Master of Nursing Science Program in Nursing Care with Infectious Disease and Infection Control Faculty of Nursing, Chiang Mai University Master of Nursing Science Program in Nursing Care with Infectious Disease and Infection Control Faculty of Nursing, Chiang Mai University Central Line-associated Blood Stream Infection prevention Presented by
รายชื่ชื่ ชื่ อ ชื่ อสมาชิชิ ชิ ก ชิ กโครงการ นายเกีกี กี ย กี ยรติติติพติงศ์ศ์ ศ์ น ศ์ นวลปัปัปั น ปั นยอง นส.ชนนินินิกนิานต์ต์ ต์ เ ต์ เปรมสุ สุทธิธิธินัธินั นั น นั นท์ท์ ท์ท์ นางสาวดาว สุ สุปิปิปิณปิะ นางวรานุนุ นุ ม นุ มาศ บับั บั ว บั วน่น่ น่ ว น่ วม
LEARNING OUTLINES 1 Introduction of Central line and CLABSI 2 Definitions of central line and CLABSI 3 Causes of CLABSI 4 Preventive measures of CLABSI and Anti- CLABSI bundles 5 Conclusion 3
1.Introduction of Central line and CLABSI
5 PURPOSES FOR CENTRAL LINE INSERTION การใส่สายสวนหลอดเลือดดำ ส่วนกลางเป็นหัตถการที่มีวัตถุประสงค์ที่หลากหลายสำ หรับผู้ป่วย วิกฤตและผู้ป่วยเรื้อรังระยะยาว เช่น ผู้ป่วยที่ต้องบริการยาและสารน้ำ ทางหลอดเลือดดำ เป็นเวลา นาน ผู้ป่วยเรื้อรังที่จำ เป็นต้องใช้สารอาหารเป็นเวลานาน ตลอดจนประเมิน Hemodynamic ต่างๆ ในผู้ป่วยที่มีภาวะวิกฤต
6 COMPLICATIONS DURING CENTRAL LINE INSERTION 1. ภาวะแทรกซ้อนการติดเชื้อ เกิดจากผิวหนังตำ แหน่งที่ใส่สายสวนแพร่ กระจายเข้าสู่ภายใน เกิดจากการ colonize ของเชื้อตรงตำ แหน่ง hup และเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดทาง lumen เกิดจากการมี hematogenous seeding ของ catheter 2.ภาวะแทรกซ้อนทาง mechanical การแทงเข้าหลอดเลือดแดง การเกิด hematoma เลือดออกในช่องอก ลมรั่วในช่องเยื่อหุ้มปอด ภาวะ หัวใจเต้นผิดจังหวะ และสายสวนไปอยู่ในหลอด เลือดที่ไม่ใช่ตำ แหน่งที่ถูกต้อง (misplacement) 3. ภาวะแทรกซ้อนจากลิ่มเลือด ลิ่มเลือดจะหลุดไปอุดหลอดเลือดดำ ส่วนต่างๆ (venous thromboembolism)
