The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บทที่ 5 การนำเสนอผลงน การบรรยาย และการบรรยายสรุป

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by warinphon.chi, 2020-06-18 03:01:11

บทที่ 5 การนำเสนอผลงน การบรรยาย และการบรรยายสรุป

บทที่ 5 การนำเสนอผลงน การบรรยาย และการบรรยายสรุป

วชิ า การพดู ในงานอาชพี
รหสั วชิ า 20000 - 1104

หนว่ ยที่ 5 : การนาเสนอผลงาน การบรรยาย
และการบรรยายสรุป

การนาเสนอผลงานเปน็ ขนั้ ตอนที่สาคัญของการ
ทาผลงานหลงั จากทผี่ ้เู รียนไดด้ าเนินงานตามที่ไดร้ บั
มอบหมายเสรจ็ สิน้ แลว้ ตอ้ งนาเสนอผลงานนั้นใหค้ รู
เพื่อนนักเรียน ผู้เกย่ี วข้อง หรือผ้สู นใจได้รบั ทราบถึง
ผลการดาเนนิ งานการนาเทคนคิ การนาเสนอมาใช้จะ
ทาใหก้ านาเสนอผลงานน้นั ชดั เจน เป็นท่ปี ระทบั ใจแก่
ผู้รบั สาร

การบรรยายสรุปเปน็ การพดู สรปุ เรอื่ งทีย่ าว
ยาก หรือซบั ซอ้ น ใหส้ ัน้ แตช่ ดั เจน ตรงประเด็น และยังคง
สาระสาคัญครบถว้ น

การนาเสนอผลงาน

ความหมายของการนาเสนอผลงาน

หมายถึง การนารายละเอยี ดของงานทที่ ามาบอกกลา่ ว
แกผ้ ฟู้ งั ที่เกี่ยวข้องกับงานนนั้ หรอื ผ้ทู ีส่ นใจใหร้ ับรู้

รูปแบบการนาเสนอผลงาน

รูปแบบการนาเสนอผลงาน ทาไดห้ ลายแบบ ดงั นี้

1.การนาเสนอดว้ ยปากเปลา่ อาจทาให้ขาดความ
น่าสนใจ และหากใชว้ ิธีกม้ หน้ากม้ ตาอ่านไม่สนใจผฟู้ งั ยงิ่
ขาดความน่าสนใจมากขนึ้ ผู้นาเสนอจงึ ตอ้ งใชน้ ้าเสียง
ใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพ เนน้ หนัก เบา สูงตา่ เพื่อความน่าสนใจ

รปู แบบการนาเสนอผลงาน ทาไดห้ ลายแบบ ดงั นี้

2.การนาเสนอดว้ ยส่ือ โดยให้สื่อทาหนา้ ท่ีนาเสนอ
ผลงานเพียงอย่างเดียว ไมต่ ้องอธิบายเพิ่มเติม ผสู้ นใจ
ทาความเข้าใจผลงานดว้ ยตนเอง

3.การนาเสนอด้วยปากเปล่าพรอ้ มกับมีส่อื ประกอบ สอ่ื ท่ี
ใช้ เช่น ป้านนิเทศ แผน่ โปสเตอร์ โปรแกรม
PowerPoint ผ้นู าเสนอตอ้ งมกี ารอธิบายเพม่ิ เตมิ

หมายเหตุ

การใช้รปู แบบใดในการนาเสนอผลงานข้ึนอยู่กับความ
เหมาะสม แต่ทัง้ น้ีทาใหผ้ ู้รบั สารรู้วา่ เหตุใดจงทาผลงาน
นี้ มวี ธิ ีการทาอยา่ งไร ทาแลว้ ได้อะไร ผลงานนั้น
หมายความว่าอย่างไรใหช้ ัดเจน

หลกั การนาเสนอผลงาน

การนาเสนอผลงานของนักเรยี นไม่วา่ จะเปน็ ผลงานใน
วิชาโครงงาน ผลงานจากโครงงานวิทยาศาสตร์ การ
นาเสนอผลงานในการแขง่ ขันทกั ษะ หรอื ในงานตา่ งๆ
นักเรียนต้องมกี ารเตรียมตัวเองใหพ้ ร้อมเพอ่ื ใหก้ าร
นาเสนอน้นั นา่ สนใจ มปี ระสทิ ธภิ าพ สามารถส่ือสารให้
ผฟู้ ังเขา้ ใจได้อยา่ งชดั เจน สิง่ ที่นกั เรียนควรปฏบิ ตั มิ ีดงั น้ี

