The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nook-2345, 2022-03-17 08:41:12

Aunyaporn_299

Aunyaporn_299

PHATTHALUNG

พัทลุง

สัมผัสไปกับจังหวัดที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ
เมืองหนังโนราห์ อู่นาข้าว พราวน้ำตก แหล่งนกน้ำ
ทะเลสาบงาม เขาอกทะลุ น้ำพุร้อน

BY.Aunyaporn Kochapugsri

คำนำ

หนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับจังหวัดพัทลุง ประวัติของจังหวัดพัทลุงและแหล่ง
ท่องเที่ยวในจังวัดพัทลุง หนังสือเล่มนี้จัดทำขึ้นให้ผู้ที่สนใจที่จะมาเที่ยวในจังหวัดพัทลุง
เพื่อให้ทราบข้อมูลและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ให้ผู้สนใจได้มีความรู้และเลือกที่จะท่อง
เที่ยวในสถานที่ต่างๆ ก่อนการท่องเที่ยวในวันจริง ดังนั้นผู้จัดทำจึงจัดทำขึ้นเพื่อให้ผู้ที่
สนใจในการท่องเที่ยวในจังหวัดพัทลุง

ผู้จัดทำหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นแนวทางให้กับทุกคนที่สนใจศึกษาข้อมูลก่อน
ท่องเที่ยว และนำหนังสือเล่มนี้ไปใช้ประโยชน์ต่อไป

คณะผู้จัดทำ

สารบัญ หน้า

ประวัติพัทลุง 3
มรดกและภูมิปัญญาของพัทลุง 5
5
• มโนราห์ 6
• หนังตะลุง 7
แผนที่การท่องเที่ยวในพัทลุง 8
แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม 13
แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ 24
เอกสารอ้างอิง

ประวัติพัทลุง

จังหวัดพัทลุง เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคใต้ของประเทศไทย
ที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน ตั้งแต่สมัยก่อน
ประวัติศาสตร์ ดังปรากฏหลักฐานจากการค้นพบขวานหินขัด
ในท้องที่ทั่วไปหลายอำเภอในสมัยศรีวิชัย (พุทธศตวรรษที่
13 –14) บริเวณเมืองพัทลุงเป็นแหล่งชุมชนที่ได้รับวัฒนธรรม
อินเดียในด้านพระพุทธศาสนาลัทธิมหายาน มีหลักฐานค้นพบ
เช่น พระพิมพ์ดินดิบจำนวนมากเป็นรูปพระโพธิสัตว์ รูปเทวดา
โดยค้นพบบริเวณถ้ำคูหาสวรรค์ และถ้ำเขาอกทะลุ

ต่อมาในพุทธศตวรรษที่ 19 เมืองพัทลุงได้ตั้งขึ้นอย่าง
มั่นคงภายใต้การปกครองของกรุงศรีอยุธยา ในสมัย
พระบรมไตรโลกนาถ ได้ปรากฏชื่อเมืองพัทลุง ในกฎหมายพระ
อัยการนาทหารหัวเมือง พ.ศ.1998 ระบุว่าเมืองพัทลุง
มีฐานะเป็นเมืองชั้นตรี ซึ่งนับได้ว่าเป็นหัวเมืองหนึ่งของพระ
ราชอาณาจักรทางใต้ ที่ตั้งเมืองพัทลุงในระยะเริ่มแรกนั้น เชื่อ
กันว่า ตั้งอยู่ที่เมืองสทิงพระ จังหวัดสงขลาในปัจจุบัน มักจะ
ประสบปัญหาโดนโจมตีจากกลุ่มโจรสลัดมาเลย์ อยู่เสมอ โดย
เฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มโจรสลัดราแจะอารูและอุยงคตนะ ได้เข้า
ปล้นสดมภ์โจมตีเผาทำลายเมืองอยู่เนืองๆ

ในรัชสมัยพระเจ้าทรงธรรม ด๊ะโต๊ะโมกอล ชาวมุสลิมที่
อพยพมาจากเมืองสาเลห์ บริเวณหมู่เกาะชวา ซึ่งเป็น ต้น
ตระกูลของสุลต่านสุไลมาน แห่งเมืองสงขลาได้เข้ามาตั้ง
ถิ่นฐานค้าขาย ณ หัวเขาแดง แล้วตั้งประชาคมมุสลิมขึ้น ตรง
นั้นอย่างสงบ ไม่มีการขัดแย้งกับชาวเมืองที่อยู่มาก่อน ปัก
หลักอยู่ยาวนานจนมีผู้คนอพยพมาอาศัยอยู่มากขึ้น ในที่สุดก็
พัฒนาขึ้นมาเป็นเมืองท่าปลอดภาษี มีเรือสำเภาแวะเข้ามาซื้อ

-๓-

บทบาทของดะโต๊ะโมกอลได้รับการสนับสนุนจากอาณาจักรศรีอยุธยาด้วยดี
พระเจ้าทรงธรรมโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น "ข้าหลวงใหญ่" ผู้ดำรงตำแหน่งนี้ต่อมาคือ
ท่านสุไลมานบุตรชายคนโต มีหน้าที่ปกครองดูแลรักษา ความสงบของพื้นที่ตั้งแต่
ตอนล่างของนครศรีธรรมราช มาจดเขตปัตตานี ครอบคลุมครึ่งล่างของเมืองตรัง
ปะเหลียน พัทลุง และสงขลา นอกจากนี้ก็ต้องเก็บส่วยสาอากรส่งถวายพระเจ้าแผ่น
ดินที่กรุงศรีอยุธยา ท่านสุไลมานก็ได้ทำ หน้าที่นี้เรียบร้อยด้วยดีมาตลอด ต่อมาได้
ย้ายเมืองสงขลาจากสทิงพระมายังหัวเขาแดงซึ่งมีชัยภูมิป้องกันตนเอง ได้ดีกว่า

