สารบัญ หน้า
3
1. หลกั สูตรวิทยาศาสตรมหาบณั ฑิต
สาขาวชิ านิติวทิ ยาศาสตร์ (หลกั สูตรปรับปรุง 10
พ.ศ. 2560) คณะวิทยาศาสตร์ 11
มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น 12
13
2. จุดเด่นของหลกั สูตร 17
3. งานวิจยั ท่ีมุ่งเนน้ 39
4. อาชีพท่ีสามารถประกอบไดห้ ลงั สาเร็จการศึกษา
5. นิติวิทยาศาสตร์ (Forensic Science) คืออะไร
6. ตวั อยา่ งวจิ ยั
7. สอบถามรายละเอียดเพ่ิมเติม
หลกั สูตรวทิ ยาศาสตรมหาบณั ฑติ
สาขานิตวิ ทิ ยาศาสตร์
(หลกั สูตรปรับปรุง พ.ศ.2560)
คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น
ช่ือหลกั สูตร
ภาษาไทย : หลกั สูตรวทิ ยาศาสตรมหาบณั ฑิต
สาขาวชิ านิติ วทิ ยาศาสตร์
ภาษาองั กฤษ : Master of Science Program in Forensic Science
**********************************************
ชื่อปริญญาและสาขาวชิ า
(ภาษาไทย) : วท.ม. (นิติวทิ ยาศาสตร์)
(ภาษาองั กฤษ) : M.Sc. (Forensic Science)
**********************************************
รูปแบบของหลกั สูตร
ปริญญาโทแผน ก แบบ ก 1 และแผน ก แบบ ก 2 เนน้ วิจยั เป็น
พ้ืนฐานโดยใช้ภาษาไทยเป็ นภาษาหลกั ในการเรียนการสอน และ
ภาษาองั กฤษในบางรายวิชาและมีการรับเข้านักศึกษาไทย และ
นกั ศึกษาต่างชาติที่มีความสามารถในการใชภ้ าษาไทยเป็นอยา่ งดี
โครงสร้างหลกั สูตร
จานวนหน่วยกิตรวม 36 หน่วยกิต
ระยะเวลาการศึกษา 2 ปี
วนั เวลาดาเนินการสอน
ภาคการศึกษาตน้ กรกฎาคม – พฤศจิกายน
ภาคการศึกษาปลาย ธนั วาคม – เมษายน
หมวดวชิ าท่ีเปิ ดสอน
หมวดวชิ าบงั คบั หมวดวชิ าเลอื ก
ท่ีเปิ ดสอน (บางส่วน)
กฎหมายและจริยธรรม
สาหรับนิติวทิ ยาศาสตร์ การระบุบุคคล
การตรวจสถานที่เกิดเหตุ พษิ วทิ ยาทางนิติ
สถิติสาหรับนิติ วทิ ยาศาสตร์
วทิ ยาศาสตร์ การตรวจพสิ ูจน์อาวธุ ปื น
นิติชีววทิ ยา I และ II และเคร่ืองกระสุนปื น
นิติเคมีและหลกั ฐานที่เห็น
การวเิ คราะห์สารเสพติด
ไดด้ ว้ ยกลอ้ งจุลทรรศน์ และแอลกอฮอล์
เครื่องมือวเิ คราะห์สาหรับ
เร่ืองคดั สรรทางนิติ
นิติวทิ ยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์
การสมั มนาทางนิติ
นิติเวชศาสตร์สาหรับนิติ
วทิ ยาศาสตร์ I และ II วทิ ยาศาสตร์
ระเบียบวธิ ีวจิ ยั
การรับสมคั ร
มีการเปิ ดรับนกั ศึกษาใหม่ ในทุกภาคการศึกษาตามประกาศของ
บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น
https://app.gs.kku.ac.th/gs/
ภาคการศึกษาต้น จะประกาศรับเป็นสองรอบ คือ รอบ
แรกในระหวา่ งเดือนมกราคม- มีนาคม และรอบรอบในช่วง
เดือน พฤษภาคม-มิถุนายน
ภาคการศึกษาปลายในระหวา่ งเดือนสิงหาคม-กนั ยายน ของทุกปี
คุณสมบตั ผิ ู้สมคั ร
สาเร็จปริญญาวทิ ยศาสตรบณั ฑิตหรือเทียบเท่า
กรณีคุณสมบตั ิไม่เป็นไปตามประกาศใหอ้ ยใู่ นดุลยพนิ ิจ
ของคณะกรรมการบริหารหลกั สูตร
วธิ ีการคดั เลอื กโดยการสอบสมั ภาษณ์
ค่าธรรมเนียมการศึกษา
ภาคปกติ 25,000 บาท
โครงการพิเศษ 40,000 บาท ต่อภาคการศึกษา
สถานทเี่ รียน
หลกั สูตรนิติวทิ ยาศาสตร์ คณะวทิ ยาศาสตร์
มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น
ศนู ยพ์ ิสูจน์หลกั ฐาน 4 สานกั งานตารวจแห่งชาติ จงั หวดั
ขอนแก่น
ทุนการศึกษา
ทุนผชู้ ่วยวจิ ยั
ทุนผชู้ ่วยสอน
ทุนส่งเสริมการเผยแพร่ผลงานทางวชิ าการท้งั ในและ
ต่างประเทศ
ทุนการศึกษาจากหน่วยงานต่าง ๆ
*เงื่อนไขตามประกาศใหท้ ุนของแต่ละหน่วยงาน
จุดเด่นของหลกั สูตร
หลกั สูตรเนน้ สร้างบุคลากรท่ี
มีความรู้ความสามารถทาง
ดา้ นนิติวทิ ยาศาสตร์ เพอ่ื การ
สร้างความยตุ ิธรรมในสังคม
