วิชาภาษาไทย ๑ ท๓๑๑๐๑ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ภาคเรียนที่ ๑
วิเคราะห์คุณค่าวรรณคดี นิราศนรินทร์คำ โคลง
ความเป็นมา นิราศนรินทร์ เป็นบทประพันธ์ทำ นองนิราศของ นายนรินทรธิเบศร์(อิน) แต่งขึ้นในคราวตามเสด็จ สมเด็จพระบวรราชเจ้า มหาเสนานุรักษ์ ไปปราบพม่าที่ยกมาตีเมืองถลาง และชุมพรในพ.ศ.๒๓๕๒ แต่งขึ้นในคราวเดียวกับที่ พระยาตรังแต่งนิราศถลาง
นายนรินทรธิเบศร์นามเดิมว่าอิน รับราชการเป็นมหาดเล็ก ในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์ วังหน้าในรัชกาลที่๒ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้รับพระราชทาน บรรดาศักดิ์เป็นนายนรินทร์ธิเบศร์ มหาดเล็กหุ้มแพร ประวัติผู้แต่ง
นิราศนรินทร์แต่งด้วยคำ ประพันธ์ ประเภทร่ายและโคลง กล่าวคือร่ายสุภาพนำ ๑บท จากนั้นเป็นโคลงสีสุภาพตลอดเรื่อ ลักษณะคำ ประพันธ์
นิราศนรินทร์ปรากฏคุณค่าด้านสังคมและวัฒนธรรม หลายประการทั้งในแง่การสะท้อนธรรมเนียมปฏิบัติ การสะท้อนความคิดความเชื่อการสะท้อนค่านิยมและ การสะท้อนสภาพบ้านเมืองเช่น - สะท้อนธรรมเนียมปฏิบัติเมื่อเป็นเมืองขึ้นคือการ ถวายดอกไม้เงินดอกไม้ทองดังความว่า "ทุกไทน้าวมาลย์น้อมขอออกอ้อมมาอ่อน" - สะท้อนความเชื่อเกี่ยวกับจักรวาลแบบไตรภูมิดัง ปรากฏชื่อสถานที่ในจักรวาลแบบไตรภูมิเช่น"เมืองเมรุ" คือสวรรค์ชั้นดาวดึงส์"นทีสี่สมุทร"คือมหาาสมุทรทั้ง๔ ที่อยู่รอบเขาพระสุเมรุ"เมรุ"คือ"เขาพระสุเมรุ""หกฟ้า" คือสวรรค์ทั้ง๖ชั้น"สี่หล้า"คือทวีปทั้ง ๔ ฯลฯ วิเคราะห์คุณค่า ด้านสังคมและวัฒนธรรม
-สะท้อนความเชื่อเรื่องเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์- ฮินดูเช่นพระอิศวรพระนารายณ์พระพรหมพระอุมา พระลักษมีฯลฯ -สะท้อนค่านิยมเกี่ยวกับลักษณะของผู้หญิงดีคือ "เบญจลักษณ์"หรือเบญจกัลยาณีได้แก่ผมงามเนื้องาม ฟันงามผิวงามและวัยงาม -สะท้อนความเชื่อเรื่องกรรมวิบากดังปรากฏในบท ประพันธ์ที่ว่า"ถนัดระทำ กรรมจำ จากช้า" -สะท้อนสภาพบ้านเมืองของกรุงรัตนโกสินทร์ใน ช่วงตัน ซึ่งกวีได้พรรณนาให้เห็นว่าบ้านเมืองขณะนั้น มีวัดวาอารามจำ นวนมากอันแสดงให้เห็นถึงความเจริญ รุ่งเรืองของพุทธศาสนาในสังคมไทยที่มีมาตั้งแต่อดีต ดังบทประพันธ์ที่ว่า เรืองเรืองไตรรัตน์พ้น พันแสง รินรสพระธรรมแสดง ค่ำ เช้า เจดีย์ระดะแซง เสียดยอด ยลยิ่งแสงแก้วเก้า แก่นหล้าหลากสวรรค์ โบสถ์ระเบียงมณฑปพื้น ไพหาร ธรรมาสน์ศาลาลาน พระแผ้ว หอไตรระฆังขาน ภายค่ำ ไขประทีปโคมแก้ว กำ ฟ้าเฟือนจันทร์
