติ (Ordinary Mass) เป็นบทประพันธ์ซึง่ สะท้อน
ความเชื่อความศรัทธาของผูน้ บั ถือศาสนาคริสตน์ ิกายโรมนั คาทอลิก และเป็นองค์ประกอบสําคญั
ในการประกอบพิธีบูชาขอบพระคุณ (Mass) ในด้านดนตรีมีนักประพันธ์ที่มีชือ่ เสียงในอดีตและ
ปัจจุบันประพันธบ์ ทเพลงประเภทนี้อย่างแพรห่ ลาย ดว้ ยจุดประสงคห์ ลักในการสรรเสรญิ พระเจา้
ใชป้ ระกอบพิธีกรรมในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาลิก และภายหลงั ได้พฒั นาลักษณะไปสบู่ ทเพลง
เพอื่ การฟงั อาทิเชน่ Mass in B minor, BWV 232 โดยโยฮนั น์ เซบาสเตยี น บาค Missa Festiva
โดยจอหน์ เลอาวิตต์ และอีกมากมาย ในประเทศไทยบทเพลงมิสซาประเภทบทเพลงภาคปกติ
มผี ปู้ ระพนั ธช์ าวไทยประพันธป์ ระเภทนีจ้ ํานวนไม่มากนัก

จากเหตุผลข้างต้น ทําให้ผู้ประพันธ์เกิดแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน
บทเพลงมิสซาร่วมสมัย ท่ีมที ่วงทาํ นองแบบสากลและมชี อื่ ท่ีแสดงถงึ ความเป็นไทย สําหรับนกั รอ้ ง
ประสานเสยี ง นักร้องเดี่ยว และเปียโน ในภาษาละตนิ จํานวน 8 บท ได้แก่ บทรํา่ วิงวอน (Kyrie)
บทพระสิริรุ่งโรจน์ (Gloria) บทข้าพเจ้าเชื่อ (Credo) แบ่งเป็น 4 บท บทศักดิ์สิทธิ์ (Sanctus)
และบทลกู แกะพระเจา้ (Agnus Dei) ความยาว 30 นาที

มิสชาสยาม: ศริ ารตั น์ สขุ ชยั

Siamese Mass: Kyrie
Composed by Sirarat Sukchai
Siamese Ensemble

Siamese Mass: Gloria
Composed by Sirarat Sukchai
Siamese Ensemble

Siamese Mass: Credo I. Credo in unum Deum
Composed by Sirarat Sukchai
Siamese Ensemble

Siamese Mass: Credo II. Et in unum Dominum
Composed by Sirarat Sukchai
Siamese Ensemble

Siamese Mass: Credo III. Et incarnatus est
Composed by Sirarat Sukchai
Siamese Ensemble

Siamese Mass: Credo IV. Et in Spiritum Sanctum
Composed by Sirarat Sukchai
Siamese Ensemble

Siamese Mass: Sanctus
Composed by Sirarat Sukchai
Siamese Ensemble

Siamese Mass: Agnus Dei
Composed by Sirarat Sukchai
Siamese Ensemble

มิสชาสยาม: ศิรารัตน์ สุขชัย

บทเพลงมิสซาสยาม

Kyrie

Kyrie eleison มาจากภาษากรีก หมายถึง ข้าแต่พระเจ้าทรงพระกรุณาเทอญ Christe
eleison หมายถึง ข้าแต่พระคริสตเจ้าทรงพระกรุณาเทอญ เป็นการร้องหาพระเจ้าและวอนขอ
พระกรุณา

บทเพลงนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการภาวนา ซึ่งเนื้อเพลงในบทนี้มีเพียง 2 วรรค และร้อง
ซํ้า ๆ จึงให้ความรู้สึกเหมือนกับการภาวนาอยู่ในโบสถ์ผู้ประพันธ์ต้องการสื่อถึงมนุษย์ที่มาจากต่างท่ี
และมีจังหวะชีวิตที่ต่างกัน ทุกคนมีความเชื่อและความต้องการวิงวอนขอพระเจ้าให้ช่วยตน บทเพลง
นี้จึงออกแบบให้นักร้องร้องช่วงนํา (Introduction) ไปพร้อมกับแนวเปียโนประกอบ (Piano
Accompaniment) และมีการเดินทํานองที่แตกต่างกันแนวเบสร้องทํานองที่เดินลงเป็น
ขั้นในบันไดเสียง D ไมเนอร์ ในขณะที่แนวอัลโต และเทเนอร์ร้องแนวประสานในรูปแบบจังหวะ
ลากยาว แนวโซปราโนทําหน้าที่สอดประสานในแนวทํานองกระโดด (Melodic Skip) นอกจากน้ี
โมทีฟ (Motive) ของบทเพลงไดถ้ ูกถอดรูปแบบจงั หวะมาจากธรรมชาติการพดู “Kyrie eleison”