ท่ีรู้เท่าทนั ต่อปัญหาท้งั การ
ก่ออาชญากรรมทาง
เศรษฐกิจและสงั คม โดย
มุ่งเนน้ การศึกษาวจิ ยั ที่ตอบ
โจทยข์ องสงั คมอยา่ งเป็น
รูปธรรม
มีกลุ่มงานวิจัยท่ีเข็มแข็งและ การจัดการการบรรยาย และ
ครอบคลุมทุกแขนง และ มี อบรมเชิงปฏิบตั ิการในหวั ขอ้ ที่
ความร่ วมมือกับหน่ วยงาน ทนั สมยั ทนั ต่อเหตุการณ์ เพ่ือ
ยตุ ิธรรมและมหาวทิ ยาลยั ต่าง ๆ
เ พิ่ ม พู น ทั ก ษ ะ ค ว า ม รู้
ร ว ม ท้ั ง ก า ร ส นั บ ส นุ น ความสามารถของผเู้ รียนในทุก
ทุนการศึกษา การนาเสนอ
ผลงานวจิ ยั ภาคการศึกษา
งานวจิ ยั ทม่ี ุ่งเน้น
มุ่งเน้นการศึกษาวิจยั ท่ีสามารถนามาใช้เพ่ือเป็ นประโยชน์ต่อ
สงั คมอยา่ งงเป็นรูปธรรม
วิทยาศาสตรก์ ายภาพ วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ
งานวจิ ยั อาวธุ ปื นและเคร่ือง การศึกษาเคร่ืองหมาย
กระสุน โมเลกลุ ของพชื และสตั ว์
งานวจิ ยั การตรวจพิสูจน์และกู้ การศึกษาทางดา้ นชีวโมเลกลุ
คืนร่องรอยเคร่ืองมือ เพือ่ การตรวจเอกลกั ษณ์
บุคคล
งานวจิ ยั การตรวจเอกลกั ษณ์
บุคคล การศึกษาความเป็นพษิ ของ
พชื และสตั ว์
การศึกษาการตายแบบผดิ
ธรรมชาติดว้ ยวธิ ีการทางสถิติ
และการทาเหมืองขอ้ มูล
อาชีพท่ีสามารถประกอบได้
หลงั สาเร็จการศึกษา
• นกั นิติวทิ ยาศาสตร์สงั กดั หน่วยงานต่าง ๆ เช่น กระทรวงยตุ ิธรรม
กระทรวงกลาโหม และสานกั งานตารวจแห่งชาติ
• อาจารย์
• นกั วทิ ยาศาสตร์ ผชู้ ่วยวจิ ยั นกั วจิ ยั และตาแหน่งงานต่าง ๆ ท่ี
เก่ียวขอ้ งกบั งานดา้ นนิติวทิ ยาศาสตร์ เช่น เจา้ หนา้ ท่ีตรวจสอบการ
ชดเชยสินไหมของบริษทั ประกนั ภยั เป็นตน้
ที่มา:https://www.pinterest.com/jc2130/criminal-justice/
นิตวิ ทิ ยาศาสตร์
(Forensic Science) คอื อะไร
นิติวิทยาศาสตร์ (Forensic Science) คือ การนาเอาความรู้
ทางวิทยาศาสตร์ในสาขาต่างๆ มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการตอบขอ้ สงสัย
ในทางดา้ นกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เพื่อประโยชน์ต่อ
การสืบสวนสอบสวน และการพิสูจน์ความจริงเพื่อผดุงไวซ้ ่ึงความ
ยตุ ิธรรม
โดยผ่านการทางานในหลากหลายสาขาของวิทยาศาสตร์ ท้งั
วิทยาศาสตร์กายภาพ และวิทยาศาสตร์ชีวภาพข้อเท็จจริงท่ีได้
สามารถนาไปใชใ้ นการยืนยนั ตวั ผูก้ ระทาความผิด หรือปกป้ องผู้
บริสุทธ์ิ โดย และใชเ้ ป็นหลกั ฐาน (evidence) ประกอบการสืบสวน
สอบสวน และการดาเนินการทางกฎหมายอาชญากรรมทาง
คอมพวิ เตอร์ (Computer crime or Cybercrime)การกระทาผิด
ทางอาญาที่เก่ียวขอ้ งกบั คอมพิวเตอร์ เครือข่ายคอมพิวเตอร์และ
อุปกรณ์ที่เชื่อมกบั ระบบ รวมท้งั การแสวงหาผลประโยชน์อยา่ งผิด
กฎหมายผา่ นอินเทอร์เน็ต
เช่น การทาลาย เปล่ียนแปลง หรือ
ขโมยขอ้ มูลต่างๆ หรือการกระทา
ใดๆ อันทาให้เหยื่อได้รับความ
เ สี ย ห า ย แ ล ะ ผู้ก ร ะ ท า ไ ด้รั บ
ผลประโยชน์ตอบแทน และตอ้ งใช้
ค ว า ม รู้ ท า ง เ ท ค โ น โ ล ยี เ ป็ น
เคร่ืองมือในการสืบสวนสอบสวน
ท่ีมา:https://www.pinterest.com/jc2130/criminal-justice/ เพือ่ นาตวั ผกู้ ระทาผดิ มาดาเนินคดี
การตรวจพสิ ูจน์เอกลกั ษณ์บุคคล (Personal Identification)
1. การพิสูจน์ลายนิ้วมือฝ่ ามือและฝ่ าเท้า ; วตั ถุพยานประเภท
ลายนิ้วมือรวมไปถึงลายฝ่ ามือและฝ่ าเท้าของมนุษย์ นาไปใช้
ประโยชน์ในการตรวจพิสูจน์เอกลกั ษณ์บุคคลไดเ้ นื่องจากลายเส้นท่ี
ปรากฏของมนุษยแ์ ต่ละบุคคลไม่เหมือนกนั (Uniqueness) และไม่
เปลี่ยนแปลง (Permanence) รอยนิ้วมือฝ่ ามือและฝ่ าเทา้ ที่พบใน
สถานท่ีเกิดเหตุจึงเป็ นพยานหลกั ฐานสาคญั ในการสืบสวนสอบสวน
