The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายวิชาภาษาไทย ๑ ท๓๑๑๐๑<br>ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ <br>ภาคเรียนที่ ๑ <br>กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย <br>โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by PEP CRPAO, 2024-04-30 02:02:45

วิเคราะห์คุณค่านิทานเวลตาล เรื่องที่ ๑๐

รายวิชาภาษาไทย ๑ ท๓๑๑๐๑<br>ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ <br>ภาคเรียนที่ ๑ <br>กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย <br>โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

วิช วิ าภาษาไทย ๑ ท๓๑๑๐๑ ระดับ ดั ชั้น ชั้ มัธ มั ยมศึกษาปีที่ ปี ที่ ๔ วิช วิ าภาษาไทย ๑ ท๓๑๑๐๑ ระดับ ดั ชั้น ชั้ มัธ มั ยมศึกษาปีที่ ปี ที่ ๔ ภาคเรียรีนที่ ๑ภาคเรียรีนที่ ๑กลุ่มลุ่สาระการเรียรีนรู้ภรู้าษาไทย โรงเรียรีนองค์กค์ารบริหริารส่วส่นจังจัหวัดวัเชียชีงราย กลุ่มลุ่สาระการเรียรีนรู้ภรู้าษาไทย โรงเรียรีนองค์กค์ารบริหริารส่วส่นจังจัหวัดวัเชียชีงราย


นิทนิานเวลตาล เรื่อ รื่ งที่ ๑๐ วิเวิคราะห์คุ ห์ ณ คุ ค่าวรรณคดี


ความเป็นมา นิทานเวตาลแต่แรกเริ่มเป็นวรรณคดีสันสกฤต มีชื่อว่า "เวตาลปัญจวิงศติ" แปลว่า นิทาน ๒๕ เรื่องของเวตาล กวีชื่อ ศิวทาสเป็นผู้แต่งไว้ในสมัยอินเดียโบราณ ต่อมา โสมเทวะ กวีแควันกัษมีระได้นำ มาเรียบเรียง ขึ้นใหม่และรวบรวมเข้าไว้ในหนังสือกถาสริตสาคร ภายหลังมีผู้ แปลเป็นภาษาฮินดีและภาษาสันสกฤต รวมทั้งภาษาอังกฤษ นิทานเวตาล เรื่องที่ ๑๐ เป็นนิทานเรื่องหนึ่งในนิทาน เวตาลพระนิพนธ์ของพระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณซึ่งทรงพระนิพนธ์ขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๑ ใช้พระนามแฝงว่า "น.ม.ส." โดยทรงแปลจากต้นฉบับภาษาอังกฤษชื่อว่า "Vikram and the Vampire or Tales of Hindu Devilry" ของเซอร์ ริซาร์ด เอฟ เบอร์ ตัน (Sir Richard F. Burton) และทรงเลือกมาเพียง ๙ เรื่อง อีก ๑ เรื่องแปลจากต้นฉบับภาษาอังกฤษสำ นวนอื่น


ประวัติผู้แต่ง พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยา ลงกรณ เป็นพระโอรสในกรมพระราชวัง บวรวิไชยชาญ ประสูติแต่คุณจอมมารดาเลี่ยม (เล็ก) เมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๑๙ มีพระนามเดิมว่า พระองค์เจ้ารัชนีแจ่มจรัส ทรงใช้พระนามแฝงว่า น.ม.ส. โดยนำ มาจากตัวอักษรท้ายพระนามเดิม (รัชนีแจ่ม จรัส) ทรงเป็นต้นราชสกุล รัชนี พระนิพนธ์ของพระราชวรวงศ์เธอ กรมหมี่นพิทยาลงกรณ มีจำ นวนมากและหลากหลาย มีทั้งที่เป็นร้อยแก้ว เข่น จดหมาย จางวางหร่ำ สืบราชสมบัติ นิทานเวตาล ต้นร้ายปลายดี และร้อยกรอง เช่น พระนลคำ ฉันท์ กนกนคร บทเหเรือ สามกรุง ฯลฯ ซึ่งมีความดีเด่นทั้งในด้านเนื้อหาและภาษา พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ สิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๘ สิริพระชนมายุได้ ๖๘ ปี