Gloria

บทพระสิริรุ่งโรจน์ (Gloria) เป็นบทสรรเสริญที่ยิ่งใหญ่และสําคัญ มีความท้าทาย
ในการประพันธ์ทํานองให้เข้ากับเนื้อร้องที่มีความยาว บทเพลงเริ่มต้นในบันไดเสียง D เมเจอร์และ
จบในบันไดเสียง B ไมเนอร์ อตั ราความเรว็ ของบทเพลงมคี วามหลากหลายตามทว่ งทาํ นองทเ่ี ปลย่ี นไป
บทพระสิริรุ่งโรจน์ มีเนื้อเพลงที่ไม่มีสัมผัสคล้องจองทําให้เป็นอุปสรรคใหญ่ในการประพันธ์ ผู้ประพันธ์
แก้ปัญหาโดยเลือกสังคีตลักษณ์แบบเพลงร้องที่มีทํานองต่าง (Through-composed) ซึ่งมีความ
เหมาะสมในการประพันธ์บทพระสิริรุ่งโรจน์ บทเพลงจึงมีความหลากหลายทางอารมณ์และใช้แนวคิด
เดียวกันกับบทรํ่าวิงวอน (Kyrie) คือ การถอดรูปแบบจังหวะจากธรรมชาติการพูด เพื่อให้ได้คําที่ลงตัว
และนํามาใสท่ าํ นองเพลง หลังจากนน้ั ประพนั ธ์เสียงประสานและแนวเปียโนประกอบ

มิสชาสยาม: ศริ ารัตน์ สุขชัย

Credo

บทข้าพเจ้าเชื่อ (Credo) เป็นบทสวดใหญ่ ที่มีจุดประสงค์ให้คริสตชนสวดเพื่อประกาศยืนยัน
ความเชื่อในพระบิดา พระบุตร และพระจิต และร่วมประกาศยืนยันความเชื่อในข้อคําสอนของศาสนา
คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ประพันธ์โดยใช้แนวคิดเดียวกันกับบทพระสิริรุ่งโรจน์ เนื่องจากเนื้อเพลงมี
ความยาวมาก ผู้ประพันธ์ได้แบ่งบทประพันธ์เป็นย่อ 4 บท I. Credo in unum Deum ความเชื่อใน
พระเจ้า II. Et in unum Dominum ความเชื่อในพระคริสตเจ้า III. Et incarntus est พระเยซูเจ้า
ทรงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ ถูกตรึงกางเขน สิ้นพระชนม์ และทรงคืนชีพ IV. Et in Spiritum Sanctum
ความเชื่อในพระจิต พระศาสนจักร ประกาศยืนยันความเชื่อในศีลล้างบาปและคอยชีวิตใหม่
ในภพหนา้

I. Credo in unum Deum
ได้รับแรงบันดาลใจมาจากบทเพลงประสานเสียงรูปแบบอาคัปเปลลา (A Cappella)

บทเพลงมีทํานองหลักและแนวประสานที่เรียบง่าย สงบนิ่ง และความสื่อถึงพระผู้สร้าง โดยมีแนวคิด
ว่าบทเพลงนี้เปรียบเสมือนพระบิดาหรือพระผู้สร้างในครั้งสร้างโลกที่ยังไม่กําหนดเพศของสิ่งมีชีวิต
ดังนั้นทุกสิ่งมีความเท่าเทียมกัน บทเพลงมีนี้มีจังหวะค่อนข้างช้าและดําเนินทํานองไปอย่างสงบ
ในช่วงท้ายของบทเพลงแนวร้องประสานเสียงได้ร้องทํานองในแนวเดียวกัน (Unison) เปรียบเสมือน
การภาวนาร่วมกนั

