แบบแสดงรายละเอียดประกอบการขอประเมนิ บุคคล
ของ
นายกกฤษฎาวฒุ ิ วรวิชญ
ตำแหนงแพทยแผนไทย ระดับปฏิบตั ิการ
ตำแหนง เลขท่ี 148159 กลมุ งานการแพทยแผนไทยและการแพทยท างเลอื ก
โรงพยาบาลสมเดจ็ พระสงั ฆราชองคท่ี 17
สำนักงานสาธารณสขุ จงั หวัดสพุ รรณบรุ ี
สำนกั งานปลดั กระทรวงสาธารณสขุ
ขอประเมินเพอ่ื แตง ตงั้ ใหด ำรง
ตำแหนงแพทยแผนไทย ระดบั ชำนาญการ
ตำแหนง เลขที่ 148159 กลุมงานการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลอื ก
โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชองคที่ 17
สำนกั งานสาธารณสุขจังหวัดสพุ รรณบุรี
สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
สารบญั หนา้
สว่ นท่ี 1 ข้อมลู ส่วนบุคล 1
1
1. ชื่อ 1
2. ตำแหน่งปจั จุบัน 1
3. ตำแหน่งทข่ี อประเมิน 1
4. ประวัตสิ ่วนตัว 1
5. ประวตั กิ ารศึกษา 1
6. ใบอนญุ าตประกอบวิชาชีพ 2
7. ประวตั ิการรับราชการ 4
8. ประวัติการอบรมศึกษาดูงาน 5
9. ประสบการณ์ในการปฏิบตั ิงาน 5
10. หน้าทค่ี วามรับผิดชอบปจั จุบัน 6
11. หนา้ ทีค่ วามรบั ผดิ ชอบของตำแหน่งที่จะแต่งตั้ง
12. สรุปผลการตรวจคุณสมบตั ขิ องบคุ คล 7
7
สว่ นท่ี 2 ผลงานท่เี ปน็ ผลการดำเนนิ งานที่ผา่ นมา 7
10
1. ช่อื ผลงาน 28
2. ระยะเวลาทีด่ ำเนินการ 28
3. ความรู้ ความชำนาญงาน หรือความเชีย่ วชาญและประสบการณ์ที่ใช้ในการปฏบิ ตั งิ าน 28
4. สรปุ สาระสำคัญ ขั้นตอนการดำเนนิ การ และเป้าหมายของงาน 28
5. ผลสำเร็จของงาน (เชิงปรมิ าณ / เชิงคุณภาพ) 28
6. การนำไปใช้ประโยชน์ / ผลกระทบ 29
7. ความยุง่ ยากซับซอ้ นในการดำเนินการ 29
8. ปญั หาอุปสรรคในการดำเนนิ การ
9. ขอ้ เสนอแนะ
10. การเผยแพร่ผลงาน
11. ผู้มสี ่วนร่วมในผลงาน
ขอรับรองผลงาน
เอกสารแนบทา้ ยประกอบคำขอประเมนิ บุคคล
๑
แบบแสดงรายละเอียดประกอบการขอประเมนิ ผลงาน
สว่ นที่ 1 ข้อมูลส่วนบคุ คล
1. ชอ่ื นาย กฤษฎาวฒุ ิ วรวชิ ญ์
2. ตำแหน่งปจั จบุ ัน แพทย์แผนไทย ระดบั ปฏบิ ตั ิการ
ตำแหน่งเลขท่ี ๑๔๘๑๕๙ สงั กดั กลุ่มงานการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๑๗ สำนักงานสาธารณสขุ จงั หวดั สพุ รรณบุรี
กรม สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสขุ
(ปฏิบัติราชการท่ี กลมุ่ งานการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สำนักงานสาธารณสุขจังหวดั สุพรรณบรุ ี)
3. ตำแหนง่ ท่ีขอประเมิน แพทย์แผนไทย ระดบั ชำนาญการ
ตำแหนง่ เลขท่ี ๑๔๘๑๕๙ สงั กดั กลุม่ งานการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
โรงพยาบาลสมเดจ็ พระสงั ฆราชองค์ท่ี ๑๗ สำนักงานสาธารณสขุ จงั หวดั สพุ รรณบุรี
กรม สำนักงานปลดั กระทรวงสาธารณสุข
4. ประวัติส่วนตวั (จาก ก.พ.7)
เกิดวันท่ี ๑ เดือน มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๕๓๑ อายุ ๓๔ ปี
อายรุ าชการ ๖ ปี
(รวมระยะเวลาทีเ่ ป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสขุ ตง้ั แต่ วนั ท่ี ๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ ถงึ วันท่ี ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕)
5. ประวตั กิ ารศึกษา
คณุ วุฒแิ ละวิชาเอก ปที ี่สำเร็จการศึกษา สถาบัน
(ชอื่ ปริญญา)
- ปริญญาวทิ ยาศาสตรบัณฑิต ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ มหาวทิ ยาลัยรงั สิต
(สาขาการแพทย์แผนตะวันออก)
6.ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยด้านเวชกรรมไทย
เลขทใี่ บอนญุ าต พท.ว. ๑๙๘๒๙ วนั ออกใบอนญุ าต ๓ ธันวาคม ๒๕๕๗ หมดอายุ –
7.ประวตั กิ ารรบั ราชการ
วนั เดือน ปี ตำแหน่ง สงั กัด
๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ แพทยแ์ ผนไทย กลุม่ งานการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลอื ก
(พนกั งานกระทรวงสาธารณสุข) โรงพยาบาลสมเด็จพระสงั ฆราชองค์ที่ ๑๗
สำนักงานสาธารณสุขจงั หวดั สุพรรณบุรี
๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ แพทยแ์ ผนไทย กล่มุ งานการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก
(พนกั งานกระทรวงสาธารณสุข) โรงพยาบาลสมเด็จพระสงั ฆราชองค์ท่ี ๑๗
สำนกั งานสาธารณสุขจังหวดั สพุ รรณบุรี
๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๓ แพทย์แผนไทยปฏิบัติการ กลมุ่ งานการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก
โรงพยาบาลสมเด็จพระสงั ฆราชองค์ท่ี ๑๗
สำนกั งานสาธารณสขุ จงั หวัดสพุ รรณบรุ ี
๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ แพทย์แผนไทยปฏบิ ัติการ กลุ่มงานการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๑๗
สำนกั งานสาธารณสุขจงั หวัดสุพรรณบุรี
๑ ตลุ าคม ๒๕๖๓ แพทย์แผนไทยปฏบิ ตั ิการ กล่มุ งานการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก
โรงพยาบาลสมเดจ็ พระสงั ฆราชองคท์ ี่ ๑๗
สำนกั งานสาธารณสุขจงั หวัดสพุ รรณบรุ ี
๒
ส่วนที่ 1 ข้อมูลส่วนบุคคล (ต่อ)
วนั เดือน ปี ตำแหน่ง สังกดั
๒๘ กมุ ภาพนั ธ์ แพทยแ์ ผนไทยปฏิบัติการ กลุ่มงานการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
๒๕๖๔ โรงพยาบาลสมเดจ็ พระสังฆราชองคท์ ่ี ๑๗
(พ้นทดลอง) สำนกั งานสาธารณสุขจังหวดั สพุ รรณบุรี
๑ เมษายน ๒๕๖๔ แพทย์แผนไทยปฏบิ ัติการ กลุ่มงานการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลอื ก
โรงพยาบาลสมเดจ็ พระสังฆราชองคท์ ่ี ๑๗
สำนักงานสาธารณสุขจงั หวดั สุพรรณบุรี
๑ เมษายน ๒๕๖๔ แพทยแ์ ผนไทยปฏิบัติการ กลมุ่ งานการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
โรงพยาบาลสมเด็จพระสงั ฆราชองค์ท่ี ๑๗
สำนกั งานสาธารณสุขจังหวดั สุพรรณบรุ ี
๑ เมษายน ๒๕๖๔ แพทย์แผนไทยปฏบิ ัติการ กลมุ่ งานการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก
โรงพยาบาลสมเดจ็ พระสงั ฆราชองคท์ ่ี ๑๗
สำนกั งานสาธารณสุขจังหวัดสพุ รรณบรุ ี
๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ แพทย์แผนไทยปฏบิ ตั ิการ กลมุ่ งานการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลอื ก
โรงพยาบาลสมเดจ็ พระสังฆราชองคท์ ่ี ๑๗
สำนกั งานสาธารณสุขจงั หวดั สพุ รรณบุรี
๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ แพทยแ์ ผนไทยปฏิบตั ิการ โรงพยาบาลสมเด็จพระสงั ฆราชองคท์ ่ี ๑๗
สำนักงานสาธารณสุขจงั หวดั สพุ รรณบุรี
(ปฏิบตั ริ าชการที่ กลุ่มงานการแพทย์แผนไทยและ
การแพทยท์ างเลือก สำนักงานสาธารณสขุ จงั หวัด
สพุ รรณบรุ ี)
8. ประวตั ิการฝึกอบรมและดูงาน
ปี ระยะเวลา หลักสตู ร สถาบัน/หน่วยงานท่ีจัดอบรม
๒๕๕๙ ๓๑ สงิ หาคม ประชมุ วชิ าการและงานมหกรรม กรมการแพทย์แผนไทยและ
(๑ วัน) สมนุ ไพรแห่งชาติครัง้ ท่ี ๑๓ การแพทยท์ างเลือก
๒-๕ ธนั วาคม ประชุมวชิ าการมหกรรมสขุ ภาพ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏเพชรบรุ ี
(๓ วัน) แหง่ ชาติ
๒๕๖๐ 18 มกราคม ประชุมกิจกรรมแพทย์แผนไทย มณฑลพธิ ีทอ้ งสนามหลวง
(1 วัน) กรุงเทพมหานคร
27 มกราคม อบรมพฒั นาความรเู้ พอื่ เพ่ิม โรงพยาบาลสมเด็จพระสงั ฆราช
(1 วนั ) ศักยภาเจา้ หนา้ ที่ในการดแู ลผู้ปว่ ย องค์ที่ ๑๗
โรคหลอดเลอื ดสมอง
๓๐ มกราคม อบรมพฒั นาศักยภาพบุคลากรเพอ่ื กรมการแพทย์แผนไทยและ
(๑ วัน) การบรกิ ารดา้ นการแพทยแ์ ผนไทย การแพทยท์ างเลือก
๒๕๖๐ ๓๑ มกราคม ประชุมมหกรรมอนุรักษ์ภมู ิปัญญา กรมการแพทย์แผนไทยและ
(๑ วนั ) แพทยแ์ ผนไทยภาคกลางและภาค การแพทยท์ างเลือก
ตะวันออก ปี ๒๕๖๐
๓
ส่วนท่ี 1 ข้อมูลสว่ นบุคคล (ตอ่ )
ปี ระยะเวลา หลักสตู ร สถาบนั /หน่วยงานทีจ่ ัดอบรม
๓๑ มกราคม อบรมพัฒนาศักยภาพความรู้ด้าน สำนักงานสาธารณสุขจงั หวดั
(๑ วนั ) เวชปฏิบัติแพทยแ์ ผนไทยสำหรับ สพุ รรณบรุ ี
แพทย์แผนไทย
๒๕๖๐ ๑๓ – ๑๔ มนี าคม อบรมพฒั นาศักยภาพความรู้ดา้ น สำนักงานสาธารณสขุ จังหวัด
