BIOLOGY
Endocrine system
ระบบต่อมไร้ท่อ
อ่านแล้วสอบผ่านแน่!!
สมาชิก
นายวรนน ทรัพย์สวัสดิ์ เลขที่ 10
นางสาวนภัทร ยินดี เลขที่ 25
นางสาวรวิสรา อนุพันธุ์สกุล เลขที่ 30
ประเภทของฮอร์โมน
1. กลุ่มเอมีน
ได้จากกรดอะมิโนเชื่อมกัน เเล้วตัดหมู่
คาร์บอกซิลออก เช่น ไทรอกซิน
(THYROXIN)
เเละเเคทีโคลามิน (CATECHOLAMINE)
2.กลุ่มโปรตีน
ประกอบด้วยกรดอะมิโนมาต่อกัน ฮอร์โมนนี้
ละลายน้ำได้ ได้เเก่ ฮอร์โมนจากไฮโพทาลามัส
ต่อมใต้สมอง ตับอ่อน ต่อมพาราไทรอยด์
3.กลุ่มสเตอรอยด์
สร้างจากต่อมหมวกไต เเละ ฮอร์โมนเพศ
เป็นฮอร์โมนไม่ละลายในน้ำ เมื่อสร้างขึ้นเเล้ว
จะส่งไปยังอวัยวะเป้าหมายทันที
ต่อมไพเนียล (Pieal gland)
สัตว์เลือดเย็น สัตว์เลือดอุ่น
ไม่สร้างฮอร์โมนเเต่เป็นกลุ่มของ สร้างฮอร์โมนเมลาโทนิน( Melatonin )
เซลล์รับเเสง(Photoreceptor cell) เป็นเหมือนนาฬิกาชีวภาพ
ปัจจัยที่มีผลต่อการหลั่งฮอร์โมนจากต่อมไพเนียล
ฮอร์โมนมีความสัมพันธ์กับเเสงสว่าง เพราะ เส้นประสาทซิม
พาเทติกติดกับต่อมนี้ ทำหน้าที่ควบคุมการสร้างฮอร์โมนจาก
ต่อมไพเนียล
ไม่มีเเสง เมลาโทนินถูกสร้างมาก
มีเเสง เมลาโทนินถูกสร้างน้อย
ความผิดปกติของต่อมไพเนียล
มากเกินไป ทำให้เป็นหนุ่มสาวช้ากว่าปกติ
น้อยเกินไป ทำให้เป็นหนุ่มสาวเร็วกว่าปกติ
ต่อมใต้สมอง
(Pituitary gland)
เเบ่งเป็น 3 ส่วน :
1. ต่อมใต้สมองส่วนหน้า(anterior pituitary)
2. ต่อมใต้สมองส่วนกลาง (interior pituitary) 1 - 2 เกิดจากเนื้อเยื่อชนิดเดียวกัน
Adenohypophysis สร้างฮอร์โมนได้เอง
3. ต้อมใต้สมองส่วนหลัง (posterior pituitary) เนื้อเยื่อประสาท เซลล์นิวโรซีครีทอรี
//ต่อมใต้สมองส่วนหน้า// โกรทฮอร์โมน
ต่อมใต้สมองถูกกระตุ้นจากฮอร์โมน โกรทฮอร์โมน ( Growth
ประสาท (releasing hormone ) hormone )
ที่สร้างจากนิวโรซีครีทอรีเซลล์ อวัยวะเป้าหมาย : อวัยวะทุกส่วน
ของร่างกาย
หน้าที่ : ควบคุมการเจริญเติบโต
ของร่างกายทั่วๆไป
ความผิดปกติของ GH ความผิดปกติของ GH
เด็ก : ถ้ามากไปจะเป็น Gigantism ผู้ใหญ่ : ถ้ามากไปร่างกายไม่สูง
ใจเเกนทิซึม เด็กตัวใหญ่ ใหญ่ เกิดความผิดปกติของกระดูก
ถ้าน้อยไปจะเตี้ยเเคระ Dwarfism เรียกอะโครเมกาลี ถ้าน้อยไป ระดับ
กลูโคสในเลือดจะต่ำกว่าปกติ
อ่านทบทวนทำได้แน่ สู้ๆ สมองอาจได้รับอันตราย
ต่อมใต้สมอง
(Pituitary gland)
//ต่อมใต้สมองส่วนหน้า// FSH = Follicle stimulating hormone
ชาย : กระตุ้นการสร้างอสุจิ
TSH = thyroid stimulating หญิง : กระตุ้นให้ไข่เติบโต
