The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

งานชิ้นที่ 1 สันติธรรม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ebookrayong, 2021-01-21 06:16:45

งานชิ้นที่ 1 สันติธรรม

งานชิ้นที่ 1 สันติธรรม

Keywords: แผนการจัดการเรียนรู้



คำนำ

แผนการจัดการเรียนรู้ เป็นเครื่องมือสําคัญสําหรับครูท่ีจะทําให้การจัดการเรียนรู้
บรรลุเป้าหมายที่ต้องการ เป็นการวางแผนไว้ล่วงหน้าโดยศึกษาในเร่ือง สาระพระราชบัญญัติ
การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๔๕) หมวด 3 ระบบการศึกษา และ
หมวด 4 แนวการจัดการศึกษาทุก มาตรากรอบของการจัดการศึกษาตามหลักสูตรการศึกษานอก
ระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เอกสารเก่ียวกบการประกันคุณภาพการศึกษา
โดยจดั กระบวนการเรียนรู้ให้สอดคลอ้ งกับมาตรฐาน เอกสารเกย่ี วกับเนือ้ หาในรายวิชาทจี่ ัดการเรียนรู้
และศึกษาหาข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ วิธีการจัดการ เรียนรู้แบบต่าง ๆ ซึ่งเน้นผู้เรียนเป็นสําคัญ
และรูปแบบการเรียนรู้โดยกําหนดให้ใช้รูปแบบการจัด กระบวนการเรียนรู้ กศน. (ONIE MODEL)
ซ่ึงมี 4 ข้ันตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1 การกําหนดสภาพ ปัญหา ความต้องการในการเรียนรู้
(O : Orientation) ขั้นตอนท่ี 2 การแสวงหาข้อมูลและจัดการเรียนรู้(N : New ways of learning)
ขั้นตอนที่ 3 การปฏิบัติและนําไปประยุกต์ใช้(I : Implementation) ข้ันตอนที่ 4 การประเมินผล
(E : Evaluation) แผนการจัดการเรยี นรู้ จะทําใหค้ รูได้คู่มอื การจัดการเรียนรู้ ทําให้ดาํ เนินการจดั การ
เรียนรู้ ได้ครบถ้วนตรงตามหลกั สูตรและจัดการเรียนรูไ้ ด้ตรงเวลา ในการจัดทําแผนการจัดการเรียนรู้
ดังกล่าว สําเร็จลงได้ด้วยความร่วมมือจาก ผู้อํานวยการ กศน.อําเภอบ้านฉาง ข้าราชการครู
ครูอาสาสมัครฯ ครู กศน.ตําบลและครูประจําศูนย์การเรียนชุมชน ท่ีได้เสนอแนะความคิดเห็นอัน
เป็นประโยชน์ย่ิงต่อการพฒั นาเป็นแผนการจัดการเรียนรู้ ขอขอบคุณในความรว่ มมอื มาในโอกาสนี้

กศน.อาํ เภอบา้ นฉาง
วันที่ 6 ธนั วาคม 2563



สำรบญั

หนำ้
คํานํา ก
สารบญั ข

แผนการจดั การเรียนรู้ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ..............................................................1

หน่วยท่ี 1 การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง ................................................................................................... 1
1. มาตรฐานการเรียนรู้ ............................................................................................................. 1
2. เนอ้ื หาตามหลกั สูตร.............................................................................................................. 1
3. ผลการเรยี นรู้ที่คาดหวัง (ตัวช้ีวัด........................................................................................... 1
4. กระบวนการจดั การเรยี นรู้และกจิ กรรมเพ่ิมเติม.................................................................... 2
5. สือ่ /แหล่งเรียนรู้ .................................................................................................................. 3
6. การวัดผลและประเมินผล.................................................................................................... 4
แบบทดสอบก่อน/หลงั เรยี น เร่ือง การเรียนรูด้ ้วยตนเอง....................................................... 5
เฉลยแบบทดสอบก่อน/หลงั เรยี น การเรียนรดู้ ้วยตนเอง ....................................................... 6
ใบงานที่ 1 เรื่องการเรียนรดู้ ้วยตนเอง................................................................................... 7
ใบความรทู้ ่ี 1 เร่ืองการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง............................................................................. 10
ใบความรู้เรียนรู้ดว้ ยตนเอง เรือ่ งความเป็นมาของปรชั ญาคิดเป็น........................................ 13

1

แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ ภำคเรียนท่ี 2 ปกี ำรศกึ ษำ 2563

สัปดำห์ที่ 1 วนั ท่ี 6 เดอื น ธันวำคม พ.ศ. 2563 เวลำ 09.00 น. ถึง 12.00 น.
วชิ ำทกั ษะกำรเรียนรู้ รหสั รำยวิชำ ทร 21001 ระดับมัธยมศึกษำตอนต้น จำนวน 5 หนว่ ยกิต
หน่วยท่ี 1 กำรเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง

1. มำตรฐำนกำรเรียนรู้
มาตรฐานที่ 1.1 มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะ และเจตคติที่ดตี อ่ การเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง

2. เนื้อหำตำมหลกั สตู ร
การเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง ทบทวน ความหมาย ความสําคญั และกระบวนการของการเรียนรูด้ ้วย

ตนเอง ทบทวนทักษะพื้นฐานทางการศึกษาหาความรู้ ทักษะการแก้ปัญหาและเทคนิคในการเรียนรู้
ด้วยตนเอง ด้านการอ่าน การฟัง การสังเกต การจํา และการจดบันทึก ฝึกทักษะการวางแผนการ
เรียนรู้ และการประเมินผลการเรียนรู้ด้วยตนเอง ทักษะพื้นฐานและเทคนิคในการเรียนรู้ด้วยตนเอง
ในเรื่องการวางแผน การประเมินผลการเรียนรู้ด้วยตนเอง และการวิเคราะห์วิจารณ์