7 COMPLICATIONS AFTER CENTRAL LINE INSERTION 1. ภาวะแทรกซ้อนการติดเชื้อ เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยที่สุด เกิดได้ตั้งแต่ บริเวณผิวหนังที่ ใส่สายจนถึงติดเชื้อในกระแส โลหิตซึ่งรุนแรงจนสามารถทำ ให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ 2.การเลื่อนหลุด(Displacement) การเลื่อนหลุดของสายสวนหลอดเลือดดำ ส่วน กลาง นอกจากนี้การเคลื่อนย้ายและการเปลี่ยน ท่านอนในผู้ป่วยเป็นสาเหตุให้เกิดการเลื่อนหลุด ของสายได้ 3. ภาวะอุดตัน ร่างกายจะกระตุ้นปัจจัยการแข็งตัวต่างๆของเลือด ทำ ให้เกิดการแข็งตัวเป็นลิ่มเลือดและทำ ให้เลือด ไหลเวียนไม่สะดวก 4. ภาวะเลือดออก เนื่องจากการแทงสายสวนเป็นการแทงผ่านผิวหนังเข้า สู่หลอดเลือดดำ ใหญ่ซึ่งทำ ให้เกิดแผลและเกิดการ ทำ ลายหลอดเลือดบางส่วน
8 IMPACTS OF CLABSI Increased length of stay Increased medical expenditure Increased disability rate Increased mortality rate
2.Definitions of Central line and CLABSI
10 CENTRAL LINE DEFINITION สายสวนหลอดเลือดดำ ส่วนกลาง (Central line ; CL) หมายถึง สายสวนหลอดเลือดที่ใส่เข้าผ่านหลอดเลือดและไปสิ้น สุดที่หัวใจหรือไปเปิดใกล้กับหัวใจ หรือบริเวณหลอดเลือด ใหญ่เส้นใดเส้นหนึ่ง (great vessels) และมีการถูกใช้เพื่อ สำ หรับการฉีดยา การเก็บตัวอย่างเลือด หรือการตรวจติดตาม การไหลเวียนโลหิต (hemodynamic status) (NHSN, 2024)
11 ตัวอย่าง ตำ แหน่งที่นับเป็น CENTRAL LINE ทั้งหมด Aorta Pulmonary artery Superior vena cava Inferior vena cava Brachiocephalic veins Internal jugular veins Subclavian veins External iliac veins Common iliac vein Femoral veins ใน neonates ได้แก่ umbilical artery/vein (NHSN, 2024)
12 ตัวอย่าง ตำ แหน่งที่นับเป็น CENTRAL LINE ทั้งหมด UVC UAC
13 TYPES OF CENTRAL LINE CATHETER/LUMENS Central line lumen types single Double tripple Catheter types Non-tunneled Tunneled PICC
“ความหมายของสายสวนหลอดเลือดดำ ส่วนกลางคือ”
15 DEFINITION OF CLABSI Central line-associated bloodstream infection: CLABSI) คือ มีการติดเชื้อในเลือดที่ได้รับการ ยืนยันด้วยการตรวจทางห้องปฏิบัติการและมีการใช้สายสวนหลอดเลือดดำ ส่วนกลางหรือสายสวนหลอดเลือดที่ บริเวณสะดือมาแล้วเป็นเวลาอย่างน้อย 2 วันปฏิทิน ณ วันที่เกิดการติดเชื้อ (date of event) และในวันที่วินิจฉัย จะต้องยังมีการใช้สายสวนหลอดเลือดดังกล่าวอยู่หรือถอดสายออกไปไม่เกิน 1 วัน (สถาบับัน บับั บำบำบำบำ บำบำ ราศนราดูดู ดูดู ร, 2563)
“ความหมายของการติดเชื้อในกระแสโลหิต ที่สัมพันธ์กั ธ์ กั บการใส่สายสวนหลอดเลือดดำ ส่วนกลางคือ”
