The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ชีทสรุปการวิจัยทางการศึกษา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2022-04-22 07:09:47

ชีทสรุปการวิจัยทางการศึกษา

ชีทสรุปการวิจัยทางการศึกษา

1
เพจ : กวา่ จะได้ใบประกอบวิชาชีพครู
การวิจยั
กระบวนการ/วิธกี ารเพื่อใหไ้ ดม้ าซ่งึ คาตอบในประเดน็ ท่นี ักวิจัยกาหนด
มีวิธกี ารท่ีเป็นระบบ แบบแผน มีจุดม่งุ หมายท่ชี ดั เจน เพ่ือให้ไดอ้ งค์ความรู้ทน่ี ่าเช่อื ถือ การพฒั นา/แก้ปญั หา
กระบวนการในการค้นควา้ หาความรู้ความจริง เพอ่ื ตอบปัญหาหรือขอ้ สงสยั ท่ยี งั ไม่มีคาตอบโดยใช้วธิ ีการที่เป็นระบบและเชอื่ ถือได้

1. ขอ้ ใดไมใ่ ชจ่ ดุ มงุ่ หมายของการวจิ ยั ในชน้ั เรยี น
1. พฒั นาผู้เรียน
2. แก้ปญั หาผู้เรยี น
3. ประเมนิ ตัดสนิ ผเู้ รยี น
4. หาสาเหตุของพฤตกิ รรม

2. ขน้ั ตอนแรกในการทาวิจยั ในชน้ั เรยี นคอื ขน้ั ตอนใด
1. รวบรวมข้อมูล
2. กาหนดปัญหา
3. ตัง้ สมมุตฐิ าน
4. วิเคราะห์ปญั หา

สงวนลิขสทิ ธิ์ หา้ มคัดลอก หา้ มเผยแพร่ หา้ มจาหน่าย

2
เพจ : กวา่ จะไดใ้ บประกอบวิชาชพี ครู

3. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ จดุ มุ่งหมายของการวจิ ยั ในชน้ั เรยี น
1. ตัดเกรด
2. หาสาเหตุของพฤตกิ รรมที่ไม่พึงประสงค์
3. พัฒนาผ้เู รยี น
4. แก้ปญั หาผ้เู รยี น

4. ข้อใดคอื ขน้ั ตอนแรกของกระบวนการจดั ทาการวิจยั ในชนั้ เรยี น
1. การวเิ คราะห์ปัญหาการเรียนการสอน
2. การศึกษาแนวคดิ ทฤษฎี งานวิจยั ท่ีเก่ยี วข้อง
3. การพฒั นานวตั กรรมทางการศึกษา
4. การออกแบบการทดลอ

5. ข้ันตอนแรกของการทาวจิ ยั คอื ขอ้ ใด
1. การเกบ็ รวบรวมข้อมูล
2. การสรา้ งสมมติฐาน
3. การเขียนรายงาน
4. การเลอื กหัวขอ้ ปัญหา

6. Classroom Action Research ตรงกบั ขอ้ ใด
1. การวจิ ัยปฏบิ ตั กิ าร
2. การวจิ ยั ปฏบิ ัตกิ ารในชน้ั เรยี น
3. การวิจัยปฏบิ ตั กิ ารนอกชนั้ เรยี น
4. การวจิ ัยปฏิบตั กิ ารทัง้ ในและนอกชนั้ เรยี น

7. ขอ้ ใดคอื ขนั้ ตอนสดุ ทา้ ยของการทาวจิ ยั
1. การรวบรวมข้อมูล
2. การกาหนดปัญหา
3. การสรุปผล
4. การเขียนรายงาน

สงวนลขิ สิทธ์ิ ห้ามคดั ลอก หา้ มเผยแพร่ หา้ มจาหนา่ ย

3
เพจ : กวา่ จะได้ใบประกอบวิชาชีพครู

ขนั้ ตอนการวิจยั

การวจิ ยั ในชน้ั เรยี น
กระบวนการในการคน้ คว้าหาความรูค้ วามจรงิ เพอ่ื ตอบข้อสงสัยทเี่ กิดจากการจดั การเรยี นรู้ในช้นั เรียนโดยใชว้ ิธีที่เป็นระบบและเชื่อถือได้ มี

จดุ มงุ่ หมายเพอื่ แก้ปญั หาและพฒั นาผเู้ รยี นในชนั้ เรยี นทผ่ี ู้วจิ ยั สอน
ตวั อยา่ ง : ครูสอนวิชาวทิ ยาศาสตร์ พบปัญหา คอื นกั เรียนสอบไม่ผ่านหลายคน ซ่อมเสริมหลายครัง้ แลว้ นักเรียนไมต่ ั้งใจเรยี น คะแนน
ผลสัมฤทธิ์ภาพรวมทงั้ หอ้ งต่า สาเหตุของปัญหามาจากมีนกั เรียนบางกลมุ่ เรียนรู้ชา้ ครูตอ้ งสอนชา้ ๆและซา้ ๆหลายคร้ังทาให้คนทเ่ี รยี นรู้เรว็ เบือ่ ไม่
ตั้งใจเรยี นครูหาวิธแี ก้ปญั หาโดยการใหเ้ พ่ือนเก่งชว่ ยเพอ่ื นออ่ น จงเขียนลาดับข้ันตอนการดาเนนิ การวิจัย
การแก้ปญั หาโดยการทาวจิ ยั ในชนั้ เรยี นตวั อยา่ งที่ 1