เจตคติ/ปัจจยั ทีท่ ําให้การเรียนรดู้ ้วยตนเองประสบความสําเร็จ การเปิดรบั โอกาสการเรียนรู้
การคดิ ริเรมิ่ และเรยี นรู้ด้วยตนเอง การสรา้ งแรงจูงใจ การสรา้ งวินัยในตนเอง การคดิ เชิงบวก ความคิด
สร้างสรรค์ การใฝร่ ใู้ ฝ่เรียน และความรบั ผดิ ชอบ

3. ผลการเรียนรทู้ ีค่ าดหวงั (ตัวช้ีวัด)
1. บอกความหมาย ตระหนักและเห็นความสําคญั ของการเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง
2. มีทักษะพื้นฐานทางการศึกษาหาความรู้ ทักษะการแก้ปัญหา และเทคนคิ ในการเรยี นรู้
ด้วยตนเอง
3. อธบิ ายปจั จัยท่ีทาํ ใหก้ ารเรียนร้ดู ว้ ยตนเองประสบความสาํ เร็จ
4. สามารถวางแผนการเรียนรูแ้ ละการประเมินผลการเรียนรดู้ ว้ ยตนเองได้

2

4. กระบวนกำรจดั กำรเรียนร้แู ละกจิ กรรมเพ่มิ เติม

ขน้ั นำ
ชแ้ี จงจุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. สามารถวิเคราะหค์ วามร้จู าก การอ่าน การฟัง การสังเกต และสรุปไดถ้ ูกต้อง
2. สามารถจดั ระบบการแสวงหาความร้ใู หก้ บั ตนเอง
3. ปฏบิ ัติตามขั้นตอนในการแสวงหาความรเู้ กย่ี วกับทักษะการอา่ น ทักษะการฟัง

และทักษะการจดบันทึก
4. ทักทายผเู้ รียน / พูดคยุ เกีย่ วกบั เรื่องแหล่งเรยี นรู้ในชมุ ชนดา้ นเศรษฐกิจพอเพยี ง

และผ้เู รยี นไดท้ ําอะไรบ้างที่เก่ียวกบั เศรษฐกจิ พอเพยี งในการดาํ รงชีวติ ประจาํ วัน
5. ครูบอก หัวข้อการเรียนรู้ / ประเด็นของการเรียนรู้
6. ครสู ุ่มนกั ศึกษาเป็นรายบุคคล ให้ตอบคําถามเกยี่ วกับภมู ปิ ัญญาทอ้ งถ่ินด้านต่างๆ

ทม่ี อี ยู่ในชมุ ชนที่ตนอาศัยอยูซ่ ่ึงใชอ้ งคป์ ระกอบหลายๆส่วน
7. ผเู้ รยี นทาํ แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
8. ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี นเพ่อื นาํ ผลการทดสอบไปใชใ้ นการจัดกระบวนการเรยี น

ขั้นสอน / กำรเรยี นรดู้ ้วยตนเอง
9. ให้ครูผู้สอนแบง่ ผเู้ รียนออกเป็น 5 กลุ่มเทา่ กนั แบง่ หวั ข้อดังต่อไปนี้

- ให้ผเู้ รยี นยกตัวอย่างถงึ แหล่งเรียนรู้ด้านเศรษฐกจิ พอเพียงในชมุ ชนที่ตนอาศัยอยู่
มาอยา่ งน้อย 5 คน อธิบายประวตั ิสว่ นตวั ผลงานทป่ี ระสพผลสําเรจ็
แนวทางการพฒั นาอาชพี สรปุ ขอ้ มูลท่ีไดม้ าจดั ทําแผนการสํารวจข้อมูล
แหลง่ เรยี นรใู้ นชมุ ชน
- ให้ผเู้ รียนยกตวั อยา่ งถงึ แหล่งเรยี นรดู้ า้ นศิลปวฒั นธรรมในชุมชนที่ตนอาศยั อยู่
มาอย่างน้อย 5 คน อธิบายประวัตสิ ว่ นตวั ผลงานที่ประสพผลสาํ เรจ็
แนวทางการพัฒนาอาชีพ สรปุ ข้อมลู ท่ีไดม้ าจดั ทําแผนการสํารวจข้อมลู
แหล่งเรยี นรใู้ นชุมชน
- ใหผ้ ้เู รียนยกตวั อยา่ งถงึ แหลง่ เรยี นรู้ดา้ นการประกอบอาชพี ในชมุ ชนท่ตี น
อาศัยอยู่มา อย่างน้อย 5 คน อธบิ ายประวัตสิ ว่ นตัว ผลงานทปี่ ระสพผลสาํ เร็จ
แนวทางการพฒั นาอาชพี สรปุ ข้อมลู ที่ได้มาจดั ทําแผนการสํารวจข้อมลู
แหลง่ เรยี นรู้ในชุมชน

3

- ให้ผเู้ รยี นยกตวั อย่างแหล่งเรียนร้ดู ้านการท่องเท่ยี วและประวตั ศิ าสตรใ์ นชมุ ชน
ท่ตี นอาศัยอย่มู าอย่างน้อย 5 จดุ ศึกษาประวตั ิความเปน็ มา จดุ เด่น แนวทาง
การพัฒนา จดบันทึก ข้อมูลที่ได้มาจัดทาํ แผนการสาํ รวจข้อมลู แหล่งเรยี นรู้
ในชุมชน

