สรปุ สาระสาคัญแผนการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาติ พ.ศ. 2564 - 2570
กลไกและเคร่อื งมือหลักในการจัดการสาธารณภัยของประเทศไทย
เครอื่ งมือหลักในการจดั การสาธารณภัยของไทย ประกอบด้วย
1. พระราชบัญญัตปิ อ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ. 2550
2. แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาติ พ.ศ. 2564 – 2570
ใชเ้ ปน็ แผนแมบ่ ทในการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัยของประเทศ
1. พระราชบัญญตั ปิ ้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ. 2550
เป็นกฎหมายหลักในการบริหารจัดการสาธารณภัยในปัจจุบัน
ซึ่งได้กาหนดขอบเขตการดาเนินการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
ครอบคลุมสาธารณภัยทกุ ประเภท
โดยมีองค์กรระดับนโยบายคือ คณะกรรมการป้องกันและบรรเทา
สาธารณภัยแห่งชาติ (กปภ.ช.) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรี
ซ่ึงนายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธานกรรมการ มีหน้าที่ในการกาหนด
นโยบายในการจัดทาแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ
บูรณาการพฒั นาระบบการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั ระหวา่ งหน่วยงาน
ของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง
ให้คาแนะนา ปรึกษาและสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันและบรรเทา
สาธารณภัย ฯลฯ ปฏิบัติการอ่ืนใดตามท่ีบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้
หรือกฎหมายอนื่ หรือตามท่ีคณะรัฐมนตรีมอบหมาย ซึ่งกาหนดใหก้ รมป้องกัน
และบรรเทาสาธารณภัยเป็นหน่วยงานกลางของรัฐในการดาเนินการเก่ียวกับ
การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของประเทศ
ทั้งน้ี การจัดทาแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยระดับต่าง ๆ
เพื่อวางแนวทาง มาตรการในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตั้งแต่ช่วง
ก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ
ผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงมหาดไทย) และผู้อานวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
ทุกระดบั มีอานาจบงั คบั บัญชา ควบคุม อานวยการ ส่ังการ และบัญชาการ
เหตกุ ารณส์ าธารณภัยในแตล่ ะระดับ
2. แนวคิดลักษณะและวัตถุประสงค์ของแผนการป้องกันและบรรเทา
สาธารณภยั แห่งชาติ พ.ศ. 2564 – 2570
ลกั ษณะของแผนการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั เปน็ กรอบแนวคดิ
การปฏบิ ตั ิ หรอื Concept of Operations หรอื CONOPs ในการบรหิ ารจัดการ
สาธารณภัยของประเทศ ใช้แนวคิดการลดความเส่ียงจากสาธารณภัย
(Disaster Risk Reduction: DRR) และแนวทางการฟน้ื ฟูท่ีดีกว่าเดมิ
และปลอดภัยกว่าเดิม (Build Back Better and Safer) ภายใต้การพัฒนา
ศักยภาพและสง่ เสรมิ ให้ท้องถิ่นและชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการ
เพื่อนาไปสู่การจัดการภัยพิบัติอย่างย่ังยืนและสอดคล้องกับหลักสากล
(รู้รับ-ปรับตัว-ฟื้นเร็วทั่ว-อย่างยั่งยืน : Resilience) โดยมีวัตถุประสงค์
เพ่ือเป็นกรอบแนวทางปฏิบัติให้แก่หน่วยงานทุกภาคส่วน ต้ังแต่ระดับชาติ
จนถึงระดับพื้นท่ีนาไปพิจารณาดาเนินการอย่างบูรณาการ เป็นระบบ
และสอดคล้องกัน (ซึ่งเกิดจากการประมวลทิศทางและแนวทางปฏิบัติ
ในการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัยที่นานาประเทศใช้โดยประยุกต์
กับบริบทของประเทศไทย)
2
แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2564 – 2570
สอ ด ค ล้ อ งกั บ ก ร อ บ ก ารจั ด ก ารค วาม เสี่ย งจากส าธ ารณ ภั ย ทั้ งใน ระ ดั บ
นานาชาติและในประเทศ ได้แก่ เป้าหมายการพัฒนาที่ย่ังยืน (SDGs)
กรอบการดาเนินงานเซนไดเพื่อการลดความเส่ียงจากภัยพบิ ัติ พ.ศ. 2558 - 2573
ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561 - 2580) แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
พ.ศ. 2561 – 2580 แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบบั ท่ีสิบสอง
พ.ศ. 2560 - 2565 นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ
พ.ศ. 2562 – 2565 พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550
และกรอบแนวคิดการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัยแบบอัจฉริยะ “Smart DRM
for 3s : SEP-SDGs-SFDRR”
ทั้งน้ี ในการจัดทาแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ
พ.ศ. 2564 - 2570 ไดถ้ อดบทเรียนการจดั การสาธารณภัยท่ผี ่านมา เช่น วกิ ฤต
ถ้าหลวง-ขุนนา้ นางนอน จังหวัดเชียงราย เรอื ฟนี ิกซ์ล่ม จังหวดั ภูเก็ต พายุปาบึก
อุทกภัยบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และพ้ืนท่ี 11 จังหวัดภาคใต้
กรณีไฟไหม้โรงงานผลิตสารเคมี หมิงตี้ เคมีคอล จังหวัดสมุทรปราการ
และการดาเนินการในกรณีโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) รวมถึง
การประเมินผลการขับเคล่ือนแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ
พ.ศ. 2558 โดยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหิดล และสถาบนั วิจัย
เพอื่ การพัฒนาประเทศไทย (TDRI)
3. วิสัยทัศน์ “สงั คมไทยสามารถลดความเส่ียงเดมิ ป้องกนั ความเสีย่ งใหม่
ได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพเพ่อื ให้ประเทศมคี วามม่ันคงอยา่ งปลอดภยั และยั่งยืน”
3
4. ตวั ชี้วัดความสาเร็จในการจดั การความเส่ียงจากสาธารณภยั
การจัดทาตัวช้ีวดั ความสาเร็จเพือ่ ลดความเสยี หายและความสูญเสยี
