The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

นิทานค่านิยม ๑๒ ประการ ข้อที่ ๘

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ebookrayong, 2021-03-04 11:34:35

นิทานค่านิยม ๑๒ ประการ ข้อที่ ๘

นิทานค่านิยม ๑๒ ประการ ข้อที่ ๘


 

นทิ านคา่ นิยม 12 ประการ
คา่ นยิ มที่ 8 มีระเบยี บวนิ ยั เคารพกฎหมาย เคารพผใู้ หญ่

(รุน่ ที่ 2.4.10)

เรียบเรยี งโดย
ดร.อาทร จนั ทวมิ ล
อธบิ ดกี รมการศึกษานอกโรงเรยี น 2544-2545


 

  2 

สารบาญ หนา้

8.1 เบื้องหลังการก่อตงั้ ลกู เสืออเมรกิ นั 2
8.2 พ่อฉนั โงจ่ รงิ ๆ นทิ านอสี ป 4
8.3 ความเพอ้ ฝันของหญิงรดี นมววั นิทานอสี ป 6
8.4 ควายปา่ สต่ี วั กบั สงิ โต นทิ านอีสป 7
8.5 แมวกับหมาจ้งิ จอก นิทานอสี ป 8
8.6 พระภกิ ษุเมืองโกสมั พที ะเลาะกัน โกสมั พยิ ชาดก 9


 



 

ค่านิยมท่ี 8 มีระเบยี บวินยั เคารพกฎหมาย เคารพผใู้ หญ่

8.1 เบอ้ื งหลงั การกอ่ ต้ังลูกเสอื อเมรกิ ัน

ค่ําวันหน่ึงในฤดูหนาวเมื่อ พ.ศ. 2452 (ค.ศ. 1909) คือกว่าร้อยปี
มาแล้ว ท่ีใจกลางกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ มีหมอกลงจัดมาก จนมองเห็นทาง
ข้างหน้าได้ไม่กี่ฟุต นักธุรกิจอเมริกันจากเมืองชิคาโก ช่ือ วิลเลียม บอยซ์ (William
D. Boyce) เดินหลงทางอยู่ในหมอกหนาทึบ เขาหยุดอยู่ใต้เสาไฟส่องถนนอย่าง
ส้นิ หวัง ไม่รจู้ ะออกไปจากกล่มุ อาคารเก่าๆทล่ี ้อมรอบตวั ได้อย่างไร

เด็กชายอายรุ าว 13 ปคี นหนง่ึ เดนิ มาหาแล้วถามวา่ “จะให้ผมช่วยอะไร
ลุงได้บ้างไหมครับ” นายบอยซ์ตอบไปทันทีว่า “ต้องการให้ช่วยแน่เจ้าหนู ลุงจะไป
ศูนย์ธุรกิจกรุงลอนดอน แต่หลงทางเดินวนมาหลายรอบแล้วไม่เจอสักที ช่วยช้ีทาง
ไปให้หน่อยไดไ้ หมละ่ ”

เด็กน้อยตอบทันทีว่า “ค่อนข้างจะไกลและต้องเล้ียวหลายหนหน่อยนะ
ครบั ถา้ ผมบอกทางไปเฉยๆ เด๋ยี วลุงก็ไปหลงกลางทางอีก เอาอยา่ งนดี้ ีกว่า ผมจะ
เดินพาลุงไปถงึ ทีน่ ัน่ เองเพราะผมรู้จกั ทางลัดทจี่ ะไปได้เรว็ ”


 


 

สิบนาทีต่อมา เด็กน้อยพามาชาวอเมริกันคนน้ันมาถึงสถานท่ีต้องการ
นายบอยซ์ควกั เงนิ ใหร้ างวลั แตเ่ ดก็ นอ้ ยตอบว่า “ผมรับเงินไม่ได้ครับ ผมเป็นลูกเสือ
ลูกเสือมหี นา้ ที่ชว่ ยเหลอื ผูอ้ ่ืนทุกเมอ่ื ”