(๓ วนั ) เวชปฏบิ ตั แิ พทยแ์ ผนไทยสำหรบั สพุ รรณบรุ ี
แพทยแ์ ผนไทยครั้งท่ี ๒
๒ พฤษภาคม ประชมุ โรงพยาบาลอาหาร โรงพยาบาลนครปฐม
(๑ วัน) ปลอดภัยจังหวัดนครปฐม
๒๙-๓๐ พฤษภาคม อบรมแพทย์แผนไทยอบรมสง่ เสริม กรมการแพทย์แผนไทยและ
(๒ วัน) สขุ ภาพผู้สงู อายุด้วยการแพทย์ การแพทย์ทางเลือก
แผนไทยและการแพทย์ผสมผสาน
๕ มิถุนายน อบรมการนำเสนอผลการ กรมการแพทย์แผนไทยและ
(๑ วัน) ดำเนินงานด้านการแพทย์แผนไทย การแพทยท์ างเลือก
และการแพทย์ทางเลือก
๑๑ กันยายน ประชมุ บรู ณาการโรงพยาบาล กระทรวงสาธารณสุข
(๑ วัน) อาหารปลอดภยั กระทรวง
สาธารณสุข
๒๐ ธันวาคม ประชุมสร้างสรรคน์ วตั กรรมจาก กรมการแพทย์แผนไทยและ
(๑ วัน) สมนุ ไพรและการแพทย์แผนไทย การแพทยท์ างเลือก
ส่ปู ระเทศไทย ๔.๐
๒๕๖๑ ๓๑ มกราคม อบรมพัฒนาความร้ดู า้ นระบบ โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช
(๑ วนั ) บรหิ ารความเส่ยี งในโรงพยาบาล องค์ท่ี ๑๗
๑๐-๑๑ กนั ยายน อบรมการแพทยแ์ ผนไทย กรมการแพทย์แผนไทยและ
(๒ วนั ) ผปู้ ฏบิ ตั ิงานใน หนว่ ยบริการ การแพทย์ทางเลือก
๑๘-๑๙ ตุลาคม อบรมการพฒั นาคุณภาพตาม โรงพยาบาลสมเดจ็ พระสงั ฆราช
(๒ วัน) มาตรฐานสกู่ ารรบั รองคณุ ภาพ องค์ที่ ๑๗
โรงพยาบาล ครั้งที่ ๑
๑๕-๑๖ พฤศจกิ ายน อบรมการพฒั นาคณุ ภาพตาม โรงพยาบาลสมเดจ็ พระสงั ฆราช
(๒ วนั ) มาตรฐานสู่การรบั รองคุณภาพ องค์ที่ ๑๗
โรงพยาบาล ครัง้ ที่ ๒
๒๕๖๒ ๒๑-๒๒ มกราคม อบรมการดแู ลผู้ปว่ ยดว้ ยศาสตร์ กรมการแพทย์แผนไทยและ
(๒ วัน) การแพทย์แผนไทยโรคอัมพฤกษ์ การแพทย์ทางเลือก
อัมพาต
๓ มิถุนายน ประชุมวชิ าการเวชกรรมไทยครง้ั ที่ ๑ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
(๑ วัน)
๓ กรกฎาคม ประชุม Patient and personal โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช
(๑ วนั ) safety องค์ที่ ๑๗
๒๖ กรกฎาคม อบรมหลกั สูตรการใชก้ ัญชาทาง กรมการแพทย์แผนไทยและ
(๑ วัน) การแพทยแ์ ผนไทย รนุ่ ที่ ๓ การแพทยท์ างเลือก
๔
ส่วนที่ 1 ข้อมูลส่วนบคุ คล (ต่อ) หลกั สูตร สถาบัน/หนว่ ยงานทจี่ ดั อบรม
ปี ระยะเวลา
ประชุมทบทวน Strategic โรงพยาบาลสมเดจ็ พระสงั ฆราช
2563 ๑๔ สิงหาคม positioning ปี ๒๕๖๔-๒๕๖๕ องค์ท่ี ๑๗
(๑ วัน)
2564 ๒๑-๒๖ มนี าคม อบรมหลักสตู รการเปน็ ข้าราชการทด่ี ี วทิ ยาลยั พยาบาลพระจอมเกล้า
(๖ วัน) จังหวัดเพชรบรุ ี
๑๖-๑7 พฤศจิกายน อบรมโปรแกรม (package) ผูส้ งู อายุ กรมการแพทย์แผนไทยและ
(๒ วัน) สดใสหา่ ง ไกลสมองเส่ือมดว้ ยศาสตร์ การแพทย์ทางเลือก
การแพทย์แผนไทย
9. ประสบการณใ์ นการปฏบิ ตั งิ าน
- คณะกรรมการ
1. คณะกรรมการประสานงานระดบั โรงพยาบาล ปี ๒๕๕๙
2. คณะกรรมการการดูแลแบบบูรณาการประคบั ประคอง ปี ๒๕๖๑
- คณะทำงาน
1. คณะทำงานโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง ปี ๒๕๖๔
2. คณะทำงานพัฒนาระบบบริการสุขภาพ สาขาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกอำเภอสองพี่น้อง
ปี ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔
3. คณะทำงานดำเนินงานตำบลดแู ลระยะยาวสำหรบั ผู้สงู อายุที่มีภาวะพ่ึงพิง (LTC) ปี ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔
4. คณะทำงานพฒั นาคุณภาพข้อมูล Health Data Center (HDC) อำเภอสองพ่นี ้อง ปี ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔
5. คณะทำงานพฒั นาและประเมินคณุ ภาพ รพ.สต.ติดดาว ปี ๒๕๖๒ – ๒๕๖๔
6. คณะทำงานการดแู ลแบบบรู ณาการประคบั ประคอง ปี ๒๕๖๑-๒๕๖๔
- วทิ ยากร
1. วทิ ยากรอบรมโครงการการนวดไทยเพ่ือการบำบดั รักษา ๓๗๒ ชัว่ โมง ในสถานบรกิ ารสาธารณสุข
จงั หวดั สุพรรณบุรี ปี พ.ศ.๒๕๖๐
2. วทิ ยากร โครงการพฒั นาศักยภาพของ อสม.เรอ่ื งการใชย้ าสมนุ ไพร ปี พ.ศ.๒๕๖๐ - ๒๕๖๔
3. วทิ ยากร อบรมใหค้ วามรเู้ รื่องการแพทยแ์ ผนไทยแก่นกั เรยี นในโรงเรยี นบางล่วี ิทยา ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔
4. วิทยากร โครงการพัฒนาประสทิ ธภิ าพการทำงานของแกนนำสขุ ภาพ เทศบาลเมอื งสองพ่ีน้อง ปี ๒๕๖๒
5. วิทยากร โครงการเสริมสร้างสุขภาพกลุ่มสตรตี ำบลหนองบ่อ ปี ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔
6. วิทยากร โครงการเสรมิ สร้างสุขภาพผ้สู ูงอายเุ ทศบาลเมอื งสองพ่นี ้อง ปี ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔
7. วทิ ยากร โครงการเสริมสรา้ งศักยภาพและความเข้มแข็งชมรมผู้สู้งอายุตำบลหนิ มลู ปี ๒๕๖๒ - ๒๕๖๓
8. วทิ ยากร โครงการเสริมสร้างสุขภาพผู้สูงอายตุ ำบลบา้ นช้าง ปี ๒๕๖๐ - ๒๕๖๒
9. วิทยากร โครงการพบาบาลหลักสตู รเวชปฏบิ ัติร่นุ ท่ี ๑๑ ประจำปี ๒๕๖๓ วทิ ยาลยั พยาบาลจงั หวัดสุพรรณบรุ ี
10.วทิ ยากร โครงการประชุมวชิ าการกัญชาทางการแพทย์เขตสุขภาพที่ ๕ ปี ๒๕๖๕
- อ่นื ๆ
๑. เป็นผ้คู วบคุมการฝึกภาคปฏบิ ัตโิ ครงการนวดไทยเพื่อการบำบัดรกั ษา ๓๗๒ ช่วั โมง ในสถานบรกิ าร
สาธารณสุขจังหวัดสพุ รรณบรุ ี ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ – ๒๕๖๔
๒. นำเสนอพนื้ ท่ตี ้นแบบดีเด่นด้านแพทยแ์ ผนไทย แพทย์พ้ืนบ้านและแพทยท์ างเลอื ก ปี ๒๕๖๔
๕
ส่วนที่ 1 ข้อมูลส่วนบคุ คล (ต่อ)
10. หนา้ ท่คี วามรับผิดชอบของตำแหน่งปจั จุบนั
- ด้านบรหิ าร
1. ควบคมุ กำกบั การปฏิบตั ิงานของผู้ชว่ ยแพทย์แผนไทยในกลุ่มงานการแพทย์แผนไทยและการแพทย์
ทางเลอื ก
2. จดั ทำแผนการใช้เวชภัณฑข์ องกลุม่ งานการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
3. จัดทำแผนการใช้วสั ดคุ รุภัณฑ์ของกลมุ่ งานการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลอื ก
4. ประเมนิ ผลการรักษาผ้ปู ่วยที่มารบั บรกิ ารนวดแผนไทย
5. ควบคมุ กำกับนักศึกษาฝกึ ประสบการณว์ ชิ าชีพแพทย์แผนไทยจากมหาวิทยาลัยต่างๆ
6. ตรวจสอบและรวบรวมการจัดทำรายงานต่างๆงานการเจา้ หนา้ ที่
7. ควบคมุ กำกับงานบริการผปู้ ่วยนอก
8. ตรวจเช็คและเบกิ พสั ดุ ครุภณั ฑ์
- ด้านบรกิ าร
๑. ให้บรกิ ารตรวจ รักษาผูป้ ว่ ยด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย
๒. ทำการรกั ษาผูป้ ่วยด้วยศาสตร์การแพทย์พนื้ บ้าน
๓. สอนสขุ ศกึ ษาผ้รู อรับบริการที่แผนกผู้ป่วยนอก
๔. ตรวจ วนิ ิจฉัย สงั่ การรักษาผ้ปู ว่ ยนอก
- ด้านวชิ าการ
๑. ทำวิจยั การศึกษาผลของการนวดกดจดุ สะท้อนเท้าต่ออัตราการกรองของไต (GFR) ในผู้ปว่ ยไตเร้ือรงั
(R๒R)
๒. สอนและสาธติ การตรวจรกั ษาทางการแพทย์แผนไทยให้แก่นักศึกษาแพทยแ์ ผนไทยจากสถาบันตา่ งๆ
11. หน้าที่ความรับผิดชอบของตำแหนง่ ที่จะแต่งตง้ั
ปฏิบัติงานตำแหน่งแพทย์แผนไทย ระดับปฏิบัติการ กลุ่มงานการแพทย์แผนไทยและการแพทย์
ทางเลือก โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชองคท์ ี่ ๑๗ สำนักงานสาธารณสุขจังหวดั สพุ รรณบุรี (ปฏิบัติราชการที่
กลุ่มงานการแพทย์-แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สำนกั งานสาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรี) โดยวางแผนและ
ประสานงานเมืองสมุนไพรจังหวดั สพุ รรณบุรี การดำเนินงานประเมินมาตรฐานโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพและ
สนับสนุนการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสาน ประเมินมาตรฐานการนวดไทยในสถานพยาบาลของ
ภาครัฐ ประเมินมาตรฐานแหล่งฝึกประสบการณ์วิชาชีพการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พัฒนา
บุคลากรแพทย์แผนไทยในสถานพยาบาลของภาครัฐ ประเมินบุคลากรแพทย์แผนไทยในสถานพยาบาลของ
ภาครัฐ
๖
สว่ นที่ 1 ข้อมูลส่วนบุคคล (ตอ่ )
สรุปผลการตรวจคณุ สมบตั ิของบุคคล
1. วฒุ ิการศึกษา
( ) ตรงตามคณุ สมบัติเฉพาะสำหรบั ตำแหน่ง
( ) ไม่ตรง แต่ ก.พ. ยกเว้นตามมาตรา 62
2. ใบอนุญาตประกอบวิชาชพี (ถา้ กำหนดไว้)
( ) ตรงตามทีก่ ำหนด ใบอนญุ าตเลขที่ ….......................................………..