II. Et in unum Dominum
เนื้อเพลงกล่าวถึงความเชื่อในพระคริสตเจ้า บทเพลงนี้ประพันธ์ในรูปแบบเสียงประสาน 2

แนว (2-part Harmony) ได้แรงบันดาลใจมาจากความเชื่อในพระเยซูคริสตเจ้าที่ทรงเป็นองค์ความ
สว่างและเป็นพระเจ้าที่แท้จริง แนวทํานองที่มีความสดใสร่างเริง แนวเปียโนมีการเล่นโน้ตคู่แปดใน
เสียงสูงเพื่อแทนเสียงของนกและบรรยากาศที่สดใส ทํานองในแนวร้องมีความเรียบง่าย แนว I และ
แนว II มีการล้อทาํ นองและสอดประสานแบบแคนอน (Canon) ในช่วงท้ายของบทเพลง

III. Et incarnatus est
เนื้อเพลงกล่าวถึงพระเยซูเจ้าทรงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ ถูกตรึงกางเขน สิ้นพระชนม์ และทรง

กลับคืนชีพ บทนี้จึงเป็นบทที่ผสมสานความรู้สึกที่หลากหลาย มีความสงบนิ่ง เจ็บปวด เศร้าโศก และ
เฉลิมฉลอง ผู้ประพันธ์ใช้สังคีตลักษณ์เพลงร้องที่มีทํานองต่าง (Through-composed) เช่นเดียวกับ
บทพระสิริรุ่งโจน์ มีการเปลี่ยนบันไดเสียงไปตามเหตุการณ์ชีวิตของพระเยซูคริสตเจ้า โดยเริ่มบันได

มสิ ชาสยาม: ศิรารตั น์ สุขชยั

เสียง Eb เมเจอร์ C ไมเนอร์ และ C เมเจอร์ตามลําดับ บทเพลงเริ่มด้วยแนวทํานองที่ไม่เคลื่อนไหว
มากนัก ในช่วงกลางมีการเปลี่ยนบันไดเสียงไปสู่บันไดเสียง C ไมเนอร์ดนตรีจึงเต็มไปด้วยอารมณ์
ความรู้สึก โดยเฉพาะในท่อน Crucifixus ที่หมายถึงการตรึงกางเขน แนวเปียโนมือซ้ายเดินทํานองใน
บันไดเสียง C ไมเนอร์ขาลงเปรียบเสมือนการตอกตะปูบนร่างของพระเยซู ในส่วนของแนวร้องนั้น
ท่วงทํานองถูกออกแบบให้มีความดุดัน ในท่อนสุดท้ายกล่าวถึงการกลับคืนชีพบทเพลงอยู่ในบันได
เสียง C เมเจอร์และมีอัตราความเร็วที่เร็วขึ้น แนวเปียโนจึงถูกออกแบบให้เริ่มในช่วงเสียงตํ่าและ
ขยบั สูงขึ้นเปรียบเสมอื นการฟื้นคนื ชพี ของพระเยซูดว้ ยอารมณท์ ีป่ ลาบปลื้มยินดี
IV. Et in Spiritum Sanctum

เนื้อเพลงกล่าวถึงความเชื่อในพระจิต พระศาสนจักร ประกาศยืนยันความเชื่อในศีลล้างบาป
และคอยชีวิตใหม่ในภพหน้า ช่วงที่เนื้อเพลงกล่าวถึงการประกาศยืนยันความเชื่อในชีวิต
คริสตชน บทเพลงอยู่ในบันไดเสียง C เมเจอร์ แนวทํานองถูกออกแบบให้มีความเรียบง่ายและ
ออ่ นหวาน ลกั ษณะเด่นคือ มีรปู แบบของแนวประสานเสียง 2 แนว 3 แนวและ 4 แนว

Sanctus

เนื้อเพลงหมายถึงการสรรเสริญสดุดีพระเป็นเจ้าด้วยความร่าเริง มีการใช้รูปแบบจังหวะเสียง
สั้น-ยาวในบทเพลง เพื่อให้คงธรรมชาติของคําและทําให้เกิดเสียงประสานในโน้ตที่ลากจังหวะยาว
มีการล้อทํานองระหว่างแนวหญิงชาย โดยทํานองหลักอยู่ในแนวโซปราโนและอัลโต ในส่วนของแนว
เทเนอร์และเบสแนวมีทาํ นองที่ล้อกบั ทาํ นองหลักในจงั หวะเบา (Weak Beat)