ครจู ดั กจิ กรรมในชนั้ เรยี น

พบปญั หา

หาสาเหตขุ องปญั หา

หาวิธแี กป้ ญั หา

เรมิ่ ตน้ ขน้ั ตอนท่ี 1 กาหนดปญั หาวจิ ยั

ดาเนนิ การวจิ ยั ขนั้ ท่ี 2 – ขน้ั ท่ี 10

สงวนลขิ สิทธิ์ ห้ามคัดลอก หา้ มเผยแพร่ หา้ มจาหน่าย

4
เพจ : กวา่ จะไดใ้ บประกอบวิชาชพี ครู

สงวนลิขสทิ ธ์ิ หา้ มคดั ลอก หา้ มเผยแพร่ หา้ มจาหนา่ ย

5
เพจ : กวา่ จะไดใ้ บประกอบวิชาชพี ครู

การแกป้ ัญหาโดยการทาวิจยั ในชนั้ เรยี นตวั อยา่ งท่ี 2
ครจู ดั กิจกรรมในชน้ั เรยี น
พบปญั หา
หาสาเหตขุ องปญั หา
หาวิธแี กป้ ญั หา

เรม่ิ ตน้ ขน้ั ตอนที่ 1 กาหนดปญั หาวจิ ยั

ดาเนนิ การวจิ ยั ขน้ั ที่ 2 – ข้นั ท่ี 10

สงวนลขิ สทิ ธ์ิ หา้ มคัดลอก ห้ามเผยแพร่ หา้ มจาหนา่ ย

6
เพจ : กวา่ จะไดใ้ บประกอบวชิ าชีพครู

ประเภทการวจิ ยั

สงวนลขิ สทิ ธ์ิ หา้ มคดั ลอก หา้ มเผยแพร่ หา้ มจาหนา่ ย

7
เพจ : กวา่ จะไดใ้ บประกอบวิชาชพี ครู

สงวนลิขสทิ ธ์ิ หา้ มคดั ลอก หา้ มเผยแพร่ หา้ มจาหนา่ ย

8
เพจ : กวา่ จะได้ใบประกอบวชิ าชีพครู
สรปุ

ประเภทของการวจิ ยั

แบง่ ตามจดุ มงุ่ หมาย แบง่ ตามประโยชน์ แบง่ ตามวธิ กี ารเกบ็ แบง่ ตามลกั ษณะการ แบง่ ตามลกั ษณะวิชา แบง่ ตามระเบยี บวธิ ี

ของการวจิ ยั ของการวจิ ยั รวบรวมขอ้ มลู วเิ คราะหข์ อ้ มลู หรอื ศาสตร์ วจิ ยั

การวจิ ัยเชิงพยากรณ์ การวจิ ัยพืน้ ฐาน การวจิ ัยจากเอกสาร การวจิ ยั เชงิ คณุ ภาพ การวิจัยทาง การวจิ ยั เชิง
การวิจยั เชงิ วนิ ิจฉยั การวิจยั ประยุกต์ การวิจัยจากการสงั เกต การวจิ ยั เชิงปรมิ าณ วทิ ยาศาสตร์ ประวตั ิศาสตร์
การวจิ ัยเชงิ การวจิ ัยแบบสามะโน วจิ ัยทางสงั คมศาสตร์ การวิจัยเชงิ บรรยาย
อรรถาธบิ าย การวิจัยแบบสารวจจาก หรอื พรรณนา
ตวั อยา่ ง การวิจัยเชิงทดลอง
การศึกษาเฉพาะกรณี
การศกึ ษาแบบต่อเนอ่ื ง
การวิจยั เชิงทดลอง

แบบฝกึ หดั
1. ศกึ ษาคณุ ภาพชวี ติ ผสู้ งู อายใุ นเขตความรบั ผดิ ชอบขององคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบลนา้ น้อย อาเภหาดใหญ่ จงั หวดั สงขลาเปน็ การวจิ ยั เชิงคณุ ภาพหรือ
เชงิ ประมาณ
...................................................................................................................... ...........................................................................................................
2. ความพงึ พอใจในคณุ ภาพการใหบ้ รกิ ารทส่ี ง่ ผลตอ่ ความภกั ดขี องลกู คา้ บรษิ ัทหลกั ทรพั ยใ์ นเขตกรงุ เทพมหานคร (ธชั พล ใยบวั เทศ)
.............................................................................................................................................................. ...................................................................
3. การศกึ ษาพฤตกิ รรมการใชแ้ ละผลทไ่ี ดร้ บั ตอ่ ชวี ติ และจติ ใจจากแอพพลิเคชนั ไลนข์ องกลุม่ ผสู้ งู อายสุ มาคมบา้ นปนั รกั (วรรณพร อินทมสุ กิ )
............................................................................................................................. .................................................................... ................................

4. การตดั สนิ ใจของผูป้ กครองในการสง่ บตุ รหลานเขา้ ศกึ ษาโรงเรยี นบางละมงุ อาเภอบางละมุง จังหวดั ราชบรุ ี (จารรุ นั ต์ พนั ธวาส)
......................................................................................................... ........................................................................................................................
5. การวจิ ยั เพอื่ ใหท้ ราบข้อเท็จจรงิ เกย่ี วกบั ดวงดาวตา่ งๆในสาขาวชิ าดาราศาสตร์
............................................................................................................................. ....................................................................................................
6. การวิจยั เพื่อสรา้ งทฤษฏพี น้ื ฐานในวชิ าฟสิ กิ ส์
............................................................................................................................. ....................................................................................................

สงวนลขิ สิทธ์ิ ห้ามคัดลอก ห้ามเผยแพร่ หา้ มจาหน่าย

9
เพจ : กว่าจะไดใ้ บประกอบวชิ าชพี ครู

7. การวิจยั ทางทฤษฏกี ารเรยี นรู้

............................................................................................................................. ....................................................................................................

8. การวิจยั เรอื่ งการสารวจพนื้ ทเ่ี พาะปลกู ถวั่ เหลอื งในภาคเหนอื ตอนลา่ ง

............................................................................................................................. ................................................................. ...................................

9. การศกึ ษารายกรณนี กั เรยี นทมี่ ีปญั หาดา้ นความประพฤติ

............................................................................................................................. ....................................................................................................

10. ตามรอยเสดจ็ สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชในพน้ื ทฝ่ี นั่ ธนบรุ ี : ศกึ ษาจากพงศาวดาลและสถานทจี่ ริง (วชั รา คลายนาทรม)

............................................................................................................................. ....................................................................................................

