The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ED58AC8A-01F5-4B52-9728-85030ECB6BFA

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2021-12-27 05:04:02

Mahidol university

ED58AC8A-01F5-4B52-9728-85030ECB6BFA

Mahidol University

มหาวิทยาลัยมหิดล

มหาวิทยาลัยมหิดล (Mahidol University : MU) เดิมชื่อ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ เป็น
สถาบันอุดมศึกษาที่เน้นการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
และสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ตั้งอยู่ในอำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม และมีที่ตั้งอีก

หลายแห่ง ทั้งในกรุงเทพมหานคร จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัด
อำนาจเจริญ

มหาวิทยาลัยมหิดลมีที่มาจากโรงเรียนแพทยากร (โรงพยาบาลศิริราชในปัจจุบัน) ซึ่งก่อตั้งขึ้น
ใน

พ.ศ. 2432 ก่อนที่จะถูกรวมเข้ากับโรงเรียนข้าราชการพลเรือนฯ เพื่อสถาปนาจุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย พร้อมทั้งเปลี่ยนสถานะเป็น คณะแพทยศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ

ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น คณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาล ต่อมาในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.
2486 ได้แยกคณะวิชาด้านแพทยศาสตร์สี่คณะ มาจัดตั้งเป็น มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ และใน

วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2512 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณา
โปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม "มหิดล" อันเป็นพระนามของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลย

เดชวิกรม พระบรมราชชนก[8]
ปัจจุบันมหาวิทยาลัยมหิดลจัดการเรียนการสอนใน 17 คณะ 6 วิทยาลัย 9 สถาบัน และ 3
วิทยาเขต และเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทยจากการจัดอันดับของสำนักจัดอันดับ
หลายสำนัก และได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 9 มหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติเมื่อ พ.ศ. 2552 และยังเป็น

สมาชิกเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน (ASEAN University Network; AUN)

ประวัติและความเป็นมา
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรด
เกล้าฯ ให้จัดสร้างโรงศิริราชพยาบาลขึ้นบริเวณพระราชวังบวรสถานพิมุข หรือที่เรียกว่า วังหลังต่อมา
ใน พ.ศ. 2432 จึงมีพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้ง โรงเรียนแพทยากร โดยจัดการเรียนการสอนในระดับ
ประกาศนียบัตร 3 ปี หลังจากนั้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จ
พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเปิดตึกของโรงเรียนแพทย์จึงได้
พระราชทานนามใหม่ว่า โรงเรียนราชแพทยาลัย

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาโรงเรียน
ข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นเป็น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึง
ได้รวมโรงเรียนราชแพทยาลัยเข้าเป็นคณะหนึ่งของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเมื่อววันที่ 6 เมษายน พ.ศ.
2460 โดยใช้ชื่อว่า "คณะแพทยศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อเป็น "คณะ
แพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาล" ซึ่งได้รับการพัฒนาวิชาการจากมูลนิธิร็อกเกอะเฟลเลอร์ จนสามารถ
จัดการศึกษาถึงขั้นประสาทปริญญาบัตร ซึ่งอนุมัติโดยสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2486 คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระปรมาภิไธยสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล มีพระบรมราชโองการให้ตราพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ขึ้น
โดยแยกคณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาล แผนกอิสระทันตแพทยศาสตร์ แผนกอิสระเภสัชศาสตร์
และแผนกอิสระสัตวแพทยศาสตร์ จัดตั้งเป็น มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์สังกัดกระทรวงการสาธารณสุข
โดยได้จัดตั้งคณะต่าง ๆ หลายคณะ ต่อมาได้โอนคืนคณะที่ซ้ำซ้อนออกจากมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์
ได้แก่ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ คณะเภสัชศาสตร์ และคณะทันตแพทยศาสตร์ โอนไป
สังกัดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลนครเชียงใหม่ โอนไปสังกัดมหาวิทยาลัย
เชียงใหม่ และคณะสัตวแพทยศาสตร์ โอนไปสังกัดมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ต่อ

ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระ
กรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามมหาวิทยาลัยว่า มหาวิทยาลัยมหิดล อันเป็นพระนามของ สมเด็จ
พระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก แทนชื่อมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์เดิม
มหาวิทยาลัยมหิดลไม่สามารถนับอายุตั้งแต่การก่อตั้ง "โรงเรียนแพทยากร" เพราะไม่ได้มีสถานะเป็น
"มหาวิทยาลัย" ทั้งตามนิยามของราชบัณฑิตยสภา และตามกฎหมายจัดตั้ง ในวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ.
2550 มหาวิทยาลัยมหิดลได้เปลี่ยนรูปแบบการบริหารงานเป็น สถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐ และ
ใน พ.ศ. 2551 มีแผนแม่บทพัฒนามหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ให้เป็นเมืองมหาวิทยาลัยสีเขียว โดยปรับ
นโยบายในการจัดสภาพแวดล้อมเพื่อยกระดับความสำคัญและเอื้อต่อการทำกิจกรรม นอกจากนี้
มหาวิทยาลัยยังจัดทำแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการเพื่อความยั่งยืน ปี 2558–2562 โดยมี 3
กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ การส่งเสริมให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร การส่งเสริมความเป็น
สังคมคาร์บอนต่ำ และการส่งเสริมให้เกิดพันธกิจสัมพันธ์กับชุมชน

ตราสัญลักษณ์

สมัยที่ยังเป็นมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ตราสัญลักษณ์ ต่อมาเมื่อมีการพระราชทานชื่อ "มหาวิทยาลัยมหิดล" ได้เปลี่ยน
เป็นตราวงกลม 2 ชั้น ภายในเป็นรูปงูพันคบเพลิง เป็นตราวงกลม 2 ชั้น วงกลมชั้นในมีพื้นหลังเป็นสีน้ำเงิน ตรง
วงนอกด้านบนเขียนว่า "อตฺตานํ อุปมํ กเร" ด้านล่าง กลางเป็นตราประจำราชสกุลมหิดลสีเหลืองทอง ส่วนวงกลมชั้น
เขียนว่า "มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์" นอกนั้นมีพื้นหลังสีขาวตัวอักษรสีเหลืองทองด้านบนเขียนว่า "อตฺ
ตานํ อุปมํ กเร" ด้านล่างเขียนว่า "มหาวิทยาลัยมหิดล" คั่นด้วย
ดอกประจำยามสีเหลืองทอง ตรานี้ร่างและออกแบบโดยนาย
แพทย์นันทวัน พรหมผลิน และกอง สมิงชัย พระบาทสมเด็จพระ
ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
พระราชทานแก่หม่อมราชวงศ์มิตรารุณ เกษมศรี สถาปนิกพิเศษ
ประจำสำนักพระราชวัง ในการปรับแก้ไขตรีและพระมหามงกุฏ
ของตราให้เป็นแบบไทยและพระราชทานตราให้แก่มหาวิทยาลัย
มหิดลเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2512

สีประจำมหาวิทยาลัย

คือ สีน้ำเงิน โดยสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
พระราชทานสีนี้ซึ่งเป็นสีแห่งความเป็นราชขัติยนุกูลแห่งบรม
ราชวงศ์ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2512

ต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย

คือ ต้นกันภัยมหิดล ซึ่งสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้า
กัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
พระราชทานให้เป็นต้นไม้สัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัย
เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542

พื้นที่มหาวิทยาลัย

พื้นที่ศาลายา
ตั้งอยู่ที่ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม เป็นที่ตั้งหลักของมหาวิทยาลัย ประกอบไปด้วยคณะและวิทยาลัยส่วนใหญ่ และหน่วยงานอื่น ๆ
ได้แก่ บัณฑิตวิทยาลัย, โรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี, ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก, โรงแรมศาลายาพาวิลเลียน, โรงเรียนสาธิตนานาชาติ นอกจากนี้ ยัง
เป็นที่ตั้งของมหิดลสิทธาคารและอุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ
พื้นที่บางกอกน้อย
ตั้งอยู่ที่แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร เป็นที่ตั้งของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะพยาบาลศาสตร์ และคณะเทคนิคการแพทย์
นอกจากนี้ยังมีศูนย์กายภาพบำบัดของคณะกายภาพบำบัด ตั้งอยู่บริเวณเชิงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าในแขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด
พื้นที่พญาไท
ตั้งอยู่ที่แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร มี 3 บริเวณย่อย ได้แก่