ในสมัยสุลต่านสุไลมาน บุตรของดะโต๊ะโมกอล ได้ส่ง ฟาริซีน้องชายซึ่งเป็นปลัด
เมืองมาสร้างเมืองใหม่ที่ เขาชัยบุรี เพื่อป้องกันศัตรูที่จะมาโจมตีเมืองสงขลาทางบก
ภายหลังได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นเจ้าเมืองพัทลุง และ ได้ย้ายเมืองพัทลุงออกจาก
เมืองสงขลาตั้งแต่นั้น และตั้งเมืองอยู่ที่เขาชัยบุรีตลอดมาจนกระทั่งสิ้นกรุง
ศรีอยุธยาเมื่อ ปี พ.ศ.2310

ในสมัยธนบุรีและรัตนโกสินทร์ ได้มีการย้ายสถานที่ตั้งเมืองอีกหลายครั้งและได้
ยกขึ้นเป็นเมืองชั้นโทใน รัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ใน
ช่วงนี้เมืองพัทลุงมีผู้นำที่มีความสำคัญในการสร้างความ เจริญและความมั่นคงให้กับ
บ้านเมืองหลายท่าน อาทิ พระยาพัทลุง (ขุนคางเหล็ก) พระยาวิชิตเสนา (ทองขาว)
พระยาอภัยบริรักษ์ (จุ้ย จันทร์โรจน์วงศ์) ส่วนประชาชนชาวเมืองพัทลุงก็ได้มีบทบาท
ในการร่วมมือกับผู้นำ ต่อสู้ ป้องกันเอกราชของชาติมาหลายครั้ง เช่น เมื่อสงคราม
เก้าทัพ (พ.ศ. 2328 – 2329) พม่าจัดกองทัพใหญ่ 9 ทัพ 1 ใน 9 ทัพ มีเกงหวุ่นแมงยี
เป็นแม่ทัพ ยกลงมาตีทางใต้ ตีได้เมืองกระบุรี ระนอง ชุมพร ไชยา และ
นครศรีธรรมราช ตามลำดับ

-๕-

มรดกและภูมิปัญญาของพัทลุง

มโนราห์

โนรา เป็นศิลปะพื้นเมืองภาคใต้ เรียกว่า โนรา แต่ คำว่า มโนราห์ หรือ มโนห์รา นั้น
เป็นคำที่เกิด ขึ้นมาเมื่อสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยการนำเอา เรื่อง พระสุธน-มโนราห์ มา
แสดงเป็นละครชาตรี จึงมีคำ เรียกว่า มโนราห์ ส่วนกำเนิดของโนรานั้น สันนิษฐานกันว่า
ได้รับอิทธิพลจากการ ร่ายรำของอินเดียโบราณก่อนสมัยศรีวิชัย ที่มา จากพ่อค้าชาว
อินเดีย สังเกตได้จากเครื่องดนตรีที่ เรียกว่า เบ็ญจสังคีตซึ่งประกอบโหม่ง ฉิ่ง ทับ
กลอง ปี่ ใน ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีโนรา และท่ารำของโนรา อีกหลายท่าที่ละม้ายคล้ายคลึง
กับการร่ายรำของ ทางอินเดีย และเริ่มมีโนราเป็นกิจลักษณะขึ้นเมื่อ ประมาณปี
พุทธศักราชที่ 1820 ซึ่งตรงกับสมัยสุโขทัยตอนต้น

ปัจจุบันเชื่อกันว่าโนราเกิดขึ้นครั้งแรกที่ หัวเมืองพัทลุง คือ ตำบล บางแก้ว จังหวัด
พัทลุง แล้ว แพร่ขยายไปยังหัวเมืองอื่นๆ ของภาคใต้ จน ไปถึงภาคกลาง และกลายเป็น
ละครชาตรี และ จังหวะ ตะลุง ที่ได้รับอิทธิพล ในตำนานเล่า กันมาว่า เจ้าเมืองพัทลุง
มีชื่อว่า พระยา สายฟ้าฟาด มีลูกสาวที่ชื่อ ศรีมาลา ซึ่ง มีความสามารถในการร่ายรำมาก
ได้เกิดตั้งครรภ์โดยที่ยังไม่ได้แต่งงาน เชื่อกันว่า เป็นท้องกับเทวดา พระยาสายฟ้าฟาด
เห็นดังนั้น ก็โกรธมาก สั่งให้นำนางศรีมาลาไป ลอยแพในทะเล ( คือ ทะเลสาปสงขลา)
และ แพได้ไปติดที่เกาะใหญ่ นางศรีมาลา ก็ได้ให้กำเนิดลูกชาย โดยตั้งชื่อว่า เทพสิงหล
ซึ่งมีนัยความว่า ลูกของเทวดา นางศรีมาลา ได้ฝึกให้เทพสิงหลฝึกร่ายรำ ซึ่งเทพสิงหล
ก็สามารถร่ายรำได้สวยงามมาก และร่ายรำ มีชื่อเสียงมากที่เกาะใหญ่ จนรู้ไปถึง หูพระยา
สายฟ้าฟาด ซึ่งพระยาสายฟ้าฟาด ก็ยังไม่รู้ว่าหลานตัวเอง ก็ได้ เชิญไปรำในราชสำนัก
ฝ่ายนางศรีมาลานั้น ก็น้อยเนื้อต่ำใจเมื่อครั้งที่ถูกลอยแพ ก็บอกกับคนที่มาติดต่อว่า
โนราคณะนี้จะไปรำได้ แต่ต้องปูผ้าขาวตั้งแต่ริมฝั่ งที่ลงจากเรือจนไปถึงตำหนัก พระยา
สายฟ้าฟาดก็ตอบตกลง ดังนั้น เทพสิงหลจึงไปรำในราชสำนัก เทพสิงหลรำได้สวยงาม
มาก จนพระยาสายฟ้าฟาด ก็ตกตะลึงในความสวยงาม จึงถอดเครื่องทรงที่ทรงอยู่ให้กับ
เทพสิงหล แล้วบอกว่า “เครื่อง แต่งกายกษัตริย์ชุดนี้มอบให้เป็นเครื่องแต่งกายของ
โนรานับแต่นี้เป็นต้นไป” เทพสิงหลจึงบอกว่าแท้จริงแล้ว เป็นหลานของพระยาสายฟ้า
ฟาด พระยาสายฟ้าฟาดจึงรับโนราไว้ในราชสำนัก และให้สิทธิแต่งกายเหมือนกษัตริย์ทุก
ประการ