11. การพฒั นาบคุ ลากรดา้ นการจดั การเรยี นการสอนทเ่ี นน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคญั แบบ Cippa Model โรงเรยี นบา้ นโนนสงวนสบิ เกา้ โปรง่ วทิ ยา สงั กดั
สานกั งานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษาหนองบัวลาภู เขต 1 (ปวรศิ า นามสพี ันธ)์

............................................................................................................................. ....................................................................................................

การดาเนนิ การวจิ ยั

การต้ังปญั หาการวจิ ยั

ปญั หาการวจิ ยั ข้อสงสยั ที่ผวู้ จิ ยั ตอ้ งการหาคาตอบโดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

ลกั ษณะของปญั หาการวจิ ยั

1. อยใู่ นรูปคาถามทต่ี อ้ งการคาตอบ
2. เปน็ คาถามทยี่ งั ไมม่ คี าตอบ
3. สามารถหาคาตอบดว้ ยวธิ กี ารทางวิทยาศาสตรไ์ ด้
4. ผู้วจิ ยั มคี วามสนใจ มีความรู้ มคี วามสามารถ และมงี บประมาณในการทา

การกาหนดปญั หาวจิ ยั ปฏบิ ตั กิ ารในชนั้ เรยี นควรทาใหค้ รบ 4 ขน้ั ตอนดงั น้ี

1. วเิ คราะห์ปญั หาการเรยี นรใู้ นชน้ั เรยี น
ปญั หา = ความแตกตา่ งระหวา่ งสงิ่ ทคี่ าดหวัง กบั สง่ิ ท่เี กดิ ขน้ึ จรงิ

2. วเิ คราะหส์ าเหตปุ ญั หาการเรยี นรู้
เม่อื ไดป้ ญั หาการเรยี นรู้เเลว้ ใหว้ เิ คราะหส์ าเหตวุ า่ ปญั หาการเรยี นรนู้ น้ั เกดิ จากสาเหตใุ ด สามารถแกป้ ญั หาโดยใช้

กระบวนการวจิ ยั ไดห้ รอื ไม่

สงวนลขิ สทิ ธ์ิ หา้ มคัดลอก หา้ มเผยแพร่ ห้ามจาหน่าย

ตวั อยา่ งการวิเคราะหส์ าเหตุของปญั หาการเรยี นรู้ 10
เพจ : กว่าจะไดใ้ บประกอบวิชาชพี ครู
ปญั หาการเรยี นรู้ สาเหตขุ องปญั หา พิจารณาแกป้ ญั หาโดยการวจิ ยั ไดห้ รอื ไม่

นกั เรยี นมผี ลสมั ฤทธ์ิ มนี กั เรยี นบางกลมุ่ เรยี นรชู้ า้ ครตู อ้ งสอนซา้ หลาย เปลยี่ นวิธกี ารสอนใหม่
ทางการเรยี นวชิ า……ตา่ ครง้ั ทาใหน้ กั เรยี นทเี่ รยี นรเู้ รว็ เบอื่ ไมต่ ง้ั ใจเรยี น ทาวจิ ยั ได้

3. เลอื กนวตั กรรมทจี่ ะนามาใชแ้ กป้ ญั หา

เม่อื วเิ คราะหส์ าเหตขุ องปญั หาการเรยี นรจู้ นมน่ั ใจวา่ สามารถแกป้ ญั หาโดยใชก้ ระบวนการวจิ ยั ได้ ขนั้ ตอ่ ไปครตู อ้ ง

ศึกษาคน้ ควา้ และเลอื กนวตั กรรมทจี่ ะนามาใชใ้ นการแก้ปญั หา

นวตั กรรมทางการศกึ ษา เทคนคิ วธิ ีหรอื สิ่งประดษิ ฐท์ คี่ รยู งั ไมเ่ คยนามาใชแ้ ก้ปญั หาหรอื พฒั นาการเรยี นรมู้ ากอ่ น

4. กาหนดปญั หาการวจิ ยั เมอ่ื เลอื กนวตั กรรมท่ีจะนามาใชใ้ นการแก้ปญั หาไดแ้ ลว้ ใหต้ งั้ ปญั หาวจิ ยั ในลกั ษณะของประโยค
คาถาม

ปญั หาการเรยี นรู้ สาเหตขุ องปญั หา พจิ ารณาแกป้ ญั หาโดยการวจิ ยั ไดห้ รอื ไม่

นกั เรยี นมีผลสัมฤทธ์ิ มนี กั เรยี นบางกลมุ่ เรยี นรชู้ า้ ครตู อ้ งสอนซา้ หลาย เปลยี่ นวธิ กี ารสอนใหม่
ทางการเรยี นวชิ า……ตา่ ครง้ั ทาใหน้ กั เรยี นทเ่ี รยี นรเู้ รว็ เบอ่ื ไมต่ งั้ ใจเรยี น ทาวิจยั ได้

สงวนลิขสทิ ธ์ิ ห้ามคดั ลอก ห้ามเผยแพร่ ห้ามจาหน่าย

11
เพจ : กวา่ จะได้ใบประกอบวชิ าชพี ครู

แบบฝกึ หดั การกาหนดปญั หาการวิจยั

สภาพปัญหาเก่ยี วกบั การเรยี นการสอนอยา่ งหน่ึงท่คี รูผู้สอนวิชาศิลปศึกษาประสบอยูใ่ นปจั จุบัน กค็ ือ แนวทางในการจัดกิจกรรม
กระบวนการเรียนรู้สู่ศักยภาพของผู้เรียน ไม่ว่าจะใช้วิธีการสอนอย่างไร การเรียนรู้ของผู้เรียนก็ยังไม่บรรลุผลตามเป้าหมายท่ีได้ต้ังไว้
โดยเฉพาะการสอน ครูศลิ ปะมักจะเน้นการรับรูด้ า้ นการมองเห็นของผูเ้ รยี นเพียงอยา่ งเดียว การจัดกระบวนการเรียนรู้ ไมเ่ อ้ืออานวยให้ผู้เรียน
เกิดความคดิ รวบยอดไดอ้ ยา่ งชัดเจน ทิศทางการเรยี นการสอนจึงตอ้ งมีการทบทวนเพื่อแสวงหาวธิ กี ารใหมๆ่ ท่ีตอ้ งเนน้ การจดั กจิ กรรมใหผ้ เู้ รยี น
เรยี นรู้ได้ดี ดว้ ยการสมั ผสั จากประสบการณ์จรงิ ฝกึ ปฏิบตั ิใหค้ ิดเปน็ ทาเป็น ใฝ่รูอ้ ย่างตอ่ เนือ่ ง (รุง่ แกว้ แดง, 2542: 36-37)

