The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ผักสามัญประจำบ้าน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ebookrayong, 2021-01-18 02:54:10

ผักสามัญประจำบ้าน

ผักสามัญประจำบ้าน

เอกสารคำ� แนะน�ำที่ 7/2558
ผกั สามญั ประจำ� บา้ น

พมิ พค์ ร้งั ท่ี 1 : จำ� นวน 10,000 เลม่ พฤษภาคม พ.ศ.2558
จัดพมิ พ ์ : กรมส่งเสรมิ การเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
พิมพ์ที่ : ชมุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จ�ำกัด

คำ� น�ำ

พชื ผกั เปน็ อาหารหลกั ทปี่ ระชาชนบรโิ ภคทกุ วนั เปน็ สว่ นประกอบของอาหาร
ทั้งนำ� มาปรงุ เป็นอาหารหลกั เปน็ ส่วนประกอบ เคร่อื งเคียง เคร่ืองแกงตา่ ง ๆ รวม
ทั้งประชาชนบางส่วนมีความต้องการท่ีจะใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ โดยการ
ปลูกผักไว้รับประทานเอง ดังน้ัน หากประชาชนได้มีการปลูกผักไว้รับประทาน
เองภายในบ้าน โดยเฉพาะผักที่ใช้ประกอบอาหารประจ�ำวัน จะท�ำให้สามารถลด
ค่าใช้จ่ายในครอบครัว ใช้พื้นท่ีว่างในบ้าน และมีการน�ำวัสดุภาชนะเหลือใช้มา
ใช้ให้เกิดประโยชน์ รวมท้ังได้ผักสด สะอาด ปลอดภัย ซ่ึงเป็นการส่งเสริมสุขภาพ
ทีด่ ีในครอบครัว
กรมส่งเสริมการเกษตร จึงได้จัดท�ำเอกสารค�ำแนะน�ำ เรื่อง “ผักสามัญ
ประจ�ำบ้าน” ข้ึน เพื่อให้ผู้สนใจใช้เป็นคู่มือในการปลูกผักให้ได้ผลผลิตส�ำหรับ
บรโิ ภคมีคณุ ภาพตามความต้องการ

กรมส่งเสรมิ การเกษตร
2558



สารบัญ

หนา้

ผกั สามญั ประจ�ำบา้ น.......................................................... 1

ความหมาย............................................................ 1

ประโยชน.์.............................................................. 2

ปัจจยั ท่จี �ำเปน็ ในการปลกู ............................................. 2

การเลอื กชนดิ ผกั ............................................................. 6

วิธีการปลกู ผกั ................................................................ 7

วิธีสังเกตในการเก็บเกี่ยวผักชนิดตา่ งๆ....................................... 11

การรับประทานผักใหม้ ีคุณคา่ สงู สุด.......................................... 12

การบริโภคผกั ใหป้ ลอดภยั จากสารพษิ ...................................... 14

เทคนคิ บางประการในการปลูกผกั สามัญประจำ� บา้ น......................... 15

เทคนคิ การปลูกผักสามญั ประจำ� บ้าน 5 ชนิด................................. 17

พรกิ ขหี้ น.ู.............................................................. 17

มะเขอื เปราะ............................................................ 20

โหระพา................................................................ 23

กะเพรา................................................................. 25

ชะอม................................................................... 27

บรรณานกุ รม.................................................................. 29

ผกั สามัญประจ�ำบ้าน

ความหมาย

คือ ผกั ที่เราปลกู เองในท่ีอยอู่ าศัย อาจปลกู ในกระถาง กระบะ หรอื พ้ืนดิน เป็น
ผกั ที่ปลกู งา่ ย ไมซ่ ับซ้อน ปลอดภยั และมีประโยชน์ต่อร่างกาย นำ� มาบริโภคเปน็ ผักแกลม้
หรอื ปรุงเป็นอาหารไดส้ ะดวก
การปลูกผักภายในบรเิ วณบา้ น โดยเฉพาะการปลกู ผกั สามญั ที่ใช้
เป็นประจ�ำในครอบครัว ไม่จ�ำเป็นต้องมีพ้ืนท่ีภายในบริเวณบ้านที่
กว้างขวาง เพียงแค่มีพื้นท่ี 1–5 ตารางเมตร ก็สามารถปลูก
ผักไว้รับประทานอย่างเพียงพอได้ โดยหากมีพื้นที่
กว้างพอก็สามารถปลูกลงในดินโดยตรง แต่ถ้า
มีพื้นที่ขนาดเล็กสามารถปลูกในภาชนะ
และต้ังวางบนพ้ืนดินหรือแขวนใน
บริเวณบ้านท่ีมีแสงแดดส่องถึง
อย่างน้อยคร่ึงวันก็เพียงพอ
ท่ีจะมีผักสดและปลอดภัย
ไวร้ บั ประทานเพอ่ื สขุ ภาพ
ทด่ี ขี องคนในครอบครวั
และสอดคล้องกับ
ส ภ า พ เ ศ ร ษ ฐ กิ จ
ในปจั จบุ ันดว้ ย

1 กรมสง่ เสริมการเกษตร

ประโยชน์

1. ปลกู เปน็ รว้ั บา้ น (รว้ั กนิ ได)้ ผกั ทส่ี ามารถนำ� มาปลกู
ทำ� เป็นร้วั ไดแ้ ก่ กระถนิ บ้าน ชะอม ต�ำลึง ผักหวาน ผักปลัง
ต้นแค ถั่วพู มะระ ฯลฯ ซ่ึงเป็นผักท่ีปลูกง่ายและให้ผลผลิต
ตลอดปีมีคณุ คา่ ทางอาหารสูงและปลอดภัยจากสารเคมี
2. ใช้ประดับตกแต่งบรเิ วณบา้ น เชน่ จดั สวน การนำ�
ผกั ปลกู ในกระถางแบบแขวน-หอ้ ยมาตกแตง่ บรเิ วณรอบ ๆ บา้ น
3. ใชพ้ นื้ ทสี่ ่วนที่ว่างเปลา่ ใหเ้ กดิ ประโยชน์
4. ลดค่าใช้จ่ายในการซื้อผักมาประกอบอาหาร
ประจำ� วนั
5. ไดผ้ กั ทมี่ ีคุณค่าทางอาหารครบถว้ นและปลอดภัยจากสารเคมี
6. สร้างความสัมพันธ์และสานสายใยท่ีดีในครอบครัวและใช้เวลาว่างให้เป็น
ประโยชน์

ปัจจยั ทจ่ี ำ� เป็นในการปลกู

1. พนั ธ์ุผกั

เป็นส่ิงตั้งต้นที่จะท�ำให้ได้ผลผลิตผัก ผักส่วนใหญ่ใช้เมล็ดพันธุ์ในการขยาย
พันธุ์ แต่กย็ ังมอี ีกหลายชนดิ ใชส้ ว่ นอน่ื ๆ ในการขยายพนั ธุ์ ดังน้ี
1.1 ผกั ท่ีใชเ้ มลด็ พนั ธุ์สำ� หรบั ปลูก
พรกิ มะเขอื เทศ มะเขอื คะนา้ กวางตงุ้ ผกั กาดขาว ผกั กาดหอม แตงกวา

แตงร้าน แตงโม แตงไทย
แคนตาลปู บอน มะระ ฟกั ทอง
ฟักเขียว แฟง ถั่วฝักยาว
ถว่ั พลู ผกั บงุ้ จนี กระเจย๊ี บเขยี ว
กะเพรา โหระพา แมงลกั และ
ผกั ชี

ผกั สามัญประจำ� บา้ น 2

1.2 ผักที่ใช้สว่ นตา่ งๆ ในการปลกู
- ใชก้ ่งิ ปักชำ� เช่น ผักหวานบ้าน ชะอม กะเพรา
โหระพา แมงลกั และชะพลู เปน็ ต้น
- ใชเ้ หงา้ หัวและ
ลำ� ตน้ เชน่ หอมแบง่ หอมแดง กระชาย
ขิง ขา่ ตะไคร้ และมันเทศ เป็นตน้

