The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by warinphon.chi, 2019-11-01 23:21:07

หลักการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

หลักการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

หลกั การปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
เศรษฐกจิ พอเพียง เป็นปรัญญาท่ีพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ย
เดชทรงมพี ระราชดารสั ชี้แนะแนวทางการดาเนนิ ชีวิตของพสกนกิ รชาวไทยเศรษฐกจิ
พอเพียง (Sufficiency Economy) เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิ
พลอดลุ ยเดชทรงชี้แนะแนวทางการดารงชีวิตและปฏบิ ัตติ นของประชาชนทุกระดบั
ตง้ั แตร่ ะดบั ครอบครวั ระดับชุมชน จนถงึ ระดบั รฐั ท้ังในการพฒั นาและบริหารประเทศ
ให้ดาเนินไปในทางสายกลางโดยเฉพาะการพฒั นาเศรษฐกจิ เพอ่ื ให้ทันต่อยุคโลกาภิวตั น์
ความพอเพยี ง หมายถงึ ความพอประมาณ ความมเี หตผุ ล รวมถงึ ความจาเปน็ ทจ่ี ะต้องมี
ระบบภมู คิ ุ้มกันในตัวทดี่ พี อสมควร ต่อการมผี ลกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปล่ยี นแปลง
ทง้ั ภายนอกและภายในทงั้ น้ีจะต้องอาศยั ความรอบรูค้ วามรอบคอบและความระมัดระวัง
อยา่ งยิง่ ในการนาวิชาการตา่ งๆมาใชใ้ นการวางแผนและการดาเนินการทุกขั้นตอน และ
จะตอ้ งเสริมสร้างพน้ื ฐานจิตใจของคนโนชาดีโดยเฉพาะเจ้าหนา้ ทข่ี องรฐั นักทฤษฎี และ
นกั ธุรกิจทกุ ระดบั ให้มสี านึกในคณุ ธรรม ความชอ่ื สัตยส์ ุจรติ และใหม้ ีความรอบรทู้ ี่
เหมาะสมดาเนินชวี ิตดว้ ยควมอดทนความเพยี รมสี ตปิ ัญญาและความรอบคอบ
เพ่อื ใหส้ มดลุ และพรอ้ มตอ่ การรองรบั การเปลย่ี นแปลงอยา่ งรวดเรว็ และกว้างขวางทง้ั
ด้านวตั ถุ สงั คมสิ่งแวดลอ้ ม และวฒั นธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอยา่ งดี
กลา่ วโดยสรปุ ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งเปน็ หลักคิดและหลกั ปฏบิ ัติในการ
ดาเนินชวี ิตเพ่อื นาไปสคู่ วามพอเพยี ง เป็นปรัชญาท่ชี ี้ถึงแนวทางการดารงอยู่และปฏิบัติ
ตนของคนไทย สงั คมไทยเพอ่ื ใหก้ า้ วทนั ต่อยคุ โลกาภวิ ตั น์ เพ่อื ให้เกิดความก้าวหนา้ ไป
พร้อมกบั ความสมดลุ และพรอ้ มรบั ตอ่ การเปลย่ี นแปลงอยา่ งรวดเรว็ และกว้างขวางทัง้
ดา้ นวตั ถุ ดา้ นสงั คม ดา้ นส่งิ แวดลอ้ ม และด้านวัฒนธรรม ถ้าใชห้ ลักความพอเพยี งเปน็
หลักคดิ และหลกั ปฏิบัตใิ นการดาเนินชีวติ กส็ ามารถอยู่ไดอ้ ยา่ งร้เู ทา่ ทนั การเปลี่ยนแปลง
ตา่ งๆ ปรบั ตัวและพรอ้ มรบั ตอ่ การเปลย่ี นแปลงได้
เศรษฐกิจพอเพียง 3 หว่ ง 2 เง่อื นไข
ประกอบด้วย คณุ ลกั ษณะ 3 ประการท่เี ปน็ ห่วงประสานกนั เพ่ือนาไปส่กู ารปฏบิ ัติ และ
เงื่อนไข 2 ประการ เพอ่ื การตดั สนิ ใจและดาเนนิ กิจกรรมตา่ งๆให้อยู่ในระดบั พอเพยี ง
คุณลกั ษณะ3ประการทเี่ ปน็ หว่ งประสานเพอ่ื นาไปสู่การปฏบิ ตั มิ ดี ังน้ี
1.ความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดไี มน่ ้อยเกินไปหรอื มากเกนิ ไป ไม่เบียดเบยี น

ตนเองและผอู้ น่ื เชน่ การผลิตและการบรโิ ภคอยู่ในระดบั พอประมาณ
ความมเี หตุผล หมายถึงการตัดสนิ ใจเกยี่ วกับระดับของความพอเพยี งนน้ั จะต้องเป็นไป
2. ความมเี หตผุ ล โดยพจิ รณาจกเหตปุ ัจจัยท่เี กย่ี วข้องตลอดจนคานึงถงึ ผลทค่ี าดวา่ จะ
เกดิ ข้นึ จากการกระทานน้ั ๆ อยา่ งรอบคอบ
3.การมภี ูมคิ ้มุ กันท่ดี ีในตัว หมายถงึ การเตรียมตวั ใหพ้ ร้อมรบั ผลกระทบ และ
การเปล่ยี นแปลง ท่ีจะกดิ ข้นึ โดยคานงึ ถึงความเป็นไปไดข้ องสถานการณ์ต่างๆ ทค่ี าดวา่
จะเกดิ ขน้ึ ในอนาคตทง้ั ใกล้และไกลเงือ่ นไข 2 ประการเพอื่ การตดั สินใจและการดาเนนิ
กิจกรรมตา่ งๆ ให้อยใู่ นระดับพอเพยี งซึ่งตอ้ งอาศัยความรู้ และคณุ ธรรมเปน็ พ้ืนฐาน ดงั นี้

เง่ือนไขความรู้ ประกอบดว้ ย
1.ความรอบรูเ้ ก่ียวกับวชิ าการตา่ งๆ ท่เี กย่ี วขอ้ งอย่างรอบด้าน
ความรอบคอบทจ่ี ะนาความรเู้ หลา่ นน้ั มาพจิ ารณาให้เชื่อมโยงกัน เพอื่ ประกอบ
การวางแผนแสะความระมัดระวังในข้นั ปฏบิ ัติ
2.เง่ือนไขคณุ รรมคุณรมทจ่ี ะตอ้ งเสรมิ สรา้ งประกอบดว้ ยมคี วามตระหนกั ในคณุ ธรม
มคี วามซอื่ สัตจริต มีความขยันและอดทน มีความเพียร มีน้าใจเออ้ื เฟ้อื แบ่งปัน และใช้
สติปัญญานอกจากคุณลกั ษณะ3ประการและเงอ่ื นไข2ประการแล้วเศรษฐกจิ พอเพยี งยงั
มอี งค์ประกอบในการดาเนินชีวติ สาคญั อื่นๆอกี ได้แก่พงึ่ พาตนเอง เดนิ ทางสายกลางมี
ภูมคิ มุ้ กัน มเี หตผุ ล เปน็ คนดี และรรู้ ักสามัคคี ในที่นี้ขอยกตัวอย่างหลักการพึง่ พาตนองที่
เป็นองค์ประกอบสาคญั ซงึ่ ควรนาไปปฏิบตั ิใหเ้ กิดประสิทธผิ ล ดังรายละเอียดตอ่ ไปนี้

หลกั การพ่ึงพาตนเอง
พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ รมหาภมู ิพลอดุลยเดขมีพระบรมราโชวาทและพระราชดารสั
เกย่ี วกบั การพ่ึงพาตนเอง ดงั น้ี
1.พง่ึ ตนเองทางจิตใจหมายถงึ การเปน็ ผ้ทู ่มี จี ิตใจเขม้ แข็งผเชิญกับปญั หาและอปุ สรรคท่ี
เกดิ ขนึ้ ดว้ ยความสุจริตแม้บางครัง้ อาจไม่ประสบความสาเร็จบ้างกไ็ มท่ อ้ ถอย
2. พึง่ ตนเองทางสังคม หมายถงึ การสรา้ งชมุ ชนหรอื สงั คมด้วยการช่วยเหลือเกือ้ กูลกัน
การทาหนา้ ทท่ี กุ อยา่ งอยา่ งเตม็ ที่ เพอ่ื ให้งานรุดหนา้ ไปพร้อมเพรยี งกัน
3. พง่ึ ตนเองทางทรัพยากรธรรมชาติ หมายถงึ การส่งเสริมความสามารถของผคู้ นใน
ท้องถิน่ ในการแสวงหาทรพั ยากรธรรมชาติในท้องถิน่ ให้เกิดประโยชนส์ ูงสุด

4.พงึ่ พาตนเองทางเทคโนโลยี หมายถึง การสง่ เสรมิ ใหม้ กี ารศึกษาทดลอง และทดสอบ
เพ่อื ใหไ้ ด้เทคโนโลยีใหมๆ่ และสามารถนามาใชไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม
5.พ่ึงตนเองทางเศรษฐกิจ หมายถงึ สามารถอยไู่ ด้ดว้ ยตนเองในระดับเบอ้ื งตัน แมไ้ มม่ ี
เงนิ กย็ ังคงดารงชีวิตยไู่ ดด้ ว้ ยทรพั ยากรในทอ้ งถนิ่ เชน่ เลยี้ งปลาปลกู ผกั ผลไม้เพ่อื การยงั
ชีพ และนอกจากน้ียงั สามารถนาไปสูก่ ารพัฒนาเศรษฐกิจตอ่ ไป