นายบอยซ์แปลกใจ แล้วถามว่า “ลกู เสือ คอื อะไร และทาํ อะไรกันนะ”
เดก็ น้อยชสู ามน้วิ เป็นรหัสลูกเสือ แล้วอธิบายหลักการของลูกเสือที่คิดค้น
ขึ้นในอังกฤษ โดยลอร์ด เบเดนโพเอลล์ และจดท่ีอยู่ของสํานักงานใหญ่ของลูกเสือ
ในกรุงลอนดอนให้ วันต่อมา นายบอยซ์ไปที่สํานักงานลูกเสืออังกฤษ พบกับ
เจ้าหน้าทซ่ี ึง่ ได้อธบิ ายหลกั การวิธีการของลูกเสอื อยา่ งละเอียด
เม่ือนายบอยซ์กลับไปประเทศสหรัฐอเมริกา เขาได้ชักชวนคนรู้จัก
ทําการก่อต้ังคณะลูกเสืออเมริกันขึ้นเม่ือวันท่ี ๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๕๓ (ค.ศ. ๑๙๑๐)
โดยมคี ่ายลกู เสือแหง่ แรกที่ ทะเลสาบจอรจ์ กรุงนวิ ยอรค์ ตอ่ มากจิ การลูกเสืออเมริกัน
กเ็ ผยแพรไ่ ปทว่ั ประเทศ
ไม่มีใครทราบชื่อของลูกเสือที่ช่วยนําทางให้นายบอยซ์ในคร้ังน้ัน เพราะ
เขาไม่ได้บอกช่ือไว้ แต่คุณความดีของเขายังจารึกอยู่ในใจของลูกเสืออเมริกันหลาย
ล้านคน เพราะการกระทําความดีของเขาเพียงคร้ังเดียว ได้นํากิจการลูกเสือมาสู่
ประเทศสหรฐั อเมรกิ า
http://scoutingaround.com/boy_scouts/History/index.php.
http://en.wikipedia.org/wiki/Boy_Scouts_of_America


 



 

8.2 พอ่ ฉนั โงจ่ ริงๆ นทิ านอีสป

http://www.recordonline.com/apps/pbcs.dll/article?AID=/20110124/LIFE/101240306&
Template=photos

กาลคร้ังหน่ึงนานมาแล้ว ชายชราชาวจีนที่เมืองเสฉวนคนหนึ่ง ใช้ถัง
สองใบ หาบน้ําจากแม่นํ้ากลับมาใช้ท่ีบ้านทุกวัน ถังใบหนึ่งอยู่ในสภาพดี แต่อีกใบ
หน่ึงมีรูรั่วด้านข้าง เม่ือเขาตักนํ้าเต็มถังท้ังสองใบจากแม่นํ้า พอถึงบ้านนํ้าในถัง
ขา้ งหนงึ่ กจ็ ะเหลือเพยี งครง่ึ เดยี วเทา่ น้นั เขาทําเช่นนมี้ าเปน็ เวลากวา่ หนึง่ ปี

วันหนึ่ง ชายชราไมส่ บาย ลูกชายของเขาจึงมาหาบน้ําแทน เม่ือลูกชาย
หาบนา้ํ มาถงึ บา้ นจงึ พบว่ามนี ้ําในถังใบหน่ึงเหลอื เพยี งคร่งึ เดยี ว จงึ หาพบรอยร่วั

“พ่อน่ีโง่จริงๆ” ลูกชายพูดกับพ่อ “หาบน้ําถังรั่วมาต้ังปี เสียแรงไป
เปล่าๆ ลกู อายชาวบา้ นจัง ทมี่ ีพอ่ โงอ่ ยา่ งนี้”

“ลกู เอ๋ย” พอ่ ตอบ “ทาํ ไมพอ่ จะไม่รู้ วา่ ถงั รว่ั ”

“แต่ลูกสังเกตหรือเปล่าว่า ทางด้านซ้ายมือของทางที่ลูกหาบนํ้ามา มี
ดอกไม้ และต้นฟักทองออกลูกเต็มไปหมด แต่ทางด้านขวามือกลับไม่มีอะไรเลย
ทั้งนก้ี ็เพราะพ่อไดห้ ว่านเมล็ดฟกั เขยี วและดอกไม้ไว้ทางด้านซ้ายของทางที่หาบนํ้ามา


 


