บทท่ี ต๋ัวเงินและ
14 บญั ชีเดินสะพดั
สาระการเรยี นรู้
1. ความหมายและประเภทของตั๋วเงนิ
2. ลักษณะของตั๋วเงนิ
3. ตั๋วเงินท่ีมีรายการไม่ครบถ้วน
4. ความรบั ผิดและอายุความฟอ้ งรอ้ ง
5. ความสําคัญของพระราชบัญญตั ิวา่ ด้วยความผดิ
อันเกิดจากการใชเ้ ช็ค พ.ศ. 2534
6. ลักษณะของสัญญาบญั ชีเดินสะพดั
7. ดอกเบี้ยในสัญญาบญั ชเี ดินสะพัด
8. การสนิ้ สดุ ของสัญญาบัญชีเดินสะพัด
1. ความหมายและประเภทของต๋ัวเงนิ
ต๋ัวเงิน คือ เอกสารหรือตราสารท่ีใช้แทนเงินเพ่ือแสดงการชําระหนี้ ซ่ึง
สามารถเปลี่ยนมือได้โดยไม่จําเป็นต้องบอกกล่าวลูกหนี้ตามตั๋วเงิน และเมื่อ
กฎหมายกําหนดให้การชําระหนี้ต้องทําเป็นเงินตรา การชําระหน้ีด้วยต๋ัวเงินก็
จะสมบูรณ์เม่ือได้มกี ารใชเ้ งนิ ตามต๋ัวเงนิ แล้ว
ต๋ัวเงนิ มอี ยู่ 3 ประเภท คือ
1. ต๋ัวแลกเงิน (Bill of Exchange)
2. ตั๋วสญั ญาใชเ้ งนิ (Promissory Note)
3. เช็ค (Cheque)
2. ลักษณะของตั๋วเงนิ
1. เป็นตราสาร หมายถึง เอกสารชนิดหนึ่งท่ีกฎหมาย
รบั รอง โดยหนังสือตราสารนั้นต้องสัญญา เป็นหรอื คํามั่น
สัญญาในการใชเ้ งิน
2. สามารถเปล่ียนมอื ได้ด้วยการสง่ มอบ
3. บุคคลใดลงลายมือช่ือของตนในต๋ัวเงิน ย่อมต้องรบั
ผดิ ตามเนื้อความในตั๋วเงนิ น้ัน
4. บุคคลผู้มีต๋ัวไว้ในครอบครองในฐานะเป็นผู้รับเงิน
หรอื ผรู้ บั สลักหลัง
5. กรณีท่ีต๋ัวเงินน้ันเป็นต๋ัวเงินส่ังใช้เงินแก่ผู้ถือการโอน
ต๋ัวเงินสามารถทําได้เพียงแค่ด้วยการส่งมอบตั๋วเงินระบุช่ือ
ผรู้ บั เงนิ ก็ทําได้ด้วยวธิ กี ารสลักหลังและส่งมอบ
2. ลักษณะของต๋ัวเงนิ
1. ตั๋วแลกเงิน (Bill of Exchange)
ต๋ัวแลกเงิน คือ หนังสือตราสารซึ่งบุคคลหนึ่งเรยี กว่า ผู้ส่ังจ่าย สั่งบุคคลอีกคนหนึ่ง
เรยี กว่า ผู้จ่าย ให้ใช้เงินจํานวนหนึ่งแก่บุคคลหน่ึงหรอื ให้ใช้ตามคําสั่งของบุคคลหนึ่ง
เรยี กว่า ผรู้ บั เงนิ ลักษณะของตั๋วเงนิ จึงมีดังนี้
1. เป็นหนังสอื ตราสาร
2. เปน็ หนังสอื ตราสารทีบ่ ุคคลหนึ่งบุคคลอีกบุคคล
หนึ่งเรยี กวา่ ผู้จ่าย จ่ายเงนิ จํานวนหนึ่ง แก่บุคคลอีก
คนหน่ึงซ่ึงเรยี กวา่ ผรู้ บั เงิน
3. ต้องมีขอ้ ความว่า“ต๋ัวแลกเงิน”จะภาษาใดก็ได้
2. ลักษณะของต๋ัวเงนิ
2. ตั๋วสญั ญาใชเ้ งนิ (Promissory Note)