ลักษณะคำ ประพันธ์ นิทานเวตาล เรื่องที่ ๑๐ แต่งด้วยคำ ประพันธ์ประเภทร้อยแก้ว เวตาลเล่านิทานให้พระวิกรมาทิตย์ฟังว่า นานมาแล้วท้าวมหาพลซึ่งเป็น พระราชาแห่งกรุง ธรรมปุระได้พาพระมเหสีและพระธิดาเสด็จเข้าป่าเพื่อหนีข้าศึก ที่มารุกราน ต่อมาท้าวมหาพลถูกโจรฆ่า ส่วนพระมเหสีและพระธิดา เสด็จหนีไปได้ ในคราวนั้น ท้าวจันทรเสนเสด็จออกล่าสัตว์ในป่าพร้อม พระโอรส เห็นรอยเท้าของหญิง ๒ คน และเข้าใจว่ารอยเท้าใหญ่เป็น หญิงมีอายุกว่าผู้ที่รอยเท้าเล็ก แล้วได้ "กระทำ สัญญาแบ่งนาง" กัน กล่าวคือ ท้าวจันทรเสนเลือกผู้ที่มีรอยเท้าใหญ่เป็น มเหสี ส่วนพระโอรสเลือกผู้ที่มีรอยเท้าเล็กเป็นชายา เรื่องย่อ


ต่อมาท้าวจันทรเสนและพระโอรสได้พบว่า พระมเหสีของท้าว มหาพลคือผู้ที่มีรอยเท้าเล็ก ส่วนพระธิดาของท้าวมหาพลคือผู้ที่มี รอยเท้าใหญ่ ภายหลังทั้งสองคู่มีพระโอรสและพระธิดาสืบต่อกันมา เวตาลจึงตั้งปัญหาว่า "ลูกท้าวจันทรเสนที่เกิดจากธิดาท้าว มหาพล แลลูกมเหสีท้าวมหาพลที่เกิดกับพระรชบุตรท้าวจันทรเสน นั้น จะนับญาติกันอย่างไร" พระวิกรมาทิตย์ ตีปัญหายังไม่ทันแตก ได้พระสดิเรื่องที่จะต้อง นำ เวตาลไปให้ โยคีศานติศีล จึงทรงนิ่ง ไม่ตรัสตอบ แม้เวตาลจะ ยั่วเย้าสักเพียงใดก็ไม่เป็นผล


วิเคราะห์คุณค่าด้านเนื้อหา เวตาลเปรียบเสมือนเครื่องยั่วยุความทะนงตนของ พระวิกรมาทิตย์ โดยคอยหยอกเย้าด้วยคำ ดูหมิ่นเหยียดหยาม ให้พระวิกรมาทิตย์ตอบคำ ถามของตน เพื่อที่ตนจะได้ลอยกลับ ไปเกาะยังกิ่งอโศกที่เคยอาศัยอยู่ เมื่อพระวิกรมาทิตย์ไม่ตอบคำ ถามของเวตาล เวดาลก็จะยัง คงยั่วยุด้วยคำ พูดส่อเสียด ดังคำ ประพันธ์ “รับสั่งตอบปัญหาแล้วมิใช่หรือ หรือ เมื่อพระองค์ทรงจน ปัญญาถึงเพียงนี้แล้ว บางทีพระราชบุตรซึ่งทรงปัญญาเฉลียว ฉลาดจะทรงแก้ปัญหาได้บ้างกระมัง” จากคำ ประพันธ์ข้างตันแสดงให้เห็นว่าเวตาลใช้วาจา ส่อเสียดเพื่อหยามศักดิ์ศรีของกษัตริย์ทรงปัญญาอย่าง พระวิกรมาทิตย์อย่างร้ายกาจ แต่ทว่าพระวิกรมาทิตย์ยังมั่นคง และแน่วแน่ในพระราชปณิธานไม่ตอบคำ ถามเวตาล หากเวตาล จะใช้วาจาหยามเกียรติ พระวิกรมาทิตย์ก็สะกดใจตนและระงับ ความโกรธด้วยการกระแอมเพียงเท่านั้น ในที่สุดเวตาลก็ยอม จำ นนต่อพระราชปณิธานอันแน่วแน่และมั่นคง จนเวตาลยอม บอกแผนลวงของโยดีศานดิศีล และสงบคำ ไม่ยั่วยุ พระวิกรมาทิตย์อีก