1.ทาความเขา้ ใจเน้ือหาที่จะนาเสนอเป็นอยา่ งดี ผู้นา
เสนอตอ้ งมีความรู้ ความเขา้ ใจ ในเนื้อหาทจี่ ะนาเสนอ
เปน็ อยา่ งดี พร้อมกับเตรียมข้อมลู สาหรับการตอบ
คาถามจากผู้ฟงั ผพู้ ูดทม่ี คี วามรู้ ความเขา้ ใจเนอ้ื หาเป็น
อยา่ งดี จะเกดิ ความมน่ั ใจในการพดู ทาให้ผูฟ้ งั เกดิ ความ
เชอื่ ถือศรทั ธา

หลักการนาเสนอผลงาน

2.เตรยี มโครงเร่ืองทจ่ี ะนาเสนอ ซึ่งควรครอบคลมุ
ประเดน็ สาคญั ดงั นี้
(1) ชื่อผลงาน
(2) ชื่อผู้ดาเนินงาน
(3) ช่ือครทู ่ีปรกึ ษา
(4) ความเป็นมาและความสาคญั ของการทาผลงาน
(5) วัตถปุ ระสงค์ในการทาผลงาน
(6) วธิ ีดาเนนิ งาน
(7) ผลท่ีได้จากการดาเนนิ งาน
(8) ขอ้ สังเกตและขอ้ มูลเด่นๆ ท่ไี ดจ้ ากการดาเนนิ งาน

3.จดั ความคิดเห็นให้เปน็ ระบบ นาเสนอขอ้ มลู ใหเ้ ป็น
ระบบอย่างตรงไปตรงมาตามโครงเร่อื งทว่ี างไวด้ ้วย
ภาษาท่ีชัดเจน เขา้ ใจง่าย และใชภ้ าษาทีเ่ ป็นทางการ
หรือกง่ึ ทางการในการนาเสนอ

หลกั การนาเสนอผลงาน

4.เตรียมบคุ ลกิ ใหน้ ่าเชอื่ ถอื มีคากลา่ วว่า “ บคุ ลกิ ดมี ีชัย
ไปกว่าคร่ึง ” ดงั น้ัน ผู้นาเสนอจึงควรสารวจตวั เอง เพือ่
เตรียมความพร้อมให้กับให้กบั ตนเอง เช่น หนา้ ตา ทรง
ผม เครอ่ื งแต่งกาย ใหอ้ ยู่ในสภาพสภุ าพ เรียบรอ้ ย

5.กล่าวคาว่า “ สวสั ดี ” เพื่อทักทายผฟู้ ัง โดยเริ่มจากผู้
อาวุโสทีส่ ดุ ในทีน่ น้ั กอ่ น แล้ว เรยี นลาดบั ผ้อู าวุโสลงมา
จากน้นั แนะนาตนเอง แนะนาสมาชดิ กลุม่ และแนะนา
ผลงานตามโครงเรอ่ื งทเ่ี ตรียมไว้

6.พดู อยา่ งมีจงั หวะ ออกเสยี งถูกต้อง เสยี งควบล้า
ชดั เจน ตั้งสติ ไม่ตนื่ เตน้ จนเกินไปหากต่ืนเตน้ ให้หายใจ
เข้าลึก ๆ แลว้ ค่อยผอ่ นออกช้าๆ ความตื่นเตน้ จะทาให้
เสียงสัน่ พูดเร็ว ตะกุกตะกกั หรอื พดู ผิดได้

หลกั การนาเสนอผลงาน

7.ไม่อา่ นจากตน้ ฉบับทีเ่ ตรยี มไว้ การนาเสนอไมค่ วรอ่าน
จากต้นฉบับทเ่ี ตรยี มไว้ เพราะจาทาใหน้ า่ เบอ่ื แตค่ วรจด
เฉพาะหัวข้อที่สาคัญไว้ เพือ่ ช่วยเตือนความทรงจาขณะ
นาเสนอ ใหอ้ ธบิ ายตามความเข้าใจ ไม่อา่ นหรือพดู แบบ
ท่องจา

8.ใช้อวัจภาษาประกอบการพดู เพ่อื ให้การนาเสนอง่าย
แกก่ ารทาความเข้าใจ ควรใชอ้ วัจนภาษาประกอบการ
พูดตามความเหมาะสม ไม่ยืนนง่ิ เพียงทา่ เดยี ว หรอื เดนิ
วนไปมาจนผฟู้ ังราคาญ สบตาผฟู้ ังอยา่ งท่วั ถึง ฝึกใช้
อุปกรณต์ ่างๆ ใหค้ ลอ่ ง

9.มสี ่ือประกอบการนาเสนอ การใช้สอ่ื ประกอบการ
นาเสนอ ผูพ้ ดู ตอ้ งฝกึ ใชส้ อ่ื ให้คลอ่ ง ก่อนการนาเสนอ
จรงิ เช่น การใช้โปรกแกรม PowerPoint

หลกั การนาเสนอผลงาน

10.รกั ษาเวลาในการนาเสนอตามเวลา เพ่อื ใหก้ ารใชม้ ี
ปะสิทธภิ าพ ควรมกี ารฝกึ ซอ้ ม เพ่ือจะไดใ้ ชเ้ วลาได้
เหมาะสม