ความสาคญั และประโยขนข์ องเศรษฐกิจพอเพยี ง
เศรษฐกิจพอเพยี งเปน็ แนทางการแกไ้ ขเพอื่ ใหป้ ระชาชนในประเทศไทยสามารถ
ดารงชวี ิตอยู่ไดอ้ ยา่ งยง่ั ยืนภายใต้กระแสโลกาภวิ ตั น์และความเปล่ียนแปลงทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ ใน
ทกุ ด้าน ดงั นนั้ จงึ เน้นการปฏบิ ัติทไ่ี มป่ ระมาท กลา่ วคอื นน้ ให้ดาเนินชีวิตบนทางสาย
กลาง กค็ ือ ความพอเหมาะพอดี ดังรายละเอียดน้ี
1.ความพอมีพอกิน เชน่ ปลกู พืชสวนครวั เอง ปลูกไมผ้ ล ซง่ึ เปน็ ความพอเพยี งท่จี ะมีไว้
รบั ประทานกนั ภายในครัวเรือน ถา้ เหลอื ก็นาไปขายได้
2.ความพออยพู่ อใช้ เชน่ ทาให้บา้ นน่อยปู่ ราศจากสารเคมี กลิน่ เหมน็ ใช้แตข่ องทเี่ ป็น
ธรรมชาติ (ใชจ้ ุลินทรยี ผ์ สมนา้ ถูพ้ืนบา้ นจะสะอาดกวา่ ใชน้ า้ ยาเคม)ี รายจ่ายลดลง
สุขภาพจะดขี นึ้ ทาใหป้ ระหยัดคา่ รักษาพยาบาลอีกดว้ ย
3.ความพอใจ ทุกคนต้องรูจ้ กั พอ ร้จู กั ประมาณตน มใคร่อยากใครม่ เี ชน่ ผ้อู ืน่ เพราะ
อาจจะหลงตดิ กับวตั ถุทาให้ปัญญาไมเ่ กิดดังพะรชดารสั ของพระบาทสมเดจ็ พะปรมินทร
มหาภูมพิ ลอดลุ ยเดชทว่ี า่ "การจะเป็นเสือนัน้ มนั ไมส่ าคัญสาคัญอยทู่ ีเ่ ราพออยพู่ อกนิ
และมเี ศรษฐกจิ การเป็นอย่แู บบพอมีพอกิน แบบพอมีพอกิน หมายความว่าอมุ้ ชตู วั เองได้
ใหม้ ีพอเพยี งกบั ตวั เอง"

ประโยชนข์ องเศรษฐกิจพอเพยี ง
1.ใหป้ ระชาชนพออยู่พอกนิ สมควรแกอ่ ตั ภาพในระดับที่ประหยัดไม่อดอยากและเลีย้ ง
ตนเองไดต้ ามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
2. ประชาชนสามารถนาน้าท่กี ักเก็บไว้ มาใชใ้ นหน้าแลง้ ท่ีมนี า้ น้อย เพอื่ ปลูกพืชผักต่างๆ
โดยไม่ตอ้ งเบยี ดเบยี นชลประทาน
3.ทฤษฎีใหม่สามารถสรา้ งรายได้ไห้กบั ประขาชนในปที ฝ่ี นตกตามฤดกู าลโดยมีนา้ ใชไ้ ด้
ตลอดปี

4.ในกรณที ่ีเกิดอทุ กภยั ก็สมารถทจ่ี ะฟื้นตวั และชว่ ยตนเองไดใ้ นระดับหนึง่ โดยทาง
ราชการไม่ตอ้ งช่วยเหลอื มากเกนิ ไป อนั เป็นการประหยดั งบประมาณดว้ ย

การสร้างขบวนการขับเคลื่อนเศรษฐกจิ พอเพยี ง
พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดขทรงวางหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี งไวน้ าน
กวา่ 30 บโี ดยได้ทรงมพี ระบรมราโชวาท เนอ่ื งในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบัตร เมอ่ื วันท่ี
19 กรกฏาคม 2517ณ'หอประชมุ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์บางเขน ดงั ข้อความตอน
หนึง่ วา่ ..."..ในการพัฒนาประเทศน้ันจาเป็นต้องทาตามลาดับข้นั เร่มิ ด้วยการสร้างพื้นฐาน
คือ ความมีกนิ มใี ชข้ องประชาชนกอ่ นดว้ ยวิธีการที่ประหยัดระมัดระวงั แตถ่ กู ต้องตาม
หลกั วิชา เมื่อพนื้ ฐานเกดิ ขนึ้ มนั่ คงพอควรแล้วจงึ ค่อยสรา้ งความเจรญิ ขนั้ ทสี่ ูงขนึ้ ไป
ตามลาดบั ..การถือหลกั ทจ่ี ะส่งเสริมความเจรญิ ให้ค่อยเปน็ ไปตามลาดบั ด้วยความ
รอบคอบระมดั ระวงั และประหยดั นั้นก็เพอื่ ป้องกันความผดิ พลาดล้มเหลวและเพอ่ื ให้
บรรลผุ ลสาเร็จได้แนน่ อนบริบรู ณ.์ ...นับตง้ั แต่ปี 2557 เป็นตันมา พระองค์ท่านทรงนนั ยา้
ทางการพฒั นาทอี่ ยบู่ นพ้นื ฐานของการพ่งึ พาตนเอง ความพอมีพอกนิ พอมพี อใช้ การ
รู้จกั ความพอประมาณ การคานงึ ถงึ ความมีเหตผุ ลการสร้างภมู ิคมุ้ กันทด่ี ีในตัว และทรง
เตือนสติประชาชนคนไทยไมใ่ หป้ ระมาท ตระหนักถึงการพัฒนาตามลาดบั ขัน้ ตอนตาม
หลักวีชาการตลอดจนมคี ณุ ธรมเปน็ กรอบในการดารงชวี ติ ซึง่ ทั้งหมดนีเ้ ปน็ ทร่ี ูจ้ กั
ภายใต้ชื่อ "เศรษฐกิจพอเพยี ง"การสร้างขบวนการขับเคลอ่ื นเศรษฐกิจพอเพยี ง มี
เปา้ หมายหลกั เพอ่ื สรา้ งกระแสสงั คมใหน้ าเศรษฐกิจพอเพยี งไปใชเ้ ปีนกรอบความคิดหรอื
สว่ นหนึ่งของวถิ ีชวี ติ ในหมู่ประชาชนทกุ ภาคสว่ นและทกุ ระดบั โดยมีวัตถุประสงคเ์ พอื่
สร้างความรคู้ วามเขา้ ใจทถี่ ูกตอ้ งเกี่ยวกบั หลกั เศรษฐกจิ พอเพียง สนบั สนุน
ประชาชนทกุ ภาคสว่ นและทกุ ระดบั ใหน้ าหลักปรชั ญาฯ ไปประยกใชใ้ นลักษณะท่ี
สอดคล้องกับหน้ท่ีและบทบาทของแต่ละบคุ คลได้เหมาะสม และนาไปสูก่ ารปลกู ฝัง
ปรบั เปลย่ี นจติ สานึกและกระบวนทศั นในการดารงชวี ิตตามแนวทางเศรษฐกจิ พอเพยี ง
ตลอดจนนาไปส่กู ารปรบั ระบบและโครงสรา้ งการพฒั นใหอ้ ยบู่ นพืน้ ฐานของศรษฐกจิ
พอเพียงท้ังน้ีในการขับเคลือ่ นจะดาเนินการอยา่ งเปน็ ข้นั ตอนและชดั เจนเพือ่ ใหบ้ รรลุ
วตั ถปุ ระสงคข์ า้ งตันจะมีขอบเขตการดาเนนิ งาน4 แผนงานควบคู่กนั ไปดังน้ี