- ใหผ้ ู้เรียนยกตัวอย่างบุคคลท่ีประสพผลสาํ เร็จในการดําเนนิ ชีวติ ในชุมชนท่ี
ตนอาศัยอยมู่ าอย่างน้อย 5 คน อธิบายประวัตสิ ่วนตวั ผลงานทป่ี ระสพผลสาํ เร็จ
แนวทางการพฒั นาตนเอง จดบนั ทึกข้อมลู ท่ีได้มาจดั ทําแผนการสาํ รวจขอ้ มูล
แหลง่ เรยี นรใู้ นชมุ ชน

- ให้ผเู้ รียนนาํ ขอ้ มูลทไ่ี ด้มานําเสนอแลกเปลย่ี นเรียนรู้รว่ มกันในห้องเรยี น
กําหนดเวลาให้กลมุ่ ชว่ ยกันศกึ ษาคัดเลือกและเตรียมการนําเสนอผลงาน
กลุ่มละ 10 นาท/ี ชม.

ขัน้ สรุป
10.ครูและผเู้ รยี นรว่ มกนั สรปุ องคค์ วามรู้ โดยเช่ือมโยงจากแบบเรยี น ใบความรู้และ

แหล่งเรยี นรู้ ส่อื Internet ตา่ ง ๆ ในการศกึ ษาหาข้อมลู
11.ใหผ้ ู้เรียนแตล่ ะคนสรุปความรใู้ นเรือ่ งทีเ่ รยี นรู้จากการศกึ ษาค้นคว้ารายกลุ่มและจาก
การนําเสนอผลงานของแต่ละกล่มุ เขียนลงในใบงานตามประเดน็ ท่ีกําหนดพร้อมเปิดโอกาสให้ซกั ถาม
ในเรอื่ งที่ยังไม่เขา้ ใจหรือสนใจ

งำนทมี่ อบหมำย
ให้ผู้เรียนแต่ละกลมุ่ ไปศึกษาแหล่งเรยี นรู้ท่นี ําเสนอในการพบกลุ่ม
จาํ นวนอย่างน้อย 5 แหลง่ เรยี นรู้ นาํ ข้อมูลท่ีไดม้ าทําใบประชาสมั พันธ์
แหล่งเรยี นรู้ในชุมชน ส่งครูผู้สอน แจกใหเ้ พื่อนในชัน้ เรียน

5. สือ่ /แหลง่ เรียนรู้

1. ใบความรู้ เร่ืองการเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง
2. หนังสอื เรียน กศน.เรื่องทักษะการเรยี นรู้
3. สื่อ Internet เร่อื ง การเรียนรู้มีความจําเปน็ อยา่ งมากในการดํารงชวี ติ
4. หอ้ งสมุดประชาชนอาํ เภอบ้านฉาง
5. แหล่งเรียนร/ู้ ภมู ิปัญญาท้องถิ่น ในพ้ืนทท่ี ี่อาศัยอยู่

4

6. กำรวดั ผลและประเมินผล เคร่อื งมือการ เกณฑ์การประเมนิ ผล
การวดั ผลตามผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวงั วดั ผล
ผา่ นการตอบคําถามได้
ความรู้ (Knowledge) แบบทดสอบ รอ้ ยละ 60 ข้นึ ไป
บอกความหมาย ตระหนกั และเห็น
ความสําคัญของการเรยี นรดู้ ้วยตนเอง

ทักษะ (Skill) ใบงานรายงาน ผู้เรยี นจับประเดน็ สาํ คญั จด
ทักษะพน้ื ฐานทางการศึกษาหาความรู้ แหลง่ เรยี นรูใ้ น บนั ทกึ จากเร่ืองท่ีฟัง ร้อยละ 80
ทักษะการแกป้ ญั หา และเทคนิคในการ ชุมชน ขึ้นไป มีเทคนิคในการจดบนั ทึก
เรียนรู้ดว้ ยตนเอง จากเร่อื งทฟี่ ังได้
เจตคติ (Attitude) การมีสว่ นร่วมใน ผู้เรยี นรอ้ ยละ 80 ขนึ้ ไป
มคี วามร้สู ึก เจตคติทดี่ ีต่อ ปจั จยั ทท่ี ําให้ การอธิบายความ มีสว่ นร่วมในการแสดง
การเรยี นร้ดู ้วยตนเองประสบความสาํ เรจ็ คดิ เห็น ความคดิ เห็นได้อย่างสร้างสรรค์
และวางแผนการเรยี นรู้และการ
ประเมนิ ผลการเรียนรดู้ ้วยตนเอง

..................................................ผสู้ อน
(…………………………………………)
วันที่......... เดอื น....................... พ.ศ..............
ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผบู้ รหิ าร
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................

ลงชอื่ ..........................................................ผอู้ ํานวยการ กศน.อําเภอ
(……………………………………….)

วันท่ี ........เดอื น……………......พ.ศ……………....

5

แบบทดสอบกอ่ น/หลงั เรียน เรือ่ ง การเรียนร้ดู ้วยตนเอง

1.การเรยี นรดู้ ้วยตนเอง คอื
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
2. การเรยี นร้ดู ้วยตนเองมีกล่ี ักษณะ อะไรบ้าง
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
3. องคป์ ระกอบของการเรยี นรดู้ ้วยตนเองมีอะไรบา้ ง
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
4. การประเมนิ โดยใช้แฟม้ สะสมงานคือ
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
5. การพดู เป็นทักษะทจ่ี ําเปน็ ในการเรียนรู้ดว้ ยตนเองอย่างไร
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................

