The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

unit 2

unit 2

หน่วยที่ 2

หลกั การดาเนินงานฟารม์

เบญ็ จางค์ อ่สู ุวรรณ

หน่วยท่ี 2
หลกั การดาเนินงานฟาร์ม

หวั เรื่อง
1. ระบบการทาฟาร์ม
2. องคป์ ระกอบการจดั การฟาร์ม
3. การวางแผนและงบประมาณฟาร์ม

ระบบการทาฟาร์ม

ความหมายของระบบการทาฟาร์ม
ระบบการทาฟาร์ม (Farming Systems) หมายถึง ระบบการเกษตรของเกษตรกรโดยการใชป้ ระโยชน์
จากทรัพยากรท่ีมีอยใู่ นครัวเรือน มีองคป์ ระกอบหรือกิจกรรมหลาย ๆ อยา่ ง แต่ละกิจกรรมมีความสมั พนั ธ์ซ่ึงกนั
และกนั และแต่ละกิจกรรมต่างกม็ ีปัจจยั หลายอยา่ งมาเกี่ยวขอ้ ง เช่น ปัจจยั ทางกายภาพ ชีวภาพ เศรษฐกิจสงั คม
และส่ิงแวดลอ้ มตามธรรมชาติ การเปล่ียนแปลงกิจกรรมหน่ึงจะมีผลกระทบไปถึงกิจกรรมอื่น ๆ ดว้ ย
ระบบการทาฟาร์มมิไดห้ มายถึงเพียงพืชต่าง ๆ มีสตั วต์ า่ ง ๆ ที่เล้ียง หรือกิจกรรมอ่ืน ๆ ในฟาร์มเทา่ น้นั แต่
หมายถึงขอบข่ายเชื่อมโยงอนั สลบั ซบั ซอ้ นของดิน พืช สัตว์ แรงงาน เครื่องมือ และปัจจยั การผลิตต่าง ๆ ท่ี
เกษตรกรมีอยรู่ วมท้งั อิทธิพลของสภาพแวดลอ้ มทางกายภาพ ชีวภาพ เศรษฐกิจและสังคม ซ่ึงเป็นเง่ือนไขของ
เกษตรกรในการผลิตตลอดจนการปรับเทคโนโลยกี ารผลิตใหเ้ หมาะสมและสอดคลอ้ งกบั สภาพแวดลอ้ ม
ดงั กล่าว เพอื่ ใหบ้ รรลุวตั ถุประสงค์ เป้ าหมายและความพอใจของเกษตรกร
ความหมายของคาท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ระบบการทาฟาร์ม
พชื เป็นองคป์ ระกอบสาคญั ของระบบการทาฟาร์ม ท้งั น้ีเพราะพืชเป็นอาหาร ยารักษาโรค ที่อยอู่ าศยั
ธาตุอาหารบารุงดิน ซ่ึงเป็นส่วนสาคญั ของสภาพแวดลอ้ มตามธรรมชาติ มนุษยพ์ ยายามที่จะจดั ระบบการปลูก
พชื ใหส้ ะดวกและง่ายตอ่ การดูแลรักษาและเก็บเก่ียวผลผลิต จึงไดเ้ ปล่ียนระบบจากการท่ีปล่อยใหพ้ ชื ที่ปลูกข้ึน
ปะปนกนั อยา่ งไม่เป็นระเบียบ เช่น ในสภาพธรรมชาติมาเป็นการปลูกอยา่ งเป็นแถวเป็ นแนวบา้ ง หวา่ นเป็ นผนื
เดียวกนั บา้ ง ซ่ึงสามารถแบง่ ระบบการปลูกพชื ตามวธิ ีการปลูก
ระบบการปลูกพืช (Cropping System) เป็นกิจกรรมเก่ียวกบั การผลิตพืชในฟาร์มหน่ึง ๆรวมไปถึง
องคป์ ระกอบตา่ ง ๆ ท่ีจาเป็นสาหรับการปลูกพืช และความสมั พนั ธ์ระหวา่ งพชื กบั สิ่งแวดลอ้ มซ่ึงปัจจุบนั มี
ลกั ษณะของระบบการปลูกพชื แบบต่าง ๆ มากมาย แบ่งระบบการปลูกพืชไดก้ วา้ ง ๆ
ออกเป็ น 6 ระบบ คือ

1. ระบบการปลูกพืชร่วม(Intercropping) หมายถึง ระบบการปลูกพชื ต้งั แต่สองชนิดร่วมกนั ในเวลา
เดียวกนั หรือเวลาใกลเ้ คียงกนั อาจเป็นรูปแบบใดก็ไดใ้ น2 รูปแบบ ดงั น้ี

1.1 การปลูกแบบแซมเป็นแถว (Row Intercropping) หมายถึง ระบบการปลูกพชื ร่วมท่ีมีอยา่ ง
นอ้ ยหน่ึงชนิดท่ีปลูกเป็นแถว ที่เหลือนอกจากน้ีอาจจะปลูกเป็นแถวสลบั กบั พชื แรกหรือปลูกไมเ่ ป็นแถวอยใู่ น
ระหวา่ งแถวของพืชแรกกไ็ ด้

1.2 การปลูกแบบผสม (Mixed Intercropping) หมายถึง การปลูกพืชร่วมท่ีไม่เป็นแถวเป็ นแนว
โดยปลูกผสมกนั ไปตามความเหมาะสมของสภาพท่ีตอ้ งการตามธรรมชาติเช่นเดียวกบั สภาพป่ าไมใ้ นธรรมชาติ
การปลูกพืชร่วมในเวลาเดียวกนั ใชเ้ คร่ืองหมาย + แสดงการร่วมของระบบ เช่น ขา้ วโพด + ถว่ั ลิสง หมายถึง การ
ปลูกขา้ วโพดร่วมกบั ถว่ั ลิสง ในเวลาเดียวกนั เป็นตน้

2. ระบบการปลูกแบบรับช่วง (Relay Cropping) หมายถึง ระบบการปลูกพชื ที่สองขณะท่ีพืชแรกยงั ไม่
เก็บเกี่ยว และหลงั จากพืชแรกออกดอก โดยปลูกในพ้นื ท่ีเดียวกนั ซ่ึงอาจปลูกระหวา่ งแถว (inter – row) หรือ
ปลูกผสม (Mixed) ก็ได้

การปลูกแบบรับช่วงร่วมกนั ใชเ้ ครื่องหมาย – แสดงการร่วมในระบบ เช่น ขา้ ว – ถวั่ เหลือง หมายถึง
การปลูกขา้ วแลว้ รับช่วงโดยการปลูกถวั่ เหลืองก่อนการเก็บเกี่ยวขา้ ว เป็นตน้

3. การปลูกพชื หมุนเวยี น(Crop Rotation) การปลูกพชื สองชนิด หรือมากกวา่ ลงบนพ้นื ที่เดียวกนั แต่วา่
ปลูกไมพ่ ร้อมกนั โดยมีการจดั ลาดบั พืชที่ปลูกอยา่ งมีระเบียบ (Regular Sequence)

ชนิดของพืชและหลกั ปฏิบตั ิในการปลูกพชื หมุนเวยี น
- เลือกพชื ใหเ้ หมาะสมกบั ดิน ภมู ิประเทศ และภมู ิอากาศ พืชที่เลือกควรสามารถปรับตวั เขา้ กบั
สภาพแวดลอ้ มได้ เช่น ไมเ่ ป็นพืชที่ตอ้ งมีการพรวนดินบ่อยคร้ัง
- ในระบบการปลูกพชื หมุนเวยี นตอ้ งมีพชื ตระกลู ถวั่ หรือตระกลู หญา้ ซ่ึงมีการเจริญเติบโตอยา่ ง
หนาแน่น เพ่ือเป็นการรักษาหรือเพ่มิ ปริมาณไนโตรเจน และอินทรียวตั ถุในดิน เพราะพืชบางชนิดท่ีปลูกใน
ระบบพชื หมุนเวยี นจะนาไนโตรเจนจากดินไปใชเ้ ป็นจานวนมากในแต่ละปี เช่น ขา้ วโพด มนั ฝรั่ง ยาสูบ ฝ้ าย
เป็นตน้ ตามปกติในระบบการปลูกพืชหมุนเวยี นจะมีการปลูกพืชตระกลู ถว่ั ผสมกบั หญา้ ต้งั แต่ 1 ใน 4 ถึง 1 ใน
3 ของพ้นื ท่ีปลูกพืชหมุนเวยี น หรือมากกวา่
- การเลือกลาดบั พืช การจดั ลาดบั พืชที่ปลูกก่อนหลงั จะมีอิทธิพลตอ่ ผลผลิตพืชที่ปลูก ตามมา เช่น
ขา้ วโพดท่ีปลูกตามหลงั พืชตระกลู ถว่ั ท่ีมีรากหยงั่ ลึก ทาใหข้ า้ วโพดไดผ้ ลผลิตสูงกวา่ เพราะรากสามารถชอนไช
ไปในดินไดม้ ากกวา่ และไดร้ ับไนโตรเจนจากเศษเหลือของพชื ตระกลู ถวั่ การจดั ลาดบั พืชในระบบพชื
หมุนเวยี นมีความสาคญั ในเขตพ้นื ที่ค่อนขา้ งแหง้ แลง้ เพราะจะทาใหม้ ีความช้ืนในดินเหลืออยแู่ ตกตา่ งกนั
แลว้ แต่ชนิดของพืชท่ีมีระบบรากแตกต่างกนั เช่น ขา้ วโพดจะมีรากต้ืน เมื่อเปรียบเทียบกบั ขา้ งฟ่ าง พชื ท่ีปลูก

