กาพย์เห่เรือ
สมาชิก
๑.น.ส. วิลาสินี มีงาม ชั้นม.๖/๑ เลขที่ ๖
๒.น.ส. จีราวรรณ บัวอ่วม ชั้นม.๖/๑ เลขที่ ๑๓
๓.น.ส.ปาลิดา แก้วกองมา ชั้นม.๖/๑ เลขที่ ๑๕
๔.น.ส. พิมพ์อัปสร อินต๊ะ ชั้นม.๖/๑ เลขที่ ๑๗
๕.น.ส.กรรณิการ์ สุวรรณ์รัตน์ ชั้นม.๖/๑ เลขที่ ๑๘
คำนำ
E-book นี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ความรู้เรื่อง"กาพย์เห่เรือ"
ในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้เป็นสื่ อในการเรียนการสอนใน
รายวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖
คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า E-book นี้จะเป็น
ประโยชน์แก่ผู้ที่ศึกษา หากมีข้อผิดพลาดประการใด
คณะผู้จัดทำต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วย
สารบัญ หน้า
๑
เรื่อง ๒
ประวัติผู้แต่ง ๓
ความเป็นมา ๓
ลักษณะคำประพันธ์ ๔-๖
สรุปกาพย์เห่เรือเจ้าฟ้ากุ้ง ๗-๘
ตัวอย่างบทคำประพันธ์ ๙
แปลความ ๑๐
ตีความ ๑๑
ขยายความ
บรรณนุกรม
ประวัติผู้แต่ง
ผู้แต่งกาพย์เห่เรือในบทเรียนที่เราได้เรียนกันนี้ คือ
เจ้าฟ้าธรรมธิเบศไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ (เจ้าฟ้ากุ้ง)
พระราชโอรสพระองค์แรกในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
โดยแต่งขึ้นช่วงปลายสมัยอยุธยาตอนปลาย และนับว่า
พระองค์เป็นกวีเอกในสมัยอยุธยาตอนปลายเลยทีเดียว
เพราะมีความสามารถทั้งในเชิงนิรุกติศาสตร์ (วิชาเกี่ยวกับ
ภาษา) และฉันทศาสตร์ (วิชาเกี่ยวกับการประพันธ์) ทำให้มี
ผลงานของทั้งเรื่องของทางโลกและทางธรรม เช่น บทเห่เรื่อง
กากี 3 ตอน บทเห่สังวาสและเห่ครวญอย่างละบท กาพย์ห่อ
โคลงนิราศธารโศก กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง พระ
มาลัยคำหลวง เพลงยาวเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร ฯลฯ
ความเป็นมา
เนื่ องจากกษัตริย์ในสมัยนั้ นต้องเดินทางจากกรุงศรีอยุธยาไปนมัสการและสมโภช
(งานเลี้ยง) พระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรี ซึ่ งคาดว่าเจ้าฟ้ากุ้งน่าจะเดินทางตามเสด็จ
พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศจากท่าวาสุกรี ไปขึ้นบกที่ท่าเจ้าสนุกก่อนจะเดินเท้าต่อไปวัด
พระพุทธบาท (การเดินทาง และเวลาในการแต่งกาพย์เห่เรือนี้ ส่วนนี้ อาจมีข้อ
สันนิษฐานทางประวัติศาสตร์ที่แตกต่างออกไปหลายแนวคิด) ซึ่ งการเดินทางบนเรือ