2. ดนิ

2.1 การปลกู ในพื้นดินโดยตรง
ให้พรวนดินตากแดดไว้ประมาณ 7–15 วัน หลังจากน้ันยกแปลงสูง
ประมาณ 4–5 นิ้ว กว้างประมาณ 1–1.2 เมตร ส่วนความยาวตามความยาวของพ้ืนที่
หรือความต้องการ การวางแปลงให้พิจารณาให้อยู่ในแนวทิศเหนือ–ใต้ เพ่ือให้ผัก
ได้รับแสงแดดท่ัวแปลงตลอดวัน ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักจ�ำนวน 2 กิโลกรัมต่อพื้นที่
1 ตารางเมตร คลุกเคลา้ ให้เขา้ กันอยา่ งดีกอ่ นการปลกู ผกั
2.2 การปลูกผกั ในภาชนะ
ใหใ้ ชด้ นิ ผสมสำ� หรบั การปลกู โดยดนิ ผสมตอ้ งมคี วามรว่ นซยุ ระบายนำ้�
ไดด้ ี และมธี าตอุ าหารจำ� เปน็ ทเ่ี พยี งพอกบั การเจรญิ เตบิ โตของผกั ได้ ปจั จบุ นั มกี ารจำ� หนา่ ย
ส่วนผสมในร้านขายต้นไม้หรือวัสดุอุปกรณ์การเกษตร ซ่ึงสามารถซื้อมาใช้ส�ำหรับการ
ปลูกผักได้ และหากต้องการท�ำดินผสม
ส�ำหรับการปลูกผักใช้เองให้
ใช้สว่ นผสม ดนิ : ปยุ๋ คอกหรอื
ปุ๋ยหมัก : ขยุ มะพรา้ วหรือข้ีเถ้า
แกลบ ในส่วนผสม 1 : 1 : 1
คลุกเคลา้ ให้เข้ากันอยา่ งดี

3 กรมส่งเสรมิ การเกษตร

3. ภาชนะปลกู

3.1 การเลอื กภาชนะปลกู ให้เหมาะสมกบั ชนดิ ของผกั
ให้พิจารณาจากอายุของผัก ตั้งแต่ปลูกจนถึงเก็บเกี่ยว หากใช้ระยะ
เวลานานหรือเป็นผักยืนต้นต้องพิจารณาให้ใช้ภาชนะมีขนาดใหญ่พอสมควร เพ่ือให้
มีพ้ืนท่ีในการบรรจุวัสดุปลูกหรือดินผสมท่ีเพียงพอให้พืชผักหย่ังรากและมีอาหาร
เพื่อการเจริญเติบโตได้อย่างเพียงพอ รวมท้ังให้ค�ำนึงถึงความยาวของรากพืชผักด้วย
ซึ่งโดยท่ัวไปหากเป็นพืชผักอายุส้ันรากผักจะเจริญเติบโตและหาอาหารอยู่ท่ีระดับ
ความลึกประมาณ 20 เซนติเมตร ดงั นัน้ ภาชนะปลูกควรมีความลึก 25–30 เซนติเมตร
แต่หากเป็นผักท่ีมีอายุปานกลาง เช่น พริก มะเขือต่าง ๆ หรือผักยืนต้น เช่น กะเพรา
โหระพา แมงลัก ชะอม ภาชนะปลูกควรมีความลึกไม่ต�่ำกว่า 50 เซนติเมตร จะท�ำให้
พืชผักสามารถเจริญเติบโตออกผลได้สมบูรณ์ เลือกภาชนะปลูกที่มีความคงทนแข็งแรง
พอสมควร หรอื มคี วามแขง็ แรงดี
3.2 การเตรียมภาชนะปลูก
เมื่อเลือกภาชนะปลูกได้เหมาะสมทั้งกับชนิดของพืชผัก และมีความ
แข็งแรงคงทนพอสมควรแล้ว ส่ิงท่ีจ�ำเป็นจะต้องปฏิบัติต่อไปคือ ท�ำให้ภาชนะปลูก
มีรูระบายน�้ำ เพื่อให้น้�ำในส่วนท่ีเหลือจากท่ีดินไม่สามารถดูดซับได้แล้วจะได้สามารถ
ระบายออกได้ เพ่ือให้ไม่ขังและอยู่ในภาชนะปลูกซึ่งจะเป็นสาเหตุให้เกิดรากเน่าและ
ตน้ ไม่เจรญิ เติบโตและตายได้
วิธีการท�ำรูระบายน�้ำ โดยการเจาะเป็นรูเล็ก ๆ ขนาดและจ�ำนวน
พอสมควร โดยพจิ ารณาให้เหมาะสมกับขนาดของภาชนะปลกู เป็นส�ำคัญ

ผกั สามัญประจำ� บ้าน 4

4. อุปกรณส์ ำ� หรับ
การให้น้�ำผกั

เนื่องจากผักเป็นพืชที่มีอายุ
สั้นมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้น
จึงมีความต้องการน�้ำอย่างสม�่ำเสมอ
สิ่งจ�ำเป็นท่ีจะต้องระมัดระวังในการให้น�้ำ
พืชผักคือควรใช้อุปกรณ์ให้เหมาะสม
ในการให้น้�ำ โดยท่ัวไปหากมีการปลูกผัก
ไม่มากให้ใช้บัวรดน้�ำท่ีมีหัวฝอยละเอียด
เพอ่ื ไมใ่ หค้ วามแรงของนำ้� ทำ� ใหผ้ กั ชำ�้ หรอื
ท�ำให้ดินกระจายซ่ึงจะกระทบกระเทือน
ต่อการเจรญิ เติบโตของผกั
หากไม่ใช้บัวรดน้�ำอาจใช้สายยางรดน�้ำ แต่แนะน�ำให้ติดหัวฝักบัวที่ปลาย
สายยางเพอื่ ให้น�้ำแตกกระจาย ลดความดนั ของนำ้� ท่ีจะท�ำให้ผักเสยี หาย

5. อปุ กรณ์ในการพรวนดิน

หากเป็นการปลูกในดินโดยตรง ควรมีจอบส�ำหรับใช้ในการพรวนดิน
หรือถ้าเป็นการปลูกในภาชนะปลูกควรมีพล่ัวมือท�ำดินผสมส�ำหรับการปลูกผัก และใช้
พรวนดนิ ในระหวา่ งการปลกู โดยเมอ่ื มกี ารปลกู ผกั ในระยะหลงั หนา้ ดนิ อาจเรม่ิ อมิ่ ตวั แนน่
ให้ใช้จอบหรือพล่ัวมือพรวนดิน
รอบ ๆ ต้นผัก เพ่ือให้มีการถ่ายเท
อากาศทำ� ใหอ้ อกซเิ จนสามารถถา่ ยเท
ลงไปในดนิ ได้ และเพอื่ ประโยชนก์ บั
รากผักในการเจริญเติบโต
ทงั้ น้ี การพรวนดนิ ตอ้ ง
ระมัดระวังไม่ให้กระทบกระเทือน
ตอ่ รากหรอื ลำ� ต้นด้วย

5 กรมส่งเสริมการเกษตร

การเลือกชนิดผกั

ผกั จำ� แนกไดเ้ ป็น 3 ชนดิ ตามอายกุ ารเกบ็ เกี่ยว ไดแ้ ก่

1. ผกั อายสุ นั้ หมายถงึ ผักที่มอี ายุ

ตง้ั แตป่ ลกู จนถงึ สามารถเกบ็ เกย่ี วผลผลติ ได้
น้อยกว่า 2 เดือน ส่วนใหญ่เปน็ ผักท่ีใชส้ ว่ น
ของใบและล�ำต้นส�ำหรับการบริโภค มีการ
เจริญเติบโตรวดเร็ว ท�ำให้สามารถปลูกและ
เกบ็ เกยี่ วผลผลติ ได้ในเวลาสัน้ เช่น ผักบุง้ จีน
คะน้า กวางต้งุ ผักกาดหอม ผกั ชี เปน็ ตน้

2. ผักอายุปานกลาง หมายถึง

ผักท่ีมีอายุประมาณ 2–5 เดือน ตั้งแต่ปลูกจนสามารถ
เก็บเก่ียวผลผลิตไปบริโภคได้ มีท้ังผักท่ีใช้ล�ำต้น ดอก ผล
ในการบรโิ ภค เช่น กะหลำ่� ปลี ผกั กาดขาวปลี กะหล�่ำดอก
ถ่ัวฝักยาว พริก มะเขือ มะเขือเทศ แตงโม บวบ มะระ
และฟักทอง เปน็ ตน้

3. ผักยนื ตน้ หมายถงึ ผกั ทีส่ ามารถปลูกและ

เก็บเกี่ยวผลผลิตไปรับประทานได้อย่างต่อเน่ือง สามารถ
ปลูกและอยู่ข้ามปีได้หากเม่ือเก็บเกี่ยว
ผลผลิตแล้วยังมีการดูแลรักษาอย่าง
สม่�ำเสมอ เชน่ ผกั หวาน ชะอม กระถิน
กะเพรา โหระพา แมงลัก ขิง ข่า ขมิ้น
ตะไคร้ และกระชาย เป็นต้น
การเลือกชนิดผักส�ำหรับปลูก
นอกจากจะพิจารณาจากอายุของพืชผัก
เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการบริโภค

และสภาพพน้ื ทห่ี รอื ภาชนะปลกู ใหเ้ หมาะสมแลว้ ควรคำ� นงึ ถงึ ฤดกู าลทจี่ ะปลกู ใหเ้ หมาะสม
กับชนิดของพืชผักด้วย เพราะจะท�ำให้ดูแลรักษาง่าย มีโรคและแมลงรบกวนน้อย
ไดผ้ กั ที่มีคณุ ภาพและรสชาตทิ ี่ดดี ้วย

