The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักเกณฑ์เกี่ยวกับวินัยทหารตามพระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหาร พุทธศักราช ๒๔๗๖

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by runn0248, 2022-07-01 01:05:04

หลักเกณฑ์เกี่ยวกับวินัยทหารตามพระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหาร พุทธศักราช ๒๔๗๖

หลักเกณฑ์เกี่ยวกับวินัยทหารตามพระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหาร พุทธศักราช ๒๔๗๖

Keywords: หลักเกณฑ์เกี่ยวกับวินัยทหารตามพระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหาร พุทธศักราช ๒๔๗๖

สารบญั

บทท่ี หนา

๑. กลา วนํา ๑

๒. หลักเกณฑเ กี่ยวกับวินัยทหารตามพระราชบญั ญัติวาดวยวินยั ทหาร พทุ ธศักราช ๒๔๗๖ ๒

๓. การสอบสวนเมอ่ื ขาราชการทหารกระทําผดิ หรอื ตองหาวากระทําผดิ วนิ ยั ทหาร ๗

๓.๑ การแตงตั้งผสู อบสวน

๓.๒ การดาํ เนินการสอบสวน

๓.๓ การรายงานผลการสอบสวน

๔. การพิจารณาลงทัณฑ ๑๒

๕. พระราชบัญญัติวาดว ยวินยั ทหาร พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๖ และขอบังคบั กระทรวงกลาโหม ๑๔

วาดวยตําแหนง และการเทียบตาํ แหนง บงั คับบญั ชาขาราชการกลาโหม พ.ศ.๒๕๐๑

-----------------------------------

บทที่ ๑

กลา วนํา
“ทหารเปนผูม วี นิ ยั ” ขอความน้คี งไมม ีผใู ดปฏิเสธ แตส่งิ ทปี่ รากฎอยูเสมอแมผบู งั คับบญั ชาทุกระดับชั้น

จะไดพยายามใหคําแนะนําตักเตือนเขมงวดกวดขันกันอยูตลอดเวลาก็ตามคือ ยังมีทหารสวนหนึ่งประพฤติ
ผิดวินัยทหาร กลาวคือ ไมปฏิบัติตามแบบธรรมเนียมของทหารซึ่งไดแกบรรดา กฎ ขอบังคับ ระเบียบ คําสั่ง
คําแนะนําและสรรพหนังสือตาง ๆ ท่ีผูบังคับบัญชาไดออกหรือไดวางไวเปนหลักฐานใหทหารปฏิบัติ
รวมทั้งขนบธรรมเนียมและประเพณีอันดีของทหารทั้งที่เปนลายลักษณอักษรและไมเปนลายลักษณอักษร
โดยเฉพาะขนบธรรมเนียมประเพณขี องทหารเรือ

เม่ือทหารไดกระทําความผิดวินัยทหาร ผูบังคับบัญชาก็มีหนาท่ีตองตักเตือน ส่ังสอนหรือลงทัณฑตาม
โทษานุโทษ มิฉะน้ันถือวาเปนผูกระทําผิดวินัยดวยเชนกัน เอกสารฉบับน้ีมีวัตถุประสงคเพ่ือท่ีจะใชเปน
คาํ แนะนาํ ใหผ ูบงั คับบญั ชาทุกระดับช้นั ตลอดจนผูใตบังคบั บัญชาไดเ ขาใจถงึ การกระทําอันเปนความผิดวินัย
ทหาร รวมท้ังการพิจารณาดําเนินการลงโทษทัณฑผูกระทําผิดตามพระราชบัญญัติวาดวยวินัยทหาร
พุทธศักราช ๒๔๗๖ ใหเ ปน ไปในแนวทางเดยี วกัน ทั้งนีเ้ พอื่ ประโยชนส งู สุด ทมี่ งุ หวังใหท หารเปนผูมีวินัยท่ี
ดีและวินัยทหารอยูคูกับทหารตลอดไปอันจะนํามาซ่ึงความมีระเบียบเรียบรอย เชื่อฟงคําสั่งของ
ผูบ งั คับบัญชา ภาพพจนข องกองทัพดีขนึ้ กองทพั มีความม่นั คงและประเทศชาติไดรบั ประโยชนใ นทีส่ ดุ

บทท่ี ๒

๒. หลักเกณฑเ กี่ยวกบั วนิ ยั ทหารตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วาดว ยวนิ ัยทหาร พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๖
๒.๑ การกระทําที่ถือวาผิดวินัยทหาร คือการที่ทหารไมประพฤติใหถูกตองตามแบบธรรมเนียมของ
ทหาร ซ่ึงไดแก การฝาฝนไมปฏิบัติตามกฎ ขอบังคับ ระเบียบ คําส่ัง คําแนะนํา คําชี้แจง และสรรพหนังสือ
ตา ง ๆ ท่ผี ูบงั คับบัญชาไดออก หรือไดวางไวเ ปนหลกั ฐานใหท หารปฏบิ ัติ ซ่ึงรวมทงั้ ขนบ
ธรรมเนยี มประเพณอี นั ดงี ามของทหาร ทั้งที่เปนลายลักษณอักษร ซ่ึงมีตัวอยางท่ีถือวาเปนการกระทําผิดวินัย
ทหารดังทีก่ ําหนดไวต าม พ.ร.บ.วา ดว ยวนิ ยั ทหาร ฯ ดงั น้ี

๒.๑.๑ ดือ้ ขัดขนื หลีกเลย่ี ง หรือละเลย ไมปฏบิ ัติตามคาํ ส่ังผูบ งั คบั บญั ชาเหนือตน
๒.๑.๒ ไมร กั ษาระเบยี บการเคารพ ระหวางผูใหญผนู อ ย
๒.๑.๓ ไมรักษามารยาทใหถกู ตอ งตามแบบธรรมเนียมของทหาร
๒.๑.๔ กอใหแตกความสามัคคีในคณะทหาร
๒.๑.๕ เกยี จคราน ละทง้ิ หรือเลนิ เลอ ตอ หนาทีร่ าชการ
๒.๑.๖ กลา วคาํ เทจ็
๒.๑.๗ ใชกริยาวาจาไมส มควร หรือประพฤตไิ มสมควร
๒.๑.๘ ไมต ักเตือน สัง่ สอน หรอื ลงทัณฑผใู ตบังคับบัญชาทก่ี ระทาํ ผิดตามโทษานโุ ทษ
๒.๑.๙ เสพเคร่อื งดองของเมาจนถงึ เสียกริยา
การกระทําดังกลาวมาขางตนเปนเพียงตัวอยางความผิดที่ยกขึ้นมาใหเห็นเทาน้ัน ดังนั้นหาก
ทหารกระทําหรือปฏิบัตินอกเหนือจากตัวอยางที่กําหนดไวแตเปนการท่ีไมประพฤติปฏิบัติตามแบบธรรม
เนยี มทหาร เชน แตง เครอื่ งแบบผิดระเบียบ ขึ้น - ลงเรือโดยไมรักษาแบบธรรมเนียมของทหารเรือ ฯลฯ ก็ถือ
ไดวาเปนการกระทําผิดวินัยทหารเชนเดียวกันจะตางกันก็เพียงความหนักเบาหรือลักษณะของการกระทําผิด
เทา น้ัน
๒.๒ ผูบังคับบัญชาผูมีอํานาจลงทัณฑ เมื่อมีการกระทําผิดดังกลาวในขอ ๒.๑ แลว ถือเปนหนาที่ของ
ผูบังคับบัญชาที่จะตองตักเตือนสั่งสอน ลงทัณฑผูกระทําผิดตามโทษานุโทษ มิฉะน้ันก็จะถือวาเปนผูกระทํา
ผิดวินัยทหารเสียเองดวย ท้ังนี้ผูที่จะถือวาเปนผูบังคับบัญชาซ่ึงมีอํานาจหนาท่ีดังกลาวตลอดจนมีอํานาจลง
ทัณฑผูกระทําผิดวินัยทหารไดน้ันตองเปนผูที่มีอํานาจและหนาที่ปกครองบังคับบัญชาดูแลทุกขสุขของ
ทหาร ทั้งรับผิดชอบในความประพฤติ การฝกสอนอบรม การลงทัณฑตลอดจนสั่งการแกผูใตบังคับบัญชา
และใหความดีความชอบแกทหารไดเทานั้น จึงจะถือวาเปน “ผูบังคับบัญชา” เม่ือพิจารณาดังน้ีจะเห็นวา
ผบู งั คับบญั ชาของทหารสามารถแยกได ๒ ประเภท คอื
๒.๒.๑ ผูบังคับบัญชาโดยตรง มีอยูคนเดียว คือ ผูบังคับบัญชาที่อยูใกลชิดที่สุด สําหรับดูแล
ทุกขสุขผูใตบังคับบัญชา เชน ผูบังคับบัญชาโดยตรงของพลทหารในหมูหน่ึง คือ ผูบังคับหมูนั้น ๆ
ผูบังคับบัญชาโดยตรงของผูบังคับหมู คือ ผูบังคับหมวด และผูบังคับบัญชาโดยตรงของผูบังคับหมวด คือ ผู
บังคับกองรอย หรือในสวนที่เปนฝายอํานวยการก็เชน ผูบังคับบัญชาโดยตรงของขาราชการในแผนกตาง ๆ

คือ หัวหนาแผนก สวนผูบังคับบัญชาโดยตรงของหัวหนาแผนก คือ ผูอํานวยการกอง หรือหัวหนากอง ดังนี้
เปนตน

๒.๒.๒ ผบู ังคบั บัญชาตามลําดับช้ัน หมายถึงผูบังคับบัญชาตั้งแตอันดับสูงขึ้นไปจากผูบังคับบัญชา
โดยตรง เชน ผูบังคับบัญชาตามลําดับชั้นของพลทหารในหมูหน่ึง ๆ ไดแก ผูบังคับหมวด ผูบังคับกองรอย ผู
บังคบั กองพัน ผบู ังคับการกรม ผบู ญั ชาการกองพล แมท พั ผบู ัญชาการเหลาทัพ ผูบัญชาการทหารสูงสุด และ
รัฐมนตรีวาการกระทรวงกลาโหม หรือ กรณีกรมฝายอํานวยการของ ทร. ก็เชน ผูบังคับบัญชาตามลําดับชั้น
ของขาราชการในแผนกหนึง่ กค็ ือ ผอู าํ นวยการกอง หรอื หวั หนากอง เจา กรม
ผบู ัญชาการทหารเรอื ผบู ญั ชาการทหารสงู สดุ และรฐั มนตรวี าการกระทรวงกลาโหม เปนตน