1.แผนงานเชอ่ื มโยงเครอื ขา่ ยเรียนรูเ้ กย่ี วกับเศรษฐกิจพอเพียง โดยสรา้ งแกนกลางในการ
ขบั เคลอื่ นเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อทาหนา้ ทข่ี ยายเชอื่ มโยงและพัฒนาเครอื ขา่ ยแห่งการ
เรยี นรเู้ กยี่ วกับเศรษฐกจิ พอเพยี ง สนบั สนนุ ความรว่ มมือระหว่างเครอื ขา่ ยให้มีโอกาส
แลกเปลยี่ นประสบการณ์และความรรู้ ่วมกัน เพอื่ ใหส้ ามารถเผยแพรใหป้ ระขาชน
ในภาคสว่ นต่างๆ นาเศรษฐกิจพอเพยี งไปประยคุ ใช้และขยายผลได้อยา่ งตอ่ เน่อื ง
แผนงานพฒั นวชิ าการและสง่ เสรมิ การศกึ ษาวิจยั โดยพฒั นาองคค์ วามรูเ้ ก่ยี วกับเศรษฐกิจ
2.พอเพียงในด้านตา่ งๆ ทช่ี ้ีให้เห็นแนวทางวิธกี ารตลอดจนประโยชนท์ ่จี ะเกิดข้นึ จากการ
ใชเ้ ศรษฐกจิ พอเพยี งเปน็ พนื้ ฐานในการดาเนินชีวติ การพัฒนาวชิ าการจะเนน้ การวจิ ยั เชิง
นโยบายเพอื่ ให้มีแนวทางเลอื กในกาพัฒนาท่ีอยบู่ นพนื้ ฐานของเศรษฐกจิ พอเพยี งการ
วจิ ยั เชงิ ปฏบิ ตั ิการแบบมสี ว่ นรว่ มในพนื้ ที่ และการสรา้ งระบบเตอื นภยั เศรษฐกจิ พอเพียง
เพอ่ื สรา้ งภมู คิ มุ้ กันทีด่ ใี นสังคมแผนงานสรา้ งหลักสตู รและกระบวนการเรียนรู้ โดยสรา้ ง
รปู แบบของกระบวนการเรยี น
3.รทู้ หี่ ลากหลายและเหมาะสมกับกลุ่มเปา้ หมายตง่ ๆ เช่น ผู้บรหิ าร ผูน้ าชมุ ชน วทิ ยากร
กระบวนการครู ขา้ ราชการ ทหาร ตารวจ นกั การเมอื ง ใหม้ โี อกาสไตรต่ รองและเรยี นรู้
จากการปฏิบัติ จนสามารถตระหนกั ถึงประโยชนท์ ี่จะไดร้ บั จากการนาหลักเศรษฐกิจ
พอเพยี งไปใช้แลว้ เกดิ การปรบั เปลย่ี นกระบวนทัศน์นอ้ มนาเอาเศรษฐกิจพอเพยี งไปใช้ใน
การดาเนนิ ชีวิตตอ่ ไป ทงั้ นี้ การสรา้ งรปู แบบกระบวนการเรยี นรู้นี้จะเนน้ การรว่ มคดิ ร่วม
ทาเพอ่ื หารปู แบบ การหาตวั อยา่ งทเ่ี ปน็ รปู ธรรมและเหมาะสม ตลอดจนสรา้ ง
ความพรอ้ มของแต่ละกลมุ่ เปา้ หมายให้สามารถนาไปดาเนินการตอ่ ไดเ้ องอยา่ งตอ่ เนอื่ ง
4.แผนงานเผยแพร่ประชาสัมพันธแ์ ละรณรงคเ์ พอื่ สร้างกระแสสังคม โดยสร้างความรู้
ความเขา้ ใจที่ถูกต้องเก่ียวกับศรษฐกิจพอเพียงในวงกว้างปลกู ฝังคา่ นยิ มและสรา้ ง
จิตสานึกใหป้ ระชาชนคานงึ ถงึ หลักเศรษฐกิจพอเพยี งในการดาเนินชีวติ ทั้งนี้ กลยุทธใ์ น
การประขาสมั พนั ธแ์ ละเผยแพรจ่ ะตอ้ งมีวิธีการและรูปแบบในการสอื่ สารผอื่ การ
เปล่ยี นแปลง อีกทั้งสอดคล้องกับเนื้อหาและแนวคิดหลักของปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
การฝกึ อบรมเปน็ การเผยแพรป่ ระชาสมั พนั ธศ์ เรษฐกิจพอเพยี งได้อีกทางหน่งึ

การปฏบตั ิตนตามแนวศรษฐกิจพอเพียง
การปฏิบัตติ นตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง อันเนอ่ื งมาจากพระราชดาริของระบาทสมเดจ็
พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอลยเดชคอื ยดื ความประหยัดประกอบอาชีพถกู ต้องสุจริตละเลิก
การแข่งขันผลประโยชน์ หาแนวทางให้ตนหลดุ พันจากความทุกข์ยาก และปฏบิ ตั ิตนใน
แนวทางทด่ี ีการนาแนวคดิ เศรษฐกิจพอเพยี งมาในชวี ติ ประจาวนั จะทาใหส้ ามารถใช้เงิน
อยา่ งคมุ้ คา่ มเี งินออมเหลือเกไ็ วใ้ ชใ้ นการบริโภคสง่ิ ทีจ่ าเป็น ไมม่ ภี าระหน้ีสินที่ไม่จาเปน็
เงนิ ออมทั้งระบบกจ็ ะเพยี งหอตอ่ การระดมทนุ เพ่อื การลงทนุ ในประเทศไมต่ อ้ งพ่งึ เงนิ ตรา
ต่งประเทศ ซงึ่ ในประเทศไทยก็จะมีเงนิ ไมต่ ้องขาตดลุ บญั ชีเดนิ สะพดั คาเงนิ บทก็จะไม่
อ่อน เศรษฐกจิ ในประเทศกจ็ ะเขม้ แขง็ ขน้ึ ซ่ึงมแี นวทาปฏิบตั ติ ามแบบพอเพียง ดงั นี้
1.การจักใชเ้ งนิ ในการเลอื กรบั ประทานอาหารให้เหมาะสม เช่น ไก่ทอดยี่หอ้ ดังจาก
ตา่ งประเทศกบั ไก่ทอดตามร้านทว่ั ไปกเ็ ปน็ ไกท่ อดท่มี ีขนาดเทา่ กนั แตร่ าคาไก่ทอดย่หี อ้
ดังจากตา่ งประเทศจะแพงกว่าถ้ารับประทานไกท่ อดธรรมดจะทาให้เหลอื เงนิ ไปซือ้ ของ
ใชจ้ าเป็นอืน่ ๆ ได้ ถา้ ทกุ คนรบั ประทานแต่ไก่ย่หี อ้ ดังดังกล่าวเงนิ ออมทงั้ ระบบก็จะ
นอ้ ยลง ทาให้ขยายการลงทุนในประเทศทาได้ยาก เนอ่ื งจากเงนิ ออมในธนาคารมนี อ้ ยไม่
พอระดมทนุ ตอ้ งไปกูเ้ งนิ จากต่างประเทศเข้ามา ซ่งึ จะทาให้ประเทศไทยขาดดลุ บัญชี
เดนิ สะพัด งนิ บาทก็จะอ่อนคา่ ลง และทาให้เงนิ ไหลออกนอกประเทศ เช่น ราคาซอื้ ไก่
ทอดย่หี อ้ ดงั จากตา่ งประเทศจานวน 100 บาทจะเปน็ ค่าลขิ สทิ ธิ์จานวน70บาทที่ตอ้ งส่ง
ใหก้ บั ต่างประเทศ
2.เลอื กใช้สิ่งของอ่ืนๆ ในราคาทเ่ี หมาะสม เช่น การซ้อื รถยนตห์ รยู ี่ห้อดงั ราคาแพง
กับรถยนตท์ ั่วไปราคายอ่ มเยา ซ่ึงก็เป็นรถยนต์เหมือนกนั วิ่งได้หมือนกนั แต่คนสว่ นใหญ่
อยากจะเลอื กรถยนต์หรยู ี่หอ้ ดงั เพราะแสดงถงึ สถานะทางสังคมวา่ มีเงนิ แตร่ ถยนต์ก็จะ
เส่ือมมลู ค่าลงทกุ วันตามสดั ส่วนเวลาและอายกุ ารใช้งาน ราคาของรถยนตใ์ นวนั ท่ขี ายจะ
แพงก็จะมีมลู คา่ ลดลงตามอายกุ ารใชง้ านและคา่ บารงุ รกั ษา ดงั น้ันจงึ ควรเลอื กใชร้ ถยนต์
ทคี่ ุ้มคใ่ นราคาเหมาะสมถา้ ไมเ่ ชน่ น้นั ประเทศก็จะมผี ลกระทบทาใหไ้ ม่มเี งินไปลงทนุ
เพราะเงนิ กทู้ ่ีสามารถจะกไู้ ปลงทนุ ได้ถกู จัดลงในโควตา้ ของเงนิ ทก่ี ู้ออกมาบริโภคไปแลว้
และอาจตอ้ งไปกยู้ มื เงินจากตง่ ประเทศมาอกี ประเทศไทยกีจะขาดลบัญชีเดนิ สะพัด
เงินบาทก็จะอ่อนค่าลงตามทฤษฎีส่งเสรมิ การซอื้ สนิ คา้ ทผี่ ลิตในประทศ จะทาใหส้ นิ ค้าที่
ผลิตนน้ั มโี อกาสทดลองตลาด