ท่จี ะเกิดขึ้นในอนาคต และเพิ่มศกั ยภาพในการจัดการความเส่ียงจากสาธารณภยั
นาไปสคู่ วามปลอดภยั อยา่ งยัง่ ยนื ประกอบดว้ ย 2 ตวั ช้วี ัด ดงั น้ี
4.1 การลดความสญู เสยี และความเสยี หาย (อัตราการเสียชีวิต
จากสาธารณภัยต่อประชากร 100,000 คน จานวนผู้ได้รับผลกระทบ
จากสาธารณภัยต่อประชากร 100,000 คน ความสูญเสียทางเศรษฐกิจ
ทเี่ กดิ จากสาธารณภยั โดยตรงตอ่ ผลติ ภณั ฑม์ วลรวมของประเทศและความเสยี หาย
จากสาธารณภยั ทมี่ ตี อ่ โครงสรา้ งพนื้ ฐานทส่ี าคญั และการหยดุ ชะงกั ของบรกิ าร
สาธารณะข้ันพนื้ ฐาน รวมถึงสถานพยาบาลและสถานศึกษา)
4.2 การเพิม่ ศักยภาพในการจดั การความเสยี่ งจากสาธารณภยั
(จานวนแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยท่ีประกอบด้วยประเด็น
การจัดการความเส่ียงจากสาธารณภัย ความเป็นหุ้นส่วนระหว่างประเทศ
ดา้ นการจดั การความเสี่ยงจากสาธารณภยั อยา่ งยั่งยืน และขีดความสามารถ
ระบบเตอื นภยั โดยการจัดหาเทคโนโลยี เคร่อื งมอื อปุ กรณ์และประชาชน
สามารถเขา้ ถึงระบบและข้อมลู การแจง้ เตอื นภัย)
การจดั ทาตัวช้ีวัดความสาเรจ็ ขา้ งต้นมีความสอดคล้องกบั กรอบเซนได
และเป้าหมายการพัฒนาท่ีย่ังยืน ซึ่งกาหนดให้ประเทศต่าง ๆ ท่ีรับรอง
กรอบการพัฒนาดงั กลา่ วข้างต้นกาหนดตัวช้ีวัดตามความสมัครใจของประเทศ
สมาชิกองค์การสหประชาชาติ เพ่ือให้นาไปสู่การลดความสูญเสียชีวิต
และความเสยี หายทรพั ย์สินของประชาชน
4
5. แผนการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2564–2570
ประกอบด้วย 5 ยุทธศาสตร์ แบ่งออกเปน็ 2 สว่ น ไดแ้ ก่
ส่วนที่ 1 เป็นแนวทางการพฒั นา ประกอบด้วย 3 ยทุ ธศาสตร์ โดยมี
รายละเอียด ดงั น้ี
5.1 การลดความเสยี่ งจากสาธารณภยั ใหม้ ปี ระสิทธิภาพเพ่อื ใหเ้ ปน็
การพัฒนาประกอบดว้ ย 3 ยุทธศาสตร์ ไดแ้ ก่
ยุทธศาสตร์ท่ี 1 การมุ่งเน้นการลดความเส่ียงจากสาธารณภัย
เป็นแนวคิดและวิธีปฏิบัติในการลดโอกาสท่ีจะได้รับผลกระทบทางลบ
จากสาธารณภัย เพ่ือดาเนินนโยบาย มาตรการหรือกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงกลยทุ ธ์
และแนวทางปฏิบัติให้แก่หน่วยงานทุกภาคส่วนในการวางแผนและปฏิบัติการ
ลดความเส่ยี งจากสาธารณภยั
ยุทธศาสตร์ที่ 2 การเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการ
และการประยุกต์ใช้นวัตกรรมด้านสาธารณภัย เป็นการนาระบบบริหารจดั การ
(Management System) และนวัตกรรม (Innovation) มาใช้เพิ่มศักยภาพ
ในการป้องกันและจัดการความเส่ียงจากสาธารณภัย มุ่งเน้นพัฒนาคนเป็น
ศูนย์กลาง (People-Centered Approach) และการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้
ส่วนเสียจากทุกภาคสว่ น (Stakeholder)
ยุทธศาสตร์ที่ 3 การส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนระหว่างประเทศในการ
จัดการความเส่ียงจากสาธารณภัย เป็นการพัฒนาศักยภาพการจัดการ
สาธารณภัยตามหลักสากล การประสานความช่วยเหลือและการปฏิบัติงาน
ดา้ นมนุษยธรรม สง่ เสริมการแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ และสง่ เสรมิ บทบาทของประเทศ
ในฐานะแกนนาด้านการจดั การความเสยี่ งจากสาธารณภยั
ท้ัง 3 ยุทธศาสตร์ข้างต้น เน้นย้าแนวทางการพัฒนาด้านการลดความเส่ียง
จากสาธารณภัยจากการนากลยทุ ธ์ แนวทางปฏิบตั ิ มาตรการ การใช้นวัตกรรม
และเทคโนโลยีสารสนเทศ ทั้งจากในและระหว่างประเทศมาบูรณาการให้เกิด
ประสิทธภิ าพสงู ในอนาคต
5
ส่วนท่ี 2 เป็นแนวทางการปฏิบัติ ประกอบด้วย 2 ยุทธศาสตร์
โดยมีรายละเอียดดังน้ี
5.2 การจดั การสาธารณภยั ใหม้ มี าตรฐาน ประกอบดว้ ย 2 ยทุ ธศาสตร์
ได้แก่
ยุทธศาสตร์ที่ 4 การจัดการในภาวะฉุกเฉินแบบบูรณาการ
เป็นการเผชิญเหตุ การบัญชาการเหตุการณ์และการบรรเทาทุกข์ เน้นเรื่อง
มาตรฐาน เอกภาพ และความยืดหยุ่นของโครงสร้างองค์กรในภาวะฉุกเฉิน
รวมท้ังได้กาหนดแนวทางของการจัดตั้งองค์กรปฏิบัติในการจัดการภาวะฉุกเฉิน
ตลอดจนการกาหนดให้มีแนวทางปฏิบัติในการสนับสนุนการปฏิบัติงาน
ในภาวะฉกุ เฉิน (สปฉ.)
ยุทธศาสตร์ที่ 5 การเพ่ิมประสิทธิภาพการฟื้นฟูอย่างยั่งยืน
เป็นการดาเนินงานภายหลังจากที่ภาวะฉุกเฉนิ บรรเทาหรือได้ผ่านพน้ ไปแล้ว
การปรับสภาพระบบสาธารณูปโภค การดารงชีวิต และวิถีความเป็นอยู่
ข องชุ ม ช น ที่ ป ระส บ ส าธารณ ภั ย ให้ กลั บ สู่ สภ าว ะป ก ติห รือ การพั ฒ น า
ใหด้ กี ว่าและปลอดภัยกวา่ เดิม (Build Back Better and Safer) และใหช้ มุ ชน
ห รือสั งค ม มีค วาม พ ร้อม รับ แล ะฟื้ นก ลับ เร็วต่อส าธารณ ภั ย อย่างยั่งยืน
(Resilience City/Community)
ทง้ั 2 ยทุ ธศาสตรข า้ งตน้ เนน้ ยำ้ ในการปฏบิ ตั ใิ นการตอบโตก้ ารจดั การ
ในภาวะฉุกเฉิน การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยที่มีมาตรฐาน
มปี ระสทิ ธิภาพ และย่ังยืน
6
สาระสาคัญของแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ
พ.ศ. 2564–2570
เนอ่ื งจากบรบิ ทโลกและประเทศเปลยี่ นแปลงไป กอปรกบั แผนการปอ้ งกนั
และบรรเทาสาธารณภยั แหง่ ชาติ พ.ศ. 2558 ใชม้ าครบ 5 ปแี ลว้ จงึ ไดม้ กี าร
ปรับปรุงและทบทวนแผนฯขึ้น โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
มอบหมายใหม้ หาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล และสถาบันวจิ ัย
เพ่ือการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ศึกษาวิเคราะห์ สังเคราะห์ และจัดทา
ร่างแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ รวมถึงการศึกษา
และคน้ ควา้ แนวทางการจดั การสาธารณภยั ของประเทศตา่ ง ๆ เชน่ สหรัฐอเมริกา
ประเทศญี่ปุ่น เครือรัฐออสเตรเลีย ประเทศนิวซีแลนด์ ประเทศเนปาล
สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย และสาธารณรัฐอินเดีย