ทั้งนี้รายละเอียดของตําแหนงและการเทียบตําแหนงบังคับบัญชาขาราชการกลาโหมนั้น ไดกําหนดไว
แลว ในขอบังคับ กห.วาดวยตําแหนง และการเทียบตําแหนงบังคับบัญชาขาราชการกลาโหม พ.ศ.
๒๕๐๑ ขอ ๓ (โปรดดูในสว นท่ี ๕) ซงึ่ มขี อ สังเกตวา ผูด ํารงตาํ แหนง ประจาํ ผูชวย รองหรอื
เสนาธิการ นั้นไมถือวาเปนผูบังคับบัญชาผูมีอํานาจลงทัณฑตาม พ.ร.บ.วาดวยวินัยทหาร ฯ แตถือวาเปน
“ผูใหญ” ซ่ึงหมายถึงผูที่มียศสูงกวา ไมมีอํานาจบังคับบัญชาแตมีสิทธิในการวากลาวตักเตือนผูนอยในทางที่
ชอบ เวนแตผูดํารงตําแหนง ดงั กลา วนไี้ ดรบั มอบอํานาจใหบังคบั บัญชาไดด วยจงึ จะมีอาํ นาจลงทณั ฑผูกระทาํ
ผดิ วินัยทหารได

๒.๓ อํานาจลงทณั ฑ ดงั ไดกลาวแลว วา มีผมู อี ํานาจลงทัณฑแกผ ูก ระทําผิดวินัยทหารไดนนั้
ผูบังคับบัญชาหรือผูซ่ึงไดรับมอบอํานาจใหบังคับบัญชา สําหรับทัณฑท่ีจะลงนั้นตองเปนทัณฑ ๕ สถาน
และตองเปนไปตามตารางกําหนดทัณฑทาย พ.ร.บ.วาดวยวินัยทหาร ฯ (รายละเอียดโปรดดูสวนที่ ๕
ประกอบ) หามมิใหใ ชวิธีลงทัณฑอ ยางอ่ืน ทัณฑ ๕ สถานมดี งั นี้

๒.๓.๑ ภาคทัณฑ คือผูกระทําผิดมีความผิดอันควรตองรับทัณฑสถานหนึ่งสถานใดดังกลาว
มาแลว แตม เี หตุอนั ควรปรานี จึงใหแ สดงความผิดของผูนนั้ ใหปรากฏหรือใหทําทัณฑบ นไว

๒.๓.๒ ทัณฑกรรม คือการใหทําการสุขา การโยธา ฯลฯ เพิ่มจากหนาท่ีประจําซ่ึงตนจะตอง
ปฏิบัติอยแู ลว หรือปรบั ใหอยูเวรยามนอกจากหนา ที่ประจาํ

๒.๓.๓ กัก คือการกักตัวไวในบริเวณใดบริเวณหนึ่งตามแตจะกําหนดซ่ึงอาจจะเปนสถานท่ี
ทาํ งานหรือกองรกั ษาการณก็ได

๒.๓.๔ ขัง คือขงั ไวใ นทค่ี วบคุมเฉพาะคนเดยี วหรอื รวมกนั หลายคนแลวแตจะไดม ีคําสั่ง
๒.๓.๕ จําขงั คอื ขังโดยสงไปฝากใหอ ยใู นความควบคุมของเรือนจําทหาร
การพิจารณาวาผูมีอํานาจบังคับบัญชาช้ันใดจะมีอํานาจเปนผูลงทัณฑชั้นใด และผูอยูในบังคับบัญชา
ช้ันใดจะเปนผูรับทัณฑช้ันใดใหถือเกณฑตามตารางเกณฑเทียบชั้นผูลงทัณฑและผูรับทัณฑตามที่ พ.ร.บ.วา
ดวยวินัยทหาร ฯ กําหนดไว
๒.๔ ตารางเกณฑเ ทียบช้นั ผลู งทัณฑแ ละผรู ับทัณฑ

ตําแหนง ชั้น เปน ผูลงทัณฑช ัน้ เปน ผูรับทณั ฑช้ัน
๑. รัฐมนตรวี า การกระทรวงกลาโหม ๑ -
๒. แมทพั ๒ -
๓. ผบู ัญชากองพล ผบู งั คบั การกองเรือ ๓ -
๔ ก
ผบู ัญชาการกองพลบิน ๕ ข
๔. ผูบงั คับการกรม ผูบังคับหมวดเรือ ๖ ค
๗ ง
ผบู งั คับกองบิน ๘ จ
๕. ผบู งั คบั หมูเรือช้ัน ๑ ๙ ฉ
๖. ผบู งั คับกองพัน ผูบงั คับหมูเ รือช้นั ๒ - ช
- ซ
ผูบ ังคบั การเรอื ชั้น ๑ ผูบงั คับฝูงบิน
๗. ผบู งั คับหมเู รอื ชนั้ ๓ ผูบังคบั การเรอื ชน้ั ๒ - ฌ

ตน เรือชัน้ ๑ ผูบงั คับหมวดบนิ ชั้น ๑
๘. ผูบงั คับกองรอ ย ผบู งั คับการเรอื ช้นั ๓ ตนเรือชนั้ ๒

นายกราบเรือ ผูบังคับหมวดบินชั้น ๒
๙. ผูบ ังคบั หมวด ตน เรอื ช้นั ๓

ผูบังคบั หมวดบินชน้ั ๓
๑๐. ผูบ ังคับหมู นายตอน
๑๑. นักเรียนทหารซึ่งเมื่อสําเร็จการศึกษาแลวจะไดเปน
นายทหารชั้นสัญญาบัตร บุคคลผูซ่ึงอยูระหวางเขา
รับการฝกวิชาทหารโดยคําส่ังรัฐมนตรีวาการกระทรวง
กลาโหมตามกฎหมายวาดวยการสงเสริมการฝกวิชา
ทหาร
๑๒. นักเรยี นทหารซง่ึ เมือ่ สาํ เร็จการศกึ ษาแลว จะไดเปน
นายทหารประทวน ลกู แถว

๒.๕ การเทียบตําแหนงผลู งทณั ฑแ ละผรู ับทณั ฑ
ถาผูลงทัณฑหรือรับทัณฑมีตําแหนงไมตรงตามที่กําหนดไวใหถือตามท่ีไดเทียบตําแหนงไวใน

ขอบังคับกระทรวงกลาโหมวาดวยตําแหนงและการเทียบตําแหนงบังคับบัญชาขาราชการกลาโหม พ.ศ.
๒๕๐๑ (รายละเอียดโปรดดูสวนที่ ๕)

๒.๖ การสอบสวนพิจารณากอนลงทัณฑ กอนลงทัณฑพระราชบัญญัติวาดวยวินัยทหาร ฯ กําหนดให
ผูบังคับบัญชาพิจารณาใหถวนถี่แนนอนเสียกอนวาผูท่ีจะตองรับทัณฑนั้นมีความผิดจริงแลวจึงสั่งลงทัณฑ

ตองระวงั อยาลงทัณฑไปโดยโทษจริตหรือลงทัณฑแกผูที่ไมมีความผิดโดยชัดเจน แมตามพระราชบัญญัติวา
ดวยวินัยทหารจะกําหนดไวเ พยี งวาตองพิจารณาใหถ ว นถี่แนนอนไมไดกําหนดวาตอง สอบสวน แตการ
ที่จะพิจารณาใหถวนถี่แนนอนวามีความผิดจริงหรือไมก็จําเปนจะตองทําการสอบสวนขอเท็จจริงวามีอยู
ประการใดเสียกอน อยางไรก็ตามสําหรับความผิดบางอยางอาจไมจําเปนตองสอบสวนก็ได หากเห็นวา
แนนอนแลววาผูน้ันมีความผิดจริง เชน การกระทําผิดวินัยทหารที่ปรากฏตอหนา ผูบังคับบัญชา
ผูบ ังคับบญั ชาผนู ้ันก็อาจสัง่ ลงทัณฑไปไดเ ลยทีเดยี วโดยไมต องทําการสอบสวนอยา งใดอกี

๒.๗ การช้ีแจงใหผูรับทัณฑทราบกอนลงทัณฑ เมื่อไดพิจารณาความผิดโดยละเอียดแลวตองแจงให
ผูกระทําผิดทราบวา กระทําผดิ ขอ ใด เพราะเหตุใด แลว จึงลงทัณฑ

๒.๘ การลงทัณฑขาราชการช้ันสัญญาบัตร การลงทัณฑขาราชการช้ันสัญญาบัตรตองรายงานการลง
ทัณฑเสนอตามลําดับชน้ั จนถึงรัฐมนตรวี าการกระทรวงกลาโหมดวย

๒.๙ การลงทัณฑเกินอํานาจ เม่ือปรากฎความผิดแนนอนแลวและควรลงทัณฑเกินอํานาจของตน
ผบู ังคบั บัญชาตอ งรายงานช้ีแจงความผิดและเสนอความเห็นวาควรลงทัณฑเพียงใดเสนอตามลําดับช้ันจนถึง
ผูมอี าํ นาจลงทณั ฑไดพอกบั ความผดิ นน้ั เพอ่ื ขอใหผูบงั คบั บญั ชานน้ั สั่งการตอไป

๒.๑๐ การสัง่ เพ่มิ ทณั ฑ ลดทัณฑและยกทณั ฑ
๒.๑๐.๑ เม่ือไดสั่งลงทัณฑขังไปแลว ถาผูกระทําผิดน้ันกระทําผิดซํ้าอีก ผูมีอํานาจลงทัณฑจะส่ัง

เพ่ิมทัณฑไดแตเมื่อรวมวันท่ีขังตามกําหนดเดิมท่ีไดส่ังไปแลวกับทัณฑที่ส่ังเพ่ิมใหมตองไมใหเกินอํานาจ
ของตน ถาเกินอํานาจของตนก็ตองรายงานผูบังคับบัญชาชั้นเหนือขึ้นไปจนถึงผูมีอํานาจลงทัณฑไดตาม
กําหนดน้นั

๒.๑๐.๒ เมื่อผมู อี ํานาจไดสงั่ ลงทัณฑตาม พ.ร.บ.วาดวยวินัยทหาร ฯ แลว ผูที่ส่ังลงทัณฑหรือผูมี
อํานาจบังคับบัญชาเหนือผูท่ีส่ังลงทัณฑนั้นมีอํานาจที่จะเพิ่มทัณฑหรือลดทัณฑ หรือยกทัณฑเสียก็ได แตถา
เพิ่มทณั ฑแลว ทณั ฑท ส่ี งั่ เพมิ่ นั้นรวมกบั ท่ีส่ังไวแ ลวเดมิ ตอ งไมเ กินอํานาจของผูท่ีสั่งใหมนน้ั ดว ย

๒.๑๑ อายุความการลงทัณฑทางวินัย นับต้ังแตวันที่ปรากฎหลักฐานแหงความผิดของผูกระทําผิดซึ่ง
จะตองรับทัณฑโดยแนนอนแลว ถาผูมีอํานาจลงทัณฑมิไดจัดการท่ีจะใหผูนั้นไดรับทัณฑภายในกําหนด ๓
เดือน เปนอันวาลวงเลยเวลาที่จะลงทัณฑ ดังน้ันจะสั่งลงทัณฑโดยอํานาจของตนเองมิได เวนเสียแตผูที่
กระทําผิดน้ันขาดหนีราชการเสียแตเม่ือกอนครบกําหนด ๓ เดือน ดังนี้มิใหนับวันหนีน้ันเขาในกําหนดเวลา
ลว งเลย แตใหนบั ต้งั แตวนั ทไ่ี ดต วั ผนู ั้นกลบั มายังทีร่ บั ราชการหรอื ยังหนวยตนสงั กัด