ต๋ัวสัญญาใช้เงิน คือ หนังสือตราสารซ่ึงบุคคลหนึ่งเรียกว่า ผู้ออกต๋ัว ให้คําม่ัน
สัญญาว่าจะใช้เงินจํานวนหนึ่งให้แก่บุคคลอีกคนหน่ึงเรยี กว่า ผู้รบั เงิน ซ่ึงเม่ือเรา
พิจารณาจะพบว่าตั๋วสัญญาใช้เงินคือ หนังสือตราสารท่ีผู้ออกต๋ัวจะจ่ายเงินให้แก่
ผูร้ บั เงนิ ตามต๋ัวเอง ไม่ได้สงั่ ให้ใครใช้โดยต๋ัวสัญญาใชเ้ งนิ มีลักษณะสาํ คัญดังน้ี
1. ต๋ัวสัญญาใชเ้ งินเป็นหนังสือตราสาร
2. ตั๋วสัญญาใชเ้ งนิ ถกู มอบให้แก่บุคคลอีกคนหน่ึง
3. ตั๋วสญั ญาใชเ้ งนิ ต้องมขี อ้ ความวา่ เปน็ ตั๋วสญั ญาใชเ้ งนิ
4. ต๋ัวสัญญาใชเ้ งินต้องระบุช่ือผู้รบั เงิน จะระบุชอื่ ผูถ้ ือไม่ได้
2. ลักษณะของต๋ัวเงิน
3. เช็ค (Cheque)
เช็ค คือ หนังสือตราสารซึ่งบุคคลหนึ่งเรยี กว่าผู้ส่ังจ่ายสั่งธนาคารให้ใช้เงินจํานวน
หนึ่ง เม่ือทวงถามให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง หรอื ให้ใช้ตามคําส่ังของบุคคลอีกคนหน่ึง
อันเรยี กวา่ ผู้รบั เงนิ โดยเชค็ นั้นจะต้องมี ลักษณะดังนี้
1. เช็คเป็นหนังสือตราสารทสี่ ัง่ ให้ธนาคาร
2. ธนาคาร (ผูจ้ ่าย) จ่ายเงินจํานวนหน่ึงเม่อื ทวงถาม
3. ให้ธนาคาร (ผู้จ่าย) จ่ายให้แก่บุคคลอีกคนหน่ึง
4. สง่ิ ทคี่ วรปรากฏในเช็คท่สี ่งั จ่าย คือ ชือ่ ผู้รบั เงิน ในช่อง “จ่าย” หาก
ไม่ระบุชือ่ ผรู้ บั เงินให้เขียนในช่อง “จ่าย” ว่า “เงนิ สด” หรอื “สด”
2. ลักษณะของตั๋วเงิน
การขีดครอ่ มเช็ค
1. เช็คขีดคร่อมทั่วไป คือการขีดเส้นขนานคู่ขวางไว้ด้านมุมซ้ายของเช็ค
เช็คขีดครอ่ มลักษณะนี้ ผู้ทรงเช็คต้องนําเช็คนี้เข้าบัญชีธนาคารเท่านั้น จะให้ธนาคาร
จ่ายเปน็ เงนิ สดไมไ่ ด้
2. ลักษณะของตั๋วเงนิ
การขีดครอ่ มเชค็
2. เช็คขีดครอ่ มเฉพาะ คือเช็คท่ีนอกจากไม่สามารถเบิกเป็นเงินสดได้แล้วเช็ค
น้ันต้องจ่ายตามเงื่อนไขในท่ีขีดครอ่ มด้วย เช่น นําเข้าธนาคารท่ีระบุไว้ในเช็คท่ีขีด
ครอ่ มเทา่ น้ันด้วย เชค็ ที่ต้องเขา้ บัญชธี นาคารของผรู้ บั เงนิ เท่านั้น
3. ตั๋วเงินท่มี ีรายการไม่ครบถ้วน
โดยปกติแล้วตั๋วเงินจะต้องมีรายการท่ีระบุตามต๋ัวเงินนั้นให้ครบถ้วน หากตั๋วเงินมี
รายการไมค่ รบถ้วนแล้วก็ยอ่ มเปน็ ต๋ัวเงนิ ทไ่ี ม่สมบูรณ์ยกเว้นกรณีดังต่อไปนี้
