บทท่ี
บุคคล1
สาระการเรยี นรู้
1. บุคคลธรรมดา
- การมีสภาพบุคคล
- การสิน้ สุดลงของสภาพบุคคล
- สงิ่ ทป่ี ระกอบการเป็นบุคคล
2. นิติบุคคล
กฎหมายเป็นบรรทัดฐานท่ีมนุษย์สรา้ ง
ข้ึ น เพ่ื อ ให้ สั ง ค ม เป็ น ร ะ เบี ย บ เรีย บ ร้อ ย
กฎหมายจึงมุ่ง บังคับใช้กับมนุษย์ซึ่งในทาง
กฎหมายเรียกว่า “บุคคล” บางบทบัญญัติ
จะไม่ได้กา หนดถึงบุคคลโดยตรง แต่ก็มีนัย
ท่ีท้ายท่ีสุดแล้วจะได้ นา ไปเพื่อพิสูจน์สิทธิ
ของบุคคลในภายหลังน่ันเอง
บุคคลตามกฎหมายแบ่งออกเป็น 2
ประเภท คือ บุคคลธรรมดา กับนิติบุคคล
1. บุคคลธรรมดา
“บุคคลธรรมดา”
หมายถึง มนุษย์หรือคนปกติที่มีเพศมี
อวัยวะต่าง ๆ จะครบหรอื ไม่ครบ 32 ประการ
ก็สุดแท้แต่ แต่ในทางกฎหมายกาหนดว่า
บุคคลที่กฎหมายจะนามาบังคับใชน้ ั้นจะต้องมี
“สภาพบุคคล” ประมวลกฎหมายแพ่งและ
พาณิชยม์ าตรา 15 บัญญัติไวว้ า่ “สภาพบุคคล
ย่อมเร่ิมแต่ เมื่อคลอดแล้วอยู่รอดเป็นทารก
และส้นิ สดุ ลงเม่ือตาย”
1. บุคคลธรรมดา
1.1 การมสี ภาพบุคคล
สภาพบุคคลน้ันกฎหมายกาหนดว่าเรม่ิ ต้นเม่ือคลอด
แล้วอยู่รอดเป็นทารก หมายถึง การเรมิ่ ต้นของสภาพ
บุคคลน้ันต้องประกอบด้วย 2 องค์ประกอบ คือ
1. คลอด ในทางกฎหมาย หมายถึง การที่
ทารกคลอดออกมาให้พน้ จากตัวมารดา
2. อยู่รอดเป็นทารก กล่าวคือ มีสัญญาณ
ชีพหัวใจเต้น ปอดทางานมีชีวิตได้โดยลาพัง
ตนเอง แม้ว่าจะมีสัญญาณชีพอยู่ได้ไม่นานก็จัด
ว่ามีการอยู่รอดเป็นทารกแล้ว
1. บุคคลธรรมดา
1.2 การสน้ิ สดุ ของสภาพบุคคล
การสิ้นสุดลงของสภาพบุคคลน้ัน กฎหมายกาหนดว่า
“...และส้ินสุดลงเม่ือตาย” โดยการตายของบุคคลมีอยู่
2 ลักษณะด้วยกัน คือ
1. การตายตามธรรมชาติ หมายถึงการ
ส้ินชีวิตไรล้ มหายใจสมองตายไรค้ วามสามารถ
ในการสั่งการให้อวัยวะในรา่ งกายทางาน หัวใจ
หยุดเต้น
2. ก า ร ต า ย โ ด ย ข้ อ สั น นิ ษ ฐ า น ข อ ง
กฎหมาย หมายถึงการท่บี ุคคลไม่ปรากฏรา่ งว่า
เป็นตายรา้ ยดีอย่างไร เพื่อให้ญาติหรอื ผู้มีส่วน
ได้เสีย
1. บุคคลธรรมดา
1.2 การสนิ้ สดุ ของสภาพบุคคล
บุคคลสาบสูญ คือบุคคลที่หายไปจากภูมิลาเนา
โดยไมม่ ีผู้ใดพบเห็น มีอยู่ 2 กรณีคือ
1. หายไปจากภูมิลาเนา 5 ปี
2. หายไปจากภูมิลาเนา 2 ปี ในกรณีเข้ารว่ ม
ในสงครามนับแต่สงครามส้ินสุด หรอื โดยสาร
ใน ยานพาหนะและยานพาหนะนั้นอับปางหรอื
ถูกทาลายหรอื เหตอุ ันตรายอื่นๆ
1. บุคคลธรรมดา
1.3 สง่ิ ทปี่ ระกอบการเปน็ บุคคล
เมื่อบุคคลหนึ่ง ๆ มีสภาพบุคคลตามกฎหมายแล้ว การ
จะระบุลงไปว่า “เขาคือใคร” หรอื “เขาเป็นใคร” นั่นคือ
การพิจารณา “ส่ิงท่ีประกอบการเป็นบุคคล” โดยมีอยู่
ด้วยกัน 5 องค์ประกอบ คือ
1. สัญชาติ
2. ช่ือ
3. ภมู ิลาเนา
4. สถานภาพ
5. ความสามารถของบุคคล
1.