๒.๑๒ การลงทัณฑท หารหญิง ตามขอบังคับกระทรวงกลาโหมวาดวยทหารหญิง พ.ศ.๒๕๐๗ ขอ ๑๔
ไดกําหนดไววา “ขอ ๑๔ ทหารหญิงตองมีวินัยและอยูภายใตบังคับของกฎหมายและแบบธรรมเนียมของ
ทหาร” ดังน้ันเมื่อทหารหญิงกระทําผิดวินัยทหาร ยอมไดรับทัณฑเชนเดียวกับทหารชายตาม พ.ร.บ.วาดวย
วินัยทหาร ฯ แตในการกัก ขัง หรือจําขังตองแยกท่ีควบคุมตางหากจากผูตองขังชายดังที่กําหนดไวใน
ขอบงั คับทหารวาดวยเรอื นจาํ

๒.๑๓ การลงทัณฑทหารโดยพลการหรือลงทัณฑนอกเหนือจากทัณฑนอกเหนือจากทัณฑท่ีกําหนด
ไวหรือลงทัณฑผูที่ไมใชทหาร ทัณฑที่จะลงแกผูกระทําผิดตาม พ.ร.บ.วาดวยวินัยทหาร ฯ นั้นมีเพียง ๕

สถาน ดังกลาวในขอ ๒.๓ เทานั้น การลงทัณฑประการอ่ืน เชน ทุบ ตี ตบ ตอย เตะถีบ ดาวาดวยถอยคํา
หยาบคายหรือดูถูกดูหมิ่น ฯลฯ จึงไมอาจกระทําได นอกจากนั้นแลว ขาราชการกลาโหมพลเรือน
คนงาน และลูกจางในสังกัดกระทรวงกลาโหมไมใชทหารจะพิจารณาลงทัณฑทางวินัย ตาม พ.ร.บ.วาดวย
วนิ ัยทหาร ฯ นี้ไมไ ด ถา ผบู งั คบั บญั ชาผใู ดกระทําการดังกลาวมาขางตนอาจมีความผิดไดทั้งทางวินัยและทาง
อาญาฐานทาํ รา ยรางกายหรือดหู ม่นิ / หมิ่นประมาทไดด ังนนั้ จงึ ตอ งระมดั ระวังเปน พิเศษดวย

บทที่ ๓

๓. การสอบสวนเมื่อขา ราชการทหารกระทาํ ผดิ หรอื ตองหาวากระทาํ ผิดวนิ ัยทหาร
เม่ือปรากฏวาขาราชการ ทหาร ผูใตบังคับบัญชากระทําผิดวินัยทหาร หรือตองหาวากระทําผิดวินัย

ทหาร ไมวาจะเปนกรณีที่ผูบังคับบัญชาไดพบเห็นดวยตนเอง เชน พบเห็นแตงกายผิดระเบียบ, ไวผมยาว,
เดินออกนอกชายคาไมสวมหมวก, เมาสุราอาละวาดในรานอาหาร เปนตน หรือมีผูแจงใหผูบังคับบัญชา
ทราบซึ่งอาจเปนการรายงานเปนลายลักษณอักษรหรือไมเปนลายลักษณอักษรก็ได เชน มีหนังสือรายงาน
จากบุคคลภายนอก หรอื ขา ราชการทหารดว ยกัน หรือปรากฏรายงานจากนายทหารเวรยามผมู ี
หนาท่ีสงหรือเสนอถึงผูบังคับบัญชาวาผูใตบังคับบัญชาผูใดผูหนึ่งกระทําผิดวินัยทหารหรือกรณีมีบัตร
สนเทห หรอื มผี แู จงตอ ผบู งั คับบญั ชาดวยวาจาถงึ การกระทําผดิ วินยั ทหาร หากพิจารณาแลวเห็นวานาจะมีมูล
นาเชื่อถือได ผูบังคับบัญชาและผูทําการสอบสวนควรใชหลักเกณฑและแนวทางปฏิบัติในการดําเนินการตอ
ผกู ระทาํ ผดิ หรือผูถกู กลา วหาตามลําดบั ดังนี้

๓.๑ แตง ตงั้ กรรมการหรือผสู อบสวนขึ้นสอบสวน
๓.๑.๑ แมวา พ.ร.บ.วาดวยวินัยทหาร ฯ ไมไดกําหนดไวอยางชัดแจงวาจะตองมีการตั้งกรรมการ

หรือตัง้ ผูส อบสวนขน้ึ สอบสวนผูกระทําผิดหรือผูถูกกระทําผิดหรือผูถูกกลาวหาวากระทําผิดวินัยทหาร แตก็
ไดกําหนดไววา กอนท่ีผูมีอํานาจลงทัณฑหรือผูบังคับบัญชาจะลงทัณฑผูกระทําผิดวินัยทหารคราวใดให
พิจารณาใหถวนถ่ีแนนอนวาไดกระทําผิดจริง แลวจึงสั่งลงทัณฑและระวังอยาใหเปนการลงทัณฑไปโดย
โทษจรติ หรือลงทัณฑแ กผูไมมคี วามผิดโดยชดั เจนเปน อนั ขาด ดงั น้ันเพ่อื ใหไ ดค วามชดั เจนวากระทําผิดจริง
หรือไม จึงมีความจําเปนตองมีการสอบสวนขึ้นซึ่งอาจเปนในรูปของคณะกรรมการหรือผูสอบสวนเพียงคน
เดียว ทําการสอบสวนผูเกี่ยวของใหไดความชัดเจนเสียกอนลงทัณฑ การตั้งกรรมการหรือผูสอบสวนน้ี
นอกจากจะทําใหไ ดค วามชัดเจนตามที่ พ.ร.บ.วินัยทหาร ฯ กําหนดไวแลว ยังสามารถปองกันการโตแยงหรือ
รองเรียนจากผูถูกสอบสวนไดดวย เพราะหากมีการสอบสวนยอมปรากฏรายงาน พยานหลักฐานใชยืนยัน
หรือแสดงตอ ผกู ระทาํ ผิดตลอดจนผเู กยี่ วของทส่ี งสยั ได

๓.๑.๒ จํานวนของกรรมการผูสอบสวน และ ชน้ั ยศของผทู จี่ ะเปน กรรมการหรอื ผสู อบสวน
ก็เชนเดียวกัน พ.ร.บ.วินัยทหาร ฯ ไมไดกําหนดไว แตในทางปฏิบัติแลวหากตั้งเปนคณะกรรมการก็ควรมี
อยางนอย ๓ คน (ซึ่งอาจเปนนายทหารชั้นสัญญาบัตรท้ังหมด หรือมีนายทหารประทวนรวมดวยก็ได) และ
ควรมีชั้นยศที่สูงหรืออาวุโสกวาผูถูกสอบสวนดวย และไมควรแตงต้ังผูท่ีเคยมีกรณีขัดแยงกับผูถูกสอบสวน
มากอน หรือเปนผูท่ีมีประวัติกระทําผิดวินัยทหารมากอนเปนกรรมการหรือผูสอบสวน ท้ังน้ีเพ่ือความ
เหมาะสมรอบคอบและใหเ กิดความยตุ ธิ รรมมากทส่ี ุด ตลอดจนเปนการปองกันขอโตแยงหรือรองเรียนจากผู
ถกู สอบสวนในภายหลังวา การสอบสวนกระทาํ ไปโดยมอี คติ ลาํ เอยี งหรอื ปราศจากความยตุ ธิ รรม

๓.๑.๓ วิธีการแตงต้งั หรอื สั่งการใหสอบสวน

การแตงตง้ั หรอื สง่ั การใหส อบสวนหลงั จากไดพ ิจารณาตวั บคุ คลผูท่ีเห็นสมควรเปนกรรมการหรือ
ผูทําการสอบสวนแลว ผูบังคับบัญชาควรสั่งการเปนลายลักษณอักษรโดยจะส่ังในลักษณะสั่งการตอทาย
บันทึกรายงานของหนวยหรืออนุมัติตอทายบันทึกของฝายอํานวยการท่ีเสนอแนะขึ้นมาหรือสั่งการตอทาย
หนังสือหรอื รายงานของผูกลา วโทษกไ็ ดห รอื กรณที ีเ่ หน็ วาเปนเร่ืองท่ีสําคัญ เกี่ยวกับขาราชการหนวยงานอื่น
หรือบุคคลภายนอกหรือเปนเรื่องการกระทําผิดวินัยรายแรง ก็ควรสั่งการใหมีการสอบสวนโดยจัดทําเปน
รปู แบบคําสง่ั ของหนวย

สําหรับขอความในคําสั่งหรือการสั่งการใหสอบสวนก็ควรระบุใหชัดเจนวาใหมีผูใดบางเปนกรรมการ
สอบสวน และผใู ดเปน ประธานกรรมการสอบสวนเร่อื งใด และควรใหผ ูเปนกรรมการ
สอบสวนเสนอแนะทณั ฑท ีจ่ ะลงมาดวย หากเห็นวาผูถูกสอบสวนไดก ระทําผิดวนิ ยั ทหารจริง นอกจากนน้ั ยงั
อาจจะกําหนดเวลาการสอบสวนใหแ ลว เสรจ็ ภายในระยะเวลาตามท่เี หน็ สมควรไวด ว ยกไ็ ด

๓.๒ การดําเนินการสอบสวน เมื่อไดรับคําส่ังแตงตั้งเปนกรรมการสอบสวน แนวทางปฏิบัติของ
กรรมการหรือผสู อบสวนควรดําเนินการดังนี้

๓.๒.๑ เตรียมการเบื้องตนในการสอบสวน กอนลงมือทําการสอบสวนควรมีการเตรียมการ
เบื้องตนเสียกอ น ดังน้ี

- ศึกษารายละเอียดของขอ กลา วหาและผกู ลาวหา หรอื ลักษณะของการกระทําผดิ
- ศึกษาระเบียบ คําสั่ง กฎ ขอบังคับ ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณีของทหาร ซึ่งจะ
เกี่ยวของกับเรื่องทจี่ ะทําการสอบสวน
- กําหนดประเด็นท่ีจะตองสอบสวน หรือแนวทางการสอบสวนหรือรวบรวมไวเพ่ือใชเปน
พยานหลักฐาน แลว จดั ลําดบั ในการสอบสวนกอ นหลัง
๓.๒.๒ วิธีการสอบสวน แบงออกเปนการสอบสวนตัวผูตองหาหรือผูถูกกลาวหาวากระทําผิด
วนิ ยั ทหาร, การสอบสวนพยานบคุ คลทเี่ กย่ี วขอ ง, การสอบสวนผกู ลาวหา, การสอบสวนพยานเอกสาร ซ่ึงใน
การสอบสวนมแี นวทางในการปฏบิ ตั ิทแี่ ตกตา งกนั ดงั นี้
๓.๒.๒.๑ การสอบสวนผถู กู กลาวหาหรอื ผตู องหาวากระทําผิดวนิ ัยทหาร เม่อื ผถู ูก
กลา วหา หรือผูตองหามาอยูต อ หนา กรรมการแลว กรรมการตองแจงใหผ ูถูกกลาวหาทราบวา มกี ารกลาวหาวา
กระทําผิดอยางไรบาง และใหโอกาสผูถูกกลาวหาช้ีแจงและนําพยานหลักฐานมาใหสอบสวนแกขอกลาวหา
หรือนํามาแสดงยนื ยนั ความบริสุทธ์ขิ องตน แลว จงึ ลงมอื ทาํ การสอบสวนไปตามลําดับประเด็นดังนี้