3.Causes of CLABSI
18 CAUSES OF CLABSI 4 . Contaminated IV fluid or TPN
“ช่องทางของการติดเชื้อ ชื้ ในกระแสโลหิตที่สัมพันธ์ กับการใส่สายสวนหลอดเลือดดำ ส่วนกลางมีอะไรบ้า บ้ ง”
4. Preventive measures of CLABSI
21 การดูแลก่อนใส่ Central line การดูแลขณะใส่ Central line การดูแลหลังใส่ Central line มาตรการในการป้องกัน CLABSI
ระดับคุณภาพ คำ อธิบาย Category IA คำ แนะนำ ที่ต้องปฏิบัติเนื่องจากมีข้อมูลสนับสนุนเป็นงานวิจัยเชิงทดลอง งานวิจัยทางคลินิกหรือการศึกษาทางระบาด วิทยาที่ออกแบบการวิจัยอย่างดีเป็นที่ยอมรับ Category IB คำ แนะนำ ที่ต้องปฏิบัติเนื่องจากมีข้อสนับสนุนบางส่วนที่เป็นงานวิจัยเชิงทดลอง งานวิจัยทางคลินิกหรือการศึกษาทาง ระบาดวิทยาที่มีเหตุผลทางทฤษฎีที่ชัดเจนเป็นที่ยอมรับ Category II คำ แนะนำ ที่ควรปฏิบัติเนื่องจากมีข้อมูลสนับสนุนที่เป็นงานวิจัยทางคลินิกหรือการศึกษาทางระบาดวิทยาหรือมีเหตุผล ทางทฤษฎี Unresolved issue คำ แนะนำ ที่ยังไม่มีข้อสรุปเนื่องจากหลักฐานเชิงประจักษ์ยังไม่เพียงพอ หรือยังไม่ได้รับความเห็นชอบร่วมกันของผู้ เชี่ยวชาญ 22 ระดับคุณภาพของหลักฐานความรู้เชิงประจักษ์
23 1. การอบรมความรู้และการฝึกปฏิบัติของบุคลากร 1.1 ให้ความรู้แก่บุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับข้อบ่งชี้ในการใส่สายสวนหลอดเลือด ขั้นตอนที่เหมาะ สม การบำ รุงรักษาและมาตรการควบคุมการติดเชื้อที่เหมาะสม เพื่อป้องกันปัญหาการติดเชื้อในกระแสเลือดจาก การใส่สายสวนหลอดเลือดดำ ส่วนกลาง (IA) 1.2 แพทย์ผู้ใส่สายสวนหลอดเลือดดำ ส่วนกลางได้รับการฝึกทักษะ (แพทย์ระดับ Resident 2 ขึ้นไป) (IA) 1.3 ผู้ดูแลสายสวนหลอดเลือดดำ ผ่านการฝึกปฏิบัติอย่างชำ นาญด้านการดูแลสายสวนหลอดเลือดดำ (IA) Skilled and trained การป้องกัน CLABSI ก่อนการใส่สายสวนหลอดเลือดดำ ส่วนกลาง
24 1. การอบรมความรู้และการฝึกปฏิบัติของบุคลากร การป้องกัน CLABSI ก่อนการใส่สายสวนหลอดเลือดดำ ส่วนกลาง 1.4 ประเมินความรู้และการปฏิบัติตามแนวปฏิบัติของบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการใส่และการดูแลสายสวน หลอดเลือดดำ ส่วนกลางเป็นระยะ ๆ (IA) 1.5 มอบหมายให้เฉพาะบุคลากรที่ได้รับการอบรมและมีความสามารถในการใส่สายสวนและดูแลสาย สวนหลอดเลือดดำ ส่วนกลาง (IA) Education , training and staffing are very important to reduce the CLABSI.
