แนวทางปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยโรคบาดเจ็บที่ศีรษะในภาวะวิกฤต การประเมินปัญหาฯ (มาตรฐานที่1) การวินิจฉัยทางการพยาบาล (มาตรฐานที่2) การวางแผนการพยาบาล (มาตรฐานที่3) การปฏิบัติการพยาบาล (มาตรฐานที่1,4, 5, 6,7,8,9,10,11) การประเมินผล (มาตรฐานที่6) ระยะแรกรับ 1.ประเมินปัญหาและอาการ ทางประสาท ได้แก่ GCS, EKG Monitor, สัญญาณชีพ และ CT Brain โดย แบ่งเป็น -บาดเจ็บศีรษะเล็กน้อย GCS 13- 15 คะแนน -บาดเจ็บศีรษะปานกลาง GCS 9 – 12 คะแนน -บาดเจ็บศีรษะรุนแรงGC 3 – 8 คะแนน -ผล CT brain พบมีเลือด ออกในสมอง 2.ประเมิน early warning sign เพื่อป้องกันภาวะ IICP 3.ตรวจร่างกายอย่าง ละเอียดทุกระบบตามแนว ทางการรักษาของ -เสี่ยงต่อภาวะความดัน ใน กะโหลกศีรษะสูง เนื่องจากมี เลือดออกในสมอง หรือ สมอง บวม ผู้ป่วยปลอดภัยจาก ภาวะ ความดันใน กะโหลกศีรษะ สูง หรือ สมองบวม 1.ประเมินสัญญาณชีพและสัญญาณระบบ ประสาท สังเกตอาการทางสมองทุก 1ชม. หรือตามอาการ รายงานแพทย์ทันทีเมื่อ พบอาการ ผิดปกติ ได้แก่ motor response drop 1, GCS drop 2 2. ป้องกันการขาดออกซิเจน ดูแลทางเดิน หายใจให้โล่ง หรือใช้เครื่องช่วยหายใจ ดูด เสมหะตามความจำเป็น 3. จัดให้นอนศีรษะสูง 30 องศา 4. ป้องกันผู้ป่วยมีกิจกรรมที่ทำให้ความ ดันในช่องอกเพิ่มขึ้น (Valsalva maneuver) 5.ระยะแรกให้งดอาหาร น้ำ ยาทางปาก ไว้ เนื่องจากผู้ป่วยจะคลื่นไส้อาเจียนทำ ให้ความดันในกะโหลกศีรษะเพิ่มมากขึ้น 6. ดูแลให้ได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำ ตามแผนการรักษาอย่างเคร่งครัด งดให้ สารน้ำชนิด Dextrose เพราะจะยิ่งทำให้ 1.ความดันโลหิต 100/60 – 140/90 มม.ปรอท ชีพจร 60-100 ครั้ง/นาที สม่ำเสมอ ดี อัตราหายใจ 12-20 ครั้ง/ นาที 2.ความดันในกะโหลกศีรษะ (ICP) < 20 มิลลิเมตรปรอท 3.ไม่มีอาการชัก
การประเมินปัญหาฯ (มาตรฐานที่1) การวินิจฉัยทางการพยาบาล (มาตรฐานที่2) การวางแผนการพยาบาล (มาตรฐานที่3) การปฏิบัติการพยาบาล (มาตรฐานที่1,4, 5, 6,7,8,9,10,11) การประเมินผล (มาตรฐานที่6) Advanced traumatic life support (ATLS) ระยะดูแลต่อเนื่อง 1.ประเมินอาการและอาการ แสดงที่ต้องเฝ้าระวังภาวะ IICP เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง เตรียมความพร้อมสำหรับ การผ่าตัด 2.บันทึกข้อมูลการประเมิน ปัญหาและความต้องการ กำหนดข้อวินิจฉัยทางการ พยาบาลของผู้ป่วยที่ถูกต้อง ครบถ้วน ครอบคลุมจิตใจ และจิตวิญญาณ สมองบวมมากขึ้น นอกจากนี้ ภาวะ Hyperglycemia จะทำให้ภาวะ cerebral ischemia แย่ลง 6.เช็ดตัวลดไข้ ร่วมกับการให้ยา ลดไข้ ควรอยู่ในห้องปรับอากาศที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส เพื่อปรับกลไกการควบคุม อุณหภูมิของร่างกาย 8.ดูแลให้ยาตามแผนการรักษาของแพทย์ คือ Dilantin 100 mg. IV ทุก 8 ชั่วโมง เพื่อป้องกันอาการชัก เพราะการชักทำให้ Cerebral metabolism เพิ่มขึ้น 9.ถ้าผู้ป่วยมีเลือดออกในสมอง ดูแลเตรียม ผู้ป่วยเพื่อทำผ่าตัดสมอง ดังนี้ 9.1 แจ้งผู้ป่วยและญาติทราบแผนการ รักษา 9.2 ลงนามในใบยินยอมผ่าตัด 9.3 โกนผม ดูแลความสะอาดร่างกาย 9.4 เตรียมผลตรวจเลือด จองเลือด และ อุปกรณ์ที่ใช้ในการผ่าตัด