๓.๒.๒.๑.๑ สอบถามผูถูกกลาวหาวากระทําผิดจริงหรือไม จะใหการรับสารภาพ
หรือใหก ารปฏเิ สธ

๓.๒.๒.๑.๒ ในการใหการรับสารภาพ ก็ใหมีการบันทึกหรือระบุรายละเอียดในการ
กระทําผิดวาไดกระทําเม่ือใด ที่ไหน อยางไร ตลอดจนมีผูใดรวมกระทําผิดหรือเกี่ยวของดวยบางหรือไม
อยางไร

๓.๒.๒.๑.๓ ถาใหก ารปฏเิ สธ ผูถ ูกกลาวหามีขอแกตัวอยางไร อางพยานหลักฐาน
ใดเปน ขอ ยืนยนั โตแยง หรอื เพ่ือพสิ ูจนค วามบริสุทธิข์ องตน

๓.๒.๒.๒ การสอบสวนพยานบุคคล พยานบุคคลท่ีจะทําการสอบตองเปนพยาน
ประเภทประจักษพยานคือพบเห็นการกระทําผิดดวยตนเองหรือเกี่ยวของอยูในเหตุการณที่ผูถูกกลาวหา
กระทําผิด สวนวิธีการเรียกพยานมาสอบสวนนั้น หากเปนขาราชการนอกหนวยหรือบุคคลภายนอก ก็
ควรมีหนังสือไปยังผูบังคับบัญชาพยาน หรือมีถึงตัวพยานโดยตรง กรณีเปนบุคคลภายนอกขอความรวมมือ
ใหมาพบกรรมการสอบสวน เพื่อสอบสวนเปนพยานในเรื่องดังกลาวโดยตรง และควรมีประเด็นท่ีเปน
สาระสาํ คัญท่ีจะสอบสวนดังน้ี

๓.๒.๒.๒.๑ พยานเกย่ี วของกับกรณที เี่ กิดข้นึ อยา งไร
๓.๒.๒.๒.๒ พยานไดรูเห็นวาผูถูกกลาวหากระทําผิดอยางไร รายละเอียดของ
เหตกุ ารณ หรอื การกระทาํ ผิดของผูถ ูกกลา วหามอี ยางไร
๓.๒.๒.๒.๓ นอกจากพยานแลว ยังมผี ูร ูเหน็ อ่ืนอกี หรือไม
๓.๒.๒.๒.๔ พยานเคยรูจกั หรือมีความเก่ียวของหรือมีสาเหตุโกรธเคืองขัดแยงกับผู
ถูกกลาวหาหรอื ไม
๓.๒.๒.๓ การสอบสวนผูกลาวหา กรณีมีผูกลาวหาหรือผูรายงานการกระทําผิดวินัยทหาร
กรรมการหรือผสู อบสวนตองสอบสวนผูก ลาวหาหรือผูรายงานการกระทําผิดวินัยทหารนั้นไวโดยมีประเด็น
ที่มสี าระสาํ คัญท่จี ะสอบสวนดังน้ี
๓.๒.๒.๓.๑ ผูกลาวหาเกี่ยวของกับกรณีท่ีเกิดขึ้นอยางไร ผูถูกกลาวหากระทําผิด
อยา งไร รายละเอียดของพฤติการณแ ละวธิ ีการในการกระทาํ ผดิ
๓.๒.๒.๓.๒ ในขณะเกิดเหตุมีผใู ดรเู ห็นหรอื อยูใ นบริเวณทเ่ี กิดเหตบุ าง
๓.๒.๒.๓.๓ ผูกลาวหาเคยรจู ักหรอื มีสาเหตุโกรธเคอื งหรอื ขดั แยงกบั ผถู ูก
กลา วหามากกอนหรือไม อยา งไร
๓.๒.๒.๔ การสอบสวนพยานเอกสาร ควรดําเนินการดงั น้ี
๓.๒.๒.๔.๑ ตรวจสอบและพิจารณาวามีเอกสารใดท่ีเกี่ยวของกับกรณีท่ีเกิดข้ึนบาง
และอยูทใี่ ด จากนัน้ จึงไปตดิ ตอหรอื ทําหนังสือตดิ ตอขอเอกสารดังกลา วมาใชเปนพยานหลกั ฐาน
๓.๒.๒.๔.๒ กรณีไมมีตนฉบับของเอกสารหรือหาตนฉบับไมพบก็ใหคัดสําเนา
หรือถายภาพแลว ใหผ ูม ีหนาที่รับผดิ ชอบรบั รองวาเปน สาํ เนาทถ่ี กู ตอ งมาใชเปนพยานได
๓.๒.๒.๔.๓ พยานเอกสาร รวมทั้งพยานวัตถุใดถาเห็นเปนการสมควรก็ใหผูถูก
กลาวหา ผูกลาวหาหรือพยานบุคคลรับรองวาเปนผูท่ีเกี่ยวของกับเอกสารหรือวัตถุน้ันไดตรวจดูและ
สอบถามวา จะยอมรบั รองหรือไมอ ยางไรแลวบนั ทึกไวในเอกสารประกอบพยานเอกสารนั้นดว ยกไ็ ด
๓.๒.๒.๕ วิธีการบนั ทึกถอยคาํ ในการสอบสวน
ในการสอบสวนกรรมการสอบสวนตองบันทึกถอยคําของผูถูกสอบสวนท้ังหมดไม
วาจะเปนผูตองหาหรือถูกกลาวหา พยานบุคคล ผูกลาวหาโดยใหเริ่มตนบันทึกถึงสถานที่ทําการสอบสวน
วัน/เดือน/ป ท่ีทาํ การสอบสวน จากนน้ั ควรเรมิ่ ตนและสน้ิ สดุ ในการบันทกึ ถอ ยคาํ ผเู ก่ยี วของดงั นี้

๓.๒.๒.๕.๑ การเริ่มตนบันทึกถอยคําสําหรับผูกลาวหาและพยานบุคคลท่ีเก่ียวของ
ควรเริ่มตนดงั นี้

ขา ฯ ...............(ยศ ชื่อ สกุล).................อายุ................ป อาชีพหรือสังกัด................................
สั ญ ช า ติ ..............ศ า ส น า ........................ตั้ ง บ า น เ รื อ น อ ยู บ า น เ ล ข ที่ ........................ห มู ท่ี ........................
ถ น น ........................ตํ า บ ล /แ ข ว ง ..........................อํ า เ ภ อ /เ ข ต .......................................
จังหวัด..............................ขอใหถอยคําตอหนา...............(ยศช่ือสกุลของกรรมการสอบสวน)กรรมการ
สอบสวนดวยความสัตยจรงิ ดงั ตอ ไปน.้ี ....................(บนั ทกึ ขอ เท็จจริงตามประเด็นท่ีเปนสาระสําคญั ดังกลาว
มาแลวขา งตน)

การลงทายในบันทึกถอยคํา เมื่อจะสิ้นสุดในการสอบสวนสําหรับผูกลาวหาหรือพยานบุคคลควรจะลง
ทายวา “ขา ฯ ไมเคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผูถูกกลาวหามากอนขอความทั้งหมดเปนความจริงอานใหฟงแลว
รบั วาถกู ตอง

(ลงชื่อ).......................................ผกู ลา วหา (หรอื พยาน)
(ลงชือ่ ).......................................กรรมการสอบสวน
(ลงช่อื ).......................................กรรมการสอบสวน
(ลงชือ่ ).......................................กรรมการสอบสวน/บนั ทกึ /อาน
๓.๒.๒.๕.๒ การเริ่มตนในการบันทึกถอยคําสําหรับผูถูกกลาวหาหรือผูตองหา
การเร่ิมตนกระทําเชนเดียวกับการบนั ทกึ ถอ ยคาํ ผกู ลา วหาหรือพยานบุคคลดังกลาวในขอ ๓.๒.๒.๕.๑ แตให
เพิ่มเติมขอความดังน้ีตอทายขอความดังกลาวไปอีกวา “ตามท่ีคณะกรรมการสอบสวนไดแจงขอกลาวหาให
ขา ฯ ทราบวาขา ฯ ถูกกลาวหา.....................................................และกรรมการสอบสวนไดแจง/อธิบาย
ขอความหาใหขา ฯ ทราบแลว ขา ฯ ขอใหการ................................................(รับสารภาพหรือปฏิเสธ) ใน
กรณรี ับสารภาพควรตอ ทา ยดวยคําวา “โดยขอใหการในรายละเอียดประกอบคํารับสารภาพดังตอไปนี้” หรือ
หากเปน การใหการปฏเิ สธกค็ วรตอ ทายดวยคาํ วา “โดยขอแถลงความจรงิ ในรายละเอียดดงั ตอ ไปนี”้
สว นการลงทายในบันทกึ ถอยคําของผูถูกกลาวหา ควรลงทายดวยคําวา “ขอความทั้งหมดเปนความจริง
อานใหฟงแลวรับวาถูกตอง” แลวใหผูถูกกลาวหาและกรรมการสอบสวนลงชื่อไวเชนเดียวกับการสอบสวน
ผูกลา วหาหรอื พยาน
๓.๓ การรายงานผลการสอบสวน
เมอ่ื กรรมการสอบสวนไดสอบสวนผูต อ งหาหรือถกู กลาวหา ผกู ลาวหา พยานบุคคลตลอดจนพยาน
เอกสารเสร็จเรียบรอยแลว ควรประชุมปรึกษากันแลวจัดทํารายงานการสอบสวนโดยมีรูปแบบและเนื้อหา
สาระทสี่ ําคญั ดังน้ี
๓.๓.๑ ข้ึนตนดวยการกลาวถึงคําสั่งตั้งกรรมการสอบสวนจากนั้นยอหรือสรุปคําใหการของ
ผตู องหาหรอื ผถู กู กลา วหา ผกู ลา วหา พยานบคุ ล พยานเอกสาร ตลอดจนขอ เทจ็ จริงอน่ื ทเ่ี กยี่ วของกับประเด็น
ทีย่ อ หรือสรปุ