การนาเสนอผลงานด้วยปา้ ยนิเทศ

ปา้ ยนิเทศ หมายถงึ ส่ือชนดิ หนึ่ง มลี กั ษณะเป็น
แผ่นเรียบ ทาด้วยวัสดุตา่ งๆ ใชน้ าเสนอ ขอ้ มูล ขา่ วสาร
หรอื ผลงาน อาจใชป้ ้ายนเิ ทศอย่างเดียว หรือใช้ปา้ ย
นเิ ทศประกอบคาอธบิ ายกไ็ ด้

ปา้ ยนเิ ทศเปน็ สอ่ื ทีเ่ รา้ ความสนใจของผูอ้ ่าน
ดว้ ยรูปภาพ ขอ้ ความ และสญั ลักษณท์ ส่ี วยงาม และมี
ความหมาย ผูอ้ า่ นสามารถศกึ ษาเนื้อหาซ้าๆได้ หลาย
ครงั้ ตามความพอใจเปน็ สอ่ื ทปี่ รบั ใช้ไดห้ ลายครั้ง เชน่ ใช้
แจง้ ขอ้ มลู ขา่ วสารในหนว่ ยงานตา่ งๆ ใชน้ าเสนอ
ผลงานของนักเรยี น ใชเ้ ป็นสื่อการสอนถา่ ยทอดความรู้
ในโอกาสตา่ งๆ

การนาเสนอผลงานด้วยป้ายนเิ ทศมีเทคนิคและรปู แบบ
การจัดปา้ ยนเิ ทศ ดงั น้ี

1.เทคนิคการจดั ป้ายนเิ ทศ ประกอบด้วย

1.ชือ่ ผลงานจะต้องสั้น อา่ นง่าย ขนาดตัวอักษรเดน่
ชัดเจน สามารถมองเหน็ ได้ในระยะไกล และดงึ ดูดความ
สนใจของผู้อ่าน
2.เนอื้ หาท่นี าเสนอ เนน้ เฉพาะประเดน็ สาคัญส้นั ๆ อา่ น
งา่ ย ได้ใจความชัดเจน ใชป้ ระโยชนเ์ ต็มพ้นื ท่ี แต่ควรเว้น
ชอ่ งว่างตามความเหมาะสมเพอ่ื ให้ดไู ม่อึดอดั จนเกินไป
3.องค์ประกอบของปา้ ยนา่ สนใจด้วยรูปแบบท่สี วยงาม
ใช้สสี ดใส ใชว้ ัสดตุ า่ งๆ
4.ใชแ้ ผนภมู แิ ละรูปภาพประกอบขอ้ ความ เพอื่ ความ
ชัดเจนของเน้ือหา โดยจดั วางใหเ้ หมาะสม ตกแต่งใหต้ ดั
กับพ้นื ปา้ ยนิเทศ เพื่อความสวยและเห็นเด่นชัด

การนาเสนอผลงานด้วยปา้ ยนเิ ทศมีเทคนิคและรูปแบบ
การจดั ปา้ ยนเิ ทศ ดงั น้ี

1.เทคนคิ การจัดปา้ ยนเิ ทศ ประกอบดว้ ย

5.เลือกชนดิ และขนาดของตวั อักษรให้เหมาะสมกับการ
มองเหน็ ไมค่ วรใชช้ นิดของตัวอักษรเกนิ กวา่ 2 ชนิดและ
ไมค่ วรใช้อักษรภาษาอังกฤษทเ่ี ป็นตวั พมิ พ์ใหญ่ทกุ
ตัวอกั ษร เพระทาให้อ่านยากกวา่ ปกติ ถา้ ตอ้ งการเนน้ คา
หรอื ข้อความให้ใช้ตวั หนา
6.ตรวจสอบความถกู ต้องของสาระสาคัญ และตัวสะกด
การนั ต์ไมใ่ ห้ผดิ พลาด

หมายเหตุ : การนาเสนอผลงานด้วยโปสเตอร์หรอื ฟิว
เจอร์บอรด์ ใชเ้ ทคนคิ การจดั ทาแบบเดียวกับปา้ ยนิเทศ

การนาเสนอผลงานดว้ ยป้ายนเิ ทศมเี ทคนิคและรปู แบบ
การจดั ปา้ ยนิเทศ ดังน้ี

2.รูปแบบการจัดปา้ นนเิ ทศ

1.การจดั ภาพแบบหนา้ ตา่ งๆ เป็นการจดั ทเ่ี น้น
รายละเอียดด้วยรปู ภาพขนาดใหญ่เพียงภาพเดยี ว ทาให้
ภาพมีความโดดเดน่ สะดุดตา