25 การป้องกัน CLABSI ก่อนการใส่สายสวนหลอดเลือดดำ ส่วนกลาง 2. การเลือกสายสวนหลอดเลือดดำ ส่วนกลาง 2.1 ประเมินความเสี่ยงในการใส่สายสวนหลอดเลือดดำ ส่วนกลางเพื่อลดภาวะ แทรกซ้อนจากการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อนต่างๆ แนะนำ ให้ใช้ตำ แหน่ง Subclavian vein แทนตำ แหน่ง Jugular vein หรือ Femoral vein เพื่อลด ความเสี่ยงในการติดเชื้อ (Category IA) หมายเหตุ จากผลงานวิจัยหลายงาน พบว่า การติดเชื้อ CLABSI มีความสัมพันธ์กับการใส่ Femoral catheter และ internal jugular catheter เนื่องจากเกิดการ colonization ของเชื้อจุลชีพได้ง่ายกว่าบริเวณตำ แหน่ง Subclavian vein แต่ทั้งนี้ในทาง ปฏิบัติของทางกุมาร อาจปฏิบัติได้ยากกว่าเนื่องจาก ลักษณะทางโครงสร้าง anatomy ของเด็กที่ซับซ้อน อาจทำ ให้เกิดภาวะ แทรกซ้อนได้ง่ายหากใส่ทาง subclavian ดังนั้นการเลือกตำ แหน่ง อาจต้องพิจารณาภาวะแทรกซ้อนอื่นที่สำ คัญขณะใส่และ ความชำ นาญของแพทย์ผู้ใส่ด้วย
26 2.2 ใช้สายสวนหลอดเลือดดำ ส่วนกลางที่มีจำ นวนรูเปิดที่ปลายสายสวนน้อยที่สุด เท่าที่จำ เป็นใช้เท่านั้น (IB) เนื่องจาก หากมีจำ นวนรูเปิดเยอะ จะทำ ให้มีช่องทางในการได้รับเชื้อทางสายสวนหลอดเลือดดำ เพิ่ม ขึ้น ทำ ให้เพิ่มโอกาสในการติดเชื้อ CLABSI เพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติ อาจขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ ของแพทย์ เนื่องจากเด็กทารกอาจมีความจำ เป็นต้องให้สารนำ้ หรือยาที่หลากหลายชนิด ยาบางชนิดอาจจะ ให้แยกเส้น ไม่สามารถให้ร่วมกับยาตัวอื่นได้ การป้องกัน CLABSI ก่อนการใส่สายสวนหลอดเลือดดำ ส่วนกลาง 2. การเลือกสายสวนหลอดเลือดดำ ส่วนกลาง Use a CVC with minimum numbers of lumens or ports to reduce the CLABSI.
27 1.1 ล้างมือก่อนและหลังทำ กิจกรรมใดๆที่เกี่ยวข้องกับสายสวนหลอดเลือดด้วยน้ำ และ สบู่ผสมน้ำ ยาฆ่าเชื้อหรือใช้ Alcohol-based hand rub (IB) 3. Hand hygiene & Aseptic technique 1.2 ใช้เทคนิคปลอดเชื้อตลอดเวลาขณะใส่และดูแลสายสวนหลอดเลือดดำ ส่วนกลาง (IB) Keep hands clean and keep fileds sterile การป้องกัน CLABSI ก่อนการใส่สายสวนหลอดเลือดดำ ส่วนกลาง
ทบทวนความรู้การทำ ความสะอาดมือ