เพ่อื ยนื ยนั ตวั ผกู้ ระทาความผดิ
2. วัตถุพยานประเภทสารพันธุกรรม (DNA) : เป็ นวตั ถุพยานทาง
ชีวภาพซ่ึงสามารถพบไดจ้ ากเซลล์ของส่ิงมีชีวิตเท่าน้ันตวั อย่างวตั ถุ
พยานทางชีวภาพเช่นคราบเลือดคราบอสุจิคราบนา้ ลายรอยกดั เศษเลบ็
และเสน้ ขน
3. วัตถุพยานประเภทเส้ นผมและเส้นขน:โดยข้นั ตน้ จะตรวจว่า
เป็ นเส้นขนของมนุษยห์ รือไม่โดยอาศยั การเปรียบเทียบลกั ษณะ
เส้นขนภายใตก้ ล้องจุลทรรศน์หากเป็ นเส้นขนของมนุษยท์ ี่ช้ัน
เปลือกนอก (Cuticle) จะเป็นเซลลเ์ ดียวโปร่งแสงเรียงซอ้ นกนั ส่วน
นอก (Cortex) ประกอบดว้ ยเซลลอ์ ดั แน่นเป็นเน้ือเดียวภายในมีรงค
วตั ถุแกนใน (Medulla) ประกอบดว้ ยเซลลเ์ รียงตวั กนั มีช่องอากาศ
แทรกระหวา่ งเซลล์
หลกั ฐานจากดนิ (Forensic soil)
เป็ นการประยุกต์ใชค้ วามรู้ทางดินเพื่อนามาเป็ นหลกั ฐานใน
กระ บว นกา รยุติ ธร รม โด ยใช้คว ามห ลา กห ลาย ขอ งสิ น แร่ แล ะ
องค์ประกอบของดินการเปรียบเทียบตวั อย่างดินท่ีไดจ้ ากสถานท่ี
เกิดเหตุจะนิยมเปรียบเทียบกับดินท่ีพบบนตัวผูต้ ้องสงสัยหรือ
วเิ คราะห์เพ่ือทราบถึงแหล่งที่มาของดินหรือสถานท่ีเกิดเหตุ
การตรวจพสิ ูจน์อาวุธปื นและเครื่องกระสุน
(Firearm and ammunition)
เขม่าดินปื นบนมือสามารถใช้เชื่อมโยงผู้ต้องสงสัย และ
บาดแผลจากกระสุนสามารถบอกระยะท่ีถูกยิงปลอกกระสุนและ
ร่องเกลียวบนหัวกระสุนสามารถเชื่อมโยงไปยงั เจ้าของปื นและ
แหล่งผลิตได้โดยอาศัยการตรวจเปรี ยบเทียบปลอกกระสุ นท่ีพบ
ในท่ีเกิดเหตุเทียบกบั ปลอกกระสุนจากผตู้ อ้ งสงสยั
การตรวจพสิ ูจน์ระยะเวลาภายหลงั การตายด้วยแมลงในศพ
(Postmortem interval; PMI)
นิติกีฏวิทยา (Forensic entomology) เป็นวิทยาศาสตร์ประยกุ ต์
ท่ีนาความรู้ของสัตวข์ าปลอ้ ง (arthropods) มาใชป้ ระโยชน์ในทาง
กฎหมายเพื่อการประมาณระยะเวลาหลงั การตาย(postmortem interval;
PMI) แมลงท่ีนิยมใช้ตรวจสอบระยะเวลาหลังการตายของศพ
ไดแ้ ก่กลุ่มแมลงวนั เช่นแมลงวนั หวั เขียว (Calliphoridae)และแมลงวนั
หลงั ลาย (Sarcophagidae) และดว้ งหนงั สัตว์ (Dermestidae) และ
ดว้ งกินซาก (Silphidae)
ตวั อยา่ งวจิ ยั
นิตวิ ิทยาศาสตร์ (Forensic Science) คอื การนาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ทุกสาขามาประยุกตใ์ ช้เพอ่ื
พสิ ูจน์ขอ้ เท็จจริงในคดคี วามเพอื่ ผลในการบังคบั ใชก้ ฎหมายและการลงโทษ ซึ่งจะชว่ ยลดการโตแ้ ย้งความ
หวาดระแวงระหวา่ งผู้ควบคมุ กฎหมายกบั ผ้ถู ูกกลา่ วหา ทงั้ นี้เพราะวิทยาศาสตร์เป็นเร่ืองของหลกั การและ
เหตผุ ลทเ่ี ป็นจริงสามารถพสิ จู น์ได้ โดยงานวจิ ัยภายใตค้ วามร่วมมอื ระหวา่ งมหาวิทยาลยั ขอนแกน่ (หลักสตู ร
นิตวิ ทิ ยาศาสตร์) และสานักงานพสิ จู น์หลกั ฐานตารวจมคี วามเกย่ี วเน่อื งกบั หลากศาสตร์ความรู้ ซึ่งสามารถ
สรุปและยกตวั อย่างไดด้ งั นี้
งานทางดา้ นกายภาพ ไดม้ กี ารนาองคค์ วามรู้ทางฟสิ ิกส์ ( Forensic Physics) การตรวจทางเคมี
(Forensic Chemistry) การตรวจอาวธุ ปนื และกระสนุ ปืน ( Forensic Ballistics) การตรวจสถานทเี่ กดิ เหตุ
และการถา่ ยรูป ( Crime Scene Investigation and Forensic) การตรวจลายนิว้ มอื ฝาุ มอื ฝาุ เทา้
(Fingerprint Palmprint Footprint) การตรวจเอกสาร (Document) เช่น ตรวจลายเซน็ ลายมอื เขียนมา
เป็นโจทย์วิจัยเพอ่ื ให้นักศกึ ษาภายในหลักสตู รไดฝ้ กึ การคดิ วเิ คราะห์ ตวั อย่างเช่น “การวเิ คราะหเ์ ขมา่ ปืน
ชนิดอนินทรีย์จากกระสนุ ขนาด .22LR เพอ่ื การประมาณระยะยิงบนผ้าฝูาย” งานวจิ ัยภายใตก้ ารดแู ลของ อ .