การประเมินปัญหาฯ (มาตรฐานที่1) การวินิจฉัยทางการพยาบาล (มาตรฐานที่2) การวางแผนการพยาบาล (มาตรฐานที่3) การปฏิบัติการพยาบาล (มาตรฐานที่1,4, 5, 6,7,8,9,10,11) การประเมินผล (มาตรฐานที่6) 1.เสี่ยงต่อการเกิดภาวะ แทรกซ้อนหลังผ่าตัด 24 hr. Re bleeding ผู้ป่วยปลอดภัยจากภาวะ แทรกซ้อนหลังผ่าตัด 24 hr. Re bleeding 1.ตรวจวัดและบันทึกสัญญาณชีพทุก 15 นาที4 ครั้ง ทุก 30 นาที2 ครั้งและทุก 1 ชั่วโมงจนกว่า อาการผู้ป่วยจะคงที่ 2.ประเมินแผลผ่าตัด ดูแลให้ drain ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และ observe drain ถ้ามีเลือดออกมาก 200 ซีซี/ชั่วโมง รีบรายงานแพทย์ตลอดจน observe bleeding จากแผลผ่าตัด 3. กรณีผู้ป่วยทำผ่าตัด craniectomy ห้ามนอนทับศีรษะด้านที่ทำผ่าตัดและ สังเกต Flap ที่ผ่าตัดสมองถ้าโป่งตึง รายงานให้แพทย์ทราบ 4.รายงานแพทย์ทันทีเมื่อพบมีอาการ แสดงของ Re-bleeding เช่น เหงื่อออก ตัวเย็น BP < 90/60 mmHg. ชีพจร มากกว่า 100 bpm. Drain มีเลือดออก มากไหลเร็ว หรือเท่ากับ 200 ซี.ซี. ต่อ ชั่วโมง หรือแผลผ่าตัด มีเลือดซึมมาก Hct.<30 % 5.ดูแลให้ได้รับสารน้ำเลือด ส่วนประกอบ ของเลือดและยาทางหลอดเลือดดำตาม - สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ ปกติ (อุณหภูมิร่างกาย 36.5 - 37.4 c ชีพจร 60 -100 bpm. อัตราการหายใจ 16 -20 bpm. ความดันโลหิต 130/80- 100/60 mmHg. หรือระดับความดันโลหิต เฉลี่ย (mean arterial pressure (MAP) > 65 mmHg. - Hct. > 30%
การประเมินปัญหาฯ (มาตรฐานที่1) การวินิจฉัยทางการพยาบาล (มาตรฐานที่2) การวางแผนการพยาบาล (มาตรฐานที่3) การปฏิบัติการพยาบาล (มาตรฐานที่1,4, 5, 6,7,8,9,10,11) การประเมินผล (มาตรฐานที่6) แผนการรักษา พร้อมทั้งสังเกตอาการ ข้างเคียง 6.บันทึกจำนวนสารน้ำที่เข้าและออกจาก ร่างกาย ทุก 8 ชั่วโมง ตามแผนการรักษา 7.ส่งและติดตามผลการตรวจทาง ห้องปฏิบัติการตามแผนการรักษา เช่น CBC, Coagulogram, Electrolyte 2.ประสิทธิภาพการหายใจ ลดลง เนื่องจากระดับความ รู้สึกตัวลดลง ความดันใน กะโหลกศีรษะสูง ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะ เนื้อเยื่อ พร่อง ออกซิเจน 1.จัดท่านอนศีรษะสูง 30 องศา เพื่อให้ ปอดขยายตัวได้เต็มที่ และให้นอนพัก อย่างสมบูรณ์เพื่อลดการใช้ออกซิเจน 2.ประเมินสัญญาณชีพและสัญญาณทาง ระบบประสาททุก 1 ชั่วโมง หรือตาม ความเหมาะสมตามสภาพผู้ป่วย 3.ประเมินลักษณะการหายใจและอาการ ของการขาดออกซิเจน on ventilator ให้ ตามแผนการรักษา monitor SpO2 > 95% และใช้ protocol weaning กรณี ผู้ป่วยพร้อมหย่าเครื่องช่วยหายใจ 4.ดูดเสมหะอย่างถูกวิธีและเท่าที่จำเป็น และช่วยหายใจ ด้วย Self-inflating lung 1.ไม่มีอาการกระสับกระส่าย หายใจไม่เหนื่อยหอบ 2.ขณะหายใจกล้ามเนื้อ ทรวงอก กับหน้าท้อง เคลื่อนไหวสัมพันธ์กัน 3.ทรวงอกขยายเท่ากันทั้ง สอง ข้าง ฟังเสียงหายใจทั้ง หายใจเข้า ออก ชัดเจน