ประเภทการทำ ความสะอาดมือ 29 ข้อบ่งชี้ หลังถอดถุงมือ ก่อนและหลัง สัมผัสผิวหนังผู้ป่วยปกติที่ไม่มีการปนเปื้อน สารที่มีเชื้อจุลชีพ เช่น เลือด หนอง ก่อน ปฏิบัติกิจกรรมพยาบาลทั่วไป ที่ไม่ต้อง ใช้เทคนิคปราศจากเชื้อ และหลังสัมผัส non– infectious material ที่มองเห็น เช่น น้ำ ดื่ม อาหารสะอาด ข้อบ่งชี้ หลังถอดถุงมือ ก่อนและหลัง สัมผัสผิวหนังผู้ป่วยปกติที่ไม่มีการปนเปื้อน สารที่มีเชื้อจุลชีพ เช่น เลือด หนอง ก่อน ปฏิบัติกิจกรรมพยาบาลทั่วไป ที่ไม่ต้อง ใช้เทคนิคปราศจากเชื้อ และหลังสัมผัส non– infectious material ที่มองเห็น เช่น น้ำ ดื่ม อาหารสะอาด ขั้นตอนการล้าง ล้างด้วยสบู่ก้อนหรือสบู่ เหลวใช้เวลาในการฟอกมือนานประมาณ 40 – 60 วินาที ล้างให้ครบ 7 ขั้นตอน แล้วล้างตามด้วยน้ำ ให้สะอาด ขั้นตอนการล้าง ล้างด้วยสบู่ก้อนหรือสบู่ เหลวใช้เวลาในการฟอกมือนานประมาณ 40 – 60 วินาที ล้างให้ครบ 7 ขั้นตอน แล้วล้างตามด้วยน้ำ ให้สะอาด การล้างมือด้วย สบู่ธรรมดา การล้างมือด้วย สบู่ธรรมดา การล้างมือด้วย สบู่ฆ่าเชื้อ การล้างมือด้วย สบู่ฆ่าเชื้อ ข้อบ่งชี้ เช่น 7.5% Povidine iodine, 4% chlorhexidine gluconate , Triclosan เป็นต้น ขจัดสิ่งสกปรกและเชื้อจุลชีพออก จากมือซึ่งสามารถขจัดเชื้อจุลชีพทั้งที่อาศัย อยู่ชั่วคราวและเชื้อประจำ ถิ่นได้มากกว่าสบู่ ใช้ในกรณีก่อนทำ หัตถการปราศจากเชื้อ และหลังหลังสัมผัสกับสิ่งสกปรกที่มีการ ปนเปื้อนเชื้อจุลชีพ ข้อบ่งชี้ เช่น 7.5% Povidine iodine, 4% chlorhexidine gluconate , Triclosan เป็นต้น ขจัดสิ่งสกปรกและเชื้อจุลชีพออก จากมือซึ่งสามารถขจัดเชื้อจุลชีพทั้งที่อาศัย อยู่ชั่วคราวและเชื้อประจำ ถิ่นได้มากกว่าสบู่ ใช้ในกรณีก่อนทำ หัตถการปราศจากเชื้อ และหลังหลังสัมผัสกับสิ่งสกปรกที่มีการ ปนเปื้อนเชื้อจุลชีพ ขั้นตอนการล้าง ล้างด้วยสบู่ฆ่าเชื้อ ล้างให้ ครบ 7 ขั้นตอน โดยใช้เวลาในการฟอกมือ ประมาณ 20-30 วินาที แล้วล้างตามด้วย น้ำ ให้สะอาด ขั้นตอนการล้าง ล้างด้วยสบู่ฆ่าเชื้อ ล้างให้ ครบ 7 ขั้นตอน โดยใช้เวลาในการฟอกมือ ประมาณ 20-30 วินาที แล้วล้างตามด้วย น้ำ ให้สะอาด ข้อบ่งชี้ เมื่ิอมือไม่มีสิ่งสกปรก เลือด หรือ สารคัดหลั่งอย่างเห็นได้ชัด แอลกอฮอล์จะ เสื่อมประสิทธิภาพเมื่อสัมผัสกับสิ่งสกปรก ปนเปื้อนเลือดและสารคัดหลั่ง แอลกอฮอล์ไม่สามารถทำ ลายสปอร์ของ แบคทีเรีย เช่น C. difficile nonenveloped virus เช่น rotavirus และ Protozoan cyst ข้อบ่งชี้ เมื่ิอมือไม่มีสิ่งสกปรก เลือด หรือ สารคัดหลั่งอย่างเห็นได้ชัด แอลกอฮอล์จะ เสื่อมประสิทธิภาพเมื่อสัมผัสกับสิ่งสกปรก ปนเปื้อนเลือดและสารคัดหลั่ง แอลกอฮอล์ไม่สามารถทำ ลายสปอร์ของ แบคทีเรีย เช่น C. difficile nonenveloped virus เช่น rotavirus และ Protozoan cyst ขั้นตอนการล้าง ใช้ในปริมาณ 3-5 มิลลิลิตร ล้างให้ครบ 7 ขั้นตอน จน กระทั่งแอลกอฮอล์ระเหยจนแห้ง ซึ่งใช้ เวลาประมาณ 20-30 วินาที ขั้นตอนการล้าง ใช้ในปริมาณ 3-5 มิลลิลิตร ล้างให้ครบ 7 ขั้นตอน จน กระทั่งแอลกอฮอล์ระเหยจนแห้ง ซึ่งใช้ เวลาประมาณ 20-30 วินาที การถูมือด้วย แอลกอฮอล์ การถูมือด้วย แอลกอฮอล์