และกรอบการพัฒนาระดับโลกและระดับภูมิภาค ประกอบด้วย เป้าหมาย
การพัฒนาที่ย่ังยืน กรอบการดาเนินงานเซนไดเพื่อการลดความเสี่ยง
จากภัยพิบัติ และความตกลงปารสี วา่ ดว้ ยการเปลยี่ นแปลงสภาพภมู ิอากาศ
กรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดการ ภั ย พิ บั ติ แ ล ะ ก า รตอบโต้
สถานการณฉ์ ุกเฉนิ (ASEAN Agreement on Disaster Management
and Emergency Response : AADMER) เพอื่ เปน็ แนวทางการจัดการ
ความเสย่ี งจากสาธารณภยั ของประเทศไทย
จากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น แผนฉบับนี้ได้นาแนวทางจากยุทธศาสตร์ชาติ
พ.ศ. 2561-2580 แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561-2580
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ีสิบสอง พ.ศ. 2560-2565
นโยบายและแผนระดบั ชาติวา่ ด้วยความมน่ั คงแห่งชาติ พ.ศ. 2562–2565
เพอ่ื เปน็ แนวทางในการจดั ทาแผนการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั แหง่ ชาติ
พ.ศ. 2564 - 2570
7
แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2564–2570
มีจานวน 5 บท ดังน้ี
บทที่ 1 สถานการณ์และแนวโนม้ สาธารณภยั
เน่ืองจากโลกเผชิญกบั สาธารณภยั ท่ที า้ ทายหลายอยา่ ง เชน่ การเปล่ยี นแปลง
สภาพภมู อิ ากาศทที่ าให้เกดิ ภาวะลมฟ้าอากาศแปรปรวน ระดบั น้ำทะเล
ของโลกสูงข้นึ ภาวะแลง้ จัด พายุหมนุ การกัดเซาะชายฝง่ั ทะเล มหาอุทกภยั
ดินโคลนถลม่ นำ้ ปา่ ไหลหลาก โรคระบาด และการเกดิ สาธารณภัยขนาดใหญ่
เป็นต้น นอกจากนใี้ นปัจจบุ นั ยงั มภี ยั ทีไ่ ม่อาจคาดการณ์ได้ อาทิ โรคระบาด
แผน่ ดินไหว สนึ ามิ ไฟปา่ และหมอกควนั และภัยจากมลพษิ ทางอากาศประเภท PM2.5
สถานการณภ์ ัยเกิดข้นึ น้นั อาจกอ่ ใหเ้ กิดภยั ประเภทอ่นื ตอ่ เน่ืองมีความรุนแรง
หรอื มภี ัยซำ้ ซ้อน (Compound Hazard) ทีม่ ีแนวโน้มเกดิ มากขึน้ ในอนาคต
ซึง่ ส่งผลกระทบทงั้ ดา้ นเศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม
รวมถงึ การเข้าสู่สงั คมสงู วยั ทีท่ าให้มกี ลุ่มเปราะบางเพ่มิ ขึ้น กอปรกบั กรอบ
การจดั การความเสีย่ งจากสาธารณภยั ทัง้ ในระดบั นานาชาตแิ ละในประเทศ
ทเี่ ปลยี่ นแปลง รวมถึงการถอดบทเรยี นการจดั การสาธารณภยั ทผี่ ่านมา
และผลจากการประเมนิ ผลแผนการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ
พ.ศ. 2558 อันนาไปสกู่ รอบแนวคิด “Smart DRM for 3s : SEP - SDGs - SFDRR” :
การจัดการความเสยี่ งจากสาธารณภยั แบบอจั ฉรยิ ะ ซงึ่ นามากาหนดเป็น
ยทุ ธศาสตร์ 5 ด้าน ของแผนการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั แห่งชาติ
พ.ศ. 2564 – 2570
8
บทท่ี 2 นโยบายและยทุ ธศาสตร์การจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัย
กล่าวถึงการจัดทานโยบายและยุทธศาสตร์ที่มีความเกี่ยวข้อง
กับการจัดการความเส่ียงจากสาธารณภยั ทัง้ หมด ดงั นี้
- นโยบายการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ 5 ด้าน ได้แก่
มุ่งเน้นการลดความเส่ียงจากสาธารณภัย บูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน
ส่งเสริมการวิจัยและประยุกต์ใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี และภูมิปัญญา
โดยการยกระดับศักยภาพการจัดการความเส่ียงจากสาธารณภัยของประเทศ
เสริมสร้างความเป็นหนุ้ ส่วนในการจัดการความเส่ียงจากสาธารณภัยรว่ มกับ
หนว่ ยงานเครือข่ายทง้ั ภายในประเทศและระหวา่ งประเทศ เสรมิ สร้างความเข้มแข็ง
การบูรณาการกบั ทุกภาคสว่ นใหย้ กระดับมาตรฐานระบบการจดั การในภาวะฉุกเฉนิ
ของประเทศให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล พัฒนาระบบการฟ้ืนฟูอย่างย่ังยืน
โดยจัดให้มีการซ่อมสร้าง และฟน้ื ฟูใหก้ ลบั คนื สสู่ ภาวะปกตโิ ดยเรว็ หรอื ให้ดกี ว่า
และปลอดภัยกว่าเดมิ เพือ่ ลดความเสย่ี งเดิมและป้องกนั ความเสย่ี งใหม่
- เป้าหมาย 5 ประการ ได้แก่ 1) การลดความเส่ียงที่มีอยู่เดิมและป้องกัน
ไม่ให้เกิดความเสี่ยงใหม่ 2) การประยุกต์ใช้งานวิจัย นวัตกรรม เทคโนโลยี
และภูมิปัญญา เพอ่ื ใหท้ ุกภาคส่วนรู้เท่าทันการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัย
3) การเป็นหุ้นส่วนท้ังภายในประเทศและระหว่างประเทศ เพ่ือเพิ่มศักยภาพ
ดา้ นการจดั การความเสยี่ งจากสาธารณภยั อย่างเข้มแขง็ และต่อเน่อื ง 4) ระบบ
การจดั การในภาวะฉุกเฉินที่มมี าตรฐาน ยดื หยุ่น และมเี อกภาพอย่างบรู ณาการ
และ 5) ระบบการฟ้ืนฟอู ย่างยง่ั ยืนในทุกระดบั ใหด้ กี วา่ และปลอดภัยกวา่ เดิม
9
- ตัวช้ีวัดความสาเร็จในการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัย
ของประเทศ ใช้แนวคิดจากตัวช้ีวัดของกรอบการดาเนินงานเซนได ได้แก่
การลดความสูญเสียและความเสียหาย 4 ด้าน และการเพ่ิมศักยภาพในการ
จดั การความเส่ยี งจากสาธารณภัย 3 ดา้ น
- ยุทธศาสตร์ แบง่ ออกเป็น 2 ส่วน ไดแ้ ก่
ส่วนท่ี 1 การลดความเสี่ยงจากสาธารณภัยให้มีประสิทธิภาพ
เพ่ือให้เป็นการพัฒนา ประกอบด้วย 3 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ท่ี 1
การมุง่ เน้นการลดความเสี่ยงจากสาธารณภัย ยุทธศาสตร์ท่ี 2 การเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพ
ระบบบริหารจัดการและการประยุกต์ใช้นวัตกรรมด้านสาธารณภั ย
และยุทธศาสตร์ท่ี 3 การส่งเสริมความเป็นหุน้ ส่วนระหว่างประเทศในการจดั การ
ความเส่ยี งจากสาธารณภัย
ส่วนท่ี 2 การจัดการสาธารณภัยให้มีมาตรฐานเพื่อเป็นการปฏิบัติ
ประกอบด้วย 2 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ท่ี 4 การจัดการในภาวะฉุกเฉิน
แบบบูรณาการ และยทุ ธศาสตรท์ ่ี 5 การเพมิ่ ประสทิ ธิภาพการฟนื้ ฟอู ย่างยั่งยืน