การจัดกิจกรรมดา้ นศิลปศกึ ษาผู้สอนจงึ ต้องออกแบบกิจกรรมให้เหมาะสมกบั การเสรมิ สร้างศกั ยภาพของแตล่ ะบคุ คล เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นได้
เจรญิ เตบิ โตเตม็ ศกั ยภาพ และเพื่อเป็นการรองรบั การพฒั นาและการส่งเสริมศักยภาพของนักเรียนท่ี เปน็ ตวั บ่งช้ีใหเ้ หน็ ถงึ แนวทางในการยดึ เดก็
เป็นศูนย์กลางในการเรียนรู้ ซึ่งกม็ วี ิธกี ารสอนอยูห่ ลากหลายวิธี ในท่นี ผ้ี ูว้ ิจยั เห็นวา่ การจดั การเรียนรู้แบบ 4 MAT ใหผ้ ูเ้ รยี นได้เรียนตาม
ความถนดั และความสนใจ ซงึ่ อาจเปน็ แนวทางในการผลกั ดันให้นกั เรยี นมีผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นดขี ึ้น (จนั ทมิ า เมยประโคม)

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

การต้ังชอ่ื เรอ่ื งวิจยั ในชนั้ เรยี น ทาหลงั จากทผ่ี ูว้ ิจยั ไดก้ าหนดปญั หาวจิ ยั ซง่ึ อยใู่ นรปู คาถามแลว้

การตง้ั ชอื่ เรอื่ งวิจยั ควรเขยี นใหส้ อื่ ประเดน็ สาคญั 3 ประการดงั น้ี
1. พฤตกิ รรมทตี่ อ้ งการแกป้ ญั หา
2. กลุ่มนกั เรยี นทตี่ อ้ งการแกป้ ญั หา
3. วธิ กี ารทนี่ ามาใชแ้ กป้ ญั หา

สงวนลิขสทิ ธ์ิ หา้ มคัดลอก ห้ามเผยแพร่ หา้ มจาหน่าย

12
เพจ : กวา่ จะไดใ้ บประกอบวชิ าชพี ครู
ตวั อยา่ ง
ชอื่ งานวิจยั : การพฒั นาผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นวชิ าคณติ ศาสตร์ เรอ่ื ง โจทย์ปญั หาการแปรผนั ของนกั ศกึ ษาระดบั ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี ปีที่ 1
ทม่ี ผี ลการเรยี นตา่ โดยใชช้ ดุ กจิ กรรมซอ่ มเสรมิ คณติ ศาสตร์
แบบฝกึ หดั
จงเขยี นชอ่ื งานวจิ ยั จากขอ้ มลู ทใี่ หม้ าตอ่ ไปนี้
……………………………………
1. เพอื่ เปรยี บเทยี บผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นของนกั เรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 เรอ่ื ง อาหารกบั การดารงชวี ติ โดยใชก้ ารจดั การเรยี นรแู้ บบ
สบื เสาะหาความรรู้ ะหวา่ งก่อนเรยี นกบั หลังเรยี น และหลงั เรยี นกบั เกณฑท์ กี่ าหนด
2. เพอื่ เปรยี บเทยี บทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรข์ องนกั เรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 เรอ่ื งอาหารกบั การดารงชวี ติ โดยใชก้ ารจดั การ
เรยี นรแู้ บบสบื เสาะหาความรรู้ ะหว่างกอ่ นเรยี นกบั หลงั เรยี น และหลังเรยี นกบั เกณฑท์ ก่ี าหนด

(พจนา กาญจนบุรงรางกูล วารสารสังคมศาสตร์วิจยั 2558)

ตอบ…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………

1. เพอื่ พฒั นาผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นคณติ ศาสตรข์ องนกั เรยี นชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 โรงเรยี นสวา่ งวทิ ยา เร่ือง การหาพน้ื ทโี่ ดยใช้
กระดานตะปรู ว่ มกบั การจดั การเรยี นรแู้ บบสบื เสาะหาความรู้ (5E) (จริ ภา นุชทองมว่ ง 2558)

ตอบ…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

การกาหนดวตั ถปุ ระสงค์
วตั ถุประสงคก์ ารวจิ ยั การระบคุ วามตอ้ งการทาวจิ ยั ใหช้ ดั เจนขน้ึ วา่ ตอ้ งการศกึ ษาอะไร? กบั ใคร? ในแงม่ มุ ใด?
ข้อแนะนา

ขน้ึ ตน้ ดว้ ยคาวา่ ………………………..
ตามดว้ ยลกั ษณะทต่ี อ้ งการทาในงานวจิ ยั เชน่ ……………………………………. ………………………………
ตามดว้ ยพฤตกิ รรมทต่ี ้องการศกึ ษา เชน่

สงวนลขิ สิทธ์ิ หา้ มคัดลอก ห้ามเผยแพร่ หา้ มจาหนา่ ย

13
เพจ : กวา่ จะไดใ้ บประกอบวิชาชพี ครู

ตามดว้ ยกลมุ่ เปา้ หมายทตี่ อ้ งการวจิ ยั เชน่

ตามดว้ ยนวตั กรรมทจ่ี ะนามาใชแ้ กป้ ัญหา เชน่

ฝกึ
การสอนแบบเพอื่ นชว่ ยเพอื่ นจะทาใหน้ กั เรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 มีผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นวชิ าวิทยาศาสตรส์ งู ขน้ึ หรอื ไม่
1. ชอ่ื เรอ่ื งวิจยั :