ครั้งนั้ นได้เป็นที่ มาของการประพันธ์กาพย์เห่เรือเจ้าฟ้ากุ้ง
โดยมีจุดประสงค์หลัก คือ
1. เพื่อกำกับจังหวะของพลพายให้สามารถพายเรือขนาดใหญ่ได้อย่างพร้อมเพรียง
กัน
2. เพื่อสร้างความสนุกสำราญ ให้กับตนเองและพลพาย
3. เพื่อประกาศการเสด็จของพระมหากษัตริย์ เพราะนาน ๆ ทีกษัตริย์จะเสด็จออก
จากพระบรมหาราชวังดังนั้ นการเห่เรือจะทำให้ชาวบ้านทราบว่ากษัตริย์เสด็จมาและ
สามารถออกมารับเสด็จ/ชื่นชมพระบารมีริมฝั่ งแม่น้ำได้
เห่เรือ ใช้ร้องเมื่อเวลาพายเรือพระที่นั่งในกระบวนพยุห ยาตราทางชลมารค เห่
กล่อม ใช้ร้องในพระราชพิธีขึ้นพระอู่พระเจ้าลูกเธอ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุ
ภาพทรงสันนิษฐานว่าเดิมอินเดียใช้ขับร้องบูชาพระรามพระลักษมณ์ แล้วไทยนำมา
ใช้เพื่อผ่อนคลายเวลาพายเรือ และเพื่อให้จังหวะฝีพายให้พายเรือไปพร้อม ๆ กัน
ลักษณะคำประพันธ์
ลักษณะคำประพันธ์ของกาพย์เห่เรือรูปแบบของกาพย์เห่คือ
โคลงสี่ สุภาพ ที่แต่งให้มีเนื้อความนำ
ตามด้วยกาพย์ยานี 11 ที่แต่งให้มีเนื้อความตามโคลงสี่ สุภาพ
และอาจขยายความออกไปตามความต้องการของกวี และไม่
จำกัดจำนวนบท
สรุปกาพย์เห่เรือเจ้าฟ้ากุ้ง
ตอนที่ 1 : บทเห่ชมเรือ ชมปลา ชมไม้ ชมนก
ตอนที่ 2 : บทเห่ครวญ (กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
สันนิษฐานว่า เกี่ยวข้องกับเรื่องส่วนตัว คือ คร่ำครวญ
คิดถึงพระสนมของพระบิดา อันเป็นเหตุให้โดนพระราช
อาญาจนถึงแก่ชีวิตในเวลาต่อมา)
ตัวอย่างบทคำประพันธ์
กาพย์เห่เรือ ตอน เห่ชมเรือกระบวน
เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ (เจ้าฟ้ากุ้ง)
โคลงสี่ สุภาพ ชลาลัย
ปางเสด็จประเวศด้าว กิ่งแก้ว
แหนแห่
ทรงรัตนพิมานชัย
เพริศพริ้งพรายทอง
พรั่งพร้อมพวกพลไกร
เรือกระบวนต้นแพร้ว
กาพย์ยาณี 11 ทรงเรือต้นงามเฉิดฉาย
พระเสด็จโดยแดนชล พายอ่อนหยับจับงามงอน
ล้วนรูปสัตว์แสนยากร
กิ่งเเก้วแพร้วพรรณราย สาครลั่นครั่นครื้นฟอง
นาวาแน่นเป็นขนัด
เรือริ้วทิวธงสลอน
เรือครุฑยุดนาคหิ้ว ลิ่วลอยมาพาผันผยอง
พลพายกรายพายทอง ร้องโห่เห่โอ้เห่มา
สรมุขมุขสี่ ด้าน เพียงพิมานผ่านเมฆา
ม่านกรองทองรจนา หลังคาแดงแย่งมังกร
สมรรถชัยไกรกาบแก้ว แสงแวววับจับสาคร
เรียบเรียงเคียงคู่จร ดั่งร่อนฟ้ามาแดนดิน
สุพรรณหงส์ทรงพู่ห้อย งามชดช้อยลอยหลังสินธุ์
เพียงหงส์ทรงพรมมินทร์ ลินลาศเลื่อนเตือนตาชม
เรือชัยไวว่องวิ่ง รวดเร็วจริงยิ่งอย่างลม