- งบประมาณ ได้แก่ งบประมาณรายจ่ายประจาปีของส่วนราชการ
งบกลาง ได้แก่ เงินทดรองราชการตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วย
เงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562
และเงินสารองจ่าย เพ่ือกรณีฉุกเฉินหรือจาเป็นเร่งด่วนท่ีต้องดาเนินโครงการ
ตามนโยบายของรัฐบาล และเงินนอกงบประมาณ ได้แก่ งบประมาณ
สนับสนนุ จากองคก์ ร/หน่วยงานต่าง ๆ ภาคเอกชน ทั้งในประเทศและระหว่าง
ประเทศ
10
บทท่ี 3 หลักการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภยั
- หลักการและแนวคิด “การจัดการความเส่ียงจากสาธารณภัย”
(Disaster Risk Management : DRM) อธิบายให้เห็นถึงลักษณะวงจร
เรมิ่ ตงั้ แต่การเตรียมความพร้อม ด้วยการประเมินความเส่ียง การจัดทาแผน
เส่ียงภัย การฝึกปฏิบัติในทุกระดับ การแจ้งเตือนภัย การป้องกันและลดผลกระทบ
การจัดทาแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทุกระดับ เม่ือเกิดเหตุ
ต้องจดั ต้ังศูนย์บัญชาการเหตุการณ์เพื่อตอบโต้สถานการณ์ ดาเนินการค้นหา
และกู้ภัย การประเมินความเสยี หายและสูญเสียที่เกิดข้นึ และการช่วยเหลือ
ผู้ประสบภัยเบ้ืองต้น เม่ือสาธารณภัยผ่านพ้นไปแล้วจะต้องมีการซ่อมสร้าง
สาธารณูปโภค การฟ้ืนฟูวิถีชีวิตของประชาขน การฟ้ืนฟูเศรษฐกิจและสังคม
ให้ดีกว่าและปลอดภัยกว่าเดิม โดยนาผลที่ได้ดาเนินการแล้วทั้งหมด
มาวิเคราะห์เพื่อถอดบทเรียน เพื่อหาแนวทางและปรับปรุงมาตรการตอบโต้
สถานการณ์สาธารณภัยท่ีจะเกิดให้ดีกว่าและปลอดภัยกว่าเดิม การดาเนิน
ในแต่ละระยะจะมีความคาบเกย่ี วกนั ไมแ่ ยกจากกนั ตามภาพวงจรข้างตน้
11
- กลไกหลักการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัย ประกอบด้วย
โครงสร้างองค์กรและบทบาทหน้าท่ีการจัดการสาธารณภัย ตั้งแต่ระดับ
นโยบายถึงระดับปฏิบัติ บทบาทหน้าที่และแนวทางปฏิบัติของหน่วยงาน
ที่เก่ียวข้อง แนวทางปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานทหาร ภาคประชาสังคม
แนวทางปฏิบัติร่วมกับต่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ แนวทางการใช้
กฎหมายที่มีความเชื่อมโยงกัน ขอบเขตสาธารณภัย ระดับการจัดการ
สาธารณภัย กฎหมายและระเบยี บท่เี กยี่ วข้อง
บทท่ี 4 ยุทธศาสตร์การจดั การความเสี่ยงจากสาธารณภัย
บทนีจ้ ะเป็นการอธิบายรายละเอยี ดทงั้ หมดภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์
โดยแบ่งออกเปน็ 2 สว่ นดังตอ่ ไปน้ี
ส่วนท่ี 1 การลดความเสยี่ งจากสาธารณภยั ใหม้ ีประสิทธภิ าพ
เพือ่ เป็นการลดความสูญเสียในชีวิตและทรพั ย์สนิ รวมถึงการลดผลกระทบ
ในด้านต่าง ๆ ที่เกิดจากสาธารณภัย เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม การพัฒนา
ระบบการบริหารจัดการ และการพัฒนาศักยภาพให้สามารถเผชิญกับภัย
คุกคามและภัยธรรมชาติในรูปแบบต่าง ๆ จาเป็นต้องมีการสร้างความรู้
ความเข้าใจด้านการลดความเสี่ยงจากสาธารณภัย (Disaster RiskReduction :
DRR) เพ่ือนาไปสู่การสร้างความเข้าใจถึงแนวทางในการลดความเส่ียง
จากสาธารณภัยให้กับทุกภาคส่วนเน้นการสร้างการมีส่วนร่วม มีการลงทุน
เพื่อลดความเส่ียงจากสาธารณภัยและพัฒนาองค์ความรู้ โดยใช้เทคโนโลยี
นวัตกรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น ทั้งในและต่างประเทศ มาประยุกต์ใช้ให้เกิด
ประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อกาหนดมาตรการ แนวทางปฏิบัติเพ่ือการป้องกัน
และลดผลกระทบท่ีจะเกิดขึ้นในอนาคต ทาให้เกิดการบูรณาการในการจัดการ
สาธารณภัย ท่ีมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และเกิดผลสัมฤทธิ์ยิ่งข้ึน
เพือ่ ให้สงั คมเกดิ ภูมคิ ุม้ กันพร้อมรบั มือและฟ้นื กลับอยา่ งรวดเรว็
12
การลดความเสี่ยงจากสาธารณภัยให้มีประสิทธิภาพเพ่ือใหเ้ ป็นการพัฒนา
ประกอบดว้ ย 3 ยทุ ธศาสตร์ ได้แก่
ยุทธศาสตร์ที่ 1 การมงุ่ เน้นการลดความเสีย่ งจากสาธารณภัย
ยทุ ธศาสตร์ที่ 2 การเพ่ิมประสทิ ธิภาพระบบบรหิ ารจัดการ
และการประยุกตใ์ ชน้ วตั กรรมด้านสาธารณภัย
ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 3 การส่งเสรมิ ความเปน็ ห้นุ ส่วนระหว่างประเทศ
ในการจดั การความเสี่ยงจากสาธารณภัย
ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 1 การมุ่งเน้นการลดความเสีย่ งจากสาธารณภัย
เป็นการนาพันธกจิ ของกรอบการดาเนินงานเซนไดมากาหนดวธิ ีปฏิบตั ิ
ในการลดความเสยี่ งหรอื ลดโอกาสทีจ่ ะได้รบั ผลกระทบจากสาธารณภยั
เพอื่ ให้เกดิ ความเข้าใจความเสยี่ งจากสาธารณภัย มุ่งเสริมสร้างศกั ยภาพ
ในการบรหิ ารและจดั การความเสยี่ งจากสาธารณภัย เน้นลงทนุ ดา้ นการลด
ความเส่ยี งจากสาธารณภัยเพ่อื ใหม้ ภี มู ิคมุ้ กนั ในการพรอ้ มรบั มอื และฟน้ื คืนกลับ
ได้อยา่ งรวดเร็ว รวมท้ังการพัฒนาศักยภาพเพ่อื เตรียมพรอ้ มในการเผชิญเหตุ
สาธารณภัยอย่างมีประสิทธภิ าพและการฟื้นสภาพและซ่อมสร้างให้ดกี ว่า
และปลอดภัยกวา่ เดมิ ในช่วงการฟ้นื ฟู ประกอบดว้ ย 3 กลยทุ ธ์ คือ
1. พัฒนาและส่งเสริมให้มีความเข้าใจความเส่ียงจากสาธารณภัย
ทุกระดับ (ระดับชาติ จังหวัด อาเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น)
เป็นกระบวนการที่ช่วยตรวจสอบระดับความเส่ียงของชุมชนหรือสังคม
ด้วยการวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงท่ีเกี่ยวกับความล่อแหลมและความเปราะบาง
ท่อี าจกอ่ ใหเ้ กดิ อันตราย มี 3 แนวทางปฏบิ ตั ิ ได้แก่ 1) การประเมินความเสี่ยง
จากสาธารณภัย 2) การใช้ผลการประเมินความเสี่ยงในการวางแผน
และ 3) การสร้างความรู้ความเข้าใจเร่ืองการลดความเสี่ยงจากสาธารณภัย
เพ่อื นาไปสูก่ ารปฏิบัติ