2.การจดั ภาพแบบละครสตั ว์ เป็นการจัดภาพทมี่ ลี ักษณะ
เปน็ กลมุ่ ๆ กระจายทัว่ พื้นทเ่ี หมาะสมกบั เน้ือหาที่มหี ลาย
หวั ข้อยอ่ ยแตไ่ ม่ต้องเรยี งลาดับ

3.การจดั ภาพแบบแกน เป็นการจัดภาพทมี่ ีรูปภาพอยู่
ตรงกลางและมีคาอธบิ ายอยู่สองขา้ งซ้ายขวาหรอื
โดยรอบ เหมาะสมกับเน้อื หาทตี่ อ้ งการถ่ายทอดเฉพาะ
จุด

การนาเสนอผลงานด้วยป้ายนเิ ทศมเี ทคนคิ และรูปแบบ
การจัดป้ายนเิ ทศ ดังน้ี

2.รูปแบบการจัดปา้ นนิเทศ

4.การจดั ภาพแบบกรอบภาพ เปน็ การจัดภาพที่
เก่ยี วข้องกับเนื้อหาโดยวางเรียงตอ่ เนือ่ งกนั ลอ้ มรอบเน้อื
หาดเหมอื นกรอบภาพ

5.การจดั ภาพแบบตาราง เปน็ การจดั ภาพไว้ในตาราง
อาจเวน้ ชอ่ งใดชอ่ งหนึ่งหรือขยายภาพใดภาพหนง่ึ
เพ่ือให้เกิดจงั หวะระหวา่ งรปู ภาพ เหมาะกับเนอ้ื หาทม่ี ี
องคป์ ระกอบหลายแงม่ ุมแตไ่ มต่ ้องเรยี นลาดบั

6.การจดั ภาพแบบแถบ เป็นการจดั ภาพและเนอื้ หาเรยี ง
ตามลาดบั ขั้นตอนตั้งแตต่ อนแรกถึงข้นั ตอนสดุ ท้าย
เหมาะสมกบั เนือ้ หาที่เปน็ วธิ ีการหรอื กระบวนการ

การนาเสนอผลงานดว้ ยป้ายนิเทศมีเทคนิคและรูปแบบ
การจดั ปา้ ยนิเทศ ดังนี้

2.รปู แบบการจดั ป้านนิเทศ

7.การจัดภาพแบบแถว เป็นการจัดภาพหรือเหตกุ ารณ์
เรยี งตอ่ เนื่องไปในทศิ ทางเดียวกันอาจโค้งงอไปตาม
จงั หวะทส่ี วยงาม โดยแทรกเนื้อหาตามช่องวา่ งตาม
ความเหมาะสมเหมาะกับเนื้อหาทีม่ กี ารเปล่ยี นแปลงหรือ
พฒั นาไปตามลาดับ

การนาเสนอผลงานด้วย PowerPoint

ปัจจุบันเกอื บทกุ หนว่ ยงานไมว่ ่าจะเปน็ ภาครฐั หรือ
เอกชน ต่างนิยมนาโปรแกรมสาเร็จรปู PowerPoint
มาใชใ้ นการนาเสนอผลงาน เพื่อการนาเสนอผลงานนั้น
ชดั เจน น่าสนใจ PowerPoint จงึ เปรียบเสมือนเพ่อื นท่ี
ขาดไม่ได้ในการนาเสนอผลงาน แตโ่ ปรแกรมนี้มีทั้ง
จดุ เด่นและจดุ ด้อย ดงั นั้น นกั เรียนจึงควรศกึ ษาทาความ
เขา้ ใจการใชโ้ ปรแกรมน้ีใหถ้ อ่ งแท้เสยี ก่อน เพอ่ื จะได้
ประโยชนจ์ ากโปรแกรมนีไ้ ดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ

เทคนิคการใชโ้ ปรแกรม PowerPoint มดี งั นี้

1.เนน้ ความเรยี บง่าย การนาเสนอผลงานด้วยโปรแกรม
PowerPoint ใหม้ ปี ระสิทธิภาพต้องเน้นเรอื่ งความเรียบ
ง่ายแตน่ ่าสนใจ ทาใหเ้ ขา้ ใจเนอื้ หาไดโ้ ดยง่าย เชน่ การ
ใช้แผนภูมิ ใช้กราฟกิ แสดงถงึ สงิ่ ที่กาลังพูด เป็นต้น

เทคนคิ การใช้โปรแกรม PowerPoint มีดงั นี้

ขนาดตัวอักษรไมค่ วรเล็กกว่าตัวอกั ษร Angsana New
ขนาด 32 Point แต่ละหน้าควรมเี นอ้ื หาประมาณ 5-7
บรรทดั สิง่ ทีค่ วรระวังอีกประการหนงึ่ คือ ไม่ควรใสล่ ุก
เล่น หรอื ภาพเคลื่อนไหวมากเกินไปเพราะส่งิ เหลานจ้ี ะ
เบ่ียงเบนความสนใจของผู้ฟงั จนลืมเนอ้ื หาไป