-๔-

หนังตะลุง

วัฒนธรรมการเล่นหนังหรือละครเงา (Shadow Plays) ปรากฏในแหล่งอารยะ
ธรรมเก่าแก่ของโลกมาแต่โบราณ เช่น อียิปต์ จีน อินเดีย และเกือบทุกประเทศในเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้ รูปหนังที่ใช้เล่นมี 2 แบบ คือ ชนิดที่ส่วนแขนติดกับลำตัว มีขนาดใหญ่
เช่น หนังใหญ่ของไทย และหนังสเบก (Nang Sbek) ของเขมร และชนิดที่ส่วนแขนฉลุ
แยกจากส่วนลำตัวแต่ร้อยหมุดให้ติดกัน เคลื่อนไหวได้ เช่น หนังอยอง (Nang Ayong
Jawa) ของชวา และหนังตะลุงของไทย หนังตะลุงเป็นการเล่นที่มีมาแต่โบราณ จึงไม่
ทราบประวัติความเป็นมาที่แน่ชัด และมีข้อสันนิษฐานต่างกันหลายกระแส เช่น

เสริมวิทย เรณุมาศ เห็นว่าเรารับวิธีการแสดงหนังตะลุงมาจากชวา (ปัจจุบันอยู่ใน
ประเทศอินโดนีเซีย) โดยชวารับมาจากอินเดียอีกทอดหนึ่ง หนังชวาผ่านมาทางมลายูและ
มาเริ่มขึ้นในภาคใต้ที่บ้านควนพร้าว จังหวัดพัทลุง อนึ่ง เหตุที่ได้ชื่อว่าหนังตะลุงน่าจะ
สันนิษฐานได้ 3 ทาง คือ

1. มาจาก หนังไทลุง (ไทลุง คือ ไทยที่อพยพมาอยู่ทางภาคใต้)
2. มาจาก หนังฉะลุง ฉะลุง หมายถึง เสาผูกช้าง ครั้งแรกที่หนังแขกเข้ามาแสดงได้
ขึงจอกับเสาผูกช้าง ต่อมาเพี้ยนเสียง ฉะลุง เป็นตะลุง
3. มาจาก หนังพัทลุง คือ เมื่อ พ.ศ.2419 พระยาสุรวงศ์วัยวัฒน์ (วร บุนนาค) นำ
หนังจากพัทลุงไปแสดงถวายทอดพระเนตรที่บางปะอิน ชาวภาคกลางทราบว่าหนังไป
จากพัทลุงจึงเรียกว่า หนังตะลุง จาก บทกาศครูหนังตะลุง หลายสำนวนกล่าวถึงความ
เป็นมาของหนังตะลุงไว้ทำนองเดียวกันว่า ตาหนักทอง (บางสำนวนว่า ตาฟักทอง) ตา
ก้อนทอง (บางสำนวนว่า ตาหนุ้ย) ทหารประจำกองช้างเมืองนครศรีธรรมราชได้เห็น
หนังแขกที่เมืองยะโฮร์ (ปัจจุบันอยู่ในประเทศสหพันธรัฐมาเลเซีย) เกิดชอบใจจึงนำมา
เล่นในกองช้าง ซึ่งเรียกกันในสมัยนั้นว่า ตะลุง หรือ หลุง
เขมะชาติ กาฬสุวรรณ มีความเห็นว่า หนังตะลุงเกิดขึ้นที่เขายาโฮ้ง ตำบลชะรัตน์ อำเภอ
เมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง ภูเขานี้บางคนออกเสียงเพี้ยนเป็น ยะโฮ ดังปรากฏใน บท
พลายงาม

-๖-

-๗-

แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม

วัดเขาอ้อ

วัดเขาอ้อ ตั้งอยู่หมู่ที่ ๓ ตำบลมะกอกเหนือ อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง เคยเป็น
สำนักของพราหมณ์ผู้เรืองเวทมาก่อน เรียกกันว่าสำนักเขาอ้อ มีกษัตริย์หลายพระองค์
ส่งลูกหลานมาเรียนเพื่อรับเอาความรู้ด้านต่างๆ จากอาจารย์ผู้สอนซึ่งเป็นพราหมณ์เรือง
วิชาที่มาจากประเทศอินเดีย จริงๆในยุคที่พราหมณ์เคลื่อนไหวเพื่อที่จะขยายฐานศาสนา

วัดเขาอ้อเป็นวัดเก่าแก่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย ตั้งแต่สมัยพระเจ้าอยู่หัว
บรมโกศ ประมาณพ.ศ. ๑๔๘๒ แต่กลับรกร้างลงสิ่งก่อสร้างชำรุดทรุดโทรม ต่อมาได้มี
พระธุดงค์ได้เดินทางมาพบจึงได้ช่วยกันบูรณะวัดขึ้นมาใหม่ ได้สร้างอุโบสถ มณฑป
พระพุทธบาทจำลอง พระพุทธไสยาสน์ เจดีย์ และได้พระราชทานพระพุทธรูป ๒ องค์ จาก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า เจ้าฟ้าอิ่ม เจ้าฟ้าดอกมะเดื่อ เจ้า
อาวาสแห่งวัดเขาอ้อทุกรูปเชื่อกันว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านไสยเวทย์