3.ปรบั ปรงุ สินคา้ และสะสมเงินทนุ ไปทาเรอื่ งวจิ ยั และพฒั นาต่อไปได้ แตถ่ า้ คนไทยนิยม
ซ้อื ของตา่ งชาตมิ ากกว่าของท่ีผลติ ในประเทศ เงนิ กจ็ ะไหลออกนอกประเทศจานวนมาก
แทนที่คนไทยจะไดป้ ระโยชนจากการใช้เงนิ ตอ่ ไปในระบบเศรษฐกิจของตนเองแต่เงิน
กลับไหลออกนอกประเทศ คนไทยก็ได้แตค่ ่าแรงในการขายของเทา่ นน้ั
4.ลดละเลิกอบายมุขเปน็ ปญั หาหน่ึงของสังคมไทยทสี่ ่งผลกระทบตอ่ การเงิน เช่น หวย
บนดนิ หวยใตด้ นิ อบายมขุ เหล่าน้ีทาให้ไมม่ ีเงินออม ผอไม่มเี งนิ ออม ทกุ คนก็ตอ้ งพึ่งเงินกู้
มาบริโภค
5. ร้จู ักลงทุนในส่ิทมี่ ีประโยชนแ์ ละไดค้ วามรู้ เศรษฐกจิ พอเพยี งไมไ่ ด้หา้ มใหค้ นไมใ่ ช้เงนิ
แตใหท้ ุกคนใช้งนิ ใหเ้ กิประโยชนก์ ับตัวตนเองมากท่สี ุด เชน่ ลงทนุ ในสนิ ทรัพย์ทีม่ มี ลู คา
เพ่ิม การลงทุนเพ่ือใหเ้ กดิ ความรู้การซอื้ หนังสือที่มีประโยชน์มาอานการไปฟังสมั นา ไป
ทัศนาจรการดงู านความประหยัด ตัดทอนรายจา่ ยทีไ่ ม่จาเปน็ ทุกคน้ ลดละความ
ฟุ่มเฟอื ยในการดารงชพี
6.อยา่ งจริงจงั ดงั พระราชดารัสของพระบทสมเดจ็ พระปรมินรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช
ความวา่ ".ความเป็นอยทู่ ่ตี อ้ งไมฟ่ งุ้ เอตอ้ งประหยดั ไปในทางทีถ่ กู ตอ้ ง.."คังนั้นจงึ ต้องรู้จัก
อออม ประหยัดด้วยการฝากเงนิ จดั ทาบญั ชรี ายรับรายจ่ายในครวั เรอื น หรอื สว่ นตวั
7.การประกอบอาชีพสจุ รติ แม้จะอยใู่ นภาวะขาดแคลนในการดารงชพี กต็ าม ดงั พระราช
ดารัสของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหภมู พิ ลอดลุ ยเดขความว่ ".ความเจรญิ ของคน
ทัง้ หลายยอ่ มเกดิ มาจากประพฤตชิ อบและการหาเลี้ยงชพี ชอบเป็นหลกั สาคญั .." ดงั นั้น
จึงตอ้ งมีความรคู้ วามเขา้ ใจในเรือ่ งการประกอบอชพี ต่างๆ ทสี่ จุ รติ ไม่ผดิ กฎหมาย เพอื่
การวางแผนการประกอบอาชีพในอนาคต
8.ละเลิกการแกง่ แย่งผลประโยชน์ และแข่งขนั กันในทางการคา้ ขาย การประกอบอาชพี
แบบแขง่ ขันกันอย่างรุนแรงในอดีตดังพระราชดารัสของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทร
มหาภมู ิพลอดลุ ยเดชความว่า "... ความสขุ ความเจริญอันแทจ้ ริงน้นั หมายถึงความสุข
ความเจริญท่ีบคุ คลแสวงหาไดด้ ้วยความเป็นรรม ท้ังในเจตนาและการกระทาไมไขไ่ ดม้ า
ด้วยควมบงั เอญิ หรอื ด้วยการแกง่ แย่งเบยี ดบังมาจากผอู้ น่ื ... งน้ัน จึงตยดื แนทางพอพยี ง
เพ่ือไห้กิดวามสขุ และอยรู่ ว่ มในรังคมไดอ้ ยาที
9.ขวนขวายใหาความรกู้ ารขวนขวายใฝ่หาความรู้ใหเ้ กดิ มรี ายได้เพ่มิ พนู ขึ้นจนถึงข้นั พอ
เหยี ง

เป็นเป้าหมายสาคญั ดงั พระราชดารสั ของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลย
เดช ความวา่ ...กรท่ตี อ้ งการให้ทุกคนพยยามท่ีจะหาความร้แู ละสรา้ งตนเองให้มน่ั คงน้ี
เพื่อตนเอง เพอ่ื ท่จี ะใหต้ วั เองมีความเป็นอยู่ที่กา้ วหนา้ ท่มี คี วามสุข พอมพี อกินเปน็ ขั้น
หนงึ่ และขนั้ ต่อไป ก็คอื ใหม้ เี กยี รติว่ายนื ไดด้ ว้ ยตวั เอง..."
10.ปฏบิ ัตติ นในแนวทางทด่ี ี ลดละสง่ิ ช่ัวใหห้ มดส้ินไป ดว้ ยสงั คมไทยทสี่ มสลายลงเพราะ
ยังมีบุคคลทดี่ าเนนิ การโดยปราศจากการละอายตอ่ แผน่ ดนิ ดงั พระราชดารัสของ
พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชความวา่ "...พยายามไม่ก่อความชั่วให้
เปน็ เครอื่ งทาลายตัว ทาลายผอู้ ่ืน พยายามลด พยายามละความชวั่ ทต่ี วั เองมอี ยพู่ ยายาม
กอ่ ความดใี ห้แกต่ ัวอย่เู สมอ พยายามรกั ษาและเพิ่มพูนความดีทีม่ อี ย่นู นั้ ใหง้ อกงาม
สมบูรณข์ ้นึ .."
11.พิจารณาความพอเพียงพออยู่พอกนิ และพอใชใ้ นการดาเนินชีวิตร้จู ักปลูกพชื สวนครั
ร้วั กินไดเ้ พาะเห็ดเลย้ี งปลเอาไว้บริโภค ปลูกไมด้ อกเอาไว้ประดับบา้ น และการจาหนา่ ย
12.ใช้ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถิ่นในการดาเนินชวี ติ นาภมู ิปญั ญทอั งถิน่ ที่บรรพบุรุษไดส้ ั่งสมมา
เนน็ แนวทางการดาเนนิ ชีวติ ให้เกิดประโยชน์ตอ่ ครอบครัวและชมุ ชน เชน่ ฝึกฝนปฏบิ ตั ทิ า
ขนมไทยตา่ งๆ
13.การยดึ หลักทางสายกลางโดยมคี วามพงึ พอใจในสภาพแวดล้อมที่เปน็ อยู่ ดว้ ยการ
แต่งกายทเี่ หมาะสมไมแ่ ตง่ ตวั เกินฐานะหรือเกนิ พอดีไมร่ ้สู ึกว่ามีปมด้อยเมอ่ื เกิดมาใน
ครอบครว้ั ทยี่ ากจน
14. ยดึ ถอื วิถชี ีวติ แบบไทย มคี วามเป็นอยเู่ รียบง่าย ปฏิบตั ติ นตามหลักศาสนาท่ีตนนับ
ถอื เชน่ การทาบญุ แหเ่ ทยี นเข้าพรรษาตามวดั ตา่ งๆ การทาบญุ ตักบาตรวันออกพรรษา
การเข้าคา่ ยคณุ ธรรมจรยิ ธรม เพื่อฝกึ ปฏิบัตติ นอยา่ งสม่าเสมอให้อยใู่ นคาสง่ั สอนของ
พระพทุ ธศาสนา

การพัฒนาชวี ติ โดยเศรษฐกิจพอเพยี ง
มนุษย์แต่ละคนมีชีวติ แตกต่างกันไปตามแบบแผนของสงั คมท่ีขับขอ้ น เปลยี่ นแปลงและ
พัฒนาตลอดเวลาแต่ทกุ คนก็ยังมคี วามตอ้ งการท่ีจะประสบความสาเร็จในชวี ิต เพราะแต่
ละคนย่อมมโี อกาสของการพฒั นาท่ีแตกต่างกนั ออกไปเชน่ ความรคู้ วามสามารถ
ประสบการณก์ ารสรา้ งรายได้ การใชป้ ระโยชน์

จากทรัพยากร ในขณะเดยี วกนั ดา้ นสงั คมก็จะมองถึงความสามารถในการพึ่งตนเอง
ความร่วมมอื ของคนในครอบครวั และสมาชิกในสังคมยอมรับ มีความมัน่ คงในการ
ดารงชีวิต ดังน้ัน
การพฒั นาชวี ติ ทย่ี ึดหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี งควรดาเนนิ การ ดังนี้
1.ค้นหาความตอ้ งการของตนเองว่ามคี วามต้องการอะไรมีเป้าหมายในการดาเนนิ ชวี ิต
อยา่ งไรเช่น ต้องการกา้ วหน้า มอี สิ ระมเี วลาให้ครอบครัวและสงั คม มที รพั ย์สนิ มี
ความสุข
2. วเิ คราะหข์ อ้ มูลของตนเองและครอบครวั ทาให้ร้สู ถานภาพ ร้ปู ญั หา รู้ปจั จยั ที่
เกี่ยวขอ้ งรับกระทบต่างๆทเ่ี กดิ ขึ้นด้นเศรษฐกิจสงั คมเทคโนโลยี ทรัพยากรรรมชาตแิ ละ
ส่ิงแวดลอ้ ม
2.1 รูศ้ กั ยภาพของตนเองเชน่ ความร้คู วามสามารถความชานาญช่ือเสียง ประสบการญ
ความม่ันคง ความก้วหนส้ ภาพทางการเงินสรา้ งรายไดก้ ารใชจ้ า่ ยการออม คณุ ธรรมและ
ศลี ธรรม
2.2 รศู้ กั ยภาพของครอบครัวเช่นวถิ ีการดารงชวี ิตภาวะเศรษฐกจิ ของครอบครวั ความ
เชือ่ ทศั นคตคิ านยิ มวฒั นธรรมประเหณคี ณุ ภาพชวี ิตของคนในคอบครวั ฐานะทางสังคม
ฐานะทางการเงนิ ทเ่ี ป็นทรพั ย์สินและหนสี้ นิ ของครวั เรอื น รายได้ รายจา่ ยของครวั เรอื น