มิสชาสยาม: ศริ ารัตน์ สุขชัย

Agnus Dei

“ลูกแกะของพระเจ้า” สามารถสื่อได้ 2 ความหมาย ประการแรก หมายถึงผู้รับใช้ของ
พระยาเวห์ ซึ่งรับเอาบาปของมนุษย์ทั้งหลายมาแบกไว้ และถวายตนเป็นลูกแกะเพื่อชดเชยบาป
ประการที่สอง หมายถึงลูกแกะปัสกา ซึ่งชาวยิวกินในพิธีระลึกถึงการกอบกู้ชาติอิสราเอล
เมื่อตีความหมายโดยรวมนั้นหมายถึงการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ บทเพลงนี้อยู่ในบันไดเสียง D เมเจอร์
มีท่วงทํานองที่อ่อนหวาน ผู้ประพันธ์นําเสนอทํานองหลักด้วยแนวร้องเดี่ยวและให้แนวประสานเสียง
ร้องประสานในรอบที่สอง จากนั้นในช่วงกลางของบทเพลงแนวโซปราโนและอัลโตร้องทํานองหลัก
อย่างต่อเนื่อง แนวเทเนอร์และเบสร้องแนวประสานในแบบเสียงสั้น (Staccato) ในช่วงท้ายของบท
เพลงแนวร้องเดี่ยวและแนวร้องประสานเสียงร้องทํานองในรูปแบบอาคับเปลลา (A Cappella)
ในท่อน Dona nobis pacem เปน็ การภาวนาด้วยการรอ้ งรว่ มกันวา่ โปรดประทานสันติสขุ เทอญ

มิสชาสยาม: ศิรารัตน์ สุขชยั

รายชอื่ นกั ดนตรี

รายชือ่ นักร้อง Siamese Ensemble

สมติ รา สวุ รรณฤทธ์ิ Soprano, Solo

จียอง รเี บคกา ยนุ Alto

มานติ ธวุ ะเศรษฐกลุ Tenor

กิตตินนั ท์ ชินสําราญ Bass, Solo

รายช่อื นกั ดนตรี เปียโน Piano
Piano
รบั พร จิตตอิ รุณชยั
ศศนิ ันท์ วภิ ษู ิฑมิ ากูล

รายชอ่ื นกั วศิ วกรเสียง Mixing and Mastering

เจษฎา จติ รกร

มิสชาสยาม: ศริ ารตั น์ สขุ ชยั

ภาพเบ้อื งหลังการบนั ทึกเสยี งและตัดตอ่ เสยี ง

มิสชาสยาม: ศริ ารตั น์ สขุ ชยั

ขอขอบพระคณุ

ครอบครวั โดยเฉพาะคุณแม่ คุณอา และน้องสาวทค่ี อยช่วยเหลือและเป็นกําลงั ใจเสมอมา
ศาสตราจารย์ ดร.วีรชาติ เปรมานนท์ อาจารย์ที่ปรึกษาผู้ประสิทธ์ิประสาทวิชาความรู้
พยายามเคย่ี วเข็ญ สนับสนนุ และใหก้ ําลงั ใจตลอดระยะเวลาการศกึ ษาปรญิ ญาเอก
คณาจารย์ และคณะกรรมการทุกท่านในการให้คําแนะนําและช่วยเหลือตลอดกระบวนการ
ทําวิทยานพิ นธ์
มหาวิทยาลัยอสั สมั ชญั และทีมผูบ้ ริหารคณะดนตรี สําหรับทนุ การศึกษา และความชว่ ยเหลอื
ตา่ ง ๆ ท่ีมอบให้
รองศาสตราจารย์ ดร.ณรุทธ์ สุทธจิตต์ และพี่วันวิสาข์ อยู่ทอง พี่อรรณพ ภิรมย์ประเมศ
ทีช่ ว่ ยเหลอื ต้ังแตก่ อ่ นเร่มิ เรียนจนถงึ ปัจจบุ ัน
กัลยาณมิตรทุกท่าน ที่มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ให้สําเร็จ โดยเฉพาะชาว
Siamese Ensemble นัน กิต พ่มี านิต รธู โบว์ลิง่ รีเบคกา และน้องดวิ สุดยอด Sound Engineer
และอกี หลาย ๆ ท่านทีไ่ ม่ได้กลา่ วมา ณ ทน่ี ้ี

ขอบพระคุณมากคะ่
ศิรารตั น์ สุขชยั

มิสชาสยาม: ศริ ารัตน์ สขุ ชยั

มิสซาสยาม

โดย
ศิรารัตน์ สุขชัย

มสิ ชาสยาม: ศิรารตั น์ สขุ ชยั