ดร. วรรณา ศริ ิแสงตระกลู พ.ต.อ.วสุกจิ จ์ ธนูรัตน์ พ.ต.อ.วริ ัตน์ มะแกว้ และ พ.ต.อ.กติ ตศิ กั ด์ิ ยาคมุ้ ภัยโดยการ
วดั คา่ รัศมกี ารกระจายของเขมา่ ปืนบนเปาู ผา้ ฝูายของกระสุนจานวน 6 ย่ีหอ้ จากการทดสอบสีดว้ ยวิธี Sodium
Rhodizonateและ Hydrochloric acid คา่ ทไ่ี ดจ้ ะถกู นามาทดสอบทางสถติ ดิ ว้ ยวิธีสมการถดถอยพหนุ ามและ
สหสมั พนั ธเ์ พอ่ื หาโมเดลสมการทใี่ ชใ้ นการประมาณระยะยิง และทาการศกึ ษาเกยี่ วกบั ชนิดของธาตทุ เ่ี กดิ ขนึ้
จากกระสุนขนาด .22LR ทพ่ี บบนเปาู ผา้ ฝูายและบนมอื ของผูย้ ิง ดว้ ยเทคนิค FE-SEM-EDSและ ICP-MSเพอื่
เปรียบเทียบชนิดของธาตทุ มี่ คี วามแตกตา่ งจากกระสนุ ปืนโดยทวั่ ไป โดยผลการวิเคราะหท์ ไี่ ดจ้ ะเปน็ ตวั ช่วย
ยืนยันชนิดของธาตทุ ม่ี าจากกระสุนขนาด .22
(A) (B)
ตวั อย่างเปาู ผ้าทที่ าการทดสอบดว้ ยวิธี Sodium Rhodizonate test (A) และ Hydrochloric acid (B) ของ
กระสุนยี่ห้อ MAXXTech
ตวั อย่างของอนุภาคเขมา่ ปนื ขนาดประมาณ
2.178 × 2.085 ไมครอน วิเคราะหด์ ว้ ยเทคนิค
FE-SEM-EDS
นอกจากนีอ้ .ดร. วรรณา ศริ ิแสงตระกลู ร่วมกบั พ.ต.ท.ธนงศกั ด์ิ บญุ มาก และ พ.ต.อ. สรุ ณรงค์ รัตน
โกสมุ ภ์ยังไดส้ นใจในการศกึ ษาร่องรอยของคมี ตดั สายไฟ (Tool marks) ทป่ี ระทับลงบนพนื้ ผิวของสายไฟ
อะลมู เิ นียมและเปรียบเทียบผลของรอยทเี่ กดิ จากคมี ย่ีหอ้ เดยี วกนั รวมถึงผลของการตดั ซ้าของคมี ตดั บน
สายไฟอะลูมเิ นียม ซ่ึงใช้คมี ตดั สายไฟขนาด 500 มลิ ลเิ มตร ทาการตดั สายไฟอะลูมเิ นียมแรงดนั สงู ชนิดสายหมุ้
ขนาด 95 ตารางมลิ ลเิ มตร โดยใชอ้ าสาสมคั ร 2 กลุม่ คอื อาสาสมคั รทถี่ นัดซา้ ย และอาสาสมคั รทถ่ี นัดขวา
ภายหลังการตดั จะพบรอยทปี่ รากฏบนสายไฟอะลมู เิ นียมใน 3 ลกั ษณะ คอื รอยกด (Impression mark)รอย
เฉือน (Shear mark) และรอยบบี อดั (Compression mark) จากนั้นทาการวิเคราะหจ์ านวนและวดั ขนาด
พน้ื ทข่ี องรอยทป่ี รากฏ โดยนาคา่ ทไี่ ดไ้ ปคานวณหาความสาคญั ทางสถิตดิ ว้ ยโปรแกรม SPSS เพอื่ เปรียบเทียบ
รอยทเ่ี กดิ จากการตดั สายไฟตอ่ ปัจจัยตา่ งๆ ดงั กล่าว
(A) (B)
ลกั ษณะของรอยบนสายไฟอะลมู เิ นียม ทเ่ี กดิ จากคมี 1
ตดั โดยอาสาสมคั รทถ่ี นัดซา้ ย (A) และถนัดขวา (B)
(A)(B) (C)
ลักษณะของรอยทงั้ 3 รูปแบบ ทพ่ี บบนสายไฟอะลมู เิ นียม
ไดแ้ ก่ รอยกด (Impression mark) (A) รอยเฉอื น (Shear mark) (B)
และรอยบบี อดั (Compression mark) (C)
รวมทง้ั การศกึ ษาเกยี่ วกบั การกคู้ นื ร่องรอยเลขหมายทถี่ ูกเปลี่ยนแปลง โดยการประยุกตใ์ ช้อนุภาค
แมเ่ หล็กนาโนในการกคู้ นื ร่องรอยเลขหมายทถ่ี กู ขดู ลบ ภายใตก้ ารดแู ลของ ดร . วรรณา ศริ ิแสงตระกลู และ
พ.ต.อ.วสกุ จิ จ์ ธนูรัตน์ ดว้ ยการสงั เคราะหอ์ นุภาคแมเ่ หล็กนาโนเหลก็ ออกไซด์ (Fe3O4) ทเี่ คลอื บดว้ ยกรดโอเล
อกิ ดว้ ยกระบวนการตกตะกอนร่วม ร่วมกบั กระบวนการ Ultrasonic cavitation อนุภาคทสี่ ังเคราะห์ไดเ้ ป็น
อนุภาคแมเ่ หลก็ นาโนเหลก็ ออก ไซด์ ทปี่ ระกอบดว้ ย แมกนีไทต์ (Fe3O4) และ แมกฮีไมต์ (γ – Fe2O3) ขนาด
อนุภาค 6-8 nmแสดงพฤตกิ รรมแมเ่ หล็กแบบซปุ เปอร์พารา (Super paramagnetic) เมอื่ นาไปประยุกตใ์ ช้ใน
การตรวจพสิ จู น์การกคู้ นื ร่องรอยหมายเลขทถ่ี ูกเปล่ยี นแปลงดว้ ยวธิ ีการใส่ผงแมเ่ หลก็ ให้ตวั อย่าง (Magnetic
particle technique)พบว่ามปี ระสทิ ธิภาพทดี่ กี ว่าการตรวจพสิ ูจน์การกคู้ นื ร่องรอยทถี่ ูกลบหรือถกู
เปลยี่ นแปลงดว้ ยวธิ ีทางเคมี (Chemical technique) ซงึ่ องคค์ วามรู้ทไ่ี ดจ้ ะเปน็ ทางเลือกหนงึ่ ในวธิ ีการกคู้ นื
ร่องรอยเลขหมาย ทส่ี ามารถใชห้ ลกั ฐานในการดาเนินการทางกฎหมายในคดโี จรกรรมได้ อาทิ การขโมย
รถยนต์ อาวุธปืน หรือเครื่องประดบั ทม่ี มี ลู คา่ สงู และมแี ผนในการตอ่ ยอดองคค์ วามรู้ทไ่ี ดจ้ ากงานวจิ ัยไปเปน็