 

ดังน้ันพ่อจึงได้รดนํ้าต้นไม้เหล่าน้ันทุกวันตลอดหน่ึงปีที่ผ่านมา ทําให้เรามีดอกไม้
สวยๆ มาใส่แจกันในบ้าน และมีฟักทองเป็นอาหารประจําบ้านของเรายังไงเล่า
นอกจากนั้นพ่อยังได้เอาฟักทองไปแจกเพื่อนบ้านและเอาไปขายที่ตลาดได้เงินมา
ดว้ ย”

“ลูกรัก” พ่อพูดต่อไป “เคล็ดลับของชีวิตที่มีความสุข อยู่ที่การทํา
ความเข้าใจกับส่ิงต่างๆท่ีเกิดขึ้น รู้ว่าตัวเองเป็นใคร รู้ข้อดีและข้อบกพร่องของ
ตนเอง นําข้อดีและความสามารถของตนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ หลีกเลี่ยงหรือ
ป้องกนั ความเสยี หายทอี่ าจเกดิ ข้ึนจากข้อบกพรอ่ งของตนเอง”

“ในโลกนี้มีส่ิงบกพร่องเหมือนรอยร่ัวของถังน้ําน้ีอยู่ทั่วไป คนฉลาดจะ
นําเอาจุดบกพร่องมาใช้ประโยชน์ คนฉลาดจะรู้จักพลิกวิกฤตเป็นโอกาส อุปสรรค
ทาํ ให้ชีวิตมคี วามตืน่ เตน้ เหมอื นอาหารทม่ี ีรสเคม็ เผด็ หวาน ไม่จืดชดื ไมอ่ ร่อย”

“จงพอใจในส่ิงท่ีตนมี อย่าไปโลภอยากได้สิ่งที่ไม่มี อย่าไปอยากมี
อยากได้ให้เหมือนกับคนอ่ืนทม่ี ดี กี วา่ เรา เพราะคนเราทําบุญทํากรรมมาแต่ปางก่อน
ไมเ่ หมือนกัน ความโลภทําให้เกิดทกุ ข์ ความโลภทาํ ใหไ้ ม่มคี วามสขุ ”

“จงนําส่ิงที่มีอยู่มาใช้ให้หมดเสียก่อนท่ีจะไขว่คว้าหาสิ่งท่ีไม่มี จงหาสิ่ง
ที่ดีของตัวเองแล้วนําไปใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่า จงหาสิ่งท่ีดีของคนอื่นแล้วนํามาเป็น
ตัวอยา่ งหรอื นํามาใชใ้ ห้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและสังคม เหมือนกับที่พ่อใช้นํ้าที่ร่ัว
จากถงั ร่วั มารดน้าํ ผักและดอกไมน้ ่แี หละ”

เรียบเรียงจากเร่ือง Cracked Pot, Chinese Folktale

http://www.yoga24x7.org/turning-your-flaws-into-something-beautiful/


 



 

8.3 ความเพ้อฝันของหญงิ รดี นมวัว นทิ านอีสป

http://www.holyspiritinteractive.net/kids/aesopsfables/45.asp

กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว หญิงชาวบ้านฮอลันดาคนหนึ่ง หิ้วถังนมวัว
ท่ีเพิ่งรีดเสร็จไปขายในตลาด ระหว่างทางหญิงผู้น้ันได้นึกเพ้อฝันไปว่า "เม่ือขาย
นมวัวได้ ฉันจะนําเงินไปซ้ือลูกไก่มาเลี้ยงอีกไม่นานลูกไก่จะโตมาเป็นพ่อแม่ไก่
และออกไข่ทุกวัน เม่ือฟักไข่เป็นตัวแล้ว ฉันจะมีพ่อไก่แม่ไก่หลายสิบคู่ และออกไข่
มากมาย ฉันจะนาํ ไขไ่ กไ่ ปขาย แลว้ เอาเงินท่ีได้ไปซือ้ หมมู าเลี้ยง"