บริเวณถนนพระรามที่ 6 เป็นที่ตั้งของคณะวิทยาศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ศูนย์ตรวจสอบสารต้องห้ามในนักกีฬา และคณะ
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
บริเวณถนนราชวิถี เป็นที่ตั้งของคณะสาธารณสุขศาสตร์ คณะเวชศาสตร์เขตร้อน และคณะทันตแพทยศาสตร์
บริเวณถนนศรีอยุธยา เป็นที่ตั้งของคณะเภสัชศาสตร์
นอกจากนี้ยังมีวิทยาลัยการจัดการ ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงสามเสนใน เขตพญาไท

การศึกษา

มหาวิทยาลัยมหิดลเปิดสอนในระบบหน่วยกิต ปัจจุบันมีการจัดการเรียน
การสอนและการวิจัยทั้งสิ้น 629 สาขาวิชา ครอบคลุมทั้งสาขาวิทยาศาสตร์
สุขภาพ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ทั้งใน
หลักสูตรไทยและหลักสูตรนานาชาติ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่สามารถผลิต

บัณฑิตในระดับปริญญาเอกได้มากที่สุดในประเทศ ในปี พ.ศ. 2548
มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นมหาวิทยาลัยรัฐที่มีปริมาณนักศึกษาต่างชาติมากที่สุด
และใน พ.ศ. 2549 และได้รับรางวัลประกาศเกียรติคุณประเภทธุรกิจบริการ

ดีเด่นกลุ่มการศึกษานานาชาติจากนายกรัฐมนตรี (Prime Minister’s
Export Award 2006) เพื่อประกาศเกียรติคุณมหาวิทยาลัยมหิดลใน
ฐานะที่ได้รับความนิยมจากชาวต่างประเทศมากที่สุด (Most recognized
service) ในพิธีประกาศเกียรติคุณและมอบรางวัล เมื่อวันจันทร์ที่ 28

สิงหาคม พ.ศ. 2549 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล

ปัจจุบันมหาวิทยาลัยมหิดล มีส่วนงานและกลุ่มภารกิจในสังกัด ประกอบด้วย 17 คณะ 10 สถาบัน 6

วิทยาลัย 3 วิทยาเขต และหน่วยงานต่างๆ นอกจากนี้ยังมีสถาบันสมทบอีกหลายสถาบัน ซึ่งนักศึกษาของ

บางสถาบันเข้าร่วมการเรียนการสอนกับมหาวิทยาลัยมหิดล ในขณะที่บางสถาบันมีหลักสูตรเป็นเอกเทศ

คณะ
คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์
คณะเทคนิคการแพทย์ คณะกายภาพบำบัด ดู สาขา หลักสูตร
คณะพยาบาลศาสตร์ คณะเวชศาสตร์เขตร้อน และเกณฑ์การรับของแต่ละคณะ
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะสัตวแพทยศาสตร์ ของปีล่าสุดได้ที่นี่เลย
คณะเภสัชศาสตร์ คณะสาธารณสุขศาสตร์
คณะวิทยาศาสตร์ คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์
คณะศิลปศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย
คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

ห้องสมุด
Library

ห้องสมุดมหาวิทยาลัยมหิดล มีฐานเดิมจาก "ห้องอ่านหนังสือ" ของโรงเรียนราชแพทยาลัย ต่อ
มาใน พ.ศ. 2468 ได้ก่อตั้งเป็น "ห้องสมุดคณะแพทยศาสตร์" และใน พ.ศ. 2499 กฤษฎีกาการจัด
วางระเบียบราชการของกรมมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ได้ยกฐานะห้องสมุดเป็น "แผนกห้องสมุด"
สังกัดสำนักงานเลขานุการ กรมมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ซึ่งขณะนั้นทำหน้าที่เป็นห้องสมุดของ
ทั้งมหาวิทยาลัยและคณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาลด้วย
ห้องสมุดยกฐานะเป็น "กองห้องสมุด" ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 4 สิงหาคม 2520
ต่อมากองห้องสมุดได้รับการสถาปนาเป็น "สำนักหอสมุด" ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม
ที่ 103 ตอนที่ 140 วันที่ 8 สิงหาคม 2529 โดยมีฐานะเทียบเท่าคณะ มหาวิทยาลัยได้นำเทคโนโลยี
สารสนเทศเข้ามาช่วยดำเนินงานระบบห้องสมุดอัตโนมัติ ทำให้มีทรัพยากรห้องสมุดในรูปแบบที่
หลากหลาย ต่อมาในวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 สภามหาวิทยาลัยมหิดลได้เปลี่ยนชื่อสำนักหอ
สมุดเป็น "หอสมุดและคลังความรู้ มหาวิทยาลัยมหิดล" โดยเป็นส่วนงานหนึ่งในระดับคณะ