2.ใช้สไลดใ์ หน้ อ้ ยท่สี ุด จุดเด่นของ PowerPoint คือ
การนาเสนอแนวความคดิ อยา่ งกระชบั ไม่เยน่ิ เยอ้ ดังนั้น
การนาเสนอไมค่ วรใสร่ ปู ภาพหรือตัวเลขต่างๆ มาก
เกินไป หากจาเป็นตอ้ งมีการชแี้ จงควรทาเปน็ เอกสาร
แจกให้ผู้ฟังภายหลงั จบการบรรยาย

เทคนิคการใชโ้ ปรแกรม PowerPoint มีดงั น้ี

3.ไม่ควรอา่ นขอ้ ความสไลด์ การตงั้ หนา้ ตงั้ ตาอา่ น
ขอ้ ความทเี่ ขียนไวบ้ นแผ่นสไลด์เพยี งอย่างเดยี วจะทาให้
การนาเสนอนั้นน่าเบ่ือ การใช้ PowerPoint ให้ไดผ้ ลดี
ควรมีการพูดขยายความจากสไลดแ์ ละแสดงความสนใจ
ผ้ฟู ังดว้ ยการสบตาผฟู้ ังใหท้ ว่ั

4.นาเสนอแต่ละสไลด์อย่างเหมาะสม ดว้ ยการเปลย่ี น
สไลดแ์ ผน่ ใหมแ่ ลว้ ควรรอสกั ครเู่ พอ่ื ให้ผ้ฟู งั อา่ นทา
ความเข้าใจขอ้ ความในสไลด์ จากนั้นคอ่ ยพูดขยาย
ขอ้ ความน้นั ไม่ควรพูดไปพร้อมๆ กบั เสนอสไลด์

เทคนิคการใชโ้ ปรแกรม PowerPoint มีดังน้ี

5.พักหน้าจอสไลดบ์ า้ ง PowerPoint เปน็ สือ่ ทใี่ ช้
ประกอบการพูดอธบิ าย เพือ่ ให้การใช้ส่อื ชนดิ นเ้ี กดิ
ประโยชน์สงู สดุ ควรปล่อยให้หนา้ จดว่างบา้ ง เพ่ือใหผ้ ฟู้ งั
ไดพ้ ักสายตา ได้ทบทวนสิง่ ทีพ่ ่ึงซกั ถามข้อขอ้ งใจกบั ผู้
พดู หรือกบั ผู้ฟังด้วยกนั หรือผู้พดุ ใชโ้ อกาสนีด้ ึงความ
สนใจของผู้ฟงั ให้กลบั มา

6.เลือกใช้สสี ันทส่ี ดใส การใชส้ ที ี่ตัดกันระหว่างพน้ื หลงั
กบั ข้อความหรือกราฟกิ จะชว่ ยเพ่มิ ความน่าสนใจและ
สร้างความรู้สกึ ของผู้ฟังได้อยา่ งดี โดยทว่ั ไปมกั ใช้สพี ้ืน
หลงั เปน็ สอี ่อนและตวั อกั ษรเปน็ สเี ขม้

เทคนิคการใช้โปรแกรม PowerPoint มดี งั นี้

7.เลอื กใชภ้ าพและกราฟกิ จากทอี่ นื่ ๆ บา้ ง เพือ่ เพม่ิ ความ
หลากหลายในการใช้ลูกเล่นใหน้ า่ สนใจ น่าตดิ ตาม เช่น
การนาเสนอผลการดาเนนิ โครงการ อาจถ่ายภาพหรอื
วดี โี อขระที่นกั เรียนกาลังปฏิบัตหิ นา้ ทต่ี ามโครงการ แลว้
นาภาพน้ันเขา้ มาแทรกในหัวขอ้ การดาเนนิ งาน ก่อนทีจ่ ะ
อธิบายเพ่มิ เติมเปน็ ต้น

8.สรุปปิดสไลด์สดุ ทา้ ย ผู้พดู ตอ้ งวางแผนการนาเสนอให้
ดี อย่าให้ PowerPoint เด่นกวา่ เนือ้ หาสาระทพี่ ูด ต้อง
จาไวเ้ สมอว่าโปรแกรมนี้เปน็ เพียงเครื่องมอื ของการ
นาเสนอวา่ โปรแกรมนีเ้ ป็นเพยี งเครอ่ื งมือของการ
นาเสนอเท่านั้น อยา่ ใหผ้ ้ฟู งั สนใจดู PowerPoint
มากกว่าฟงั คาบรรยาย

เทคนคิ การใชโ้ ปรแกรม PowerPoint มดี ังน้ี

9.แจกเอกสารประกอบหลังจากนาเสนอเสรจ็ การแจก
เอกสารประกอบระหวา่ งการนาเสนออาจทาให้ผู้ฟงั หัน
ไปสนใจเอกสารมากกวา่ การฟังคาบรรยาย ซ่งึ จะทาให้
พลาดการฟงั เน้อื หาสาคญั ไปดงั นน้ั จึงควรแจกเอกสาร
ประกอบการนาเสนอหลงั จากทไ่ี ด้