ผักสามญั ประจำ� บ้าน 6

วิธีการปลูกผัก

1. การปลูก

1.1 การปลกู ดว้ ยเมล็ดพันธโุ์ ดยตรง ควรแช่เมล็ดพนั ธ์ดุ ว้ ยนำ�้ อุน่ (อณุ หภมู ิ
ประมาณ 55–60 องศาเซลเซยี ส) ประมาณครง่ึ ชวั่ โมง เพอ่ื กระตนุ้ ใหเ้ มลด็ งอกเรว็ ขนึ้ และ
สามารถฆา่ เชอ้ื โรคบางชนดิ ท่ตี ิดมากบั ดนิ ได้
1.2 การยา้ ยกลา้ ปลกู ตอ้ งเลอื กตน้ กลา้ ทม่ี ยี อด ลำ� ตน้ ใบ และรากทสี่ มบรู ณ์
แขง็ แรง ปราศจากโรคและแมลงไปปลกู
1.3 การใช้ก่ิงพันธุ์หรือส่วนขยายพันธุ์อื่น ๆ ให้คัดเลือกก่ิงพันธุ์ที่แข็งแรง
กิ่งมคี วามแก่พอสมควร หรือกลบี และหวั แนน่ เพอ่ื ใหส้ ามารถเจรญิ เติบโตได้สมบรู ณ์

2. การเพาะกล้า

การเพาะกลา้ สามารถทำ� แปลงเพาะหรอื เพาะในถงุ พลาสตกิ หรอื ใชถ้ าดเพาะ
ดินทใ่ี ช้ในการเพาะกล้า ควรเป็นดินผสมท่ีมอี ัตราสว่ นของดนิ ร่วนละเอยี ดผสมกบั ป๋ยุ คอก
หรือปุ๋ยหมักในอัตรา 2 : 1 หรือดินร่วนละเอียดผสมกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักและ
ขี้เถ้าแกลบหรือขุยมะพร้าวในอัตรา 1 : 1 : 1 น�ำเมล็ดที่เตรียมไว้หยอดลงในหลุมปลูก
หลุมละ 1 เมล็ด กลบดินบาง ๆ แล้วรดน้�ำด้วยบัวรดน้�ำท่ีฝอยละเอียดเพื่อไม่ให้ดิน
กระจายตวั ควรมกี ารกนั มดหรอื แมลง
มาคาบเมล็ด โดยใช้ปูนขาว
โรยบาง ๆ ล้อมรอบบริเวณ
ท่ีวางถุงหรือถาดเพาะกล้า
ดูแลรดน้�ำสม�่ำเสมอทุกวัน
วันละ 1–2 ครั้ง ในเวลาเช้า
และบ่าย โดยท่ัวไปอายุกล้า
ที่เหมาะสมในการย้ายปลูก
ประมาณ 15–20 วนั แตส่ ำ� หรบั
พริก และมะเขือต่าง ๆ ควร
มอี ายุ 25–30 วัน

7 กรมสง่ เสริมการเกษตร

3. การใหป้ ยุ๋ มี 2 ระยะ คอื

3.1 ปุ๋ยรองพ้ืน ใส่ช่วง
เตรียมดิน หรือรองก้นหลุมก่อนปลูก
ควรเป็นปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อปรับ
โครงสร้างดินให้โปร่งร่วนซุย ช่วยใน
การอุ้มน�้ำ และรักษาความช้ืนของดิน
ใหเ้ หมาะสมกบั การเจรญิ เตบิ โตของพชื
3.2 ปุ๋ยบ�ำรุง ใส่ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ 2 คร้ัง ครั้งแรกเมื่อย้ายกล้าไป
ปลูกจนกล้าตั้งตัวได้แล้ว และใส่คร้ังท่ี 2 หลังจากใส่ครั้งแรกประมาณ 2–3 สัปดาห์
การใส่ให้โรยบาง ๆ ระหว่างแถว ระวังอย่าให้ปุ๋ยอยู่ชิดต้น เพราะจะท�ำให้ผักตายได้
เม่ือใส่ปุ๋ยแล้วควรพรวนดินและรดน้�ำทันที ปุ๋ยที่มักใช้กับพืชผัก ได้แก่ ยูเรีย
แอมโมเนียซัลเฟต ส�ำหรับบ�ำรุงต้นและใบ และปุ๋ยสูตร 15–15–15 และ 12–24–12
ส�ำหรบั เร่งการออกดอกและผล

4. การให้น้�ำ

พืชผักเป็นพืชอายุส้ัน ระบบรากตื้น
ตอ้ งการนำ้� สมำ่� เสมอทกุ ระยะการเจรญิ เตบิ โต ตอ้ งให้
นำ้� ทุกวัน แตร่ ะวงั อยา่ แฉะหรอื มีนำ�้ ขงั เพราะน้�ำจะ
เขา้ ไปแทนทอี่ ากาศในดนิ ทำ� ใหร้ ากพชื ขาดออกซเิ จน
และเน่าตายได้ ควรรดน�้ำในชว่ งเช้า–เย็น ไม่ควรรด
ตอนแดดจัด

5. การก�ำจัดวัชพืช

ไดแ้ ก่ หญ้าหรอื พชื อนื่ ๆ ท่ขี นึ้ แซมในแปลง จะทำ� ใหแ้ ยง่ นำ้� และธาตอุ าหาร
ท�ำให้ผักเจริญเติบโตได้ไม่ดีรวมท้ังเป็นแหล่งที่อยู่ของศัตรูพืชอ่ืน ๆ ด้วย การก�ำจัดโดย
การใช้ถอนด้วยมือ หากมีพื้นที่มากใช้พลั่วหรือจอบพรวนดินในการก�ำจัดวัชพืชไป
พร้อม ๆ กบั การใสป่ ยุ๋

ผักสามัญประจำ� บา้ น 8

6. การป้องกันก�ำจัดแมลงศัตรูพืช การป้องกันก�ำจัดแมลง

ทปี่ ลอดภยั ท�ำได้หลายวิธีดังนี้
6.1 ใช้กับดักกาวเหนียวสีเหลือง สามารถดักแมลงได้หลายชนิด เช่น
เพล้ียอ่อน หนอนแมลงวันชอนใบ โดยติดตั้ง 1–2 อันต่อแปลง สูงจากพื้นดินประมาณ
50 เซนติเมตร ปัจจุบันพลาสติกสีเหลืองและกาวเหนียวมีขายทั่วไปตามร้านขายวัสดุ
การเกษตร
6.2 การใชส้ ารชวี ภาพตา่ ง ๆ
6.3 ปลูกพชื ผกั รว่ มกับพชื ที่มีกล่ินไลแ่ มลง เช่น โหระพา กะเพรา ตะไคร้
6.4 การเก็บหนอนไปทิ้ง

7. การปอ้ งกนั ก�ำจัดเช้อื โรคในผกั

ใ น ก า ร ป ลู ก ผั ก
หากมีการดูแลให้พืชผักมีการ
เจริญเติบโตที่แข็งแรง สมบูรณ์
และปลูกไม่ให้ต้นแน่นหรือ
ชิดกันเกินไป สามารถช่วย
ป้องกันโรคได้ในระดับหน่ึง
แต่ในช่วงฤดูฝนที่มีฝนตกชุก
อาจท�ำให้เกิดปัญหาใบจุดหรือ
โคนเน่า ให้ท�ำการเก็บใบหรือ
ต้นผักท่ีเป็นโรคทิ้ง และน�ำไป
ท�ำลายนอกแปลง และใช้
น�้ำปูนใสรดท่ีแปลงผักหรือ
ต้นผัก
วิธีการท�ำน�้ำปูนใส ให้ใช้ปูนขาวจ�ำนวน 5 กิโลกรัมต่อน้�ำ 20 ลิตร ผสม
ให้เขา้ กัน และท้งิ ค้างคืนไว้ 1 คืน ร่งุ ขนึ้ ให้นำ� น้�ำปูนใสที่ปนู ตกตะกอนแล้ว อัตราน้�ำปนู ใส
1 ส่วน น้ำ� ธรรมดาสำ� หรบั รดผกั 5 ส่วน เพ่ือรดในแปลงปลกู

