The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Kornkasidet Saesin, 2024-06-09 07:20:24

นาฏศิลป์ตะวันออก

32

เด็กหญิง ศรัณยา เขียวเทโพธิ์ ม.2/9 เลขที่ 32 นาฏศิลป์ ตะวันออก นาฏศิลป์ ตะวันออก


อินเดียเป็นต้นแบบในศิลปะหลายๆด้าน ชาวอินเดียมี ความเชื่อและนับถือในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เกี่ยวกับศาสนา และเทพเจ้า จึงเกิด เป็นตำ นานต่างๆ ขึ้นมากมาย ตำ นาน เกี่ยวกับนาฏศิลป์ อินเดียนี้เกี่ยวข้องกับ พระพรหม นาฏศิลป์ อินเดีย


เป็นนาฏศิลป์ของอินเดียตอนใต้มีลีลาการใช้จังหวะ เท้าที่รวดเร็วมีความหมายในท่ารำ เท้าที่รวดเร็วมีความ หมายในท่ารำ ใช้ศิลปะรำ ตามนาดศาสตร์ เป็นการฟ้อน รำ เพื่อเป็นการฟ้อนรำ เพื่อบูชาเทพเจ้าเป็นการแสดงที่ใช้ ผู้หญิงแสดงนิยมแสดงเดี่ยว การแต่งกาย การเเต่งกาย หญิงจะสวมเสื้อเข้ารูป คอก ว้าง เเขนสั้น ตัวสั้นถึงใต้อก ห่มส่าหรี เกล้ามวยต่ำ หรือสูง ประดับด้วยดอกไม้เเละเครื่องประดับผม เจิมหน้าจุดสีเเด งกลางหน้าผาก 1.ภารตนาฏยัม ยั


เป็นนาฏศิลป์บองอินเดีย ตอนเหนือนิยมแสดง เดี่ยว ผู้แสดงอาจเป็นผู้หญิง ผู้แสดงอาจเป็นหญิง หรือชายก็ได้ เป็นการผสมระหว่างวัฒนธรรม ฮินดู และมุสลิม ลักษณะเด่นคือเต้นหมุนตัว การแต่งกาย ตัวละครผู้หญิงสวมเสื้อ คอกว้างแขน สั้น เอวลอย ห่มส่าหรี เกล้าผมมวย ใช้ส่าหรีคลุมผม แล้วปล่อยชาบยาวลงล่าง 2.กถัก


3 .กถกฬิหรือ รื กถัก ถัฬิ เป็นนาฏศิลป์พื้นเมือง ของอินเดียตอน ใต้ ส่วนใหญ่จะเล่นเป็นเรื่องแบบละคร ซึ่งส่วนมากเป็นมหากาพย์ เช่น มหาภารตะ รามายณะ และ เรื่องจากนิยาย ปุราณะ การแต่งกาย จะนุ่งกระโปรงยาว การแต่งกาย การแต่งกายกถักกฬิ เครื่อง แต่งกาย ตัวละครชาย นุ่งกางเกงขายาว จีบ รอบเอว มีผ้าคาดเอว ไม่สวมเสื้อ ตัว ละครที่ แสดงเป็นผู้หญิง แต่งกายเป็นชุดประจำ ชาติสตรีอินเดีย ปัจจุบันปรับปรุงการ แต่ง กายให้งดงาม เป็นผ้าไหมขลิบทองเป็นชุด กระโปรงยาว


ประวัติของละครญี่ปุ่นเริ่มต้นประมาณ ศตวรรษที่ 7 แบบแผนการแสดงต่างๆ ที่ปรากฏ อยู่ในครั้งยังมีเหลือ อยู่ และปรากฏชัดเจนแสดง สมัยปัจจุบันนี้ ได้แก่ ละครโนะ ละครคาบูกิ ปูงัก กุ ละครหุ่นบุนระกุ การกำ าเนิด ของละครญี่ปุ่น กล่าวกันว่ามีกำ าเนิดมาจากพื้นเมืองเป็นปฐม กล่าวคือ วิวัฒนาการมาจากกการ แสดงระบำ า บูชาเทพเจ้า แห่งภูเขาไฟ และต่อมาญี่ปุ่นได้รับ แบบแผนการแสดงมาจากประเทศจีน โดยได้รับ ผ่านประเทศเกาหลีช่วงหนึ่ง นาฏศิลป์ญี่ปุ่น ปุ่