3.วางแผนการดาเนนิ ชวี ิต
3.1 พัฒนาตนเองใหม้ ีการเรยี นรู้ต่อเนอื่ งสร้างวนิ ัยกบั ตนเอง โดยเฉพาะวนิ ัยทางการเงนิ
3.2 สร้างนสิ ัยทม่ี คี วามคดิ ก้าวหนมงุ่ ม่ันในเปา้ หมายชวี ติ หมัน่ พจิ ารณาความคดิ
ตดั สนิ ใจแกป้ ัญหาให้เป็นระบบโดยใช้ความรู้มคี วามรับผดิ ชอบต่อตนเอง สงั คม และ
ครอบครัว
3.3 ฝกึ บริหารจิตใจให้มคี วามซือ่ สัตย์สุจรติ รักชาติ เสียสละ สามคั คี เท่ยี งธรรม ศลี ธรรม
3.4 ควบคุมจิตใจใหต้ นเองประพฤตใิ นสงิ่ ทด่ี ีงาม สร้างสรรคค์ วามเจรญิ รุ่งเรอื ง
3.5 พฒั นาจิตใจใหล้ ดละ เลิก อบายมุข กิเลส ตณั หา ความโกรธ ความหลง
3.6 เสรมิ สรา้ งและฟน้ื ฟูความรูแ้ ละคุณธรรมของตนเองและครอบครัว เช่น ฝึกอบรม
ฝกึ ทักษะ ในวชิ าการต่างๆ หรือวิชาชีพหมน่ั ตรวจสอบและแกไ้ ขขอ้ บกพร่องอยา่ ง
สม่าเสมอ
3.7 ปรบั ทัศนคติในเชงิ บวก และมคี วามเปน็ ไปได้

4จดบนั ทึกและทาบญั ชรี ายรับ-รายจา่ ย.บันทกึ รายรับและรายจา่ ยท่ีเกดิ ข้นึ ของ
ครอบครัวเพ่ือจะได้ทราบ และสามารถควบคมุ รายจา่ ยท่ไี มจ่ าเปน็ ทาใหม้ ีเงนิ เหลือไวใ้ ช้
ประโยชนม์ ากขึ้น 5สรปุ ผลการพฒั นาตนเองและครอบครวั โดยพจิ ารณ
5.1 ร่างกายมสี ขุ ภาพสมบรู ณ์ แขง็ แรง
5.2 อารมณต์ ้องไม่เครยี ดมเี หตุมีผลมีความเช่อื มั่น มรี ะบบคิดเปน็ ระบบเปน็ ขัน้ เป็นตอน
มีแรงจูงใจ กล้าคิดกลา้ ทาไมท่ อ้ ถอย หรอื หมดกาลังใจเมอ่ื ประสบปญั หาในชีวติ
5.3 ลดละเลกิ อบายมุขต่างๆหรือสง่ิ ทไ่ี ม่จาเป็นในชวี ิต.เชน่ บตั รเครดติ การพนนั

เศรษฐกิจพอเพยี งกับการพฒั นาชมุ ชน
การพฒั นาชุมชน เปน็ การพัฒนาความสามารถของประชาชนใหม้ ีประสิทธิภาพมาก
ยงิ่ ข้ึนโดยการพฒั นาชุมชนมแี นวคดิ พ้นื ฐาน ดงั น้ี
การมสี ่วนร่วมของประชาชน (People Participation) เปน็ หวั ใจของงานพัฒนาชุมชน
1.โดยยดึ หลักของการมสี ่วนรว่ มทีว่ ่า ประชาชนมีสว่ นรว่ มในการคดิ ตดั สนิ ใจวางแผน
งาน การปฏิบัตกิ าร
และรว่ มบารงุ รักษา
การช่วยเหลอื ตนเอง (Aided Self-Help) เป็นแนวทางในการพฒั นาทยี่ ดึ เปน็ หลกั การ
2.สาคญั ประการหนงึ่ คอื ต้องพฒั นไห้ประชาชนพง่ึ ตนเองไดม้ ากขึน้ โดยมีรัฐคอยใหก้ าร
ช่วยเหลอื สนับสนุ
ในสว่ นท่ีเกินขดี ความสามารถของประชาชน ตามโอกาสและหลกั เกณฑท์ เี่ หมาะสม
ความคดิ รเิ รมิ่ ของประชาชน (nitiative) ในการทางานกับประชาชนต้องยึดหลักการท่ีว่า
ความคิดรเิ รม่ิ ตอ้ งมาจากประชาชน ซ่ึงตอ้ งใช้วถิ ีแหง่ ประชาธิปไตย และหาโอกาส
กระตุ้นให้การศกึ ษา
ใหป้ ระชาชนเกดิ ความคดิ และแสดงออกซ่งึ ความคดิ เห็นอันเป็นประโยชนต์ ่อหม่บู า้ น
ตาบล
ความตอ้ งการของขมุ ชน (Felt-Needs) การพฒั นาชมุ ชนตอ้ งให้ประชาชน และองคก์ ร
4.ประชาชนคิดและตดั สนิ ใจบ่นพ้นื ฐานความต้องการของชุมชนเอง เพอ่ื ให้เกิดความคิด
ท่วี ่างานเปน็
ของประชาชน และจะชว่ ยกันดูแลรักษาต่อไป

การศึกษาภาคชวี ติ (Life-Long Education) งานพัฒนาชุมชนถอื เป็นกระบวนการให้
5.การศึกษาภาคชีวติ แกป่ ระชาชนเพ่อื นาไปสกู่ ารพฒั นาคนการใหก้ ารศกึ ษาตอ้ งให้
การศกึ ษาอย่างตอ่ เนอ่ื ง
กันไปตราบเทา่ ที่บุคคลยงั ดารงชีวิตอย่ใู นชมุ ชน

แนวทางการพง่ึ ตนเองของชมุ ชน
แนวทางทชี่ มุ ชนาหลกั ปรชั ญาของศรษฐกจิ พอเพียงไปปฏิบตั อิ ยา่ งแพรห่ ลาย คอื
แบบการพง่ึ ตนเอง 5 ด้าน ดงั น้ี
1.การพ่งึ ตนเองดนั เศรษฐกิจ เป็นแนวทางทข่ี ยายตัวในพ้นื ที่ชุมชนทว่ั ประเทศ เชน่ มี
ผลไม้ ในทอ้ งถิ่นเพอ่ื การดารงชวี ิตและนาสว่ นทีเ่ หลอื ใช้ในครวั เรอื นไปจาหน่ายเพอื่ สรา้ ง
รายได้
จงึ่ เปน็ กาวมพัฒนาตรษกิจของประทอีกแนกงหนึ่งโดยแนวทางนีเ้ รยี กวา่ "เกษตรอินทรีย์
วถิ ีชุมชน
พอ"เกษตรวถิ พี อเพยี ง" สงิ่ หมายถึง ระบบการเกษตรทห่ี ลีกเลี่ยงการใช้ปุ๋ยเคมสี ารเคมี
ทกุ ชนติ
ในการกระตนุ้ การจรญิ เตบิ โตของพชื สัตว์โดยให้ปลูกพชื หมนุ เวยี นแทน
2. การพงึ่ ตนองทางสังคมโดยเสริมสรา้ งใหแ้ ต่ละชุมชนรว่ มมอื ช่วยเหลอื เกอื้ กูลกัน ปจั จยั
พืน้ ฐน
ชน อาหาร ยรกั ษาโรค บางอยา่ งไมส่ ามารถพ่งึ ตเอง่ ในครอบครัว้ ได้ ตอ้ งพฒั นาการ
พึง่ ตนเอง เช่น

 มโี รงสีขา้ วขนาดเล็ก พอื่ ผลติ ขา้ ให้พอบรโิ ภคในชมุ ชน ไม่เน้นการผลติ ขนาดใหญ่
เพ่ือตอบสนองความตอ้ งการของครวั เรอื นและชมุ ชน

 มีคลินิกหมอพ้นื บ้านเพอ่ื สุขภาพชมุ ชนที่ส่งเสรมิ บทบาทการใชส้ มนุ ไพรและการ
บาบัดโรค

โดยการนวด หรอื วิธกี ารพื้นบ้านอ่นื ๆที่นาภมู ิปญั ญาท้องถนิ่ มาปรับใชอ้ ย่างเหมาะสม

 มีระบบการแลกเปลย่ี นเรียนรอู้ ย่างตอ่ เน่อื งแบบศนู ย์ศึกษาและพัฒนาชมุ ชนไม้
เรยี งทร่ี เิ ร่มิ

โดยประยงคร์ ณรงค์ประธานคณะกรรมการผูน้ าชุมชนแหง่ ชาตเิ ป็นศูนยท์ ีเ่ นน้ การ
แลกเปล่ยี นเรยี นรแู้ ละ
ปลกู ฝงั ใหช้ าวบน้ "เรียนรู้ในสง่ิ ท่ตี ้องทาเรยี นรใู้ นสิ่งท่ีต้องรแู้ ละทาในส่ิงทีเ่ รยี นรแู้ ล้ว"ไมใ่ ช่
ศูนย์เรยี นรู้
ท่เี นน้ การขายบรกิ ารแตเ่ น้นการศกึ ษาดูงานเป็นหลัก