ชุดตรวจการกคู้ นื ร่องรอยเลขหมายตอ่ ไปในอนาคต
ภาพถา่ ย TEMของอนุภาคแมเ่ หลก็ นาโนเหล็กออกไซดท์ เี่ คลอื บผวิ อนุภาคดว้ ยกรดโอเลอกิ โดยใช้ NH4OH
เป็นสารตกตะกอน (pH=8) และการประยุกตใ์ ชใ้ นการกคู้ นื ร่องรอยเลขหมายทถ่ี ุกขูดลบ
สาหรับ “การศกึ ษาความสัมพนั ธ์ของ Hormionและมมุ ของฐานกะโหลกในการจาแนกเพศของ
ประชากรคนไทยในภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ” นน้ั ผศ.ดร. รัชดาภรณ์ เบญจวัฒนานนท์ ไดท้ าการวดั คา่ ซ่ึง
กาหนดไว้บนกะโหลกศรี ษะ ไดแ้ ก่ Hormion (Ho) Bregma (B) และBasion (Ba) จากกะโหลกศรี ษะคนไทย
ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จานวน 329 กะโหลก (เพศชาย 165 และเพศหญิง 164) ทม่ี อี ายุตงั้ แต่ 28-94 ปี
ทเี่ กบ็ รวบรวมทคี่ ลังกระดกู มหาวิทยาลัยขอนแกน่ สถติ ทิ างคณติ ศาสตร์ (ทฤษฏีโคไซน์) และ Independent
sample T-test ถูกนามาใชใ้ นการวิเคราะห์ ผลการศกึ ษาพบว่าความชนั ของฐานกะโหลกศรี ษะ (มมุ Ba) และ
พน้ื ทส่ี ามเหลยี่ มในเพศชายมขี นาดมากกว่าเพศหญิงอย่างมนี ัยสาคญั ทางสถติ ิ แตม่ มุ B และมมุ Ho ในเพศ
หญิงมขี นาดมากกว่าเพศชายอย่างมนี ัยสาคญั ทางสถิติ จากการวเิ คราะหด์ ว้ ย Multiple regression analysis
ในการระบเุ พศ พบวา่ มมุ ของฐานกะโหลกศรี ษะมคี า่ ความถูกตอ้ งเพยี งร้อยละ 29.6 บ่งชวี้ ่าการวัดจุดกาหนด
บนกะโหลกศรี ษะขา้ งตน้ สามารถระบุเพศไดเ้ พยี งเล็กน้อย
ภาพแสดงความแตกตา่ งบริเวณฐานกะโหลกศรี ษะเพศหญิง ( A) และเพศชาย (B)
นอกจากน้ี ผศ.ดร. รัชดาภรณ์ เบญจวฒั นานนท์ ยังไดม้ งุ่ วิจัย “การตรวจพสิ ูจน์เส้นขนเสือและหมี
ชนิดทพ่ี บในประเทศไทยดว้ ยกล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสงและกลอ้ งจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอนแบบส่องกราด ” โดย
ไดท้ าการศกึ ษาลกั ษณะทางสัณฐานวทิ ยา เชน่ สี การกระจายของเมด็ สี ความหนา ความกว้าง ความยาว หรือ
รูปแบบชั้นเมดลั ลา่ ของเส้นขนเสอื 8 ชนิด ไดแ้ ก่ แมวปาุ (เสอื กระตา่ ย) แมวดาว แมวปุาหัวแบน เสอื ปลา เสือ
ไฟ เสือลายเมฆ เสือดาว (เสือดา) และเสอื โคร่ง และหมี 2 ชนิด ไดแ้ ก่ หมหี มา (หมคี น) และหมคี วาย ภายใต้
กลอ้ งจุลทรรศน์แบบใช้แสง จากนน้ั ศกึ ษาลกั ษณะพน้ื ผวิ และลกั ษณะภาคตดั ขวางของเส้นขนภายใตก้ ล้อง
จุลทรรศน์อเิ ลก็ ตรอนแบบส่องกราด นอกจากน้ียังทาการคานวณหาคา่ ดชั นีเมดลั ลา่ ( Medulla index) และ
ดชั นีเกลด็ (Scale index) ดว้ ยโปรแกรม Image J และนาคา่ ดชั นีทไี่ ดม้ าวเิ คราะหโ์ ดยใชส้ ถติ ิ One Way
ANOVA ในการแยกความแตกตา่ งของเสน้ ขนเสอื และใช้สถิติ Independent Samples T-Test ในการแยก
ความแตกตา่ งของเสน้ ขนหมแี ตล่ ะชนิด ผลการศกึ ษาทไี่ ดส้ ามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ในการจาแนกชนิดของเสือ
และหมี อกี ทง้ั ยังสามารถนาไปประยุกตใ์ ชใ้ นงานทางดา้ นนิตวิ ทิ ยาศาสตร์ เพอื่ สร้างฐานขอ้ มลู และใชเ้ ปน็ ขอ้ มลู
อา้ งองิ ในการระบชุ นิดของเสอื และหมจี ากวัตถพุ ยานประเภทเสน้ ขนทเี่ กบ็ รวบรวมไดจ้ ากสถานทเ่ี กดิ เหตุ และ
เพอื่ เป็นประโยชน์ตอ่ การดาเนินคดเี กย่ี วกบั การล่า การลกั ลอบ หรือครอบครองเสือและหมอี ย่างผดิ กฎหมาย
ตอ่ ไปยกตวั อย่าง ลักษณะทางสัณฐานวิทยา รูปแบบช้ันเมดลั ล่า ( Medullapatterns) และคา่ ดชั นีเมดลั ลา่
(Medulla index) ของเส้นขนเสอื ดงั ตารางตอ่ ไปนี้
ตารางท่ี 1ลักษณะทางสัณฐานวทิ ยาของเส้นขนเสือ
ลาดบั ชนดิ ลกั ษณะ ความหนา ความกวา้ ง ความยาว
1 แมวปุา โคง้ บาง (cm; Mean ± SD)
2 แมวดาว โคง้ บาง ปลายเล็กและเรียว
3 แมวปาุ หวั แบน โคง้ บาง แหลม 3.34 ± 0.18
4 เสือปลา โคง้ บาง
ปลายเล็กและเรียว 1.60 ± 0.24
แหลม 2.82 ± 0.27
ปลายเล็กและเรียว 3.04 ± 0.21
แหลม
ปลายเลก็ และเรียว
ลาดบั ชนิด ลกั ษณะ ความหนา ความกวา้ ง ความยาว