"อีกหลายเดือนต่อมา หมูกินข้าวกินรําจนอ้วนท้วนขายได้ราคา คราวนี้
ฉันจะนําเงินไปซ้ือแม่วัวมาเล้ียงเมื่อแม่วัวออกลูก ฉันจะนําไปขายในตลาดพร้อมกับ
แม่วัว แม่ไก่และไข่ของมัน ถึงตอนน้ันฉันคงจะมีเงินซ้ือเส้ือผ้าสวยๆ มาใส่ หนุ่มๆ
เห็นเข้าก็จะต้องตามจีบและขอแต่งงาน ในตอนแรกฉันจะเล่นตัว แกล้งโบกมือใส่
พวกเขา"

เม่ือหญิงสาว ยกมือข้ึนโบกเหนือหัว ถังนมท่ีถืออยู่ก็ตกลงสู่พ้ืน ทําให้ทั้ง
นม ไก่ ววั เส้ือตัวใหมแ่ ละชายหนุม่ ไดห้ ายไปพร้อมกับนมในหม้อจนหมดส้ิน

นทิ านเรอื่ งน้สี อนใหร้ วู้ า่ “ความเพ้อฝันท่ียง่ิ ใหญเ่ กนิ ไปอาจจะสลายไปได้”
http://en.wikipedia.org/wiki/The_milkmaid_and_her_pail


 



 

8.4 ควายป่าส่ตี ัวกับสิงโต นทิ านอสี ป

http://www.aesop.mozoho.com/the-four-oxen-and-the-lion/

กาลครงั้ หนึง่ นานมาแล้ว สิงโตตวั หน่งึ เข้าไปหากินในทงุ่ หญ้าที่มคี วายปา่
อย่สู ่ีตัว แต่ทุกคราวท่ีสงิ โตพยายามกระโดดตะครบุ เหย่ือ ควายปา่ ทง้ั สีจ่ ะหันหลงั ชน
กัน หันหัวทม่ี เี ขาแหลมออกขา้ งนอก ดังนน้ั ไมว่ ่าสิงโตจะเขา้ ไปทางไหน ก็จะถูก

ขวิดโดยเขาอนั แหลมคมของควายปา่ ตวั ใดตวั หนงึ่
ต่อมา ควายป่าทั้งสี่เกดิ ทะเลาะกนั เอง จึงแยกกันหากินตามลําพัง สิงโต
จงึ สามารถกระโดดเข้าขา้ งหลังกดั คอ ขับควายป่ากนิ ทีละตัวจนหมดทั้งส่ตี วั
นิทานเร่ืองน้ีสอนให้รู้ว่า “สามัคคีคือพลัง การแตกสามัคคีนําสู่ความ
พนิ าศ”
The Four Oxen and the Lion.
http://www.myfirstbrain.com/student_view.aspx?ID=56090


 



 

8.5 แมวกบั หมาจ้งิ จอก นิทานอีสป

http://en.wikipedia.org/wiki/The_Fox_and_the_Cat_(fable)#mediaviewer/
File:De_vulpe_et_cato.JPG ; http://mythfolklore.net/aesopica/milowinter/112.htm

กาลคร้ังหน่ึงนานมาแล้ว มีหมาจ้ิงจอกตัวหน่ึงเป็นเพื่อนกับแมว
ขณะทีไ่ ปเที่ยวจบั นกจบั หนดู ว้ ยกัน หมาจง้ิ จอกคุยให้แมวฟังว่า “ฉนั มีอุบายหลายอย่าง
ทเี่ ฉลียวฉลาดในการหลบหนีศัตรู ฉันมีเทคนิคเลห่ เ์ หลย่ี มหลายรอ้ ยวิธอี ยูเ่ ตม็ กระเป๋า”

แมวได้ฟังแล้วบอกว่า “แต่ฉันมีแค่วิธีเดียวเท่าน้ันโดยฉันมักจะหลบหนี
สําเร็จไดด้ ว้ ยวธิ นี ้นั ”

ต่อมาอีกไม่นาน ท้ังสองสัตว์ก็ได้ยินเสียงฝูงหมาล่าเนื้อกําลังตรงเข้ามา
แมวรีบวิ่งขึ้นไปหลบบนต้นไม้และซ่อนตัวอยู่ในกิ่งไม้ “หนีคือยอดกลยุทธ น่ีแหละ
คอื วธิ ีเดยี วของฉัน” แมวพดู “แล้วเพ่ือนหมาจ้งิ จอกจะหนียงั ไง?”