10.ตรวจสอบความถูกต้อง หลงั จากไดส้ ร้างสไลด์การ
นาเสนอเสรจ็ แลว้ ตอ้ งตรวจสอบความถูกต้องของ
ถ้อยคาภาษา ขนาดตัวอกั ษร สสี นั และลกุ เลน่ ตา่ งๆ ว่า
เหมาะสมหรือไม่ หากมขี อ้ บกพรอ่ งต้องแก้ไขใหถ้ ูกตอ้ ง
เหมาะสมและนา่ สนใจ ก่อนนาไปใชจ้ ริง

ในปจั จุบนั นอกจากการใช้โปรแกรม PowerPoint แลว้
ยงั มีโปรแกรมอื่นๆ อีก ทช่ี ว่ ยให้การนาเสนอผลงาน
น่าสนใจ เชน่ โปรแกรม PowerPoint โปรแกรม UIead

การบรรยาย

การบรรยาย เปน็ การพูดถงึ รายละเอยี ดเร่อื งใด
เรือ่ งหนึง่ ใหผ้ ฟู้ งั เขา้ ใจ ตอ้ งถ่ายทอดความรใู้ ห้ชดั เจน
เป็นการสอ่ื สารทางเดียว มลี ักษณะเป็นการอบรมหรือสงั่
สอนแบบเป็นพิธีการเพ่ือต้องการใหผ้ ู้ฟงั คลอ้ ยตาม

ในการบรรยาย ผู้พดู แต่ละคนจะมเี ทคนคิ ในการ
บรรยายไมเ่ หมอื นกัน สาหรบั แนวทางการบรรยายของ
สถาบนั การพูด

การกาหนดประเดน็ การบรรยาย ในการบรรยายแตล่ ะ
ครงั้ ควรกาหนดประเดน็ ไว้ ได้แก่

1.การกลา่ วนาหรอื อารัมภบท เป็นการกล่าวถงึ เร่ือง
ทว่ั ๆไป ไปเกีย่ วกบั เรอื่ งท่บี รรยายกอ่ นเป็นการปพู นื้ ฐาน
เพื่อสรา้ งความสาคัญหรอื กระตนุ้ ผฟู้ งั ใหส้ นใจ

การบรรยาย

2.กาหนดความหมายหรอื คาจากดั ความของเรือ่ งทจ่ี ะ
บรรยาย เพื่อให้ผฟู้ งั ได้ทราบจดุ มุง่ หมายหรือขอบเขต
ของการบรรยายวา่ แคบหรอื กวา้ งเพยี งใด ผฟู้ ังจะดไ้ ม่
คิดออกนอกแนวการบรรยาย

3.กาหนดหลกั การหรือข้อให้วา่ มรกข่ี อ้

4.การบรรยายเนื้อวามจากหลักใหญ่หรอื จากทฤษฎีไปสู่
หลักย่อย

5.อธบิ ายหลกั ย่อยโดยขยายความให้ละเอยี ดยง่ิ ขึน้
พร้อมตัวอยา่ ง อุปมา อุทาหรณ์ข้อวจิ ยั ตัวเลข สถิติ ให้
มากเท่าทเี่ วลาอานวย

การบรรยาย

6.ก่อนจบการบรรยาย จะต้องมีการกลา่ วสรปุ หรอื บท
ทบทวนคาบรรยายทเ่ี ป็นหลักสาคัญหอื ขอ้ ท่ีนา่ ประทบั ใจ
ผู้ฟัง

แนวการบรรยาย มีหลกั ท่ีควรปฏบิ ัติดงั นี้

1.สรรพนานทีใ่ ชต้ อ้ งไม่ทาให้ผู้ฟงั เกดิ ความรูส้ กึ ว่าเปน็
การแบง่ ชน้ั วรรณะ
2.หลักเลี่ยงการพดู ทานองสง่ั สอนหรืออบรม ทั้งถอ้ ยคา
และอาการ
3.ไม่เนน้ หลกั การหรอื ทฤษฎีของผบู้ รรยายวา่ ดีทสี่ ุดหรือ
ถกู ท่ีสุด ปลอ่ ยให้ผู้ฟงั ใชว้ ิจารณญาณเองว่าถูกต้อง หรือ
ดี ไม่ดอี ย่างไร
4.ไมพ่ ูดเชิงบงั คับหรอื สร้างมาตรการวา่ ต้องอยา่ งง้ัน
ตอ้ งอยา่ งนี้
5.ไมใ่ ชถ้ ้อยคาสานวนเชงิ ทา้ ทายใหซ้ กั ถามหรอื ทา้ ให้
พิสูจน์