9 กรมส่งเสริมการเกษตร

8. การเก็บเก่ียว

การเก็บเกี่ยวผกั ควรเก็บในเวลาเช้าจะทำ� ให้ผกั สด รสชาตดิ ี และหากยังไม่
ไดน้ ำ� ไปรบั ประทานใหล้ า้ งใหส้ ะอาด และนำ� เกบ็ ไวใ้ นตเู้ ยน็ สำ� หรบั ผกั ประเภทผลควรเกบ็
ในขณะที่ผลไม่แกจ่ ัด จะไดผ้ ลทีม่ ีรสชาติดี และจะท�ำใหผ้ ลดก หากปล่อยให้ผลแกค่ าตน้
ตอ่ ไปผลผลติ จะลดลง สำ� หรบั ผกั ใบหลายชนดิ เชน่ หอมแบง่ ผกั บงุ้ จนี ผกั คะนา้ กะหลำ�่ ปลี
การแบง่ เกบ็ ผกั ทส่ี ดออ่ น หรอื โตไดข้ นาดแลว้ โดยยงั คงเหลอื ลำ� ตน้ และรากไว้ ไมถ่ อนออก
ทัง้ ต้น ราก หรอื ตน้ ทเี่ หลอื อยู่จะสามารถงอกงามให้ผลผลิตได้อีกหลายครง้ั
ท้ังนี้ จะต้องมีการดูแลรักษาให้น�้ำและปุ๋ยอยู่เสมอ การปลูกพืชหมุนเวียน
สลับชนิด หรือปลูกผักหลายชนิดในแปลงเดียวกันและปลูกผักที่มีอายุเก็บเกี่ยวสั้นบ้าง
ยาวบา้ งคละกนั ในแปลงเดยี วกนั
หรือปลูกผักชนิดเดียวกันแต่
ทยอยปลูกครั้งละ 3–5 ต้น
หรือประมาณว่ารับประทาน
ได้ในครอบครัวในแต่ละครั้ง
ท่ีเก็บเกี่ยวก็จะท�ำให้ผู้ปลูกมี
ผักสดเก็บรับประทานได้ทุกวัน
ตลอดปี

ผักสามญั ประจำ� บ้าน 10

วิธีสังเกตในการเก็บเก่ียวผักชนิดต่างๆ

ชนดิ ผัก ประมาณอายุจากวันปลูก ลกั ษณะภายนอกท่ีเหมาะสม
ถงึ วันเก็บครง้ั แรก ในการเกบ็ เก่ยี ว

มะระ 50–60 วัน นบั จากวนั ปลกู ขณะผลโตยงั ไมแ่ ก่ สีเขยี วอ่อน

แตงกวา 30 วัน จากวนั ปลกู ผลออ่ น ผลยังมีหนามอยู่

ถั่วลันเตา 45–60 วัน แลว้ แตพ่ นั ธ์ุ ขณะทฝ่ี ักยงั อ่อน เมลด็ ยงั ไม่แก่

ขา้ วโพดหวาน 55–72 วนั ขณะที่เมล็ดยังอ่อน

ผกั กาดหัว 40–55 วนั หัวยงั ไมฟ่ ่าม ตน้ ยงั ไม่ออกดอก

กระเจี๊ยบเขียว 40–55 วนั ขณะท่ยี อดฝกั ยงั เปราะอยู่ หักงา่ ย

หอมแบง่ 50 วัน จากวนั ปลูก ต้นเขียวสด อว้ น หวั ยงั ไม่พอง
(โดยปกตถิ า้ แก่แลว้ โคนต้นจะโตพองขึ้น
นดิ หนอ่ ยไมล่ งหวั โตเหมอื นหอมธรรมดา)

ผักชี 40–50 วัน จากวนั ปลูก ขณะท่ียงั ไมอ่ อกดอก

ผักกาดกวางตุง้ 30–35 วัน จากวันปลูก ขณะทกี่ ำ� ลงั ขน้ึ ลำ� ออกดอกและดอกยงั ไมบ่ าน

ผกั บุง้ 25–30 วนั นับจากวนั ปลกู ขณะทีย่ อดยังอ่อน ยาวประมาณ 1 ฟตุ

มะเขอื เทศ 60 วนั หรอื 80 วนั แลว้ แตพ่ นั ธ์ุ ตั้งแต่ผลเริ่มเปล่ียนเปน็ สีชมพเู ป็นต้นไป

ถัว่ ฝักยาว ถวั่ แขก 50–60 วนั ฝักเจรญิ เต็มท่แี ต่ยงั ไมพ่ อง

กะหล่ำ� ปลี 45 วนั หลงั ยา้ ยกลา้ หรอื หวั แนน่ ใส เคาะดรู สู้ กึ มเี สยี งแนน่ และหนกั
70–75 วนั หลังหยอดเมล็ด

กะหล่ำ� ดอก 45 วนั จากวนั ยา้ ยกล้า หรือ สีครีมอ่อน แนน่ และเรยี ว อยา่ ท้งิ ไวน้ าน
65–70 วัน หลังหยอดเมลด็ จะบานและมีสีเหลืองแก่ เป็นขุยหยาบ

ไม่น่ารับประทาน

คะนา้ 35–45 วนั หลงั หยอดเมล็ด ต้งั แต่ 40–50 วัน ผักยงั ไม่เป็นเสี้ยน

ผักกาดขาวปลี 50 วัน จากวนั เพาะเมล็ด ขณะทก่ี ำ� ลังหอ่ ปลีแนน่

ผกั กาดเขียวปลี 60 วนั จากวันเพาะเมล็ด กำ� ลังเขา้ ปลี อวบอว้ น ยงั ไม่มีดอก

ผักกาดหอม 40–50 วัน จากวันเพาะเมลด็ ขณะท่ียังไม่ออกดอก และก�ำลังอ่อนอยู่
ถา้ แกจ่ ะมีรสขม

11 กรมสง่ เสริมการเกษตร

การรับประทานผกั ใหม้ คี ณุ คา่ สูงสดุ

ผกั เปน็ แหลง่ วติ ามนิ และเกลอื แร ่ โดยวติ ามนิ ทอี่ ยใู่ นผกั มที ง้ั วติ ามนิ ทลี่ ะลายในนำ้�

และวิตามินที่ละลายในไขมัน วติ ามนิ บางตัวถูกท�ำลายได้ง่าย ดงั นน้ั เพื่อสงวนคณุ ค่าทาง
โภชนาการของพชื ผักตา่ ง ๆ ควรหลกี เลย่ี งการแชผ่ กั ท่หี ั่นฝอยหรือชนิ้ เล็ก ๆ ในน�ำ้ หรอื ตั้ง
ท้ิงไวใ้ นอากาศเปน็ เวลานาน ควรลา้ งทง้ั หวั ท้งั ต้นและเปลือก ถ้าจำ� เปน็ ตอ้ งปอกเปลอื ก
ควรปอกแตเ่ พยี งบาง ๆ กอ่ นลา้ งควรเลอื กสว่ นทเี่ นา่
เสียและส่วนที่ใช้ไม่ได้ออก การต้มผักให้ใช้น�้ำน้อย
เช่น การลวก นึ่ง ผัด ใช้เวลาส้ัน อย่างไรก็ตาม
หากสามารถรับประทานผักสดจะได้ประโยชน์และ
คุณค่าของผกั ครบถ้วน

ผกั สามัญประจำ� บา้ น 12

ตัวอย่างผกั ทีม่ วี ติ ามนิ และธาตุอาหารสงู

วิตามนิ และแร่ธาตุ ชนิดผัก
คารโ์ บไฮเดรต (4.1–13.3 กรัม)
ตำ� ลงึ (ใบ ยอด) ต้นหอม ถวั่ พู ถวั่ ลันเตา พรกิ ขหี้ นู
โปรตีน (2.1–6.4 กรัม) พริกช้ีฟ้า (เขียว) พริกชี้ฟ้า (แดง) พริกหยวก
ไขมัน (1.0–3.6 กรมั ) พริกเหลือง ฟักทอง มะเขือเจ้าพระยา มะระจีน
แคลเซยี ม (54–387 กรัม) มะระ (ยอด)
เหล็ก (3.1–260 กรัม) ใบกะเพรา ใบตัง้ โอ๋ ใบแมงลัก ผกั กระเฉด ผกั คะน้า
วติ ามินซี (41–204 กรมั ) ผักบงุ้ (ตน้ ขาว) ปวยเหล็ง พรกิ ขหี้ นู พรกิ ชฟ้ี า้ (เขยี ว)
พริกช้ีฟ้า (แดง) พรกิ เหลือง มะระจนี
วติ ามนิ เอ (มากกวา่ 200 ไมโครกรัม) ใบแมงลกั พรกิ ข้หี นู พริกชีฟ้ ้า (แดง) พรกิ เหลอื ง
คน่ื ฉา่ ย ตำ� ลึง (ใบ ยอด) ตน้ หอม ถว่ั งอก ถั่วฝกั ยาว
ใบแมงลัก ใบกะเพรา ผักกระเฉด ผักกาดหอม
ฟกั ทอง มะเขือเทศ
คน่ื ฉ่าย ต�ำลึง (ใบ ยอด) ตน้ หอม ถ่วั งอก ถ่วั ฝกั ยาว
ใบแมงลัก ใบกะเพรา ผักกระเฉด ผักกาดหอม
ฟกั ทอง มะเขือเทศ
คนื่ ฉา่ ย แครอท แตงรา้ น ตน้ หอม ถว่ั ฝกั ยาว ผกั คะนา้
พริกขี้หนู พริกช้ีฟ้า (เขียว) พริกช้ีฟ้า (แดง)
พริกหนุ่ม พริกหยวก พริกเหลือง ฟักทอง (ยอด)
มะระจนี มะระ (ยอด)
กวางตงุ้ กวางตุ้ง (ดอก) ค่นื ฉา่ ย แครอท ดอกกุยฉ่าย
ต�ำลึง (ใบ ยอด) ต้นหอม ถั่วพู บร็อคโคล่ี
ใบกะเพรา ใบตั้งโอ๋ ใบแมงลัก ผักกระเฉด
ผักกาดหอม ผักคะน้า ผักบุ้ง (ต้นขาว) ปวยเหล็ง
พริกช้ีฟ้า (เขียว) พริกชี้ฟ้า (แดง) พริกเหลือง
ฟกั ทอง ฟักทอง (ยอด) มะระจนี มะระ (ยอด)