การประเมินปัญหาฯ (มาตรฐานที่1) การวินิจฉัยทางการพยาบาล (มาตรฐานที่2) การวางแผนการพยาบาล (มาตรฐานที่3) การปฏิบัติการพยาบาล (มาตรฐานที่1,4, 5, 6,7,8,9,10,11) การประเมินผล (มาตรฐานที่6) bag หรือกดเครื่องช่วยหายใจออกซิเจน ความเข้มข้น 100 % ช่วยหายใจ 3 – 4 ครั้ง ก่อนและหลัง ดูดเสมหะทุกครั้ง ป้องกันภาวะ Hypoxia 5.กรณีมีไข้ ให้การพยาบาลลดไข้ และใช้ protocol weaning กรณีผู้ป่วย พร้อมหย่าเครื่องช่วยหายใจ 6.ดูแลเฝ้าระวังการสูดสำลักอาหารและน้ำ กรณีไม่ได้ใส่ท่อช่วยหายใจ 7.ติดตามผลการตรวจ Arterial blood gas และรายงานแพทย์ (ถ้ามี) 3.ไม่สุขสบายจากปวดแผล วางแผนเพื่อให้สุขสบาย และลดอาการปวด 1. จัดให้ผู้ป่วยนอนในท่าที่สุขสบาย และ กรณีผู้ป่วยทำผ่าตัด craniectomy ห้าม นอนทับศีรษะด้านที่ทำผ่าตัดหรือเกิดการ ดึงรั้งสายท่อระบาย 2. ประเมินความปวดแผลผ่าตัด ในกรณี ไม่รู้สึกตัว และ on Ventilator โดยใช้ BPS กรณีรู้สึกตัวใช้ NRS จัดการความ ปวดเมื่อ pain score > 3 คะแนน และติดตามอาการข้างเคียงของยา -ประเมิน pain score < 3 คะแนน -นอนหลับพักผ่อนได้
การประเมินปัญหาฯ (มาตรฐานที่1) การวินิจฉัยทางการพยาบาล (มาตรฐานที่2) การวางแผนการพยาบาล (มาตรฐานที่3) การปฏิบัติการพยาบาล (มาตรฐานที่1,4, 5, 6,7,8,9,10,11) การประเมินผล (มาตรฐานที่6) 4.เสี่ยงต่อการติดเชื้อที่แผล ผ่าตัด -ผู้ป่วยไม่มีอาการและ อาการแสดงของการติด เชื้อที่แผลผ่าตัด 1. ล้างมือทุกครั้งก่อนและหลังให้การ พยาบาล 2. วัดและบันทึกอุณหภูมิในร่างกายทุก 4 ชั่วโมง 3. สังเกตและบันทึกลักษณะ ปริมาณ สี กลิ่นของสิ่งคัดหลั่งจากแผลผ่าตัดและน้ำ หล่อเลี้ยงสมองและ ไขสันหลัง 4. ดูแลให้แผลผ่าตัดและผ้าปิดแผลแห้ง สะอาดอยู่เสมอ แต่ถ้าพบแผลมีสิ่งคัดหลั่ง ซึมมากให้รายงานแพทย์ เพื่อเปลี่ยนและ ทำแผลใหม่โดยยึดหลักปราศจากเชื้อ 5. ดูแลให้ระบบการไหลของท่อระบายต่าง ๆ เป็นระบบปิด และไม่ให้มีการ หัก พับ งอ 6. สังเกตอาการ และอาการแสดงของการ ติดเชื้อที่แผลผ่าตัด ได้แก่ ปวด บวม แดง ร้อน มีสิ่งคัดหลั่งที่ผิดปกติ เช่น หนอง 7. ให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา และ สังเกตอาการข้างเคียง 8. ติดตามการรายงานผลการส่งเพาะเชื้อ สิ่งคัดหลั่งจากแผล ตามแผนการรักษา -ลักษณะแผลไม่บวมแดง ไม่มี discharge - สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ ปกติ (อุณหภูมิร่างกาย 36.5 - 37.4 c ชีพจร 60 -100 bpm อัตราการหายใจ 16 - 20 bpm. ความดันโลหิต 130/80-100/60 mmHg. หรือระดับความดันโลหิต เฉลี่ย (mean arterial pressure (MAP)> 65 mmHg.)