( ) ไม่ตรงตามทีก่ ำหนด
3. ระยะเวลาการดำรงตำแหนง่
( ) ครบตามที่กำหนดไวใ้ นมาตรฐานกำหนดตำแหน่ง
( ) ไม่ครบ แตจ่ ะครบกำหนดในวันที่…..............................................……
4. ระยะเวลาขั้นต่ำในการดำรงตำแหน่งหรอื เคยดำรงตำแหนง่ ในสายงานท่ีจะแตง่ ตั้ง
(ให้รวมถึงการดำรงตำแหน่งในสายงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรอื เคยปฏิบตั ิงานอนื่ ที่เก่ียวข้องหรือเกื้อกลู ดว้ ย)
( ) ครบตามที่ ก.พ. กำหนด
( ) ไมค่ รบ ให้ส่งคณะกรรมการประเมนิ บุคคลพจิ ารณา
5. การประเมินคุณลกั ษณะของบุคคล
( ) ผ่านการประเมนิ ( ) ไม่ผ่านการประเมนิ เหตผุ ล............................................
6. สรปุ ผลการตรวจสอบคณุ สมบตั ขิ องบคุ คล
( ) อยูใ่ นหลักเกณฑ์ที่จะดำเนินการตอ่ ไปได้
( ) ไมอ่ ยูใ่ นหลกั เกณฑ์ (ระบุเหตุผล)............................................................................…………….
ลงชอ่ื …………………………..(ผ้ตู รวจสอบ)
(………………………......)
ตำแหนง่ .........................................................
(หัวหนา้ หน่วยงานการเจา้ หน้าท่/ี ผรู้ บั ผดิ ชอบงานการเจา้ หนา้ ท่ี)
วนั ท.่ี ........เดือน.................พ.ศ................
๗
ส่วนท่ี ๒ ผลงานที่เป็นผลการปฏิบตั ิงานหรือผลสำเรจ็ ของงาน
1. ช่ือเรอ่ื ง หัตถเวชกรรมแผนไทย (นวดแบบราชสำนัก) ในผ้ปู ่วยคอตกหมอน : กรณีศึกษา
2. ระยะเวลาการดำเนินการ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ถึง ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๔
3. ความรู้ ความชำนาญงาน หรอื ความเช่ียวชาญและประสบการณ์ทีใ่ ช้ในการปฏิบัตงิ าน
อาการปวดต้นคอเป็นอาการที่พบบ่อย ปวดต้นคออาจะมีสาเหตุจากกล้ามเนื้ออักเสบเนื่องจากการใช้
งานที่ไม่เหมาะสม หรืออาจจะมีสาเหตุจากกระดูกคอเสื่อม คอเป็นอวัยวะหนึ่งที่มีการใช้มากที่สุด ยิ่งการทำงาน
ในยคุ ปจั จบุ ัน คนต้องทำงานกบั คอมพวิ เตอร์ต้องก้มหน้าเงยหน้าอยู่ตลอด ประกอบงานปัจจุบันต้องใช้สมองมาก
ทำให้เกิดความเครียดจึงเกิดอาการปวดคอและปวดศีรษะ นอกจากนั้นคอเป็นอวัยวะที่บอบบางเมื่อเทียบกับ
ขนาดสมอง และลำตัว ให้เกิดความชอกชำ้ หรือบาดเจ็บไดง้ ่าย นอกจากนั้นคอก็ยังเป็นศูนย์รวมของเส้นประสาท
ที่รับคำสั่งจากสมองไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย อาการเจ็บคอพบได้ไม่บ่อยเท่าอาการปวดหลัง อาการเจ็บคอท่ี
พบบ่อยที่สุดคือ กล้ามเนื้อคอหดเกร็งทำให้เอี้ยวคอหรือเคลื่อนไหวศีรษะไม่ได้ หรือที่เรียกว่าตกหมอน ซึ่งส่วน
ใหญ่จะหายเองได้ สาเหตุของอาการปวดคอที่พบบ่อยที่สุดประการหนึ่งคือ กล้ามเนื้อล้าและพังผืดกล้าม
เนอื้ บรเิ วณคออกั เสบ ส่วนใหญ่พบในเพศหญิงวัยทำงาน สาเหตเุ กดิ จากการทำงานท่ใี ชก้ ลา้ ม เนื้อคอและไหล่มาก
เช่น การสะพายเป้หรือกระเป๋าหนักๆ การเล่นกีฬา งานที่ต้องยกแขนขึ้นเหนือศีรษะ และก้มคอทำงานนานๆ
ท่าทางการทำงานที่ไม่ถูกต้อง เช่น การนั่งทำงานติดต่อกันเป็นเวลานานๆ การวางตำแหน่งของอุปกรณ์
คอมพิวเตอร์ไมถ่ ูกต้อง เชน่ ต้องกางขอ้ ศอกขึ้นใกล้หัวไหล่ การนอนคว่ำใช้คอมพวิ เตอร์พกพาบนเตียงนอน เป็นตน้
อาการปวดท่ีเรียกวา่ “ตกหมอน”เกิดจากการท่ีศีรษะและคออยู่ในตำแหนง่ ที่ไม่เหมาะสมขณะนอนหลับ
วินิจฉัยจากการที่ก่อนเข้านอน ผู้ป่วยไม่มีอาการปวดใดๆ เมื่อตื่นนอนแล้ว พบว่ามีอาการปวดคอรุนแรงทันที
อาการปวดเกิดขึ้นทุกการเคลื่อนไหวทั้งก้ม เงย เอียงซ้ายขวา และหมุนซ้ายขวา ผู้ป่วยที่มีพยาธิสภาพเพียง
เล็กน้อยอาจมีเฉพาะอาการปวด เมื่อพยาธิสภาพของโรคลุกลามมากขึ้นจะเกิดการกดเบียดรากประสาทหรือไข
สันหลัง กระดูกสันหลังผิดรูป และกระดูกสันหลังไม่มั่นคง อาการปวดจากกล้ามเนื้อล้า ตกหมอน และพังผืด
กล้ามเนื้อบริเวณคออักเสบ มีวิธีการรักษาเบื้องต้นประกอบด้วยการกินยาแก้ปวด หรือยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่
สเตียรอยด์ หรือยาคลายกล้ามเนื้อ การใส่ปลอกคออ่อนช่วยลดอาการปวดจากการจำกัดการเคลื่อนไหวคอ
รวมถึงการลดกิจกรรมที่เป็นสาเหตุของอาการปวด ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่อาการปวดจะทุเลาภายใน ๒-๓สัปดาห์
อาการปวดจากพังผืดกล้ามเนื้อบริเวณคออักเสบ บางส่วนไม่ตอบสนองต่อยาแก้ปวด ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่
สเตียรอยด์ และยาคลายกล้ามเนื้อ จำเป็นต้องทำกายบริหารกายภาพบำบัด เพื่อยืดกล้ามเนื้อที่เกิดอาการปวด
ผู้ปว่ ยบางสว่ นจะทุเลาภายใน ๔-๖ สปั ดาห์ ซงึ่ จะใช้ระยะเวลานานกวา่ อาการปวดจากกล้ามเนอ้ื ล้าหรือตกหมอน
นอกจากนี้ การแพทย์แผนไทยจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษาผู้ป่วยคอตกหมอน ในการรักษาผู้ป่วยโรคคอ
ตกหมอนทางการแพทย์แผนไทย โดยการทำหัตถเวชกรรมแผนไทย(นวดแบบราชสำนัก) การตรวจรักษา
วินิจฉัยโรค และให้คำแนะนำตามทฤษฎีการแพทย์แผนไทย เพื่อทำให้การทำงานของคอเป็นไปได้ตามปกติ หรือ
บรรเทาอาการเจ็บปว่ ย และสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวันได้
การวินจิ ฉัยทางด้านการแพทยแ์ ผนไทยแบง่ ไดต้ ามดงั น้ี
การวินิจฉยั ทางด้านการแพทย์แผนไทยสามารถวินิจฉัยโรคทางหตั ถเวชกรรมไทยได้ดังน้ี
โรคลมปลายปัตคาด
เปน็ โรคชนิดหน่ึงท่เี กิดจากการแข็งตวั ของเลอื ด สามารถเป็นได้ทุกส่วนของรา่ งกาย เช่น กล้ามเน้ือ
เสน้ เอ็น เยอื่ หุม้ กระดูก รมิ หัวตอ่ กระดกู ยกเวน้ ตัวกระดูก
ลักษณะอาการของโรค
มอี าการปวดเสียว อาจมีบวม แขง็ เปน็ กอ้ น เปน็ ลำ หรอื ไมบ่ วมกไ็ ด้ ไม่มคี วามร้อน หรืออาจ
มคี วามร้อนไดเ้ ลก็ น้อย
๘
ส่วนที่ ๒ ผลงานท่ีเป็นผลการปฏบิ ัติงานหรือผลสำเร็จของงาน (ต่อ)
การตรวจวินิจฉัยโรค
ตามอาการและตำแหน่งทีโ่ รคเกิด
หลักการรักษา
ทำใหก้ ลา้ มเนอื้ คลายตวั เพือ่ ให้เลือดมาเลยี้ งบรเิ วณนั้นดีขึ้น โดยการนวดพืน้ ฐาน และนวด สญั ญาณ
๑-๕ แล้วแตก่ รณีของโรคทเี่ กิด
คำแนะนำ
๑. ประคบด้วยความร้อน
๒. ทา่ บริหาร
๓. งดอาหารแสลง
โรคลมปลายปตั คาดสญั ญาณ ๔ หลงั
สาเหตุ
เกิดจากการแข็งตัวของเลอื ดบริเวณบา่ และสัญญาณ ๔ หลัง เนือ่ งจากความเครียด การทำงานหนัก
พกั ผอ่ นไมเ่ พยี งพอ ทา่ ทาง อิรยิ าบถตา่ งๆ ไมถ่ ูกต้อง ความเส่ือมของตวั กระดกู คอและจาก อบุ ัติเหตุ
ลกั ษณะอาการของโรค
ปวดตงึ คอ กล้ามเน้อื บ่า และสะบัก อาจพบอาการปวดร้าวชาแขนดา้ นนอกและนิว้ มอื หายใจได้ไม่