 มีระบบการจัดการทนุ ของตนเอง หรอื "ธนาคารเศรษฐกิจพอเพยี ง" ซ่งึ เป็น
รูปแบบ

การจัดการทนุ ของชมุ ชน ทไี่ มน่ ้นผลกาไรจากการคา้ เงินแบบธนาคารในระบบทุนนยิ ม
แตเ่ น้นการสรา้ ง
ความรว่ มมอื เพื่อให้สมาชิกพึ่งพาอาศยั กันด้านทนุ ได้ มคี วามมั่นคงในชวี ิตและสวัสดกิ าร
สังคม
เปน็ ผลตอบแทนใหก้ ับสมาชิก ดังตัวอยา่ ง "ธนาคารชีวติ กลมุ่ วดั อ่ตู ะเภาและวดั ดอน"
จังหวัดสงขลา
เป็นตวั อย่างทป่ี ระสบความสาเร็จ

 มีการฟน้ื ฟรู ะบบและวธิ กี ารจัดการทรพั ยากรหรอื ทรพั ยส์ นิ ของชุมชน เช่น โฉนด
ชุมชน

ระบบเหมอื งฝายแบบดง้ั เดมิ เปน็ ระบบทีเ่ น้นความสมั พันธท์ ่ีดีงามระหว่างคนกับคน คน
ไมข่ ูดรีด
จากทรพั ยากรธรรมชาติ และมคี ุณธรรมทางสังคม เปน็ ต้น
3.พง่ึ ตนเองด้านทรพั ยากรธรรมขาติ เปน็ การพง่ึ ตนเองบนฐานองคป์ ระกอบคอื คน
ความรู้
และทรัพยากร โดยการพฒั นาศกั ยภาพของคน พ่ือค้นหาทรพั ยากรในชุมชนท้องถิน่ มา
พัฒนาให้เกดิ
ประโยชนส์ งู สดุ บนฐานความรูภ้ มู ปิ ญั ญาของชมุ ชนท้องถ่ินนน้ั เชน่

 การปลกู ต้นไมใ้ ชห้ นเ้ี พือ่ แกไ้ ขปัญหาความยากจน ในทางปฏิบัติมกี ารคน้ หาและ
ศกึ ษา

ประสบการณค์ วามรู้ของชาวบ้น38คนทปี่ ระสบความสาเร็จในการแก้ปัญหาหนส้ี ิน
ตวั ยการปลูกตันไม่

หลากหลายชนิดในรูปแบบปธรรมชาติหรือที่เรยี กวา่ "วนเกษตร"นาความรู้เหลา่ น้ันมา
ถ่ายทอดใหก้ บั
ชาวบ้านทีม่ ีปญั หาหน้ีสนิ โดยวิธกี ารสารวจทรพั ยกรพนั ธุไ์ ม่ในชุมชนทอ้ งถิน่ วิเคราะห์
ท่ีดินของตนเอง
สารวจที่ดนิ สารรณะเพอ่ื ใหช้ าวบ้านที่ไม่มที ่ีดนิ เปน็ ของตนเองเขา้ ร่วมโครงการไดม้ ีการ
เพาะขยายพันธไุ์ ม้
การวางแผนเพาะปลกู ทสี่ ัมพนั ธ์กบั รายจ่ายและการชาระหนี้ของครัวเรอื นมชี าวบ้านเขา้
รว่ มโครงการแล้ว
36,000 คน และค้นพบว่าชาวบ้านมีรายได้ตัง้ แต่วันลงมอื ปลูก และมกี ารวางแผนนา
ผลผลติ จากต้นไม้
มาแปรรปู สร้างผลติ ภณั ฑ์ใหมๆ่ ตามแนวทางวสิ าหกจิ ขมุ ชน ซงึ่ แตกต่างจากความเชื่อ
เดิมในหนว่ ยงาน
ตา่ งๆ วา่ การปลกู ตน้ ไมต้ ้องใชเ้ วลา 7-10 ปี จึงจะเก็บเกี่ยวผลไดว้ นเกษตรเป็นการ
ทาบาไมผ้ สมผสานร่วมกับปลกู พชื เล้ยี งสตั ว์

 การเล้ียงโคเนือ้ เพอ่ื แก้ไขปัญหาความยากจน มกี ระบวนการทานองเดียวกบั การ
ปลกู ต้นไม้ โดยการศกึ ษาประสบการณ์ของชาวบ้านมากกวา่ '40คน ทป่ี ระสบความสาเรจ็
และอยใู่ นช่วง
ของการนาความรู้ท่ีได้จากการศกึ ษาไปขยายผลในหมชู่ าวบ้าน
4. การพึ่งตนเองด้านทดโนโลยี ตัวอย่างทช่ี ุมชนศึกษาเปน็ ตนั แบบ คือ กงั หนั น้าชัย
พัฒนา
ของพระบทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดชทีไ่ ดร้ บั รางวัลระดับโลกชาวบา้ น
ศกึ ษา
ทดลองทดสอบเพ่ือสร้างเทคโนโลยีใหม่ๆทช่ี ว่ ยให้ไมต่ อ้ งซอ้ื หาในราคาแพงๆและทาให้
ประเทศชาติเสียดุ
การคา้ ตวั อยา่ งของเทคโนโลยที ค่ี ดิ คน้ ไดค้ อื ปลากนิ อาหารในน้าไมใ่ ชก่ นิ อาหาร
แขวนลอย ชาวบ้านพฒั น
วธิ เี ลีย้ งแบบธรรมชาติตน้ ทุนอาหารต่าบางรายต้นทนุ ที่ตอ้ งจ่ายเปน็ เงนิ ไมม่ ี เพราะปล่อย
ให้ปลาผสมพันธ

ตามธรรมชาตดิ ูแลระบบบ่อเลีย้ งใหใ้ กล้เคยี งธรรมชาตไิ มต่ อ้ งเรง่ การเจริญเตบิ โตใช้เวลา
เลยี้ งมากขึน้ แตใ่
ขาดทุนชาวบนพฒั โรพาะลีย้ งนอื้ เย่อื ชุมชนการพาะหายใหง้ อกภายใน7วันระบบกาลกั น้า
ทดนา้ น
อ่างเกบ็ น้าโตยไม่ต้องชเ้ ครื่องสูบน้า สมุนไพทดแทนผงฟองซง่ึ เปน็ เคมีสว่ นผสมในสบ่แู ละ
ยาสระผม
สมนุ ไพรและวิธกี ารดแู ลไก่แบบพื้นบา้ นเพอ่ื ปอ้ งกันไขห้ วดั นก
5. การพึ่งตนเองทางดา้ นจิตใจยึดหลักธรรมทางศาสนาหล่อหลอมการดาเนนิ ชีวิต ปฏิบัติ
กจิ
ทางศาสนาอยา่ งสมา่ เสมอตลอดปที เ่ี ป็นรูปธรรมที่สดุ คอื "นพปฏญิ าณเศรษฐกจิ
พอเพยี ง" คาปฏญิ าณ
9 ขอ้ ทีถ่ อดเอาหลกั ปฏบิ ตั ริ ปรรม ของปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง มาเปน็ วินยั เหล็กใน
การดาเนินชวี ิต
ไมโ่ นม้ เอยี งไปตามกระแสบรโิ ภคนยิ ม และโฆษณาตามส่อื ต่างๆ มกี ารนาเสนอให้นานพ
ปฏิญาณ
เศรษฐกจิ พอเพยี งไปปลกู ฝังใหน้ ักศกึ ษาตามโรเรยี นในชุมชน ให้กลา่ วปฏญิ าณหลังร้อง
เพลงชาติ และ
สวดมนต์หนา้ เสาธงทุกเข้ หรือองแบบทอายยานและสูตรคณู กอ่ นเลกิ เรยี นในตอนเย็น
การนาปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใชใ้ นชีวิตประจาวนั ในการประกอบอาชพี การจัด
ความสมั พนั ธ์
ทางสังคม การศึกษาเรยี นรู้ การพัฒนาเทคโนโลยี มีหัวใจสาคญั อยทู่ ก่ี ารเชอ่ื มโยงคณุ ค่า
ของปรัชญา
เศรษฐกิจพอเพียง เข้ากบั คณุ คา่ ทางศาสนา และวัฒนธรรมของกลุม่ คนและสังคม และ
ตอ้ งมีการสร้าง
แนวปฏิบตั ทิ เี่ ป็นรปู ธรมเทา่ นน้ั จึงจะนาสังคมและผ้คู นให้เจรญิ รอยตามเบอ้ื งพระยคุ ล
บาทได้อยา่ งแท้จริง
การพฒั นาชมุ ชนตามหลักเศรษฐกิจปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง การเปิดโอกาลให้
ประชาชพ