หลงั ขา้ วโพดจึงมีปริมาณความช้ืนท่ีเป็นประโยชน์เหลือที่จะใชม้ ากกวา่ พืชที่ปลูกตามขา้ วฟ่ าง ทาใหผ้ ลผลิตของ
พชื ท่ีปลูกตามขา้ วโพดสูงกวา่ พืชที่ปลูกตามขา้ วฟ่ าง เป็นตน้

4. ระบบการปลูกแบบทวกิ สิกรรมหรือแบบรวม (Double of Sequential Cropping) หมายถึง ระบบการ
ปลูกพืชแรกจนเกบ็ เกี่ยวแลว้ จึงปลูกพืชที่สองตามทนั ทีหรือเวน้ ช่วงไมน่ านนกั โดยเฉพาะในสภาพของพ้ืนที่ที่
ยงั มีความช้ืนและน้าในดินเหลือจากการปลูกพืชแรกเพียงพอตอ่ การเจริญเติบโตและใหผ้ ลผลิตของพืชท่ีสอง

5. ระบบการปลูกแบบตา่ งระดบั (Multi – Storeyed Cropping) หมายถึง การปลูกพชื ที่มีความสูงและ
ความตอ้ งการแสงสวา่ งแตกต่างกนั ในพ้นื ที่เดียวกนั เช่น พืชตระกลู ถว่ั โกโก้ กาแฟ พริกไทย กานพลู และ
มะพร้าว ในพ้ืนท่ีและในเวลาเดียวกนั ซ่ึงแต่ละชนิดมีความสูงและความตอ้ งการแสงแดดแตกต่างกนั และ
สามารถอยรู่ ่วมกนั ได้

6. ระบบการปลูกแบบราทูน (Ratoon Cropping) หมายถึง การใชพ้ ชื ท่ีสามารถจะยดื ระยะเวลาให้
ผลผลิตไดม้ ากกวา่ หน่ึงฤดูกาลโดยไมต่ อ้ งมีการปลูกใหม่ โดยใชว้ ธิ ีการตดั ใหเ้ หลือตอซ่ึงจะแตกก่ิงกา้ นและให้
ผลไดใ้ หม่ เช่น ฝ้ าย ออ้ ย ขา้ วฟ่ าง สับปะรด ละหุ่ง เป็นตน้

ประเภทของระบบการทาฟาร์ม
การทากิจกรรมการเกษตรของเกษตรกรมีความแตกตา่ งกนั ในแตล่ ะครัวเรือน มีการจดั สรรทรัพยากรท่ี
มีอยอู่ ยา่ งมีระบบ ซ่ึงเกิดจากการเรียนรู้และประสบการณ์ การจดั ระบบการทาฟาร์ม โดยการปลูกพืชหลายชนิด
ในพ้ืนที่เดียวกนั ยอ่ มแก่งแยง่ ปัจจยั สาคญั ในการเจริญเติบโตร่วมกนั การใชว้ ธิ ีใดกต็ ามที่เป็นการลดการแขง่ ขนั
การเจริญเติบโตของพืชดงั กล่าวใหน้ อ้ ยที่สุด และการใหป้ ระโยชน์ซ่ึงกนั และกนั ตลอดจนการใหป้ ระโยชนแ์ ก่
เกษตรกรมากท่ีสุด นบั วา่ เป็ นการจดั ระบบการทาฟาร์มที่ดี ถา้ พจิ ารณาระบบการทาฟาร์ม (Farming Systems)
ตามลกั ษณะของพืชที่ปลูก สามารถแบง่ ระบบการทาฟาร์ม ได้ 4 ประเภทคือ
1. ระบบการทาฟาร์มที่มีขา้ วเป็นพืชหลกั (Rice Base Farming System)
เป็นระบบการทาฟาร์มในสภาพที่ราบลุ่มท่ีมีการปลูกขา้ วเป็นพืชหลกั ในฤดูฝน ตามดว้ ยพืชอ่ืน ๆ
(พืชไร่ พืชผกั ก่อนหรือหลงั การปลูกขา้ ว)
ตวั อยา่ ง การปลูกพืชท่ีมีขา้ วเป็นพชื หลกั
ขา้ วนาปี – ขา้ วนาปรัง
ขา้ วนาปี – พชื ผกั
ถว่ั เขียว – ขา้ วนาปี – ขา้ วโพดฝักออ่ น
งา – ขา้ วนาปี – ถว่ั เหลือง
ขา้ วนาปี – ถว่ั ลิสง – ขา้ วโพดหวาน

2. ระบบการทาฟาร์มที่มีพชื ไร่เป็นพชื หลกั (Field Crop Base Farming System)
เป็นระบบการทาฟาร์มในท่ีดอน ซ่ึงเกษตรกรปลูกพืชไร่เป็ นพชื หลกั แลว้ ตามดว้ ยพืชอ่ืน ๆ
ตวั อยา่ ง การปลูกพชื ท่ีมีพืชไร่เป็นพชื หลกั
ขา้ วโพด – ถวั่ ลิสง
ขา้ วโพด – ขา้ งฟ่ าง
ขา้ วโพดฝักอ่อน – ถว่ั เหลือง – ขา้ วโพด
งา – ขา้ วโพด – ขา้ วฟ่ าง
3. ระบบการทาฟาร์มท่ีมีพืชสวนเป็นพชื หลกั (Perennial Crop Base Farming System)
เป็นระบบการทาฟาร์มท้งั ในสภาพท่ีดอนและที่ลุ่ม โดยมีพชื สวนปลูกเป็นพืชหลกั ซ่ึงในสภาพท่ีลุ่ม
จาเป็นตอ้ งปลูกแบบยกร่อง ส่วนในสภาพท่ีดอนไมจ่ าเป็ นตอ้ งปลูกแบบยกร่อง
ในการจดั ระบบการทาฟาร์มท่ีมีพชื สวนเป็นหลกั น้นั นิยมปลูกไมผ้ ลเป็นพชื หลกั และปลูกไมผ้ ล พืชผกั
พชื ไร่ เป็นพืชแซม ซ่ึงพืชแซมเหล่าน้ีส่วนใหญจ่ ะเป็นพชื ท่ีสามารถทาเงินใหเ้ กษตรกรภายในระยะเวลาอนั ส้ัน
ไมผ้ ลท่ีแนะนาใหป้ ลูกเป็นพืชหลกั ไดแ้ ก่ ส้มโอ กระทอ้ น ขนุน มะขามหวาน มะมว่ ง มะปรางหวาน
ลองกอง มงั คุด
ไมผ้ ลท่ีแนะนาใหป้ ลูกเป็นพืชแซม ไดแ้ ก่ ไมผ้ ลท่ีกล่าวในขา้ งตน้ แตป่ ลูกระยะชิดเพื่อการขยายพนั ธุ์
เช่น พทุ รา นอ้ ยหน่า ฝร่ัง กลว้ ย มะละกอ
พืชผกั ท่ีแนะนาใหป้ ลูกเป็นพืชแซม ไดแ้ ก่ มะเขือ ฟัก แตงกวา มะระ ถวั่ ฝักยาว ขา้ วโพดฝักออ่ น
แตงไทย พริก ตะไคร้ โหระพา สะระแหน่
พืชไร่ที่แนะนาใหป้ ลูกเป็นพืชแซม ไดแ้ ก่ ถวั่ เหลืองรับประทานฝักสด ถว่ั ลิสง
4. ระบบการทาฟาร์มแบบไร่นาสวนผสม และการเกษตรแบบผสมผสาน (Mixed Farming and
Integrated Farming System)
เป็นระบบการเกษตรท่ีมีการปลูกพชื หรือเล้ียงสตั ว์ ประมง และกิจกรรมอื่นๆ หลายชนิดในฟาร์ม เพ่อื
ตอบสนองต่อการบริโภค เพื่อลดความเสี่ยงจากราคาผลผลิตท่ีไม่แน่นอน อาจมีการจดั การใหก้ ิจกรรมการผลิต
ผสมผสานเก้ือกลู กนั เพ่อื ลดตน้ ทุนการผลิตและคานึงถึงสภาพแวดลอ้ ม เช่นการปลูกไมย้ นื ตน้ ในนา การเล้ียง
หมูควบคูก่ บั การเล้ียงปลาในนาขา้ ว เป็นตน้
รูปแบบระบบการเกษตรแบบยง่ั ยนื ท่ีเหมาะสม
หมายถึง ระบบการผลิตทางการเกษตรหรือระบบฟาร์มในรูปแบบต่าง ๆ ท่ีเหมาะสมกบั
ภมู ินิเวศของแต่ละพ้นื ที่ จดั เป็นระบบการผลิตที่เหมาะสม (Appropriate production system)