เตม็ ท่ี ขัดยอกหน้าอก
การตรวจวินจิ ฉัย
๑.กม้ หนา้ คางชดิ อกไมไ่ ด้องศา
๒. คลำหาจุดเจ็บ
๓. ตรวจบรเิ วณสัญญาณ ๔ หลงั ดคู วามเยน็ รอ้ น ออ่ น แขง็ ของกล้ามเน้อื บ่าและตน้ คอ สงั เกตดแู นว
กระดูกต้นคอและหัวดุมไหล่
๔. เงยหน้าไมไ่ ด้องศา สังเกตดูโหนกแก้มท้งั ๒ ข้าง ถา้ ขา้ งท่ีเปน็ สูง แสดงวา่ มกี ารเกาะของหนิ ปูนและถา้
ตำ่ แสดงวา่ มกี ารทรดุ ตวั ของกระดกู ต้นคอ
๕. เอียงหชู ิดไหล่ เพ่อื ดอู งศาและความตงึ ตัวของกลา้ มเน้ือตน้ คอ
วธิ กี ารรักษา (สตู รกลาง)
๑. นวดพ้นื ฐานบ่าข้างท่ีเปน็
๒. นวดพื้นฐานโคง้ คอ
๓. นวดสญั ญาณ ๔,๕ หลัง เนน้ สญั ญาณ ๔
๔. นวดสัญญาณ ๔ หวั ไหล่
๕. นวดพืน้ ฐานหลงั
คำแนะนำ
๑. ประคบความรอ้ น เช้า – เย็น ประมาณ ๑๐-๑๕ นาที
๒. งดอาหารแสลง เชน่ ข้าวเหนียว, หนอ่ ไม,้ เคร่ืองในสตั ว์, เหล้า-เบียร์ และยาแกป้ วด
๓. ใช้ท่าบริหาร
- ท่าเทา้ แขน ๓ จังหวะ
- ท่าดงึ แขนชแู ขน ๓ จังหวะ
- ท่าบริหารอื่นๆ ตามความเหมาะสม
๔. หลีกเลี่ยงสาเหตทุ ี่ทำให้มีอาการปวด
๕. หา้ มบิด ดดั สลัดคอ และแขน ทร่ี ุนแรง
๙
ส่วนท่ี ๒ ผลงานทเ่ี ป็นผลการปฏบิ ัติงานหรอื ผลสำเรจ็ ของงาน (ต่อ)
โรคลมปลายปตั คาดสัญญาณ ๕ หลัง
สาเหตุ
เกิดจากการแข็งตัวของเลอื ดบรเิ วณบ่าและสญั ญาณ ๕ หลงั เนอ่ื งจากความเครยี ด การทำงานหนัก
พักผ่อนไม่เพียงพอ ท่าทาง อิริยาบถต่างๆ ไมถ่ ูกต้อง ความเสอ่ื มของตัวกระดูกคอและจากอบุ ัตเิ หตุ
ลกั ษณะอาการของโรค
มึนงง เวยี นศีรษะ ปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา ปวดต้นคอ อาจพบร้าวชาออกแขนด้านใน
การตรวจวนิ จิ ฉยั
๑. กม้ หนา้ คางชิดอกไม่ได้องศา
๒. คลำหาจุดเจบ็
๓. ตรวจบรเิ วณสญั ญาณ ๕ หลัง ดคู วามเยน็ ร้อน อ่อน แข็ง ของกลา้ มเน้ือบ่าและต้นคอ สังเกตดแู นว
กระดูกต้นคอและหวั ดุมไหล่
๔. เงยหนา้ ไมไ่ ด้องศา สงั เกตดโู หนกแก้มทั้ง ๒ ขา้ ง ถา้ ขา้ งท่เี ป็นสูง แสดงวา่ มกี ารเกาะของหนิ ปนู และ
ถ้าต่ำ แสดงวา่ มีการทรดุ ตวั ของกระดกู ต้นคอ
๕. เอยี งหูชดิ ไหล่ เพ่อื ดูองศาและความตึงตวั ของกล้ามเนื้อต้นคอ
วธิ ีการรักษา (สตู รกลาง)
๑. นวดพนื้ ฐานบา่ ข้างที่เป็น
๒. นวดพน้ื ฐานโคง้ คอ
๓. นวดสญั ญาณ ๔,๕ หลงั เนน้ สัญญาณ ๕
๔. นวดสญั ญาณ ๔ หวั ไหล่
๕. นวดพื้นฐานหลัง
คำแนะนำ
๑. ประคบความร้อน เช้า – เย็น ประมาณ ๑๐-๑๕ นาที
๒. งดอาหารแสลง เชน่ ขา้ วเหนยี ว, หน่อไม,้ เคร่อื งในสัตว์, เหลา้ -เบยี ร์ และยาแก้ปวด
๓. ใช้ทา่ บรหิ าร
- ท่าเทา้ แขน ๓ จังหวะ
- ทา่ ดงึ แขนชูแขน ๓ จงั หวะ
- ทา่ บรหิ ารอื่นๆ ตามความเหมาะสม
๔. หลีกเลยี่ งสาเหตุที่ทำให้มีอาการปวด
๕. ห้ามบดิ ดัด สลัดคอ และแขน ทรี่ ุนแรง
โรคลมปลายปตั คาดเส้นโค้งคอ
สาเหตุ
๑. เกดิ จากท่าทางอิรยิ าบถไม่ถกู ต้อง เชน่ นัง่ คอเอียง คอไม่ตรง
๒. ความเครยี ดของกลา้ มเน้ือตน้ คอ
๓. ความเสื่อมของกระดูกต้นคอ ลักษณะอาการโรคคอแข็ง ทรงศรี ษะไม่อยู่ กลา้ มเนื้อคอไม่มีกำลงั กม้ -
เงย หรือเอยี งคอ มอี าการตึง ปวด ตน้ คอ ปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา ตากระตุก หูอ้ือ อาจพบขัดยอกทข่ี ้อต่อ
หัวไหล่ หรือโรคหัวไหลต่ ิด รว่ มด้วยปวดชาต้นแขน ชาปลายน้ิว
การตรวจวนิ ิจฉัยโรค
๑. ก้มหนา้ คางชิดอก ไม่ได้องศา
๑๐
ส่วนที่ ๒ ผลงานท่ีเป็นผลการปฏิบตั งิ านหรอื ผลสำเร็จของงาน (ต่อ)
๒. หาตำแหน่งที่เจบ็ ดกู ล้ามเน้ือบ่า โคง้ คอ แข็งเปน็ ลำบวม
๓. สังเกตดูแนวกระดูกตน้ คอและหวั ดมุ ไหล่
๔. เงยหนา้ ไมไ่ ด้องศาเน่อื งจากกล้ามเนื้อคอแขง็ เกร็งใหต้ รวจกระดูกคอรว่ มดว้ ย อาจพบร่วมกบั โรค
สัญญาณ ๔,๕ หลัง
๕. เอียงหชู ดิ ไหล่ เพอ่ื ดูองศาและความตึงตวั ของกล้ามเน้ือตน้ คอ
วิธีการรกั ษา
๑. นวดพน้ื ฐานบ่าขา้ งท่ีเปน็
๒. นวดสัญญาณ ๔, ๕ หลงั
๓. นวดเส้นโค้งคอ
๔. นวดหวั ไหล่สัญญาณ ๔
คำแนะนำ
๑. ประคบความรอ้ น เช้า – เย็น ประมาณ ๑๐-๑๕ นาที
๒. งดอาหารแสลง เช่น ข้าวเหนียว, หนอ่ ไม,้ เคร่อื งในสัตว์, เหลา้ -เบียร์ และยาแกปวด ้
๓. ใชท้ า่ บรหิ าร
- ท่าเทา้ แขน ๓ จังหวะ
- ท่าก้ม-เงย ศรี ษะ
- ท่าเอยี งหูชิดไหลซ่ า้ ย–ขวา
๔. หลีกเลี่ยงสาเหตุทท่ี ำใหม้ ีอาการปวด
๕. หา้ มบดิ ดัด สลดั คอ และแขน ทีร่ นุ แรง (มูลนธิ ิฟ้นื ฟสู ง่ เสริมการแพทยไ์ ทยเดิมฯ โรงเรยี นอายุรเวท, ๒๕๔๘)
๔. สรปุ สาระสำคญั ขนั้ ตอนการดำเนนิ การ และเป้าหมายของงาน
๔.๑ รูปแบบการศกึ ษา
การศึกษาครั้งนี้ เป็นการศึกษาโดยการทดลอง (Experimental Research) ทดสอบก่อน – หลัง
(one group pretest – posttest design) เพื่อศกึ ษาประสิทธิผลของการนวดแบบราชสำนักในการรักษาอาการ
ปวดตึงกลา้ มเนอื้ บ่าโคง้ คอขา้ งขวา
๔.๒ ประชากรทีศ่ กึ ษา
ประชากรที่ใช้ศึกษาครั้งนี้เป็นผู้ป่วยที่มีอาการปวดตึงกล้ามเนื้อบ่าโค้งคอข้างซ้าย เข้ารับการรักษาใน
คลินิกแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก โรงพยาบาลด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ระหว่างวันที่ ๒ พฤษภาคม
๒๕๖๑ ถงึ ๘ มิถนุ ายน ๒๕๖๑ คัดเลือกกลุ่มตวั อย่างแบบเฉพาะเจาะจง
๔.๓ เครื่องมือท่ีใช้ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล
เครอ่ื งมือท่ใี ช้ในการวิจัยและวิธีการสร้างเครอื่ งมอื มีรายละเอยี ดดังน้ี
๑) แบบบนั ทกึ การรักษา ได้แก่ เพศ อาชพี อายุ สถานภาพ เชอื้ ชาติ สัญชาติ ทีอ่ ยู่ อาการสำคัญ ประวัติ
การเจบ็ ปว่ ยปัจจบุ ัน ประวตั กิ ารเจบ็ ป่วยในอดตี ประวัติครอบครัว ประวตั ิสว่ นตัว ประวตั ปิ ระจำเดือน การตรวจ
ร่างกาย
๒) แบบสัมภาษณ์วัดระดับความเจ็บปวด โดยใช้ประเมินวัดความปวดตามความรู้สึกของผู้รับการนวด
ตัง้ แตไ่ มม่ ีความรสู้ ึกปวดจนกระทง่ั มีความรู้สึกปวดมาก จนรู้สกึ ทนไม่ไดโ้ ดยทำเคร่ืองหมาย X หรือช้ีลงบนตัวเลข
ระหว่าง ๐ -๑๐ ทีใ่ ดกไ็ ด้ทต่ี รงกับความร้สู ึกปวดของผู้รับการนวดในขณะน้ีมากทส่ี ุด ผูว้ จิ ยั เปน็ ผอู้ ธิบายระดับของ
ความปวดตามมาตรวดั Comparative Pain Scale
๔.๔ การวเิ คราะหข์ ้อมูล
เปรียบเทยี บความแตกตา่ งระหวา่ งผลการนวดรักษาแบบราชสำนักกอ่ นนวดและหลงั นวด
๑๑
ส่วนท่ี ๒ ผลงานท่ีเปน็ ผลการปฏิบัตงิ านหรอื ผลสำเร็จของงาน (ต่อ)
๔.๕ กรณศี กึ ษา
กรณศี กึ ษาโรคคอตกหมอน
การรักษาคร้งั ท่ี ๑ วันเดอื นปที ี่มาพบแพทย์ ๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๔ เวลา ๑๐.๑๕ น.