ปัจจุบัน วัดเขาอ้ออยู่ในชุมชนคุณธรรมบ้านเขาอ้อ (วัดเขาอ้อ) มีการจัดงานสืบสาน
พิธีกรรมเขาอ้อมีพิธีกรรมแช่ว่าน พิธีกรรมหุงข้าวเหนียวดำ ซึ่งเป็นพิธีกรรมที่มีประชาชน
จากทั่วสารทิศมาร่วมกิจกรรม

-๘-

วัดวัง

ปูชนียสถานสำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดและอยู่คู่เมืองพัทลุงมาตลอดสมัย
รัตนโกสินทร์ เนื่องจากเคยใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาของข้าราชการ
เมืองพัทลุงในอดีต จนกระทั่งได้มีการยกเลิกพิธีดังกล่าวไป ทั้งนี้ มีการสันนิษฐานว่า วัด
แห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น แต่ไม่ทราบศักราชที่แน่ชัด สำหรับชื่อของ "วัด
วัง" นั้น มีที่มา 2 นัยด้วยกัน กล่าวคือ นัยหนึ่งว่าทางทิศใต้ของวัดมีวังน้ำที่ลึกมาก เรียกว่า
"หัววัง" จึงเรียกกันว่า วัดวัง ส่วนอีกนัยหนึ่งกล่าวว่า เพราะตั้งอยู่ใกล้กับ "วังเจ้าเมือง
พัทลุง" จึงเรียกว่าวัดวังนั่นเอง ปัจจุบันวัดวังยังคงเป็นวัดสำคัญที่ใช้ประกอบพิธีกรรม
ทางพุทธศาสนาในวาระต่าง ทั้งยังเป็นแหล่งรวมศิลปกรรมงามล้ำให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชม
น่าชม - พระอุโบสถ อันเป็นสถาปัตยกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ หลังคาทรงไทยมุงด้วย
กระเบื้องเคลือบดินเผา ประดับด้วยช่อฟ้าใบระกา ด้านหน้ามีมุขเด็จยื่นออกมา ภายในมีภาพ
จิตรกรรมฝาผนังสีฝุ่น บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติและเทพชุมนุม และบริเวณ
ระเบียงคดโดยรอบมีพระพุทธรูปปูนปั้ นปางต่างๆ ประดิษฐานเรียงรายทั้งสิ้น 108 องค์ -
ธรรมาสน์ นับเป็นศิลปกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นที่น่าสนใจยิ่ง - โอ่งน้ำสมัยราชวงศ์
ชิง จำนวน 2 ใบ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยใช้ในพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาของข้าราชการเมืองพัทลุง
เมื่อครั้งอดีต
ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ที่ตำบลลำปำ ในเขตเทศบาลเมืองพัทลุง

-๙-

ถ้ำสุมะโน

ถ้ำสุมะโน ถ้ำนี้มีนามอันเป็นมงคลว่า "สุมะโน" เนื่องจากถูกค้นพบโดยพระอาจารย์
เดช สุมโน วันที่ 28 เมษายน 2530 ตรงกับวันอังคาร ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 6 ปีเถาะ ในขณะที่พระ
อาจารย์ เดช สุมโน มีอายุ 36 ปี พรรษา 14 กล่าวย้อนหลังไปก่อนที่จะได้พบถ้ำแห่งนี้ พระ
อาจารย์ เดช สุมโน ภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ได้ตั้งจิต
อธิษฐานขณะเจริญภาวนาในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามว่า ขอพบถ้ำที่ถูกใจเป็นที่
รวมญาติธรรมแล้วภาพถ้ำก็ได้ปรากฏในนิมิต เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ เดือน เมษายน พ.ศ.
2525 หลังจากนั้นท่านก็ได้ออกธุดงค์ไปในภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคเหนือ โดยตั้งมโน
ปณิธานที่จะหาถ้ำดังกล่าวแต่ไม่พบ ในช่วงเข้าพรรษาพระอาจารย์ เดช สุมโน เดินทางมายัง
กรุงเทพมหานคร เพื่อสอนพระปริยัติธรรม ตอบแทนคุณอาจารย์ ปี พ.ศ. 2528 พระ
อาจารย์ เดช สุมโน ธุดงค์ไปที่จังหวัดนครพนม ได้ตั้งจิตอธิษฐานขอพบถ้ำดังกล่าว ในปีต่อ
มาขณะจำพรรษาที่ถ้ำเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีผู้มาบอกขณะนั่งสมาธิว่า ถ้ำดังกล่าว
อยู่ที่จังหวัดพัทลุง 25 กิโลเมตร ตามเส้นทางไปจังหวัดตรัง (ถนนเพชรเกษม) สภาพเป็น
ภูเขาลูกเล็กๆ พื้นที่โดยรอบเป็นป่า เมื่อออกพรรษาแล้ว พระอาจารย์ เดช สุมโน ได้ออก
ค้นหาถ้ำตามนิมิต มาพำนักอยู่ที่ภูเก็ตและได้หารือกับญาติธรรมชาวภูเก็ตก่อนที่จะเดินทาง
มาตามหาถ้ำ และได้พบภูเขาลูกเล็กๆ ในป่า

- ๑๐ -

ศาลหลักเมืองจังหวัดพัทลุง

ศาลหลักเมืองพัทลุง ซึ่งเกิดขึ้นด้วยแรงศรัทธาอันแรงกล้าของชาวจังหวัดพัทลุง
และประชาชนทั่วไป ที่ร่วมกันบริจาคทรัพย์สมทบทุนการก่อสร้างจำนวน กว่า ๑๒ ล้านบาท
มอบหมายให้ รศ.ดร.ภิญโญ สุวรรณคีรี ศิลปินแห่งชาติสาขาสถาปัตยกรรม เป็นผู้ออกแบบ
การก่อสร้างมีการลงนามในสัญญาและเริ่มการก่อสร้างมาตั้งแต่วันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๓
และ ณ บริเวณวัดควนปรง หมู่ที่ ๒ ตำบลท่ามิหรำ อำเภอเมืองพัทลุง ได้
ก่อสร้างแล้วเสร็จจนถึงปัจจุบันเมืองพัทลุงเป็นเมืองโบราณที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมา
ยาวนานแม้จะเคยมีหลักเมืองเป็นศูนย์กลางของเมืองมาก่อน แต่เนื่องจากมีการย้ายที่ตั้ง
หลายครั้ง ทำให้หลักฐานเกี่ยวกับหลักเมืองไม่ชัดเจน แม้จะมีร่องรอยอยู่บ้างเช่นโคก
บางแก้ว เมืองเก่าชัยบุรี และเมืองเก่าบ้านลำปำ ซึ่งชำรุดผุพังไปตามกาล หลังจากย้ายเมือง
พัทลุงไปตั้งที่อื่ นในแต่ละครั้ง