วตั ถปุ ระสงค์ของการวจิ ยั

การสอนแบบเพ่อื นชว่ ยเพอื่ นจะทาใหน้ กั เรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 มผี ลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นวชิ าวทิ ยาศาสตรส์ งู กวา่ การสอนแบบปกตหิ รือไม่
2. ชอ่ื เร่ืองวิจยั :

วตั ถปุ ระสงคข์ องการวจิ ยั

สงวนลขิ สทิ ธิ์ ห้ามคดั ลอก หา้ มเผยแพร่ หา้ มจาหน่าย

14
เพจ : กวา่ จะได้ใบประกอบวชิ าชีพครู

แบบฝกึ หดั

1. การศกึ ษาผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นและความพงึ พอใจในการเรยี นวชิ าภาษาไทยเรอื่ งสานวนไทยของนกั เรยี นชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 โดยใช้
บทเรยี นคอมพวิ เตอรม์ ลั ตมิ ีเดยี ประเภทสถานการณจ์ าลอง (กณกวรรณ กอกหวาน 2554)

วตั ถุประสงคข์ องการวจิ ยั

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

การกาหนดสมมตฐิ านและตวั แปรในการวจิ ยั ในชนั้ เรยี น

สมมตฐิ าน คาตอบทค่ี าดคะเนไว้ล่วงหนา้ อย่างสมเหตุสมผล

สมมตฐิ านแบบมที ศิ ทาง
คาดคะเนคาตอบโดยระบทุ ิศทางความสมั พนั ธข์ องตวั แปรไวอ้ ยา่ งชดั เจน
แนใ่ จวา่ สง่ิ ทค่ี าดคะเนหรอื ความสมั พนั ธเ์ กย่ี วข้องของตวั แปรมที ศิ ทางจากเหตผุ ลตา่ งๆ
เชน่ นักเรียนชายกลา้ แสดงออกมากกวา่ นักเรียนหญิง
นักเรยี นทเ่ี รยี นจากส่อื หลากสจี าได้ดกี วา่ นักเรียนท่เี รียนสอ่ื ขาวดา
นกั เรยี นชายมีความอดทนมากกวา่ นกั เรยี นหญิง
ผบู้ ริหารมแี รงจงู ใจมากกวา่ ครูผู้สอน
ความกลา้ แสดงออกกบั ทักษะการพูดสมั พนั ธ์กนั ทางบวก
แรงจูงใจใฝ่สมั ฤทธิแ์ ละผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นมีความสัมพันธ์กนั ทางบวก
หลงั การสอนแบบแผนท่ีความคิด นักเรียนมคี วามสามารถในการเขียนนิทานสูงกว่าก่อนสอน

สงวนลิขสทิ ธ์ิ หา้ มคัดลอก หา้ มเผยแพร่ หา้ มจาหน่าย

15
เพจ : กวา่ จะไดใ้ บประกอบวิชาชพี ครู

สมมตฐิ านแบบไมม่ ีทศิ ทาง

คาดคะเนคาตอบโดยไมร่ ะบทุ ศิ ทางความสมั พนั ธข์ องตวั แปร

ไมแ่ นใ่ จว่าสงิ่ ทค่ี าดคะเนหรอื ความสมั พนั ธเ์ กยี่ วข้องของตวั แปรจะเปน็ ไปในทิศทางใด

เชน่ นักเรยี นชายกบั นกั เรยี นหญงิ กล้าแสดงออกแตกตา่ งกัน

นักเรียนทีเ่ รยี นจากส่อื หลากสีกับนักเรียนทเ่ี รยี นจากส่ือขาวดามีความจาแตกตา่ งกัน

ความกล้าแสดงออกกบั ทกั ษะการพูดมีความสัมพนั ธ์กัน

นกั เรียนชายกบั นกั เรยี นหญงิ มีความอดทนแตกต่างกัน

ผบู้ รหิ ารกับครูมีแรงจูงใจแตกต่างกัน

แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์กบั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนมีความสมั พันธก์ ัน

มนษุ ยสมั พันธม์ ีความสมั พันธ์กับการปฏิบตั ิงาน

การต้ังสมมตฐิ านการวจิ ยั แบบมีทศิ ทางหรอื ไม่มที ิศทาง ขึ้นอยูก่ บั การคน้ ควา้ เอกสารงานวิจัยทีเ่ กย่ี วขอ้ งว่าได้ขอ้ มลู มีแนวโน้มเป็นอย่างไร

ถา้ มแี นวโนม้ ไปทางใดทางหน่ึง ตงั้ แบบมที ศิ ทาง

ถา้ ไมเ่ หน็ แนวโนม้ ทชี่ ดั เจน ตง้ั แบบไมม่ ที ิศทาง

**งานวจิ ยั ในชนั้ เรยี นทนี่ านวตั กรรมมาแกไ้ ขพฤตกิ รรมผเู้ รยี นนยิ มตงั้ แบบ………………………………………………………………………..

8. สมมตฐิ านของการวิจยั หมายถึง

ก. การคาดคะเนคาตอบของการวจิ ยั

ข. การกาหนดปญั หาของการวิจยั

ค. การกาหนดกลมุ่ ตวั อยา่ งของการวจิ ยั

ง. การอภปิ รายวตั ถปุ ระสงคข์ องการวจิ ยั

สงวนลิขสิทธิ์ ห้ามคัดลอก ห้ามเผยแพร่ ห้ามจาหนา่ ย

16
เพจ : กว่าจะไดใ้ บประกอบวิชาชีพครู
ตวั แปร

9. “ครูพราวมกุ สอนวชิ าภาษาไทยและสงั คมชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 มนี กั เรยี นสอบไมผ่ า่ น 30 คน ครพู ราวมกุ จงึ ไปศกึ ษาคน้ คว้าและนาวิธกี ารสอน
รูปแบบใหมม่ าใชก้ บั นกั เรยี น ผลปรากฏว่ามจี านวนนกั เรยี นสอบผา่ นมากกว่าเดมิ ” จากขอ้ ความดงั กล่าว ครพู ราวมกุ ใชร้ ปู แบบการวจิ ยั ประเภทใด
เพอื่ ปรบั ปรุงการเรยี นการสอนและข้อใดเปน็ ตวั แปรตน้ และตวั แปรตาม