13 กรมสง่ เสรมิ การเกษตร

การบริโภคผกั ให้ปลอดภยั จากสารพษิ

การปลกู ผกั ไวร้ บั ประทานเอง เปน็ วธิ ที ดี่ ที สี่ ดุ ทที่ ำ� ใหไ้ ดบ้ รโิ ภคผกั ทป่ี ลอดภยั จาก

สารพิษ แต่ทุกครอบครัวคงไม่สามารถปลูกผักทุกชนิดไว้รับประทานเองได้ การต้องซ้ือ
หาผักจากตลาดจึงเป็นส่ิงที่จ�ำเป็นอยู่ ท้ังน้ี ผักต่าง ๆ เหล่านั้นอาจจะปลอดภัยหรือ
ไม่ปลอดภัยจากสารพิษตกค้างก็ได้ ดังนั้น ควรมีการล้างผักให้ถูกวิธี และปลอดภัย
จากสารพิษมากที่สุด วิธีการล้างผักให้สะอาดเพ่ือลดปริมาณสารพิษ สามารถเลือกใช้
ไดต้ ามความสะดวก ดังน้ี
1. ลอกหรือปอกเปลือกแล้วแช่ในน�้ำสะอาดนาน 5–10 นาที หลังจากน้ัน
ลา้ งด้วยน้ำ� สะอาดอีกคร้งั จะชว่ ยลดปริมาณสารพษิ ตกคา้ งไดร้ ้อยละ 27–72
2. แช่นำ�้ ปนู ใสนาน 10 นาที และลา้ งดว้ ยน�ำ้ สะอาดอีกคร้งั ลดปรมิ าณสารพษิ
ตกคา้ งไดร้ ้อยละ 34–52
3. แชไ่ ฮโดรเจนเปอรอ์ อกไซดน์ าน 10 นาที (ไฮโดรเจนเปอรอ์ อกไซด์ 1 ชอ้ นชา
ผสมนำ�้ 4 ลติ ร) และล้างดว้ ยน�้ำสะอาดอีกครัง้ ลดปริมาณสารพษิ ตกคา้ งไดร้ อ้ ยละ 35–50
4. แชน่ �้ำด่างทับทมิ นาน 10 นาที (ด่างทบั ทิม 20–30 เกล็ด ผสมน้�ำ 4 ลิตร)
และลา้ งออกดว้ ยน�ำ้ สะอาดอีกครง้ั ลดปริมาณสารพิษตกค้างไดร้ อ้ ยละ 35–43
5. ล้างด้วยน้�ำไหลจาก
กอ๊ กนาน 2 นาที ลดปริมาณสารพษิ
ตกค้างได้รอ้ ยละ 25–39
6. แช่น้�ำซาวข้าวนาน
10 นาที และล้างดว้ ยน้ำ� สะอาดอกี
ครั้ง ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้
รอ้ ยละ 29–38
7. แชน่ ำ้� เกลอื นาน10นาที
(เกลอื ปน่ 1 ชอ้ นโตะ๊ ผสมนำ�้ 4 ลติ ร)
และล้างด้วยน้�ำสะอาดอีกคร้ัง ลด
ปริมาณสารพษิ ตกค้างไดร้ ้อยละ 29–38
8. แช่น้�ำส้มสายชูนาน 10 นาที (น�้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้�ำ 4 ลิตร)
และลา้ งดว้ ยนำ�้ สะอาดอีกครัง้ ลดปรมิ าณสารพิษตกค้างไดร้ ้อยละ 27–36
9. แช่น�้ำยาล้างผักนาน 10 นาที และล้างด้วยน�้ำสะอาดอีกครั้ง ลดปริมาณ
สารพษิ ตกค้างได้รอ้ ยละ 22–36

ผักสามัญประจำ� บา้ น 14

ในการปเทลคูกนผคิ ักบสาางมปญั ระปกราระจ�ำบา้ น

การดูแลผักที่ปลกู ในภาชนะแขวน

1. ต้องมีแดดส่องถึงอย่างน้อยคร่ึงวัน ให้ผักสังเคราะห์แสง
เพื่อสรา้ งอาหารในการเจริญเติบโต
2. ดูแลรดน้�ำสม�่ำเสมอ
3. ถ้าผักกินใบเริ่มมีดอกให้รีบเด็ดทิ้ง เพ่ือไม่ให้ธาตุอาหาร
ไปเลย้ี งดอก จะทำ� ใหใ้ บเลก็ ไม่สมบูรณ์
4. การดูแลรักษา หมั่นสังเกตต้นผักโดยพลิกดูใต้ใบ ส่วนใหญ่
แมลงจะหลบแสงแดดอยู่ใต้ใบให้จบั ทำ� ลาย
5. ถ้าพบแมลงจ�ำนวนมากให้ใช้น้�ำยาล้างจาน 2 ช้อนชา
ใส่ในกระบอกฉีดน�้ำ (ฟอกกี้) ฉีดให้ท่ัวต้น โดยเฉพาะบริเวณยอดและใต้ใบ
ทงิ้ ไว้ 3 วัน เก็บรบั ประทานได้

15 กรมส่งเสรมิ การเกษตร

เทคนคิ การเกบ็ ผักบางชนิด

คะน้า...กะหล่�ำปลี...ผักบุ้ง...ไม่ควรเก็บโดยถอนผักทั้งต้น ควร
เก็บโดยตัดต้นใหเ้ หลอื ข้อไว้ 2–3 ขอ้ ดแู ลรดน้�ำสม�่ำเสมอ ตาข้างจะแตกยอดใหม่
ออกมา สามารถเกบ็ รับประทานได้อีก 2–3 ครง้ั
ปูเล่......เก็บใบที่อยู่ด้านล่างขึ้นไปหายอด ให้เหลือยอดไว้
ประมาณ 6 ใบ ดูแลรดน้�ำสม่�ำเสมอ ปูเลจ่ ะแตกยอดใหมเ่ ร่อื ย ๆ สามารถเกบ็ ใบ
รับประทานเป็นปี

การปลูกกยุ่ ชา่ ยเขียว - ขาว ไวร้ ับประทาน

1. ปลกู กุย่ ช่ายเขียวอายุ 2 เดอื น ตัดตน้ รบั ประทาน
2. ใชก้ ระถางขนาดทม่ี คี วามสงู กวา่ กระถางปกตคิ รอบใหส้ นทิ ไมใ่ ห้
มแี สงผา่ น ครอบไว้ 2 สัปดาห์จะได้กุ่ยชา่ ยขาว
3. ตัดกุ่ยช่ายขาว บ�ำรุงดินด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก ไม่ครอบ
กระถางปลอ่ ยเปน็ กุ่ยชา่ ยเขยี ว เพื่อให้พืชสงั เคราะห์แสง มีคลอโรฟิล เล้ยี งลำ� ตน้
4. ต้องทำ� สลบั กันไปเรอื่ ย ๆ จนกระทง่ั ต้นไม่สมบูรณ์จึงร้ือปลกู ใหม่

ผกั สามัญประจำ� บ้าน 16

เทคนคิ การปลูกผักสามัญประจำ� บา้ น 5 ชนดิ
พริกข้ีหนู

ลักษณะโดยทั่วไป

พริกขี้หนูสามารถปลูก
ไดใ้ นดนิ แทบทกุ ชนดิ แตด่ นิ ทเี่ หมาะสม
ท่ีสุด คือ ดินร่วนปนทรายท่ีมีการ
ระบายน้�ำได้ดี มีความเป็นกรดด่าง
6.0–6.8 ปลูกได้ตลอดปี เป็นพืชท่ีใช้
ส่วนของผลบริโภค ในรูปพริกสดและ
พริกแห้ง และสามารถใช้ประกอบ
อาหารได้หลายชนิด มรี สเผด็