hormoneอวัยวะ ต่อมไทรอยด์ กระตุ้นฟอลลิเคิล ( follicle) สร้างฮอร์โมน
หน้าที่ กระตุ้นต่อมไทรอยด์ให้ Estrogen ความเป็นหญิง
หลั่ง thyroxine
//ต่อมใต้สมองส่วนหน้า// luteinizing hormone(LH)
ต่อมใต้สมองถูกกระตุ้นจากฮอร์โมน ชาย : กระตุ้นให้ interstitial cell
ประสาท (releasing hormone ) สร้างฮอร์โมน Testosterone
ที่สร้างจากนิวโรซีครีทอรีเซลล์ หญิง : ทำให้ไข่ตก เเละ กระตุ้นให้
เกิดคอปัสลูเทียมร่วมถึงสร้าง
ฮอร์โมนprogesterone
ACTH ความผิดปกติของ GH
Adrenocortico trophic ผู้ใหญ่ : ถ้ามากไปร่างกายไม่สูง
hormone ใหญ่ เกิดความผิดปกติของกระดูก
กระตุ้นไปที่ต่อมหมวกไตให้หลั่ง เรียกอะโครเมกาลี ถ้าน้อยไป ระดับ
ฮอร์โมน cortisol กลูโคสในเลือดจะต่ำกว่าปกติ
สมองอาจได้รับอันตราย
อ่านทบทวนทำได้แน่ สู้ๆ
ต่อมใต้สมอง
(Pituitary gland)
//ต่อมใต้สมองส่วนกลาง//
หลั่่ง melanocyte-stimulating hormone = MSH
มีหน้าที่สังเคราะห์ melanin รงควัตถุสีน้ำตาล-ดำ
//ต่อมใต้สมองส่วนหลัง// ออกซิโทซิน Oxytocin
ต่อมใต้สมองส่วนหลัง : เจริญมาจาก อวัยวะเป้าหมาย : กล้ามเนื้อมดลูก
เนื้อเยื่อประสาท เก็บฮอร์โมนอยู่สอง เเละกล้ามเนื้อรอบๆต่อมน้ำนม
ชนิดที่หลั่งจากประสาทเเอกซอนของ
นิวโรซีครีทอรีเซลล์ที่ตัวเซลล์ ที่อยู่ใน ออกซิโทซิน Oxytocin
ไฮโพทาลามัส เมื่อเซลล์ประสาทถูก
กระตุ้นจะหลั่งฮอร์โมนสองชนิดนี้เข้าสู่
กระเเสเลือด คือ
ออกซิโทซิน Oxytocin
หน้าที่ : หญิง กระตุ้น
myometrium บีบตัวเพื่อให้ทารก
คลอดกระตุ้นกล้ามเนื้อรอบๆต่อม
น้ำนมทำให้มีการหลั่งน้ำนมเพื่อ
เลี้ยงทารก
ชาย กระตุ้นการบีบตัวหลั่งน้ำอสุจิ
อ่านทบทวนทำได้แน่ สู้ๆ
ต่อมใต้สมอง
(Pituitary gland)
//ต่อมใต้สมองส่วนหลัง//
ต่อมใต้สมองส่วนหลัง : เจริญมาจากเนื้อเยื่อประสาท เก็บฮอร์โมนอยู่สองชนิดที่
หลั่งจากประสาทเเอกซอนของ นิวโรซีครีทอรีเซลล์ที่ตัวเซลล์ ที่อยู่ในไฮโพทาลามัส
เมื่อเซลล์ประสาทถูกกระตุ้นจะหลั่งฮอร์โมนสองชนิดนี้เข้าสู่กระเเสเลือด
วาโซเพรสซิน วาโซเพรสซิน
อวัยวะเป้าหมาย : ท่อหน่วยไตเเละ
หลอดเลือดเเดง
หน้าที่ : กระตุ้นการดูดน้ำกลับเข้าสู่ท่อ
หน่วยไตเมื่อปริมาณน้ำในเลือดลดลง
จึงควบคุมการเกิดน้ำปัสสาวะ
วาโซเพรสซิน
ความผิดปกติ : ถ้าขาดจะเป็นโรคเบา
จืด จะปัสสาวะบ่อยเนื่องจาก
ท่อหน่วยไตดูดน้ำกลับเข้าสู่ท่อได้
น้อย เเต่ถ้าดูดน้ำมากไปจะเป็นบวมน้ำ
อ่านทบทวนทำได้แน่ สู้ๆ
ต่อมไทรอยด์
(THYROID GLAND)
Thyroid gland