30 5 ข้อบ่งชี้ในการทำ ความสะอาดมือ ก่อนสัมผัสผู้ป่วย ก่อนทำ หัตถการ หลังสัมผัสสิ่งแวดล้อมของผู้ป่วย หลังสัมผัสผู้ป่วย หลังทำ หัตการ/สารคัดหลั่ง 1 2 3 4 5
31 7 ขั้นตอนการทำ ความสะอาดมือ
32 7 steps of HH 7 steps of HH
33 1.มีการสวมใส่เครื่องป้องกันร่างกายขณะใส่และช่วยแพทย์ใส่สายสวนหลอด เลือดดำ ได้แก่ หมวกคลุมผม ผ้าปิดจมูก เสื้อคลุมปราศจากเชื้อ ถุงมือปราศจาก เชื้อ ใช้ผ้าผืนใหญ่ปราศจากเชื้อคลุมตัวผู้ป่วยจากศีรษะจรดเท้า (IB) Maximal sterile barrier precautions Cap Mask Sterile gown Sterile gloves Large sterile drapes covered from head to toe (Except insertion zone of the patient) การป้องกัน CLABSI ขณะใส่สายสวนหลอดเลือดดำ ส่วนกลาง
34 2. ใช้ 2% Chlorhexidine with alcohol เตรียมบริเวณผิวหนังผู้ป่วยก่อนแทงสายสวนหลอดเลือดดำ ส่วน กลาง หากมีข้อห้ามการใช้ 2 % Chlorhexidine with alcohol ให้เตรียมผิวหนังโดยใช้ 10 % povidone iodine (IA) 3. ทิ้งระยะเวลาให้ antiseptic แห้งก่อนแทงสายสวนตามระยะเวลาของ antiseptic แต่ละประเภทที่เลือกใช้ (2 % Chlorhexidine with alcohol เมื่อแห้ง ส่วน 10 % povidone iodine ทิ้งไว้ประมาณ 2 นาที) Skin preparation การป้องกัน CLABSI ขณะใส่สายสวนหลอดเลือดดำ ส่วนกลาง
35 1.ใช้ผ้ากอซปราศจากเชื้อปิดแผลบริเวณตำ แหน่งที่คาสายสวนในวันแรกและกรณีมี bleeding หรือ oozing 2.เมื่อครบกำ หนดทำ แผลครั้งต่อไปและกรณีแผลแห้งปิดแผลด้วย sterile transparent film หรือ semipermeable 3.เปลี่ยนผ้าปิดแผลทันทีเมื่อเปียกชื้น ร่อนหลุด หรือเห็นว่าสกปรก 4.ระวังอย่าให้ส่วนใดของสายสวนหลอดเลือดส่วนกลางเปียกน้ำ ขณะเช็ดตัวหรืออาบน้ำ ผู้ป่วย (IB) 5.กรณีผู้ป่วยใส่ Central line เปลี่ยนผ้ากอซทุก 2 วัน (II) หากเป็น sterile transparent หรือ semipermeable เปลี่ยนทุก 7 วัน (IB) Catheter site dressing regimen Gauze dressing Transparent dressing การป้องกัน CLABSI หลังใส่สายสวนหลอดเลือดดำ ส่วนกลาง