6

เฉลยแบบทดสอบก่อน/หลงั เรียน การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง
1.การเรยี นรู้ด้วยตนเอง คอื

ตอบ เป็นการเรยี นรูด้ ้วยความตงั้ ใจของผเู้ รียน ซ่ึงมคี วามปรารถนาจะรู้ในเรอื่ งนั้น ผ้เู รียนจงึ คิด
หาวธิ ีการเรียนด้วยวิธกี ารต่าง ๆ หลังจากน้ันจะมีการประเมินผลการเรยี นรดู้ ้วยตนเองจะ
เป็นรูปแบบการเรียนรทู้ ี่ทวีความสาํ คัญในโลกยคุ โลกาภวิ ัตน์ บคุ คลซึง่ สามารถปรับตนเอง
ให้ตามทันความกา้ วหนา้ ของโลกโดยใช้สอ่ื อุปกรณ์ยุคใหม่ไดจ้ ะทาํ ให้เปน็ คนที่มีคณุ ค่าและ
ประสบความสําเรจ็ ไดอ้ ย่างดี

2. การเรียนรู้ดว้ ยตนเองมีกีล่ ักษณะ อะไรบ้าง
ตอบ การเรยี นรู้ด้วยตนเองมี 2 ลกั ษณะ คือ
1.ลกั ษณะที่เป็นคุณลักษณะสว่ นบุคคลของผ้เู รยี นในการเรียนรู้ด้วยตนเอง
2.ลกั ษณะท่ีเป็นการจัดการเรียนรู้ใหผ้ ูเ้ รียนไดเ้ รยี นดว้ ยตนเอง

3. องคป์ ระกอบของการเรยี นร้ดู ว้ ยตนเองมีอะไรบ้าง
ตอบ 1. การวิเคราะหค์ วามตอ้ งการของตนเอง
2. การกําหนดจุดมงุ่ หมายในการเรยี น
3. การวางแผนการเรียน
4. การแสวงหาแหล่งวทิ ยาการทั้งทเี่ ป็นวสั ดแุ ละบุคคล
5. การประเมนิ ผล

4. การประเมินโดยใช้แฟม้ สะสมงานคอื
ตอบ เป็นวิธีการประเมนิ ผลการเรยี นรตู้ ามสภาพจริง ซ่ึงเปน็ วิธีการทีค่ รูได้นําวิธีการมาจากศิลปิน
(Artist) มาใช้ในทางการศึกษา เพือ่ การประเมนิ ความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของผเู้ รียน

5. การพูดเป็นทักษะทจ่ี ําเป็นในการเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างไร
ตอบ การพดู เป็นพฤติกรรมการสื่อสารที่ใช้กนั แพร่หลายทั่วไป ผู้พดู สามารถใชท้ ง้ั วจนภาษา
และอวัจนภาษาในการส่งสารตดิ ตอ่ ไปยงั ผู้ฟังได้ชดั เจนและรวดเร็ว การพดู หมายถึง
การสอื่ ความหมายของมนุษย์โดยการใชเ้ สียงและกริ ยิ าท่าทางเป็นเครอื่ งถา่ ยทอดความรู้
ความคิด และความรู้สกึ จากผู้พดู ไปสู่ผู้ฟัง

7

ใบงำนที่ 1 เร่ืองกำรเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง

วชิ ำทักษะกำรเรียนรู้ ทร21001
ระดบั มธั ยมศกึ ษำตอนต้น

ให้ผู้เรียนตอบคําถามต่อไปน้ี พร้อมอธิบายมาพอสงั เขป
1. ใหอ้ ธิบายเกี่ยวกับการเรยี นร้ดู ้วยตนเอง คืออะไร
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
2. การเรียนร้ดู ว้ ยตนเองมีกี่ลักษณะ จงอธิบาย
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
3. การเรียนรดู้ ้วยตนเองมีความสําคัญอย่างไร
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................

8

4. องค์ประกอบของการเรยี นรู้ดว้ ยตนเองมีอะไรบ้าง
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
5. ใหผ้ ูเ้ รียนสรปุ บทบาทของผู้เรียนในการเรียนรดู้ ้วยตนเอง มาพอสังเขป
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
6. ให้ผู้เรียนสรุปบทบาทของครใู นการเรยี นรูด้ ้วยตนเอง มาพอสงั เขป
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................

7. ใหผ้ ู้เรยี นวเิ คราะห์ตนเองเก่ยี วกับหัวขอ้ ต่อไปนี้ ตามความคดิ เห็นของตนเอง
1. ความเหน็ ของผ้เู รียนในเร่อื งความหมายของความขยัน คอื

......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................

2. บุคคลทปี่ ระสบผลสาํ เร็จในชีวติ เพราะความขยันหมัน่ เพียรทผี่ เู้ รียนประทบั ใจมากที่สุดคอื ใคร
เพราะเหตุใด
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................

9

3. ความขยนั หมน่ั เพียรมีคณุ ค่าและประโยชน์ต่อการศึกษาเลา่ เรยี น คือ
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................

4. ความขยันหมั่นเพียรมีคุณค่าและประโยชน์ต่ออาชีพการงาน คือ
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................

5. ความขยนั หมนั่ เพียรมีคุณคา่ และประโยชน์ตอ่ สงั คม และประเทศชาติ คือ
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................

6. ผลเสยี ทเี่ กดิ จากความเกียจครา้ น คือ
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................