ในภมู ภิ าคและชนบทไดม้ ีสว่ นรว่ มในการพฒั นาชมุ ชน ถอื เปน็ การพัฒนาศกั ยภาพในการ
บริหาร
จดั การปัญหาด้วยตนเองการพัฒนาในอนาคตมงุ่ สรา้ งความเข้มแขง็ ของประชาชนให้
สามารถพง่ึ พาตนเองได้
โดยมเี ศรษฐกิจชมุ ชนท่ีมนั่ คง ซงึ่ เปน็ ฐานในการยกระดบั รายได้ และคณุ ภาพชีวิตใน
อนาคต
ท้งั นภี้ าคธรุ กิจอกชน องค์กรพฒั นาเอกชนและประชาชนจาเปน็ จะต้องเข้ามาเสรมิ
บทบาทของภาครฐั
ซ่ึงเป็นผู้สนับสนุนการพฒั าเดมิ ซงึ่ เป็นการผนกึ กาลงั ในการพฒั นาและนาไปสู่ความ
เขม้ แข็งของชมุ ชน
โดยมแี นวทางดงั น้ี
1.การเสรมิ สรา้ งความเขม้ แขง็ ของชุมชนขนบทเพื่อพัฒนาเศรษฐกจิ สังคม
ทรัพยากรธรรมชาติ และสง่ิ แวดลอ้ ม เพอื่ ใหช้ มุ ชนมคี วามพรอ้ มในการตอบรับต่อการ
เข้ามารว่ มสนับสนนุ
การพัฒนาของท้งั ภาครฐั ภาคธุรกิจเอกชนและองค์กรพฒั นเอกชนโดยยกระดบั ความรู้
ความสามารถใน
การเขา้ รว่ มกระบวนการพฒั นาของชุมชนและมแี นวทางดงั น้ี
1.1การเตรียมความพรอ้ มของชมุ ขน

 เสริมสร้างกระบวนการพัฒนาคนเพอื่ พฒั นาประสิทธภิ าพในการจดั การและทักษ
ทห่ี ลากหลายพร้อมกับพฒั นาความเปน็ ผนู้ าและความเขม้ แข็งของกลุ่มต่างๆในชมุ ชน
โดยจัดการฝึกอบรม
ด้วยวทิ ยากรทั้งจากชาวบ้านและภายนอกใหส้ อดคลอ้ งกับความตอ้ งการของชุมชน และ
มกี ารเรยี นรู้
แลกเปล่ยี นระหวา่ งกัน

 จดั สรรงบประมาณสนบั สนนุ องคก์ รชุมชนพอ่ื ส่งเสรมิ การรวมกลุ่มทกุ รปู แบบ

 ส่งเสรมิ ใหอ้ งค์กรชมุ ชนเป็นตัวกลางในการรบั การสนบั สนุน และความชว่ ยเหลือ
จากรัฐ เพอื่ ให้ประชาชนมีสว่ นรว่ มในการตดั สนิ ใจ ทางาน คบคมุ และติดตามผลร่วมกัน
1.2การเพม่ิ ศักยภาพขององคก์ รชุมชน

 พัฒนากระบวนการเรยี นรูโ้ ดยการกระจายข้อมลู ขา่ วสาร และแลกเปลย่ี น
ประสบการณ์ในการดาเนินชวี ติ ของครอบครวั และชมุ ชน

 สนบั สนุนชมุ ชนใหม้ กี ารรเิ ร่ิมทาธุรกิจทีช่ มุ ชนเปน็ จา้ ของและบรหิ ารจดั การเอง
ภายไดค้ วานรว่ มมอื ของภาครกุ จิ เอกชนและองค์กรพฒั นเอกชนรวมท้ังมกี ารแลกเปลย่ี น
ประสบการณ์
ในการบรหิ ารจดั การดา้ นธุรกจิ ระหว่างชมุ ชน

 สง่ เสรมิ บทบาทของสตรีใหม้ ีสว่ นในการสรา้ งความมัน่ คงทางเศรษฐกิจของชุมชน
โดยใหม้ สี ว่ นรว่ มในการบรหิ ารจัดการงานพฒั นาของชุมชนในทุกดา้ นมากขึน้
1.3การสนับสนุนแหลง่ เงินทนุ สาหรับการพฒั นาชมุ ชน

 ขยายการดาเนินงานกองทุนพฒั นาชนบท เพ่อื สนบั สนุนการออมทรพั ยใ์ นระดับ
ชุมชน และส่งเสรมิ กิจกรรมพฒั นาชมุ ชนและทอ้ งถ่ินให้เกิดขนึ้ อย่างกวา้ งขวาง

 สนบั สนนุ การจดั ตง้ั กอ่ งทุนในรปู แบบต่างๆและพัฒนาเครอื ข่ายกองทนุ ใน
ระดับหมชน

เช่นกองทุนสวสั ดกิ ารในชุมชน กองทนุ พฒั นาทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม
กองทนุ ด้านคันคว้วจิ ยั
เพ่ือพัฒนาอาชีพเสรมิ โดยใหค้ วามรดู้ า้ นบริหารจดั การกองทุนและอืน่ ๆ ท่จี าเป็นใหม้ ี
ประสทิ ธภิ าทและ
เสรมิ สร้างศักยภาพของผบู้ ริหารกองทุนใหม้ ากขนึ้
1.4การสนับสนุนกระบวนการเรียนรแู้ ละขยายเครือขา่ ยการเรยี นรขู้ องประชาชน และ
ชุมขนในชนบท

 ใชเ้ ทคโนโลยสี าสนเทศสอื่ มวลชน และสร้างเครือขา่ ยการสนับสนนุ ดา้ น
เทคโนโลยีสอื่ สาร

เพอื่ การพฒั นากระบวนการเรยี นรู้

 จัดให้มีการฝึกอบรมอาชีพดา้ นตา่ งๆทส่ี อดคลอ้ งกับศักยภาพของชมุ ชนและ
ทอ้ งถิ่น

โดยใชเ้ ทคโนโลยที เี่ หมาะสม ภายใตค้ วามรว่ มมอื ขององค์กรชมุ ชน องคก์ รพฒั นาเอกชน
และสถาบนั

การศึกษาในทอ้ งถิ่น

 รับรองวิทยฐานะการเรยี นรขู้ องชมุ ชนในรปู แบบต่างๆเชน่ โรงเรยี นชุมชน
วทิ ยาลยั

ชมุ ชน มหาวทิ ยาลัยชาวบา้ นโดยรัฐใหก้ ารชว่ ยเหลือตามความเหมาะสม

 เผยแพร่ขอ้ มลู ขา่ วสารทเี่ ปน็ ประโยชนใ์ นการเลอื กประกอบอาชพี และการดารง
ชพี

ผ่านสอื่ ต่างๆ ที่หลากหลาย เช่นขอ้ มลู ราคาสินค้า ข้อมูลดา้ นบรกิ ารทางสงั คม

 การสนับสนุนการมสี ว่ นร่วมของชมุ ขนและท้องถน่ิ ในการพฒั นา
ทรัพยากรธรรมชาติ

และสง่ิ แวดลอ้ ม มแี นวทางดังน้ี
(1) สรา้ งความตระหนกั และความรู้ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั การอนุรกั ษ์ ฟ้ืนฟู
ทรพั ยากรรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มรวมท้ังการนาภมู ิปญั ญทอั งถิ่นมาใช้ในการบรหิ าร
จดั การ
(2) เผยแพรแ่ ละใหโ้ อกาสประชาชนได้รบั ขอ้ มลู ขา่ วสารเกี่ยวกับผลกระทบทาง
เศรษฐกจิ สังคม ทรพั ยากรรมชาติ และส่ิงแวดลอ้ มท่ีจะเกดิ ขนึ้ กบั ท้องถ่นิ จากโครงการ
พัฒนาของรฐั
รวมทัง้ สนบั สนนุ ใหม้ ีการประชาพิจารณต์ ามควรแกก่ รณี
(3) สนับสนุนใหอ้ งคก์ มชนชนกล่มุ สตรีกลมุ่ เยาวชนมบี ทบาทในการควบคุมดูแล
และแกไ้ ขด้านสิง่ แวดลอ้ มของชุมชนเพิม่ ขนึ้
1.5การส่งเสริมบทบาทของครอบครวั และชุมชนในการจดั บรกิ ารสงั คม
สรา้ งกลไกและระบบทจี่ ะเอื้อตอ่ การสง่ เสรมิ บทบาทของชมุ ชนในการตรวจสอบ
บริการสังคมตา่ งๆที่ดาเนนิ การในชุมชนเช่นการรบั เลยี้ งเด็กปฐมวัยการกาจดั ขยะให้ได้
มาตรฐาน ฯลฯ
สนับสนนุ ให้ชมุ ชนเป็นศนู ย์กลางการพฒั นาความสัมพนั ธข์ องคนในครอบครวั
และชมุ ชนโดยการจัดกจิ กรรมเช่นจดั สวนสารรณะและบริการนนั ทนาการเพื่อให้สมาชกิ
ได้รับประโยชน์
ร่วมกัน
2.เพิ่มบทบาทของภาครฐั เพอื่ สนับสนนุ ชมุ ชนใหม้ สี ว่ นรว่ มและมโี อกาสพัฒนามากขน้ึ

2.1การสง่ เสริมความเขม้ แขง็ ดา้ นเศรษฐกจิ ขององคก์ รชมุ ชน

 ใช้มาตรการทางการคลงั โดยการปรบั ปรุงระบบภาษใี ห้ส่งเสรมิ และ
สนับสนนุ การระดมทุนเพื่อการพฒั นาองค์กรชมุ ชน