กบั สภาพทรัพยากรและส่ิงแวดลอ้ มในไร่นาที่แตกตา่ งกนั ออกไป ซ่ึงรูปแบบของระบบการผลิตทางการเกษตร
แบบยง่ั ยนื น้นั จาแนกออกเป็ นลกั ษณะต่าง ๆ ตามองคป์ ระกอบที่สาคญั และมีหลากหลายรูปแบบหรือช่ือเรียกท่ี
ไมเ่ หมือนกนั ก็ได้ ตามแตล่ กั ษณะการผลิตวา่ จะเนน้ หนกั ดา้ นใด หรือมีจุดเด่นท่ีตา่ งกนั ออกไปอยา่ งไรรูปแบบ
หลกั ๆ ท่ีชดั เจนและเป็นท่ีเขา้ ใจกนั ทวั่ ไป ไดแ้ ก่

1. เกษตรผสมผสาน (Integrated farming) เนน้ กิจกรรมการผลิตมากกวา่ สองกิจกรรมข้ึนไปในเวลา
เดียวกนั และกิจกรรมเหล่าน้ีเก้ือกลู ซ่ึงกนั และกนั เป็นการสร้างมลู ค่าเพ่มิ ใหม้ ากข้ึนจากการใชป้ ระโยชน์
ทรัพยากรท่ีดินที่มีจากดั ในไร่นาใหเ้ กิดประโยชน์สูงสุด

จุดเด่น คือ เป็นการจดั การความเสี่ยง (Risk management) และการประหยดั ทางขอบข่าย (Economy of
scope)

2. เกษตรอินทรีย์ (Organic farming) เนน้ หนกั การผลิตที่ไม่ใชส้ ารอนินทรียเ์ คมี หรือเคมีสงั เคราะห์ แต่
สามารถใชอ้ ินทรียเ์ คมีได้ เช่น สารสกดั จากสะเดา ตะไคร้หอม หรือสารสกดั ชีวภาพ เพ่อื เพ่ิมความอุดมสมบูรณ์
แก่ทรัพยากรดิน

จุดเด่น คือ เป็นการสร้างความปลอดภยั ดา้ นอาหาร(Food safety) ใหแ้ ก่ผบู้ ริโภค
3. เกษตรธรรมชาติ (Natural farming) เนน้ หนกั การทาเกษตรท่ีไม่รบกวนธรรมชาติ หรือ รบกวนให้
นอ้ ยท่ีสุดที่จะทาได้ โดยการไมไ่ ถพรวน ไมใ่ ชส้ ารเคมี ไม่ใชป้ ๋ ุยเคมี และไม่กาจดั วชั พชื แตส่ ามารถมีการคลุม
ดินและใชป้ ๋ ุยพชื สดได้
จุดเด่น คือ เป็นการฟ้ื นฟูความสมดุลของระบบนิเวศ(Rehabilitation of ecological balance) และลดการ
พ่ึงพาปัจจยั ภายนอก
4. เกษตรทฤษฎีใหม่ (New theory agricultural) เนน้ หนกั การจดั การทรัพยากรน้าในไร่นาใหเ้ พียงพอ
เพ่อื ผลิตพืชอาหาร โดยเฉพาะขา้ วเอาไวบ้ ริโภคในครัวเรือน รวมท้งั มีการผลิต อ่ืน ๆ เพ่ือบริโภคและจาหน่าย
ส่วนท่ีเหลือแก่ตลาด เพ่อื สร้างรายไดอ้ ยา่ งพอเพยี ง
จุดเด่น คือ เป็นการสร้างความมน่ั คงดา้ นอาหาร (Foodsecurity) ซ่ึงเป็นข้นั พ้นื ฐานของเศรษฐกิจ
พอเพยี งระดบั ครัวเรือน
5. วนเกษตร (Agroforesty) เนน้ หนกั การมีตน้ ไมใ้ หญแ่ ละพชื เศรษฐกิจหลายระดบั ท่ีเหมาะสมกบั แตล่ ะ
พ้นื ที่ เพื่อการใชป้ ระโยชนป์ ่ าไมข้ องพชื หรือสตั วช์ นิดตา่ ง ๆ ที่เก้ือกลู กนั ท้งั ยงั เป็นการเพม่ิ พ้นื ที่ของทรัพยากร
ป่ าไมท้ ่ีมีจากดั ไดอ้ ีกทางหน่ึง
จุดเด่น คือ เป็นการคงอยรู่ ่วมกนั ของป่ าและการเกษตรท้งั ยงั เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ
(Biodiversity

องค์ประกอบการจัดการฟาร์ม

องคป์ ระกอบการจดั การฟาร์ม ประกอบดว้ ย ท่ีดิน ทุน แรงงาน และการจดั การ
การใชท้ ่ีดินเพื่อการผลิต
ท่ีดิน (Land)
ท่ีดิน เป็นปัจจยั สาคญั อยา่ งหน่ึงไมว่ า่ จะผลิตทางดา้ นการเกษตร หรืออุตสาหกรรมอยา่ งไรก็ตาม ใน
ดา้ นการเกษตรน้นั ท่ีดินถือวา่ มีความสาคญั พิเศษ โดยปกติแลว้ ท่ีดินมีคุณลกั ษณะที่แตกตา่ งกนั ออกไปแต่ละ
พ้ืนที่ เช่น ความอุดมสมบูรณ์ ความลาดชนั ที่ราบ ท่ีลุ่ม ท่ีดอน ดงั น้นั ดินเป็ นปัจจยั หน่ึงในการกาหนดกิจกรรม
ตา่ ง ๆ ภายในฟาร์ม
1. ท่ีดินเป็นปัจจยั สาคญั ท่ีกาหนดวา่ ควรจะผลิตชนิดพชื และสัตวอ์ ะไร
2. ที่ดินสามารถจะกาหนดระยะเวลาการปลูก ระบบการปลูกพืช และรูปแบบการผลิตทางการเกษตร
เช่น ที่ดินที่ราบลุ่มและมีความช้ืนอยบู่ า้ ง สามารถกาหนดระยะเวลาการปลูกของพืชแต่ละชนิด การปลูกพืช
หมุนเวยี น การปลูกพชื แซม การปลูกพชื เหลื่อมฤดู และรูปแบบการผลิตแบบไร่นาสวนผสม และการเกษตร
แบบผสมผสาน
3. ชนิดของดินก็มีส่วนในการกาหนดกิจกรรม เช่น ดินเหนียวปนดินร่วน อาจจะเหมาะสมต่อการทานา
ดินร่วนปนทราย อาจจะเหมาะตอ่ การทาพืชไร่บางชนิด ดินเหนียว หรือดินทราย ก็ยงั สามารถปลูกพชื และทาบอ่
ปลาได้ แตถ่ า้ หากดินทว่ั ไปไม่มีความอุดมสมบูรณ์มากนกั อาจจะใชเ้ ล้ียงสัตว์ เป็นตน้
4. สภาพพ้นื ที่แตล่ ะแห่ง เช่น ที่ราบและที่ลุ่ม อาจจะเหมาะสมต่อการทานา พชื ผกั ไมด้ อกไมป้ ระดบั
ไมผ้ ลและไมย้ นื ตน้ บางชนิด หากสภาพพ้ืนที่ลุ่มมาก อาจจะทาบอ่ ปลา นาบวั นาผกั กระเฉด เป็นตน้ ส่วนสภาพ
พ้นื ที่ดอน อาจจะปลูกพชื ไร่ ไมผ้ ลและไมย้ นื ตน้ บางชนิด ตลอดจนการเล้ียงสตั ว์
5. ลกั ษณะและคุณสมบตั ิอื่น ๆ เช่น ความเป็นกรดเป็นด่าง ปริมาณอินทรียวตั ถุในดินดินเปร้ียว ดินเคม็
ความลึกของหนา้ ดิน ดินช้นั ตา่ ง ๆ เป็นตน้ ส่ิงเหล่าน้ีมีผลตอ่ การกาหนดกิจกรรมวธิ ีการผลิต ท้งั ปริมาณและ
คุณภาพ
อยา่ งไรก็ตามท่ีดินมิไดม้ องเฉพาะเน้ือดิน ชนิดของดิน ลกั ษณะดิน และสภาพตา่ ง ๆ ทางเคมีหรือทาง
กายภาพท่ีกล่าวมาแลว้ เทา่ น้นั ดินยงั หมายถึงสภาพพ้นื ดินที่มีน้าใตด้ ิน น้าบนดิน ความช้ืนของดิน ความอุดม
สมบรู ณ์ของดิน ปริมาณอินทรียวตั ถุ พืชพรรณไมน้ านาชนิดท่ีปรากฏใหเ้ ห็นบนพ้ืนท่ีเหล่าน้นั สิ่งมีชีวติ สตั วบ์ ก
เล็ก ๆ บนพ้ืนดิน ตลอดจนเก่ียวพนั ถึงดินฟ้ า อากาศ น้าฝน อุณหภูมิ ความช้ืนสมั พทั ธ์ ดงั น้นั ดินจึงเป็นปัจจยั
สาคญั ปัจจยั หน่ึงที่จะกาหนดกิจกรรมการเกษตรได้ ท้งั น้ี ข้ึนอยกู่ บั ความสามารถของเจา้ ของฟาร์ม จะจดั การกบั
ท่ีดินใหเ้ กิดประโยชน์สูงสุดไดอ้ ยา่ งไร แต่ถา้ มองในแง่เศรษฐศาสตร์ ผลตอบแทนที่ดิน คือ ค่าเช่าท่ีดิน