13
2. พัฒนามาตรการลดความเสี่ยงจากสาธารณภัย เป็นกระบวนการ
ท่ดี าเนินการตอ่ จากการประเมินความเส่ียงเพ่อื ขจดั หรอื แกไ้ ขปญั หาความเปราะบาง
ความลอ่ แหลม และเพม่ิ ศกั ยภาพรว่ มกบั การแกไ ขปญ หาทอี่ าศยั ธรรมชาตเิ ปน ฐาน
(Nature-based Solution : Nbs) มี 4 แนวทางปฏิบัติ ได้แก่ 1) การหลีกเล่ียง
ความเส่ียง (Risk Avoidance) เชน่ การลงทุนเชิงโครงสรา้ งขนาดใหญ่ เปน็ ตน้
2) การปอ้ งกนั และลดผลกระทบจากความเสยี่ ง (Risk Prevention and Mitigation)
เชน่ มาตรการทไ่ี มใ่ ชโ้ ครงสรา้ งรวมกับการลดความเสยี่ งจากภยั พบิ ตั โิ ดยอาศยั
ระบบนเิ วศเปน ฐาน (Ecosystem-based Disaster Risk Reduction : EcoDRR)
เปน็ ตน้ 3) การถา่ ยโอนความเสยี่ ง (Risk Transfer) เชน่ การใชร้ ะบบประกนั ความเสยี่ ง
การทาประกนั ภยั เปน็ ตน้ และ 4) การยอมรบั ความเสย่ี ง (Risk Acceptance)
เชน่ การฝกึ การปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั การจดั เตรยี มพนื้ ทรี่ องรบั การอพยพ
การเตรยี มการจดั ตั้งศนู ย์พักพงิ ช่ัวคราว การแจง เตือนภัย เปนตน
3. ส่งเสรมิ ให้ทุกภาคส่วนและทกุ ระดบั สร้างความเป็นหุ้นส่วน
ในการลดความเสยี่ งจากสาธารณภยั เป็นการมงุ่ เนน้ การมีสว่ นรว่ มในฐานะ
หุน้ ส่วนในการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย มี 2 แนวทางปฏบิ ัติ ได้แก่
1) กาํ หนดใหเ ปน นโยบาย แหง่ รัฐท่สี าคัญ เชน่ สง่ เสริมบทบาทการมีสว นรว ม
สนับสนนุ และจัดสรรงบประมาณ เปน็ ตน้ และ 2) การรว่ มเปน็ หนุ้ สว่ นการลด
ความเสีย่ งจากสาธารณภยั ทงั้ ภาคประชาสงั คม สถาบนั ทางการศกึ ษา
ภาคเอกชน และส่อื
ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 2 การเพ่ิมประสทิ ธภิ าพระบบบรหิ ารจดั การและการประยกุ ตใ ช
นวตั กรรมดา้ นสาธารณภัย
เป็นการนาระบบบริหารจัดการ (Management System) และนวัตกรรม
(Innovation) โดยใช้ฐานข้อมูล องคค์ วามรู้ เทคโนโลยี การลงทุน บุคลากร
องค์กรท่ีเก่ียวขอ้ ง การวิจยั และการสร้างนวัตกรรม ด้านสาธารณภัย การทบทวน
และบังคับใช้กฎหมาย ตลอดจนการเสริมสร้างความเข้าใจ ความตระหนัก
14
แ ล ะ เ พิ ่ม ศ ัก ย ภ า พ ข อ ง ชุม ช น ใ น ก า ร ป ้อ ง กัน แ ล ะ จัด ก า ร ส า ธ า ร ณ ภ ัย
มาใช้เป็นเคร่ืองมือเพื่อสร้างความเป็นอัจฉริยะในการจัดการความเสี่ยง
จากสาธารณภัยของประเทศ ควบคู่กับการสร้างการรู้เท่าทันภัยให้กับประชาชน
ทุกช่วงวัยอย่างเสมอภาค เป็นไปตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
การพฒั นาคนเป็นศูนย์กลาง (People - Centered Approach) และการมีสว่ นรว่ ม
ของผมู้ สี ่วนไดส้ ว่ นเสยี จากทกุ ภาคสว่ น (Stakeholder) ประกอบดว้ ย 5 กลยทุ ธ์ คือ
1.พฒั นาระบบสารสนเทศด้านสาธารณภัย ประกอบด้วย 4 แนวทางปฏิบัติ
ได้แก่ การจดั ทาแพลตฟอร์ม (Platform) สารสนเทศด้านการจัดการความเสี่ยง
จากสาธารณภัยของประเทศ การจัดทามาตรฐานชุดข้อมูลสาธารณภัย
การพัฒนาระบบวิเคราะห์และประมวลผลเพือ่ สนับสนุนระบบการตัดสินใจ
(Decision Support System : DSS) และการจัดทาระบบนาเสนอข้อมูล
และการเขา้ ถงึ ขอ้ มูล
2. พัฒนาองค์ความรู้ด้านการจัดการความเส่ียงจากสาธารณภัย
ประกอบด้วย 3 แนวทางปฏิบัติ ได้แก่ การส่งเสรมิ ใหม้ กี ารวจิ ัย และพัฒนาเทคโนโลยี
การส่ งเสริ มให้ บุ คลากรได้ รั บการพั ฒนาองค์ ความรู้ ไปสู่ การเป็ นผู้ เช่ี ยวชาญ
ด้านการจัดการความเส่ียงจากสาธารณภัยตามมาตรฐานตามหลักสากล
และการสง่ เสริมกระบวนการจัดการความรดู้ ้านสาธารณภัย
3. พัฒนาการสื่อสารความเสี่ยงจากสาธารณภัยท่ีมีประสิทธิภาพ
ประกอบด้วย 2 แนวทางปฏิบัติ ได้แก่ การพัฒนาและสร้างรูปแบบการส่ือสาร
ความเส่ียงจากสาธารณภัยส่สู าธารณะ และการพฒั นาและสร้างระบบแจง้ เตือนภัย
แบบครบวงจร (End-to-End Warning System) ที่สามารถแจ้งเตือนภัย
ทหี่ ลากหลายประเภทภยั (Multi-Hazard)
15
4. ส่งเสริมการลงทุนด้านการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัย
แบบมีส่วนร่วมจากภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม ในระดับชาติ จังหวัด
อาเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ประกอบด้วย 4 แนวทางปฏิบัติ
ได้แก่ การส่งเสริมให้ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนมีการลงทุน
แบบมีส่วนร่วมด้านการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัย การเสริมสร้าง
ความเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาชน (Public Private
People Partnership : PPPP) ในการจดั การความเสี่ยงจากสาธารณภัยในทุกระดับ
การกาหนดกลไก/มาตรการทางการเงนิ และการคลงั เพอื่ การจัดการความเสี่ยง
จากสาธารณภัย และการส่งเสริมธุรกิจประกันภัยเพ่ือการลดความเส่ียง
จากสาธารณภัย และขยายขอบเขตให้ครอบคลุมธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก
(SMEs)
5. เสริมสร้างการมีส่วนรว่ มของทุกภาคสว่ นในการจัดการความเสี่ยง
จากสาธารณภัย ประกอบด้วย 2 แนวทางปฏิบัติ ได้แก่ การพัฒนาความร่วมมือ
ระหวา่ งภาคีเครอื ข่ายภาคประชาชน อาสาสมัคร และอ่ืน ๆ การพฒั นาศักยภาพ
ชุมชนหรือเมืองให้มีขีดความสามารถในการจัดการความเส่ียงจากสาธารณภัย
(Smart Community/City)
ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 3 การส่งเสรมิ ความเปน็ หุ้นสว่ นระหว่างประเทศในการจัดการ
ความเส่ียงจากสาธารณภัย
เป็นแนวคิดการเป็นหุ้นส่วนการจัดการสาธารณภัยระหว่างประเทศ
ในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมร่วมกับประเทศต่าง ๆ โดยใช้กรอบการ
พัฒนาระดับโลกเพือ่ การลดความเสี่ยงจากสาธารณภัย มาเชื่อมโยงและปรับใช้