1. วจิ ยั โดยการสงั เกต, ตวั แปรตน้ คอื ผลการเรยี นของนกั เรยี นทส่ี อบผ่าน , ตวั แปรตาม คอื การปรบั ปรงุ การเรยี นการสอน
2. วจิ ยั โดยการทดลอง, ตวั แปรตน้ คอื วธิ กี ารสอนรูปแบบใหม่ ตวั แปรตาม คือ ผลการเรยี นของนกั เรยี น
3. วิจยั โดยการสมั ภาษณ์, ตวั แปรตน้ คอื จานวนนกั เรยี นทั้งหมด, ตวั แปรตาม คอื จานวนนกั เรยี นทสี่ อบไมผ่ า่ น
4. วิจยั โดยการปฏบิ ตั จิ รงิ , ตวั แปรตน้ คอื การสอนวชิ าภาษาไทยและสงั คม, ตวั แปรตาม คอื การสอนรูปแบบใหม่

สงวนลิขสทิ ธ์ิ หา้ มคัดลอก หา้ มเผยแพร่ หา้ มจาหนา่ ย

17
เพจ : กวา่ จะไดใ้ บประกอบวชิ าชพี ครู

การคน้ คว้าเอกสารทเี่ กยี่ วขอ้ ง

ชอื่ เรอื่ งวจิ ยั : การศกึ ษาผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นวชิ าคณติ ศาสตรข์ องนกั เรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 ทเี่ รยี นโดยใชเ้ ทคนคิ การสอนแบบเพอ่ื นชว่ ยเพอ่ื น

เอกสารทเี่ กย่ี วขอ้ ง

ชอ่ื เรอื่ งวิจยั : ผลของการใชก้ ิจกรรมกลมุ่ ทมี่ ตี อ่ ทกั ษะความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งบคุ คลของนกั เรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5
เอกสารทเี่ กยี่ วขอ้ ง

สงวนลขิ สทิ ธ์ิ ห้ามคัดลอก ห้ามเผยแพร่ ห้ามจาหนา่ ย

18
เพจ : กวา่ จะได้ใบประกอบวชิ าชีพครู

แบบฝกึ หดั

การศกึ ษาผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นหลกั ภาษาไทยและทกั ษะการรว่ มมอื ของนกั เรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 โดยใชเ้ ทคนคิ รเี วริ ส์ จกิ๊ ซอรร์ ว่ มกบั ผงั
กราฟกิ (ธนัญญา เอมบารงุ 2563)

คาถามในการวจิ ยั

วตั ถปุ ระสงค์ของการวจิ ยั

สมมตฐิ านของการวิจยั
ตวั แปรท่ศี กึ ษา

สงวนลขิ สทิ ธิ์ หา้ มคัดลอก ห้ามเผยแพร่ หา้ มจาหนา่ ย

19
เพจ : กว่าจะไดใ้ บประกอบวิชาชีพครู

ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง

ประชากร ทกุ ๆหนว่ ยของกลมุ่ ทีน่ ักวิจัยสนใจจะทาการศกึ ษาไมว่ า่ จะเปน็ ส่ิงมชี ีวติ หรือไม่มีชีวิต

ความสาคญั ทาให้การเก็บขอ้ มูลมขี อบเขตท่ีชัดเจน ผู้วจิ ัยจะดาเนนิ การเกบ็ ข้อมูลเฉพาะกลุม่ ทอ่ี ยูใ่ นขอบเขตประชากรเทา่ นนั้ ทีอ่ ยู่นอกเหนือ
ขอบเขตจะไมเ่ ข้าไปดาเนินการ

ทาใหผ้ ูว้ จิ ยั สามารถสรปุ ผล + อ้างอิงผลได้

กลุม่ ตวั อยา่ ง กลุ่มยอ่ ยของประชากรทีน่ กั วิจยั สนใจจะทาการศกึ ษาซ่ึงกลุ่มย่อยนจ้ี ะเปน็ ตวั แทนทีด่ ีของประชากรโดยจะทาการคัดเลือกด้วยวธิ ีการ
สมุ่ ตัวอย่างทีเ่ หมาะสมกบั สภาพลักษณะของประชากร

สงวนลขิ สทิ ธ์ิ หา้ มคดั ลอก ห้ามเผยแพร่ หา้ มจาหนา่ ย

20
เพจ : กว่าจะไดใ้ บประกอบวิชาชพี ครู

สงวนลิขสิทธ์ิ หา้ มคดั ลอก หา้ มเผยแพร่ หา้ มจาหนา่ ย

21
เพจ : กว่าจะไดใ้ บประกอบวชิ าชพี ครู

วธิ กี ารสมุ่ ตวั อยา่ ง

สงวนลขิ สทิ ธ์ิ หา้ มคดั ลอก หา้ มเผยแพร่ ห้ามจาหนา่ ย

22
เพจ : กว่าจะได้ใบประกอบวชิ าชพี ครู
เครอ่ื งมอื ทใี่ ชใ้ นการวิจยั เครอ่ื งมอื อุปกรณ์ สง่ิ ที่ใช้เป็นส่ือสาหรับนกั วิจยั ใชใ้ นการเก็บรวบรวมข้อมูลตามตัวแปรในการวจิ ัยที่กาหนดไว้
ขอ้ มูลดังกลา่ วอาจเปน็ ได้ทั้งข้อมูลเชิงปริมาณ และ ขอ้ มูลเชงิ คณุ ภาพ

แบบทดสอบ วดั การเรยี นรดู้ า้ นพทุ ธพสิ ยั , วดั ความสามารถด้านสตปิ ญั ญา
แบบทดสอบปรนยั