1. ต๋ัวเงินท่ไี มร่ ะบุเวลาท่ใี ช้เงิน ให้ถือวา่ พึงใช้เงินเมื่อได้เห็น
2. ตั๋วเงินท่ีไม่ระบุสถานท่ีใช้เงิน ให้ถือว่าเอาภูมิลําเนาของผู้จ่าย
เปน็ สถานท่ใี ช้เงิน
3. ต๋ัวเงินที่ไม่ระบุสถานท่ีออกต๋ัวให้ถือว่าต๋ัวนั้นได้ออก ณ
ภูมลิ ําเนาของผอู้ อกตั๋ว
4. ตั๋วเงินที่ไม่ได้ลงวันท่ีออกต๋ัวให้ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายท่ี
ทําการโดยสจุ รติ ลงวนั ท่ถี ูกต้องแทจ้ รงิ ได้
4. ความรบั ผิดและอายุความฟอ้ งรอ้ ง
บุคคลผู้ลงลายมือชือ่ ของตนตามต๋ัวเงนิ ซ่งึ ได้แก่ผสู้ ัง่ จ่าย ผู้ออกต๋ัว
สัญญาใช้เงนิ ผสู้ ลักหลังเชค็ ผอู้ าวลั ต้องรบั ผิดชอบตามเนื้อความในต๋ัว
เงนิ คือการใชเ้ งนิ ตามจํานวนทีร่ ะบุไว้ในต๋ัว
ส่วนประเด็นอายุความการฟอ้ งรอ้ งตามต๋ัวน้ัน
แยกพิจารณาได้ดังนี้
1. อายุความ 3 ปี
2. อายุความ 1 ปี
3. อายุความ 6 เดือน
5. ความสาํ คัญของพระราชบัญญัติวา่ ด้วย
ความผิดอันเกิดจากการใชเ้ ช็ค พ.ศ. 2534
โ ด ย ป ก ติ แ ล้ ว เ มื่ อ บุ ค ค ล ใ ด จ ะ ส่ั ง จ่ า ย เช็ ค ค ว ร
จะต้องตระหนักว่าตนมีบัญชีในธนาคารเพียงพอท่ีจะ
ให้ธนาคารในฐานะผู้จ่าย จ่ายเงินให้กับผู้ทรงเช็ค
มิฉะน้ันหากเงินในบัญชีมีไม่เพียงพอ ธนาคารก็จะ
ปฏิเสธการจ่ายเงิน ซ่ึงในภาษาท่ีเราทราบกันดี
เรียกว่า “เช็คเด้ง” ซึ่งหากกฎหมายยอมให้มีการ
ก ระ ทํ าใน ลั ก ษ ณ ะ น้ี บ่ อ ย ๆ เช็ คก็ จ ะ ข าด คว าม
น่าเชื่อถืออาจกระทบกระเทือนมาถึงวงการธุรกิจใน
ท่ีสุด จึงต้องมีการกําหนดให้ความผิดอันเกิดจากการ
ใชเ้ ช็คเปน็ คดีทม่ี ีโทษทางอาญา
5. ความสาํ คัญของพระราชบัญญัติว่าด้วย
ความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534
พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4
บัญญัติไว้ดังนี้ “ผู้ใดออกเช็คเพื่อชําระหนี้ท่ีมีอยู่จรงิ และบังคับได้ตามกฎหมาย
โดยมีลักษณะหรอื มกี ารกระทําอยา่ งใด อยา่ งหนึ่งดังต่อไปนี้
1. เจตนาทีจ่ ะไม่ให้มีการใชเ้ งินตามเช็คน้ัน
2. ในขณะที่ออกเช็คน้ันไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้
เงนิ ได้
3. ให้ใช้เงินมีจํานวนสูงกว่าจํานวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอัน
จะพงึ ให้ใชเ้ งินได้ในขณะท่อี อกเชค็ นั้น
4. ถอนเงินทั้งหมดหรอื แต่บางส่วนออกจากบัญชีอันจะ
พึงให้ใช้เงินตามเช็คจนจํานวนเงินเหลือไม่เพียงพอท่ีจะ
ใชเ้ งนิ ตามเชค็ นั้นได้
5. ห้ามธนาคารมใิ ห้ใช้เงนิ ตามเชค็ น้ันโดยเจตนาทุจรติ
5. ความสาํ คัญของพระราชบญั ญัติว่าด้วย
ความผดิ อันเกิดจากการใช้เชค็ พ.ศ. 2534
เมื่อได้มีการยื่นเช็คเพ่ือให้ใช้เงินโดยชอบด้วยกฎหมาย ถ้าธนาคารปฏิเสธไม่ใช้
เงินตามเช็คนั้นผู้ออกเช็คมีความผิดต้องระวางโทษปรบั ไม่เกิน หกหมื่นบาทหรอื
จําคกุ ไม่เกินหนึ่งปหี รอื ทง้ั ปรบั ทั้งจํา” ซ่ึงสามารถอธบิ ายได้ดังนี้
1. ต้องการเปน็ การออกเช็คเพอื่ “ชําระหน้ี”
2. หน้ีน้ันต้องบังคับได้ตามกฎหมายหากไม่ใช่หน้ีหรอื หน้ี
ทีบ่ ังคับไม่ได้
3. ผสู้ ั่งจ่ายมเี จตนาทจ่ี ะไม่ให้มกี ารใช้เงินตามเชค็ น้ัน
4. ผู้ส่ังจ่ายเช็คทราบว่าในขณะที่ออกเช็คนั้นไม่มีเงินอยู่
ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ แปลว่าไม่มีเงินในบัญชีแล้ว
ยังเขียนเช็คส่ังจ่าย ธนาคารจะปฏิเสธการจ่ายเงินแล้ว
ระบุในเช็ควา่ “เงินไมพ่ อจ่าย”
5. ความสาํ คัญของพระราชบัญญัติว่าด้วย
ความผดิ อันเกิดจากการใช้เชค็ พ.ศ. 2534
5. ผู้สั่งจ่ายเช็คให้จ่ายเงินในเช็คมีจํานวนสูงกว่าจํานวน
เงนิ ท่มี อี ยู่ในบญั ชี
6. ผู้สั่งจ่ายเช็คถอนเงินท้ังหมดหรอื แต่บางส่วนออกจาก
บัญชีเพ่อื ให้เงนิ เหลือไมเ่ พยี งพอทจ่ี ะใชเ้ งนิ ตามเช็คนั้น
7. ผู้ส่ังจ่ายในฐานะเจ้าของบัญชีห้ามธนาคารมิให้ใช้เงิน
ตามเช็คโดยเจตนาทุจรติ เม่ือผู้ทรงเช็คนําเช็คไปขึ้นเงิน
ตามกฎหมาย
8. ผู้ทรงเช็คต้องนําเช็คไปขึ้นเงินโดยชอบด้วยกฎหมาย
แล้วธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน
6. ลักษณะของสญั ญาบญั ชีเดินสะพัด
สัญญาบัญชีเดินสะพัด คือสัญญาซ่ึงบุคคลสองคนตกลง
กันว่าสืบแต่นั้นไป หรอื ในช่ัวเวลากําหนดอันใดอันหน่ึงให้ตัด
ทอนบัญชีหน้ีทั้งหมด หรอื แต่บางส่วนอันเกิดข้ึนแต่กิจการใน
ระหว่างเขาทั้งสองนั้น หักกลบลบกัน และคงชําระแต่ส่วนที่เป็น
จํานวนคงเหลือโดยดุลภาค
สัญญาบัญชีเดินสะพัดเป็นสัญญาต่างตอบแทนและไม่มี
แบบ เป็นสัญญาที่เกิดข้ึนโดยบุคคลสองคนเท่านั้ น จะมี