การใชท้ ุนเพ่ือการผลิต
ทุน (Capital)
ทุนในความหมายทางเศรษฐศาสตร์น้นั หมายถึง เคร่ืองจกั ร เครื่องมือ และอุปกรณ์ท่ีช่วยในการผลิต
และรวมถึงปัจจยั การผลิตพวกป๋ ุย สารเคมี และอาหารสตั ว(์ Capital Goods) ส่วนทุนในรูปของเงินสด (Money) ก็
ถือวา่ เป็นเงินทุนชนิดหน่ึงเช่นกนั ซ่ึงจะตอ้ งมีการเปลี่ยนรูปจากทุนที่เป็นเงินสดมาอยใู่ นรูปของทุนเพื่อทาการ
ผลิต ปัจจุบนั ทุนมีความสาคญั มาก นอกจากน้ีทุนยงั มีความสัมพนั ธ์กบั แรงงาน ถา้ การใชท้ ุนมาก การใชแ้ รงงาน
กน็ อ้ ยลง ถา้ ใชท้ ุนนอ้ ยการใชแ้ รงงานกม็ ากข้ึน โดยลกั ษณะงานหรือสาขาที่เก่ียวขอ้ งกบั วทิ ยาการสมยั ใหม่หรือ
การเกษตรแบบธุรกิจน้นั จาเป็นตอ้ งอาศยั ทุน ทุนน้นั ไดม้ าจากไหน จานวนเท่าไร จะแบ่งใชท้ ุนอยา่ งไร จึงจะมี
ประสิทธิภาพ สาหรับแหล่งเงินทุนน้นั อาจจะไดท้ รัพยส์ ินที่มีอยู่ ไดจ้ ากกิจกรรมท่ีใหผ้ ลตอบแทนหลงั จาก
ดาเนินงานเสร็จและการออมทรัพย์ ทุนอาจจะไดจ้ ากการกูเ้ งินหรือมีเครดิตกบั สถาบนั การเงิน หรือกบั เพื่อนบา้ น
กล่าวไดว้ า่ การใชท้ ุนใหม้ ีประสิทธิภาพ มีขอ้ พิจารณาสรุปได้ คือ
1. ในกรณีการลงทุนในระบบทางการเงินการธนาคาร แบ่งทุน 2 ลกั ษณะ
1.1 ทุนดาเนินการเตรียมการหรือคา่ ลงทุน (Investment Cost) ซ่ึงทุนน้ีจะดาเนินการใชไ้ ดห้ ลายปี และ
ยาวนาน ถึงแมว้ า่ บางคร้ังอาจจะมีการซ่อมแซมหรือต่อเติม ความจาเป็นและระยะเวลาที่ใช้ เช่น ทุนในการปรับ
สภาพพ้ืนที่จากพ้นื ราบ เป็นแบบยกร่อง คนั ลอ้ ม ข้นั บนั ได ขดุ บอ่ โรงเรือนและอาคาร ระบบคลองและระบบส่ง
น้า เครื่องมือ เครื่องจกั ร และอุปกรณ์การเกษตรท่ีคงทนถาวร ตลอดจนคา่ ซ้ือที่ดิน เป็นตน้
1.2 ทุนดาเนินการในการผลิต (Operation Cost) หรือเงินทุนหมุนเวยี น (Working Capital) ส่วนใหญเ่ ป็น
ทุนทางดา้ นการผลิตผนั แปร เช่น พนั ธุ์พืช พนั ธุ์สตั ว์ ป๋ ุย และสารเคมี อาหารสตั ว์ น้ามนั เช้ือเพลิง อุปกรณ์
การเกษตรชวั่ คราวที่ใชใ้ นฤดูกาลผลิตเทา่ น้นั เช่น เชือก ถุงพลาสติก เป็นตน้ ตลอดจนคา่ จา้ งแรงงาน
2. ขนาดของทุนที่ใชใ้ นแต่ละกิจกรรมหรือท้งั ฟาร์ม ขนาดของทุนมากกส็ ามารถมีโอกาสขยายกิจกรรม
ไดม้ าก มีทุนนอ้ ยกข็ ยายกิจกรรมไดน้ อ้ ย
2.1 ขนาดของทุนจะสัมพนั ธ์กบั ชนิดของกิจกรรม โดยเฉพาะทุนขนาดใหญ่หรือทุนมาก มกั จะเป็นดา้ น
การปศุสตั ว์ การประมง และไมผ้ ลไมย้ นื ตน้ เป็นแหล่งใหญ่ นอกจากน้ีอาจจะเป็นฟาร์มลกั ษณะประณีต
(Intensive Farming) เช่น ไมด้ อกไมป้ ระดบั พชื ผกั เมืองหนาว หรือกิจกรรมตา่ ง ๆ ท่ีตอ้ งการใชเ้ ทคโนโลยี
ค่อนขา้ งสูง
2.2 ขนาดของทุนจะสมั พนั ธ์กบั ระยะเวลาการลงทุนหรือระบบสินเชื่อจากแหล่งตา่ ง ๆ พบวา่ ขนาดของ
ทุนมากที่จะลงทุนส่วนใหญ่จะเป็นกิจกรรมระยะยาว เช่น ไมผ้ ล ไมย้ นื ตน้ และปศุสตั วท์ ่ีเล้ียงมีโรงเรือนและ
อาคาร หากจะเปรียบเทียบกบั ระบบสินเชื่อแลว้ มกั จะเป็นการลงทุนที่ตอ้ งคืนเงินทุนสินเชื่อเกิน 3 ปี หากทุน

นอ้ ยหรือขนาดทุนเล็กจะเป็ นระยะเวลาส้นั ในกิจกรรมระยะส้นั ภายใน 1 ปี เช่น การทานา ทาไร่ พชื ผกั และสตั ว์
บางชนิด เป็นตน้

3. การใชท้ ุนกบั ระยะเวลาการลงทุนและผลตอบแทนกลบั คืนจากการลงทุน เวลาเป็นตวั สาคญั มากใน
การตดั สินใจในการเลือกดาเนินกิจกรรม หากมีทุนนอ้ ยแลว้ เลือกกิจกรรมที่ใหญห่ รือมีระยะเวลาการลงทุนนาน
ก็จะทาใหส้ ูญเสียโอกาสของการลงทุน ในบางคร้ังหากมีการกยู้ มื จากเพ่อื นบา้ นหรือสถาบนั การเงินก็จะทาให้
ดอกเบ้ียสูงการชาระหน้ีลาบาก ซ่ึงมีตวั อยา่ งมากมายในดา้ นการเกษตร อุตสาหกรรม และธุรกิจ ดงั น้นั หากเป็น
ฟาร์มขนาดเล็กควรเลือกกิจกรรมท่ีมีการลงทุนนอ้ ย และในระยะส้นั ในการใหผ้ ลตอบแทน นอกจากน้ีแลว้
จานวนที่ผลตอบแทนไดร้ ับก็มีความหมายในการเลือกกิจกรรมเช่นกนั หากผลตอบแทนคุม้ กบั การลงทุนไม่วา่
ระยะยาวหรือส้นั หลงั จากไตร่ตรองคิดคานวณแลว้ กส็ ามารถจะทาการผลิตได้ จากท่ีกล่าวมาแลว้ น้ี ระยะเวลา
จานวนผลตอบแทนท่ีไดร้ ับจากการลงทุน ก็มีบทบาทสาคญั

เม่ือจะวดั ประสิทธิภาพหรือผลตอบแทนการใชท้ ุน หากทุนอยใู่ นรูปเงินสด (Money) ผลตอบแทนคือ
ดอกเบ้ีย หากทุนอยใู่ นรูปของเคร่ืองจกั ร เคร่ืองมือ อุปกรณ์การเกษตร ปัจจยั การผลิต ผลตอบแทนคือ คา่ เช่า
เครื่องจกั ร ค่าป๋ ุย คา่ เมล็ดพนั ธุ์