อยู่บริเวณลำคอ อยู่ด้านหน้าของกล่องเสียง
ติดกับฐานของคอหอย
แบ่งออกเป็น 2 พูเชื่อมกันด้วยคอคอด หรือ
อิสมัส
ต่อมไร้ท่อที่มีขนาดใหญ่ที่สุด
1. ฮอร์โมนไทรอกซิน ฮอร์โมนไทรอกซิน
ถ้าตัดต่อมไทรอยด์ออก สร้างจากไทรอยด์ ถ้าขาด เด็ก —> เติบโตช้า
ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ฟอลลิเคิล ปัญญาอ่อน แขนขาสั้น
ไม่มีแรง/บวมที่หน้า มือ เท้า ผู้ใหญ่ —> อ้วนฉุ/เหนื่อย
และทั้งตัว/ผิวหนังแห้งแข็ง ทำหน้าที่ควบคุม ง่าย ค.จำเสื่อม
เป็นสะเก็ด/สมองเสื่อม เมตาบอลิซึมต่าง ๆ ถ้าเกิน : เหนื่อยง่าย
ของร่างกาย หิวบ่อย กินจุ ตาโปน
2. 3. ถ้าได้รับไอโอดีนไม่เพียง
พอ ทำให้ผลิตไทรอกซิน
สร้างฮอร์โมนที่ ประกอบด้วยถุงหุ้มที่ ได้น้อย ต่อมใต้สมองส่วน
สามารถดึง เป็นเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน หน้าหลั่ง TSH มากขึ้น
ไอโอดีนจาก call ไทรอยด์ฟอลลิ กระตุ้นต่อมไทรอยด์ให้
กระแสเลือดเข้าสู่ เคิลที่สร้างและหลั่ง สร้างฮอร์โมนไทรอกซิน
เซลล์ได้ ฮอร์โมนไทรอกซิน
เพิ่มมากขึ้น จนต่อม
ฮอร์โมนแคลซิโทนิน ทำงานมากเกินไป ต่อมจะ
ขยายใหญ่ขึ้น เกิดเป็นโรค
สร้างจากเซลล์พาราฟอลลิคิวลาร์ (เซลล์ซี)
อวัยวะเป้าหมาย คือ กระดูก ท่อหน่วยไต และ คอพอก
ลำไส้เล็ก
ทำหน้าที่ลดระดับแคลเซียมในเลือดให้ต่ำลง โดย
เพิ่มการสะสมแคลเซียมที่กระดูก, ลดการดูด
แคลเซียมกลับจากท่อหน่วยไตและลำไส้เล็ก
ต่อมพาราไทรอยด์
(PARATHYROID
GLAND)
มีเปลือกหุ้มและ septa ลักษณะ ของพวกเซลล์เรียงตัวเป็นแผ่น ประกอบด้วย
เซลล์ 2 ชนิด
Chief cells พบจำนวนมาก พวกเซลล์มีขนาดเล็กแต่มีนิวเคลียสค่อนข้างใหญ่
Oxyphils พบจำนวนน้อย พวกเซลล์มีขนาดใหญ่ cytoplasm ติดสีกรด
(ชมพู) และ มักอยู่กันเป็นกลุ่ม ๆ
ต่อมพาราไทรอยด์มีหน้าที่ เมื่อมีระดับแคลเซียมใน แต่หากมีระดับแคลเซียม
ผลิตฮอร์โมนพาราไทรอยด์ เลือดต่ำ ร่างกายจะหลั่ง ในเลือดต่ำกว่าปกติ
ออกมาเพื่อรักษาสมดุลของ ฮอร์โมนพาราไทรอยด์
แคลเซียมในร่างกาย/ในบาง ออกมามากขึ้น เพื่อช่วย ร่างกายก็จะลดการหลั่ง
ครั้งฮอร์โมนพาราไทรอยด์ก็ เพิ่มการปล่อยแคลเซียม ฮอร์โมนพาราไทรอยด์ลง
ถูกปล่อยออกมามากเกินไป ออกด้วยการสลายกระดูก เมื่อปริมาณแคลเซียมอยู่
จนทำให้เกิดภาวะแคลเซียม และเพิ่มปริมาณการดูดซึม
ในเลือดสูงผิดปกติ และส่ง แคลเซียมที่ไตและลำไส้ ในระดับสมดุลแล้ว
ส่งผลให้มีระดับแคลเซียม ฮอร์โมนพาราไทรอยด์ก็จะ
ผลให้ระดับฟอสเฟตใน
เลือดต่ำได้ ในเลือดสูงขึ้น กลับมามีระดับปกติ
ต่อมหมวกไต
(Suprarenal หรือ