๓.๓.๒ ขอพิจารณาหรือความเห็นวาผูตองหาหรือถูกกลาวหาไดกระทําผิดวินัยอยางไรหรือไม
โดยอาศัยพยานหลักฐานและเหตุผลอยางไร ซ่ึงขอพิจารณาหรือความเห็นนี้ไดมาจากการช่ังนํ้าหนัก
พยานหลักฐานที่ไดจากการสอบสวนหรือรวบรวมไวในการสอบสวน และตองมีนํ้าหนัก มีความนาเชื่อถือ
อยา งเพียงพอทีจ่ ะสรุปไดวา ผูต องหาหรอื ผถู ูกกลาวหาไดกระทําผิดจริง หากยังมีขอสงสัยประการใดอยู หรือ
พยานหลักฐานไมน า เชอ่ื ถอื หรือยงั ขดั แยง กนั อยูก็ควรยกผลประโยชนใ หแกผูถกู กลาวหาหรอื ผตู อ งหา

๓.๓.๓ สรุปความเห็นของคณะกรรมการวาผูตองหามีความผิดวินัยทหารหรือไม ถาเห็นวามี
ความผิด เปนความผิดตอกฎ ขอบังคับ ระเบียบ คําสั่ง คําแนะนํา หรือขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของ
ทหารประการใด โดยใหระบุใหชัดเจน เชน กรณีที่เห็นวาผูถูกกลาวหาหรือผูตองหากระทําผิดฐานประพฤติ
ตนไมสมควร ก็ควรระบุใหชัดวาประพฤติตนในลักษณะใด หรือกระทําอยางไรไปไวดวย และควรไดรับ
โทษทัณฑส ถานใดไวดว ย เพอื่ เปนขอพจิ ารณาสาํ หรับผบู งั คับบัญชา ในการสัง่ ลงทัณฑตอ ไป

บทท่ี ๔

๔. การพจิ ารณาลงทัณฑ
๔.๑ หลกั เกณฑการกาํ หนดทัณฑทีจ่ ะลงตอผกู ระทาํ ผิดวนิ ยั ทหาร

เม่ือไดทําการสอบสวนแลวและปรากฏผลวาไดกระทําผิดวินัยทหารจริง ปญหาที่พบอยูเสมอคือ
การพิจารณากําหนดทัณฑท่ีจะลงตอผูกระทําผิดวินัยทหารนั้น จะใชหลักเกณฑใดเปนขอพิจารณา ในเรื่องน้ี
พ.ร.บ.วินัยทหาร ฯ ก็ไมไดกําหนดไวโดยแนชัด เพียงแตใหเปนดุลพินิจของผูบังคับบัญชาหรือผูมีอํานาจลง
ทัณฑท่ีจะพิจารณากําหนดทัณฑสถานใดสถานหนึ่งใน ๕ สถานท่ีกําหนดไว และจะลงทัณฑจํานวนกี่วันก็
ไดหากไมเกินอํานาจการสั่งลงทัณฑของตนตามเกณฑตารางที่กําหนดไว ดังนั้นจึงมักเกิดความแตกตางกัน
เสมอในระหวางการเลือกทัณฑที่จะลงและจํานวนทัณฑท่ีจะลงตอผูกระทําผิดซึ่งอยูตางหนวยตางสังกัดกัน
ทั้งน้ีเปนเพราะผูบังคับบัญชาหรือผูมีอํานาจลงทัณฑตลอดจนผูเปนกรรมการสอบสวนใชดุลพินิจกําหนด
ทัณฑไดตามความเหมาะสม อยางไรก็ตามเพ่ือขจัดปญหาความแตกตางหรือความลักล่ันในการลงทัณฑตอ
ผูกระทําผิดวินัยทหารในลักษณะหรือความผิดเชนเดียวกันของขาราชการทหารตางหนวยตางสังกัด
ผูบังคับบัญชาหรือผูมีอํานาจลงทัณฑของทุกหนวย รวมทั้งกรรมการผูสอบสวนซึ่งเปนผูที่ใหความเห็น
เสนอแนะทัณฑที่จะลงตอผูบังคับบัญชาในการสรุปผลรายงานการสอบสวน ควรใชหลักเกณฑตอไปน้ีเปน
ขอพิจารณาตดั สินใจกําหนดทัณฑและจาํ นวนของวันท่ีจะลงทณั ฑตอผกู ระทําผิดวินัยทหาร

๔.๑.๑ ความหนักเบาแหงการกระทาํ ผดิ ผลของการกระทาํ ผิดมีผลตอ ภาพพจนข องทหารของหนวย
หรือกองทพั มากนอยเพยี งใด หรือมีผลกระทบตอ การปกครองบังคบั บัญชามากนอยเพยี งใด

๔.๑.๒ ช้ันยศของผูกระทําผดิ การศกึ ษาอบรม ความประพฤตแิ ละประวตั ขิ องผกู ระทําผิด
๔.๑.๓ ความผิดท่ีไดกระทําน้ันผูบังคับบัญชาไดมีการส่ังการ ตักเตือน แนะนํา หรือช้ีแจงเพ่ือมิให
ประพฤตปิ ฏิบตั ผิ ิดวนิ ัยทหารในเรื่องท่ีไดก ระทาํ ผิดอยเู สมอหรือไม
๔.๑.๔ นโยบายของผูบังคับบัญชาในเร่อื งเก่ียวกับวินัยทหาร
๔.๒ การสง่ั ลงทณั ฑ
ในการสั่งลงทัณฑน้ันผูบังคับบัญชาหรือผูมีอํานาจลงทัณฑใหปฏิบัติตามหลักเกณฑดังกลาวไวใน
สวนท่ี ๒ ขอ ๒.๓, ๒.๔, ๒.๕, ๒.๗, ๒.๙, ๒.๑๐, ๒.๑๑ และ ๒.๑๒ และนอกจากนั้นแลวเมื่อไดมีการลง
ทณั ฑผูก ระทําผิดวนิ ัยทหารไปแลว จะตองปฏิบตั ิดงั น้ดี วย
๔.๒.๑ สงเรือ่ งใหเ จา หนา ทีฝ่ า ยกาํ ลังพลหมายความผิดไวในประวัติดวยทกุ คร้ัง

๔.๒.๒ ใหเจาหนาท่ีฝายกําลังพลตรวจสอบดวยวาความผิดและการถูกลงทัณฑน้ันเขาหลักเกณฑ
ของการงดบาํ เหน็จประจําป หรือปลดออกจากราชการหรอื ไมรบั สมคั รตอ หรอื ตองสงั่ ใหพัก
ราชการ ตามระเบียบ ขอบังคับดังตอไปน้ีหรือไม (หากเขาหลักเกณฑก็ตองพิจารณาดําเนินการตาม
หลกั เกณฑท ไ่ี ดกาํ หนดไวอกี สว นหนึง่ ดว ย)

๔.๒.๒.๑ ระเบียบ ทร.วาดวยการปลดออกจากราชการ ไมรับสมัครตอ งดบําเหน็จ
ประจาํ ป และถอดยศสําหรบั ทหารประจาํ การตา่ํ กวาช้นั สัญญาบตั ร พ.ศ.๒๕๒๔

๔.๒.๒.๒ ขอบังคับกระทรวงกลาโหม วาดวยการสั่งใหขาราชการทหารพักราชการ
พ.ศ.๒๕๒๘ (คําส่ัง ทร.ท่ี ๔๔๘/๒๕๓๐ ลง ๑๔ ก.ย.๓๐ เร่ือง แนวทางปฏิบัติในการพิจารณาส่ังพักราชการ
ขาราชการทหารและลกู จางประจาํ )

๔.๒.๒.๓ ระเบียบกระทรวงกลาโหม วาดวยผูซึ่งไมสมควรจะดํารงอยูในยศทหารและ
บรรดาศักดพ์ิ .ศ.๒๕๐๗

บทที่ ๕

พระราชบัญญตั ิ

วา ดว ยวินัยทหาร พุทธศกั ราช ๒๔๗๖

---------------------

ประชาธปิ ก ป.ร.
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกลาเจาอยูหัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกลา

ฯ ใหป ระกาศวา
โดยท่ีสภาผูแทนราษฎรถวายคําปรึกษาวา เพื่อปฏิบัติการตามความในมาตรา ๗ แหงประมวลกฎหมาย

อาชญาทหาร และเน่ืองจากทหารบก ทหารเรือ ไดรวมเปนกระทรวงเดียวกัน สมควรตราบทบัญญัติวาดวย
วนิ ัยทหารเสียใหม

จ่ึงทรงพระกรุณาโปรดเกลา ฯ ใหตราพระราชบัญญัติขึ้นไวโดยคําแนะนํา และยินยอมของสภา
ผแู ทนราษฎรดัง่ ตอไปนี้

หมวด ๑

บทเบด็ เสรจ็ ท่ัวไป
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตนิ ้ใี หเ รียกวา “พระราชบญั ญัติวา ดว ยวินยั ทหาร พุทธศักราช ๒๔๗๖”
มาตรา ๒ ใหใชพ ระราชบญั ญตั ิน้ีตั้งแตว ันประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเปนตน ไป
มาตรา ๓ ใหยกเลิกกฎวาดวยยุทธวินัยและการลงอาญาทหารบกฐานละเมิดยุทธวินัย ลงวันที่ ๒๓
กันยายน พุทธศักราช ๒๔๖๔ กฎเสนาบดีวาดวยอํานาจลงอาญาทหารเรือ ลงวันที่ ๑๑ กันยายน พุทธศักราช
๒๔๖๕ และบรรดากฎขอบังคับอ่ืน ๆ ในสวนที่มีบัญญัติไวแลวในพระราชบัญญัติน้ี หรือซ่ึงแยงกับบทแหง
พระราชบัญญัตนิ ้ี

หมวด ๒

วาดวยวนิ ัย
มาตรา ๔ วินัยทหารน้ัน คอื การทท่ี หารตอ งประพฤตติ ามแบบธรรมเนียมของทหาร
มาตรา ๕ วนิ ัยเปน หลักสําคัญทสี่ ดุ สาํ หรับทหาร เพราะฉะนน้ั ทหารทกุ คนจกั ตองรักษาโดยเครงครัดอยู
เสมอ ผใู ดฝา ฝนทา นใหถ อื วาผนู น้ั กระทําผิด