การใชแ้ รงงานเพ่ือการผลิต
แรงงาน (Labor)
แรงงานเป็นปัจจยั สาคญั อีกตอนหน่ึงในท่ีน้ีหมายถึง ลกั ษณะท้งั กายภาพและจิตใจสุขภาพในดา้ น
กายภาพน้นั เกี่ยวกบั เร่ืองสุขภาพและอนามยั ความแขง็ แรงสมบรู ณ์ในการทางาน ส่วนดา้ นจิตใจน้นั รวมถึง
ทศั นคติ อุดมการณ์ ความขยนั หมนั่ เพยี ร ความรู้สึกรับผดิ ชอบในการผลิต ลกั ษณะของแรงงานแยกเป็ น 3
ประเภท คือ
1. แรงงานคน
2. แรงงานสัตว์
3. แรงงานเครื่องจกั รกลการเกษตร
การใชแ้ รงงานแตล่ ะประเภทข้ึนอยกู่ บั จุดมุ่งหมาย ข้นั ตอนการทางาน คา่ ใชจ้ า่ ยและรวมถึงเวลา อยา่ งไร
กต็ าม แรงงานแตล่ ะประเภทก็อาจจะสามารถใชร้ วมกนั ได้ ข้ึนอยกู่ บั กิจกรรมท่ีกล่าวมาแลว้ สาหรับแรงงานใน
ลกั ษณะฟาร์มขนาดเล็กมีความสาคญั มาก ตอ้ งรู้จกั ใชแ้ รงงานใหม้ ีประสิทธิภาพ ลกั ษณะของแรงงานคน จาแนก
ตามภาวะปัจจุบนั น้ีได้ คือ แรงงานในครอบครัว แรงงานจา้ ง และการแลกเปลี่ยนแรงงาน (การลงแขก การเอา
แรง) ในแง่ของเกษตรกรพยายามส่งเสริมใหเ้ กษตรกรใชแ้ รงงานครอบครัวใหม้ ากท่ีสุด ไม่ควรปล่อยใหแ้ รงงาน
วา่ งโดยเปล่าประโยชน์การใชแ้ รงงานใหม้ ีประสิทธิภาพ ดงั น้ี
1. การใชแ้ รงงานที่เหมาะสมกบั ชนิดของงาน เช่น กิจกรรมดา้ นพืชและสัตว์

2. การใชแ้ รงงานหรือจดั ระบบการกระจายของแรงงานให้เหมาะสม เช่น กิจกรรมท่ีมีหลายอยา่ ง ใน
เวลาเดียวกนั หรือเวลาท่ีใกลเ้ คียงกนั หรือเวลาท่ีต่อเนื่องกนั ไดแ้ ก่ การปลูกพืชและเล้ียงสตั วก์ ารปลูกพืช
หมุนเวยี น การปลูกพืชแซม เป็นตน้

3. การใชแ้ รงงานให้เหมาะสมกบั วทิ ยาการแผนใหม่และพ้นื บา้ น เช่น วทิ ยาการการเตรียมดิน การปลูก
การใส่ป๋ ุย การกาจดั ศตั รูพชื และการเก็บเก่ียว ซ่ึงบางคร้ังวทิ ยาการสมยั ใหมอ่ าจจะมีความยงุ่ ยากหรือมีข้นั ตอน
มาก ทาใหเ้ กษตรกรแบ่งเวลาหรือแบง่ งานไม่ถูกตอ้ ง

4. การใชแ้ รงงานแบง่ ตามเพศและอายุ กบั ข้นั ตอนของแรงงานหรือชนิดของงาน เช่นการเตรียมดิน
ควรจะเป็ นเพศชายท่ีแขง็ แรง การปลูกอาจจะเป็ นท้งั เพศชายและหญิง เช่นเดียวกบั การเกบ็ เกี่ยว งานหตั ถกรรม
พ้นื บา้ น อาจจะเหมาะสมกบั เพศหญิงท้งั คนแก่และหนุ่มสาว แรงงานเด็กอาจจะช่วยให้อาหารปลา อาหารสัตว์

5. การใชแ้ รงงานผสมผสานหรือทดแทนแรงงาน คน สตั ว์ และเครื่องจกั รกลการเกษตร อยา่ งไรจึง
ก่อใหเ้ กิดประสิทธิภาพ ลดตน้ ทุนการผลิต และประหยดั เวลา การจดั การเรื่องแรงงานเป็นเร่ืองท่ีจาเป็นอยา่ งยง่ิ
โดยเฉพาะแรงงานในครอบครัวเกษตรกร ควรจดั การใหม้ ีการกระจายการใชแ้ รงงานไดต้ ลอดปี มีกิจกรรม
การเกษตรอยา่ งต่อเนื่อง เพอ่ื ใหม้ ีการใชแ้ รงงานอยา่ งสม่าเสมอทุกเดือน ก่อใหเ้ กิดรายไดเ้ พิม่ ข้ึนและลดการจา้ ง
แรงงานท่ีไมจ่ าเป็น เพือ่ ลดตน้ ทุนการผลิต สาหรับผลตอบแทนของแรงงาน ก็คือ คา่ จา้ งแรงงานนน่ั เอง

การจดั การในการผลิต
การจดั การ (Management)
การจดั การในท่ีน้ี หมายถึง การจดั สรร หรือการดาเนินการทรัพยากรในการผลิต (ท่ีดิน ทุน และ
แรงงาน) เพอื่ ทาการผลิตใหไ้ ดต้ ามวตั ถุประสงคแ์ ละเป้ าหมายของผจู้ ดั การฟาร์ม ดงั น้นั การจดั การของผจู้ ดั การ
ฟาร์มในแต่ละสภาพพ้นื ท่ี แต่ละฟาร์มไม่เหมือนกนั ในการตดั สินใจวา่ จะเลือกผลิตกิจกรรมอะไร และอยา่ งไร
ในสภาพขีดจากดั ดา้ นทรัพยากร และภายใตค้ วามเส่ียงความไมแ่ น่นอนของการผลิตและการตลาด อยา่ งไรกต็ าม
เกณฑใ์ นการพจิ ารณาโดยทวั่ ไป สรุปได้ ดงั น้ี
1. จะผลิตอะไร
2. จะผลิตท่ีไหน
3. จะผลิตเม่ือไร
4. จะผลิตเทา่ ไร และอยา่ งไร
5. จะผลิตและขายกบั ใคร
บทบาทสาคญั ในการจดั การของผจู้ ดั การฟาร์มที่พิจารณาจากเกณฑท์ ่ีไดก้ ล่าวมาแลว้ เป็นหลกั ยงั จะตอ้ ง
พิจารณารายละเอียด ดงั น้ี

1. จะทาการผลิตพืชหรือสตั วช์ นิดอะไร เช่น ปลูกขา้ ว ไมผ้ ล พชื ไร่ พชื ผกั ทาปศุสัตว์ และประมง
เป็นตน้ และจะตอ้ งพิจารณาตอ่ ไปวา่ จะผลิตไมผ้ ล ควรเป็ นผลไมช้ นิดอะไร เช่น มะม่วง ส้มโอ มะขามหวาน
ทุเรียน เงาะ ลาไย ลิ้นจี่ เป็นตน้

2. จานวนและชนิดของปัจจยั การผลิตที่ใชว้ า่ เหมาะสมกบั แรงงานในครอบครัวหรือไม่ หากไม่เพียงพอ
จะจา้ งจานวนเทา่ ไร แรงงานจา้ งไดม้ าจากไหน และระยะเวลาในการจา้ ง

3. วธิ ีการผลิตและเทคนิควชิ าการ ตลอดจนการจดั การและบริหารฟาร์มจะดาเนินการอยา่ งไร จะเร่ิมตน้
ณ จุดใดก่อน มีการตรวจสอบและปรับปรุงแกไ้ ขอยา่ งไร และประการสุดทา้ ยมีความสัมพนั ธ์กบั กิจกรรมต่าง ๆ
ภายในฟาร์มหรือไม่

4. ชนิดของโรงเรือนและอาคารมีความจาเป็นหรือเหมาะสมเพียงใด เพือ่ ความสะดวกในการจดั การ
ตลอดจนเคร่ืองไมเ้ คร่ืองมือ

5. การวางแผนและงบประมาณฟาร์ม การจดบนั ทึกและบญั ชีฟาร์มจะดาเนินการอยา่ งไรเพื่อจะใหท้ ราบ
ทิศทางการทางานและผลการดาเนินงานโดยเฉพาะรายได้ รายจ่าย และกาไร ตลอดจน ปัญหาและอุปสรรคใน
การทางาน ซ่ึงสามารถนามาเป็นขอ้ มูลในการปรับปรุงแกไ้ ขและวางแผนในปี ต่อไป

6. จะซ้ือปัจจยั การผลิตและขายผลผลิต ท่ีไหน กบั ใคร และอยา่ งไร เช่น พอ่ คา้ ทอ้ งถ่ิน พอ่ คา้ คนกลาง
กลุ่มเกษตรกร หรือสหกรณ์การเกษตร เป็นตน้

นอกจากน้ี ประสิทธิภาพและความเหมาะสมในดา้ นการจดั การยงั ข้ึนอยกู่ บั หลายองคป์ ระกอบ เช่น
ความรู้ความสามารถ ความชานาญ ความรอบรู้และประสบการณ์ การบริหารงานดา้ นแรงงาน ความเขา้ ใจสภาพ
การผลิตการตลาด ความคล่องตวั และการแสวงหาความรู้ใหม่ ความขยนั หมน่ั เพียรการดูแลเอาใจใส่ ตลอดจน
ความสานึกและรับผดิ ชอบในการทางาน เป็นตน้