การประเมินคุณภาพและการจัดอันดับ

ใน พ.ศ. 2549 สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา จัดอันดับให้มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศไทย ทั้ง
ในด้านการเรียนการสอน ซึ่งได้คะแนนร้อยละ 61.11 จากคะแนนเต็มร้อยละ 80 และด้านการวิจัย ซึ่งได้คะแนนเต็ม
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ประเมินคุณภาพผลงานวิจัยเชิงวิชาการด้านวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยีของสถาบันอุดมศึกษา ผลปรากฏว่าในการประเมินครั้งที่ 3 (พ.ศ. 2554) มหาวิทยาลัยมหิดลได้รับการประเมินใน
ระดับดีมากในสาขาวิชาเทคโนโลยีชีวภาพ ภาควิชาเทคโนโลยีชีวภาพ, สาขาวิชาฟิสิกส์ ภาควิชาฟิสิกส์, สาขาวิชาพรีคลินิก
ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ สรีรวิทยา พยาธิชีววิทยา และเภสัชวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, สาขาวิชาจุล
ชีววิทยาและอณูชีววิทยา สถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล มหาวิทยาลัยมหิดล และสาขาวิชาเภสัชศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์
มหาวิทยาลัยมหิดล

นอกจากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโดยหน่วยงานในประเทศไทยแล้ว ยังมีหน่วยงานจัดอันดับมหาวิทยาลัยจากต่างประเทศ
อีกหลายหน่วยงาน ซึ่งแต่ละหน่วยงานมีเกณฑ์การจัดอันดับและการให้คะแนนที่แตกต่างกัน SCImago Institutions
Ranking, The Times Higher Education, Academic Performance, และ U.S. News & World Report จัด
อันดับให้มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศไทยในด้านวิชาการ ส่วนในด้านอื่น ๆ อย่างด้านสิ่งแวดล้อม และด้าน
เทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยมหิดลก็ถูกจัดอันดับให้เป็นอันดับที่ 1 ของประเทศด้วยเช่นกัน

การพักอาศัย
ที่พักอาศัยสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา จะเรียกว่า บ้านมหิดล โดยบริเวณที่พักมีการจัด
เป็นสัดส่วน อยู่บริเวณทางด้านหลังศูนย์การเรียนรู้มหิดล บ้านมหิดลประกอบไปด้วยอาคารหอพัก 6 หลัง ได้แก่

หอพักหญิง หอพักชาย

บ้านพุทธรักษา (หอ 1-2) เป็นอาคารแฝดสูง 4 ชั้น สองอาคารเชื่อมต่อ บ้านชัยพฤกษ์ (หอ 6-7) เป็นอาคารแฝดสูง 4 ชั้น
กัน นักศึกษาพักได้ 4 คนต่อห้อง สองอาคารเชื่อมต่อกัน นักศึกษาพักได้ 2 คนต่อห้อง
บ้านอินทนิล (หอ 3-4) เป็นอาคารแฝดสูง 4 ชั้น สองอาคารเชื่อมต่อกัน บ้านกันภัยมหิดล (หอ 8-9) เป็นอาคารแฝดสูง 4 ชั้น
นักศึกษาพักได้ 2 คนต่อห้อง สองอาคารเชื่อมต่อกัน นักศึกษาพักได้ 4 คนต่อห้อง
บ้านลีลาวดี (หอ 10) เป็นอาคารเดียวสูง 4 ชั้น เชื่อมต่อกัน นักศึกษาพัก
ได้ 4 คนต่อห้อง

บ้านศรีตรัง (หอ 11) เป็นอาคารเดียวสูง 14 ชั้น เชื่อมต่อกัน นักศึกษา
พักได้ 4 คนต่อห้อง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

วิกิพีเดีย Wikipedia
และ www.mycas

คณะผู้จัดทำ

นางสาวนิสารัตน์ ดาดำ นางสาวเกศวรินทร์ จันทร์ไทย นางสาวจุฑาวรรณ วรรณชัย

นางสาวขวัญจิรา บุญสาร นายนพพร ชนะพันธ์ นายภานุเดช คะสดร

5/11


Click to View FlipBook Version