(cm; Mean ± SD)
5 เสอื ไฟ ตรง บาง แหลม
6 เสอื ลายเมฆ หยักศก บาง ปลายเล็กและเรียว 1.02 ± 0.08
ตรง บาง 2.32 ± 0.28
เสือดาว ตรง บาง แหลม 1.58 ± 0.15
7 หยักศก บาง ปลายเล็กและเรียว 1.62 ± 0.08
3.94 ± 0.27
เสือดา แหลม
8 เสือโคร่ง ปลายเล็กและเรียว
แหลม
ปลายเล็กและเรียว
แหลม
ปลายเลก็ และเรียว
แหลม
ตารางท่ี 2 รูปแบบชั้นเมดลั ลา่ (Medullapatterns) ของเสน้ ขนเสอื ภายใตก้ ลอ้ งจุลทรรศน์แบบใชแ้ สง
ลาดบั ชนิด ภาพ รูปแบบช้ันเมดลั ลา่
1 แมวปุา
Continuous
with air bubbles
2 แมวดาว Lattice
3 แมวปาุ หวั แบน Lattice
4 เสือปลา Continuous
5 เสอื ไฟ Continuous
6 เสือลายเมฆ Ladder
ลาดบั ชนิด ภาพ รปู แบบช้ันเมดลั ลา่
Continuous
เสอื ดาว
7 Continuous
เสอื ดา
8 เสอื โคร่ง Continuous
งานวิจยั ทางดา้ นชีวภาพ ไดม้ กี ารนาองคค์ วามรู้ทางชวี วิทยา ( Biological Trace Evidence) เช่น
ตรวจเสน้ ผม เลือด อสุจิรวมทงั้ การตรวจทางนิตเิ วช (Forensic Medicine) ไดแ้ ก่ งานนิตพิ ยาธิ งานนิตวิ ทิ ยา
งานชวี เคมงี านพสิ ูจน์บุคคล งานภาพการแพทย์มาพฒั นาโจทย์วจิ ัยเพอ่ื ใหน้ ักศกึ ษาไดเ้ กดิ กระบวนการเรียนรู้
และสามารถคดิ วิเคราะหง์ านวิจัยเหล่าน้ันไดม้ ปี ระสิทธิภาพ ตวั อย่างทางชีวภาพ เช่น โจทย์วจิ ัยของนักศกึ ษา
ภายใตก้ ารดแู ลของ รศ. ดร. เขมกิ า ลมไธสงทไี่ ดท้ าการศกึ ษาเปรียบเทยี บวธิ ีการกคู้ นื ดเี อน็ เอมนุษย์จากหมาก
ฝรั่ง ซงึ่ น้าลายทพ่ี บบนวตั ถุพยานมคี วามสาคญั อย่างมากในทางนิตวิ ิทยาศาสตร์เน่ืองจากสามารถนาไป
วเิ คราะห์ ดเี อน็ เอเพอ่ื ยืนยันผ้กู ระทาความผดิ ได้ การศกึ ษาผลของสภาวะแวดลอ้ มตอ่ การตรวจรูปแบบดเี อน็ เอ
มนุษย์บนวัตถุพยานประเภทเลือด น้าอสุจิ กน้ บหุ ร่ี และการศกึ ษาเพอื่ ประมาณผลสาเร็จของการตรวจรูปแบบ
ดเี อน็ เอมนุษย์จากจานวนตวั อสจุ ิทพ่ี บบนวตั ถุพยาน การประมาณอายุคราบเลือดจากปริมาณของ mRNA เปน็
ตน้
นอกจากนีย้ ังมกี ารตรวจพสิ ูจน์หลกั ฐานจากดเี อน็ เอของส่ิงมชี ีวิตชนิดอน่ื ทไี่ มใ่ ช่มนุษย์ (Non-human
DNA) เช่น การตรวจพสิ ูจน์แหลง่ ทม่ี าของดนิ จากรูปแบบดเี อน็ เอของแบคทีเรียดว้ ยเทคนิค PCR-RLFP,
DGGE, ARDRA สาหรับงานวจิ ัยดา้ นนิตวิ ิทยาศาสตร์สตั วป์ ุา ( Wildlife forensic science) รศ. ดร. เขมกิ า
ลมไธสง ไดท้ าการพฒั นาวจิ ัยเพอื่ ระบุชนิดของกวางปุา (Cervus unicolor) จากลาดบั นิวคลีโอไทดบ์ ริเวณ D-
loop และจากดเี อน็ เอบริเวณยีน Cyt bเพอื่ ใชใ้ นการระบุชนิดกวางปุาดว้ ยเทคนิคพซี ีอาร์ ซึ่งถอื เป็นงานวิจัยที่
มคี วามสาคญั เพอื่ ใชใ้ นการตรวจพสิ ูจน์สตั วป์ ุา ซากสัตวป์ าุ ชิน้ ส่วนสตั ว์ปาุ หรือของกลางทไี่ มท่ ราบชนิดเพอื่
ใชป้ ระกอบการพจิ ารณาคดที เี่ กย่ี วข้องกบั อาชญากรรมสัตวป์ าุ เพอ่ื ควบคมุ การคา้ สตั วร์ ะหว่างประเทศ โดย
สัตว์ปาุ จาพวกกวางทอี่ ยู่ในวงศ์ Cervidaeทพี่ บในประเทศไทยมหี ลายสายพนั ธุ์ ไดแ้ ก่ กวางปุา กวางรูซา่ กวาง
ซกี า้ กวางเนอื้ ทราย ซึ่งมเี ฉพาะกวางปุาเท่านน้ั ทเี่ ปน็ สตั วป์ ุาคมุ้ ครองตามพระราชบญั ญัตสิ งวนและคมุ้ ครอง
สตั ว์ปุา พ.ศ.2535 แตจ่ ากความนิยมในการบริโภคเนือ้ กวาง ทาใหม้ กี ารแกไ้ ขพระราชบญั ญัตเิ พอ่ื อนุญาตให้
เพาะเลี้ยงกวางปาุ ในเชิงการคา้ ได้ แตผ่ ทู้ จ่ี ะเพาะเลย้ี งไดต้ อ้ งไดร้ ับอนุญาตจากกรมปุาไมก้ อ่ น จึงเป็นสาเหตทุ ่ี
ทาให้มกี ารลกั ลอบคา้ เนอ้ื กวางปาุ ทผี่ ่านมาพบว่าการลกั ลอบล่ากวางปาุ นั้นพบไดบ้ ่อยครั้งเนื่องจากเนื้อ
กวางปาุ เป็นทตี่ อ้ งการของผบู้ ริโภคในร้านอาหารปุา งานวจิ ัยทไี่ ดพ้ ฒั นาข้ึนนี้จึงถือไดว้ า่ เป็นงานวิจัยทเ่ี ป็น
ประโยชน์อย่างยิ่งในแงข่ องการการระบชุ นิดสตั วใ์ นงานนิตวิ ิทยาศาสตร์สัตว์ปุา
กวางปุา
โจทย์วจิ ัยของนักศกึ ษาภายใตก้ ารดแู ลของ ผศ. ดร. นิศาชล แจ้งพรมมา ทไี่ ดม้ งุ่ ความสนใจใน