เสียงเส้าเร้าระดม ห่มท้ายเยิ่นเดินคู่กัน
คชสีทีผาดเผ่น ดูดังเป็นเห็นขบขัน
ราชสีห์ทียืนยัน คั่นสองคู่ดูยิ่งยง
เรือม้าหน้ามุ่งน้ำ แล่นเฉื่อยฉ่ำลำระหง
เพียงม้าอาชาทรง องค์พระพายผายผันผยอง
เรือสิงห์วิ่งเผ่นโผน โจนตามคลื่นฝืนฝาฟอง
ดูยิ่งสิงห์ลำพอง เป็นแถวท่องล่องตามกัน
นาคาหน้าดังเป็น ดูเขม้นเห็นขบขัน
มังกรถอนพายพัน ทันแข่งหน้าวาสุกรี
เพียงโจนไปในวารี
เลียงผาง่าเท้าโผน ที่ ปีกเหมือนเลื่ อนลอยโพยม
นาวาหน้าอินทรีย์ ก้องกาหลพลแห่โหม
โสมนัสชื่ นรื่นเริงพล
ดนตรีมี่ อึงอล จากนคเรศโดยสาชล
โห่ฮึกครึกครื้นโครม ยลมัจฉาสารพันมี
กรีฑาหมู่นาเวศ
เหิมหื่ นชื่ นกระมล
แปลความ
โคลง
เมื่อพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเสด็จทวงชลูมารคแล้วทรุงปูระทับ
เรือกิงซึงพรังพร้อมด้วยกำลังพลทหารห้อมล้อมกันไปเป็นขบวน
ภาพของเรือต้นแวววาวระยิบระยับจากแสงสะท้อนทีมาจากพายสี
ทองยลมัจฉาเหม
กาพย์
พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเสด็จพระ ราชดำเนี้ นโดยทำงชลมารคได้ประ
ทั่บ บนเรือตุ๋นในการเดินทางภาพของ เรื่อกิงนั้นดูแพรวพราวภาพ
การพายเรือนันกิดอ่อนไหวงดงามอย่างพร้อมเพรียงกันขบวนเรือนั
นแน่นเป็นแถวเป็นแนวประกอบด้วยเรือที่ หัวเรือเป็นรูปสั ตว์
หลายๆชนิดมองเห็นธงเด่นสะพรั่งมาแต่ไก่ลการเดินขบวนเรือ
ทำให้เกิดเป็นคลื่นน้ำระลอกเรือครุทซึ่ งบนเรือนันมีพลทหารกำลัง
พายุเรืออย่างเป็นจังหวะพร้อมกับเปล่งเสียงโห่ร้องเรื่อสรมุขลอย
มาเปรียบสวยงามดังพิมานบนสวรรค์ที่ กำลังเคลื่ อนทีผ่านหมู่เมฆ
เรือสรมขตกแต่งไปด้วยม่านสีทองหลังคาสีแดงมีลวดลายมังกร
ประดับอยู่เรือสมูรรฤชัยซึงกำลังแล่นมาเทียบเคียงกับเรือสรูมุขนัน
แล่นมาเทียบเคียงกับเรือสรูมุขนันประกอบไปด้วยกาบแก้วขนาด
ใหญ่มีการเกิดแสงแวววับสะท้อนกับูแม่น้ำมีความงดงามมาก
เหมือนดังว่ากำลังร่อนลงจากสวรรค์ฟากฟ้าลงสู่พื้นดินเรือสุวรร
รณหงส์มีพู่ห้อยอย่างสวยงามล่องลอยอยู่บนสายน้ำเปรียบดังหงส์
ที่ เป็นพาหนะของพระพรหมเตือนตาให้ชมเรื่อชัยนั้ นแล่นด้วยความ
รวดเร็วเหมือนดังลูมมีเสี ยงเส้ าทีคอยู่ให้จังหวะท้ายเรื่อให้แล่นไปเคี้ ย
งคู่กันไปกับเรือพระที่ นังลำอีนๆเรือคชสี ห์ที่ กำลังแลนไปนันดูแล้ว
ชวนบขันส่ วนเรือราชสี ห์ที่ แล่นมาเคียงกันนันดูมันคงแข็งแรงเรือ
ม้านันกำสูงมุ่งหน้าไปข้างหน้าซึ่ งเรือม้าทีลักษณะทีสูงโปร่งเหมือน
กับม้าทรงของพระพายเรือสิงห์ดูเหมือนกับว่ากำลังจะกระ โจนลงสู่