ข้อมูลทวั่ ไป
หญิงไทย วันเดือนปเี กิด ๒๓ ตลุ าคม ๒๕๒๙ อายุ ๓๖ ปี สถานภาพ โสด เช้ือชาตไิ ทย สญั ชาติไทย
ศาสนาพุทธ อาชีพ รับราชการ ทอ่ี ยู่ปัจจบุ ัน จงั หวัดสพุ รรณบุรี
วนั ทรี่ ับผปู้ ว่ ยไว้ในความดแู ลของแพทย์แผนไทย วนั ที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ เวลา ๑๐.๑๕ น.
ประวัติการเจบ็ ป่วย
อาการสำคัญ ปวดตงึ กล้ามเนื้อบา่ โคง้ คอข้างขวา มา ๓ วัน
ประวัติการเจบ็ ป่วยปัจจบุ นั เมอ่ื ๓ วันทแ่ี ล้ว ผปู้ ่วยเลา่ ว่านอนหลับตกจากหมอนอยา่ งกะทนั หันโดย
ไมร่ ตู้ ัว ตื่นเชา้ ข้ึนมาจงึ ทำให้เกิดอาการปวดตงึ บริเวณกลา้ มเนอื้ บ่าโคง้ คอข้างขวารา้ วมาท่ีสะบักและปวดแขนข้าง
ขวารว่ มดว้ ย ผูป้ ว่ ยจะมอี าการปวดมากเวลาหนั หนา้ ไปทางดา้ นขวา ผู้ปว่ ยจงึ บรรเทาอาการโดยการทายาแก้ปวด
และรับประทานยาแก้ปวด แตอ่ าการยังไม่ดีขน้ึ ผู้ปว่ ยไม่เคยไดร้ บั การรักษาทไี่ หนมาก่อน จึงมารับการรักษาท่ี
คลินิกการแพทย์แผนไทยฯ โรงพยาบาลสมเดจ็ พระสงั ฆราชองค์ท่ี ๑๗
ประวตั ิการเจ็บป่วยในอดตี เม่ือประมาณ ๕ ปีทีแ่ ล้ว ประสบอุบตั ิเหตรุ ถคว่ำ ทำให้เอ็นแขนด้านซ้าย
ฉีกขาด รักษาด้วยการใส่น็อต ยึดเอ็นไว้ ปัจจุบันได้ถอดน็อตออกแล้ว ประมาณ ๑๐ เดือนที่แล้วกระดูกหลัง
เคลื่อนทำกายภาพบำบัดดว้ ยการดงึ หลังที่โรงพยาบาลสมเดจ็ พระสังฆราชองคท์ ่ี ๑๗
ประวัติการเจบ็ ป่วยในครอบครวั มารดาเปน็ โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง บิดาเป็นโรคความดนั
โลหิตสูงและโรคหลอดเลือดสมองตบี
ประวัติส่วนตัว
การรับประทานอาหาร วันละ ๓ ม้ือ ตรงเวลา ชอบรบั ประทานอาหารรสหวาน รับประทานผักและ
ผลไม้เปน็ ประจำ ดมื่ น้ำ วนั ละ ๘-๑๐ แกว้ ขับถา่ ยปัสสาวะ วันละ ๕-๖ ครัง้ มสี เี หลืองใส ไมม่ ีอาการแสบขดั การ
ขับถา่ ยอจุ จาระ ๑ คร้งั ลกั ษณะไม่แขง็ ไมเ่ หลว ทอ้ งไมผ่ กู การนอนพักผ่อน หลบั สนทิ ดี ออกกำลังกาย ดว้ ยการ
ปนั่ จักรยานทกุ เชา้ -เย็น คร้ังละประมาณ ๓๐ นาที ไม่ด่ืมกาแฟ ไมด่ ่ืมเหลา้ ไมส่ ูบบหุ รี่
ประวัตปิ ระจำเดือน
ประจำเดอื นมาทุกเดือน มาครัง้ ละ ๕ วนั เปน็ ลิ่มเป็นก้อนเล็กนอ้ ย สแี ดงสด ก่อนมาจะมีอาการปวด
เมื่อยไปทงั้ ตัว
การตรวจร่างกายทางการแพทยแ์ ผนไทย
อณุ หภูมิ ๓๖.๕ องศาเซลเซยี ส
ชพี จร ๘๗ คร้งั ตอ่ นาที
อตั ราการหายใจ ๒๐ ครัง้ ตอ่ นาที
ความดันโลหิต ๑๔๐/๗๐ มลิ ลิเมตรปรอท วัดที่แขนขา้ งซ้าย
น้ำหนัก ๗๕ กิโลกรัม
สว่ นสงู ๑๕๐ เซนตเิ มตร
๑๒
ส่วนที่ ๒ ผลงานท่เี ป็นผลการปฏิบตั งิ านหรอื ผลสำเร็จของงาน (ต่อ)
การตรวจรา่ งกายทางการแพทย์แผนไทย (ต่อ)
ค่าดชั นมี วลกาย ( Body mass index :BMI ) ๓๓.๓๓ ( รปู รา่ งอว้ น ) อ้างอิง : ศนู ยก์ ารแพทย์
สภาพทั่วไป กาญจนาภิเษก มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล
ศรี ษะ
ใบหน้า สุขภาพแข็งแรงดี การแตง่ กายสะอาด สีหนา้ ย้ิมแย้ม พูดชัด
ตา
สมมาตร ไม่บิดเบ้ยี ว ไมม่ ีก้อนปดู นนู ผมสนั้ มผี มหงอก
หู ผมไมร่ ่วง ไม่มบี าดแผล
จมกู รูปหนา้ สมส่วน ไมบ่ ดิ เบี้ยว ไมบ่ วม ไมซ่ ดี ไม่เหลือง ไม่มี
ปากและคอหอย รอยแผลเป็น
คอ ๒ ข้าง เย่อื บตุ าไมซ่ ดี ไม่แดง ไมอ่ ักเสบ ตาขาวไมเ่ หลือง
ปอด การหดและขยายของม่านตา ประมาณ ๒-๓ มิลลเิ มตร
หัวใจ (ปกติ) การมองเห็นชดั เจนทงั้ ๒ ขา้ ง
ทอ้ ง
ผิวหนงั ๒ ข้าง หไู มต่ ึง ไมม่ ีขี้หู ไม่มนี ้ำหนองไหลออกมา ไมม่ ีก้อน
ขาและเทา้ ตง่ิ ผิดปกติ การไดย้ นิ เสยี งชดั เจนทัง้ สองข้าง ไม่มีสิ่งอุดตนั
ในรหู ู
สมมาตร เย่อื บุจมกู ไมบ่ วมไม่แดง ไม่มนี ้ำมูก ไม่มีหนอง
ไมม่ รี ิดสดี วง ผนงั กน้ั จมูกไม่คด
ริมฝีปากแหง้ ไม่ซดี คล้ำ ไมม่ ีแผลรอบปาก ล้ินมฝี า้
เหงือกกระพุ้งแกม้ ไมซ่ ดี ไม่คลำ้ ไม่มแี ผลในปาก
ต่อมทอนซิลไม่บวมแดง
ตอ่ มไทรอยด์ และต่อมนำ้ เหลืองไม่โต ไมม่ รี อยแผล
การสะท้อนเสียงเท่ากันท้ัง ๒ ดา้ น เคาะ แลว้ โปร่ง ฟงั
ไม่มีเสียง Wheeze , Rhonchi
จงั หวะการเตน้ ของหวั ใจสม่ำเสมอ
ไม่มีรอยจากการผา่ ตัด
ผวิ ไม่คล้ำ ไมแ่ ห้ง ไมซ่ ดี ไมม่ แี ผลเปน็ ท่ีมอื แขน ขา และเท้า
๒ ขา้ ง ไมบ่ วม ไมค่ ด ไมโ่ กง่
การตรวจเฉพาะที่การเจ็บป่วย
๑. กม้ หนา้ คางชิดอก ไดเ้ ล็กน้อย
๒. แหงนหน้ามองเพดาน ไม่ได้
๓. หนั คางชิดไหล่ พบวา่ หันไปทางดา้ นซ้ายได้เล็กน้อย
๔. คลำกลา้ มเนื้อบรเิ วณบ่า พบว่าแข็งเกรง็ คลำกล้ามเน้ือบริเวณโคง้ คอ พบว่า แขง็ เปน็ ลำ พบจุด
เจ็บบรเิ วณโคง้ คอ
๑๓
สว่ นที่ ๒ ผลงานทเ่ี ป็นผลการปฏิบัตงิ านหรอื ผลสำเรจ็ ของงาน (ต่อ)
การตรวจ Reflex
Reflex Right Left
Biceps jerk 2+ 2+
Triceps jerk 2+ 2+
Knee jerk 2+ 2+
Ankle jerk 2+ 2+
มาตรวัดความปวด (กอ่ นการรักษา)
แปลผล มาตรวดั ความปวด (กอ่ นการรักษา)
๏ ปวดอย่ใู นระดบั ที่ 9 = ปวดสดุ จะทน
ปัญหาท่ีพบ
๑. ผู้ปว่ ยมอี าการปวดตงึ บริเวณกลา้ มเนือ้ บ่าโค้งคอข้างขวา ร้าวมาที่สะบัก
๒. ดแู ลบดิ า ซ่งึ ปว่ ยเป็นอัมพาตมโี รคความดันโลหิตสงู และโรคหลอดเลือดสมองตบี
๓. ชอบรับประทานอาหารรสหวาน รสเผ็ด
มูลเหตุของการเกดิ โรค ( ตามคัมภีร์เวชศึกษา )
อิริยาบถ ควรใชอ้ ิรยิ าบถ ให้ผลัดเปล่ยี นกันตามปกติ ถ้าเราฝนื มากเกนิ ไป จะทำให้ร่างกายเสยี สมดุลได้
สรปุ มูลเหตขุ องการเกิดโรคของผปู้ ่วยรายนี้ คอื
อริ ยิ าบถ เน่อื งจากผปู้ ่วยไดน้ อนผดิ ท่า จงึ ทำให้ศีรษะตกจากหมอนอย่างกะทันหัน และตอ้ งดแู ลสามี