การเพาะกล้าพริกขห้ี นู

1. ให้เตรียมดินละเอียดพร้อมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 2 : 1 และ
ใสด่ นิ ผสมดังกล่าวลงในถาดพลาสติกเพาะกล้า ขนาด 72 หรือ 104 หลมุ ต่อถาด หรอื หาก
เพาะในถุงพลาสติกให้ใช้ขนาด 2 x 3 น้ิว
2. ใช้เศษไม้เล็ก ๆ
กดลงไปในดินท่ีบรรจุอยู่ในถาด
เพาะกล้า หรือถุงพลาสตกิ ขนาด
ความลึก 0.5 เซนตเิ มตร
3. นำ� เมลด็ พรกิ ขหี้ นู
หยอดลงในหลุมปลูก หลุมละ
1–2 เมล็ด

17 กรมสง่ เสรมิ การเกษตร

4. กลบดนิ ผวิ หนา้ เมลด็ พรกิ ขหี้ นแู ลว้ รดนำ้� และควรปอ้ งกนั มดมาคาบเมลด็
ไปจากถาดพลาสตกิ เพาะกล้า โดยใช้ปูนขาวโรยล้อมถาดเพาะไว้
5. หลังเพาะนาน 7–10 วัน พริกเร่ิมงอก หมั่นรดน้�ำต้นกล้าพริกขี้หนู
ทกุ วัน ๆ ละ 1–2 คร้ัง ในช่วงเช้าและเย็นจนกระท่ังต้นกล้าพรกิ ขห้ี นูมีอายุ 25–30 วัน
จึงยา้ ยกล้าพริกข้ีหนูลงปลูกในกระถางหรือในแปลงปลูก

การปลูกในแปลงหรอื ในภาชนะปลูก

1. ถ้าปลูกในแปลง ควรเตรียมดนิ ปลกู
โดยใช้จอบขุดย่อยหน้าดินลึก 15–20 เซนติเมตร
และย่อยดินใหล้ ะเอียด ใสป่ ยุ๋ คอกหรอื ปุ๋ยหมกั หวา่ น
และคลกุ เคลา้ ใหเ้ ขา้ กับดนิ ในแปลง
2. ในกรณีปลูกในภาชนะต่าง ๆ ให้
ผสมดินปลูกในภาชนะโดยใช้ดินร่วนละเอียดผสมกับ
ปุ๋ยคอก หรือปุย๋ หมกั ในอตั รา 2 : 1 หรอื ดนิ รว่ นผสม
ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักและข้ีเถ้าแกลบหรือขุยมะพร้าว
อัตรา 1 : 1 : 1

ผกั สามัญประจำ� บา้ น 18

การดแู ลรกั ษา

ให้น้�ำอย่างสม่�ำเสมอ และในช่วงการติดผลต้องระมัดระวังให้น�้ำอย่าง
สมำ่� เสมออย่าให้ขาด
1. หลังยา้ ยปลูกแล้ว 7–10 วัน ให้ใส่ปุ๋ยยเู รียหรอื ปยุ๋ เคมี สตู ร 15–15–15
อตั ราต้นละ 1/4 ช้อนชา ควรโรยปุ๋ยห่างโคนต้นประมาณ 2–3 เซนตเิ มตรและรดน�ำ้ ทนั ที
2. ควรใสป่ ยุ๋ เคมสี ูตร 15–15–15 อตั ราต้นละ 1/4 ชอ้ นชา ทุก ๆ 15 วนั

การเก็บเกย่ี ว

หลงั ย้ายปลูกนาน 60 วนั พริกข้ีหนูเรม่ิ
ทยอยใหผ้ ลผลติ สามารถเกบ็ ผลผลติ ไดน้ าน 2–3 เดอื น
ควรหมน่ั เกบ็ ผลผลติ พรกิ ขห้ี นทู เ่ี รมิ่ แกอ่ อกมาใชบ้ รโิ ภค
และอาจตัดแต่งกิ่งหรือตัดต้นท่ีเป็นโรคหรือโทรม
เพ่ือท�ำให้ต้นแข็งแรงสามารถให้ผลผลิตรุ่นใหม่ได้ดีข้ึน
หากมีการดแู ลรกั ษาอยา่ งดี สามารถปลูกข้ามปไี ด้

19 กรมส่งเสริมการเกษตร

มะเขือเปราะ

ลักษณะโดยท่ัวไป

มะเขอื เปราะ มลี กั ษณะ
เป็นไม้พุ่มสูง 60–120 เซนติเมตร
เป็นพืชผักท่ีมีอายุยืน ใบมีขนาดใหญ่
เรียงตัวแบบสลับ ดอกมีขนาดใหญ่
สีม่วงหรือสีขาว เป็นดอกเด่ียว ผลมี
รปู รา่ งกลมแบนหรอื รปู ไข่ อาจมสี ขี าว
เขียว เหลือง ม่วง ข้ึนอยู่กับพันธุ ์
มีคุณสมบัติบรรเทาอาการของโรคเบาหวาน เน่ืองจากมะเขือเปราะมีสรรพคุณคล้ายกับ
อินซูลิน ลดปริมาณน�้ำตาลในเลือด ช่วยขับพยาธิ ลดการอักเสบ ช่วยให้ระบบย่อยและ
ระบบขับถ่ายทำ� งานดี

ผักสามัญประจำ� บา้ น 20

การเพาะกลา้ มะเขือเปราะ

1. ให้เตรียมดินละเอียดพร้อมปุ๋ยคอก
หรือปุ๋ยหมักในอัตรา 2 : 1 และใส่ดินผสมดังกล่าว
ลงในถาดพลาสติกเพาะกล้า ขนาด 72 หรอื 104 หลุม
ตอ่ ถาดหรอื หากเพาะในถงุ พลาสตกิ ใหใ้ ชข้ นาด 2 x 3 นว้ิ
2. ใชเ้ ศษไมเ้ ลก็ ๆ กดลงไปในดนิ ทบ่ี รรจุ
อยใู่ นถาดเพาะกล้าหรอื ถงุ พลาสตกิ ขนาดความลกึ 0.5
เซนตเิ มตร
3. น�ำเมล็ดมะเขือเปราะหยอดลงใน
หลุมปลกู หลุมละ 1–2 เมลด็
4. กลบดนิ ผวิ หนา้ เมลด็ มะเขอื เปราะแลว้ รดนำ้� และควรปอ้ งกนั มดมาคาบ
เมล็ดไปจากถาดพลาสตกิ เพาะกล้า โดยใชป้ ูนขาวโรยลอ้ มถาดเพาะไว้
5. หลงั เพาะนาน 7–10 วัน เมลด็ เริม่ งอก หมัน่ รดน้�ำตน้ กล้ามะเขือเปราะ
ทกุ วัน ๆ ละ 1–2 ครงั้ ในช่วงเชา้ และเยน็ จนกระทงั่ ตน้ กล้ามะเขอื เปราะมีอายุ 25–30 วัน
จงึ ยา้ ยกล้ามะเขือเปราะลงปลกู ในกระถางหรือในแปลงปลูก

การปลูกในแปลงหรือในภาชนะปลกู

1. ถ้าปลูกในแปลง ควรเตรียมดินปลูก โดยใช้จอบขุดย่อยหน้าดินลึก
15–20 เซนติเมตร และย่อยดินให้ละเอียด ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก หว่านและคลุกเคล้า
ใหเ้ ขา้ กบั ดนิ ในแปลง

21 กรมส่งเสริมการเกษตร

2. ในกรณีปลูกในภาชนะต่าง ๆ ให้ผสมดินปลูกในภาชนะโดยใช้ดินร่วน
ละเอยี ดผสมกับปุ๋ยคอก หรอื ปยุ๋ หมกั ในอัตรา 2 : 1 หรือดนิ ร่วนผสมปยุ๋ คอกหรือปุ๋ยหมัก
และขเี้ ถ้าแกลบหรอื ขยุ มะพรา้ ว อตั รา 1 : 1 : 1

การดูแลรักษา

ให้น้�ำอย่างสม�่ำเสมอ และในช่วงการติดผลต้องระมัดระวังให้น้�ำอย่าง
สม�่ำเสมออย่าให้ขาด
1. หลงั ยา้ ยปลูกแล้ว 7–10 วัน ใหใ้ ส่ปุ๋ยยูเรียหรอื ปุ๋ยเคมี สตู ร 15–15–15
อัตราตน้ ละ 1/4 ชอ้ นชา ควรโรยปุย๋ ห่างโคนตน้ ประมาณ 2–3 เซนติเมตรและรดน้�ำทนั ที
2. ควรใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15–15–15 อตั ราตน้ ละ 1/4 ช้อนชา ทกุ ๆ 15 วัน