Adrenal gland)
1.Cortex มีเปลือกหุ้มเนื้อต่อม แบ่ง
ออกเป็น 2 ส่วน เพราะมีแหล่ง
เนื้อต่อมส่วนนอกกำเนิดมาจาก
mesodermal cells แบ่งย่อย ออกเป็น กำเนิดที่แตกต่างกัน คือ
3 บริเวณตามลักษณะของขนาด รูปร่าง
และการเรียงตัวของพวกเซลล์ โดยมี
เส้นเลือดฝอยชนิด sinusoidal
capillaries แทรกได้แก่ # Zona
Glomerulosa พบอยู่ใต้เปลือกที่หุ้มการ
เรียงตัวของเซลล์ มี ลักษณะขดเป็นกลุ่ม
คล้าย glomerulus ของเนื้อไต
+ ถูกควบคุมด้วย ACTH จาก anterior pituitary + ยับยั้งการเจริญของกระดูก
+ สร้าง Gluco corticoid เช่น cortisol, cortisone, corticosterone
+ คุม metabolism ของคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และ โปรตีน
+ ทนต่อความเครียด + มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ กดภูมิคุ้มกันให้ต่ำลง
# Zona Reticularis พบอยู่ด้านในสุดของเนื้อต่อมส่วนนอก ประกอบด้วย
เซลล์ขนาดเล็ก ติดสีเข้ม และต่อเนื่องกันคล้ายร่างแห
+ ถูกควบคุมด้วย ACTH จาก anterior pituitary
+ สร้างฮอร์โมนเพศ progesterone, estrogen, androgen
ต่อมหมวกไต
(Suprarenal หรือ
Adrenal gland)
2.Medulla มีเปลือกหุ้มเนื้อต่อม แบ่ง
ออกเป็น 2 ส่วน เพราะมีแหล่ง
กำเนิดที่แตกต่างกัน คือ
เนื้อต่อมส่วนในสุดมีแหล่งกำเนิด
มาจาก neural crest cells
ประกอบ ด้วยเซลล์ขนาดใหญ่
ภายใน cytoplasm บรรจุ
granules เรียกเซลล์ชนิดนี้ว่า
+ chromaffin cells นอกจากนั้นยังพบ autonomic ganglion cells ขนาดใหญ่
ลักษณะสำคัญของเนื้อต่อมส่วนนี้คือพบว่ามี เส้นเลือดดำขนาดใหญ่บรรจุอยู่
ไอเลตส์ออฟเเลงเกอร์ฮานส์
(Islets of langerhans)
ค(วIบnนฮ้คsำุuอมตlรกา์iโnลามรใ)นทนซึอำ่เิงลนงืมอีาซหูนดลินขน้าอทีง่ ตับอ่อนมี
ลักษณะและขนาด
ซึ่งสัมพันธ์กับการเกิดโรค เหมือนกล้วยหอม
เบาหวาน
ส่วนต่อมมีท่อ มีหน้าที่ ทั้งนี้ ตับอ่อน
สร้างน้ำย่อยอาหาร ซึ่งช่วย ประกอบด้วยเซลล์
ย่อยอาหารในลำไส้เล็ก หลัก 2 ชนิด คือ
เซลล์จากต่อมไร้ท่อ
รูปภาพประกอบ
(Endocrine
gland) และเซลล์
จากต่อมมีท่อ หรือ
ต่อมขับออก
(Exocrine gland)
โดยต่อมไร้ท่อ
มีหน้าที่สร้าง
ฮอร์โมนหลายชนิด
แต่ที่เรารู้จักกันดี
คือ
ไอเลตส์ออฟเเลงเกอร์ฮานส์
(Islets of langerhans)
ค(วIบnนฮ้คsำุuอมตlรกา์iโnลามรใ)นทนซึอำ่เิงลนงืมอีาซหูนดลินขน้าอทีง่ หน้าที่ : ลด
ระดับน้ำตาลใน
1.ฮอร์โมนอนซูลิน เลือด ( ระดับน้ำตาล
( Insulin ) ในเลือดปกติ 80-
10มิลลิกรัม/100
เเหล่งสร้าง : Beta cell ลบ.ซม.)