แม่นำและมีความลำพองใจนันก็แล่นป็นแถวตามๆกันมาเรือนาคนัน
มองดูเหมือนกับมีชีวิตแล้วชวนขบขั้นกำลังจะถูกเรือมังกรแล่นตาม
มาทูนเรือเลียงผานันทำท่าเหมือนกับกำลังจะกระโจนลงแม่นำส่วน
เรืออินูทรีย์ก็มีปีกทีเหมือนกับกำลังจะลอยไปในอากาศเสี้ ยงดนตรี
นั้ นดังลั่ นมีเสี ยงก้องมาจากแตรงอนเสี ยงพลทหารโห่ร้องอย่างครึก
ครืนทำให้เกิดความความรืนเริงในหมู่พลทหารการเคลื่อนขบวน
ออกจากนั้ นดูเข้มแข็งเป็นภาพที่ ทำให้นอกนใจมงดูเหมือนฝูงปลาที่
มีมากมายในสายน้ำ
ตีความ
จากบทประพันธ์มีหยิบยกเอา เหตุการณ์ในชีวิตจริงอัน
เป็นประเพณีที่งดงามและสืบทอดมายังรุ่นสู่รุ่น แสดงอย่าง
ประจักษ์ให้ผู้เรียนได้เห็นภาพ การเคลื่อนไหว ท่วงทำนอง
จนเกิดความเข้าใจได้อย่างลึกซึ งและเข้าถึงเนื้ อหาทาง
วรรณคดี ผลที่ได้จากการอ่านบทประพันธ์นี้ ทำให้ผู้เรียนได้
ตระหนักในศิ ลปวัฒนธรรมประจำชาติที่ นานาประเทศ
ยอมรับ เกิดความหวงแหนและร่วมอนุรักษ์ประเพณี เกิด
ความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซึ่ งเป็นคุณลักษณะอันพึง
ประสงค์ จึงถือได้ว่ากาพย์เห่เรือเป็นทั้งวรรณคดี เป็นทั้ง
มรดกทาง วัฒนธรรมประเพณี และบทเรียนที่ล้ำาค่ากับ
เยาวชนรุ่นแล้วรุ่นเล่าสืบไป
ขยายความ
จากบทประพันธ์ข้างต้น หากพิจารณาอย่างลึกซึ้ ง พิจารณา
ได้ว่า บทประพันธ์นี้ บรรยายชมความงามของกระบวนเรือ
พระที่นั่ง และการเคลื่อน กระบวนเรือพระยุหยาตราทาง
ชลมารค ทรงพรรณนารำพึงรำพันถึงนางอันเป็นที่รัก และ
ถ่ายทอดความรู้สึกเป็น ทุกข์ เศร้าโศก ยามเมื่อพบเห็นสิ่ง
ต่างๆที่ชวนให้คิดถึงนาง ตามธรรมเนียมของการแต่งนิราศ
การใช้ภาษาของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศรจะมีความไพเราะสละ
สลวยจับใจผู้อ่าน
บรรณานุกรม
https://ornsirinwk.blogspot.com/2018/03/blog-post.html?
fbclid=IwAR2Nlz09dxdtX0Mm5-
CYRSUxZEbVBA2NxX9UKI341Wj7AkaSoqrIlnP5oCo
https://kruopas.files.wordpress.com/2014/11/e0b980e0b8ade0b8
81e0b8aae0b8b2e0b8a3e0b89be0b8a3e0b8b0e0b881e0b8ade0b
89ae0b881e0b8b2e0b8a3e0b8aae0b8ade0b899-
e0b881e0b8b2e0b89ee0b8a2.pdf?
fbclid=IwAR3KnaqK53atIRGI76t24gy1uc6wxW820pWrcwjd65f
QDSFI4ya3CKKcGU0
https://writer.dek-d.com/peaw0806/writer/view.php?
id=770159&fbclid=IwAR3bKfagnO06aTiJWsSRbPZJiyI9gjlTfyK1kE
73Nk0t2p0ofzWfqPTKI-Y