เม่ือเขา้ ใจพ้นื ฐานของปัจจยั สาคญั ๆ ตอ่ การผลิตในการจดั การ มีความสาคญั อยา่ งไร จึงควรท่ีจะเริ่ม
รวบรวมขอ้ มลู วเิ คราะห์ และวางแผนงบประมาณฟาร์ม ใหไ้ ดผ้ ลตอบแทนสูงสุด

การวางแผนและงบประมาณฟาร์ม

การวางแผนและงบประมาณฟาร์ม เป็นการกาหนดรูปร่าง หนา้ ตา หรือแนวทางในการทางานล่วงหนา้
เช่นเดียวกบั กิจกรรมอ่ืน ๆ ในภาคการเกษตร จะตอ้ งกล่าวถึงการปลูกพชื เล้ียงสตั วช์ นิดใด จานวนเท่าใด จะตอ้ ง
เสียค่าใชจ้ า่ ยจานวนเทา่ ไร และจะมีรายไดจ้ ากกิจกรรมเหล่าน้นั เท่าไร เมื่อหกั ค่าใชจ้ ่ายออกจากรายไดแ้ ลว้ จะ
คงเหลือกาไรเทา่ ใด เป็นตน้ การวางแผนและงบประมาณฟาร์มจะช่วยใหผ้ วู้ างแผนไดม้ ีโอกาสใชว้ จิ ารณญาณใน
การผลติ ของตนเองอยา่ งสุขมุ รอบคอบ

ความหมายการวางแผนฟาร์ม (Farm Planning)
การวางแผนฟาร์ม คือ การวางแผนผลิตโดยใชป้ ัจจยั การผลิต เช่น ที่ดิน ทุน และแรงงานใหเ้ กิด
ประโยชนม์ ากท่ีสุด โดยนามาวางแผนในกิจกรรมต่างๆ ในช่วงระยะเวลาหน่ึง
ความหมายงบประมาณฟาร์ม (Farm Budgeting)
งบประมาณฟาร์ม คือ การประมาณการค่าใชจ้ ่ายในการผลิตกิจกรรมหน่ึง ๆ ในช่วงระยะเวลาหน่ึงตาม
แผนที่ไดว้ างเอาไว้ คา่ ใชจ้ ่ายเร่ืองปัจจยั การผลิตจานวนเทา่ ไร และผลที่คาดหวงั เอาไวต้ ามแผนจานวนเท่าไร
รวมถึงรายไดแ้ ละกาไรดว้ ย
ประเภทของการวางแผนและงบประมาณฟาร์ม
1. การวางแผนและงบประมาณฟาร์มท้งั หมด (Complete Farm Planning and Budgeting)
การวางแผนและงบประมาณฟาร์มท้งั หมด หรือการวางแผนและงบประมาณฟาร์มสมบูรณ์แบบ หรือ
แบบครบถว้ น เป็นการวางแผนและงบประมาณที่จะจดั รูปหรือกาหนดรูปองคป์ ระกอบของฟาร์มวา่ ฟาร์มน้นั
ประกอบข้ึนดว้ ยกิจกรรมอะไร จะจดั การกบั ทรัพยากรท่ีมีอยอู่ ยา่ งจากดั อยา่ งไรในแต่ละกิจกรรมใหม้ ี
ประสิทธิภาพ ทางบประมาณรายจ่ายและรายไดใ้ นแต่ละกิจกรรมของฟาร์มวา่ เป็นจานวนเทา่ ใด การวางแผน
และงบประมาณดงั กล่าวมกั จะทาในระยะเร่ิมแรกของฟาร์ม
2. การวางแผนและงบประมาณฟาร์มบางส่วน (Partial Farm Planning andBudgeting)
การวางแผนและงบประมาณบางส่วน หมายถึง การวางแผนและงบประมาณในระยะเวลาหลงั จากการ
วางแผนและงบประมาณฟาร์มท้งั หมดไดด้ าเนินการแลว้ หรืออยรู่ ะหวา่ งดาเนินกิจกรรมอยใู่ นแตล่ ะปี ซ่ึงมี
จุดประสงคท์ ี่ตอ้ งการแกไ้ ข ปรับปรุง และเปล่ียนแปลงใหม้ ีประสิทธิภาพดีข้ึน หรือเป็นการหลีกเลี่ยงปัญหาท่ี
เกิดข้ึนแลว้ ในระยะแรกๆ ของการดาเนินงาน สาหรับการวางแผนและงบประมาณฟาร์มบางส่วนจะเป็นไป
ในทางกิจกรรมที่เฉพาะเจาะจงลงไป เช่น กิจกรรมการปลูกพชื กิจกรรมเล้ียงสัตว์ กิจกรรมประมง เป็นตน้ ใน
การเนน้ ลงไปน้ีเพื่อหาทางปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และแกไ้ ขบางอยา่ ง เพือ่ ที่จะขยายหรือลดพ้นื ที่การปลูกและ
จานวนสัตวท์ ี่เล้ียง การเปล่ียนแปลงกิจกรรมใหม่โดยนากิจกรรมใหม่มาเสริมหรือเพมิ่ เติม หรือนาเขา้ มาใหม่
หมด นาเทคโนโลยสี มยั ใหม่หรือพ้ืนบา้ น นาเครื่องจกั รกลการเกษตร เคร่ืองมือ เครื่องใช้ เขา้ มาสนบั สนุนการ
ทางานหรือกิจกรรมเดิมท่ียงั ดาเนินการอยู่ แต่ตอ้ งมีการปรับปรุง เช่น การเปลี่ยนแปลงพนั ธุ์ขา้ ว สูตรป๋ ุยเคมีและ
สารเคมีปราบศตั รูพชื ตลอดจน การจดั การ การใชแ้ รงงานครอบครัวและแรงงานจา้ งใหม้ ีประสิทธิภาพมากท่ีสุด
นอกจากน้ียงั รวมถึงการเกบ็ เก่ียว การเกบ็ รักษา การขนส่ง และการจดั หาแหล่งตลาด เป็นตน้
ดงั น้นั การวางแผนและงบประมาณบางส่วน จึงมีความสาคญั เช่นกนั ในภาวะปัจจุบนั หรือสภาพที่
เป็นอยใู่ นทอ้ งถิ่นของเกษตรกรเอง ซ่ึงถา้ จาเป็นตอ้ งมีการแกไ้ ข ปรับปรุง และเปล่ียนแปลงกใ็ ชก้ ารวางแผนและ
งบประมาณฟาร์มบางส่วนเขา้ ช่วย ส่วนมากแลว้ จะมีการแกไ้ ขปี ละคร้ังตามฤดูกาลผลิตของทอ้ งถ่ิน เน่ืองจาก

แผนและงบประมาณที่วา่ น้ีจะเกี่ยวขอ้ งกบั การลงทุนและรายได้ ดงั น้นั ควรมีการพจิ ารณาใหร้ อบคอบ และควรมี
การวางแผนและงบประมาณไวห้ ลายชุด แลว้ เลือกเอาแผนและงบประมาณอนั ใดอนั หน่ึงท่ีเห็นวา่ ดีท่ีสุดและ
เหมาะสมที่สุด