10

ใบความรู้ท่ี 1 เร่ืองการเรียนรู้ด้วยตนเอง

กำรเรยี นรมู้ ีควำมจำเปน็ อย่ำงมำกในกำรดำรงชวี ิต

การเรยี นรดู้ ้วยตนเอง (Self-directed learning)
ในสังคมแห่งการเปลี่ยนแปลงท่ีท่ัวโลกเต็มไปด้วยข่าวสารและข้อมูลต่างๆ ท่ีล้วน

ส่งผลกระทบต่อการดําเนินชีวิตและการตัดสินใจของผู้คนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้ท่ีสามารถเข้าถึงและ
มคี วามแมน่ ตรงของข่าวสารและข้อมลู มากกว่า ยอ่ มตัดสินใจในสง่ิ ต่างๆ ได้อย่างเหมาะสมและถกู ต้อง
การรบั รูข้ า่ วสารและข้อมูลเหลา่ น้ีเก่ียวข้องโดยตรงกับการเรียนรตู้ ลอดชีวิตบน พ้ืนฐานของการเรียนรู้
ด้วยตนเอง

การเรียนรู้ด้วยตนเอง มีแนวคิดพื้นฐานมาจากทฤษฎีกลุ่มมานุษยนิยม
(Humanism) ซึ่งมีความเชื่อเร่ืองความเปน็ อสิ ระ และความเปน็ ตวั ของตวั เองของมนษุ ย์ ดงั ท่ีมีผกู้ ลา่ ว
ไว้ว่ามนุษย์ทุกคนเกิดมาพร้อมกับความดี มีความเป็นอิสระ เป็นตัวของตัวเอง สามารถหาทางเลือก
ของตนเอง มีศักยภาพและพัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างไม่มีขีดจํากัด มคี วามรบั ผิดชอบต่อตนเอง
และต่อผู้อ่ืน ซ่ึงเป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับนักจิตวิทยามานุษยนิยม (Humanistic Psychology)
ท่ีให้ความสําคัญในฐานะที่ผู้เรียนเป็นปัจเจกบุคคล และมีแนวคิดว่า มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพและ
มีความโน้มเอียงที่จะใส่ใจ ใฝ่รู้ ขวนขวายเรียนรู้ด้วยตนเอง มนุษย์สามารถรับผิดชอบพฤติกรรมของ
ตนเองและถอื วา่ ตนเองเป็นคนท่มี คี ่า
การเรยี นรู้ด้วยตนเอง มีกระบวนการ ดังต่อไปนี้
การประเมนิ ความต้องการของตนเอง (Assessing Needs)
การกําหนดจดุ มุ่งหมาย (Setting goals)
การกําหนดส่ิงที่ต้องการเรียนรู้ (Specifying learning content) โดยกําหนดระดับความยากง่าย
ชนิดของสิ่งท่ีต้องการเรียน พิจารณาเก่ียวกับค่าใช้จ่ายท่ีต้องใช้ในการเรียน ความต้องการ
ความช่วยเหลือ แหล่งทรัพยากร ประสบการณ์ ที่จําเป็นในการเรียนการจัดการในการเรียน
โดยกําหนดปริมาณเวลาท่ีต้องการให้อาจารย์สอน ปริมาณเวลาที่ต้องการให้มีปฏิสัมพันธ์ระหว่าง
อาจารย์กับผู้เรียน ปริมาณเวลาท่ีต้องการให้มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับผู้เรียน ปริมาณเวลา
ท่ีต้องการให้กับกิจกรรมการเรียนด้วยตนเองของแต่ละคน โดยกําหนดกิจกรรมการเรียน
ตามประสบการณ์ท่ผี า่ นมา พรอ้ มทั้งกําหนดว่ากจิ กรรมควรสิน้ สุดเมือ่ ใด

การเลือกวิธกี ารเรียนและส่ือการเรียนการสอน อุปกรณ์การสอน เทคนิคการสอน ทรพั ยากร
การเรียนรู้ที่ต้องใช้ การกําหนดวิธีการควบคุมสิ่งแวดล้อมในการเรียนรู้ ท้ังสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ
และทางด้านอารมณ์การกําหนดวิธีการตรวจสอบตนเอง โดยกําหนดวิธีการรายงาน/บันทึกการ
สะทอ้ นตนเอง จะใช้ reflective practitioner techniques แบบไหน การใหโ้ อกาสไดฝ้ ึกตัดสินใจ

11

การแก้ปัญหา และการกําหนดนโยบาย การเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถ clarify
ideas ให้ชัดเจนขึ้น การกําหนดขอบเขตบทบาทของผูช้ ่วยเหลอื การกาํ หนดวิธกี ารประเมนิ ผล
การเรยี นโดยเลือกประเภทของการทดสอบ ลักษณะของการ Feedback ที่จะใช้ วธิ ีการประเมนิ
ความถกู ต้องของผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนและการตดิ ตามประเมินผล

รปู แบบการเรียนรู้ด้วยตนเอง
การทําสมดุ บันทึกส่วนตัว เพื่อใช้บันทกึ ขอ้ มลู ความคิดเร่ืองราวต่างๆ ท่เี ราได้เรียนรู้