อวัยวะเป้าหมาย : ตับ,กล้ามเนื้อ ความผิดปกติ :
ทำให้เกิดโรคเบา
รูปภาพประกอบ หวาน ผลมาจากการ
สร้างอินซูลินได้น้อย
ทำให้เซลล์ตับเเละ
เซลล์กล้ามเนื้อไม่
สามารถเปลี่ยน
กลูโคสเป็น
ไกลโคเจนเก็บสะสม
ไว้ภายในเซลล์ได้
ไอเลตส์ออฟเเลงเกอร์ฮานส์
(Islets of langerhans)
ตอแับวหัย,ลกว่งละ้สเาปมร้้าาเหงนื้มอ: าAยlp: ha cell การรักษา
สมดุลของ
2. ฮอร์โมนกลูคา ระดับน้ำตาล
กอน ( Glucagon ) ในเลือด
หน้าที่ : เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด การเปลี่ยนเเปลง
เปลี่ยน Glycogen เป็น Glucose ระดับน้ำตาลใน
เพิ่มการสังเคราะห์กลูโคสจากกรดอะมิ เลือด เป็น
โนเเละกรดไขมัน สัญญาณยับยั้ง
หรือกระตุ้น
รูปภาพประกอบ การหลั่งอินซูลิ
นเเละกลูคากอน
ไอเลตส์ออฟเเลงเกอร์ฮานส์
(Islets of langerhans)
ตอแับวหัย,ลกว่งละ้สเาปมร้้าาเหงนื้มอ: าAยlp: ha cell เบาหวานชนิดที่ 1
(Type1diabetes)
ชนิดของ เกิดจากความผิด
โรคเบาหวาน ปกติของภูมิคุ้มกัน
ทำให้เกิดการทำลาย
เบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 diabetes) เซลล์เบต้าของตับ
เป็นเบาหวานชนิดที่พบมากที่สุด เกิด อ่อน ซึ่งมีหน้าที่ผลิต
จากการดื้อต่ออินซูลิน ร่วมกับการขาด อินซูลิน มักพบในคน
อินซูลิน อายุน้อย เบาหวาน
ชนิดนี้สัมพันธ์กับ
เบาหวานชนิดที่2 พันธุกรรม และปัจจัย
สิ่งแวดล้อม การรักษา
อาการมักค่อยเป็นค่อยไป ผู้ ต้องใช้ยาอินซูลินเป็น
ป่วยส่วนใหญ่มักมีภาวะอ้วน หลัก
หรือน้ำหนักเกิน หรือมีไขมัน
สะสมอวัยวะภายใน (visceral
adiposity) เบาหวานชนิดนี้มัก
พบมากในผู้ใหญ่ (วัยผู้ใหญ่
ตอนกลางหรือวัยกลางคน) แต่
สามารถพบในเด็ก และวัยรุ่นได้
HORMONES
Thymus gland
อยู่บริเวณรอบเส้นเลือดใหญ่ของหัวใจ
ในทารกจะมีขนาดใหญ่ แต่จะค่อย ๆ เสื่อมสลายไปเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่
สร้างฮอร์โมน Thymosin กระตุ้นการเจริญของลิมโฟไซต์ T-cell
สร้างภูมิคุ้มกันในวัยเด็ก เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่จะมีแหล่งภูมิคุ้มกันจาก
ม้าม
Testis
มีหลอดสร้างอสุจิ มี interstiltial tis. อยู่ระหว่างหลอดสร้างอสุจิ
สร้างฮอร์โมน Androgen เป็นสเตอรอยด์
Testosterone ควบคุมลักษณะทางเพศ เช่น เสียงแตก การมีลูก
กระเดือกชัดเจน มีหนวดเครา ขนรักแร้ เป็นต้น ร่วมกับ FSH ใน
กระบวนการสร้างอสุจิ
HORMONES
Ovary