การประเมินปัญหาฯ (มาตรฐานที่1) การวินิจฉัยทางการพยาบาล (มาตรฐานที่2) การวางแผนการพยาบาล (มาตรฐานที่3) การปฏิบัติการพยาบาล (มาตรฐานที่1,4, 5, 6,7,8,9,10,11) การประเมินผล (มาตรฐานที่6) 5. เสี่ยงต่อภาวะ deep vein thrombosis: DVT) วางแผนการพยาบาล เพื่อให้ผู้ป่วยปลอดภัยจาก ภาวะ deep vein thrombosis: DVT) 1. ประเมินภาวะที่บ่งบอกภาวะ deep vein thrombosis (DVT) มีอาการเจ็บ บวมร้อน บริเวณน่อง (Iliofemoral thrombosis) แบบกระจายทั่วทั้งขาข้างที่ เป็น บวมกดบุ๋ม (Pitting edema) บวม เหนือเข่ากระจายไปทั้งขาสีผิวเปลี่ยนเป็น เขียวคล้ำ 2. หลีกเลี่ยงการให้สารน้ำบริเวณขา 3. กระตุ้นการเคลื่อนไหวผู้ป่วย โดยการ บริหารขา พลิกตะแคงตัวทุก 2 ชั่วโมง หรือทำ Passive exercise 4. ใช้ผ้ายืดพันรอบขา (elastic bandage) หรือใช้เครื่องมือที่ใช้ลมบีบเพื่อให้แรงดัน บวกเป็นระยะๆ (intermittent pneumatic compression: IPC) ในราย ที่เสี่ยงสูงและได้รับการตรวจวินิจฉัยแล้ว ว่าไม่มีภาวะ DVT -ผู้ป่วยปลอดภัยและปฏิบัติ ตามแนวทางการดูแลเพื่อ ป้องกันการเกิดหลอดเลือดดำ อักเสบจากลิ่มเลือดอุดตัน 6. เสี่ยงต่อการเกิดแผลกดทับ วางแผนการพยาบาลเพื่อ ป้องกันการเกิดแผลกดทับ - ใช้ SOP การป้องกันแผลกดทับ (SOPNUR-153) ผู้ป่วยไม่เกิดแผลกดทับ
การประเมินปัญหาฯ (มาตรฐานที่1) การวินิจฉัยทางการพยาบาล (มาตรฐานที่2) การวางแผนการพยาบาล (มาตรฐานที่3) การปฏิบัติการพยาบาล (มาตรฐานที่1,4, 5, 6,7,8,9,10,11) การประเมินผล (มาตรฐานที่6) 7. เสี่ยงต่อการได้รับ สารอาหารและพลังงานไม่ เพียงพอต่อความต้องการ วางแผนการพยาบาล เพื่อให้ได้รับสารอาหาร และพลังงานเพียงพอต่อ ความต้องการ 1.ประเมินภาวะได้รับสารอาหารน้อยกว่า ความต้องการของร่างกายจากการ รับประทาน, BMI และอื่นๆ 2.กระตุ้นให้รับประทานอาหารอ่อน ย่อย ง่าย 3.ปรึกษาโภชนากร เพื่อคำนวณ สารอาหารที่เหมาะกับสภาพผู้ป่วย และ แผนการรักษา 4.ดูแลให้ได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำ ตามแผนการรักษา 5.ติดตามผลการตรวจทาง ห้องปฏิบัติการ ( Hct, Alb) 6.ให้อาหารอ่อนย่อยง่ายครั้งละน้อย ๆ บ่อย ๆหลีกเลี่ยงอาหารหวาน มัน เครื่องเทศ 7.ดูแลให้ได้รับประทานยาตามแผนการ รักษา 8.ประเมินอาการขาดสารอาหารอย่าง รุนแรง เช่น อาการกล้ามเนื้อแขนขาลีบ เยื่อบุตาซีด อาการบวมจาก albumin ใน เลือดต่ำ -ผล Alb. > 3.5 g/dl. -I/O สมดุล