แนวการบรรยาย มหี ลกั ทีค่ วรปฏิบัติดังนี้

6.อธบิ ายด้วยข้อความหรอื ประโยคส้นั ๆ เขา้ ใจงา่ ย
หลีกเล่ยี งการใช้ประโยคยาวๆ
7.เน้นหรอื ย้าสาระสาคัญใหเ้ ดน่ ชัด สว่ นประกอบ ให้พูด
ผ่านไปด้วยความรวดเรว็
8.บรรยายถอ้ ยคาท่ีทาใหผ้ ู้ฟงั เกดิ ความคิด ความรู้สึก
รวมทั้งการตดสินใจเองวา่ ดีหรอื ไม่
9.หลีกเลยี่ งการบรรยายด้วยอาการเครยี ดหรือกระด้าง
10.แทรกอารมณข์ ันตามจังหวะอนั ควร

การบรรยายสรปุ

ความหมายของการบรรยายสรปุ : หมายถึง ยอ่ เอา
เฉพาะในความสาคญั ของเร่อื งเป็นประเด็นๆ ไป
ประเด็นย่อๆ ของเรอ่ื ง

วัตถปุ ระสงค์ของการบรรยายสรปุ

1.เพ่อื ใหข้ ้อมลู ข่าวสาร คือ การบรรยายทมี่ ีจุดประสงค์
เพอื่ นาเสนอขอ้ เทจ็ จรงิ ของขอ้ มูลข่าวสารหรือ
สถานการณต์ ่างๆ แก่ผรู้ บั สาร การบรรยายสรุปแบบนี้ใช้
เป็นการบรรยายเบ้ืองตน้ กอ่ นการบรรยายสรุปแบบอน่ื ๆ
2.เพ่ือการตดั สินใจ คือ การบรรยายทีใ่ หข้ อ้ มลู ทค่ี ่อนขา้ ง
ละเอียดแก่ผู้รบั สาร เพื่อให้ผรู้ ับสารนาขอ้ มูลที่ไดไ้ ปใช้
ประกอบการตัดสนิ ใจในเรอ่ื งใดเรื่องหน่งึ
3.เพ่ือการดาเนินงานของคณะทางาน คอื การบรรยาย
แลกเปล่ียนข้อมูลขา่ วสารเก่ยี วกบั งานที่ปฏิบัตขิ อง
คณะทางาน เพ่ือนาเสนอผูบ้ งั คบั บัญชาใช้ตัดสินใจส่งั
การให้งานทปี่ ฏบิ ัตมิ เี อกภาพ
4.เพื่อให้นโยบาย คือ การบรรยายท่เี กดิ ข้ึนจาก
ผูบ้ ังคบั บัญชาหรอื หวั หน้างานต้องการแจง้ นโยบายหรอื
จดุ มุ่งหมายตา่ งๆ ของงานท่ีจะปฏิบัติ ให้คณะทางานเขา
ใจตรงกัน ก่อนลงมือปฏบิ ัตงิ านจริง

วตั ถปุ ระสงค์ของการบรรยายสรุป

5.เพ่ือบรรยายสรุปในการประชุม คอื การบรรยายท่ี
ผ้บู ังคบั บญั ชาให้แนวทางหรอื นโยบายการทางาน แก่
ผู้ใต้บงั คับบญั ชา เป็นการรวมกนั ของการบรรยายสรุป
เพ่อื ดาเนินงานและเพอ่ื ให้มีนโยบาย

ประโยชน์ของการบรรยายสรปุ

1.เป็นการประหยดั เวลาในการทาความเขา้ ใจเนื้อหา
สาระทีย่ าวและยากในเวลาอนั ส้ัน
2.ทาให้ทุกคนทฟ่ี งั การบรรยายสรปุ เขา้ ใจตรงกนั
3.ทาใหป้ ฏิบัตงิ านไดต้ ามวัตถุประสงค์
4.เปน็ เครอื่ งมือในการประชาสมั พันธ์หนว่ ยงาน
5.ผ้บู รรยายสรปุ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเรอ่ื งทีบ่ รรยาย
สรา้ งความมั่นใจให้กบั ตนเอง ละสรา้ งความศรัทธาแก่
ผ้ฟู ังคาบรรยาย

วิธเี ตรียมการบรรยายสรปุ

1.กาหนดวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายการบรรยายสรุป
2.วิเคราะหผ์ รู้ บั สาร เชน่ เปน็ ใคร มีหนา้ ทกี่ ารงานอะไร
ต้องการขอ้ มูลไปใชท้ าอะไร เพือ่ จะไดเ้ ตรียมขอ้ มูลได้
ถกู ตอ้ ง
3.จัดทาเค้าโครงหวั ข้อการบรรยาย จะบรรยายหวั ข้อ
ไหนก่อนหลงั
4.เรียบเรียงเนอ้ื หาการบรรยายตามเคา้ โครงหัวขอ้ ที่
กาหนดไว้
5.จัดเตรียมเอกสาร สอ่ื ต่างๆ เพอื่ ใช้ประกอบการ
บรรยายสรุป