เป็นละครแบบโบราณ มีกฎเกณฑ์และระเบียบ แบบแผนในการแสดงมากมายในปัจจุบันถือเป็น ศิลปะชั้นสูง ประจำ าชาติของญี่ปุ่น ที่ได้รับการ อนุรักษ์เอาไว้ ละครโนะเกิดขึ้นมาช้านานแล้ว แต่ เริ่มมาเฟื่องฟู ในครึ่งหลังขอ ศตวรรษที่ 14 โดย มีคันอามิ กับเซอามิสองพ่อลูกเป็นผู้วาง รากฐานของการแสดงละครโนะอันเป็นแบบ ฉบับมาจนถึง ปัจจุบัน 1.ละครคาบูกิ


2.ละครเคียวเง็น ละครเคียวเง็น ละครเคียวเง็น เป็นการเเสดงละครตลก สลับ ฉาก ลักษณะคล้ายกับจำ อวดของไทย สะท้อน ให้เห็นความเรียบง่ายของมนุษย์เป็นละครเสีย การ เรื่องราวชวนหัวทั้งคำ พูดเเละการเเสดง เนื้อเรื่องที่เเสดงไม่มีการฝึกซ้อม ใช้ความรู้สึก ตามธรรมชาติ


3.หุ่นบุนรากุ ละครหุ่นบุนราก ละครหุ่นบุนรากุ เป็นการเเสดงที่นิ ยมเเละเเพร่หลายที่สุด เป็นหุ่นที่สร้างขึ้น อย่าง ประณีตงดงานขนาดเกือบเท่าคนจริง สามารถ เคลื่อนไหวได้ เเทบทุกส่วน เรื่องที่เเสดงมักเเสดงเรื่องเดียวกับ ละครโนะ


นาฏศิลป์จีนมีประวัติความเป็นมาเหมือนทุก ชาติในตะวันออก คือ เกิดจากการประกอบพิธีทาง ไสยศาสตร์ จนพัฒนามาเป็นละครแบบต่างๆ ใน ราชสำ นัก จนท้ายที่สุดเกิดเป็นอุปรากรจีน (งิ้ว) นับเป็นศิลปะที่มีแบบแผนระดับชาติที่ชาวจีนได้ พัฒนา และอนุรักษ์มาเป็นเวลาหลายร้อยปี จนมี ลักษณะเป็นศิลปะประจำ ชาติ นาฏศิลป์ของจีนมี มากมาย ในที่นี้จะขอกล่าวถึงเฉพาะการแสดงงิ้ว เพียงอย่างเดียว แต่ก่อนที่จะศึกษาการแสดงงิ้ว เราควรจะทราบประวัติความเป็นมาของนาฏศิลป์ จีนเสียก่อน นาฏศิลป์ประเทศจีน


นการแสดงที่ผสมผสานการขับร้องและการเจรจา ประกอบกับลีลาท่าทางของนักแสดงให้ออกเป็น เรื่องราว โดยได้นำ เอาเหตุการณ์ต่างๆ ใน พงศาวดารและประวัติศาสตร์มาดัดแปลงเป็นบท แสดง รวมทั้งยังมีการนำ เอาความเชื่อทางประเพณี และศาสนาเข้าไปผสมผสานกับการแสดงงิ้วด้วย เดิมประเทศจีนมีงิ้วราว ๓๐๐ กว่าประเภท ส่วนใหญ่ จะเป็นงิ้วท้องถิ่น ส่วนงิ้วระดับประเทศ เช่น งิ้ว ปักกิ่ง, งิ้วเส้าซิง, งิ้วเหอหนัน และงิ้วกวางตุ้ง โดย งิ้วปักกิ่งเป็นงิ้วที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ในปัจจุบันถือ เป็นตัวแทนงิ้วประจำ ชาติจีน 1.งิ้ว


มีเกาะมากมายและแต่ละเกาะก็มีการแสดงของ ตนเอง มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น ศิลปะการ แสดงที่เก่าแก่ที่สุด คือ การเชิดหุ่น เรียกว่า วายัง นาฏศิลป์อินโดนีเซีย


การแสดงเชิดหุ่นเงา หรือวายัง เป็นนาฏศิลป์ ประจำ ชาติที่เก่าแก่ที่สุด แต่เดิมหุ่นเชิด ทำ ด้วยหนังสัตว์ เรียกว่า วายัง กุลิต เรื่องที่ใช้ แสดงในวายังคือ รามายณะ และมหาภารตะ โดยทำ เป็นบทละครเฉพาะของวายัง มีการแทรก เรื่องปรัชญา ข้อคิดขบขันในชีวิตประจำ วัน นำ มา เชื่อมโยงร่วมสมัยใหม่ 1.วายังหรือเชิดหุ่นเงา