ลกั ษณะของแผนและงบประมาณฟาร์มที่ดี
ในการวางแผนและงบประมาณฟาร์มน้นั มีความสาคญั เป็ นอยา่ งมากในการดาเนินกิจกรรม ก่อนอ่ืน
จะตอ้ งเขา้ ใจหรือรู้เสียก่อนวา่ การวางแผนและงบประมาณท่ีดีน้นั เป็นอยา่ งไร ซ่ึงสรุปได้ ดงั น้ี
1. กิจกรรมแต่ละชนิดที่จะดาเนินการ ซ่ึงกาหนดไวใ้ นแผนและงบประมาณน้นั ตอ้ งมีขนาดเหมาะสม
กบั ฟาร์มพอสมควร เพราะถา้ กิจกรรมใหญ่หรือเลก็ เกินไป อาจจะทาใหท้ รัพยากรท่ีมีอยอู่ ยา่ งจากดั จะสูญเสีย
หรือใชอ้ ยา่ งไม่มีประสิทธิภาพ
2. ควรกาหนดการใชป้ ัจจยั การผลิตต่าง ๆ อยา่ งเตม็ ท่ี ซ่ึงหมายถึง การใชท้ ่ีดิน ทุนและแรงงาน กล่าวคือ
ไม่ควรปล่อยใหท้ ่ีดินวา่ งโดยเปล่าประโยชน์ หรือไมไ่ ดใ้ ชแ้ รงงานภายในครอบครัวอยา่ งเตม็ ที่ ตลอดจนรู้จกั ใช้
ทุนและวสั ดุอุปกรณ์ในทอ้ งถ่ินใหเ้ กิดประโยชน์มากท่ีสุด
3. ควรกาหนดใหใ้ ชว้ ธิ ีการผลิตท่ีทนั สมยั ถูกตอ้ งตามหลกั วชิ าการ หรือวชิ าการพ้ืนบา้ นท่ีเหมาะสม ซ่ึง
สามารถทางานไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว สะดวก และลดตน้ ทุนการผลิต ดงั น้นั แผนและงบประมาณควร
เปิ ดโอกาสใหม้ ีการนาเทคโนโลยดี งั กล่าวเขา้ มามีบทบาทในการผลิต อยา่ งไรกต็ ามก็ควรพิจารณาใหร้ อบคอบ
เสียก่อนในการท่ีจะนาเทคโนโลยเี ขา้ มาใช้ ควรเป็นเทคโนโลยที ่ีคอ่ นขา้ งแน่นอนและเหมาะสมแต่ละทอ้ งถ่ิน
4. แผนและงบประมาณฟาร์มควรมีความยดื หยุน่ ไวบ้ า้ ง หมายถึง แผนและงบประมาณสามารถท่ีจะ
เปล่ียนแปลง แกไ้ ข และปรับปรุงไดต้ ามภาวการณ์ท่ีเกิดข้ึนในระหวา่ งดาเนินการ เช่น การขาดแคลนแรงงาน
อาจจาเป็นตอ้ งใชแ้ รงงานหรือเคร่ืองจกั รกลการเกษตรเขา้ มาช่วย ระยะเวลาในการดาเนินการ เงินทุนหมุนเวยี น
กิจกรรมการเปล่ียนแปลงของราคาสินคา้ แหล่งรับซ้ือ จานวน และคุณภาพท่ีตลาดตอ้ งการ เป็นตน้
5. ควรคานึงถึงสภาพดิน ฟ้ า อากาศ และภูมิประเทศ ดงั น้นั การวางแผนและงบประมาณจึงจาเป็ นตอ้ ง
พิจารณาสภาพทอ้ งที่วา่ เป็นท่ีลุ่ม ท่ีดอน หรือที่ราบ ซ่ึงแตล่ ะสภาพมีความเหมาะสมแต่ละกิจกรรมตา่ งกนั เช่น
ท่ีลุ่มเหมาะสาหรับทานาหรือขดุ บอ่ เล้ียงปลา เล้ียงกงุ้ ส่วนท่ีดอนอาจจะเหมาะกบั พืชไร่ เช่น มนั สาปะหลงั ปอ
ท่ีราบอาจจะเหมาะสมกบั ทานา ปลูกผกั และพืชไร่บางชนิด นอกจากน้ี อุณหภูมิ ปริมาณน้าฝน และแหล่งน้ากม็ ี
ส่วนในการวางแผน
ตวั อยา่ งสาหรับแตล่ ะสภาพท่ีมีความเหมาะสมต่างกนั เช่น ภาคเหนือ ลกั ษณะพ้ืนที่เล็ก ๆ ตามเชิงภูเขา
มีความช้ืนและอากาศค่อนขา้ งหนาว เหมาะสมสาหรับการปลูกสตรอเบอรี่ องุ่น ลาไย ลิ้นจี่ และพชื ผกั เป็นตน้
ส่วนภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ลกั ษณะดินไม่ค่อยอุดมสมบรู ณ์มากนกั ดินร่วนปนทราย และดินทราย มีความ

แหง้ แลง้ เป็นท่ีราบสูง เหมาะในการปลูกพืชไร่ เช่น มนั สาปะหลงั ปอ ขา้ วโพด เป็นตน้ ดงั น้นั การวางแผนและ
งบประมาณกค็ วรคานึงถึงสภาพดิน ฟ้ า อากาศ และภูมิประเทศดว้ ย

6. ควรคานึงถึงความสมั พนั ธ์ระหวา่ งรายจ่ายและรายรับ สาหรับรายจา่ ยน้นั จะตอ้ งพิจารณาแนวโนม้
ของราคาปัจจยั การผลิตดว้ ยวา่ ในอนาคตจะเพิ่มข้ึนเท่าไร จะเพม่ิ ในอตั ราที่รวดเร็วหรือคอ่ ยเป็นค่อยไป รวมท้งั
รายจา่ ยอื่น ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวขอ้ งกบั การวางแผน ส่วนรายรับน้นั ข้ึนอยกู่ บั แผนที่วางไวว้ า่ จะผลิตอะไร ไดจ้ านวน
เท่าไร จะผลิตเม่ือไร โดยวธิ ีการใด และราคาผลผลิตที่คาดคะเนวา่ จะไดร้ ับจากการผลิตกิจกรรมน้นั ๆ โดยหลกั
ทว่ั ไปแผนและงบประมาณจะตอ้ งลงทุนใหต้ ่าที่สุด มีความเส่ียงนอ้ ยท่ีสุด และไดก้ าไรมากที่สุด

7. ควรคานึงถึงความสามารถความชานาญของเจา้ ของฟาร์ม การกาหนดกิจกรรมลงในแผนและ
งบประมาณน้นั ตอ้ งดูเกษตรกรหรือเจา้ ของฟาร์มเองวา่ มีความสามารถ ความชานาญ และประสบการณ์มากนอ้ ย
แค่ไหน เกษตรกรเคยปลูกพชื หรือเล้ียงสตั วช์ นิดเหล่าน้ีหรือไม่ เช่น เกษตรกรมีความชานาญการปลูกไมผ้ ล แต่
กลบั มาเล้ียงสตั วห์ รือเพาะเล้ียงกงุ้ เพราะเห็นวา่ มีราคาสูง และไดก้ าไรมาก หรืออาจจะทาตามเพ่อื นบา้ น โดยที่
ไมไ่ ดไ้ ตร่ตรองใหร้ อบคอบถึงขีดความสามารถเฉพาะตวั กอ็ าจจะทากิจการน้นั ลม้ เหลวหรือไมป่ ระสบ
ความสาเร็จเทา่ ที่ควร อยา่ งไรก็ตามหากกิจกรรมยงั ใหม่ มีผลตอบแทนสูง เหมาะสมกบั สภาพพ้ืนท่ี แต่ไม่เคยทา
มาก่อน ก็ใหพ้ ิจารณาเป็นกิจกรรมรอง โดยเร่ิมทาแตน่ อ้ ยก่อน หากมีความชานาญมากข้ึนและไดผ้ ลดี ทราบถึง
ปัญหาและอุปสรรค จึงคอ่ ย ๆ ขยายออกไปเป็นกิจกรรมหลกั กไ็ ด้

8. ควรคานึงถึงแผนและงบประมาณฟาร์มในเร่ืองความเสี่ยง โดยปกติแลว้ การทากิจกรรมดา้ น
การเกษตรมีความเสี่ยงมากมายอยแู่ ลว้ เช่น สภาพดินฟ้ าอากาศ ปริมาณน้าฝน ความแหง้ แลง้ โรค แมลงและสตั ว์
ศตั รูพืช การเคลื่อนไหวของราคาและการตลาด เป็นตน้ อยา่ งไรกต็ าม มิไดห้ มายความวา่ หากทากิจกรรมดา้ น
การเกษตรแลว้ จะตอ้ งพบกบั ความเสี่ยงทุกคร้ังไป ฉะน้นั ทางแกไ้ ขคือการวางแผนและงบประมาณอยา่ ง
รอบคอบ โดยพจิ ารณาอยา่ งสุขมุ และใหม้ ีความเสี่ยงนอ้ ยท่ีสุดเท่าที่จะนอ้ ยได้ ในการดาเนินกิจการไมค่ วรทา
กิจกรรมท่ีใหญ่เกินไปหรือมีการลงทุนสูงเพราะจะทาใหเ้ กิดความเส่ียงสูง ดงั น้นั ควรจะคอ่ ย ๆ ขยายกิจการ
ออกไป นอกจากน้ีแลว้ อาจจดั กิจกรรมรองหรือเสริมไวร้ องรับกิจกรรมหลกั เพ่ือลดความเสี่ยง

9. ควรคานึงถึงสภาวะการตลาดของผลผลิต ซ่ึงอาจกล่าวไดว้ า่ ตลาดมีความสาคญั หรือมีอิทธิพลอยา่ ง

มากต่อระบบการผลิตของการเกษตรบา้ นเรา ดงั น้นั การวางแผนและงบประมาณการผลิตควรคานึงถึงการตลาด
และการเคลื่อนไหวของราคาผลผลิตมิใช่มองแตล่ ดตน้ ทุนต่าสุดอยา่ งเดียวหรือทาอยา่ งไรใหผ้ ลผลิตสูงควร
พจิ ารณาดา้ นดงั กล่าวดว้ ย

ข้นั ตอนในการวางแผนและงบประมาณฟาร์ม
โดยปกติแลว้ การวางแผนและงบประมาณมกั จะทาควบคูก่ นั ไป เม่ือเกบ็ ขอ้ มลู และศึกษาสภาพการผลิต
แลว้ จะพจิ ารณาเลือกกิจกรรมการผลิต วธิ ีการผลิต ผลิตเม่ือไร จานวนเท่าใด คานวณค่าใชจ้ า่ ย คาดคะเนผลผลิต

รายได้ และกาไรที่ไดร้ ับในแต่ละกิจกรรมของแผน ดงั น้นั การจดั ทาแผนและงบประมาณฟาร์มมีข้นั ตอนพอ
สรุปไดค้ ือ