 สง่ เสรมิ กิจการสหกรณใ์ ห้เกิดขนึ้ อยา่ งกวา้ งขวาง รวมท้ังรบั รองสถานภาพ
ของกลมุ่ ตา่ งๆ ทด่ี าเนนิ การโดยใช้หลักสหกรณ์เพอ่ื ใหม้ ีสถานภาพทส่ี ามารถออื้ ประโยชน์
ด้านภาษีตอ่ ภาคเอกชนและองคก์ รพัฒนาเอกชนทใี่ ห้การสนับสนนุ ในด้านตา่ งๆ เชน่
การฝึกอบรม

 สนับสนนุ มาตรการทางภาษเี พอ่ื จงู ใจธุรกิจขนาดใหญ่ให้ทาธรุ กิจกบั องค์กรชุมชน
ในลักษณะทช่ี ่วยเพิม่ ขดี ความสามารถในการจัดการการตลาด และการแขง่ ขนั ของชุมชน
ให้สงู ขึ้น

 ส่งเสรมิ ใหส้ ถาบนั การเงนิ ทงั้ ภาครัฐและภาคเอกชนสนับสนนุ สินเชื่อเพอื่ การ
พฒั นา

ให้แก่องคก์ รชุมชนมากข้ึน
ตวั อยา่ งมหกรรมสนิ เชื่อเพื่อชมุ ชนช่วยยกระดับความเปน็ อยขู่ องประชาชน

 สนับสนนุ การจดั ตั้งสถาบันการงนิ ระดับชาติในลกั ษณะธนาคารเพอ่ื พฒั นาองค์กร
ชุมชน เพอ่ื ใหก้ ารสนับสนุนท้ังตันการพัฒนาองคก์ รและด้านสนิ เชอื่ เพอ่ื การพฒั นาให้แก่
องคก์ รชมุ ชน
โดยมีการรว่ มมือประสานงานกับองคก์ รพฒั นาเอกชนและสถาบันการเงนิ อนื่ ๆทัง้ ภาครฐั
และภาคเอกชน
อืน่ ๆ ทจ่ี ะรว่ มสนับสนุนการพัฒนาองคก์ รชมุ ชน

 พฒั นาขีดความสามารถของสถาบนั และกลมุ่ เกษตรกรในรูปแบบต่างๆ โดย
(1) สนับสนนุ หลักสตู รการศึกษาทง้ั ในระบบและนอกระบบทส่ี อดคล้องกบั ศักยภาพ
และภมู ปิ ญั ญาของทอ้ งถ่นิ รวมท้งั จดั ระบบการถา่ ยทอดความรู้ด้านเทคนคิ วชิ าการของ
สถาบันและ
กลุ่มเกษตรกรทีป่ ระสบความสาเร็จใหแ้ พรห่ ลาย
(2) เพม่ิ โอกาสการทาธรุ กิจของสถาบันเกษตรกรโดยจดั การฝึกอบมดา้ นบรหิ ารจัดการ
สนบั สนนุ ขา่ วสารด้านการตลาดและเพิม่ ส่นิ เชอื่ ระยะยาวผา่ นสถาบนั เกษตรกร
(3) สนบั สนุนความคลอ่ งตวั ในการดาเนินธรุ กิจของสถาบนั เกษตรกรโดยแกก้ ฎหมาย

ท่ีจาเปน็
2.2 การสง่ เสรมิ ความเขม้ แข็งขององค์กรชมุ ชนด้านสงั คมและคณุ ภาพชวี ิต

 กระจายอานาจการจัดการศกึ ษาให้ชุมชนทอ้ งถน่ิ มสี ว่ นร่วมในการกาหนด
หลักสตู ร

การศึกษาใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาพแวดลอ้ ม และตอบสนองความตอ้ งการของทอ้ งถ่ิน และ
เพม่ิ โอกาสใน
การศกึ ษาตอ่ แก่เดก็ ท่จี บการศกึ ษาภาคบังคบั อยา่ งทว่ั ถึง

 เปิดโอกาสใหป้ ระชาชนได้รบั ขา่ วสารขอ้ มูลอย่างกว้างขวาง โดยความรว่ มมือใน
การเผยแพรข่ อ้ มลู ขา่ วสารระหวา่ งองคก์ รชุมขนรัฐ และองคก์ รพัฒนาเอกชน

 สนับสนุนงบประมาณแก่องค์กรพฒั นาอกชนและองค์กรชมุ ชน เพอื่ ดูแลกลมุ่
ผู้ด้อยโอกาสที่รัฐแลไมท่ ัว่ ถงึ

 กระจายบริการสาธารณสขุ ท้ังทางตา้ นทรพั ยากรและบคุ ลากร เพอื่ ลดความแตกต่
ทางดา้ นคณุ ภาพของการใหบ้ รกิ ารระหว่างกรุงเทพมหานครและภมู ภิ าค

 เรง่ การปฏิรปู ระบบภาษที อ้ งถ่ิน เพอ่ื ให้ทอ้ งถนิ่ และชมุ ชนมีรายไดเ้ พยี งพอใน
การจัดบริการด้านสงั คมอยา่ งทั่วถงึ
3.การส่งเสรมิ บทบาทของภาคธุรกจิ เอกชน และองค์กรพฒั นาเอกชน ให้มีส่วนร่วมใน
การพัฒนาชมุ ชน เพ่ือเปิดโอกาสใหช้ ุมชนสามารถดาเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและมี
ทางเลอื ก
ในการประกอบอาชีพเพ่มิ มากขนึ้ รว่ มท้งั การเพิ่มบทบาทขององคก์ รพัฒนาเอกชนและ
ภาคธรุ กิจเอกชน
ให้เก้ือกูลกิจกรรมของชุมชน
3.1 การสนับสนุนธุรกจิ เอกชนให้เขา้ ร่วมในการพัฒนาธรุ กิจชมุ ชนตามความพรอ้ ม
ความถนัด และความสมัครใจของแตล่ ะองค์กรธรุ กจิ

 สนบั สนุนการพฒั นาธรุ กิจและเศรษฐกิจในระดับหมู่บ้านโดยการสนับสนนุ
การร่วมทนุ ระหวา่ งชุมชนและรกุ จิ เอกขน และการหาตลาดสาหรบั สนิ คา้ ทผี่ ลติ ใน
ท้องถิ่น

 ส่งเสรมิ ชุมชนใหม้ อี ชพี นอกภาคเกษตรในหมบู่ า้ น โดยเฉพาะธรุ กจิ ประเภท

รับเหมาชว่ งงาน เช่นการทอผการผลติ ชิ้นส่วนผลติ ภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรมประเภทตา่ งๆ

 ถา่ ยทอดความรู้และทักษะในเชงิ ธรุ กิจเชน่ การผลิต การตลาด การบญั ชี การเงนิ
และการจัดการทัไ่ ป เพอ่ื วางราฐานความคดิ เชงิ ธุรกิจโดยยดึ หลกั การมสี ว่ นร่วมในการ
พฒั นาชุมชนด้วยตนเอง

 สร้างสงิ่ จูงใจด้านมาตรการการเงินและการคลงั ใหธ้ ุรกิจเอกชนเขา้ มาช่วยฝึกอป
รม

ฝมี อื แรงงาน การผลิต กาจาหนา่ ย และกาจดั การตลาดอยา่ งเปน็ ระบบครบวงจร โดยให้
ชุมชนเขา้ มา
มสี านรม่ จัดการทุกขัน้ ตอนและพัฒนไหเ้ ป็นธรุ กจิ ทชี่ มุ ชนเป็นเจ้าของเองได้ในที่สดุ

 รณรงค์สรา้ งความรคู้ วามเขา้ ใจแก่ผู้ประกอบการธรุ กิจเอกชนในการปรบั แนวคิด
การบรหิ ารธรุ กิจจากการม่งุ นันกาไรไปสูก่ ารลงทุนเพื่อพฒั นาสงั คมควบคู่กันไปดว้ ย
3.2 การสนับสนุนองค์กรพัฒนาเอกขนใหม้ สี ว่ นรว่ มในการพฒั นาชุมชน

 สนบั สนนุ บทบทองค์กรพัฒนาเอกชนในการประสานงานการพฒั นารว่ มกบั ชุมชน
องคก์ รทอ้ งถน่ิ ภาครฐั และภาคธุรกจิ อกขนโดยสนับสนนุ ขอ้ มลู ขา่ วสารงปประมาณและ
อานวยความสะดวก

 ส่งเสรมิ บทบาทองคก์ รพฒั นาเอกชนในการคน้ คว้าวิจยั และการถา่ ยทอด
เทคโนโลยี

ความรูใ้ นด้านตา่ งๆ เพอื่ สนบั สนุนการเสรมิ สรา้ งความเข้มแข็งใหช้ มุ ชน

 สนบั สนุนทนุ แกอ่ งค์กรพฒั นาเอกชนในการพฒั นาอาชพี และรายได้ของชมุ ชนใน
ชนบท
สง่ิ สาคัญในการพฒั นาชุมชนโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงคือคนในชุมชนและทุก

ฝ่ายท้ังภาครัฐ
และเอกชนท่เี ก่ียวข้องตอ้ งมีความรว่ มมอื กันที่จะพัฒนาไปในแนวทางเดยี วกนั มงุ่ พฒั นา
ชมุ ชน
ให้พึ่งพาตนเองได้ พรอ้ มรับกับการเปลย่ี นแปลงจากโลกภายนอก และกา้ วทันต่อยคุ
โลกาภวิ ัตน์


Click to View FlipBook Version