ตัวอยา งการกระทําผดิ วนิ ยั ทหารมีดง่ั ตอ ไปน้ี
(๑) ด้อื ขดั ขนื หลีกเล่ยี ง หรอื ละเลยไมปฏิบัตติ ามคาํ ส่ังผูบังคับบญั ชาเหนอื ตน
(๒) ไมร กั ษาระเบียบการเคารพระหวางผใู หญผนู อ ย
(๓) ไมร ักษามารยาทใหถ ูกตองตามแบบธรรมเนยี มของทหาร
(๔) กอใหแตกความสามัคคใี นคณะทหาร
(๕) เกยี จคราน ละทิ้ง หรือเลินเลอตอ หนา ทร่ี าชการ
(๖) กลาวคําเท็จ
(๗) ใชก ริ ิยาวาจาไมสมควร หรอื ประพฤติไมส มควร
(๘) ไมต กั เตอื นสง่ั สอน หรอื ลงทัณฑผูใ ตบังคบั บัญชาทีก่ ระทาํ ผดิ ตามโทษานุโทษ
(๙) เสพเคร่ืองดองของเมาจนถึงเสยี กิริยา
มาตรา ๖ ผูบังคับบัญชามีหนาที่จัดการระวังรักษาวินัยทหารท่ีตนเปนผูบังคับบัญชาอยูนั้นโดยกวดขัน
ถาหากวาในการรักษาวินัยทหารน้ันจําเปนตองใชอาวุธ เพ่ือทําการปราบปรามทหารผูกอการกําเริบก็ดี หรือ
เพ่ือบังคับทหารผูละท้ิงหนาท่ีใหกลับทําหนาท่ีของตนก็ดี ผูบังคับบัญชาและผูที่ชวยเหลือในการนั้นจะไม
ตองรับโทษในการที่ตนไดกระทําไปโดยความจําเปนนั้นเลย แตเมื่อมีเหตุด่ังกลาวน้ีผูบังคับบัญชาจักตอง
รายงานไปยงั ผบู งั คบั บญั ชาเหนอื ตน และรายงานตอไปตามลําดับช้นั จนถงึ รฐั มนตรวี า การกระทรวงกลาโหม
โดยเร็ว
มาตรา ๗ ทหารผูใดกระทําผิดตอวินัยทหารจักตองรับทัณฑตามวิธีที่ปรากฏในหมวด ๓ แหง
พระราชบญั ญัตินี้ และอาจตองถูกปลดจากประจําการ หรอื ถกู ถอดจากยศทหาร

หมวด ๓

อํานาจลงทณั ฑ
มาตรา ๘ ทัณฑที่จะลงแกผูกระทําผิดตอวินัยทหารดั่งกลาวไวในหมวด ๒ น้ัน ใหมีกําหนดเปน ๕
สถาน คือ
(๑) ภาคทณั ฑ
(๒) ทัณฑกรรม
(๓) กัก
(๔) ขงั
(๕) จําขงั
มาตรา ๙ ภาคทัณฑ คือ ผูกระทําผิดมีความผิดอันควรตองรับทัณฑสถานหนึ่งสถานใดด่ังกลาวมาแลว
แตม เี หตอุ นั ควรปราณี จ่ึงเปนแตแสดงความผิดของผูนนั้ ใหป รากฏหรอื ใหท ําทณั ฑบนไว
ทัณฑกรรมน้ัน ใหกระทําการสุขา การโยธา ฯลฯ เพิ่มจากหนาที่ประจําซึ่งตนจะตองปฏิบัติอยูแลว
หรอื ปรับใหอยเู วรยาม นอกจากหนาที่ประจํา
กัก คอื กักตวั ไวในบริเวณใดบรเิ วณหน่งึ ตามแตจ ะกําหนดให
ขัง คือ ขงั ในที่ควบคมุ แตเ ฉพาะคนเดียวหรือรวมกันหลายคนแลวแตจ ะไดมีคําสง่ั

จําขัง คือ ขังโดยไปฝากใหอ ยูใ นความควบคุมของเรอื นจําทหาร
นอกจากทัณฑท ีก่ ลา วไวนี้ หามมใิ หคดิ ขน้ึ ใหม หรือใชว ิธีลงทณั ฑอ ยา งอ่นื เปน อันขาด
มาตรา ๑๐ ผมู ีอาํ นาจบังคบั บญั ชาซ่ึงจะลงทัณฑแ กผูกระทําผิดไดนัน้ คือ
(๑) ผบู ังคับบัญชา หรือ
(๒) ผูซ่ึงไดรับมอบอํานาจใหบังคับบัญชาตามท่ีกระทรวงกลาโหม สวนราชการท่ีขึ้นตรงตอ
กระทรวงกลาโหม กองทัพบก กองทพั เรอื หรือกองทัพอากาศ กําหนด
ในการทจ่ี ะลงทัณฑน้นั ใหก ระทาํ ไดแตเฉพาะตามกําหนดในตารางกาํ หนดทัณฑท ายพระราชบัญญัตินี้
สว นผูมีอํานาจบงั คบั บญั ชาชั้นใดจะมีอํานาจเปนผูลงทัณฑชั้นใด และผูอยูในบังคับบัญชาชั้นใดจะเปน
ผรู บั ทัณฑช้ันใด ใหถือเกณฑเทยี บดังตอไปน้ี

ตารางเกณฑเทยี บชัน้ ผลู งทณั ฑแ ละผูรับทณั ฑ

ตาํ แหนง ชัน้ เปนผูลงทณั ฑช ้นั เปน ผรู ับทณั ฑช ้ัน
๑. รฐั มนตรวี าการกระทรวงกลาโหม ๑ -
๒. แมท ัพ ๒ -
๓. ผูบัญชากองพล ผูบงั คับการกองเรือ ๓ -

ผบู ัญชาการกองพลบนิ ๔ ก
๔. ผูบงั คบั การกรม ผบู ังคับหมวดเรอื
๕ ข
ผบู งั คบั กองบิน ๖ ค
๕. ผบู ังคบั หมูเรอื ชัน้ ๑
๖. ผูบ งั คับกองพนั ผูบังคบั หมเู รอื ช้นั ๒ ๗ ง

ผบู งั คบั การเรือชัน้ ๑ ผบู ังคับฝงู บิน ๘ จ
๗. ผูบังคบั หมเู รือชั้น ๓ ผูบ งั คบั การเรือช้นั ๒
๙ ฉ
ตนเรอื ชนั้ ๑ ผบู งั คบั หมวดบนิ ชนั้ ๑
๘. ผูบ ังคบั กองรอย ผบู งั คับการเรือช้นั ๓ ตน เรอื ช้นั ๒ - ช
- ซ
นายกราบเรือ ผูบงั คบั หมวดบนิ ชัน้ ๒
๙. ผบู งั คบั หมวด ตนเรอื ชนั้ ๓

ผูบ ังคับหมวดบนิ ช้ัน ๓
๑๐. ผูบ งั คบั หมู นายตอน
๑๑. นักเรียนทหารซึ่งเมอ่ื สําเร็จการศกึ ษาแลวจะไดเ ปน

นายทหารชนั้ สัญญาบัตร บคุ คลผูซึ่งอยูระหวางเขา
รบั การฝกวชิ าทหารโดยคาํ สง่ั รฐั มนตรวี าการกระทรวง
กลาโหมตามกฎหมายวา ดวยการสงเสริมการฝก วชิ า

ทหาร - ฌ
๑๒. นกั เรียนทหารซง่ึ เมือ่ สําเรจ็ การศึกษาแลว จะไดเปน

นายทหารประทวน ลกู แถว

มาตรา ๑๑ ผูลงทัณฑ หรือรับทัณฑ ถาตําแหนงไมตรงตามความในมาตรา ๑๐ แหงหมวดน้ีแลว ใหถือ
ตามที่ไดเ ทียบตาํ แหนงไวในขอบงั คับสําหรับทหาร

มาตรา ๑๒ กาํ หนดอํานาจลงทัณฑตามทต่ี ราไวน้ี ผมู ีอาํ นาจลงทณั ฑส ัง่ ลงทณั ฑเต็มที่ไดสถานใดสถาน
หนง่ึ แตสถานเดยี ว ถาสง่ั ลงทณั ฑทงั้ สองสถานพรอ มกนั ตองกําหนดทัณฑไ วเพยี งก่งึ หน่ึงของอัตราในสถาน
น้ัน ๆ หามมิใหล งทัณฑค ราวเดียวมากกวาสองสถาน

มาตรา ๑๓ กอนท่ีผูมีอํานาจลงทัณฑจะลงทัณฑครั้งคราวใดก็ดี ใหพิจารณาใหถวนถ่ีแนนอนวา ผูท่ี
จะตองรับทัณฑนั้นมีความผิดจริงแลว จึ่งส่ังลงทัณฑน้ัน ตองระวังอยาใหเปนการลงทัณฑไปโดยโทษจริต
หรือลงทัณฑแกผูท่ีไมมีความผิดโดยชัดเจนนั้นเปนอันขาด เม่ือพิจารณาความละเอียดแลวตองชี้แจงให
ผูกระทาํ ผดิ นัน้ ทราบวากระทําผิดในขอ ใด เพราะเหตุใด แลว จ่ึงลงทัณฑ

มาตรา ๑๔ ถาผูมีอํานาจบังคับบัญชาไดลงทัณฑขาราชการชั้นสัญญาบัตร ตองสงรายงานการลงทัณฑ
นัน้ เสนอตามลําดับชน้ั ถึงรฐั มนตรวี า การกระทรวงกลาโหม

มาตรา ๑๕ เม่ือผูมีอํานาจบังคับบัญชาไดทราบวา ผูซึ่งอยูในบังคับบัญชาของตนมีความผิดจนปรากฏ
แนนอนแลว แตความผิดน้ันควรรับทัณฑที่เหนืออํานาจจะส่ังกระทําไดก็ใหรายงานช้ีแจงความผิดน้ัน ท้ัง
ออกความเห็นวาควรลงทัณฑเพียงใด เสนอตามลําดับช้ันจนถึงผูมีอํานาจลงทัณฑไดพอกับความผิด เพ่ือ
ขอใหผนู นั้ ส่งั การตอไป

มาตรา ๑๖ ถา เปนความผิดซง่ึ มวี ธิ ีวางอตั รากําหนดทณั ฑไวแนนอนแลว เชน ฐานขาดหนีราชการทหาร
เปนตน หากกาํ หนดทณั ฑน ัน้ เหนอื อํานาจของผูบงั คับบัญชาท่ีจะส่ังลงทัณฑได ก็ใหนําเสนอเพียงชั้นท่ีกลาว
ตอไปนี้

(๑) ฝายทหารบก ผูมีอํานาจบังคับบัญชาตําแหนงช้ันผูบังคับการกรม หรือช้ันผูบังคับกองพันท่ีอยูตาง
ทอ งถน่ิ กับผูม ีอาํ นาจบงั คบั บัญชาช้ันผบู ังคับการกรม

(๒) ฝา ยทหารเรือ ผูมีอํานาจบงั คับบญั ชาตาํ แหนงชน้ั ผบู ังคบั หมวดเรอื หรอื ชั้นผบู งั คับกองพันท่อี ยตู า ง
ทอ งถ่ินกับผมู ีอํานาจบงั คับบัญชาช้นั ผูบ ังคบั หมวดเรอื

(๓) ฝา ยทหารอากาศ ผมู ีอาํ นาจบังคับบัญชาตําแหนงชน้ั ผูบังคบั กองบิน
แมวากําหนดทณั ฑน้นั จะเหนอื อํานาจก็ดี ก็ใหผูบังคับบัญชาชั้นท่ีกลาวนี้มีอํานาจลงทัณฑไดทีเดียว ไม
ตองนาํ เสนอตามลําดับชนั้ ตอ ไปอกี
มาตรา ๑๗ นายทหารท่ีเปนหัวหนาทําการควบคุมทหารไปโดยลําพัง ใหมีอํานาจท่ีจะส่ังลงทัณฑผูอยู
ใตอํานาจในระหวางเวลาที่ควบคุมอยูน้ันเสมอผูมีอํานาจเหนือจากตําแหนงของตนขึ้นไปอีกชั้นหน่ึงได เวน
แตน ายทหารซึ่งมอี าํ นาจเปนผลู งทณั ฑช ั้น ๒ ขึน้ ไป จงึ่ ไมตองเพิม่