การสะท้อนความคิดความเชื่อของคนในสมัยก่อน เช่น ความเชื่อเรื่องลางบอกเหตุ ดังปรากฎข้อความว่า "ครั้งรั้นี้ข้าพเจ้าให้เกิดกระเหม่นตาซ้าย หัวใจเต้นแรงแลตาก็ มืดมัว เป็นลางไม่ดีเสียแล้ว" ความเชื่อเรื่องบุญ ดังปรากฎคำ ว่า "สิ้นบุญ" หรือค่านิยมเรื่องการรักษาคำ พูด ซึ่งสังคมอินเดียสมัย โบราณยึดถือปฏิบัติอย่างเข้มงวด ดังที่ท้าวจันทรเสนและพระ ราชบุตรปฏิบัติตาม "สัญญาแบ่งนาง" นอกจากนี้ยังปรากฏคุณค่าที่สำ คัญ คือ การมีสติจึงจะ สามารถบรรลุเป้าหมาย ดังจะเห็นได้ว่า พระวิกรมาทิตย์ไม่ สามารถบรรลุเป้าหมาย คือ การนำ ตัวเวตาลไปให้โยดีตานติศีล ได้โดยง่าย เพราะ ไม่สามารถอดกลั้นต่อคำ เยาะหยันและเผลอ ตอบคำ ถามของเวตาล อันเป็นเหตุให้เวตาลลอยกลับไปที่ตัน อโศกครั้งรั้แล้วครั้งรั้เล่า จนกระทั่งครั้งรั้สุดท้าย พระวิกรมาทิตย์ ได้สติจึงสามารถนำ ตัวเวตาลไปให้โยดีศานติศีลได้ วิเคราะห์คุณค่าด้านสังคม


ส่วนพฤดิกรรมของท้าวจันทรเสนและพระราชบุตรเป็นไป อย่างขาดความรอบคอบที่กระทำ สัญญาแบ่งนางโดย การคาดเดาหรืออนุมานจากขนาดของรอยเท้า จนเป็นเหตุให้ "ลูกกลับเป็นเมียพ่อ แม่กลับเป็นเมียลูก ลูกกลับเป็นแม่เลี้ยง ของผัวแม่ตัวเอง และแม่กลับเป็นลูกสะใภ้ของผัวแห่งลูกตน" และนำ ไปสู่ปัญหาที่ว่า "ลูกทัาวจันทรเสนที่เกิดจากธิดาท้าวมหาพลแลลูกมเหสีท้าว มหาพลที่เกิดกับพระราชบุตรท้าวจันทรเสนนั้น จะนับญาติกัน อย่างไร"


การใช้ความเปรียบเป็นวรรณศิลปีที่ปรากฎอย่างเด่นชัดใน นิทานเวตาล เรื่องที่ ๑๐ เช่น การเปรียบ "ทองคำ " เป็น "อาวุธ" ซึ่งกวีได้ขยายความ ด้วยว่า "คือใช้ทองคำ ซื้อน้ำ ใจนายทหารและไพร่พลของพระ ราชาให้เอาใจออกห่างจากพระองค์" ทำ ให้ผู้อ่านเห็นภาพ "ทองคำ " ในความหมาย ที่เป็น "อาวุธ" ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น หรือการเปรียบเทียบบ้านที่ไม่มีแม่บ้านว่า "คือคุกซึ่งไม่มี โซ่เท่านั้นเอง" เปรียบเทียบการขาดแม่บ้านทำ ให้ปราศจากความสุขทั้งใน เรือนและนอกเรือน ความว่า "ความสุขแห่งพ่อบ้านซึ่งอยู่เดี่ยว โดดนั้นมีไม่ได้ ในบ้าน แลมีไม่ได้นอกบ้านเพราะไม่มีหวังว่าจะได้ ความสุขเมื่อกลับมาส่เรือนแห่งตน" ทำ ให้ผู้อ่านเข้าใจความ หมายได้อย่างแจ่มแจ้ง วิเคราะห์คุณค่าด้านวรรณศิลป์


คำ ศัพท์ในเนื้อเรื่อง กระเหม่น = เขม่น คือ อาการที่กล้ามเนื้อกระตุกเบา ๆ ขึ้นเอง เชื่อว่าเป็นนิมิตบอกเหตุร้ายหรือดี โกรศ = มาตราวัดความยาว เท่ากับ ๕๐๐ คันธนูเรียงต่อกัน เขื่อง = ใหญ่ คุมกัน = รวมกลุ่มกัน เครื่องประหลาด = สิ่งที่ทำ ให้คนประหลาดใจ ในความว่า "ความสาวของพระนางเป็นเครื่อง ประหลาดของคนทั้งหลาย" จำ เพาะ = เพียง, เฉพาะ ซื้อน้ำ ใจ = ผูกใจ ในข้อความที่ว่า "ใช้ทองคำ ซื้อน้ำ ใจนายทหาร" หมายถึง ติดสินบนด้วยทองคำ เพื่อให้ทหารมาเข้า กับฝ่ายของตน ภิลล์ = ชื่อชาวป่า อาศัยอยู่แถบเขาวินธัยในอินเดีย มูลเทวะบัณฑิต = มูลเทวะ เป็นชื่อตัวละครในนิทานสันสกฤต นิทานสันสกฤตบางเรื่องกล่าวว่ามูลเทวะเป็น ผู้รู้ศิลปวิทยาและมักกล่าวถ้อยคำ เป็นคติสอนใจ เล็ด = ลอบออกมา สิ้นบุญ = ตาย


Click to View FlipBook Version