นิราศนรินทร์เป็นวรรณดีเรื่องหนึ่งที่ได้รับการยกย่อง ว่ามีความดีเด่นด้านวรรณศิลปีเป็นอย่างยิ่งอาจกล่าวได้ว่า เป็น"วรรณศิลป์ชั้นครู"ซึ่งแต่งตามขนบวรรณคดีประเภท โคลงนิราศสมัยอยุธยาเช่นมีบทยอพระเกียรติบทชมเมือง บทฝากนางฯลฯและมีลักษณะ"การเลียนสำ นวน"ของโด ลงนิราศบางเรื่องในสมัยนั้นด้วยโดยเฉพาะกำ สรวลโคลง ดั้น(เดิมเรียกว่า"กำ สรวลศรีปราชญ์")ดังตารางเปรียบ เทียบต่อไปนี้ วิเคราะห์คุณค่า ด้านวรรณศิลป์
การใช้การอ้างถึง(Allusion)คือการกล่าวถึง เรื่องอื่นหรือสิ่งอื่นนอกเรื่องที่เขียนเพื่อขยาย ความหรือให้ถ้อยคำ มีน้ำ หนักเช่น บทคร่ำ ครวญถึงนางผู้เป็นที่รักกวีกล่าวอ้าง ถึงเทพเจ้าได้แก่พระอินทร์พระพรหมและ พระนารายณ์และตัดพ้อว่าเทพเจ้าเหล่านั้น นิ่งเฉยไม่สนใจช่วยเหลือดนทำ ให้ผู้รับสาร สะเทือนใจและเห็นภาพที่กวีและนางผู้เป็นที่รัก ต้องทนทุกข์อยู่อย่างเดียวดายยิ่งขึ้น พันเนตรภูวนาถตั้ง ตาระวังใดฮา พักตร์สี่แปดโสตฟัง อื่นอื้อ กฤษณนิทรเลอหลัง นาคหลับฤาพ่อ สองพิโยคร่ำ รื้อ เทพท้าวทำ เมิน
การใช้ภาพพจน์เป็นวรรณศิลปีที่ปรากฎ เป็นจำ นวนมากในนิราศนรินทร์ซึ่งช่วยขยาย และเสริมสร้างอารมณ์ความรู้สึกของกวีให้ซัด เจนยิ่งขึ้น -การใช้ภาพพจน์แบบอุปมาเช่น แผนแผ่นผ้างเมืองเมรุ(บ้านเมืองราวกับสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์) -การใช้ภาพพจน์แบบอุปลักษณ์เช่น ราบหน้าเภริน(ปราบได้ราบคาบเป็นหน้ากลอง) ลมพัดคือพิษต้องตากทรวง(เมื่อยามที่ลมพัด มาต้องกายก็รู้สึกว่าเป็นยาพิษที่ทำ อันตราย)
-การกล่าวเกินจริงหรือ"อติพจน์"เช่นเรือง เรืองไตรรัตน์พันพ้นแสง(พระพุทธศาสนา รุ่งเรืองยิ่งกว่าแสงของพระอาทิตย์) บทที่ใช้การกล่าวเกินจริงที่น่าประทับใจมาก คือบทที่ว่ากวี่รักนางมั่นคงแม้ฟ้าดินจะสลาย แต่ความรักที่มีต่อนางก็ยังคงอยู่ไม่สูญสลาย ตามไปด้วยดังนี้ ตราบขุนคิริข้น ขาดสลายแลแม่ รักบ่หายตราบหาย หกฟ้า สุริยจันทรขจาย จากโลกไปฤา ไฟแล่นล้างสี่หล้า ห่อนล้างอาลัย
การเล่นเสียง -การเล่นเสียงสัมผัสพยัญชนะเช่นเล่นเสียง/ซ/ และ/ล/ในวรรค"ส่ายเศิกเหลี้ยนล่งหล้า"(ส่าย-เศิก, เหลี้ยน-ล่ง-หลัา) เล่นเสียง/ย/และ/ล/ในบาท"อยุธยายศล่มแล้ว ลอยสวรรค์ลงฤา"(ยุธ-ยา-ยศ,ล่ม-แล้ว-ลอย-ลง) -การเล่นเสียงสัมผัสสระเช่นเล่นเสียง/เอีย+ว/ใน วรรค"เยียวว่าแดเดียวยก"(เยียว-เดียว) เล่นเสียง/โอะ+ง/ในวรรค"เดินดงท่งทางละหาน" (ดง-ท่ง) -การเล่นเสียงวรรณยุกต์เช่น"แผนแผ่นผ้าง เมืองเมรุ"(แผน-แผ่น)
การเล่นคำ - การเล่นคำ พ้องเช่นการเล่นคำ พ้องเสียงคำ ว่า กำ -กรรม การเล่นคำ พ้องทั้งรูปและเสียงคำ ว่า"จาก" (คำ ที่๑และ๒หมายถึงตันจากส่วนคำ ที่๓หมายถึง ออกพันไป) และดำ ว่า"ระกำ "(คำ ที่๑หมายถึงต้น ระกำ ส่วนคำ ที่๒หมายถึงความทุกข์ตรม)ในคำ ประพันธ์ที่ว่า เห็นจากจากแจกก้าน แกมระกำ ถนัดระกำ กรรมจำ จากช้า...