ให้เข้ากับบริบทของประเทศ ต้ังแต่ระดับชาติจนถึงระดับชุมชน เพื่อใหเ้ กิด
การแลกเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติท่ีดีและการสร้างการรับรู้อย่างครอบคลุม
และเกิดประสิทธิภาพสงู สุด ประกอบด้วย 4 กลยทุ ธ์ คอื
16
1. เสริมสร้างการเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ด้านการจัดการความเส่ียง
สาธารณภยั ระหว่างประเทศ เพอ่ื เสรมิ สรา้ งศักยภาพและพัฒนาความรว่ มมือ
ของหน่วยงานภาคีเครือข่าย โดยเฉพาะความร่วมมือกับประเทศเพอื่ นบ้าน
ระดับภูมิภาค และระดับโลก ในการสร้างความเป็นห้นุ ส่วนด้านการจัดการ
ความเส่ียงจากสาธารณภัยระหว่างประเทศในรูปแบบทวิภาคีและพหุภาคี
ได้แก่ การทาบันทึกข้อตกลง การรับเป็นเจ้าภาพหรือเจา้ ภาพรว่ มจัดการประชุม
นานาชาติ โครงการความร่วมมือ
2. พฒั นาระบบการประสานความชว่ ยเหลือด้านมนุษยธรรมท่ีมเี อกภาพ
เพ่ือให้การประสานความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมกับต่างประเทศ
และแนวทางการจัดการความช่วยเหลือภายในประเทศ มีความชัดเจน
สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติและแผนปฏิบัติการในระดับพ้ืนที่ โดยมีเป้าหมาย
ในการจัดทามาตรฐาน แผนปฏิบัติการ คู่มือ และขั้นตอนการรบั และการให้
ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม รวมถึงการฝึกการให้และรับความช่วยเหลือ
ดา้ นมนษุ ยธรรมแกต่ า่ งประเทศ
3. ยกระดับมาตรฐานการปฏิบัติงานด้านมนุษยธรรม เป็นการสร้างเสริม
มาตรฐานการประสานความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในภาวะฉุกเฉิน
ให้มีเอกภาพ มาตรฐาน และมีความสอดคล้องกับหลักการสากล วา่ ด้วยการพัฒนา
ระบบการประสานงานความชว่ ยเหลือดา้ นมนุษยธรรม ณ จดุ เดียว (National
Single Window : NSW) ซ่ึงเป็นระบบจัดการข้อมูลและเอกสารในการอนุญาต
นาเข้าและส่งออกทางธุรกรรมระหว่างประเทศเพียงจุดเดียวในการจัดการ
สาธารณภัย
4. ส่งเสริมความเป็นประเทศทมี่ ีบทบาทนาดา้ นการจัดการความเสี่ยง
จากสาธารณภัย ด้วยให้ประเทศเกิดการแลกเปลี่ยนบทเรียนและแนวปฏิบัติ
ท่ีดีในด้านต่าง ๆ การเตรียมความพร้อมด้านงบประมาณและบุคลากร
ตามมาตรฐานตามหลักสากล นาไปสกู่ ารเป็นประเทศผใู้ หร้ ายใหม่ (Emerging
Donor) และเป็นที่ยอมรบั ของสากล
17
สว่ นที่ 2 การจดั การสาธารณภยั ใหม้ ีมาตรฐาน
การจัดการสาธารณภัยให้มีมาตรฐาน เป็นการดาเนินการที่ต้องมีรูปแบบ
การปฏิบัติอย่างเป็นระบบและชัดเจน เพ่ือให้เกดิ ความเข้าใจและมีแนวทาง
ปฏิบัติท่ีมีมาตรฐานเดียวกัน นาไปสู่การจัดการสาธารณภัย ที่สามารถเชื่อมต่อ
พ้ืนท่ีและภารกิจได้ทันที ทั้งในช่วงการจัดการในภาวะฉุกเฉิน ซึ่งต้องให้
ความสาคัญกับมาตรฐาน เอกภาพ ด้วยการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ
และคุ้มค่า มีความยืดหยุ่นของการจดั โครงสร้างองค์กรปฏิบัติภายใต้ระบบ
การบัญชาการเหตุการณ์ ในการเผชิญเหตุสาธารณภัยของทุกหน่วยงาน
เพื่อบรรเทาความรุนแรงของสาธารณภัย โดยยึดถือว่าการรักษาชีวิต
และทรัพย์สินของประชาชนเป็นเร่ืองเร่งด่วนลาดับแรก รวมท้ังการจัดการ
เมื่อเข้าสู่ระยะฟื้นฟู โดยใช้กระบวนการฟ้ืนสภาพ (Rehabilitation)
และซ่อมสร้าง (Reconstruction) ซ่ึงเป็นการดาเนินการเพื่อปรับสภาพ
ระบบสาธารณูปโภค การดารงชีวิต และสภาวะวิถีความเป็นอยู่ของชุมชน
ท่ีประสบภัยให้กลับสู่สภาวะปกติเพื่อการฟน้ื ฟูใหด้ ีกว่าและปลอดภัยกว่าเดิม
ท้ังน้ี การกาหนดแนวทางปฏิบัติจะทาใหห้ น่วยงานต่าง ๆ สามารถปฏิบัติงาน
ให้เปน็ ไปในทศิ ทาง และมาตรฐานเดยี วกนั อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ
การจัดการสาธารณภัยให้มีมาตรฐานเพื่อเปน็ การปฏิบัติประกอบด้วย
2 ยทุ ธศาสตร์ ไดแ้ ก่
ยุทธศาสตร์ที่ 4 การจัดการในภาวะฉุกเฉินแบบบูรณาการ
ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 5 การเพ่มิ ประสทิ ธภิ าพการฟืน้ ฟูอย่างยง่ั ยนื
18
ยุทธศาสตรท์ ี่ 4 การจดั การในภาวะฉกุ เฉินแบบบูรณาการ
เป็นการปฏิบัติการเพ่อื ควบคุมและ/หรือลดความรุนแรงของสถานการณ์
สาธารณภยั รวมทั้งการอานวยการ การปฏิบัตหิ น้าทีข่ องเจ้าหนา้ ที่ที่เกยี่ วขอ้ ง
อย่างเป็นระบบระเบียบได้มาตรฐานและครอบคลุมกระบวนการจัดการ
โ ด ย ก า ร จั ด ร ะ บ บ ก า ร จั ด ก า ร ท รั พ ย า ก ร เ พื่ อ เ ผ ชิ ญ เ ห ตุ ก า ร ณ์ ฉุ ก เ ฉิ น
และการชว่ ยเหลือบรรเทาทุกข์ไดอ้ ย่างรวดเรว็ ประกอบดว้ ย 3 กลยทุ ธ์ คอื
1. พัฒนามาตรฐานการจัดการในภาวะฉุกเฉินอย่างมีเอกภาพ
ประกอบด้วย 1) แนวทางปฏิบัติในการแจ้งระดับสถานการณ์สาธารณภัย
ใหห้ น่วยงานภาครัฐในการจดั การสาธารณภัย 2) แนวทางปฏิบตั ิในการจัดการ
เม่ือเกิดสาธารณภัยตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
พ.ศ. 2550 3) แนวทางปฏิบัติในการจดั ต้ังองค์กรปฏิบัติการจดั การในภาวะฉกุ เฉิน
ระดบั ตา่ ง ๆ และรปู แบบโครงสรา้ งองค์กรปฏิบัติในการจดั การภาวะฉกุ เฉนิ
19
4) แนวทางปฏบิ ัติในการประกาศเขตพ้ืนทีป่ ระสบภยั สาธารณภัย/ประกาศเขต
การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน 5) แนวทางปฏิบัติ
ในการตัดสินใจยกระดับการจัดการสาธารณภัย และ 6) แนวทางปฏิบัติ
ในการอพยพ
2. พฒั นาระบบและเคร่อื งมือสนับสนนุ การเผชิญเหตุ ประกอบดว้ ย
1) แนวทางปฏิบัติในการส่ือสารและโทรคมนาคม 2) แนวทางปฏิบัติ
ในการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารในภาวะฉุกเฉิน 3) แนวทาง
ปฏิบัติในการบัญชาการเหตุการณ์ 4) แนวทางปฏิบัติในการสนับสนุน
การปฏิบัติงานภาวะฉุกเฉิน (สปฉ.) เพ่ือประสานงานระหว่างส่วนราชการ
และหน่วยงานที่มีหน้าท่ีความรับผิดชอบตามภารกิจ ซึ่งมีทั้งหมด 18 สปฉ.