ซ่งึ ป่วยเป็นอัมพาต จงึ ทำให้เกดิ อาการ
๑๔
สว่ นท่ี ๒ ผลงานทีเ่ ปน็ ผลการปฏิบตั งิ านหรอื ผลสำเร็จของงาน (ต่อ)
การวนิ จิ ฉยั โรค
การวินจิ ฉัยโรคทางเวชกรรมไทย : ปถวธี าตหุ ย่อน (มังสงั ,นหารู)
การวินจิ ฉัยทางการแพทยแ์ ผนปจั จบุ ัน : Facet Joint Impingement
การวินิจฉยั ทางการแพทยแ์ ผนไทย : โรคคอตกหมอน
การวางแผนการรกั ษา และการรักษา
1. หลกั การรกั ษา
(1) หตั ถบำบัด (นวดรักษา ) เพ่ิมการไหลเวียนโลหิต โดยการหัตถบำบัด เนื่องจากในรา่ งกายมี
ภาวะการอนั้ ลม ทำใหเ้ กิดการเจบ็ กล้ามเนื้อ การนวดหตั ถบำบดั จะชว่ ยเพ่มิ การกระตุ้นการไหลเวียนโลหติ
เพ่ือส่งไปเล้ยี งส่วนตา่ งๆ ของรา่ งกายได้เพิ่มมากขน้ึ
(2) ประคบสมุนไพร ช่วยใหก้ ลา้ มเน้ือท่หี ดเกร็งเกดิ การคลายตวั ช่วยใหร้ ะบบการไหลเวียนของโลหิต
ไหลเวียนได้มากขึน้
(3) จา่ ยยา ไพลครีม เพ่ือบรรเทาอาการปวดและอักเสบของกลา้ มเนอ้ื
2. วิธกี าร () จา่ ยยาสมุนไพร (ระบชุ ื่อ ปรมิ าณ ขนาดท่ใี ช้ ) () หัตถการ(ระบ)ุ
(1) จ่ายยา ชื่อยา: ไพลครีม
ส่วนประกอบ : ไพล
วธิ ีใช้ : ใชท้ า ถู นวดเบาๆ บรเิ วณที่มีอาการ วนั ละ 3-4 ครัง้
สรรพคุณ : แก้ปวดเม่อื ย ฟกชำ้ เคล็ด ขดั ยอก เส้นตงึ ขอ้ บวม และเหนบ็ ชา
(2) การรักษาทางหัตถเวช + ประคบสมุนไพร
วธิ กี ารรักษา
การตรวจก่อนการรักษาทางหัตถเวช
๑. กม้ หนา้ คางชิดอก ได้เลก็ น้อย
๒. แหงนหน้ามองเพดาน ไดเ้ ลก็ น้อย
๓. หันคางชิดไหล่ พบวา่ หนั ไปทางดา้ นซา้ ยไดเ้ ล็กน้อย
๔. คลำกล้ามเน้ือบรเิ วณบ่า พบวา่ แขง็ เกร็ง คลำกล้ามเนื้อบรเิ วณโค้งคอ พบวา่ แข็งเปน็ ลำ พบจุด
เจ็บบรเิ วณโคง้ คอ
สตู รการรักษา
๑. นวดพน้ื ฐานบา่ 50 70 90 ...
๒. นวดหลัง
- สัญญาณ 5 หลงั ดา้ นบน สญั ญาณ 4 ด้านบน
- จุดฐานคอ
- ทำซ้ำ 2 รอบ
๓. นวดเส้นโค้งคอ 2 รอบ เร่มิ จากจุดฐานคอขน้ึ ไป
๔. นวดไหล่ สญั ญาณ 4
๕. นวดข้างดี ดังข้อ 1 ถงึ 4
๖. นวดซ้ำขา้ งเจบ็ ดังข้อ 1 ถึง 4
๗. บริหาร ท่ากม้ เงย ทา่ หันซ้าย ขวา
ตรวจหลังการรกั ษา
๑. กม้ หนา้ คางชิดอก ได้มากข้ึนกว่าเดมิ
๒. แหงนหนา้ มองเพดาน ได้มากข้นึ กว่าเดิม
๓. หันคางชดิ ไหล่ พบว่า หันไปทางดา้ นซ้ายได้มากขนึ้ กว่าเดมิ
๑๕
ส่วนที่ ๒ ผลงานท่ีเป็นผลการปฏบิ ตั ิงานหรือผลสำเร็จของงาน (ต่อ)
๔. คลำกล้ามเน้ือบริเวณบ่า พบว่ายังมีอาการแข็งเกร็ง คลำกล้ามเนือ้ บริเวณโค้งคอ พบวา่ แข็งเปน็ ลำ
พบจุดเจ็บบริเวณโคง้ คอ
มาตรวดั ความปวด (หลงั การรักษา)
แปลผล มาตรวดั ความปวด (หลังการรักษา)
๏ ปวดอยู่ในระดบั ท่ี 1 = รู้สกึ สบายดี
การใหค้ ำแนะนำตามปัญหาท่พี บ
๑. อย่าพยายามเคล่อื นไหวคอและใหอ้ ยู่น่ิงๆ โดยการนอนราบชั่วคราว เพ่อื ใหก้ ลา้ มเน้ือคอได้พัก
๒. ประคบร้อน ด้วยกระเปา๋ นำ้ รอ้ นหรอื ผ้าชบุ น้ำอุ่นบรเิ วณกล้ามเนือ้ ตน้ คอทีเ่ จ็บประมาณ 20-30 นาที
และกดนวดบริเวณคอเพอ่ื ช่วยให้กล้ามเนอ้ื คลายตัว อาการจะคอ่ ยๆ ดีขนึ้
๓. ดัดยืดคอดว้ ยตนเอง โดยใชม้ อื ช่วยดันศีรษะไปในทศิ ทางที่เกดิ อาการตงึ ชา้ ๆ จนรู้สกึ ตงึ เล็กน้อยแต่
ไม่เจบ็ ดันค้างไวป้ ระมาณ 10-15 วินาที แล้วทำซ้ำ 5-10 ครงั้ จนเรม่ิ รสู้ ึกทุเลาลง
๔. นวดเบาๆ โดยใช้มือบีบลงบนแนวของกล้ามเนื้อที่รู้สึกปวดเมื่อย ให้แรงบีบพอประมาณที่ทำให้รู้สึก
แน่นตึงและไม่เจ็บ บีบและคลายเป็นจังหวะ การประคบร้อนก่อนการนวดจะช่วยให้นวดได้ง่ายข้ึน
และผอ่ นคลายกล้ามเนอ้ื ได้เร็วข้ึน
๕. ใช้หมอนที่เหมาะสมหนุนบริเวณต้นคอ ไม่หนุนบริเวณศีรษะหรือใช้หมอนที่แข็งหรือสูงเกินไปจนทำ
ให้ศีรษะกระดกขึ้น หมอนหนุนที่ถูกต้องจะรองบริเวณก้านคอ เมื่อนอนหงายกลางหมอนคอจะเป็น
รูปสะพานโค้ง และคอจะขนานกับพื้นเวลานอนตะแคง หากสงสัยควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกใช้
หมอนท่เี หมาะสมกบั ตนเอง เพราะลำคอ รูปศรี ษะ และความหนาของลำตัวแตล่ ะคนไมเ่ ทา่ กัน
คำแนะนำตามธาตเุ จา้ เรอื น
อาหารประจำธาตุดินธาตดุ นิ ธาตดุ นิ คือ คนทเ่ี กิดเดือน 11 ,12, 1 หรือ ตุลาคม พฤศจิกายน
ธันวาคม
ลักษณะรูปร่าง รูปร่างสูงใหญ่ ผวิ ค่อนขา้ งคล้ำ ผมดกดำ กระดูกใหญ่ ข้อกระดกู แขง็ แรง นำ้ หนัก
ตวั มาก ล่ำสนั เสยี งดงั หนักแนน่
๑๖
ส่วนที่ ๒ ผลงานท่ีเปน็ ผลการปฏบิ ัติงานหรอื ผลสำเร็จของงาน (ต่อ)
ควรทานอาหารรส ฝาดหวาน มนั และเค็ม
ตัวอย่างผลไม้ มงั คุด ฝรั่ง ฟักทอง เผอื ก ถัว่ ตา่ ง ๆ เงาะ หัวมนั เทศ
ตัวอย่างผักพื้นบ้าน ผักกระโดน กล้วยดิบ ยอดมะม่วงหิมพานต์ ยอดมะยม สมอไทย กระถินไทย กระโดนบก
กระโดนน้ำผักหวาน ขุ่นอ่อน สะตอ ผักโขม โสน ขจร ยอดฟักทอง ผักเซียงดา ลูกเหนียงนก บวบเหลี่ยม บวบงู
บวบหอม
ตวั อยา่ งเมนอู าหาร ผักกูดผัดน้ำมันงา ดอกงว้ิ ทอดไข่ แกงปา่ กลว้ ยดิบ คั่วขนุน สะตอผัดก้งุ สมอไทย ผดั นำ้ มัน
หอยตัวอย่างอาหารว่าง เตา้ ส่วน วนุ้ กะทิ กลว้ ยบวชชี แกงบวดฟกั ทอง ตะโกเ้ ผอื ก
ตัวอย่างเครื่องดื่ม น้ำอ้อย น้ำมะพร้าว น้ำตาลสด น้ำมะตูม นมถั่วเหลือง น้ำแคนตาลูป น้ำส้ม น้ำฝรั่ง น้ำ
ลูกเดอื ย น้ำขา้ วโพด นำ้ แหว้ น้ำฟกั ทอง
เกร็ดความรู้ :ผทู้ ี่มธี าตุเจา้ เรอื นเปน็ ธาตุดนิ มกั จะไม่ค่อยเจบ็ ป่วย เพราะธาตุดินเปน็ ธาตทุ ี่ตง้ั ของกองธาตุ
การนัดติดตามการรกั ษาคร้ังตอ่ ไป 8 พฤศจิกายน 2564 เวลา 13.00 น.
การติดตามผลการรกั ษา
การตดิ ตามผลการรกั ษา ( คร้งั ท่ี 1 )
วนั เดอื นปที ่ีมาพบแพทย์ 8 พฤศจิกายน 2565 เวลา 13.00 น.
