The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หน่วย1 กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ยุวดี เทียนไชย, 2020-03-17 03:40:18

หน่วย1 กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ

หน่วย1 กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ

หน่วยที่ 1
กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ

ตลาดในระบบเศรษฐกิจ

1.ความหมายของตลาดในทางเศรษฐศาสตร์

• ตลาด Market หมายถึง ภาวะการซื้อขายสินค้าอย่างใดอย่างหนึ่ง

โดยไม่จำเป็นต้องมีตลาดเป็นตัวตน ผู้ซื้อและผู้ขายไม่จำเป็นต้องมาพบ
กัน เพียงแต่ใช้เครื่องมือสื่อสารตกลงกันก็ได้ เช่น E-commerce
(ระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์)

= + +ตลาดในทางเศรษฐศาสตร์ มีความต้องการแลกเปลี่ยน
ผู้ซื้อ ผู้ขาย สินค้า-บริการ ซึ่งกันและกัน

ตลาดมีหน้าที่สำคัญ ดังนี้

1. จัดหาสินค้าและบริการ
2. เก็บรักษาสินค้าเพื่อการจำหน่ายตามช่วงเวลาต่างๆ หรือเพื่อความสะดวกในการ

ขนส่ง
3. จัดแยกประเภทและกำหนดมาตรฐานสินค้าเพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้ซื้อ
4. ขนส่งสินค้าจากแหล่งผลิตไปยังผู้บริโภค
5. จำหน่ายสินค้าและบริการ ซึ่งรวมไปถึงการสร้างอุปสงค์และกำหนดราคา
6. ป้องกันความเสี่ยงในกระบวนการต่างๆ ของตลาดทั้งการเก็บรักษาและขนส่ง

ก่อนสินค้าไปถึงมือผู้บริโภค

ประเภทของตลาด

1.แบ่งตามลักษณะการดำเนินการขายของผู้ขาย

(1) ตลาดขายส่ง

• ตลาดที่ซื้อขายสินค้าโดยที่ผู้ซื้อนำไปขายต่อในตลาดค้าปลีก

(2) ตลาดขายปลีก

• ตลาดที่ซื้อขายสินค้าให้ผู้บริโภคนำไปบริโภคสินค้านั้น
โดยตรง แบ่งเป็น

ธุรกิจการค้าปลีกแบบดั้งเดิม ได้แก่ ตลาดสด ตลาดนัด
ร้านขายของชำ

ธุรกิจการค้าปลีกแบบสมัยใหม่ (Modern Trade) ได้แก่
ห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านค้าสะดวกซื้อ
ศูนย์การค้าชุมชน

2.แบ่งตามประเภทของสินค้าและบริการที่จำหน่าย

2.1 ตลาดสินค้า คือ ตลาดที่เน้นการซื้อขายสินค้า แบ่งได้ดังนี้

(1) ตลาดสินค้าผู้บริโภค คือ ตลาดที่มีการซื้อ
ขายสินค้าและบริการที่ผู้ซื้อนำไปใช้อุปโภค
บริโภคโดยตรง เป็นสินค้าขั้นสุดท้าย

(2) ตลาดสินค้าผู้ผลิต คือ ตลาดที่มีการซื้อขาย
ปัจจัยการผลิตต่างๆ เป็นสินค้าขั้นกลาง เช่น
ตลาดที่ขายวัตถุดิบต่างๆ เพื่อนำไปแปรรูป
เป็นสินค้าและบริการ

2.2 ตลาดบริการ คือ ตลาดที่เน้นการบริการเป็นหลัก
เช่น ร้านตัดผมที่เน้นบริการตัดผม ไม่ได้เน้นการ
จำหน่ายกรรไกร ร้านสปา ร้านอินเทอร์เน็ต

2.3 ตลาดการเงิน คือ ตลาดที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงิน
เป็นแหล่งเงินทุนที่สำคัญในระบบเศรษฐกิจ แบ่งได้ดังนี้

1) ตลาดเงิน

คือ ตลาดที่มีการกู้ยืมเงินทุนระยะสั้นเป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี

มีตั๋วสัญญาใช้เงินหรือตั๋วเงินคลังเป็นสินค้า

2) ตลาดทุนหรือตลาดหุ้น

ตลาดที่มีการกู้ยืมเงินระยะยาวเป็นระยะเวลา 1 ปีขึ้นไป เช่น การ
ซื้อขายพันธบัตรหรือหุ้น

เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นแหล่งกลางในการซื้อ
ขายหุ้นและหลักทรัพย์

3. แบ่งตามลักษณะของการแข่งขัน

(1) ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ Perfect Competitive Market

ตลาดที่มีการแข่งขันกันอย่างเต็มที่ในระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย

ทำให้ราคาสินค้าหรือปริมาณซื้อขายสินค้าในตลาดไม่ได้
ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของผู้ซื้อหรือผู้ขายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
แต่จะถูกกำหนดโดยกลไกตลาด*แทน

* กลไกตลาด หรือ กลไกราคา

กลไกราคาเป็น “มือที่มองไม่เห็น”