และด้านกฎหมาย และ 5) แนวทางปฏิบัติในการสนับสนุนการจดั การเหตุการณ์
ซ่ึงหากกรณีสาธารณภัยมีความรุนแรง ซับซ้อน หรือต้องอาศัยระยะเวลา
ในการจัดการเหตุการณ์ยาวนานกว่าเหตุการณ์ท่ัวไปหรือตามท่ีผู้อานวยการกลาง/
ผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติเห็นสมควร จึงอาจจาเป็น
ต้องจัดให้มีเจ้าหน้าท่ีสนับสนุนการจัดการเหตุการณ์ (Incident Management
Assistance Team : IMAT)
3. เพ่ิมประสิทธิภาพระบบและแนวปฏิบัติในการบรรเทาทุกข์
ประกอบด้วย 1) แนวทางปฏิบัติในการขอใช้เงินทดรองราชการเพ่ือช่วยเหลือ
ผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน 2) แนวทางปฏิบัติในการประเมินความเสียหาย
และความต้องการความช่วยเหลอื (Damage and Need Assessment: DANA)
3) แนวทางปฏิบัติในการรับบริจาค 4) แนวทางปฏิบัติในการรายงานข้อมูล
และ 5) แนวทางปฏบิ ตั ใิ นการจัดต้ังศนู ยพ์ กั พิงชวั่ คราว
20
ยุทธศาสตร์นี้เป็นการจัดการสาธารณภัยในภาวะฉุกเฉิน ซึ่งเมื่อเกิด
สาธารณภัยหรือใกล้เกิดสาธารณภัยหน่วยงานของกรมป้องกันและบรรเทา
สาธารณภยั ทงั้ ในระดบั สว่ นกลางและระดบั พนื้ ทจ่ี ะตอ้ งถอื ปฏบิ ตั แิ ละบูรณาการ
ดาเนินการในประเด็นขา้ งตน้ ตามบรบิ ทสถานการณแ์ ละความเกย่ี วขอ้ ง โดยจะตอ้ ง
แปลงแนวทางเหลา่ นเี้ ปน็ กจิ กรรมหรอื มาตรการปฏบิ ตั ติ า่ ง ๆ ในรปู ของกองบญั ชาการ
ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ กองอานวยการป้องกันและบรรเทา
สาธารณภยั กลาง และศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัด หรือศูนย์บัญชาการ
เหตุการณ์ส่วนหน้าจังหวัด ศูนย์บัญชาการเหตกุ ารณอ์ าเภอ และศนู ยป์ ฏบิ ตั กิ าร
ฉกุ เฉนิ ทอ้ งถน่ิ รวมทง้ั จะตอ้ งประสานและอานวยการใหอ้ าเภอและองคก์ รปกครอง
ส่วนท้องถ่ินในฐานะหน่วยเผชิญเหตุปฏิบัติภารกิจป้องกันและบรรเทา
สาธารณภัยในพ้ืนท่ีเกิดเหตุซ่ึงจะมีผลให้เกิดการกระทาตามอานาจหน้าท่ี
ในการจัดการสาธารณภยั และไดร้ บั การคมุ้ ครองในฐานะเจา้ พนักงานตามกฎหมาย
ยุทธศาสตรท์ ี่ 5 การเพิม่ ประสิทธิภาพการฟนื้ ฟอู ยา่ งยั่งยนื
พัฒนาใหด้ ีกว่าและปลอดภยั กวา่ เดิม
21
เป็นการดาเนินงานภายหลังจากท่ีภาวะฉุกเฉินบรรเทาลงหรือได้ผ่านพ้นไปแล้ว
และจะเข้าสู่การจัดการสาธารณภัยในระยะฟ้ืนฟู โดยใช้กระบวนการฟ้ืนสภาพ
(Rehabilitation) และซ่อมสร้าง (Reconstruction) ซึ่งเปน็ การดาเนนิ การ
เพื่อปรับสภาพระบบสาธารณูปโภค การดารงชีวิต และสภาวะวิถีความเป็นอยู่
ของชุมชนที่ประสบภัยให้กลับสู่สภาวะปกติ หรือพัฒนาให้ดีข้ึนกว่าเดิม
ตามความเหมาะสม โดยใช้แนวคิด การพัฒนาให้ดีกว่าและปลอดภัยกว่าเดิม
(Build Back Better and Safer) และใช้การประเมินความต้องการ
หลั งเกิดสาธารณ ภัย (Post Disaster Need Assessment : PDNA)
เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนการฟื้นฟู เพ่ือสร้างแนวทางมาตรการต่าง ๆ
ครอบคลุมมติ ิด้านสงั คม เศรษฐกจิ ส่ิงแวดลอ้ ม เพอื่ มงุ่ สกู่ ารเป็นชุมชนหรอื สังคม
ท่ีมีความพร้อมรับและฟ้ืนกลับเร็วต่อสาธารณภัยอย่างยั่งยืน (Resilience)
ประกอบดว้ ย 3 กลยุทธ์ คือ
1. พัฒนาระบบการประเมินความเส่ียงเพือ่ การฟนื้ ฟหู ลังเกิดสาธารณภัย
ให้ดีกว่าเดิม เพ่อื สร้างระบบการประเมินโดยเก็บรวบรวมข้อมูลในรายละเอยี ด
ของแต่ละภาคส่วนที่เกีย่ วข้องเพ่ือนาไปวิเคราะห์ ประมวลผล และวางแผน
ในการดาเนินมาตรการต่าง ๆ เพือ่ ฟื้นฟูอย่างย่ังยืนตามความจาเป็น โดยใช้
ข้อมูลความเสียหาย ความสูญเสีย ผลกระทบ ความต้องการในการฟื้นฟู
และนามากาหนดกรอบการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนได้อย่างเป็นระบบ
และมปี ระสิทธิภาพในการฟน้ื ฟทู ด่ี กี ว่าเดมิ และปลอดภยั กวา่ เดิมของประเทศ
2. พัฒนาแนวทางบริหารจัดการด้านการฟ้ืนฟู เป็นการพัฒนา
แนวทางการบริหารจัดการด้านการฟนื้ ฟู โดยนาผลการประเมินความต้องการ
ห ลั งเกิ ด ส าธ ารณ ภั ย ม าใช้ เพ่ื อ ให้ ผู้ ป ระส บ ภั ย ส าม ารถ ด า รงชี วิ ต ให ม่
ได้อย่างปกติ เกิดการฟ้ืนฟูเศรษฐกิจ สังคมและส่ิงแวดล้อม ได้แก่ การฟ้ืนฟู
สุขภาวะของผู้ประสบภัย การฟื้นฟูสภาพทางสังคมและเสริมสร้างความเข้มแข็ง
ทางเศรษฐกจิ การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสภาพแวดล้อม
22
3. เสริมสร้างแนวทางการฟ้ืนฟูให้ดีกว่าและปลอดภัยกว่าเดิม
(Build Back Better and Safer) เป็นการนามาตรการด้านการฟ้ืนฟูฟ้ืนสภาพ
และซ่อมสร้างมาใช้เพื่อวางแผนระยะยาวในการลดความเสี่ยงท่ีมีอยู่เดิม
และป้องกนั ไม่ให้ความเส่ยี งใหมเ่ กิดข้ึน และการปรบั วิถีชวี ิตใหม่ (New Normal)
ยุทธศาสตร์น้ีมุ่งเน้นการลดความเสี่ยงท่ีมีอยู่เดิมและป้องกันไม่ให้