ภายในมีกลุ่ม follicle cell และ corpus lutium สร้างฮอร์โมนเพศ
หญิง
เมื่อโตเป็นสาวสมองส่วนหน้าจะหลั่ง FSH และ LH กระตุ้นกลุ่ม
follicle cell สร้าง estrogen และ progesterone
ควบคุมลักษณะทางเพศ เข่น เสียงแหลม มีเต้านม สะโพกผาย มี
ประจำเดือน
estrogen มาก —> กระตุ้น LH —> ตกไข่ —> ยับยั้ง FSH จากต่อม
ใต้สมอง
ทำงานร่วมกับ estrogen สร้างผนังมดลูก
ทำงานร่วมกับ estrogen ยับยั้งการหลั่ง Gn hormone จากต่อมใต้
สมองส่วนหน้า ทำให้มีการเจริญของ follicle cell ใหม่
กระเพาะอาหารเเละลำไส้เล็ก
(Gastrointestinal tract)
เนื้อเยื่อขอกงอารวัใยหว้เะหต่ตาุผงๆลทที่ผางลิเตรฮขาอคร์โณมินตไคืดอ้แอกะ่ไรเน?ื้อเยื่อชั้นในของผนัง
ก-เรแนืะ้กเอพสเเยาปืต่็ะอนรอิเคนราีวยห(าgกมาaสรว่ทsาาลามtฮำงrาอไเรiรnรสถ์ข้โ)ใเามนลคส็นกกณร้าจิารแตางใลเกชจพ้ืะแเ่าอนไนืกส้ตอวเรเนค้เืาิปย้ดื็งอ่นอแขเ้ยตลอื(้่ะสอนคtรชำiุักป้sจนsลำุใu่กมนัeดขขคhออวoงงาฮrมกmอระรo์เโพnมาeนะ)ทอีไ่ผาด้หลแิาตกร่ที่
- ซีครีติน (secretin) หลั่งจากลำไส้เล็กส่วนต้น หรือดูโอดีนัม(
duodenum)
ฮ อ ร์ โ ม น จ า ก ฮ อ ร์ โ ม น จ า ก
กระเพาะอาหาร ลำไส้ เล็ก
ฮอร์โมนที่สร้าง : เเกสตริน(gastrin) ฮอร์โมนที่สร้าง : ซีครีทิน
สร้างจากบริเวณส่วน เเอนทรัม ( secretin ) สร้างจากบริเวณส่วน
อวัยวะเป้าหมาย : เซลล์กระเพาะ
ลำไส้เล็กส่วนต้น ดูโอดีนัม
อาหารที่สร้าง เอนไซม์หรือน้ำย่อย
เเละกรดไฮโดรคลอลิก อวัยวะเป้าหมาย : ตับอ่อน,ท่อน้ำดี
หน้าที่ : กระตุ้นให้กระเพาะอาหาร หน้าที่ : กระตุ้นตับอ่อนให้หลั่งเอน
สร้างน้ำย่อยเเละ HCL หลั่ง ไซม์เเละโซเดียมไฮโดรเจน
คาร์บอเนต เข้าสู่ลำไส้เล็กส่วนต้น
เอนไซม์หรือน้ำย่อย ออกมาเพื่อ กระตุ้นท่อน้ำดีให้บีบตัวหลั่งน้ำดีเข้า
ย่อยอาหาร สู่ลำไส้เล็กส่วนต้น
แนวข้อสอบ
1. การควบคุมการหลั่งฮอร์โมนในข้อใดแตกต่างจากข้ออื่น
1. estrogen จากรังไข่ ควบคุมการหลั่งโดยฮอร์โมน FSH จากต่อมใต้
สมองส่วนหน้า
2. Insulin จากตับอ่อน ควบคุมการหลั่งจากระดับน้ำตาลในเลือด
3. thyroxine จากต่อมไทรอยด์ควบคุมการหลั่งโดยฮอร์โมน TSH จาก
ต่อมใต้สมองส่วนหน้า
4. LH จากต่อมใต้สมองส่วนหน้า ควบคุมการหลั่งโดยปริมาณ estogen
จากรังไม่
5.glucocorticoids จากต่อมหมวกไตส่วนนอก
ควบคุมการหลั่งโดยฮอร์โมน ACTH จากต่อมใต้สมองส่วนหน้า
ตัวเลือกข้อ 1, 3, 4 และ 5 ควบคุมการหลั่งจากฮอร์โมนของต่อมใต้