คอยจัดการให้สินค้าราคาแพงขึ้น เมื่อความต้องการสินค้าสูงกว่า
ปริมาณในตลาด (ของขาด)

ทำให้ราคาสินค้าลงเมื่อความต้องการสินค้าต่ำกว่าปริมาณในตลาด
(ของล้นตลาด)

กลไกนี้ทำงานได้ดีภายใต้ตลาดการค้าเสรีสมบูรณ์แบบ

แต่เมื่อรัฐเห็นว่าราคาดุลยภาพที่เกิดขึ้นไม่เหมาะสมต่อภาพรวม
เศรษฐกิจ รัฐจะเข้าแทรกแซงโดยกำหนดราคาขั้นสูง และราคาขั้นต่ำ
ของสินค้า เพื่อให้เกิด อุปสงค์ และอุปทานใหม่

อุปสงค์ / อุปทาน กลไกราคา

การแทรกแซงของรัฐ ดุลยภาพ

กำหนดราคาขั้นสูง / ราคาขั้นต่ำ

(2) ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ Imperfect Competitive
Market

ตลาดที่ผู้ซื้อหรือผู้ขายจะมีอิทธิพลในการกำหนดราคาหรือ
ปริมาณซื้อขายสินค้าในตลาดมากน้อยตามความไม่
สมบูรณ์ของตลาด

ประเภทของตลาดตามโครงสร้างของตลาด

• การวิเคราะห์ตลาดที่จะนำไปสู่การศึกษาเรื่องการกำหนดราคาสินค้า
นักเศรษฐศาสตร์นิยมแบ่งประเภทของตลาดที่เป็นตลาดสินค้าตามโครงสร้างของตลาด

โครงสร้างของตลาด
( Market Structure )

จำนวน ความสามารถ การกำหนด

ผู้ซื้อ ผู้ขาย ราคาสินค้า ปริมาณสินค้า

แข่งขันสมบูรณ์ แข่งขันไม่สมบูรณ์

แผนภาพแสดงโครงสร้างของตลาด

• การจำแนกประเภทตลาดจากโครงสร้างตลาดนี้ จะพิจารณาไปที่ความ
สามารถในการแข่งขันเป็นสำคัญ ทำให้ตลาดแบ่งประเภทได้ ดังนี้

ตลาด แข่งขันสมบูรณ์ ตลาดผูกขาดสมบูรณ์
แข่งขันไม่สมบูรณ์ ตลาดผูกขาดน้อยราย
ตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด

3.1 ตลาดแข่งขันสมบูรณ์

ตลาดที่มีการแข่งขันอย่างแท้จริง
ตลาดประเภทนี้มีอยู่น้อยมากในโลกแห่งความเป็นจริง
เรียกได้ว่าเป็นตลาดในอุดมคติ (Ideal Market) ของนักเศรษฐศาสตร์
โดยเฉพาะนักเศรษฐศาสตร์แนวเสรีนิยม
ตลาดที่อนุโลมหรือใกล้เคียงกับตลาดแข่งขันสมบูรณ์ ได้แก่ ตลาด
สินค้าเกษตรกรรม ตลาดหุ้น

ลักษณะสำคัญของตลาดแข่งขันสมบูรณ์

1. มีผู้ซื้อและผู้ขายจำนวนมาก

แต่ละรายมีการซื้อขายเป็นส่วนน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนผู้ซื้อและผู้ขายทั้งหมด
ในตลาด

การซื้อขายสินค้าของผู้ซื้อหรือผู้ขายแต่ละรายไม่มีอิทธิพลต่อการกำหนดราคาในตลาด
Price Taker

แม้ผู้ซื้อหรือผู้ขายจะหยุดซื้อหรือขายสินค้าของตนก็จะไม่กระทบกระเทือนต่อปริมาณ
สินค้าทั้งหมดในตลาด

เพราะผู้ซื้อหรือผู้ขายแต่ละคนจะซื้อสินค้าหรือขายสินค้าเป็นจำนวนเล็กน้อย เมื่อ
เปรียบเทียบกับปริมาณสินค้าทั้งหมดที่มีอยู่ในตลาด

ผู้ซื้อและผู้ขายแต่ละรายต่างเป็นส่วนย่อยของตลาดจึงไม่มี “พลังตลาด” Market
Power

2. สินค้าที่ซื้อหรือขายจะต้องมีลักษณะเหมือนกัน ( Homogeneous Product )

สามารถที่จะใช้แทนกันได้อย่างสมบูรณ์ในทรรศนะของผู้ซื้อ ไม่ว่าจะซื้อ
สินค้าประเภทเดียวกันนี้จากผู้ขายคนใดก็ตาม ผู้ซื้อจะได้รับความพอใจ
เหมือนกัน เช่น ผงซักฟอก

ถ้าตลาดมีการแข่งขันอย่างแท้จริง ผู้ซื้อจะไม่มีความรู้สึกว่าผงซักฟอกแต่ละ
กล่องในตลาดแตกต่างกัน คือใช้แทนกันได้สมบูรณ์