มาตรา ๑๘ ถา ผมู อี าํ นาจลงทัณฑไ ดส งั่ ลงทณั ฑผูกระทําผิดในฐานขงั แลว และผทู ่ีรับทัณฑข ังน้ันกระทํา
ผิดซ้ําอีก ผูมีอํานาจลงทัณฑจะส่ังเพ่ิมทัณฑก็ใหพิจารณาดูกําหนดทัณฑที่ไดส่ังไวแตเดิมนั้นกอน หามมิให
กําหนดเวลาใหผูตองถูกขังท้ังกําหนดเดิมและกําหนดที่เพ่ิมใหมรวมกันเกินกวากําหนดอํานาจของผูที่จะสั่ง
ลงทณั ฑน น้ั แลว ก็ใหปฏิบัติการตามท่กี ลาวไวใน มาตรา ๑๕ แหง หมวดน้ี

มาตรา ๑๙ นับตั้งแตวันท่ีปรากฎหลักฐานแหงความผิดของผูกระทําผิดซ่ึงจะตองรับทัณฑตาม
พระราชบัญญัตินี้โดยแนนอนแลว ถาผูมีอํานาจลงทัณฑมิไดจัดการท่ีจะใหผูนั้นไดรับทัณฑภายในกําหนด
สามเดอื น เปน อนั นบั วา ลวงเลยเวลาที่จะลงทัณฑตามพระราชบญั ญตั นิ ี้เสยี แลว จะส่ังลงทณั ฑโ ดยอาํ นาจ
ตนเองมิได เวน เสียแตผ ูทกี่ ระทาํ ผดิ นนั้ ขาดหนีราชการเสียแตเม่ือกอนครบกําหนดสามเดือน จ่ึงมิใหนับวันที่
ขาดหนีนเ้ี ขาในกําหนดเวลาลว งเลย ใหน บั ตง้ั แตว นั ทไ่ี ดต ัวผูน นั้ กลับมายังท่ีรบั ราชการ

มาตรา ๒๐ เม่ือผูมีอํานาจไดสั่งลงทัณฑตามพระราชบัญญัติน้ีแลว ผูที่สั่งลงทัณฑหรือผูมีอํานาจบังคับ
บัญชาเหนือผูท่ีส่ังลงทัณฑนั้นมีอํานาจท่ีจะเพิ่มทัณฑ หรือลดทัณฑ หรือยกทัณฑเสียก็ได แตถาเพ่ิมทัณฑ
แลว ทัณฑท ่ีส่งั เพิ่มข้ึนนัน้ รวมกบั ทสี่ ง่ั ไวแ ลว เดมิ ตอ งมิใหเกินอาํ นาจของผูท ส่ี ั่งใหมนัน้

หมวด ๔

วธิ ีรอ งทุกข
มาตรา ๒๑ ในการที่จะรักษาวินัยทหารใหเปนระเบียบเรียบรอยอยูเสมอ ยอมเปนการจําเปนที่
ผูบังคับบัญชาจักตองมีอํานาจในการบังคับบัญชา หรือลงทัณฑอยูเองเปนธรรมดา แตผูบังคับบัญชาบางคน
อาจใชอ ํานาจในทางท่ผี ิดยตุ ธิ รรม ซ่ึงเปน การสมควรทีจ่ ะใหผ ูใตบ ังคบั บัญชามโี อกาสรอ งทุกขไดใ นทางเปน
ระเบียบไมกาวกาย
มาตรา ๒๒ คําช้ีแจงของทหารวา ผูบังคับบัญชากระทําแกตนดวยการอันไมเปนยุติธรรม หรือผิด
กฎหมาย หรือแบบธรรมเนียมทหารวา ตนมิไดรับผลประโยชน หรือสิทธิตามที่ควรจะไดรับในราชการน้ัน
เรียกวา “รอ งทุกข”
มาตรา ๒๓ ทหารจะรองทุกขไดแตสําหรับตนเองเทานั้น หามมิใหรองทุกขแทนผูอื่นเปนอันขาด และ
หามมิใหลงช่ือรวมกัน หรือเขามารองทุกขพรอมกันหลายคน และหามมิใหประชุมกันเพ่ือหารือเร่ืองจะรอง
ทุกข
มาตรา ๒๔ หามมิใหรองทุกขในเวลาท่ีตนกําลังเขาแถว หรือในขณะที่กําลังทําหนาท่ีราชการอยางใด
อยางหนึ่ง เชนเวลาเปนยาม เปนเวร ดั่งน้ีเปนตน และหามมิใหรองทุกขกอนเวลาลวงไปแลวย่ีสิบสี่
ชว่ั โมง นบั ตงั้ แตท่ีมเี หตจุ ะตองรองทกุ ขเ กิดข้ึน
มาตรา ๒๕ หามมิใหรองทุกขวา ผูบังคับบัญชาลงทัณฑแรงเกินไป ถาหากวาผูบังคับบัญชาน้ันมิไดลง
ทณั ฑเกินอาํ นาจที่จะทาํ ไดตามความในหมวด ๓ แหงพระราชบญั ญัตนิ ี้
มาตรา ๒๖ ถาจะกลาวโทษผูใดใหรองทุกขตอผูบังคับบัญชาโดยตรงของผูน้ัน จะรองทุกขดวยวาจา
หรือจะเขียนเปนหนังสือก็ได ถาผูรองทุกขมารองทุกขดวยวาจา ใหผูรับการรองทุกขจดขอความสําคัญของ
เรื่องทร่ี อ งทุกขน้ัน ใหผูรองทุกขลงลายมือช่อื ไวเ ปนหลกั ฐานดว ย

ถาหากวาผูรองทุกขไมทราบชัดวา ตนไดรับความเดือดรอนเพราะผูใดแน ก็ใหรองทุกขตอ
ผูบังคับบัญชาโดยตรงของตน เพ่ือเสนอไปตามลําดับช้ันจนถึงท่ีสุด คือ ผูท่ีจะส่ังการไตสวน และแก
ความเดอื ดรอนนน้ั ได

มาตรา ๒๗ ถาเขียนความรองทุกขเปนจดหมายแลว จดหมายนั้นตองลงลายมือชื่อของผูรองทุกข ใบ
รองทกุ ขฉ บับใดไมม ีลายมอื ชอื่ ผบู ังคบั บัญชาไมม หี นาทีจ่ ะตอ งพจิ ารณา

มาตรา ๒๘ เม่ือผูใดไดรองทุกขตอผูบังคับบัญชาตามระเบียบที่วานี้แลว และเวลาลวงพนไปสิบหาวัน
ยังไมไดรับความชี้แจงประการใดทั้งความเดือดรอนก็ยังไมปลดเปลื้องไป ใหรองทุกขใหมตอผูบังคับบัญชา
ชั้นท่ีสูงถัดข้ึนไปเปนลําดับอีก และในการรองทุกขคร้ังนี้ใหชี้แจงดวยวา ไดรองทุกขตอผูบังคับบัญชาช้ันใด
มาแลวแตเ มื่อใด

มาตรา ๒๙ ถาผูบังคับบัญชา ไดรับเร่ืองรองทุกขเมื่อใด ตองรีบไตสวน และจัดการแกไขความ
เดือดรอน หรือชี้แจงใหผูยื่นใบรองทุกขเขาใจ จะเพิกเฉยเสียไมไดเปนอันขาด ผูใดเพิกเฉยนับวากระทําผิด
ตอวินัยทหาร

มาตรา ๓๐ ถาผูบังคับบัญชาที่ไดรับเรื่องรองทุกขไดชี้แจงใหผูรองทุกขทราบแลว แตผูรองทุกขยังไม
หมดความสงสยั กใ็ หรอ งทุกขตอผูบังคับบัญชาชั้นเหนือข้ึนไปได และตองชี้แจงดวยวาไดรองทุกขนี้ตอผูใด
และไดรบั คาํ ชี้แจงอยา งไรแลวดว ย

มาตรา ๓๑ ถาหากปรากฏชัดวา ขอความที่รองทุกขเปนความเท็จ หรือการรองทุกขนั้นกระทําไปโดย
ผิดระเบียบทกี่ ลาวมา ผูรอ งทกุ ขจะตอ งมีความผดิ ฐานกระทาํ ผดิ ตอวนิ ยั ทหาร

มาตรา ๓๒ ใหร ฐั มนตรวี า การกระทรวงกลาโหม มหี นา ทร่ี ักษาการใหเ ปนไปตามพระราชบัญญัตนิ ี้

ประกาศมา ณ วนั ที่ ๑๒ สงิ หาคม พุทธศักราช ๒๔๗๖ เปน ปท ่ี ๙ ในรชั กาลปจจุบัน

ผูรบั สนองพระบรมราชโองการ
นายพนั เอก พระยาพหลพลพยุหเสนา
นายกรฐั มนตรี



ตารางกาํ ห

ผูลงทณั ฑ จาํ ขงั ขัง

ผูรบั ทัณฑ ผูรับทณั ฑ

ชน้ั ช. ช้ัน ก. ชัน้ ข. ชนั้ ค. ชั้น ง. ชั้น จ. ช้ัน ฉ

ช้นั ฌ. ช. ชนั้ ซ. ชั้น ฌ.