ความเสี่ยงใหม่เกิดขึ้นเพื่อมุ่งสู่การเป็นชุมชนหรือสังคมที่มีความพร้อมรับ
และฟื้นกลับเร็วต่อสาธารณภัยอย่างยั่งยืน (Resilience) ประกอบด้วย
แนวทางมาตรการต่าง ๆ ทางด้านการฟ้ืนฟู ได้แก่ การช่วยเหลือผู้ประสบภัย
ให้สามารถช่วยเหลือตนเองได้ เพื่อให้การดารงชีวิตกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
โดยไม่จาเป็นต้องพ่ึงพิงความช่วยเหลือจากภายนอกแต่เพียงอย่างเดียว
การมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจ เพ่ือให้เกิดการยอมรับและมีส่วนร่วม
ในขน้ั ตอนต่าง ๆ การพิจารณาประเดน็ ความเสย่ี งจากสาธารณภัย ในการดาเนนิ การ
ฟื้นคืนสภาพ และการปรับวิถีชีวิตท่ีไม่คุ้นเคย ให้เป็นสิ่งปกติใหม่ (New Normal)
ในการรับมือสาธารณภัยรูปแบบใหม่ที่อาจเกิดขึ้น ทั้งนี้ หากรัฐสามารถ
ดาเนินการฟ้ืนฟูได้ตามแนวทางดังกล่าวจะส่งผลต่อการใช้งบประมาณ
ในการลงทนุ ดา้ นการฟ้นื ฟทู ี่มีประสทิ ธิภาพและคุ้มคา่ อย่างแทจ้ ริง
บทที่ 5 การขับเคลอื่ นแผนไปสกู่ ารปฏบิ ัติ
การจัดการความเส่ียงจากสาธารณ ภัยให้บรรลุผลสัมฤทธิ์
ตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
แห่งชาติ พ.ศ. 2564 - 2570 จาเปน็ จะตอ้ งอาศัยการบูรณาการจากทุกภาคส่วน
โดยสร้างความเปน็ เจา้ ของแผนการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาติ
23
(Sense of Belonging) เชน่ การจดั ทาแผนการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั
ในทกุ ระดบั เพ่ือผลกั ดนั แผนงาน โครงการ และกจิ กรรม บรรจไุ วใ้ นแผนพฒั นา
จังหวดั แผนพัฒนาอาเภอ และแผนพฒั นาทอ้ งถ่ิน และกระบวนการขบั เคล่ือน
ท่ีมปี ระสทิ ธภิ าพ ภายใตก้ ารกากบั ดแู ลของคณะกรรมการปอ้ งกนั และบรรเทา
สาธารณภัยแห่งชาติ (กปภ.ช.) การผลักดันแนวทางปฏบิ ตั ิของยุทธศาสตร์
การจดั การความเสยี่ งจากสาธารณภัยตามแผนการป้องกนั และบรรเทา
สาธารณภยั แหง่ ชาติสกู่ ารปฏบิ ตั ผิ า่ นแผนงาน โครงการ และกิจกรรมภายใต้
แผนปฏบิ ัติการระดับหนว่ ยงานสรู่ ะดับพ้นื ท่ี โดยการผสาน (Mainstreaming)
ภารกจิ หลกั ของหนว่ ยงานท่มี เี ปา้ หมายและตัวช้วี ัดท่สี อดคลอ้ งกบั ยทุ ธศาสตร์
การจดั การความเส่ยี งจากสาธารณภยั การผลกั ดนั ใหม้ งี บประมาณเชิงบรู ณาการ
ดา้ นการจดั การความเส่ียงจากสาธารณภยั ของทกุ หนว่ ยงาน การคดิ เชงิ เหตุผล
และความรว่ มมอื ระหวา่ งหนว่ ยงาน และภาคสว่ นตา่ ง ๆ และใหก้ ลไกระดบั ชาติ
ระดบั ภมู ภิ าค และจงั หวดั รบั ผดิ ชอบผลกั ดนั ประเดน็ สาคญั ไปสู่การปฏบิ ัติ
รวมท้งั การกาหนดใหม้ กี ารศกึ ษาวจิ ยั และพฒั นาองคค์ วามร้แู ละนวตั กรรม
รว่ มกบั หนว่ ยงานท่ีเก่ยี วขอ้ งกบั การวจิ ยั และนวตั กรรม และการศกึ ษาบทเรยี น
(Lesson Learnt) ของการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั ท่ีเปน็ เหตกุ ารณส์ าคญั
ท่ีผา่ นมา ซ่งึ จะนาไปสกู่ ารขับเคล่อื นแผนการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั
แหง่ ชาติ พ.ศ. 2564 – 2570 ท่มี ีประสิทธภิ าพและบรรลุผลสมั ฤทธ์ิตามเปา้ หมาย
และวตั ถุประสงค์ รวมท้งั มีการทบทวนและปรับปรงุ แผนการปอ้ งกนั และบรรเทา
สาธารณภยั แหง่ ชาติในโอกาสตอ่ ไป
24
สรุป
แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2564 – 2570
ฉบับน้ี เป็นกรอบทิศทางการจัดการความเส่ียงจากสาธารณภัยของประเทศ
อย่างย่ังยืน ภายใต้กรอบแนวคิด “การจัดการความเส่ียงจากสาธารณภัย
แบบอัจฉริยะ” (Resilience by Smart DRM for 3s) เพ่ือสร้างภูมิคุ้มกัน
จากสาธารณภัยตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency
Economy Philosophy : SEP) สร้างความย่ังยืนตามเป้าหมายการพัฒนา
ท่ียั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) และลดความเส่ียง
ทีม่ ีอยู่เดมิ และป้องกนั ความเส่ยี งใหม่ท่ีอาจเกิดขึน้ ตามกรอบการดาเนนิ งาน
เซนไดเพ่ือการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ (Sendai Framework for Disaster
Risk Reduction : SFDRR) รวมถึงเป็นกลไกในการขับเคล่ือนยุทธศาสตร์ชาติ
20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ให้บรรลุ
วัตถปุ ระสงคโ์ ดยรว่ มบูรณาการและขับเคลอ่ื นแผนร่วมกบั หน่วยงานท่ีเก่ยี วข้อง
ต้ังแต่ระดับชาติจนถึงระดับพื้นท่ี ไปสู่การปฏิบัติให้ลุล่วงตามเป้าหมาย
โดยจดั ทาระบบการตดิ ตามประเมินผลสัมฤทธ์ิของแผนการปอ้ งกันและบรรเทา
สาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2564 - 2570 ที่มีประสิทธิภาพและทันสมัย
เพ่ือวางรากฐานของประเทศให้ก้าวไปสู่สังคมการ “รู้รับ ปรับตัว ฟื้นเร็วท่ัว
อย่างย่งั ยืน” (Resilience/Smart City)
.............................................
๒๕๕๐