ลักษณะการแสดงจะแสดงเป็นเรื่องราวของนิทาน พื้นบ้านและเรื่องราวในราชสำ นัก จะไม่แสดงเรื่อง รามายณะและมหาภารตะ การแต่งกาย ผ้านุ่งที่ใช้มักเป็นลายหยกทอง และ หยกเงิน ใส่เสื้อกำ มะหยี่แขนยาว ตัวยาว ผมเกล้ามวยผมต่ำ ใช่ปิ่นหรือเครื่องประดับศีรษะสี ทอง 2.นาฏศิลป์สุมาตรา


เป็นการแสดงที่มีพื้นฐานมาจากการรำ ในราช สำ นักมีลีลาร่ายรำ ที่นุ่มนวล ประณีต จังหวะที่ใช้ใน การร่ายรำ จะช้า มีผ้าสไบเป็นส่วนประกอบสำ คัญ ในการร่ายรำ เวลาแสดงตาจะตกตลอดเวลา ไม่ใช้สายตาไปยัง คนดู วงดนตรีประกอบการแสดง เป็น วงดนตรีประจำ ราชสำ นักสมัยโบราณ ปัจจุบันใช้ วงดนตรีสำ หรับฟ้อนรำ เรียกว่า ภารมวลัน 3.นาฏศิลป์ชวา


การแสดงของเขมรดั้งเดิมใช้ผู้หญิงแสดง เพราะเป็นการ แสดงภายในราชสำ นักเท่านั้น การแสดงมาตรฐานของ เขมรจะแสดงเรื่องเรียมเลอ ซึ่งมีรากฐานมาจากรามาย ณะของอินเดีย ละครที่ได้รับความนิยมอีกชนิดหนึ่ง คือ ละครบาสสัก (Bassas) เป็นละครพูดมีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับความรัก ซึ่ง ละครชนิดนี้ได้รับอิทธิพลจากเวียดนาม การแสดงของเขมรจะมีการเคลื่อนไหวที่นุ่มนวล สง่า ย่อ เข่ามากกว่าไทยและไม่อ่อนช้อยเท่าของไทย มีทั้งการ แสดงละครนอกเรื่อง พระอภัยมณีละครในเรื่องอิเหนา โขนเรื่องรามเกียรติ์ ลักษณะการแต่งกาย มีความใกล้เคียงกับไทยมาก นาฏศิลป์เขมร


โรบัม หรือที่เรียกว่า รอมโรบัม เป็นศิลปะการแสดง ละครรำ เวทีโบราณของชนเผ่าเขมรในอดีต โดยใน คลังศิลปะการแสดงต่างๆของชนเผ่านี้ โรบัม ถือ เป็นศิลปะการแสดงที่ได้รับการพัฒนาไปสู่จุดสุด ยอดและรุ่งเรืองที่สุด จากคุณค่าแห่งศิลปะ วัฒนธรรมพิเศษของโรบัม ชนเผ่าเขมรกำ ลัง พยายามอนุรักษ์และพัฒนาศิลปะการแสดงนี้ให้คง อยู่ต่อไป 1.โรบัม


ละครบาสัก ไม่ได้ถือกำ เนิดในประเทศกัมพูชา แต่มีต้นกำ เนิดอยู่ในอำ เภอบา สัก จังหวัดเคลียง หรือจังหวัด Soc trang พระตรอเปียง หรือจังหวัด Tra vinh ทางตอนใต้ของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ซึ่งดินแดนดังกล่าว อยู่ในพื้นที่ (1)กัมปูเจียกรอม หรือเรียกอีกอย่างว่าโคชินจีน ซึ่งเป็นพื้นที่ๆมี ชาวเขมรอาศัยอยู่มาก พอๆกับพื้นที่ของประเทศกัมพูชาในปัจจุบัน แต่ใน ที่สุดแล้ว ดินแดนกัมปูเจียกรอม หรือโคชินจีน ได้ถูกฝรั่งเศสในฐานะเจ้า อาณานิคม ยกให้เป็นดินแดนของประเทศเวียดนาม เมื่อ (2)วันที่ 21 พฤษภาคม ปี ค.ศ.1949 จนถึงปัจจุบัน 2.ละครบาสัก