ขนั้ ตอนการบรรยายสรปุ

1.กล่าวทักทายผูร้ บั สารตามธรรมเนยี มนยิ ม
2.กลา่ วแนะนาตนเองพรอ้ มผูร้ ่วมงาน (ถ้าม)ี
3.บอกหัวขอ้ เรอ่ื งท่จี ะบรรยายสรปุ และวัตถปุ ระสงคข์ อง
การบรรยาย
4.บรรยายสรุป ตามลาดบั ดว้ ยความมัน่ ใจ
5.ใช้ส่ือประกอบการบรรยาย เพอื่ กระตนุ้ ความสนใจ
เช่น โสตทัศนูปกรณต์ า่ งๆ แผนภูมิของจริง ของจาลอง
6.เปิดโอกาสใหผ้ ู้ฟังถามขอ้ สงสยั
7.จบดว้ ยการกล่าวขอบคณุ ผูร้ บั สาร

รูปแบบการบรรยาย

การบรรยายสรุปมีหลากหลายรปู แบบ จะเป็น
แบบใดขึน้ อยูก่ บั โอกาสและวตั ถปุ ระสงคใ์ นการบรรยาย
เชน่

1.บรรยายสรปุ สภาพหน่วยงาน เมื่อมผี ูม้ าตรวจเย่ียม
หรอื มแี ขกผู้มีเกยี รติมาเยยี่ มชมหน่วยงาน ควรบรรยาย
ถึงเร่อื งต่อไปนี้

1.กล่าวถงึ ประวตั ิความเปน็ มาของหนว่ ยงาน
2.สภาพท่ตี ัง้
3.โครงสรา้ งขององคก์ รตามลาดับขน้ั ข้อมูล
บุคลากร
4.สภาพการดาเนินงานในปจั จบุ ันของ
หนว่ ยงาน
5.สภาพปัญหาและแนวทางแกไ้ ขพร้อมขอ้ ดี
ขอ้ เสีย
6.แผนการดาเนินงานในอนาคต

รปู แบบการบรรยาย

2.บรรยายสรปุ การเสนอโครงการ เมอ่ื ตอ้ งเสนอโครงการ
เพ่อื ขออนุญาตหรือของบประมาณ ควรบรรยายสรปุ ใน
หวั ข้อต่อไปน้ี

1.ชอื่ โครงการ
2.ผูร้ ับผดิ ชอบโครงการ
3.ความสาคัญหรอื หลักการและเหตุผล
4.วัตถปุ ระสงค์
5.วิธดี าเนินงาน
6.วนั เวลา สถานท่ี
7.งบประมาณ
8.ประโยชน์ที่จะได้รับ

รูปแบบการบรรยาย

3.บรรยายสรุปงานวิจัย เมอื่ ทาวิจยั เสรจ็ ผ้วู จิ ยั ต้อง
เผยแพร่ผลการวจิ ยั นนั้ ต่อผู้เกย่ี วขอ้ งและผสู้ นใจทว่ั ไป
หวั ขอ้ ท่ีควรนาเสนอมีดังน้ี

1.ช่ืองานวจิ ัย
2.วัตถปุ ระสงค์
3.วิธกี ารศึกษาคน้ ควา้
4.ผลทไ่ี ด้รบั จากการศกึ ษาค้นควา้
5.ประโยชน์ท่ีได้รับจากการศกึ ษาคน้ ควา้
6.ขอ้ เสนอแนะ

รูปแบบการบรรยาย

4.บรรยายสรปุ ผลการปฏบิ ัตงิ าน เมอื่ ไดร้ บั มอบหมายให้
ปฏบิ ัติงานในเรือ่ งใดเรอ่ื งหน่ึงเมื่อดาเนนิ งานไปได้ระยะ
หนงึ่ อาจต้องรายงานผลการปฏบิ ตั งิ านตอ่ ผู้เกี่ยวขอ้ ง
ทราบเปน็ ระยะ และเม่ือเสรจ็ สน้ิ ก็ตอ้ งรายงานผลสาเรจ็
ของงานอกี ครั้งหนึง่ หวั ข้อการนาเสนอมดี ังน้ี

1.นาเสนอทม่ี าของงาน เชน่ ชื่องาน
วตั ถปุ ระสงค์

2.วิธีดาเนินงาน
3.ระยะเวลาดาเนินงาน
4.ผลการปฏิบัติงาน
5.ปญั หาหรืออุปสรรค และวธิ กี ารแกไ้ ข (ถา้ ม)ี
6.เป้าหมายตอ่ ไปของการปฏบิ ตั ิงาน
7.ผลที่คาดวา่ จะไดร้ ับ


Click to View FlipBook Version