การเก็บเกีย่ ว

หลังย้ายปลูกนาน 45–60 วัน มะเขือเปราะเร่ิมทยอยให้ผลผลิต สามารถ
เก็บผลผลิตไปบริโภคได้และหลังจากท่ีสามารถเก็บเก่ียวผลผลิตมะเขือเปราะไปแล้ว
ประมาณ 2 เดือน ควรตัดแต่งกิ่งออกบ้าง เพ่ือท�ำให้ล�ำต้นมะเขือเปราะเจริญเติบโต
แตกกิ่งก้านใหม่ท่ีมีความแข็งแรง จะให้ผลผลิตรุ่นใหม่ได้อีก และควรท�ำการตัดแต่ง
และบ�ำรงุ ต้นมะเขอื เปราะเช่นนี้ทกุ ๆ 2–3 เดอื น

ผกั สามญั ประจำ� บา้ น 22

โหระพา

ลกั ษณะโดยทั่วไป

โหระพา เป็นพืชล้มลุก
อายุส้ัน ล�ำต้นทรงพุ่มสูงประมาณ
60–70 เซนติเมตร ใบเขียว ก้านใบ
และลำ� ตน้ สมี ว่ ง ใบมกี ลน่ิ หอม โหระพา
เปน็ ผกั ทใี่ ชใ้ บบรโิ ภค ใชป้ รงุ แตง่ อาหาร
ใหม้ รี สชาตแิ ละกลน่ิ หอมนา่ รบั ประทาน

การเพาะเมล็ดส�ำหรับทำ� กลา้ โหระพา

ทำ� แปลงเพาะขนาดกวา้ ง 1 เมตร ความยาวแลว้ แตแ่ ปลง ยอ่ ยดนิ ใหล้ ะเอยี ด
คลุกเคลา้ ปยุ๋ คอกหรือปยุ๋ หมัก แล้วหวา่ นเมล็ดใหท้ ่วั แปลง หลังเพาะประมาณ 7–10 วนั
เมล็ดเร่ิมงอกดูแลรักษาต้นกล้าอายุประมาณ 25–35 วัน ก็สามารถย้ายปลูกได้ หรือ
อาจเพาะกล้าในถงุ พลาสติกขนาด 2 x 3 น้ิว โดยหยอด 2–3 เมล็ดตอ่ ถงุ
ในกรณีใช้ก่ิงพันธุ์ส�ำหรับปลูก ให้เลือกก่ิงที่ค่อนข้างแก่ และควรเป็นก่ิงสด
ความยาวประมาณ 10–15 เซนติเมตร หรือมีข้อประมาณ 5 ข้อข้ึนไป ใช้มีดคม ๆ
เฉือนบริเวณโคนต้น แล้วน�ำไปช�ำในภาชนะที่ใช้ดินผสม ดูแลรดน�้ำประมาณ 7–10 วัน
ตาใหม่จะเร่ิมแตกออกมา หรืออาจน�ำไปปลูกในภาชนะปลกู โดยตรงกไ็ ด้

23 กรมสง่ เสริมการเกษตร

การปลูกในแปลงหรอื ในภาชนะ

1. กรณปี ลกู ในแปลง ใชจ้ อบขดุ ยอ่ ยหนา้ ดนิ ใหล้ กึ ประมาณ 15–20 เซนตเิ มตร
ย่อยดินให้ละเอียดใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก หว่านคลุกเคล้าให้เข้ากับดินในแปลง ใช้ระยะ
ปลกู ระหวา่ งต้น 30 เซนติเมตร ระหวา่ งแถว 30–50 เซนตเิ มตร
2. กรณีปลูกในภาชนะต่าง ๆ เลือกภาชนะที่มีขนาดปานกลางมีน�้ำหนัก
ไม่มากหากต้องการปลูกแบบแขวน แต่พ้ืนที่ปลูกในภาชนะแบบตั้งอยู่บนพื้นดิน อาจใช้
ภาชนะใหญเ่ พ่อื ปลกู หลาย ๆ ตน้ หรอื ใช้ภาชนะขนาดเล็กเพื่อปลูกเพยี ง 1 ตน้ ก็ได้ ใชด้ นิ
ผสมใสล่ งในภาชนะและยา้ ยกล้าลงปลกู หรือน�ำกง่ิ มาปกั ชำ� กไ็ ดเ้ ชน่ กนั

การดแู ลรกั ษา

1. การใส่ป๋ยุ เม่ือตน้ โหระพาอายุ 10–15 วัน ใช้ปุ๋ยยูเรียหรอื แอมโมเนยี
ซลั เฟต 1–2 ชอ้ นชา ตอ่ นำ้� 1 ลิตร รดทุก 5–7 วนั และเมอ่ื ตน้ โหระพาอายุ 25–30 วัน
ใส่ปุ๋ย 15–15–15 อัตรา 1 ช้อนชาต่อต้น ให้ทุก 20–25 วัน โดยโรยห่างโคนต้น 3–5
เซนตเิ มตร หรอื จะใชป้ ยุ๋ คอกหรอื ปยุ๋ หมกั อยา่ งสมำ่� เสมอ โดยใชป้ ยุ๋ วทิ ยาศาสตรน์ อ้ ยลงกไ็ ด้
2. การใหน้ ้�ำ ให้น�้ำอยา่ งเพียงพอและสมำ�่ เสมอทกุ วนั
3. การก�ำจัดวัชพืช ควรก�ำจัดวัชพืชทุกคร้ังที่มีการให้ปุ๋ยและเมื่อมีวัชพืช
รบกวน

การเกบ็ เกยี่ ว

หลังปลูกประมาณ 30–35 วัน ก็สามารถเก็บเก่ียวได้โดยใช้มือเด็ดหรือ
กรรไกรตัดกิ่งที่มียอดอ่อนไปบริโภค
และถ้าต้นโหระพาออกดอกควร
หม่นั ตดั แตง่ ดอกท้งิ เพอื่ ใหโ้ หระพามี
ทรงพุ่มทแ่ี ข็งแรงและมอี ายุยืนยาว

ผักสามญั ประจำ� บ้าน 24

กะเพรา

ลักษณะโดยทว่ั ไป

กะเพรา เป็นพืชล้มลุก
ท่ีมีอายุข้ามปีล�ำต้นเป็นทรงพุ่มสูง
ประมาณ 70–80 เซนติเมตร ล�ำต้น
และใบมีขนเล็กน้อย ใบมีสีเขียวและ
สีม่วง ใบมีกลิ่นหอม กะเพราเป็นพืช
ท่ีใช้ใบประกอบปรุงแต่งอาหาร เพ่ือ
ดับกลิ่นคาวและท�ำให้อาหารมีรสชาติ
และกล่นิ หอมนา่ รบั ประทาน

การเพาะเมล็ดส�ำหรับทำ� กล้ากะเพรา

ท�ำแปลงเพาะขนาดความกว้าง 1 เมตร ความยาวแล้วแต่แปลง ย่อยดิน
ให้ละเอยี ด คลกุ เคล้าปุย๋ คอกหรือปุ๋ยหมกั แล้วหวา่ นเมลด็ ให้ทว่ั แปลง หลังเพาะประมาณ
7–10 วัน เมล็ดเร่ิมงอก ดูแลรักษาต้นกล้าอายุต้นกล้าประมาณ 25–30 วัน ก็สามารถ
ยา้ ยปลูกได้

25 กรมส่งเสรมิ การเกษตร

การเตรยี มดินปลกู และการยา้ ยกลา้ ปลูก

ใช้จอบขุดดินลกึ ประมาณ 15–20 เซนตเิ มตร หรือ 1 หน้าจอบ ใสป่ ๋ยุ คอก
หรือปุ๋ยหมักลงแปลงกว้าง 1 เมตร ความยาวแล้วแต่ขนาดแปลง ขุดหลุมปลูกขนาดลึก
1/2 หน้าจอบ ใช้ระยะห่างระหว่างต้น 30 เซนติเมตร ระหว่างแถว 60 เซนติเมตร
น�ำตน้ กล้าลงปลูกในหลุมปลูกแลว้ รดน้�ำตาม

การดูแลรกั ษา

1. การใสป่ ยุ๋ เมอื่ ตน้ กะเพราอายุ
10–15 วัน ใช้ปุ๋ยยูเรียหรือแอมโมเนียซัลเฟต
1–2 ช้อนชา ต่อน�ำ้ 10 ลิตร รดทกุ 5–7 วนั
และเมื่อต้นกะเพราอายุ 25–30 วัน ใส่ปุ๋ย
15–15–15 อัตรา 1 ช้อนชาต่อต้น ให้ทุก
20–25 วนั โดยโรยห่างโคนต้น 1–2 น้ิว หรอื
จะใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักอย่างสม่�ำเสมอโดย
ใชป้ ุ๋ยวิทยาศาสตรน์ อ้ ยลงกไ็ ด้
2. การใหน้ ำ�้ ใหน้ ำ้� อยา่ งเพยี งพอ
และสมำ�่ เสมอทุกวัน
3. การกำ� จัดวัชพชื ควรก�ำจดั
วัชพืชทุกครั้งท่ีมีการให้ปุ๋ยและเมื่อมีวัชพืช
รบกวน