แบบทดสอบอตั นยั

แบบสอบถาม
แบบสอบถามปลายปดิ
แบบใหเ้ ลอื กตอบเพียง 1 คาตอบ
แบบให้เลือกตอบไดห้ ลายคาตอบ
แบบให้เรียงลาดับ
แบบใหป้ ระมาณค่า

สงวนลขิ สิทธิ์ หา้ มคัดลอก หา้ มเผยแพร่ ห้ามจาหนา่ ย

23
เพจ : กว่าจะไดใ้ บประกอบวิชาชพี ครู

สงวนลิขสิทธ์ิ หา้ มคดั ลอก หา้ มเผยแพร่ หา้ มจาหนา่ ย

24
เพจ : กวา่ จะได้ใบประกอบวชิ าชีพครู

แบบสอบถามปลายเปดิ

แบบสมั ภาษณ์ แบบสมั ภาษณท์ ไี่ มม่ โี ครงสรา้ ง
แบบสมั ภาษณท์ มี่ โี ครงสร้าง

แบบสงั เกต
แบบสงั เกตทมี่ โี ครงสรา้ ง
แบบสงั เกตทม่ี ลี กั ษณะเปน็ แบบตรวจสอบรายการ

สงวนลขิ สิทธิ์ หา้ มคัดลอก หา้ มเผยแพร่ ห้ามจาหนา่ ย

แบบสงั เกตทมี่ ลี กั ษณะเปน็ แบบประมาณคา่ แบบท่ี 1 25
เพจ : กวา่ จะได้ใบประกอบวชิ าชพี ครู
แบบสงั เกตทม่ี ลี กั ษณะเปน็ แบบประมาณคา่ แบบท่ี 2

แบบสงั เกตทไ่ี มม่ โี ครงสร้าง

สงวนลขิ สทิ ธิ์ ห้ามคัดลอก ห้ามเผยแพร่ ห้ามจาหน่าย

26
เพจ : กว่าจะไดใ้ บประกอบวิชาชพี ครู

ลกั ษณะเครอื่ งมอื ทดี่ ี

สงวนลิขสิทธ์ิ ห้ามคดั ลอก ห้ามเผยแพร่ ห้ามจาหนา่ ย

27
เพจ : กว่าจะไดใ้ บประกอบวชิ าชพี ครู

สถติ ทิ ใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั
หลกั การเลอื กสถติ เิ พอื่ การวเิ คราะห์ขอ้ มูลวิจยั

1. เลอื กสถติ โิ ดยคานงึ ถงึ วตั ถุประสงคว์ ิจยั

2. เลอื กสถติ โิ ดยคานงึ ถงึ ลกั ษณะของขอ้ มลู ระดบั ขอ้ มลู

3. เลอื กสถติ โิ ดยคานงึ ถึงข้อตกลงเบอ้ื งตน้ ของสถติ ิ

ประเภทของสถติ วิ จิ ยั
สถติ บิ รรยาย ใชเ้ ม่อื ตอ้ งการบรรยายลักษณะของข้อมลู ทเี่ ก็บรวบรวมได้โดยไมต่ อ้ งการสรปุ อ้างองิ ไปยงั กลมุ่ ใดๆ (ใชเ้ ม่อื เก็บขอ้ มลู จาก

กลมุ่ ตย./ประชากรกไ็ ด้)
สถติ บิ รรยาย

กรณขี อ้ มลู มกี ารแจกแจงไมป่ กติ

กรณขี ้อมลู มกี ารแจกแจงปกติ

สถติ อา้ งองิ ใชเ้ มื่อตอ้ งการสรปุ อา้ งอิงข้อมูลทเ่ี ก็บไดจ้ ากกลุ่ม ตย. ไปยงั กลุ่มประชากร (ใชเ้ มอื่ เกบ็ ข้อมูลจากกลมุ่ ตย.)
พาราเมตรกิ ใชก้ บั ขอ้ มูลระดบั
กลุ่มตย.มีขนาดใหญ่ + มีการแจกแจงปกติ
ความแปรปรวนแต่ละกลุ่มเทา่ กนั
นอนพาราเมตรกิ ใชเ้ มอ่ื ข้อมูลท่ีนามาวิเคราะหไ์ ม่เปน็ ไปตามขอ้ ตกลงของพาราเมตรกิ

สงวนลขิ สทิ ธิ์ ห้ามคดั ลอก ห้ามเผยแพร่ หา้ มจาหน่าย

เพจ : กว่าจะไดใ้ บประกอบวชิ าชีพครู 28

พาราเมตรกิ นอนพาราเมตรกิ

เปรยี บเทยี บประชากร 1 กลมุ่ ใชส้ ถติ ิ One-sample t-test เปรยี บเทยี บประชากร 1 กลมุ่ ใชส้ ถติ ิ Binominal test

เปรยี บเทยี บประชากร 2 กลมุ่ ไมอ่ สิ ระ (เชน่ เปรยี บเทยี บกอ่ น-หลัง) เปรยี บเทยี บประชากร 2 กลุ่มไมอ่ สิ ระ (เชน่ เปรยี บเทยี บกอ่ น-หลัง)

ใชส้ ถติ ิ Paired-sample t-test ใชส้ ถติ ิ Wilcoxon singed rank Test

เปรยี บเทยี บประชากร 2 กลุม่ อสิ ระ(เชน่ เปรยี บเทยี บวธิ สี อน 2 วธิ )ี เปรยี บเทยี บประชากร 2 กลุม่ อสิ ระ(เชน่ เปรยี บเทยี บวธิ สี อน 2 วธิ )ี

ใชส้ ถติ ิ Independent-sample t-test ใชส้ ถติ ิ Mann-Withey U-Test

เพมิ่ เตมิ
สถติ ทิ น่ี ามาใชใ้ นการวจิ ยั
1. สถติ ิทใ่ี ชอ้ ธบิ ายคณุ ลกั ษณะหรอื รายละเอยี ดของประชากร
1. รอ้ ยละ