หรือเกิดข้ึนในสมองของเรา สมุดน้ี จะช่วยเก็บสะสมความคิดทีละน้อยเข้าไว้ด้วยกันเพื่อเป็นแนวทาง
ในการศึกษาเพ่ิมเติมให้กว้างไกลออกไป การกําหนดโครงการเรียนรู้รายบุคคล ท่ีมีการวางแผนไว้
ล่วงหนา้ ว่าจะเรียนรู้อยา่ งไร โดยพจิ ารณาว่าความรู้ท่ีเราจะแสวงหานน้ั ช่วยใหเ้ ราถงึ จุดประสงคท์ ่ตี ้งั ไว้
หรือไม่ ทําให้เกิดความพึงพอใจ ความสนุกสนานที่จะเรียนหรือไม่ ประหยัดเงินและเวลามากน้อย
เพียงใด

การทําสัญญาการเรียน เป็นข้อตกลงระหว่างผูส้ อนกบั ผเู้ รยี น โดยอยู่บนพ้ืนฐาน
ความต้องการของผู้เรียนทสี่ อดคล้องกบั เป้าหมายและหลกั การของสถาบนั การศึกษา โดยกําหนด
กจิ กรรมการเรียนทีเ่ หมาะสม

การสร้างหอ้ งสมดุ ของตนเอง หมายถึงการรวบรวมรายชื่อ ข้อมลู แหล่งความรู้ต่างๆ
ที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ตรงกับความสนใจเพ่ือใช้ในการศึกษาค้นคว้าต่อไป การหาแหล่งความรู้ใน
ชุมชน เช่นผู้รู้ ผู้ชํานาญในอาชีพต่างๆ ห้องสมุด สมาคม สถานท่ีราชการ ฯลฯ ซึ่งแหล่งความรู้
เหล่านี้จะเป็นแหล่งสําคัญในการค้นคว้า การหาเพ่ือนร่วมเรียน เพ่ือแลกเปลยี่ นความรู้กัน การเรียนรู้
จากการฝึกและปฏบิ ัติ ซึง่ จะกอ่ ใหเ้ กดิ ความรูแ้ ละประสบการณ์ท่ีเปน็ ประโยชน์
ลักษณะของผู้ท่ีมีการเรียนรูด้ ้วยตนเอง

มีความสมัครใจท่ีจะเรียนรู้ด้วยตนเอง (Voluntarily to Learn) มิได้เกิดจากการ
บังคับ แต่มีเจตนาท่ีจะเรียนด้วยความอยากรู้ ใช้ตนเองเป็นแหล่งข้อมูลของตนเอง ( Self
Resourceful) น่ันคอื ผ้เู รียนสามารถบอกได้วา่ สงิ่ ท่ตี นจะเรียนคืออะไร รวู้ า่ ทักษะและข้อมูลท่ีตอ้ งการ
หรือจําเป็นต้องใช้มีอะไรบ้าง สามารถกําหนดเป้าหมาย วิธีการรวบรวมข้อมูลท่ีต้องการ และวิธีการ
ประเมินผลการเรียนรู้ ผู้เรียนต้องเป็นผู้จัดการการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ด้วยตนเอง (Manage of
Change) ผู้เรียนมีความตระหนักในความสามารถ สามารถตัดสนิ ใจได้ มีการรับผดิ ชอบต่อหน้าที่และ
บทบาทในการเป็นผ้เู รียนรู้ทดี่ ี รู้ "วิธีการทจ่ี ะเรยี น" (Know how to Learn) นน่ั คอื ผเู้ รียนควรทราบ
ข้ันตอนการเรียนรู้ของตนเอง รู้ว่าเขาจะไปสู่จุดที่ทาํ ให้เกิดการเรียนรู้ได้อยา่ งไร มีบุคลิกภาพเชิงบวก
มีแรงจูงใจ และการเรียนแบบร่วมมือกับเพื่อนหรือบุคคลอ่ืน ตลอดจนการให้ข้อมูล (ปฐมนิเทศ)
ในเชิงบวกเกี่ยวกับส่ิงแวดล้อมในการเรียน(Charismatic Organizational Player)มีระบบการเรียน

12

และการประยุกต์การเรียนและมีการช่ืนชมและสนุกสนานกับกระบวนการเรียน (Responsible
Consumption) มีการเรียนจากข้อผิดพลาดและความสําเร็จ การประเมินตนเองและความเข้าใจถึง
ศักยภาพของตน มีความพยายามในการหาวิธีการใหม่ๆ ในการหาคําตอบ การประยุกต์ความรู้ท่ีได้
จากการเรียนไปใช้กับสถานการณ์ของแต่ละบุคคล การหาโอกาสในการพัฒนา และค้นหาข้อมูลเพื่อ
แก้ปัญหา(Seeking and Applying) มีการช้ีแนะ การอภิปรายในห้องเรียน การแสดงความคิดเห็น
ส่วนตัวและการพยายามมีความเห็นทแ่ี ตกต่างไปจากผู้สอน มกี ารรวบรวมขอ้ มลู จากการได้ปฎิสมั พนั ธ์
กับบุคคลและมีวิธกี ารนําขอ้ มลู ท่ีไดไ้ ปใช้ (Information Gathering)

สงิ่ ท่เี ปน็ ตวั กําหนดศักยภาพของการเรียนแบบ Self-Directed Learning คอื
ความสามารถและความตั้งใจของบุคคล นั่นคอื ผ้เู รยี นมที างเลอื กเกยี่ วกบั ทิศทางทตี่ ้องการไป แต่ส่ิงที่
จะตอ้ งมคี วบคู่กนั ไปดว้ ยคือ ความรับผิดชอบและการยอมรบั ต่อส่งิ ท่ีจะตามมา จากความคดิ และการ
กระทาํ ของตนเอง