คู่สัญญามากกว่าน้ีไม่ได้ โดยคู่สัญญามีการตกลงกันในข้อ
สัญญาว่าให้สัญญาบัญชีเดินสะพัด คงมีอยู่เร่ือยไปโดยไม่มี
กําหนดเวลา เรยี กว่า “สัญญาบญั ชเี ดินสะพัดไมมกี ําหนดเวลา”
7. ดอกเบ้ยี ในสญั ญาบญั ชเี ดินสะพัด
โดยปกติกฎหมายกําหนดห้ามมีให้มีการคิดดอกเบ้ีย
ในดอกเบ้ียท่ีค้างชําระ หรอื เรยี กง่าย ๆ คือ ดอกเบี้ย
ของดอกเบ้ีย แต่ในสัญญาบัญชีเดินสะพัด มาตรา860
กําหนดว่าเงินส่วนท่ีผิดกันอยู่นั้นถ้ายังมิได้ชําระ ท่าน
ให้คิดดอกเบี้ยนับแต่วันท่ีหักทอนบัญชีเสรจ็ เป็นต้นไป
แปลว่าเม่ือหักทอนบัญชีแล้วบุคคลหน่ึง เหลือหน้ีเท่าไร
ก็ให้ดอกเบย้ี เรม่ิ คิดนับแต่วันทห่ี ักทอนบญั ชเี สรจ็
แ ล ะ ก ฎ ห ม า ย กํ า ห น ด ว่ า ป ร ะ เพ ณี ก า ร ค้ า ข า ย ที่
คํานวณดอกทบต้นในบัญชีเดินสะพัดสามารถทําได้ไม่
เป็นความผิดเช่นนี้จึงสามารถคิดดอกเบี้ยทบดอกเบ้ียท่ี
เรม่ิ คิดจากหน้ีทเี่ หลือจากการหักทอนกันได้
8. การสน้ิ สดุ ของสญั ญาบญั ชีเดินสะพดั
สาํ หรบั การสิ้นสุดของบัญชเี ดินสะพัด แบง่ ออกเป็น 2 กรณีคือ
1. กรณีสัญญาบัญชีเดินสะพัดไม่มีกําหนดเวลา
คื อ สั ญ ญ า บั ญ ชี เ ดิ น ส ะ พั ด ท่ี ไ ม มี ข้ อ สั ญ ญ า
เก่ียวกับ กําหนดเวลาการเลิกสัญญาเอาไว้ และ
ตราบใดที่สญั ญาเดินสะพัดยังคงใชบ้ งั คับกันอยู่
2. สัญญาบัญชีเดินสะพัดมีกําหนดเวลา คือ
สัญญาบัญชีเดินสะพัดที่มีข้อสัญญากําหนดเวลา
อั น เ กี่ ย ว กั บ ก า ร เ ลิ ก สั ญ ญ า เ อ า ไว้ เ มื่ อ ถึ ง
กําหนดเวลา ย่อมส้นิ สดุ ลงตามเวลาท่ีกําหนดไว้
สรุป
ตั๋วเงิน คือ เอกสารหรอื ตราสารที่แสดงสิทธิเพื่อการชําระหน้ีท่ีสามารถ
เปลี่ยนมือได้ โดยแบ่งออกเป็นตั๋วแลกเงิน ต๋ัวสัญญาใช้เงิน และเช็ค โดย
สามารถโอนกันได้ด้วยการส่งมอบ หรอื การสลักหลังตลอดจนเพ่ือให้ประกัน
ความมัน่ ใจแก่ผู้รบั เงนิ อาจให้มีการประกันต๋ัวเงนิ โดยการอาวลั เป็นต้น
ส่วนสัญญาบัญชีเดินสะพัดมีข้ึนเพ่ือให้เกิดประโยชน์ในธุรกิจการค้า โดย
ให้บุคคลท้ัง 2 คน ตกลงกันชําระบัญชีกันเป็นคราว ๆ ไป โดยอาศัยการหักกลบ
ลบหน้ี หากฝ่ายใดเหลือหนี้ท่ีต้องชําระ อีกฝ่ายหนึ่งก็มีสิทธ์ิเก็บให้อีกฝ่ายชําระ
หน้ีหรอื เรยี กดอกเบย้ี ได้