การเก็บเกีย่ ว

หลังปลูกประมาณ 30–35 วัน ก็สามารถเก็บเก่ียวได้โดยใช้มือหรือ
กรรไกรตัดกิ่งท่ีมียอดอ่อนไปบริโภค และถ้าต้นกะเพราออกดอกควรหม่ันตัดแต่งดอกทิ้ง
เพอ่ื ให้กะเพรามีทรงพุ่มท่ีแขง็ แรงและมีอายยุ ืนยาว

ผักสามัญประจำ� บา้ น 26

ชะอม

ลกั ษณะโดยท่วั ไป

ชะอม เป็นพืชก่ึงพุ่ม
กึ่งเล้ือย ล�ำต้นและก่ิงก้านมีหนาม
แหลม ใบเป็นใบประกอบลักษณะ
คล้ายใบกระถิน ใบอ่อนมีกลิ่นฉุน
ท�ำให้มีแมลงศัตรูพืชน้อยชนิดท่ีกล้า
เข้ามายุ่ง นอกจากน้ี ยังมีสารเบต้า
แคโรทนี ทช่ี ว่ ยปอ้ งกนั โรคมะเรง็ ไดด้ ว้ ย

การเตรยี มกิง่ พันธ์ุหรือกิง่ ตอน

ชะอม สามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยวิธีการปักช�ำ ตอนก่ิง และการโน้มก่ิง
ทม่ี ขี อ้ ปกั ดนิ และเพาะเมลด็ วธิ ที สี่ ะดวกคอื ใหเ้ ลอื กกง่ิ พนั ธท์ุ ไี่ มอ่ อ่ นหรอื แกเ่ กนิ ไป ไมเ่ ปน็ โรค
ตัดเป็นท่อนยาวประมาณ 30 เซนติเมตร หรือเลือกใช้ก่ิงพันธุ์ขนาดยาวประมาณ
30 เซนติเมตร ทีม่ ีรากแขง็ แรง อายุประมาณ 45 วัน เปน็ กง่ิ พนั ธห์ุ รอื ท่อนพันธ์ใุ นการปลูก

การปลกู ในแปลงหรอื ในภาชนะปลูก

1. ปลูกในพื้นที่โปร่ง และได้รับแสงแดดตลอดท้ังวัน เป็นท่อนพันธุ์
ให้ใชร้ ะยะปลูก 50 x 50 เซนติเมตร โดยขดุ หลมุ ปลูก ใส่ปุย๋ คอกหรือปยุ๋ หมกั 1–2 กำ� มือ
คลุกเคล้ากับดินให้เข้ากัน ใช้ระยะปลูกประมาณ 1 x 1 เมตร โดยวางกิ่งพันธุ์ให้เอียง
45 องศา ในหลุมท่ีเตรียมไว้ แล้วกลบดินให้แน่น โดยปกติจะนิยมปลูกในช่วงฤดูฝน
เพราะไมต่ ้องดูแลมากนกั

27 กรมสง่ เสรมิ การเกษตร

2. การปลูกในภาชนะ ให้เลือกภาชนะท่ีมขี นาดใหญ่ มีความลึกไม่ตำ่� กว่า
50 เซนตเิ มตร โดยใชส้ ว่ นผสมของดนิ ปยุ๋ คอกหรอื ปยุ๋ หมกั และขยุ มะพรา้ วหรอื ขเี้ ถา้ แกลบ
ในอัตราเทา่ กนั

การดแู ลรักษา

1. การให้น้ำ� พิจารณาให้น�้ำตามสภาพความช้ืนในพ้นื ทป่ี ลกู ใหน้ ำ�้ 2 วัน
ครงั้ ในชว่ งแรก และลดความถีใ่ นการใหน้ �้ำลงเหลอื อาทติ ย์ละคร้งั
2. ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ประมาณ
1–2 ก�ำมือ เดือนละครั้ง ก�ำจัดวัชพืชพร้อมกับการ
พรวนดนิ เมอ่ื ตน้ ชะอมเจรญิ เติบโตได้ดแี ล้ว ควรมกี าร
ตดั แตง่ เพอ่ื กระตุ้นให้เกดิ ยอดอ่อน โดยอาจจะเหลือ
ต้นยาวประมาณ 30 เซนติเมตรจากโคน เพ่ือให้
แตกกิ่งใหม่ หรือให้เล้ียงให้ได้ทรงพุ่มสูงประมาณ
1–1.5 เมตร เพอื่ สะดวกในการเกบ็
3. การป้องกันก�ำจัดโรคและแมลง
ท่ีพบสำ� คัญ ได้แก่ โรครากเน่า โคนเน่า ใหแ้ ก้ไขโดย
ใส่ปูนขาวเพื่อปรับสภาพดิน หรือใช้สารก�ำจัด
เชื้อราในดินเป็นครั้งคราว แมลงศัตรูท่ีพบ ได้แก่
หนอน หากพบให้จับทิ้งนอกพืน้ ที่ หรือใชส้ ารสะเดาในการปอ้ งกันและกำ� จดั

การเก็บเกยี่ ว

เริ่มเก็บเกี่ยวได้เม่ือชะอมอายุประมาณ
3 เดอื นขน้ึ ไป เกบ็ ไดท้ กุ 3 วนั ตอ่ ครง้ั การตดั ชะอมควรตดั
ในตอนเช้าตรู่ โดยใช้มีดบางและคมตัดเพ่ือให้แผลท่ีตัด
ไม่ช้�ำ ในช่วงฤดูหนาว ชะอมจะไม่ค่อยแตกยอด และ
ไม่ควรเก็บยอดจนหมดต้น ควรให้เหลือยอดชะอมไว้
ประมาณ 3–4 ยอดตอ่ ต้น

ผกั สามัญประจำ� บ้าน 28

บรรณานุกรม

กรมวิชาการเกษตร. 2545. การจัดการคณุ ภาพพชื ผกั . กรงุ เทพฯ.
กรมสง่ เสรมิ การเกษตร. 2551. คมู่ อื การปฏบิ ตั งิ านสำ� หรบั เจา้ หนา้ ท่ี โครงการปลกู

ผกั สามัญประจำ� บ้าน เพ่อื ลดคา่ ใชจ้ า่ ยในครวั เรือนของชมุ ชนเมอื ง ปี 2551.
เอกสารโรเนยี ว.
กรมส่งเสรมิ การเกษตร. 2557 การผลิตพชื ผักปลอดภัย. กรุงเทพฯ.

29 กรมส่งเสรมิ การเกษตร

เผอกั กสสาามรัญค�ำปแรนะะจนำ� ำ� บท้าี่ น7 /2558

ท่ีปรกึ ษา

นายโอฬาร พิทกั ษ์ อธิบดกี รมสง่ เสริมการเกษตร
นายสรุ พล จารพุ งศ์ รองอธบิ ดกี รมสง่ เสริมการเกษตร ฝา่ ยบรหิ าร
นายไพรัช หวังด ี รองอธิบดีกรมสง่ เสรมิ การเกษตร ฝา่ ยวิชาการ
นายสงกรานต์ ภักดีคง รองอธบิ ดกี รมสง่ เสริมการเกษตร ฝา่ ยสง่ เสรมิ และฝกึ อบรม
นางสกุ ญั ญา อธิปอนนั ต ์ ผ้อู ำ� นวยการส�ำนักพัฒนาการถา่ ยทอดเทคโนโลยี
นางอรสา ดสิ ถาพร ผูอ้ �ำนวยการส�ำนกั สง่ เสริมและจดั การสินคา้ เกษตร

เรยี บเรียง

นางสาวจริ าภา จอมไธสง ผู้อ�ำนวยการกลุม่ ส่งเสริมพชื ผกั และเหด็
นายปิยณัฐ วงษว์ ิสทิ ธิ ์ นักวชิ าการเกษตร
กลมุ่ สง่ เสริมพชื ผักและเห็ด
ส�ำนกั สง่ เสรมิ และจดั การสนิ คา้ เกษตร
กรมส่งเสริมการเกษตร

จดั ทำ�

นางอมรทิพย์ ภิรมย์บูรณ ์ ผอู้ ำ� นวยการกล่มุ พฒั นาสอ่ื สง่ เสรมิ การเกษตร
นางอุบลวรรณ อารยพงศ์ นกั วิชาการเผยแพรช่ ำ� นาญการ
นางสาวอำ� ไพพงษ์ เกาะเทียน นกั วชิ าการเผยแพร่ช�ำนาญการ
กลุ่มพฒั นาสือ่ สง่ เสริมการเกษตร
ส�ำนักพัฒนาการถา่ ยทอดเทคโนโลยี
กรมสง่ เสริมการเกษตร


Click to View FlipBook Version