ผู้เรยี นแบบ Self-Directed จะประสบความสําเร็จได้มักจะมลี กั ษณะท่ีมี Self-
concept ทางบวก พรอ้ มท่จี ะเรยี นแบบ self-direction มีประสบการณ์ และมี styles การเรียนเปน็
ของตนเอง โดยการเรียนแบบนีจ้ ะเนน้ ท่ลี ักษณะของผเู้ รียน (ปจั จัยภายใน) ทีจ่ ะชว่ ยสร้างใหผ้ ู้เรียน
ยอมรบั ความรับผดิ ชอบต่อความคดิ และกระทาํ ของตน และจะให้ความสาํ คญั กับปจั จัยภายนอกที่ชว่ ย
ให้ผู้เรยี นสามารถรับผดิ ชอบต่อการเรยี นได้ ปัจจยั ท้งั ภายในและภายนอกนี้ จะสามารถเห็นได้จาก
ความตอ่ เนื่องในการเรยี นรู้และสถานการณก์ ารเรียนทเ่ี หมาะสม

ขณะท่ีลักษณะบคุ ลิกของบคุ คล การสอน กระบวนการเรยี นรู้ เปน็ จุดเร่มิ ต้นของการ
ทําความเข้าใจน้ัน การเรยี นแบบ Self-Directed บริบททางสังคมจะเป็นตัวกําหนดกิจกรรมการเรียน
หรือผลท่ีจะได้ เพ่ือจะเข้าใจกิจกรรมการเรียนแบบ Self-Directed อย่างแท้จริง ทั้งน้ีเราจะต้อง
ตระหนักถึง ปฏิสมั พันธ์ระหว่างผู้เรยี น ผู้สอน แหล่งทรพั ยากร และมติ ทิ างสงั คมดว้ ย

นอกจากน้ี Hiemstra ผู้ศึกษาถึงการเรียนรู้ด้วยตนเองมานานหลายทศวรรษ ได้ให้
ข้อคิดเห็นว่า ควรมีการทํางานวิจัยเพ่ือศึกษาหารูปแบบของการเรียนรู้ด้วยตนเองให้ละเอียดย่ิงขึ้น
หาวิธีในการนํา และหาวิธีการวัดคุณภาพของการเรียนด้วยวิธีนี้ให้ชัดเจนขึ้น และศึกษาว่าควรจะ
กําหนดบทบาทของผู้สอนและหนว่ ยงานทร่ี ับผดิ ชอบอย่างไร

13

ใบความรู้เรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง เรื่องความเป็นมาของปรชั ญาคิดเป็น

คิดเป็น (khit pen)เปน็ ปรัชญาพน้ื ฐานของการศึกษานอกโรงเรียนเปน็ กระบวน
การคดิ ทเ่ี กดิ ขึน้ จากหลักการและแนวคิดของนักการศกึ ษาไทย ผู้ก่อตง้ั ทฤษฎีการคดิ เป็นคือ
ดร.โกวทิ วรพิพัฒน์ ท่านผนู้ ้เี ปน็ ผูน้ าํ แนวคดิ เรื่องการคิดเป็นและนาํ มาเผยแพร่จนไดร้ บั
การยอมรบั ทงั้ ในประเทศและต่างประเทศ ซึง่ ครั้งแรกได้นาํ มาใช้ในวงการศึกษานอกโรงเรยี น
เมื่อราว พ.ศ. 2513 ดร.โกวิท วรพพิ ฒั น์และคณะ ไดป้ ระยุกตแ์ นวความคิด คิดเป็น มาใช้ใน
การจัดการศึกษาผู้ใหญ่แบบเบ็ดเสร็จข้ันพื้นฐานระหว่างปี พ.ศ. 2518 – 2524 โครงการรณรงค์
เพ่ือการรู้หนังสือ เป็นต้น ซ่ึงถือว่าแนวคิด คิดเป็น เป็นปรัชญาที่นํามาใช้กับการพัฒนางาน
การศึกษาผู้ใหญ่ และต่อมาได้นํามากําหนดเป็นจุดมุ่งหมายที่สําคัญของการศึกษาไทยทุกระดับ และ
ใช้เร่ือยมาจนถึงปัจจุบัน ที่ว่า “การจัดการศึกษาต้องการสอนคนให้ คิดเป็น ทําเป็น แก้ปัญหาเป็น
(อนุ่ ตา นพคณุ : 19)

ปรัชญาคิดเป็น อยู่บนพื้นฐานความคิดท่ีว่า ความต้องการของแต่ละบุคคล
ไม่เหมือนกัน แต่ทุกคนมีจุดรวมของความต้องการท่ีเหมือนกัน คือ ทุกคนต้องการความสุข คนเราจะ
มีความสุขเม่ือเราและสังคมสิ่งแวดล้อมประสมกลมกลืนกันได้ โดยการปรับปรุงตัวเราให้เข้ากับสังคม
หรือส่ิงแวดล้อม หรือโดยการปรับปรุงสังคมและส่ิงแวดล้อมให้เข้ากับตัวเรา หรือปรับปรุงท้ังตัวเรา
และสังคมส่ิงแวดล้อมให้ประสมกลมกลืนกัน หรือเข้าไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมกับตน
คนที่สามารถทําได้เชน่ นี้ เพื่อให้ตนเองมีความสขุ น้ัน จําเป็นต้องเป็นผู้มีความคิดสามารถคิดแกป้ ัญหา
ร้จู ักตนเองและธรรมชาติส่ิงแวดล้อม จึงจะเรียกได้ว่า ผนู้ ั้นเป็นคนคิดเป็น หรืออีกนัยหน่ึงปรัชญาคิด
เปน็ มาจากความเชื่อพ้ืนฐานตามแนวพุทธศาสนา ทสี่ อนให้บคุ คลสามารถพ้นทุกข์และพบความสุขได้
ดว้ ยการค้นหาสาเหตุของปัญหา สาเหตุของทุกข์ ซึ่งสง่ ผลให้บคุ คลผู้นนั้ สามารถอยูใ่ นสังคมได้อย่างมี
ความสขุ คิดเปน็ เชอ่ื วา่ มนุษย์ทุกคนมีพืน้ ฐานชีวติ แตกตา่ งกนั มวี ถิ ีการดาํ เนินชวี ิต ที่แตกตา่ งกนั
มีความตอ้ งการทแี่ ตกต่างกนั แต่ทกุ คนลว้ นมคี วามตอ้ งการทีจ่ ะมีความสขุ อย่างอตั ภาพเหมือนกนั