มาถึง ปี ๒๕๕๓ นายวินัย ครุวรรณพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ในฐานะลูก
หลานชาวพัทลุงและผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ได้ดำเนินการจัดสร้างศาลหลักเมืองพัทลุงขึ้น
อีกครั้ง จึงได้ประชุมคณะทำงานจัดหาสถานที่ มีมติเป็นเอกฉันท์เลือกสถานที่บริเวณวัด
ควนปรง หมู่ที่ ๒ ตำบลท่ามิหรำ อำเภอเมืองพัทลุง เป็นสถานที่ที่มีทำเลเหมาะสม อยู่บริเวณ
เนินสูง สวยงาม เส้นทางคมนาคมสะดวก และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในอดีต

- ๑๑ -

พระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ

“พระสี่มุมเมือง"เป็นพระพุทธรูปประจำภาคใต้และปูชนียวัตถุคู่เมืองของพัทลุง
ประดิษฐานอยู่ภายในศาลาจตุรมุข บริเวณด้านหน้าระหว่างศาลากลางจังหวัด กับศาล
จังหวัดพัทลุง เป็นพระพุทธรูปหล่อสัมฤทธิ์ปางสมาธิ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาล
ปัจจุบัน โปรดเกล้าฯ พระราชทานไว้ที่จังหวัดพัทลุง เมื่อ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2511มีลักษณะ
เป็นพระพุทธรูปหล่อสำริด ปางสมาธิ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน
(รัชกาลที่ 9) โปรดเกล้าฯ พระราชทานไว้ที่จังหวัดพัทลุง เมื่อปี พ.ศ. 2511 รู้จัก "จตุรพุทธ
ปราการ" พระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศนี้ได้รับการจัดสร้างขึ้นตามความเชื่อและ
โบราณประเพณีของบ้านเมือง ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งต้องมีสิ่ง
ศักดิ์สิทธิ์คอยปกปักษ์รักษาขอบขัณฑสีมาทั้งสี่ทิศ โดยเป็นการสร้างตามแบบ "จตุรพุทธ
ปราการ" กล่าวคือ เป็นการนำเอาวัดหรือพระพุทธรูปมาเป็นปราการทั้งสี่ด้าน เพื่อปกป้อง
ภยันตรายจากอริราชศัตรู คอยปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย เสริมสร้างดวงชะตาแก่บ้านเมือง และ
คุ้มครองประชาชนให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข ปัจจุบันได้มีการอัญเชิญพระพุทธนิรโรคันตรา
ยชัยวัฒน์จตุรทิศ ทั้ง 4 องค์ ไปประดิษฐาน ณ จังหวัดต่าง ๆ ตามทิศทั้งสี่ของประเทศไทย
ได้แก่- ทิศเหนือ-ศาลหลักเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง- ทิศใต้-จังหวัดพัทลุง- ทิศตะวัน
ออก-วัดศาลาแดง จังหวัดสระบุรี- ทิศตะวันตก-เขาแก่นจันทน์ จังหวัดราชบุรี
ที่ตั้ง : อ.เมือง จ.พัทลุง

- ๑๒ -

แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ

ยอยักษ์ปากประ พัทลุง

คลองปากประเป็นคลองที่สำคัญทางจังหวัดพัทลุง โดยเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญของ
อำเภอควบขนุนที่ไหลรวมมาจากลำน้ำสายต่างๆมาบรรจบกันเป็นคลองปากประแล้ว
ไหลออกสู่ทะเลสาบสงขลา คลองปากประจึงเปรียบเสมือนเป็นประตูเชื่อมสำคัญของ
สายน้ำที่ไว้ใช้ทางการเกษตรและให้ปลาต่างๆได้ว่ายเข้าออก ทำให้บริเวณคลองปาก
ประแห่งนี้จึงกลายเป็นแหล่งชุมนุมของปลาและกลายเป็นแหล่งจับปลาที่สำคัญโดยมี
ชาวบ้านได้ตั้งยอดักจับปลาเป็นจำนวนมากจนดูยุ่งเหยิง เกิดเป็นทิวทัศน์ที่แปลกตา
ในช่วงฤดูน้ำจะได้เห็นวิถีชีวิตการยกยอยักษ์และดักจับสัตว์น้ำของชาวบ้านบริเวณนี้
นักท่องเที่ยวที่มาที่คลองปากประแห่งนี้มักนิยมมาในช่วงเช้าเพื่อดูทิวทัศน์พระอาทิตย์
ขึ้นกับยอยักษ์ เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของนักถ่ายภาพเพราะที่คลองปากประมีมุมให้
ถ่ายภาพมากมาย นักท่องเที่ยวสามารถพักที่บริเวณทะเลน้อยแล้วเดินทางมาที่คลอง
ปากประในตอนเช้าหรือพักที่รีสอร์ทตรงบริเวณคลองปากประนี้ก็ได้เช่นกัน

ข้อมูลเพิ่มเติม
วันเปิดทำการ : ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ : 05.00 – 18.00 น.
ที่ตั้ง : บ้านปากประ ตำบลพนางตุง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง

- ๑๓ -

จุดชมวิวควนนกเต้น

“จุดชมวิวควนนกเต้น” ตั้งอยู่ที่ตำบลคลองทรายขาว อำเภอกงหรา สามารถเดินทาง
ได้ง่ายมาก เหมาะสำหรับที่จะไปในตอนรุ่งสาง เพราะคุณจะได้ชื่นชมกับหมอก
ธรรมชาติ ที่ปกคลุมบนภูเขาบรรทัด สามารถมองเห็นทัศนวิสัยได้อย่างชัดเจนมาก
นอกจากนี้ยังทำให้คุณสามารถได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้ด้วย บนพื้นที่มีจุดถ่ายรูปเยอะ
มาก มีพื้นที่จอดรถให้บริการ ตอนเช้ามีจุดขายน้ำ ชา กาแฟบริการด้วยเหมาะมาก
สำหรับการนั่งชมตะวันพร้อมดื่มกาแฟอุ่น ๆ ในยามเช้า หากคุณไม่อยากเดินทางไปใน
ตอนเช้า รอบ ๆ ก็มีที่พักมากมายให้คุณได้นอนพัก ตื่นมาก็พบกับวิวหมอก

ข้อมูลการติดต่อ
วันเปิดทำการ : ทุกวัน
ที่ตั้ง : หมู่ที่ 4 ต.คลองทรายขาว อ.กงหรา จ.พัทลุง
เฟซบุ๊ก : facebook.com/nongpatthalun
ไลน์ : 083-891-8187
โทร : 083-891-8187, 066-136-9990

- ๑๔ -

บิ้งนาคาเฟ่

“บิ้งนาคาเฟ่” เป็นคาเฟ่ที่อยู่ในตัวเมืองพัทลุง ทางร้านมีการให้บริการอาหาร เครื่องดื่ม
เค้กและเบเกอรี่มากมาย นอกจากอาหารจะอร่อยมาก ๆ แล้ว ยังมีวิวที่สวยงามมาก
ด้วย รอบ ๆ ของคาเฟ่จะรายล้อมไปด้วยทุ่งนาเขียวขจี คุณสามารถเลือกพื้นที่นั่งได้
แต่เราอยากแนะนำให้ไปตอนเย็นมากกว่าค่ะเพราะบรรยากาศร่มรื่นมาก มีพื้นที่ให้คุณ
มองเห็นเขาอกทะลุด้วย นอกจากนี้ยังเห็นมุมของพระอาทิตย์ด้วย ทางร้านมีบริการที่
จอดรถไม่จำเป็นต้องหาที่จอดเพิ่มเติม หากคุณต้องการไปถ่ายรูปและทานอาหาร
อร่อย ๆ ต้องไม่พลาดบิ้งนาคาเฟ่

ข้อมูลการติดต่อ
วันเปิดทำการ : ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ : น09.00-22.00 .
ที่ตั้ง : 206 หมู่ 6 ถนนมโนราห์ (บายพาส) ตำบลควนมะพร้าว อำเภอเมือง
จังหวัดพัทลุง
เฟสบุ๊ค : www.facebook.com/bingnacafe/
โทร : 063-595-616

- ๑๕ -

The Cape พัทลุง

“The Cape พัทลุง” เป็นร้านที่ตั้งอยู่ที่แหลมจองถนน อำเภอเขาชัยสน เป็นร้านที่มี
การตกแต่งอย่างสวยงามมาพร้อมวิวทะเลของแหลมจองถนนซึ่งสวยงามมาก การ
ตกแต่งของร้านเป็นสไคล์โมเดิร์น มีทั้งที่นั่งในร้านและที่นั่งด้านนอกที่จะสามารถมอง
เห็นวิวทะเลได้อย่างชัดเจนมาก มีให้บริการทั้งเครื่องดื่ม ขนมและอาหารมากมายเพื่อ
ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่เข้ามาทานอาหาร สามารถไปด้านทั้งกลาววันและตอน
ค่ำ แต่ตอนพลบค่ำบรรยากาศจะสงบและสวยงามเหมาะแก่การสังสรรค์มาก หากคุณ
ต้องการชื่นชมบรรยากาศของทะเล
ข้อมูลการติดต่อ

ตั้งอยู่ที่ : 319 หมู่1 ต.จองถนน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง อำเภอเขาชัยสน 93130
เบอร์โทร 094-741-5901
เปิดดบริการทุกวัน 11.00-22.00 น.

- ๑๖ -

ล่องเรือชมทะเลบัวชมวิว

ล่องเรือชมทะเลบัวชมวิวทัศนียภาพ
จุดเด่นของการท่องเที่ยวทะเลน้อย คือ ล่องเรือชม “ทะเลบัวแดง” หรือ “ทะเลบัวสาย”
พันธุ์บัวที่มีขึ้นอยู่มากที่สุด โดยในช่วงเช้าเหล่า บัวสายจะพาออกดอกสีแดงสดบาน
สะพรั่งเต็มท้องน้ำในบริเวณที่มีบัวชนิดนี้ขึ้นอยู่ ถือเป็นอีกหนึ่งสีสันความงามคู่ทะเล
น้อยที่อยู่คู่กัน มาแต่ช้าแต่นาน แต่ดอกบัวจะบานเฉพาะช่วงเช้าเท่านั้น พอเข้าช่วงสาย
จะหุบแล้ว ดอกบัวจะเริ่มบานตั้งแต่กลางเดือน ก.พ – เม.ย. นอกจากนี้ระหว่างนั่งเรือ
ชมดอกบัว ยังสามารถชมพืชพันธุ์น่าสนใจ อื่นๆ อาทิ ผักตบชวา จอก แหน สาหร่าย
ต่างๆ กระจูด กง ย่านลิเภา กก และเสม็ดที่ยืนต้นตระหง่านอยู่ในพื้นที่ป่าบก เป็นต้น
ข้อมูลการติดต่อ

ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ในตำบลนางตุง และ ตำบลทะเลน้อย อำเภอควนขนุน
จังหวัดพัทลุง
มีบริการเหมาเรือประมาณ400-500 บาท
โทร : 084-8534557