เป็นศิลปะการแสดงชั้นสูงของไทยที่มีความสง่างาม อลังการและอ่อนช้อย การแสดงประเภทหนึ่งที่ใช้ท่ารำ ตาม แบบละครใน แตกต่างเพียงท่ารำ ที่มีการเพิ่มตัวแสดง เปลี่ยนทำ นองเพลงที่ใช้ในการดำ เนินเรื่องไม่ให้เหมือนกับ ละคร แสดงเป็นเรื่องราวโดยลำ ดับก่อนหลังเหมือนละคร ทุกประการ ซึ่งไม่เรียกการแสดงเหล่านี้ว่าละครแต่เรียกว่า โขนแทน มีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จาก หลักฐานจดหมายเหตุลาลูแบร์ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสใน สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้มีการกล่าวถึงการ แสดงโขนว่า เป็นการเต้นออกท่าทาง ประกอบกับเสียงซอ และเครื่องดนตรีประเภทต่าง ๆ ผู้แสดงจะสวมหน้ากาก ปิดบังใบหน้าตนเองและถืออาวุธ 3.ระบำ ขุนหลวง


จะแสดงในงานพิธีการต่างๆ เกี่ยวกับศาสนา และประเพณี นาฎศิลป์ที่เก่าแก่พม่า ได้แก่ ระบวงสวรงเทพเจ้า และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ส่วนการแสดงประเภทโขน ละคร ปรากฏ ใน สมัยพระเจ้ามังระ เมื่อไทยเสียกรุงศรีอยุธยาให้กับพม่า นาฏศิลป์ไทยได้ถูก กวาดต้อนไปด้วย พระเจ้ามังระโปรดให้สอนโขนและละครไทยในพม่า เล่นเรื่อง รามเกียรติ์และอิเหนา พม่าเรียกว่า อินทรวงศ์ เป็นละครในราชสำ นัก นอกจากนี้ยัง มีการเล่นละครนอกเรื่องสังข์ทองและสังข์ศิลป์ชัย พระเจ้ามังระโปรดมากทรงให้รวม พวกละครและปี่พาทย์ไว้ในราชสำ นักและพระราชทานบ้านเรือนให้เรียกว่า “ตำ บล โยธาราช” และพวกละครไทยที่แสดงเรียกว่า “โยธยาสัตคยี” ต่อเมื่อละครไทยในราชสำ นักได้เสื่อมความนิยมลง “ละครนิพัตขิ่น” กลับเฟื่องฟูขึ้น เป็นละครที่ผูกเป็นเรื่อง มีท่าทางและบทเจรจาประกอบ ภายหลังได้เพิ่มบทตลกลง ไปด้วย การแต่งกาย ชายใส่เสื้อแขนยาว นุ่งโสร่งหรือกางเกงคลุมเข่า ประดับด้วยเลื่อม ดิ้น คล้ายของไทย ส่วนหญิงใส่เสื้อรัดอก สวมเสื้อแขนยาวไม่มีกระดุม เปิดให้เห็นเสื้อตัว ใน ชายเสื้อโค้งงอน นุ่งผ้าถุงกรอมเท้าเกล้ามวยสูงปล่อยชายผมยาวมาด้านขวา ถ้า เป็นตัวเอกจะสวมเครื่องประดับศีรษะ นาฏศิลป์พม่า


การแสดงของชาวพม่านั้นจะแสดงในพิธีการต่างๆ และมี ส่วนเกี่ยวข้องกับสาสนาและประเพณี นาฏศิลป์ที่เก่าแก่ ของพม่า ได้แก่ ระบำำ นิพัตขิ่น แปลว่า ระบำ วิญญาณ ซึ่งเชื่อว่าได้รับอิทธิพแลมาจาก อินเดีย ส่วนการแสดงประเภทโขน ละคร ปรากฏขึ้นใน สมัยพระเจ้ามังระเมื่อไทยเสียกรุงศรีอยุธยาให้กกับพม่า เล่นเรื่องรามเกียรติ์และอิเหนาซึ่งพม่าเรียก ว่า(Aindaraweuntha) เป็นละครในราชสำ นัก นอกจากนี้ยังมีการเล่นละครนอก เรื่องสังข์ศิลป์ชัย พระเจ้ามังระโปรดมาก ทรงให้รวมพวกละครแลบะปี่พาทยืไว้ในราชสำ นักและ พระราชทานบ้านเรือนให้เรียกว่า “ตำ บลโยธาราช” 1.ระบำ นิพัตขิ่น


Thanks you


Click to View FlipBook Version