ช้นั ๑ ๔ เดอื น ๖ - - - - ๒ เดอื น ๓ เดือน

เดือน ๔ เดือน ๕ เดอื น

ชัน้ ๒ ๓ เดอื น ๕ - - - - ๑ เดอื น ๒ เดือน

เดือน ๓ เดอื น ๔ เดือน

ชัน้ ๓ ๔๕ วนั ๓ - - - - ๑๕ วนั ๑ เดอื น

เดอื น ๒ เดอื น ๓ เดือน

ชัน้ ๔ ๑ เดอื น ๒ - - - - ๗ วัน ๑๕วนั ๑

เดอื น ๑ เดอื น ๒ เดือน

ช้นั ๕ ๒๐ วนั - - - - ๓ วัน ๑๐ วัน ๒

๔๕ วัน ๒๐ วัน ๔๕ วัน

ช้ัน ๖ ๑๕ วัน ๑ - - - - - ๗ วนั ๑๕

เดือน ๑๕ วัน ๑ เดอื น

ช้นั ๗ ๗ วนั - - - - - ๓ วัน ๑๐

๑๕ วนั ๑๐ วนั ๒๐ วัน

หนดทณั ฑ

กกั ทณั ฑกรรม

ผูรับทณั ฑ ผูรบั ทัณฑ

ฉ. ชน้ั ชนั้ ก. ช้นั ข. ชนั้ ค. ช้นั ง. ช้ัน จ. ชัน้ ฉ. ชัน้ ชั้น ซ.
๔ เดือน
๓ เดอื น ช. ชั้น ซ. ชนั้ ฌ. ช้นั ฌ.
๒ เดอื น
๑ เดอื น ๑๕ วนั ๒๐ วัน ๒๐ วนั ๑ เดือน ๔๕ วนั ๒ เดือน ๓ วนั ๓
๒๐ วนั
๕ วัน ๓ เดือน ๓ เดือน ๔ เดอื น วัน
๐ วัน
๗ วนั ๑๐ วัน ๑๕ วัน ๒๐ วนั ๑ เดอื น ๔๕ วนั ๒ ๓ วนั ๓

เดอื น ๒ เดือน ๓ เดือน วนั

- ๕ วนั ๗ วัน ๑๐ วนั ๑๕ วัน ๒๐ วนั ๓ วนั ๓

๔๕ วัน ๔๕ วัน ๒ เดอื น วัน

-- ๓ วนั ๕ วัน ๗ วัน ๑๐วัน ๓ วนั ๓

๑ เดือน ๑ เดอื น ๔๕ วนั วัน

-- - ๓ วนั ๕ วัน ๗ วนั ๓ วนั ๓

๒๐ วัน ๒๐ วัน ๑ เดอื น วนั

-- - - ๓ วัน ๗ วนั ๓ วัน ๓

๑๕ วัน ๑๕ วนั ๑ เดอื น วัน

-- -- - ๕ วนั ๑ วนั

๑๐ วนั ๑๐ วนั ๒๐ วนั ๒ วนั

ช้ัน ๘ - - - - - - - - ๗ว
ชัน้ ๙ - วัน ๑๕ วัน

-- - - - - - -
-

คําอธิบาย ๑. กาํ หนดทณั ฑใ นตารางนี้คือกาํ หนดท่ีสูงทส่ี ุด ผูลงทณั ฑจะสัง่ เกินกําหนดน
๒. ทณั ฑกรรมท่ีกําหนดไวเปนวัน ๆ หมายความวา ทําทณั ฑกรรมทกุ ๆ วัน จ

วนั ละ ๖ ช่วั โมง แตถาใหอยูเ วรยามในวนั หนงึ่ ไมเ กนิ กาํ หนดเวลาอยเู วรยามตามปกติ ผใู
(ตารางกาํ หนดทณั ฑน้เี ปน ขอ ความในมาตรา ๓ แหง พ.ร.บ.วา ดวยวนิ ัยทหารแกไขเพ่มิ

วนั ๗ - - - - - ๓ วนั ๑ วัน
- ๒ วนั
๗ วัน ๗ วนั ๑๕ วัน
- - -๑
-- - - วัน

๓ วัน ๓ วนั ๗ วนั

นไ้ี มไ ด แตตํ่ากวานน้ั ได
จนกวาจะครบกําหนด ในวันหนึ่งน้ันผูท่ีส่ังลงทัณฑจะกําหนดทัณฑกรรมไดไมเกินกวา
ใดจะส่งั ลงทณั ฑกรรม ใหกาํ หนดโดยชัดเจนวาทัณฑกรรมกวี่ ัน และวนั ละเทา ใด
มเตมิ พ.ศ.๒๔๗๗)

ขอบังคบั กระทรวงกลาโหม
วา ดวยตําแหนง และการเทียบตาํ แหนงบังคบั บญั ชา

ขาราชการกลาโหม

พ.ศ.๒๕๐๑

-----------------
โดยท่ีเปนการสมควรกําหนดตําแหนงและการเทียบตําแหนงบังคับบัญชาขาราชการกลาโหมไวใหแนนอน
และเหมาะสมแกการสมัย จึงออกขอ บังคบั ไวด งั ตอ ไปน้ี
ขอ ๑. ขอบงั คับน้ีเรียกวา "ขอบังคับกระทรวงกลาโหมวาดว ยตําแหนง และการเทยี บตําแหนงบังคบั บัญชา
ขาราชการกลาโหม พ.ศ.๒๕๐๑"
ขอ ๒. ใหใชขอบังคบั น้ตี งั้ แตบ ัดนเี้ ปนตน ไป
ขอ ๓. ตาํ แหนงบงั คับบัญชาขาราชการกลาโหม ใหเปนไปตามลําดบั ดังน้ี.-

(๑) ผูบังคบั หมู หรอื นายตอน
(๒) ผบู ังคบั หมวด ตน เรอื ช้นั ๓ หรอื ผูบงั คบั หมวดบินชน้ั ๓
(๓) ผบู ังคับกองรอ ย ผูบงั คบั การเรอื ชั้น ๓ ตน เรอื ชน้ั ๒ หรือผบู ังคับหมวดบนิ ช้ัน ๒
(๔) ผบู งั คบั การเรอื ชัน้ ๒ ตนเรือชั้น ๑ หรอื ผบู งั คับหมวดบนิ ชั้น ๑
(๕) ผบู งั คบั กองพัน ผูบังคบั การเรอื ชน้ั ๑ หรือผบู งั คบั ฝูงบนิ
(๖) ผบู ังคับการกรม ผูบ ังคับหมวดเรือ หรือผูบงั คับการกองบิน
(๗) ผูบ ัญชาการกองพล ผบู ังคับการกองเรอื หรอื ผบู ญั ชาการกองพลบิน
(๘) แมทัพ
(๙) รฐั มนตรวี าการกระทรวงกลาโหม
ขอ ๔. ขา ราชการกลาโหม ซงึ่ มไิ ดด ํารงตาํ แหนงบังคับบญั ชาตรงตามทก่ี าํ หนดไวใน ขอ ๓ ใหถืออตั รา
เงินเดอื นของตําแหนงท่ดี ํารงอยูเ ปน หลกั ในการเทยี บตําแหนง บังคับบัญชา
หากเทียบอัตราเงินเดือนของตําแหนงท่ีดํารงอยูตามความในวรรคแรกไมได ก็ใหถือยศทหารหรือเงินเดือนท่ี
ไดร ับเปนหลักในการเทยี บตาํ แหนง บังคบั บัญชา
ขอ ๕. การเทยี บตาํ แหนงบงั คบั บญั ชาตามความใน ขอ ๔ ใหเทียบดังนี้
(๑) อตั ราเงินเดือน นายทหารประทวน หรือยศนายทหารประทวน และขา ราชการกลาโหมพลเรือน
ท่ีไดรับเงินเดือนในอัตรานายทหารประทวน ใหเทยี บตําแหนงผบู ังคับหมู หรือนายตอน
(๒) อัตราเงินเดือน รอยตรี เรือตรี เรืออากาศตรี รอยโท เรือโท เรืออากาศโท หรือยศรอยตรี เรือตรี
เรอื อากาศตรี รอยโท เรอื โท เรอื อากาศโท ตลอดจนวาท่ยี ศนั้น ๆ และขาราชการกลาโหมพลเรือน ท่ีไดรับเงินเดือน
นายทหารช้ันสัญญาบัตรในอัตราช้ันยศดังกลาว ใหเทียบตําแหนงผูบังคับหมวด ตนเรือชั้น ๓ หรือ ผูบังคับหมวด
บินช้นั ๓
(๓) อัตราเงินเดอื น รอ ยเอก เรอื เอก เรืออากาศเอก หรือยศ รอ ยเอก เรอื เอก เรืออากาศเอก ตลอดจน
วา ทีย่ ศน้ัน ๆ และขาราชการกลาโหมพลเรอื น ทีไ่ ดรบั เงินเดอื นนายทหารชน้ั สัญญาบัตร ในอตั ราชั้นยศดงั กลาว
ใหเ ทยี บตาํ แหนงผูบงั คับกองรอย ผูบังคบั การเรอื ชัน้ ๓ ตน เรือชั้น ๒ หรอื ผูบ งั คบั หมวดบินชัน้ ๒

(๔) อัตราเงินเดือน พันตรี นาวาตรี นาวาอากาศตรี หรือยศพันตรี นาวาตรี นาวาอากาศตรี ตลอดจน
วาที่ยศนั้น ๆ และขาราชการกลาโหมพลเรือนท่ีไดรับเงินเดือนนายทหารช้ันสัญญาบัตรในอัตราช้ันยศดังกลาว ให
เทยี บตาํ แหนงผูบังคบั กองพนั ผบู งั คบั การเรอื ชน้ั ๒ ตนเรอื ช้ัน ๑ หรือผบู ังคบั หมวดบินชัน้ ๑

(๕) อัตราเงินเดือน พันโท นาวาโท นาวาอากาศโท หรือยศพันโท นาวาโท นาวาอากาศโท ตลอดจน
วาท่ียศนั้น ๆ และขาราชการกลาโหมพลเรือนที่ไดรับเงินเดือนนายทหารชั้นสัญญาบัตรในอัตราชั้นยศดังกลาว ให
เทียบตําแหนงผบู ังคับกองพัน ผูบ งั คับการเรอื ช้นั ๑ หรอื ผบู ังคับฝงู บิน

(๖) อตั ราเงินเดอื นพันเอก นาวาเอก นาวาอากาศเอก และพนั เอกพเิ ศษ นาวาเอกพเิ ศษ นาวาอากาศเอก
พิเศษ หรือยศพันเอก นาวาเอก นาวาอากาศเอก พลจัตวา พลเรือจัตวา พลอากาศจัตวาตลอดจนวาท่ียศน้ัน ๆ และ
ขา ราชการกลาโหมพลเรือนทไี่ ดร ับเงินเดือนนายทหารสญั ญาบัตร ในอตั ราช้ันยศดงั กลา ว ใหเทียบตําแหนงผูบังคับ
การกรม ผูบงั คบั หมวดเรือ หรือผูบงั คบั การกองบนิ

(๗) อัตราเงินเดือน พลตรี พลเรือตรี พลอากาศตรี หรือยศ พลตรี พลเรือตรี พลอากาศตรี ตลอดจนวา
ท่ียศนั้น ๆ และขาราชการกลาโหมพลเรือนที่ไดรับเงินเดือนนายทหารสัญญาบัตรในอัตราช้ันยศดังกลาว ใหเทียบ
ตําแหนง ผบู ญั ชาการกองพล ผบู ังคับการกองเรอื หรอื ผบู งั คับการกองพลบิน

(๘) อัตราเงินเดือน พลโท พลเรือโท พลอากาศโท ข้ึนไป หรือยศพลโท พลเรือโท พลอากาศโท ข้ึน
ไป ตลอดจนวาท่ียศนั้น ๆ และขาราชการกลาโหมพลเรือนท่ีไดรับเงินเดือนนายทหารสัญญาบัตร ในอัตราชั้นยศ
ดังกลาว ใหเทยี บตําแหนงแมทพั

ประกาศ ณ วนั ท่ี ๒๗ สิงหาคม ๒๕๐๑
(ลงชอ่ื ) พลเอก ถ. กิตติขจร
รฐั มนตรวี าการกระทรวงกลาโหม




Click to View FlipBook Version