- ๑๗ -

นาโปแก

“นาโปแก” ตั้งอยู่ในตำบลมะกอกเหนือ อำเภอควนขนุน เป็นที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่ได้
รวมรวบการใช้ชีวิตของชาวพัทลุงไว้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นการทำนา การเลี้ยงควาย การตำ
ข้าว การบำบัดน้ำด้วยกังหันโบราณ ในพื้นที่มีจุดให้เราได้ถ่ายรูปมากมาย ซึ่งได้จัดโซน
ไวให้กับนักท่องเที่ยวเลย เมื่อถ่ายรูปคุณจะได้เห็นทุ่งนาที่เขียวชอุ่ม การทำนาที่ให้เรา
ได้เห็นสด ๆ ร้อนกันเลยนาโปแกเปิดให้ใช้บริการทุกวัน แต่ถึงแม้ว่าช่วงเที่ยงจะร้อน
มากแต่ก็ยังเห็นบรรยากาศที่สวยงาม มีการขายของที่ระลึก อาหารและเครื่องดื่มพื้น
บ้านในราคาที่ไม่แพงด้วย ไฮไลท์ที่คุณจะพลาดไม่ได้เลยคือการถ่ายรูปกับควายที่สาน
และทำขึ้นจากฟางข้าว ซึ่งจะอยู่ด้านหน้าของนาโปแกเลย

ข้อมูลการติดต่อ
ที่อยู่ : นาโปแก หมู่ที่ 6 456 ตำบลมะกอกเหนือ อำเภอควนขนุน
จังหวัดพัทลุง
เปิดให้เข้าชม : 08.30-17.30 น. (วันจันทร์ - วันศุกร์)
08.00-18.30 น. (วันเสาร์ - วันอาทิตย์)
โทร : 06-2591-6632

- ๑๘ -

ตลาดใต้โหนด

“ตลาดใต้โหนด” ตลาดใต้โหนดตั้งอยู่ในบ้านจันนา อำเภอควนขนุน พื้นที่ที่นำมาใช้จัด
ตั้งตลาดใต้โหนดนั้นคือพื้นที่ของคุณกนกพงศ์ สงสมพันธุ์ นักเขียนชื่อดังรางวัลซี
ไรต์ ซึ่งในพื้นที่นี้จะเป็นพื้นที่สีเขียว จะไม่มีการใช้พลาสติกเลย บรรจุภัณฑ์จะเป็น
ธรรมชาติทั้งหมด ซึ่งภายในคุณสามารถที่จะซื้อของได้ตามใจชอบไม่ว่าจะเป็นผักพื้น
บ้าน ขนมท้องถิ่นหรือหากอยากนั่งชิว ๆ ก็สามารถไปนั่งที่บ้านนักเขียนเพื่ออ่าน
หนังสือและจิบกาแฟ นอกจากนี้ในทุก ๆ สัปดาห์จะมีการแสดงของเด็ก ๆ เช่น การเล่น
ดนตรี การแสดงมโนราห์ ที่สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตชาวใต้อย่างสมบูรณ์แบบมาก แต่
ตลาดนี้เปิดเฉพาะทุกวันอาทิตย์เท่านั้น

ข้อมูลการติดต่อ
ตั้งอยู่บริเวณบ้านนักเขียนใต้ดงต้นโหนดและต้นไม้ร่มรื่น ที่บ้านจันนา
ต.ดอนทราย อ.ควนขนุน จ.พัทลุง
เปิดตลาดนัดทุกวันอาทิตย์ เวลาประมาณ 08.00-15.00 น.
โทร : 085-065-4480

- ๑๙ -

สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา

“สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา” หรือสะพานที่หลายคนติดปากกันว่าสะพาน
เอกชัย สะพานนี้ได้ชื่อว่าเป็นสะพานที่ยาวที่สุดของประเทศไทยเป็นรอยต่อเชื่อมกัน
ของจังหวัดพัทลุงและจังหวัดสงขลา ซึ่งมีความยาวทั้งหมด 14 กิโลเมตร ซึ่งคุณ
สามารถขับรถไปชมวิวได้ บริเวณถนนจะมีที่จอดรถไว้ให้สำหรับการลงไปถ่ายรูปและ
ชมบรรยากาศด้วย โดยที่คุณจะสามารถเห็นทั้งนก ควายและทุ่งนาที่เขียวขจี ทั้ง 2
ข้างทางหากคุณไปตอนเช้าหรือเย็นแสงอาทิตย์จะพอเหมาะให้คุณนั้นได้ถ่ายรูป
นอกจากจะมีช่องสำหรับรถยนต์แล้วยังมีช่องสำหรับขับจักรยานด้วย ถึงแม้ว่ามันจะ
เป็นสะพานที่ยาวมากแต่หากพ้นสะพานลงไปจะมีร้านขายปลาทะเล ปลาแห้งเพื่อให้ซื้อ
กลับไปเป็นของฝากอีกด้วย

- ๒๐ -

สำเภาไทย

“สำเภาไทย” เป็นสถานที่ที่ตั้งอยู่ที่บ้านสำเภาใต้ ตำบลชัยบุรีสามารถเดินทางได้ง่าย
มาก ๆ ไฮไลท์ของที่นี่นั้นอยู่ที่สำเภาลำใหญ่และคิงคองยักษ์ ซึ่งเป็นจุดที่คนให้ความ
สนใจมากหากมาแล้วไม่ได้ถ่ายรูปกับสำเภาไทยและคิงคองยักษ์ก็ถือว่ายังไปไม่ถึง
นอกจากนี้คุณยังสามารถสัมผัสกับทุ่งนาที่เขียวชอุ่มได้ด้วย พื้นที่สำเภาไทยนั้นมี
ประมาณ 10 ไร่ เป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างแท้จริง เราขอแนะนำให้ไปตอนเย็นค่ะ
เพราะจะได้ชมพระอาทิตย์ตกดินพร้อม ๆ กัน ภายในมีร้านอาหาร ร้านกาแฟเพื่อให้คุณ
ได้รับประทานกันด้วย อีกทั้งด้านในยังมีห้องพักให้บริการ สามารถเข้าพักได้
ข้อการติดต่อ

ที่อยู่: บ้านท่าสำเภาใต้ ตำบลชัยบุรี จังหวัดพัทลุง
ชื่อผู้ติดต่อ: สำเภาไทย
เบอร์โทรศัพท์ : 081 904 5260
เวลาทำการ :เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00 น.