หมาจ้ิงจอก นําวิธีหลบหนีร้อยวิธีมาพิจารณา เริ่มด้วยวิธีแรกแต่ยังไม่
เหมาะสม จากนั้นก็คิดวิธีท่ีสองต่อมาขณะที่กําลังหาวิธีท่ีสามอยู่นั้น หมาล่าเนื้อก็ว่ิง
ใกลเ้ ข้ามา เจา้ หมาจ้งิ จอกสบั สนจนท้ายที่สุดมันก็ถูกนายพรานยิงตาย”

นทิ านเร่อื งน้สี อนให้รู้วา่ “บางทีวิธีง่ายๆ อาจไดร้ บั ผลดกี วา่ วธิ ีทย่ี ากซบั ซอ้ น”
The Cat and the Fox, Aesop Fable,
http://mythfolklore.net/aesopica/milowinter/112.htm


 

10 

 

8.6 พระภกิ ษุเมืองโกสมั พที ะเลาะกนั โกสมั พยิ ชาดก

ในสมัยพุทธกาล ท่ีเมืองโกสัมพี มีภิกษุสองรูป คือ พระวินัยธร กับพระ
ธรรมกถึก อยู่ในวัดเดียวกัน วันหนึ่งพระท้ังสองรูปทะเลาะกันด้วยเรื่องน้ําบ้วนปาก
ในส้วม ทําให้ศิษย์ของท้ังสองฝ่ายแยกเป็นสองพวกแล้วทะเลาะกันตามไป จนเกิด
ความโกลาหลวุน่ วายไปทง้ั เมือง

HTTPS://WWW.COLOMBOTELEGRAPH.COM/INDEX.PHP/VIDEO-BBS-GNANASARA-
ATTACKED-AT-SIRIKOTHA/COMMENT-PAGE-2/

ความทราบถึงพระพุทธเจ้าทรงส่งภิกษุไปขอให้ท้ังสองฝ่ายสามัคคีกัน
แต่ต่างฝ่ายก็ไม่ปรารถนาจะคืนดีกัน แม้พระพุทธเจ้าเสด็จไปตักเตือนด้วยพระองค์
เอง โดยทรงยกตัวอย่างเรื่องพระเจ้าพรหมทัต กับ ฑีฆาวุกุมาร ท่ีปล้นแว่นแคว้น
ชิงทรัพย์สมบัติกันถึงชีวิต ยังคืนดีกันได้หลังจากเป็นศัตรูกันมานาน ทําไมภิกษุ
ที่ทะเลาะกันจงึ ไม่ยอมคืนดสี ามคั คกี นั แต่ภกิ ษทุ ้ังสองฝา่ ยกย็ ังไมย่ อมปรองดอง

จึงทรงดําริว่า พวกที่ทะเลาะกันนี้ถูกกิเลสสิ่งมัวหมองหุ้มห่อ ผูกความ
โกรธไว้อย่างแน่นหนา ยากท่ีจะรู้สํานึกระงับได้ ไม่รู้สึกว่าตนเป็นคนพาลโดยมีสติ
หลงลืมสําคัญว่าตนเป็นบัณฑิตทั้งนั้น จึงเสด็จออกจากเมืองโกสัมพีไปเมืองสาวัตถี
แล้วไม่เสด็จไปเมืองโกสัมพีอีกเลย ชาวเมืองโกสัมพี จึงลงฑัณฑกรรม ไม่ถวาย

10 
 

11 
 

บิณฑบาต ไม่กราบไหว้ พระสงฆ์ที่ทะเลาะกัน จนพระสงฆ์ที่ทะเลาะกันท้ังสองฝ่าย
รสู้ กึ ตวั เดินทางไปขอขมาพระพทุ ธเจา้ ทเี่ มืองสาวตั ถี
เคา้ โครงจาก โกสมั พยิ ชาดก
HTTP://TIPITAKA.WIKIA.COM/WIKI/KOSAMB%C4%AB-%C4%81TAKA

11 
 


Click to View FlipBook Version