สถานท่ที ำการรักษา คลินกิ การแพทย์แผนไทยฯ ณ โรงพยาบาลสมเดจ็ พระสงั ฆราชองค์ท่ี 17
การตรวจรา่ งกาย
Vital sign : อณุ หภมู ิ 36.5 องศาเซลเซียส ชีพจร 74 ครง้ั /นาที ลักษณะ สม่ำเสมอ
อัตราการหายใจ 20 ครงั้ /นาที ความดันโลหิต 130/90 มลิ ลิลิตรปรอท
น้ำหนัก 75 กโิ ลกรมั ส่วนสงู 150 เซนติเมตร
BMI (ดัชนมี วลกาย) = 33.33 ( รูปรา่ งอว้ น ) อา้ งอิง : ศนู ยก์ ารแพทย์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลยั มหดิ ล
อาการดำเนนิ โรค
หลังจากไดร้ ับการรกั ษาดว้ ยการทำหัตถบำบัดครงั้ แรก อาการปวดตึงบรเิ วณกล้ามเน้ือบ่าโค้งคอข้างซ้าย
อาการปวดสะบัก และปวดแขนข้างซ้ายลดลง หันไปทางด้านซ้ายได้มากขึ้นกว่าเดมิ กล้ามเนื้อบ่าและโค้งคอแข็ง
เกร็งอยู่ เมื่อเปรียบเทียบมาตรวัดระดับการเจ็บปวดก่อนการรักษาครั้งแรกและหลังการรักษา หลังจากกลับไป
มีภาวะช้ำ หรือระบมจากการนวดรักษา ผู้ป่วยจึงรับประทานยาแก้ปวด วันรุ่งขึ้นอาการดีขึ้น มารับการรักษา
ต่อเนอื่ งตามนัด
มาตรวัดความปวด (ก่อนการรักษา)
๑๗
สว่ นที่ ๒ ผลงานท่เี ป็นผลการปฏิบัติงานหรอื ผลสำเรจ็ ของงาน (ต่อ)
แปลผล มาตรวดั ความปวด (ก่อนการรักษา )
๏ ปวดอย่ใู นระดบั ท่ี 6 = ปวดมากพอควร จนปั่นป่วนก่อกวนใจ
การตรวจเฉพาะทีก่ ารเจ็บป่วย
๑. กม้ หนา้ คางชิดอก พบวา่ มีการปวดตึงบรเิ วณบา่ และโคง้ คอ
๒. แหงนหนา้ มองเพดาน มกี ารปวดตงึ บริเวณโคง้ คอ
๓. หนั คางชดิ ไหล่ พบว่า หนั ไปทางด้านซา้ ยไดม้ ากขึน้
๔. คลำกลา้ มเน้ือบริเวณบา่ พบว่าแข็งเกรง็ คลำกลา้ มเน้ือบรเิ วณโค้งคอ พบว่า แข็งเป็นลำ พบจดุ เจบ็
บรเิ วณโคง้ คอ
มาตรวัดความปวด (หลังการรกั ษา)
แปลผล มาตรวดั ความปวด (หลังการรักษา)
๏ ปวดอยู่ในระดบั ที่ 5 = ปวดมากพอควร
นดั หมายเพ่ือติดตามผลการรักษา 15 พฤศจกิ ายน 2564 เวลา 10.00 น.
การตดิ ตามผลการรกั ษา ( ครัง้ ท่ี 2 )
วนั เดือนปที ่ีมาพบแพทย์ 15 พฤศจกิ ายน 2564 เวลา 10.00 น.
สถานทีท่ ำการรกั ษา คลินิกการแพทย์แผนไทยฯ ณ โรงพยาบาลสมเดจ็ พระสงั ฆราชองคท์ ี่ 17
๑๘
ส่วนที่ ๒ ผลงานท่ีเป็นผลการปฏิบตั งิ านหรือผลสำเรจ็ ของงาน (ต่อ)
การตรวจรา่ งกาย
Vital sign : อณุ หภมู ิ 36.5 องศาเซลเซยี ส ชีพจร 70 ครง้ั /นาที ลกั ษณะ สมำ่ เสมอ
อัตราการหายใจ 18 ครั้ง/นาที ความดันโลหติ 120/80 มิลลลิ ติ รปรอท
น้ำหนกั 75 กโิ ลกรมั สว่ นสงู 150 เซนติเมตร
BMI (ดัชนมี วลกาย) = 33.33 ( รูปร่างอ้วน ) อา้ งอิง : ศนู ยก์ ารแพทย์กาญจนาภเิ ษก มหาวิทยาลยั มหดิ ล
อาการดำเนนิ โรค
หลังจากได้รับการรักษาด้วยการทำหัตถบำบัดครั้งที่สอง อาการปวดตึงบริเวณกล้ามเนื้อบ่าโค้งคอข้าง
ขวา อาการปวดสะบัก และปวดแขนข้างขวาดีขึ้น หันไปทางด้านขวาได้มากขึ้นกว่าเดิม กล้ามเนื้อบ่าและโค้งคอ
จากการแขง็ เกร็งลดลง เมอ่ื เปรียบเทยี บมาตรวัดระดับการเจ็บปวดก่อนการรักษาคร้ังแรกและหลังการรักษา ไม่มี
ภาวะช้ำ หรือระบมจากการนวดรกั ษา จึงมารบั การรักษาต่อเนอ่ื ง
มาตรวดั ความปวด (ก่อนการรกั ษา)
แปลผล มาตรวดั ความปวด (กอ่ นการรักษา )
๏ ปวดอย่ใู นระดับที่ 4 = ปวดมากพอประมาณ การเคล่ือนไหวไม่ฉับไว
การตรวจเฉพาะทก่ี ารเจบ็ ป่วย
๑. กม้ หนา้ คางชิดอก พบว่ามีการปวดตงึ บรเิ วณบา่ และโค้งคอ
๒. แหงนหนา้ มองเพดาน มีการปวดตงึ บรเิ วณโคง้ คอ
๓. หันคางชิดไหล่ พบวา่ หันไปทางดา้ นซ้ายได้มากขนึ้
๔. คลำกลา้ มเนอื้ บริเวณบา่ พบวา่ ยงั มกี ลา้ มเนอื้ แข็งตึงเลก็ น้อย คลำกล้ามเนอ้ื บริเวณโคง้ คอ
พบว่า แขง็ ตงึ ไมเ่ ปน็ ลำ พบจดุ เจบ็ บริเวณโค้งคอ
๑๙
สว่ นท่ี ๒ ผลงานทเ่ี ป็นผลการปฏิบตั งิ านหรอื ผลสำเรจ็ ของงาน (ต่อ)
มาตรวัดความปวด (หลังการรกั ษา)
แปลผล มาตรวดั ความปวด (หลังการรักษา)
๏ ปวดอยู่ในระดับท่ี 3 = ปวดพอประมาณ
นัดหมายเพ่ือติดตามผลการรักษา 22 พฤศจกิ ายน 2565 เวลา 13.45 น.
การติดตามผลการรกั ษา ( ครงั้ ท่ี 3 )
วนั เดือนปีที่มาพบแพทย์ 22 พฤศจิกายน 2565 เวลา 13.45 น.
สถานทีท่ ำการรกั ษา คลนิ กิ การแพทย์แผนไทยฯ ณ โรงพยาบาลสมเด็จพระสงั ฆราชองคท์ ่ี 17
การตรวจรา่ งกาย
Vital sign : อณุ หภมู ิ 36.5 องศาเซลเซยี ส ชีพจร 83 ครง้ั /นาที ลกั ษณะ สมำ่ เสมอ
อัตราการหายใจ 20 ครง้ั /นาที ความดันโลหติ 140/81 มิลลิลติ รปรอท
น้ำหนกั 75 กโิ ลกรมั ส่วนสงู 150 เซนติเมตร
BMI (ดชั นมี วลกาย) = 33.33 ( รูปรา่ งอว้ น ) อ้างอิง : ศนู ยก์ ารแพทย์กาญจนาภิเษก มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล
อาการดำเนนิ โรค
หลังจากได้รับการรักษาดว้ ยการทำหตั ถบำบัดคร้ังที่ส่ี และไดป้ ฏบิ ตั ติ ามคำแนะนำอย่างตอ่ เนอ่ื ง อาการ
ปวดตงึ บริเวณกล้ามเน้ือบา่ โค้งคอข้างซ้าย อาการปวดสะบัก และปวดแขนขา้ งซา้ ยดีขนึ้ มากจนไมม่ ีอาการปวด
หันไปทางดา้ นซา้ ยได้ปกติไมม่ ีอาการเจบ็ ปวด กล้ามเนอ้ื บา่ และโค้งคอจากการแขง็ เกร็ง กค็ ลายตัวมากข้ึน เมอื่
เปรยี บเทียบมาตรวัดระดบั การเจ็บปวดก่อนการรักษาครง้ั แรกและหลังการรกั ษาไม่มีภาวะชำ้ หรอื ระบมจากการ
นวดรกั ษา จงึ มารบั การรกั ษาต่อเนือ่ ง
มาตรวดั ความปวด (ก่อนการรกั ษา)
๒๐
ส่วนท่ี ๒ ผลงานท่ีเป็นผลการปฏบิ ัตงิ านหรือผลสำเรจ็ ของงาน (ต่อ)
แปลผล มาตรวัดความปวด (ก่อนการรกั ษา )
๏ ปวดอยู่ในระดบั ที่ 3 = ปวดพอรำคาญ
การตรวจเฉพาะที่การเจ็บป่วย
๑. ก้มหน้าคางชดิ อก ไม่มีการปวดตึงบริเวณบ่าและโคง้ คอ
๒. แหงนหน้ามองเพดาน ไมม่ ีการปวดตงึ บรเิ วณโคง้ คอ
๓. หนั คางชิดไหล่ พบว่า หันไปทางดา้ นซา้ ยได้ปกติ
๔. คลำกลา้ มเนือ้ บรเิ วณบา่ และกล้ามเนือ้ บรเิ วณโค้งคอ พบวา่ กล้ามเน้อื คลายตวั
มาตรวัดความปวด (หลังการรักษา)
แปลผล มาตรวัดความปวด (หลังการรกั ษา )
๏ ปวดอยใู่ นระดบั ท่ี 2 = ปวดพอรำคาญ ไมช่ า้ นานกล็ ืมได้
๒๑
ส่วนที่ ๒ ผลงานท่ีเป็นผลการปฏิบตั งิ านหรือผลสำเรจ็ ของงาน (ต่อ)
การติดตามผลการรกั ษา ( ครัง้ ท่ี 4 ) ประเมนิ ผลครัง้ สุดท้าย
วนั เดือนปที ี่มาพบแพทย์ 29 พฤศจิกายน 2565 เวลา 13.45 น.