สมองอื่น ซึ่งตัวเลือกที่ 2 แตกต่างจากข้ออื่น เนื่องจากควบคุมจาก
ระดับน้ำตาลในเลือด
2. จากภาพการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนในรอบเดือนของ
ผู้หญิงข้อใดถูกต้อง
1. A คือ FSH จากฟอลลิเคิลในรังไข่ กระตุ้นให้มีการสร้างและหลั่ง
ESTROGEN X ต่อมใต้สมองส่วนหน้า
2. B คือ estrogen จากฟอลลิเคิลในรังไข่ กระตุ้นให้เกิดการตกไข่
X กระตุ้นให้ LH สูง จนทำให้เกิดการตกไข่
3. C คือ LH จากต่อมใต้สมอง กระตุ้นให้เกิดการตกไข่
4. D คือ progesterone จากคอร์ปัสลูเทียมถูกกระตุ้นให้หลั่งโดย B
X ถูกกระตุ้นให้หลั่งโดย C (LH)
5. A จะกระตุ้นให้ C สูงขึ้นจนทำให้เกิดการตกไข่ X B (estrogen)
แนวข้อสอบ
3. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับฮอร์โมน progesterone
1. เมื่อใช้เป็นยาคุมกำเนิด จะต้องใช้ร่วมกับ estrogen เสมอ xไม่จำเป็น
2. ทำงานร่วมกับ estrogen ทำให้เยื่อบุชั้นในของมดลูกหนาตัวขึ้น
3. เป็นฮอร์โมนประเภทสเตียรอยด์สร้างจากเซลล์ฟอลลิเคิลในรังไข่
x สร้างจาก corpus luteum
4. เมื่อปริมาณในเลือดสูงจะออกฤทธิ์เสริมกับ LH ทำให้เก็ดการตกไข่
x เมื่อ progesterone ในเลือดสูง จะยับยั้ง LH ทำให้ไม่เกิดการตกไข่
5. ในระหว่างการคลอดบุตร จะมีปริมาณในเลือดสูงขึ้นเพื่อออกฤทธิรวมกับ
oxytocin x ปริมาณ progesterone ลดลง เมื่อให้ oxytocin ทำงานได้
เต็มที่
ยาเม็ดคุมกำเนิด (oral contraceptive pill) มีหลายชนิด เช่น
Estrogen และ progesterone: ยับยั้งการหลั่ง FSH และ LH
ฟอลลิเคิลที่อยู่รอบเซลล์ไข่จึงไม่เจริญ และไม่มี LH Surge ดังนั้น
ยากลุ่มนี้จึงป้องกันการตกไข่
- Estrogen อย่างเดียว: รบกวนการฝังตัวไซโกต เพราะเพิ่มการบีบ
ตัวของมดลูกและฝึกมดลูก
- Progesterone อย่างเดียว: หลั่งเมือกเหนียวข้นบริเวณปากมดลูก
เพื่อขัดขวางอสุจิเข้ามดลูก
การเจริญเติบโตของฟอลลิเคิล ถูกควบคุมโดยฮอร์โมนที่สำคัญ ดังนี้
1. GnRH สร้างจากไฮโปทาลามัส กระตุ้นการหลั่ง FSH และ LH
ของต่อมใต้สมองส่วนหน้า
2. FSH กระตุ้นการเจริญเติบโตของฟอลลิเคิล ทำให้มีการสร้างและ
หลั่ง estrogen
3. LH กระตุ้นการตกไข่ และการเจริญเติบโตของคอร์ปัสลูเทียม
[corpus luteum) ให้สร้างและหลั่ง
ผลของฮอร์โมน progesterone
- กระตุ้นเยื่อบุมดลูกให้หนา เพื่อเหมาะ สำหรับการตั้งครรภ์
ลดการบีบตัวของกล้ามเนื้อมดลูก เพื่อ
ป้องกันไม่ให้แท้ง (การออกฤทธิ์นั้น มดลูกจะ