การศกึ ษาแบบแผนโปรตนี ทง้ั ในเหด็ พษิ และเห็ดกนิ ไดด้ ว้ ยเทคนิคโปรตโิ อมกิ ส์ องคค์ วามรู้ทไ่ี ดน้ อกจากจะทา
ใหท้ ราบถงึ โปรตนี ทง้ั หมดในเหด็ แล้ว ยังอาจนาไปสกู่ ารคน้ พบโปรตนี Marker เพอื่ ใช้ในการจาแนกเหด็ พษิ
และเห็ดกนิ ไดใ้ นอนาคต รวมถงึ มงุ่ วิจัยวธิ กี ารจาแนกเห็ดพษิ ดว้ ยเทคนิคทางดา้ นอณพู นั ธุศาสตร์ ( Molecular
genetic) และโมเลกลุ ชี้เปาู แอปตาเมอร์ (Aptamer) ซึง่ ปจั จุบันพบว่าปัญหาการไดร้ ับพษิ อย่างไมต่ ง้ั ใจ ถือเป็น
ปัญหาสาธารณสุขทสี่ าคญั ระดบั โลก โดยอบุ ตั กิ ารณจ์ ากการไดร้ ับพษิ ทเี่ ปน็ อนั ดบั ตน้ ๆ คอื การกนิ เหด็ พษิ
สาหรับประเทศไทยทม่ี สี ภาพภูมอิ ากาศแบบร้อนช้นื จึงมคี วามหลากหลายในทรัพยากรเหด็ เปน็ อย่างมาก มี
เห็ดปุาจานวนมากเกดิ ขึน้ ตามธรรมชาติ ซงึ่ มที ง้ั เหด็ รับประทานไดแ้ ละเหด็ รับประทานไมไ่ ด้ (เห็ดพษิ ) ซง่ึ มี
ลักษณะใกล้เคยี งกนั จึงทาให้ประชาชนเข้าใจผิด กนิ เห็ดพษิ เห็ดเมา ถงึ ขั้นเข้าโรงพยาบาล ซงึ่ บางรายก็
เสยี ชีวติ เนอื่ งจากทานเหด็ ทมี่ พี ษิ ร้ายแรงเขา้ ไปดงั น้ันการพฒั นาวิธีการในการระบุหรือจาแนกเหด็ พษิ ไดอ้ ย่าง
ถูกตอ้ งและแมน่ ยา จึงมคี วามจาเป็นอย่างย่ิง
ภาพแสดงลกั ษณะทางสณั ฐานวิทยาของเหด็ กนิ
ไดเ้ หด็ Amanita princeps (A) และเห็ดพษิ
Agaricuspurpurellus (B)
นอกจากนี้ ผศ.ดร. นิศาชล แจ้งพรมมา ยังสนใจใน
การศกึ ษาสารสกดั จากเห็ดพษิ ทม่ี ผี ลตอ่ ความเปน็ พษิ ของเซลลใ์ นระบบภูมคิ มุ้ กนั ซงึ่ องคค์ วามรู้ทไี่ ดจ้ ะทาให้
ทราบถึงกลไกการเกดิ พษิ จากเห็ดพษิ เพอ่ื เป็นขอ้ มลู พน้ื ฐานในการวินิจฉยั และการรักษา
ภาพการศกึ ษาลกั ษณะทางสัณฐานวิทยาของเซลลแ์ มคโครฟาจ (RAW 264.7) ดว้ ยเทคนิค Inverted
microscope ทย่ี ้อมเซลลด์ ว้ ยสฟี ลูออเรสเซนต์ Acridineorange (AO) และ Ethidium bromide (EtBr)(40X)
ของสารสกดั จากเห็ดระโงกเหลือง Amanita hemibapha ทค่ี วามเข้มขน้ ที่ 12.5 25 และ 50 μg/ml เซลล์ท่ี
ย้อมตดิ สีเขียวคอื เซลลท์ มี่ ชี ีวติ เซลล์ทยี่ ้อมตดิ สีส้มแดงคอื เซลล์ทอ่ี ยู่ในระยะ Apoptosis และเซลล์ทย่ี ้อมตดิ สี
แดงคอื เซลลท์ อี่ ยู่ในระยะ Necrosis
สาหรับการศกึ ษาดา้ นนิตพิ ษิ วิทยาไดม้ กี ารตระหนักถึงปญั หาทเ่ี กดิ ข้ึนในปัจจุบนั ไมว่ ่าจะเป็นการไดร้ ับ
สารพษิ จากยาฆ่าแมลงของเกษตรกร ซึง่ เปน็ ปญั หาทเี่ กดิ จากการสัมผัสยาฆ่าแมลงเปน็ ระยะเวลานานทอ่ี าจจะ
ส่งผลตอ่ สขุ ภาพตามมา และอาจสง่ ผลรุนแรงถงึ ขัน้ เสียชวี ติ ได้ หรืออกี กรณที พ่ี บวา่ มกี ารบริโภคยาฆ่าแมลงเพอื่
หวังฆ่าตวั ตาย (Suicide) อาจจะเกดิ จากปญั หาครอบครัวและปญั หาอน่ื ๆ อกี มากมายทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ ความเครียด
ดงั น้นั จากข้อมลู ข้างตน้ ทาให้ ผศ.ดร. นิศาชล แจ้งพรมมา ไดส้ นใจทจี่ ะศกึ ษาถึงผลของสารสกดั จากใบย่า
นางในการปอู งกนั ความเปน็ พษิ ทเี่ กดิ จากการเหนย่ี วนาของเมโทมลิ ตอ่ เซลล์แมคโครฟาจชนิด RAW 264.7 ซง่ึ
ข้อมลู ทไ่ี ดน้ น้ั ถอื เปน็ องคค์ วามรู้ทสี่ าคญั ในการนามาปรับใชใ้ นงานดา้ นนิตวิ ทิ ยาศาสตร์ และประยุกตใ์ ชใ้ นงาน
ดา้ นนิตพิ ษิ วิทยา เพอื่ หาวธิ ีแกไ้ ขปญั หาทเ่ี กดิ ขนึ้ จากการไดร้ ับสารพษิ จากยาฆ่าแมลงโดยเฉพาะเมโทมลิ ทใี่ ช้กนั
อย่างแพร่หลายในปัจจุบนั
ภาพของเซลลแ์ มคโครฟาจ (RAW 264.7) ภายใตก้ ลอ้ งจุลทรรศน์ Inverted microscope (5X) เมอื่
ไดร้ ับสารสกดั จากใบย่านาง (2.5 5 และ 10 μg/ml) ร่วมกบั ยาฆ่าแมลงเมโทมลิ (11,000 μM) ผลการศกึ ษา
พบว่าเซลลแ์ มคโครฟาจจะมลี ักษณะการตายของเซลล์ (จานวนความหนาแน่นของเซลลล์ ดลง ) เมอื่ ไดร้ ับเมโท
มลิ เมอื่ เปรียบเทียบกบั กลุม่ ควบคมุ อย่างไรกต็ ามเมอื่ บม่ ร่วมกนั ระหวา่ งสารสกดั จากใบย่านางและเมโทมลิ พบ