การประเมินปัญหาฯ (มาตรฐานที่1) การวินิจฉัยทางการพยาบาล (มาตรฐานที่2) การวางแผนการพยาบาล (มาตรฐานที่3) การปฏิบัติการพยาบาล (มาตรฐานที่1,4, 5, 6,7,8,9,10,11) การประเมินผล (มาตรฐานที่6) 3.รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ แบบแผนการดำเนินชีวิต การรับรู้ต่อความเจ็บป่วย ภาวะสุขภาพ ความเชื่อ วัฒนธรรม เศรษฐกิจ 8. ผู้ป่วยและญาติขาดความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคที่ เป็นอยู่และการดูแลตนเอง วางแผนให้ความรู้ในการ ดูแลผู้ป่วยแก่ญาติ 1. ประเมินความรู้ ความเข้าใจ และความ คาดหวัง เกี่ยวกับสุขภาพของผู้ป่วยและ ครอบครัว 2. แนะนำผู้ป่วยไม่ให้ดึงสายระบายต่าง ๆ 3. สอนการจัดท่านอนและพลิกตะแคงตัว แก่ผู้ป่วยและญาติ 4. กระตุ้น, เสริมสร้าง Empowerment ให้กับผู้ป่วย -ผู้ป่วยและญาติได้รับทราบ ข้อมูลเกี่ยวกับโรค การรักษา พยากรณ์โรคจากแพทย์อย่าง ต่อเนื่อง 9. ผู้ป่วยและญาติมีความวิตก กังวลเกี่ยวกับโรคที่เป็นอยู่ วางแผนเพื่อให้ผู้ป่วยและ ญาติลดความวิตกกังวล เกี่ยวกับโรคที่เป็นอยู่ 1. สร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างพยาบาล เจ้าหน้าที่ในทีมสุขภาพกับผู้ป่วยและญาติ 2. พยาบาลให้ข้อมูลแก่ผู้ป่วยและญาติ เกี่ยวกับอาการและแผนการดูแลของทีม สุขภาพ 3. เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยและญาติ พบแพทย์ ซักถามข้อสงสัย สร้างความมั่นใจ มีส่วน ร่วมในการตัดสินใจ รักษาพยาบาล 4. เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้ใช้สิ่งยึดเหนี่ยว ทางจิตใจตามความต้องการของผู้ป่วยและ ครอบครัวอย่าง เหมาะสม 5, แนะนำแหล่งประโยชน์ เพื่อขอความ ช่วยเหลือเมื่อจำเป็น -ผู้ป่วยและญาติคลายความ วิตกกังวลเข้าใจและยอมรับ ในอาการเจ็บป่วย
การประเมินปัญหาฯ (มาตรฐานที่1) การวินิจฉัยทางการพยาบาล (มาตรฐานที่2) การวางแผนการพยาบาล (มาตรฐานที่3) การปฏิบัติการพยาบาล (มาตรฐานที่1,4, 5, 6,7,8,9,10,11) การประเมินผล (มาตรฐานที่6) ระยะจำหน่าย 1.การประเมินปัญหาความ ต้องการของผู้ป่วยซ้ำก่อน จำหน่าย การให้ความรู้ด้าน สุขภาพ, care giver 2. การประเมินปัญหา ความ ต้องการของ ผู้ป่วยซ้ำก่อน ย้ายออก ICU / จำหน่าย 1.เตรียมความพร้อมผู้ป่วย ก่อนจำหน่าย วางแผนการจำหน่ายแก่ ผู้ป่วยและญาติ 1.ประชุมปรึกษาทีมดูแลรักษาผู้ป่วยและ ญาติเกี่ยวกับการวางแผนจำหน่ายตาม หลัก DMETHOD 2.การเตรียม care giver 3.อธิบายให้ทราบถึงการดูแลตนเองที่บ้าน โดยฝึกทักษะตาม Home program 4.