ต้องได้รับการกระตุ้นจาก
estrogen มาก่อน)
แนวข้อสอบ
4. กลไกใดเป็น positive feedback
1. ระดับ inhibin ในกระแสเลือดกับการหลั่ง FSH
X Negative feedback
2. ระดับ thyroxine ในกระแสเลือดกับการหลั่ง TSH
X Negative feedback
3. ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดกับการหลั่ง glucagon
X Negative feedback
4. ระดับแคลเซียมในกระแสเลือดกับการหลั่ง parathyroid hormone
X Negative feedback
5. ระดับ oxytocin ในกระแสเลือดกับการบีบตัวของมดลูกระหว่างคลอด
/ Positive feedback
การควบคุมแบบย้อนกลับเชิงลบ (negative feedback)
*ผลลัพธ์ของฮอร์โมนส่งผลทางตรงหรือทางอ้อม เพื่อยับยั้งการหลั่งฮอร์โมน
ชนิดเดียวกันจากแหล่งกำเนิด *ซึ่งเป็นการควบคุมที่ กลไกหลักของฮอร์โมน
ส่วนใหญ่ของร่างกาย ตัวอย่างเช่น
-การหลั่ง TSH จากต่อมใต้สมองส่วนหน้าจะไปกระตุ้นต่อมไทรอยด์ให้สร้าง
thyroxine โดยระดับของ thyroxine ที่สูงขึ้นจะย้อนกลับไปยับยั้งการหลั่ง
LH ของต่อมใต้สมองส่วนหน้า รวมถึงยับยั้ง TSH ที่หลั่งออกมาจากไฮโปทา
ลามัส เพื่อให้ thyroxine เข้าสู่สมดุล
-ระดับน้ำตาลในเลือด ควบคุมการหลั่ง insulin และ glucagon จากตับอ่อน
-ระดับ Ca2+ ในเลือด ควบคุมการหลั่ง PTH จากต่อมพาราไกรอยด์
การควบคุมแบบย้อนกลับเชิงบวก (positive feedback)
"ผลลัพธ์ของฮอร์โมนส่งผลทางตรงหรือทางอ้อม เพื่อกระตุ้นการหลั่งของ
ฮอร์โมนจากแหล่งกำเนิด" ตัวอย่างเช่น
การหลั่ง oxytocin (0XT) กระตุ้นการบีบตัวของมดลูกขณะคลอดบุตร รวมถึง
กระตุ้นการสร้าง prostaglandin จากรก เพื่อช่วยกระตุ้นการบีบตัวของมดลูกให้
มากขึ้น
การหลั่ง estrogen ทำให้เกิด LH surge (LH สูงสุด) ซึ่งกระตุ้นการตกไข่
(ovulation)
แนวข้อสอบ
5.ภาพด้านล่างแสดงฮอร์โมน (A-D) ที่ควบคุมการเจริญและ
พัฒนาของระบบสืบพันธุ์เพศหญิง ฮอร์โมนใดกระตุ้นการเจริญ
ของ follicle โดยตรง และฮอร์โมนใดกระตุ้นให้
endometrium หนาตัว (สอวน. 62)
A= FSH
B = LH
C = Progesterone
D =Estrogen
ข. ถูก เพราะ FSH (A) กระตุ้นการเจริญของฟอลลิเคิล (follicle) ส่วน
progesterone (C) และestrogen (D) กระตุ้นให้เยื่อบุมดลูก
(endometrium) หนาตัว
ZOO ZOO KA!
สมาชิก
นายวรนน ทรัพย์สวัสดิ์ เลขที่ 10
นางสาวนภัทร ยินดี เลขที่ 25
นางสาวรวิสรา อนุพันธุ์สกุล เลขที่ 30
FIGKHETEIPNG!!
สู้ๆเด้อค่า
ขอให้ทุกคนทำข้อสอบได้ค่า
love you so much