2. การวดั แนวโนม้ เข้าสศู่ นู ยก์ ลาง

สงวนลิขสิทธิ์ หา้ มคดั ลอก ห้ามเผยแพร่ ห้ามจาหนา่ ย

29
เพจ : กวา่ จะได้ใบประกอบวชิ าชพี ครู

ตารางเปรยี บเทยี บการเลอื กใชส้ ถติ กิ ารวดั แนวโนม้ เขา้ สศู่ นู ยก์ ลาง

ประเภทสถติ ิ การใช้ คา่ เฉลย่ี มธั ยฐาน ฐานนยิ ม
ระดบั ของการวดั นามบัญญตั ิ
อันตรภาค เรียงลาดบั
การแจกแจง อัตราส่วน อันตรภาค ไมเ่ ปน็ โคง้ ปกติ
จดุ มงุ่ หมายในการใช้ เพอื่ หาคา่ กลางอย่างรวดเรว็
โค้งปกติ ไม่เป็นโค้งปกติ

เพอื่ หาค่าการวดั เพื่อหาค่ากลางอย่างรวดเรว็ แต่ไม่
แนวโน้มเข้าสูส่ ่วนกลางอย่าง ละเอยี ด
ละเอียดและแนะนาไปใชส้ ถิตขิ ั้นสูง

ต่อไป

3. การวดั การกระจาย สถติ ิทอ่ี ธิบายความแตกตา่ งหรอื การแปรผันของคะแนนในกลุม่ น้นั

ถา้ การวดั การกระจายมคี า่ สงู ขอ้ มูลชุดนม้ี คี ะแนนท่แี ตกต่างกันมาก

ถ้าการวดั การกระจายมคี า่ ตา่ ข้อมูลชดุ นม้ี มี คี ะแนนทแี่ ตกต่างกันนอ้ ย

พสิ ยั

สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน

ความแปรปรวน

สงวนลิขสทิ ธ์ิ หา้ มคัดลอก หา้ มเผยแพร่ ห้ามจาหน่าย

30
เพจ : กวา่ จะได้ใบประกอบวชิ าชีพครู
2. สถติ ิทใี่ ชห้ าคา่ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งตวั แปร
การวิจยั ทมี่ ตี วั แปรตง้ั แต่ 2 ตวั ขึน้ ไป ผวู้ จิ ยั ตอ้ งการศกึ ษาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งตวั แปรนน้ั ๆ สถติ ทิ ใี่ ชห้ าคา่ ความสมั พนั ธเ์ รยี กวา่
สหพนั ธ์ คา่ ทคี่ านวณได้ สมั ประสทิ ธส์ิ หพนั ธ์ ระดบั แห่งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งขอ้ มูล มคี า่ อยรู่ ะหว่าง
ถา้ สมั ประสทิ ธส์ิ หพันธม์ คี า่ ใกลเ้ คยี ง 1
ถ้าสมั ประสทิ ธสิ์ หพันธม์ คี ่าใกลเ้ คยี ง 0
1. สหพนั ธอ์ ยา่ งงา่ ย สหพนั ธแ์ บบเพยี รส์ นั
เปน็ สถติ ิทใี่ ชห้ าความสมั พันธร์ ะหวา่ ง 2 ตวั แปรท่ีขอ้ มูลวดั ในระดบั อนั ตรภาคหรืออตั ราสว่ น

2. สหพนั ธร์ ะหวา่ งอันดบั เปน็ สถติ ทิ ใ่ี ชห้ าความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง 2 ตวั แปรทข่ี อ้ มูลวดั ในระดบั เรยี งลาดบั

สงวนลิขสทิ ธ์ิ ห้ามคดั ลอก หา้ มเผยแพร่ หา้ มจาหน่าย

31
เพจ : กว่าจะได้ใบประกอบวชิ าชพี ครู

3. สถติ ทิ ใ่ี ชท้ ดสอบความแตกตา่ งระหว่างค่าเฉลยี่ 2 กลมุ่

เปน็ การทดสอบเพอื่ วเิ คราะหค์ วามแตกตา่ งระหว่างคา่ เฉลย่ี ของกลมุ่ ตวั อยา่ ง 2 กลมุ่ วา่ แตกตา่ งจรงิ หรือไม่

สถติ ิทนี่ ยิ มใชค้ อื

1. t-test เป็นคา่ สถติ ทิ น่ี ยิ มใชเ้ ปรยี บเทยี บระหวา่ งกลมุ่ ตวั อยา่ งเลก็ ๆ นอ้ ยกวา่ 30

ขอ้ มลู ของกลมุ่ ตวั อย่างมาจากกลมุ่ ประชากรทม่ี กี ารแจกแจงเปน็ เสน้ โคง้ ปกติ

2. Z-test เปน็ ค่าสถติ ทิ น่ี ยิ มใชเ้ ปรยี บเทยี บระหว่างกลมุ่ ตวั อยา่ งทมี่ ขี นาดใหญม่ ากกวา่ 30 ขนึ้ ไป
ไมค่ านงึ ถงึ การแจกแจงของประชากร

สงวนลิขสทิ ธ์ิ ห้ามคดั ลอก ห้ามเผยแพร่ หา้ มจาหนา่ ย

32
เพจ : กว่าจะได้ใบประกอบวชิ าชีพครู

4. สถติ ทิ ใี่ ชท้ ดสอบความแตกตา่ งระหวา่ งคา่ เฉลยี่ มากกวา่ 2 กลมุ่
สถติ ิทนี่ ยิ มใช้ คอื

5. สถติ ทิ ใ่ี ชท้ ดสอบความแตกตา่ งและความสมั พันธข์ องขอ้ มูลทเ่ี ปน็ ความถ่ี
สถติ ิทนี่ ยิ มใช้ คอื

สรปุ

สงวนลขิ สทิ ธิ์ หา้ มคดั ลอก หา้ มเผยแพร่ หา้ มจาหน่าย


Click to View FlipBook Version