ว่าสารสกดั จากใบย่านางจะช่วยเพมิ่ จานวนเซลล์ (ความหนาแน่นของเซลลเ์ พม่ิ มากขึ้น) ตามความเข้มขน้
การศกึ ษาหาความเชอ่ื มโยงของการตายแบบผดิ ธรรมชาตกิ บั เหตปุ จั จัยทเี่ กยี่ วข้อง ภายใตก้ ารกากบั
ดแู ลของ อ.ดร. วรรณา ศริ ิแสงตระกลู และ ศ.ดร.พญ.อมั พร แจ่มสุวรรณ โดยเป็นการศกึ ษาความสมั พนั ธข์ อง
ยา สารพษิ และระดบั แอลกอฮอล์ในเลือด และน้าลกู ตาของผเู้ สยี ชีวติ แบบผดิ ธรรมชาตทิ สี่ ่งชนั สูตร ณ
โรงพยาบาลศรีนครินทร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ และ โรงพยาบาลศนู ย์ขอนแกน่ จังหวดั ขอนแกน่ ในระหว่าง
เดอื น เม.ย. 2560 - ก.ย. 2561 จานวน 163 คน การศกึ ษาพบความสัมพนั ธ์อย่างมนี ัยสาคญั ทางสถติ ขิ องการ
ตายแบบผดิ ธรรมชาตทิ ุกสาเหตกุ บั ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดและน้าลกู ตา โดยตรวจพบมากสดุ ในการตาย
จากอบุ ัตเิ หตุ รวมทง้ั พบการใชส้ ารเสพตดิ ร่วมจานวน 1 ตวั อย่าง การวเิ คราะห์ขอ้ มลู การตายผดิ ธรรมชาตดิ ว้ ย
วิธีการทาเหมอื งขอ้ มลู จากข้อมลู การเสียชวี ิตแบบผิดธรรมชาตทิ ชี่ นั สตู รพลกิ ศพท่ี โรงพยาบาลศรีนครินทร์
มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ ในระหวา่ งปี พ.ศ. 2549-2558 (3 ,549 รายการ) และโรงพยาบาลศนู ย์ขอนแกน่
จังหวัดขอนแกน่ ในระหวา่ งปี พ.ศ. 2554-2558 (1,941 รายการ) ให้ผลสอดคล้องกนั คอื พบความสมั พนั ธ์ของ
เหตกุ ารณต์ ายกบั ชว่ งอายุ และฤดกู าล ในขณะทใ่ี นวยั ผู้ใหญ่จะตรวจพบแอลกอฮอลร์ ่วมดว้ ยการตายจาก
อบุ ัตเิ หตยุ ังเป็นการตายทเี่ กดิ สงู สดุ และการตายจากโรคยังมอี บุ ัตกิ ารณก์ ารเกดิ ทมี่ แี นวโน้มเพมิ่ ขนึ้ ใน
ประชากรจังหวดั ขอนแกน่ และภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ ซึ่งข้อมลู ทไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษาน้สี ามารถนาไปใช้
ประโยชน์ในการวางแนวทางในการวางแผนดแู ล ปูองกนั ของหน่วยงานทเ่ี กยี่ วขอ้ งไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพตอ่ ไป
ภาพกจิ กรรมพ.ศ.2557
นักเรียนโรงเรียนสาธติ มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ ศกึ ษาดงู านท่ี ศนู ย์พสิ จู น์หลักฐาน 4
ภาพกจิ กรรมงานวนั วิทยาศาสตร์ วนั ที่ 18 -20 สงิ หาคม 2557
ภาพกจิ กรรม พ.ศ.2558
นักศกึ ษามหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ ศกึ ษาดงู านทศ่ี นู ย์พสิ จู น์หลักฐาน 4
ภาพกจิ กรรม พ.ศ.2559
นักศกึ ษามหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ ศกึ ษาดงู านทศ่ี นู ย์พสิ จู น์หลกั ฐาน 4 วนั ที่ 3 มนี าคม 2559
ทดสอบระบบ CSI วนั ที่ 10 มถิ นุ ายน 2559
นักศกึ ษามหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ ศกึ ษาดงู านทศ่ี นู ย์พสิ จู น์หลกั ฐาน 4 วนั ที่ 15 มนี าคม 2559
พธิ เี ปิดกจิ กรรมงานวันวทิ ยาศาสตร์ วันท่ี 17 -19 สงิ หาคม 2559
กจิ กรรมงานวันวทิ ยาศาสตร์ วนั ที่ 17-19 สงิ หาคม 2559
ประมวลภาพกจิ กรรม พ.ศ. 2560
นักศกึ ษามหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ ศกึ ษาดงู านทศ่ี นู ย์พสิ จู น์หลกั ฐาน 4
นักศกึ ษาคณะวทิ ยาศาสตร์ศกึ ษาดงู านทศ่ี นู ย์พสิ จู น์หลกั ฐาน 4 วนั ท่ี 1 พฤษภาคม 2560
ประมวลภาพกจิ กรรม พ.ศ.2561
พธิ ถี วายพานพมุ่ ราชสกั การะพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลท่ี ๔
เนือ่ งในกจิ กรรมวนั วิทยาศาสตร์ณ คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่
พธิ ไี หวค้ รู ประจาปี 2561 หลกั สูตรนิตวิ ทิ ยาศาสตร์
กจิ กรรมชื่นชมยินดมี หาบณั ฑิตหลกั สูตรนิตวิ ิทยาศาสตร์ปกี ารศกึ ษา 2561
ผศ.ดร. นิศาชล แจ้งพรมมา
คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น
โทร. 0-4320-2222-41 ต่อ 12239, 12249
หรือ e-mail: [email protected]
หรือสามารถเข้าดูรายละเอยี ดได้ที่ www.sc.kku.ac.th