สัญชาติ
สัญชาติ เป็นส่ิงที่ผูกมัดบุคคลไว้กับรฐั หรอื ประเทศใดประเทศหน่ึงซึ่ง
เป็นสิทธิของบุคคลท่ีพึงได้รบั สัญชาติของรฐั น้ัน ๆ จัดเป็นสิทธิเด็ดขาดท่ี
บุคคลพงึ มพี งึ ได้
หากบุคคลมสี ญั ชาติในรฐั ทต่ี นเองพานักอาศยั เราเรยี กผทู้ มี่ สี ญั ชาติของ
รฐั ท่ีตนพานักอาศยั อยู่น้ีว่า “คนชาติ” และเรยี กบุคคลที่ไม่มีสัญชาติในรฐั ท่ี
ตนพานักอาศยั น้ันวา่ “คนต่างด้าว”
2. ชอื่
ชื่อ เป็นสัญลักษณ์หรอื ส่ิงเรยี กขาน
ตัวบุคคล ซึ่งตามพระราชบัญญัติชื่อ
บุ ค ค ล พ . ศ. 2 505 กา ห นด กา ร
เรยี กชอ่ื ไว้ 3 ลักษณะด้วยกัน คือ
- ช่อื ตัว
- ชื่อสกลุ
- ชอ่ื รอง
3.
ภูมลิ าเนา
ภูมลิ าเนา หมายถึง ถ่ินทีอ่ ยู่ประจาของบุคคลเพอื่ ประโยชน์ในการปกครองหรอื
การจัดระเบยี บของทางราชการ ซ่ึงภูมลิ าเนาของบุคคลสามารถเปลี่ยนแปลงได้
แต่โดยหลักแล้ว กฎหมายกาหนดว่าให้ ภูมิลาเนาของบุคคลธรรมดา ได้แก่
สถานทีอ่ ยูท่ ่ีเป็นแหล่งสาคัญหรอื หากบุคคลท่ีมีที่อยู่หลายแหล่งสับเปลี่ยนกันไปให้
ถือเอาแหง่ ใดแหง่ หนึ่งก็ได้ หรอื กฎหมายอาจกาหนดภูมลิ าเนาไวเ้ ป็นพเิ ศษก็ได้
4.
สถานภาพ
สถานภาพ หมายถึง สถานะหรอื ตาแหน่งของบุคคล เป็นสิ่งท่ีใช้บอกถึงบทบาท
หรอื หน้าที่ โดยสถานภาพน้ีบุคคลอาจได้มาโดยการเกิด เช่น เป็นคนไทยเป็น
ผ้ชู าย หรอื อาจได้มาภายหลัง เช่น เปน็ สามี เป็นหญิงหม้าย เป็นต้น
5.
ความสามารถ
ของบุคคล
ความสามารถของบุคคล หมายถึง ความสามารถในการทานิติกรรม ซ่ึง
ในท่ีนี้ไม่ได้หมายถึงความสามารถในการเคลื่อนไหว เช่น ความสามารถในการ
เล่นดนตรกี ีฬา ซึ่งบุคคลอาจถูกจากัดความสามารถในการใช้สิทธิเพ่ือป้องกัน
ไมใ่ ห้ผนู้ ั้นถกู เอารดั เอาเปรยี บ
โดยบุคคลที่ถกู จากัดความสามารถน้ี แบง่ ออกเปน็ 3 ประเภท คือ
1. ผเู้ ยาว์
2. คนไรค้ วามสามารถ
3. คนเสมอื นไรค้ วามสามารถ
2. นิติบุคคล
“นิติบุคคล”
หมายถึง บุคคลท่ีกฎหมายสมมติขึ้นให้
สามารถกระทาการบางอย่างได้ดังเช่นบุคคล
ธร ร ม ด า แ ต่ ก า ร ก ร ะ ท า บ า ง อ ย่ า ง ที่ เป็ น
กิจกรรมท่ีกาหนดให้เฉพาะบุคคลธรรมดาทา
นิติบุคคลก็ไม่สามารถทาได้ เช่น การสมรส
การจดทะเบียนรบั รองบุตร การจดทะเบียนรบั
บุตรบุญธรรม บรษิ ัทมหาชน จากัดเปน็ ต้น
2. นิติบุคคล
“นิติบุคคล”
ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีท้ังส้ิน 5
ลักษณะ ได้แก่ มูลนิธิสมาคม ห้างหุ้นส่วน
สามัญจดทะเบียน (ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติ
บุคคล) ห้างหุ้นส่วนจากัด บรษิ ัทจากัด และ
ทั้งนี้ มีนิติบุคคลตามกฎหมายอ่ืนๆ ด้วย เช่น
กระทรวง กรม จังหวัด วัด องค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่น พรรคการเมือง มหาวิทยาลัย
เป็นต้น
เสรมิ
สาระ
หนังสอื บรคิ ณห์สนธิ (Memorandum of Association) คือ เอกสารสาคัญชนิด
หน่ึง เป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับกรอบการจัดการงานของบรษิ ัท ใช้ในการจดทะเบียน
บรษิ ัท เพอ่ื เปน็ การเปดิ เผยเจตนาต่อบุคคลท่ัวไป โดยเปน็ เอกสารท่กี าหนดรายละเอียด
ต่าง ๆ เก่ียวกับการจัดต้ังบรษิ ัทจากัด อาทิเช่น กรอบวัตถุประสงค์ของบรษิ ัท ทุนเรอื น
ห้นุ ท่จี ดทะเบยี นรายชือ่ ผูเ้ รม่ิ ก่อการ เป็นต้น
สรุป
เม่ือกฎหมายเป็นบรรทัดฐานท่ีมนุษย์สรา้ งข้ึน กฎหมายก็ควรบังคับใช้
กับมนุษย์หรอื บุคคล โดยในทางกฎหมายบุคคลแยกออกได้เป็น 2 ลักษณะ
คือ บุคคลธรรมดา ซึ่งกฎหมายได้กาหนดหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ไว้ และนิติ
บุคคล ซ่ึงเป็นบุคคลท่ีกฎหมายสมมติขึ้น กฎหมายได้กาหนดให้นิติบุคคล
ดาเนินการโดยผู้แทนนิติบุคคล ภายใต้วัตถุประสงค์ท่ีปรากฏในตราสาร
จัดต้ังนิติบุคคล