แต่ถ้าเมื่อใดที่ผู้ซื้อมีความรู้สึกว่าสินค้ามีความแตกต่างกัน เมื่อนั้นภาวะ
ของความเป็นตลาดแข่งขันสมบูรณ์ก็จะหมดไป

ผู้บริโภคไม่สนใจว่าผู้ขายเป็นใคร ยี่ห้อใด ราคาสินค้าในตลาดจึงเท่ากัน

ความเหมือนกันของสินค้ารวมไปถึงยุทธวิธีการขาย/กลยุทธ์ทางการตลาด

3. ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องมีความรอบรู้ในภาวะของตลาดอย่างสมบูรณ์

มีความรู้ภาวะของอุปสงค์อุปทาน และราคาสินค้าในตลาด

ผู้ซื้อและผู้ขายต่างรู้ราคาซื้อขายในตลาดขณะหนึ่งเป็นอย่างดี

ทำให้ไม่มีผู้ซื้อรายใดยอมซื้อสินค้าในราคาสูงกว่าราคาตลาด
ทั่วไป และผู้ขายก็ไม่จำเป็นต้องขายสินค้าในราคาต่ำกว่าราคา
ตลาด เพราะราคาที่กำหนดในตลาดก็ทำให้ตนเองขายสินค้าได้
หมด

4. การติดต่อซื้อขายจะต้องกระทำได้โดยสะดวก
ผู้ซื้อ ผู้ขายสามารถทำการติดต่อค้าขายกันได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
การเคลื่อนย้ายปัจจัยการผลิตจะต้องเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว

5. หน่วยธุรกิจสามารถเข้าหรือออกจากธุรกิจการค้าโดยเสรี

ตลาดประเภทนี้จะต้องไม่มีข้อจำกัดหรือข้อกีดขวางในการเข้า
มาประกอบธุรกิจของนักธุรกิจรายใหม่

หน่วยการผลิตใหม่ๆจะเข้ามาประกอบกิจการแข่งขันกับหน่วย
ธุรกิจที่มีอยู่ก่อนเมื่อใดก็ได้ หรือจะเลิกกิจการเมื่อใดก็ได้

ตลาดที่มีการแข่งขันสมบูรณ์

ข้อดี ข้อเสีย

เป็นตลาดในอุดมคติที่ก่อให้เกิด ผู้ผลิตอาจลดต้นทุนการผลิตเพื่อแข่งขัน
กับผู้ผลิตรายอื่นโดยไม่มีความรับผิด
ประสิทธิภาพในการผลิตและการจัดสรร ชอบต่อสังคม

ทรัพยากรสูงสุด
เช่น ปล่อยน้ำเสียลงในแม่น้ำลำคลอง
โดยไม่มีการบำบัดเพราะไม่ต้องการ
ราคาสินค้าและบริการค่อนข้างยุติธรรม เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม

ในสภาพการแข่งขันของตลาดอาจ
ต่อผู้บริโภค เพราะถูกกำหนดขึ้นจาก ทำให้มีการผลิตสินค้าและะบริการออก
สภาพการแข่งขัน
มามาก หลายรูปแบบเกินความจำเป็น

ทำให้มีการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง
ทำให้ผู้ผลิตต้องปรับปรุงคุณภาพสินค้า

และบริการของตนเองเพื่อแข่งขันกับผู้
ผลิตรายอื่นๆ


ทำให้สังคมมีการมีการใช้ทรัพยากร

ต่างๆ อย่างคุ้มค่าเพื่อให้เกิด
ประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ























ตลาดที่มีการผูกขาด

ข้อดี ข้อเสีย

จะเกิดกับผู้ผลิตและผู้ขายที่สามารถเป็น จะเกิดกับผู้บริโภคที่ขาดอำนาจการต่อ
ผู้กำหนดราคาและปริมาณสินค้า ที่ รองในตลาด เพราะต้องซื้อสินค้าจากผู้
ทำให้ตนได้รับกำไรสูงสุดได้ และ ขายเพียงรายเดียวที่ไม่สามารถมีสินค้า
สามารถบริหารจัดการต้นทุนการผลิต อื่นใดมาทดแทนได้

ให้ต่ำลงได้
การผูกขาดในธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งอาจ
การผูกขาดการผลิตและจำหน่ายสินค้า เกิดความชะลอการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
อาจมีผลดีกว่าปล่อยให้มีการแข่งขัน ได้

เพราะอาจมีประสิทธิภาพดีกว่า ก่อให้ ส่งผลต่อการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์
เกิดผลดีแก่เศรษฐกิจมากกว่าการ การต่อยอดองค์ความรู้จากสิ่งที่มีและ
แข่งขัน (ปิดโรงงานที่เล็กๆที่มีต้นทุน การพัฒนาคุณภาพในสินค้า ผลิตภัณฑ์
การผลิตสูง เพื่อให้โรงงานอื่นทำงานได้ หรือบริการได้

อย่างเต็มที่)


























Click to View FlipBook Version