- ๒๑ -

ล่องแก่งหนานมดแดง

“ล่องแก่งหนานมดแดง” เป็นจุดท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวมานานมากแล้ว มันตั้งอยู่
ในอำเภอป่าพะยอม ซึ่งมีทั้งห้องพักที่ให้บริการ มีบริการให้ล่องแก่ง มีพื้นที่ให้ทาน
อาหารและมีการขายอาหารมากมาย เหมาะมากสำหรับคนที่ชอบกิจกรรมแบบตื่นเต้น
ซึ่งหากซื้อแพ้คเกจล่องแก่งแล้วจะมีชุดชูชีพและหมวกเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิด
ขึ้นด้วย บรรยากาศที่หนานมดแดงร่มรื่นมากเหมาะแก่การพักผ่อนในช่วงวันหยุดเป็น
ที่สุด
ข้อมูลการติดต่อ

ที่อยู่ : ล่องแก่งหนานมดแดง ทางหลวงชนบทพัทลุง 3140 ป่าพะยอม
อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง
เปิดให้เข้าชม : ทุกวัน
โทร : 0-81082-0206

- ๒๒ -

น้ำตกมโนราห์

น้ำตกมโนราห์ เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของ อำเภอกงหรา จังหวัด
พัทลุง อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเทือกเขาบรรทัด เป็นน้ำตกขนาดกลางๆ ไม่เล็ก
และไม่ใหญ่มาก แต่เหมาะสุดๆ กับการพักผ่อนและเล่นน้ำชิลๆ ที่สำคัญคือมีน้ำใส
สะอาด สายน้ำไหลแรงกำลังดี ก่อนจะไหลสู่ลำธาร ซึ่งภายในลำธารก็จะมีโขดหิน เกาะ
แก่ง อยู่ตามทาง และยังมีสะพานแขวนไว้เป็นมุมเช็คอินสวยๆ ให้ได้เดินชมธรรมชาติ
รอบๆ กัน
น้ำตกมโนราห์ นี้อยู่กลางป่า รอบล้อมไปด้วยธรรมชาติของป่าและเขา ถ้าได้ลองนอน
ให้น้ำเย็นๆ สัมผัสโดนตัวแล้วฟังเสียงของธรรมชาติ บอกเลยค่ะว่าจะรู้สึกฟีลกู้ดสุดๆ
เหมือนร่างกายได้รับพลังจากธรรมชาติแบบเต็มๆ
ข้อมูลเพิ่มเติม

ที่อยู่ : อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง
พิกัด : https://goo.gl/maps/5fJ6fYyqY8eXvN326
เปิดให้เข้าชม : 08.00-17.00 น.
โทร : -

- ๒๓ -

เอกสารอ้างอิง

พัทลุง...เมืองหนังโนราห์ที่น่าเยือน. (2548). สืบค้นเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2565,
จาก https://mgronline.com/travel/detail/

สำนักงานจังหวัดพัทลุง. (2556). ประวัติจังหวัดพัทลุง. สืบค้นเมื่อวันที่16 มีนาคม 2565, จาก
http://www.phatthalung.go.th/history.

สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดพัทลุง. (2565). ประวัติความเป็นมา. สืบค้นเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2565.
จาก https://phatthalung.cdd.go.th/.

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพัทลุง. (2562). แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมของจังหวัดพัทลุง.
สืบค้นเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2565, จาก https://www.m-culture.go.th/phatthalung/

12 ที่เที่ยวพัทลุง เมืองธรรมชาติสวย วิวงาม ไม่มีทะเลก็ปังได้. (2565). สืบค้นเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2565,
จาก https://travel.trueid.net/detail/qLpkbeO1nJDw.

35 จุดเช็คอินพัทลุง ใหม่ๆสวยๆ 2022 ที่เที่ยว ที่พัก คาเฟ่เด็ดๆ. (2565). สืบค้นเมื่อวันที่ 15 มีนาคม
2565, จาก https://nakhonsidee.com/phatthalung/

- ๒๔ -

Phatthalung
— พัทลุง—

จั ง ห วั ด พั ท ลุ ง มี แ ห ล่ ง ท่ อ ง เ ที่ ย ว ที่ น่ า ส น ใ จ เ ป็ น ส ถ า น ที่ ท่ อ ง เ ที่ ย ว เ ชิ ง วั ฒ น ธ ร ร ม แ ล ะ ส ถ า น ที่ ท่ อ ง เ ที่ ย ว

เ ชิ ง ธ ร ร ม ช า ติ นั ก ท่ อ ง เ ท่ี ย ว ส า ม า ร ถ แ ว ะ พั ก ค า เ ฟ่ ร้ า น อ า ห า ร ช ม วิ ถี ชี วิ ต ช า ว พั ท ลุ ง ที่ ใ น อ ดี ต เ ค ย เ ป็ น

ส่ ว น ห นึ่ ง ข อ ง อ า ณ า จั ก ร ศ รี วิ ชั ย พื้ น ที่ จั ง ห วั ด พั ท ลุ ง อ ยู่ ติ ด กั บ จั ง ห วั ด น ค ร ศ รี ธ ร ร ม ร า ช ต รั ง แ ล ะ ส ง ข ล า

ข้อมูลผู้จัดทำ


นางสาวอัญญาภรณ์ คชปักษี

621011299 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

080-1237890

[email protected]

Aunyaporn Kochapugsri


Click to View FlipBook Version