เมื่อทุกคนต้องการมีความสุขเหมือนกันจึงต้องมีกระบวนการเพื่อให้เกิดความสุขคือ
กระบวนการคิดเป็น โดยมีฐานข้อมลู ทางวิชาการ ทางสังคมส่ิงแวดล้อม และข้อมูลของตนเองมาเป็น
ตวั การในการช่วยตัดสินใจ เม่ือตัดสินใจได้แลว้ จึงเลอื กหนทางในการดาํ เนินชวี ติ กจ็ ะเกิดความสุขจาก
การตัดสินใจถูกต้อง เมื่อดําเนินการแล้ว และยังเกิดปัญหา หรือยังไม่เกิดความสุขจึงกลับมาย้อนดู
ความผิดพลาดจากข้อมูลว่าวิเคราะห์ข้อมูลครบหรือยัง แล้วจึงตัดสินใจใหม่วนเป็นวัฎจัก "คิดเป็น"
เพื่อการแกป้ ญั หาท่ียงั ยนื แลว้ เกิดสุขอยา่ งอตั ภาพ เปา้ หมายสดุ ทา้ ยของการเป็นคน“คิดเป็น”

14

ใบความรเู้ รียนรดู้ ว้ ยตนเอง เรือ่ งความหมายของปรชั ญาคิดเป็น
ความหมายของ “คดิ เปน็ ”
ดร. โกวิท วรพิพัฒน์ ได้ให้คําอธิบายเก่ียวกับ “คิดเป็น” ว่า “บุคคลที่คิดเป็น
จะสามารถเผชิญปัญหาในชีวติ ประจาํ วันไดอ้ ยา่ งมรี ะบบบุคคลผู้น้ีจะสามารถพินิจพิจารณาสาเหตุของ
ปัญหาท่ีเขากําลังเผชิญอยู่และสามารถรวบรวมข้อมูลต่างๆได้อย่างกว้างขวางเกี่ยวกับทางเลือก
เขาจะพิจารณาข้อดีข้อเสียของแต่ละเรื่องโดยใช้ความสามารถเฉพาะตัวค่านิยมของตนเองและ
สถานการณ์ท่ตี นเองกําลังเผชิญอยู่ ประกอบการพจิ ารณา”
การ “คดิ เปน็ ” เป็นการคิดเพ่อื แกป้ ัญหา คือ มจี ดุ เร่มิ ตน้ ทป่ี ัญหาแลว้ พิจารณาย้อน
ไตรต่ รองถงึ ข้อมลู 3 ประเภท คอื ข้อมูลด้านตนเอง ชมุ ชน สงั คม สิง่ แวดลอ้ มและข้อมลู วชิ าการ
ตอ่ จากนน้ั ก็ลงมือกระทาํ ถ้าหากสามารถทําให้ปญั หาหายไป กระบวนการก็ยุติลง แต่หากบคุ คลยังไม่
พอใจแสดงวา่ ยังมปี ัญหาอยู่บุคคลก็จะเริม่ กระบวนการพิจารณาทางเลือกใหม่อีกครงั้ และกระบวนการ
นีย้ ุติลงเมื่อบุคคลพอใจและมีความสขุ
สรปุ ความหมยของ “คิดเป็น”
☞ การวเคราะหป์ ญั หาและแสวงหาคาํ ตอบหรือทางเลือกเพอื่ แกป้ ัญหาและดบั ทกุ ข์
☞ การคิดอย่งรอบคอบเพอื่ การแก้ปัญหา โดยอาศยั ข้อมูลตนเอง ข้อมูลสังคม

สิง่ แวดลอ้ มและข้อมูลวชิ าการ

15

คณะผูจ้ ัดทำ

คณะกรรมกำรอำนวยกำร ผอู้ ํานวยการ กศน.อาํ เภอบ้านฉาง
นางสนุ ันทา โนรสี วุ รรณ

คณะกรรมกำรดำเนินกำรจัดทำ ครูผู้ชว่ ย
นายสนั ตธิ รรม ม่วงมง่ั คัง่ ครู อาสาสมคั รการศึกษานอกโรงเรยี น
นางสาวอมรรัตน์ หาญรักษ์ ครู กศน.ตาํ บล
นายธนาวุธ พลศักด์ิ ครู กศน.ตาํ บล
นายบญุ ส่ง พลอยกระโทก ครู กศน.ตาํ บล
นางปฏิมา พรหมศวร ครูประจําศนู ย์การเรียนชุมชน
นายพฤติกร ชมุ ศรี

รวบรวมและจดั พิมพ์ ครผู ชู้ ่วย
นายสันติธรรม มว่ งมั่งค่ัง ครูประจําศูนย์การเรยี นชมุ ชน
นายพฤติกร ชุมศรี

16


Click to View FlipBook Version