36 6.ประเมินแผลบริเวณรอบๆที่คาสายสวนหลอดเลือดทุกเวรและทุกครั้งขณะที่เปลี่ยนผ้าปิดแผล หรือใช้มือกด เบาๆบริเวณรอบสายสวน หากผู้ป่วยมีอาการกดเจ็บ มีไข้ มีอาการและอาการแสดงของการติดเชื้อเฉพาะที่หรือการ ติดเชื้อในกระแสโลหิต ควรเปิดผ้าปิดแผลออกเพื่อตรวจบริเวณรอบสายสวน 7.ประเมินและบันทึกความจำ เป็นในการคาสายสวนลงใน “แบบฟอร์มการเก็บข้อมูล การใส่และการดูแลสายสวน หลอดเลือดดำ ส่วนกลาง” วันละ 1 ครั้ง หรือ เมื่อพบว่ามีอาการและอาการแสดงการการติดเชื้อเฉพาะที่หรือการติด เชื้อในกระแสโลหิต ควรเปิดผ้าปิดแผลออกเพื่อตรวจบริเวณรอบสายสวน Catheter site dressing regimen Assess >>>> Palpate >>>> Record การป้องกัน CLABSI หลังใส่สายสวนหลอดเลือดดำ ส่วนกลาง
37 1. เปลี่ยนชุดให้สารน้ำ และสารน้ำ (ที่ไม่มีส่วนผสมอื่น) ทุก 96 ชั่วโมง (IA) 2. กรณีสารน้ำ เป็นส่วนผสมที่เป็นสารไขมันและ/หรือ amino acids และ/หรือ glucose เปลี่ยนทุก 24 ชั่วโมง (IB) 3. ชุดให้เลือดและผลิตภัณฑ์จากเลือดให้เปลี่ยนทุก 4 ชั่วโมงหรือทุก unit (IB) 4. เปลี่ยนชุดให้สารน้ำ ที่มีส่วนผสมอื่น ๆ ทุก 24 ชั่วโมง (IB) 5. ชุดปลี่ยนชุดให้ TPN ทุก 24 ชั่วโมง (IB) 6. Injection cap หรือ Sterile cap เวลาถอดไว้ ต้องเสียบกับเข็มและใส่ใน tray สะอาด ปิดให้มิดชิด 7. เปลี่ยน Sterile cap ทุกครั้งที่เปิดใช้ 8. ระบบการให้สารน้ำ ต้องเป็นระบบปิดตลอด (II) 9. ลดความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนด้วยการเช็ดถู Scrub the hub, needleless connectors และ injection ports ก่อนทำ กิจกรรมกับส่วนนั้นด้วย 70% alcohol นาน 15 วินาที (IA) Replacement of administration sets การป้องกัน CLABSI หลังใส่สายสวนหลอดเลือดดำ ส่วนกลาง
WHY SRUBBING THE HUB IS SO IMPORTANT ? จากการศึกษาของ Justin และคณะ จากมหาวิทยาลัย Johns Hopkins ได้มีการทดสอบผลกระทบของการขัดถู ต่อการปนเปื้อนของ hub ที่เชื่อมต่อ CVC โดยใช้ผง แป้งชุบฟลูออเรสเซน กับ CVC hub และต่อมา scrub ด้วย 70% alcolhol pad สำ หรับ ณ เวลาที่ 0,5,10 และ 15 วินาที และใช้แสง ultraviolet ส่อง จะทำ ให้เห็นผง เรืองแสงอยู่บริเวณ hub โดยพบ ความสัมพันธ์กัน ระหว่างระยะเวลาการขัดถูกับการปนเปื้อนผง จะเห็นได้ ว่า การขัดถู 15 วินาที ทำ ให้แทบจะไม่มีผงแป้งหลง เหลืออยู่เลย 38 Scrubbing the hubs at least 15 secs = The most effective decontamination
39 Umbilical catheter care การปิดบริเวณตำ แหน่งที่คาสายสวนสะดือ ใช้ Micropore ติดให้ใกล้กับขอบ สะดือ ตั้งเป็นสะพาน กรณีที่ใส่ทั้งสายสวนหลอดเลือดดำ สะดือ (UVC) และสาย สวนหลอดเลือดแดงสะดือ (UAC) จะขดเป็นวงกลม 1 รอบ แยกสายสวนหลอด เลือดสะดือแต่ละสายออกจากกัน 1. การป้องกัน CLABSI หลังใส่สายสวนหลอดเลือดดำ ส่วนกลาง