การมาตรวจตามนัดและอาการผิดปกติ ที่ต้องกลับมาพบแพทย์ก่อนนัด 5. แหล่งประโยชน์ที่จะขอความช่วยเหลือ เมื่อมีภาวะฉุกเฉิน เช่น อนามัยใกล้บ้าน 1669 -ผู้ป่วยและญาติได้รับการ เตรียมความพร้อมผู้ป่วยก่อน จำหน่าย 2.เตรียมความพร้อมผู้ป่วย เพื่อการส่งต่อการรักษาได้ ถูกต้อง ครอบคลุม วางแผนการส่งต่อผู้ป่วย เพื่อการักษา 1. ประสานการดูแลต่อเนื่องกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องส่ง COC IMC 2. จัดเตรียมการเคลื่อนย้าย อุปกรณ์ ใบ ส่งต่อ ข้อมูล ผลการตรวจต่างๆ -ผู้ป่วยและญาติได้รับการ เตรียมความพร้อมผู้ป่วยก่อน การส่งต่อการรักษา 3.การดูแลในระยะสุดท้าย 3.การให้การพยาบาลผู้ป่วยใน วาระสุดท้าย ผู้ป่วยและญาติ ได้รับการ ดูแลในวาระสุดท้าย และมี ความพร้อมที่จะเผชิญกับ ความตายได้ 1. ทบทวนความเข้าใจและการรับรู้ เกี่ยวกับความรุนแรงของภาวะความ เจ็บป่วย และการเตรียมตัวเมื่อผู้ป่วยถึง วาระสุดท้าย ผู้ป่วยวาระสุดท้ายและ ครอบครัว ได้รับการดูแลที่ ตอบสนองความต้องการ พื้นฐานด้านร่างกายและจิต
การประเมินปัญหาฯ (มาตรฐานที่1) การวินิจฉัยทางการพยาบาล (มาตรฐานที่2) การวางแผนการพยาบาล (มาตรฐานที่3) การปฏิบัติการพยาบาล (มาตรฐานที่1,4, 5, 6,7,8,9,10,11) การประเมินผล (มาตรฐานที่6) 2. ประสานงานกับแพทย์ผู้ดูแลผู้ป่วย เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการพยากรณ์ของโรค และการแจ้งข่าวร้ายแก่ผู้ป่วยและ ครอบครัว 3. ให้คำปรึกษาแก่ผู้ป่วยและครอบครัว เพื่อวางแผนเผชิญกับความตาย ถ้าจำเป็น ส่งปรึกษาพยาบาลผู้ให้การปรึกษา 4. เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยและครอบครัว ระบายความรู้สึก และอยู่ใกล้ชิดผู้ป่วย 5. ปฏิบัติการพยาบาลที่ตอบสนองความ ต้องการพื้นฐานด้านร่างกายและจิตใจอย่าง ครบถ้วน 6. เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้ฟังแทปธรรมะ ตามความเชื่อ/ศาสนาที่นับถือ 7. อำนวยความสะดวกหากผู้ป่วยและ ครอบครัวต้องการประกอบพิธีทางศาสนา หรืออนุญาตให้บุคคลในครอบครัวเฝ้าดูแล ในวาระสุดท้าย 8. บันทึกการปฏิบัติการพยาบาลตาม แนวทางที่กำหนด วิญญาณ และมีความพร้อมที่ จะเผชิญกับความตายได้
การประเมินปัญหาฯ (มาตรฐานที่1) การวินิจฉัยทางการพยาบาล (มาตรฐานที่2) การวางแผนการพยาบาล (มาตรฐานที่3) การปฏิบัติการพยาบาล (มาตรฐานที่1,4, 5, 6,7,8,9,10,11) การประเมินผล (มาตรฐานที่6) 4.การพิทักษ์สิทธิผู้ป่วย เสี่ยงต่อการเปิดเผยร่างกาย จากการตรวจหรือให้กิจกรรม การพยาบาล วางแผนเพื่อพิทักษ์สิทธิ ผู้ป่วย - ใช้ SOP การพิทักษ์สิทธิผู้ป่วย (HANUR-018) -ผู้ป่วยได้รับการพิทักษ์สิทธิ