1. รวบรวมขอ้ มูลจากการสารวจ อาจจะไดม้ าจากการสารวจ สงั เกต สมั ภาษณ์ หรือเอกสารอะไรก็ตาม
จะเป็นขอ้ มลู ตวั เลขหรือเชิงปริมาณ (Quantitative data) หรือจะเป็นขอ้ มูลเชิงพรรณนาหรือเชิงคุณภาพ
(Qualitative data) หรือขอ้ มูลท้งั สองอยา่ งรวมกนั หากเป็นขอ้ มลู ที่แทจ้ ริงของจุดท่ีจะดาเนินการวางแผนก็จะ
ช่วยใหแ้ ผนและงบประมาณมีประสิทธิภาพมากข้ึน ขอ้ มูลดงั กล่าว ไดแ้ ก่ ขอ้ มูลทางดา้ นการผลิต วธิ ีการผลิต
ตน้ ทุนการผลิต ราคาปัจจยั การผลิต ราคาผลผลิต แหล่งรับซ้ือผลผลิต นโยบายรัฐบาล ความตอ้ งการภายในและ
ภายนอกประเทศ ขีดจากดั ความสามารถของเกษตรกร ขีดจากดั ของทรัพยากรธรรมชาติ ความเชื่อและความ
ศรัทธา คา่ นิยม ลกั ษณะของตวั เกษตรกร โดยสรุปแลว้ ขอ้ มลู ควรครอบคลุมถึงดา้ นเกษตร เศรษฐกิจ และสงั คม
(Agro – Socioeconomic)

2. ศึกษาและรวบรวมทรัพยากรท้งั หมดที่มีอยู่ ซ่ึงเป็นขอ้ มูลจากการสารวจหรือโดยวธิ ีใดกต็ าม ซ่ึงเป็น
ประโยชน์ในการวางแผนและงบประมาณฟาร์ม ซ่ึงจะเป็นตวั วดั วา่ หลงั จากการวางแผนและดาเนินการไปแลว้
ผลจะเป็นอยา่ งไร ทรัพยส์ ินลดหรือเพม่ิ ข้ึน นอกจากน้ีจะไดท้ ราบวา่ จะตอ้ งเพิ่มทรัพยากรอะไรหรือขาดอะไร
ทรัพยากรเหล่าน้ี ไดแ้ ก่ ที่ดิน แรงงาน เครื่องมือและอุปกรณ์การเกษตร ส่ิงก่อสร้าง เงินทุนดาเนินการ เป็นตน้

3. การเลือกกิจกรรมท่ีจะดาเนินการลงในแผนการผลิต โดยพจิ ารณาในหลาย ๆ ดา้ น ข้ึนอยกู่ บั
วตั ถุประสงคว์ า่ วางแผนการผลิตเพอื่ บริโภค เพอ่ื จาหน่ายใหไ้ ดร้ าคาสูง เพอ่ื เพิ่มรายได้ เพอื่ ใหเ้ กิดความเส่ียงนอ้ ย
ท่ีสุด เพือ่ ความพอใจ หรือเพื่อดา้ นอื่น ๆ แตโ่ ดยหลกั ทว่ั ไปการวางแผนการผลิตเพื่อใหเ้ กษตรกรไดบ้ ริโภคและ
เหลือพอที่จะจาหน่ายซ่ึงเป็นการเพมิ่ รายได้ ยกฐานะความเป็นอยขู่ องเกษตรกรใหด้ ีข้ึน ส่ิงสาคญั จะตอ้ งเป็ น
กิจกรรมที่เกษตรกรมีความตอ้ งการและสอดคลอ้ งกบั การตลาดดว้ ย

4. การคาดคะเนรายจ่ายและรายไดจ้ ากกิจกรรมต่าง ๆ ท่ีไดก้ าหนดในแผนการผลิตในเรื่องการผลิตน้นั
กิจกรรมแต่ละชนิดจะตอ้ งมีการคิดตน้ ทุนการผลิตไวก้ ่อน สาหรับสินคา้ เกษตรโดยทว่ั ไปผผู้ ลิตไมส่ ามารถมี
ส่วนกาหนดราคาของผลผลิต ดงั น้นั การวางแผนการผลิตและงบประมาณจึงจาเป็นจะตอ้ งคานวณตน้ ทุนการ
ผลิตหรือรายจา่ ยแต่ละหมวดหมู่ ไดแ้ ก่ ค่าเมลด็ พนั ธุ์พชื พนั ธุ์สัตว์ คา่ เตรียมดิน ค่าป๋ ุยและสารเคมี ค่าอาหารสัตว์
คา่ โรงเรือน ค่าจา้ งแรงงาน โดยคิดจากสภาพราคาท่ีเป็ นจริงหรือแนวโนม้ ท่ีราคาปัจจยั การผลิตเหล่าน้ีจะเพ่ิมข้ึน
ในอนาคต ซ่ึงในดา้ นส่งเสริมหรือที่เกษตรกรปฏิบตั ิอยมู่ กั จะคิดเฉพาะค่าใชจ้ ่ายที่เป็นเงินสด คือ ค่าใชจ้ ่ายที่จา่ ย
ออกไปจริงในรูปเงินสด ในส่วนของรายไดน้ ้นั ตามแผนการผลิตยงั ไมไ่ ดม้ ีการดาเนินการ เป็นเพียงแตก่ าร
คาดคะเนสถานการณ์การผลิตวา่ ผลผลิตไดจ้ านวนเทา่ ไร ราคาต่อหน่วยเป็นเท่าไร โดยอาศยั ประสบการณ์
ขอ้ มูลท่ีไดจ้ ากการสารวจและรวบรวมมาศึกษาพจิ ารณาความเป็นไปไดข้ องแผนท่ีวางไว้ หากไดข้ อ้ มลู ท่ี

แทจ้ ริง การคาดคะเนก็ใกลเ้ คียงความจริงมาก ถึงแมว้ า่ จะมีการเปล่ียนแปลงก็ตาม แตเ่ ป็ นวธิ ีท่ีดีท่ีสุดในการ
วางแผนก่อนปฏิบตั ิงานจริงในภาคสนาม

5. คิดกาไรจากแผนการผลิตที่กาหนดไว้ หากกาไรกแ็ สดงวา่ การผลิต มีประสิทธิภาพพอใชไ้ ด้ ถา้ หาก
ขาดทุนจาเป็ นจะตอ้ งมีการเปลี่ยนแปลง การวางแผนและงบประมาณใหมบ่ างส่วนหรืออาจจะท้งั หมดก็ได้ การ
คิดหากาไรใหแ้ ยกประเภทของกิจกรรมดา้ นพืชและสตั วแ์ ตล่ ะชนิด โดยที่กาไรคิดไดจ้ ากผลต่างของรายไดก้ บั
รายจา่ ยอยา่ งง่ายๆ สาหรับรายไดแ้ ละรายจ่ายไดจ้ ากการคานวณในการวางแผนและงบประมาณในขอ้ 4 ที่กล่าว
มาแลว้

การวางแผนและงบประมาณฟาร์มช่วยใหเ้ ราทราบอะไรบา้ ง
1. เป็นเครื่องมือในการตดั สินใจวา่ จะทากิจกรรมดา้ นพชื หรือดา้ นสตั ว์ หรือท้งั พืชและสตั ว์ จึงจะ
เหมาะสมกบั สภาพฟาร์ม
2. กาหนดวธิ ีการผลิต ข้นั ตอนการผลิต และการใชป้ ัจจยั การผลิต
3. บง่ บอกถึงความสมั พนั ธ์แต่ละกิจกรรมในขบวนการผลิตและการจาหน่ายผลผลิต
4. การกระจายแรงงาน ไดแ้ ก่ แรงงานในครอบครัว แรงงานจา้ ง และแรงงานแลกเปลี่ยน ช่วงไหนควร
จะจา้ งแรงงานเพ่ิมเติม หรือแรงงานเหลือ หรือแรงงานเพียงพอต่อการผลิต
5. การกระจายเงินลงทุนในแต่ละข้นั ตอนของการผลิตและชนิดของกิจกรรมวา่ ช่วงไหนตอ้ งใชจ้ ่ายเงิน
ในการลงทุน ช่วงไหนไดร้ ับรายไดจ้ ากการจาหน่ายผลผลิต
6. ทาใหท้ ราบถึงการใชท้ ี่ดินในช่วงการผลิตวา่ ช่วงไหนที่ดินวา่ งเปล่า ช่วงไหนท่ีดินกาลงั ใชใ้ นการ
ผลิต เพ่ือให้เกิดประสิทธิภาพในการใชท้ ี่ดิน
7. ทาใหท้ ราบถึงงบประมาณคา่ ใชจ้ า่ ยในการผลิตแต่ละกิจกรรมและท้งั ฟาร์ม
8. ทาใหท้ ราบถึงรายไดแ้ ละกาไรจากการผลิตตามแผนที่วางไวใ้ นแตล่ ะกิจกรรมและท้งั ฟาร์ม

.........................................................................................


Click to View FlipBook Version