40 Umbilical catheter care 2.ทำ ความสะอาดสะดือบริเวณคาสายสวนสะดือวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น โดยการเปิดเซ็ตทำ แผล ใช้น้ำ ยา 70% alcohol เช็ดบริเวณสะดือและโคนสะดือ โดยเช็ดวนรอบออกจากบริเวณโคน สะดือ ประมาณ 5 เซนติเมตร ดังนี้ 2.1 จุกที่ปลายสายสวนสะดือ ให้เช็ดทำ ความสะอาดบริเวณทางเข้าด้วย 70% alcohol ก่อน ฉีดยาเข้าหลอดเลือดทุกครั้งและปิดจุกทางเข้าทุกทางเมื่อไม่ใช้งาน 2.2 ตรวจสอบบริเวณที่ให้สารน้ำ สารอาหารทางสะดือทุกชั่วโมง โดยสังเกตอาการปวด บวม แดง ร้องงอแงมาก ท้องอืด และสังเกตการณ์ไหลของปริมาณสารน้ำ สารอาหาร เมื่อพบว่าเปียก ชื้น หรือสะดือบวมแดง ต้องรีบรายงานแพทย์เพื่อพิจารณาเอาสายสวนสะดือออกเร็วที่สุด การป้องกัน CLABSI หลังใส่สายสวนหลอดเลือดดำ ส่วนกลาง
41 Dressing Maximal Barriers Avoid Femoral Hand Hygiene Hub care Site assess Set IV Gauze dressing q 2 days Gauze dressing q 2 days Hygienic or alcohol based - hand rub Hygienic or alcohol based - hand rub IV fluid q 96 hr Assess Palpate Record Cap - Mask - Sterile gloves - Sterile gown - Large sterile drapes Cap - Mask - Sterile gloves - Sterile gown - Large sterile drapes Scrub with alcohol pad > 15 seconds Scrub with alcohol pad > 15 seconds 5 Moments 7 steps 5 Moments 7 steps Transparent dressing q 7 days Transparent dressing q 7 days 70% Alcohol 10% Povidone iodine 70% Alcohol 10% Povidone iodine Blood q 4 hr Anti-CLABSI bundles Anti-CLABSI bundles TPN q 24 hr Med/Lipid q 24 hr Recommend for subclavian or internal jugular vein Recommend for subclavian or internal jugular vein BF 2(HS)D
5 “วิธี วิ ก ธี ารป้อ ป้ งกันการติดเชื้อของก่อน-ขณะ-หลัง ใส่สายสวนหลอดเลือดดำ ส่วนกลางมีอะไรบ้า บ้ ง”
26 สรุปสาระสำ คัญในการเรียนรู้ การติดเชื้อในกระแสโลหิตที่สัมพันธ์กับการใส่สายสวนหลอดเลือด ดำ ส่วนกลางเป็นภาวะแทรกซ้อนสำ คัญที่พบได้บ่อยจากการใส่สาย สวนหลอดเลือดดำ ส่วนกลาง ทำ ให้เกิดผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นเพิ่ม วันนอนโรงพยาบาล เพิ่มค่าใช้จ่ายในการรักษาและการพยาบาล เพิ่ม อัตราการเกิดภาวะทุพลภาพและการเสียชีวิต ดังนั้น การปฏิบัติตาม แนวการป้องกันการติดเชื้อผู้ป่วยใส่สายสวนหลอดเลือดดำ ส่วนกลาง อย่างถูกต้องและสม่ำ เสมอ จะช่วยลดผลกระทบดังกล่าวได้ ทำ ให้ผู้ ป่วยปลอดภัย มีคุณภาพชีวิตที่ดี 43
เจ้าหน้าที่หอผู้ป่ว ป่ ยหนักทารกแรกเกิด 2 และผู้มีส่วนร่ว ร่ มในโครงการทุกท่าน เจ้าหน้าที่หอผู้ป่ว ป่ ยหนักทารกแรกเกิด 2 และผู้มีส่วนร่ว ร่ มในโครงการทุกท่าน