สถานท่ีทำการรกั ษา คลนิ กิ การแพทย์แผนไทยฯ ณ โรงพยาบาลสมเดจ็ พระสังฆราชองค์ที่ 17
การตรวจร่างกาย
Vital sign : อุณหภูมิ 36.5 องศาเซลเซยี ส ชีพจร 83 คร้งั /นาที ลักษณะ สม่ำเสมอ
อตั ราการหายใจ 20 ครัง้ /นาที ความดนั โลหิต 140/81 มลิ ลลิ ติ รปรอท
น้ำหนกั 75 กโิ ลกรมั สว่ นสงู 150 เซนตเิ มตร
BMI (ดัชนีมวลกาย) = 33.33 ( รปู ร่างอว้ น ) อา้ งองิ : ศนู ยก์ ารแพทย์กาญจนาภิเษก มหาวทิ ยาลยั มหิดล
อาการดำเนินโรค
หลังจากได้รบั การรกั ษาดว้ ยการทำหตั ถบำบดั ครงั้ ท่ีสี่ และไดป้ ฏบิ ัติตามคำแนะนำอย่างตอ่ เน่ือง อาการ
ปวดตงึ บริเวณกล้ามเน้ือบ่าโค้งคอขา้ งซ้าย อาการปวดสะบกั และปวดแขนข้างซ้ายดีขนึ้ มากจนไม่มีอาการปวด
หนั ไปทางดา้ นซา้ ยไดป้ กติไมม่ ีอาการเจ็บปวด กล้ามเนือ้ บ่าและโคง้ คอจากการแขง็ เกร็ง กค็ ลายตวั มากขนึ้ เมอื่
เปรียบเทียบมาตรวัดระดบั การเจ็บปวดกอ่ นการรักษาครัง้ แรกและหลงั การรกั ษาไม่มภี าวะชำ้ หรือระบมจากการ
นวดรักษา จึงมารบั การรักษาตอ่ เนอื่ ง
มาตรวัดความปวด (ก่อนการรกั ษา)
แปลผล มาตรวัดความปวด (ก่อนการรกั ษา )
๏ ปวดอย่ใู นระดบั ท่ี 3 = ปวดพอรำคาญ
การตรวจเฉพาะที่การเจบ็ ป่วย
๑. ก้มหนา้ คางชดิ อก ไมม่ ีการปวดตงึ บริเวณบา่ และโคง้ คอ
๒. แหงนหนา้ มองเพดาน ไม่มีการปวดตึงบริเวณโคง้ คอ
๓. หนั คางชดิ ไหล่ พบวา่ หันไปทางด้านซ้ายไดป้ กติ
๔. คลำกล้ามเนือ้ บรเิ วณบา่ และกลา้ มเนอ้ื บรเิ วณโค้งคอ พบวา่ กลา้ มเน้ือคลายตวั
๒๒
สว่ นท่ี ๒ ผลงานทีเ่ ปน็ ผลการปฏบิ ัติงานหรือผลสำเร็จของงาน (ต่อ)
มาตรวัดความปวด (หลงั การรกั ษา)
แปลผล มาตรวัดความปวด (หลังการรกั ษา)
๏ ปวดอย่ใู นระดับที่ 1 = ร้สู กึ สบายดี
ผลการรกั ษา
ผลในส่วนขอ้ มลู ส่วนบุคคลและมูลเหตุของการเกิดโรค
ช่ือ ผูป้ ว่ ย หญิงไทย
สถานที่เกดิ จงั หวดั สุพรรณบรุ ี
วัน/เดือน/ปีเกดิ (สากล) 23 ตลุ าคม พ.ศ.2529
วัน/เดอื น/ปเี กิด(แบบไทย) แรม 6 ค่ำ เดอื น 11
อายุ 36 ปี
สถานภาพ โสด
เช้อื ชาติ ไทย สญั ชาติ ไทย
อาชีพ รบั ราชการ
ทีอ่ ยู่ อำเภอสองพี่น้อง จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี ตามคัมภรี ์ สมฏุ ฐานวินจิ ฉยั
ธาตุเจ้าเรอื นหลักคือ ธาตนุ ำ้ ธาตุเจา้ เรอื นรองคือ ธาตลุ ม
ประวตั แิ พย้ า/อาหาร ปฏิเสธการแพย้ า/อาหาร
ประวตั ิโรคประจำตัว โรคเบาหวาน
ปญั หาที่พบ
1. ผูป้ ว่ ยมอี าการปวดตึงบรเิ วณกลา้ มเนื้อบ่าโคง้ คอข้างซา้ ย ร้าวมาทสี่ ะบัก
2. ดแู ลสามี ซง่ึ ปว่ ยเป็นอัมพาต
3. เปน็ โรคเบาหวาน
4. ชอบรบั ประทานอาหารรสหวาน
มลู เหตุของการเกิดโรค ( ตามคมั ภีรเ์ วชศกึ ษา )
อริ ยิ าบถ ควรใชอ้ ริ ยิ าบถ ให้ผลัดเปล่ยี นกนั ตามปกติ ถ้าเราฝนื มากเกนิ ไป จะทำให้รา่ งกายเสยี สมดลุ ได้
๒๓
สว่ นท่ี ๒ ผลงานท่ีเป็นผลการปฏิบัตงิ านหรือผลสำเรจ็ ของงาน (ต่อ)
สรปุ มลู เหตขุ องการเกดิ โรคของผู้ป่วยรายนี้ คอื
อิรยิ าบถ เนือ่ งจากผปู้ ว่ ยได้นอนผดิ ท่า จงึ ทำใหศ้ ีรษะตกจากหมอนอย่างกะทันหัน และตอ้ งดูแลสาม
ซง่ึ ป่วยเปน็ อัมพาต จึงทำให้เกิดอาการ
ผลการวเิ คราะห์โรคตามธาตุสมุฐาน
การวิเคราะห์โรคตามทฤษฎีการแพทย์แผนไทย
การวิเคราะห์ธาตุเจ้าเรือน
ตอนเกดิ ปถวี อาโป วาโย เตโช
วาตะ ปิตตะ ปถวี
ปกติลักษณะ เสมหะ
การวเิ คราะห์ธาตุสมฏุ ฐาน
ธาตุสมุฏฐาน
ปถวีธาตุ
-มังสังหย่อน ทำให้กลา้ มเนื้อมีการหดเกร็ง หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงบริเวณหัวไหล่ข้างซ้าย จึงเกิดการหดตัว
ตามมา ทำให้เลือดที่ส่งไปยังส่วนนั้นได้ไม่เพียงพอ ส่งผลให้กล้ามเนื้อตึงและแข็งเกร็ง ผู้ป่วยจึงมีอาการปวดท่ี
หัวไหลข่ ้างขวา
-นหารหู ยอ่ น กล้ามเนือ้ และเสน้ เอ็นมีความสัมพันธ์กนั เม่ือกล้ามเน้ือมีการหดเกรง็ จึงทำให้เส้นเอ็นมีการ
ตึงตวั กล้ามเนอื้ นั้นไปกดทบั เสน้ เลอื ด เสน้ ประสาท จึงทำให้ผ้ปู ่วยปวดหัวไหลข่ า้ งขวา
อาโปธาตุ
-โลหิตตังหย่อน เนื่องจากภาวะเสื่อมของร่างกายและการหดตัวของหลอดเลือด ส่งผลให้การไหลเวียน
เลอื ดในร่างกายทำไดน้ ้อยลง ทำใหเ้ ลอื ดไปเลีย้ งกลา้ มเนอ้ื บรเิ วณหัวไหล่ นอ้ ยเกินไปสง่ ผลใหเ้ กดิ อาการปวด
วาโยธาตุ
-ลมอังคมังคานุสารีวาตาหย่อน คือลมพัดทั่วร่างกาย เปรียบเสมือนระบบไหลเวยี นโลหิตภายในร่างกาย
เมื่อลมนี้มีการทำงานลดลง จึงส่งผลให้เกร็ดเลือดหรือองค์ประกอบอื่นๆของเลือดมาสะสมตามผนังหลอดเลือด
ทำให้เกิดการหนาตัวของผนังหลอดเลือด ซึ่งทำให้เลือดไหลผ่านได้น้อยลง ส่งผลให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยง
กลา้ มเนื้อไดเ้ พยี งพอ กอ่ ให้เกิดอาการปวดบรเิ วณหัวไหล่ขา้ งขวา
-ลมอุทธังคมาวาตาหย่อน คือลมพัดสู่เบื้องบน เมื่อลมนี้หย่อนทำให้ไม่สามารถพัดพาเลือดไปเลี้ยง
รา่ งกายส่วนบนได้ จึงทำให้เกิดอาการปวดบริเวณหัวไหล่ขา้ งขวา
๒๔
ส่วนท่ี ๒ ผลงานท่เี ปน็ ผลการปฏิบตั งิ านหรือผลสำเร็จของงาน (ต่อ)
เตโชธาตุ
ชีรณัคคีกำเริบ คือไฟเผาผลาญร่างกาย ทำให้เนื้อเยื่อสลายทุกขณะ เนื่องจากร่างกายไดเ้ ข้าสู่วัยชราทำ
ใหอ้ วัยวะบางสว่ นเสื่อม สง่ ผลให้เกิดโรคในครงั้ นี้
การวิเคราะห์อตุ ุสมฏุ ฐาน
เมอ่ื เรมิ่ เจ็บปว่ ย เสมหะ วาตะ ปิตตะ
เม่ือมาพบแพทย์ เสมหะ วาตะ ปิตตะ
คมิ หันตฤดู (ร้อน) นบั ตัง้ แตแ่ รม 1 คำ่ เดือน 4 ไปจนถงึ ข้ึน 15 ค่ำ เดอื น 8 พกิ ัดปติ ตะสมุฏฐาน ใหเ้ ป็นเหตุ
การวเิ คราะหอ์ ายุสมฏุ ฐาน
ปฐมวยั มชั ฌมิ วยั ปจั ฉิมวยั
สมฏุ ฐานเสมหะ วาตะ ปิตตะ
นบั ต้ังแตอ่ ายุพน้ 32 ปีไปจนถึงอายุ 64 ปี สมุฏฐานวาโยอาโปแทรกพิกัดเสมหะกับเหงื่อ
การวเิ คราะห์กาลสมฎุ ฐาน
เมื่ออาการกำเรบิ เสมหะ วาตะ ปิตตะ
เม่อื มาพบแพทย์ เสมหะ วาตะ ปิตตะ
นบั ตัง้ แต่ 5 โมงเช้า (11.30 น.) ถึงบ่ายโมง (13.00 น.) ยาม 1 (21.00 น.) ถึง 2 ยาม (24.00 น.)
สมุฏฐานอาโปพิกัดโลหิต
การวเิ คราะห์ประเทศสมฏุ ฐาน
ภูมิลำเนา ปถวี อาโป วาโย เตโช
คนเกดิ ในประเทศท่ีเปน็ นำ้ ฝนเปอื กตม เรียกประเทศเย็น ท่ตี ัง้ แหง่ โรคของคนประเทศนัน้ เปน็ สมฏุ ฐานวาโย
ปัจจุบนั ปถวี อาโป วาโย เตโช
คนเกดิ ในประเทศที่เป็นน้ำฝนเปือกตม เรียกประเทศเย็น ทต่ี ั้งแหง่ โรคของคนประเทศนน้ั เป็นสมุฏฐานวาโย
ตารางสมฏุ ฐาน
ธาตุ ไฟ ลม น้ำ ดนิ
1.ธาตเุ จ้าเรอื น √
2.ธาตสุ มฏุ ฐาน √ √ √ √
3.อุตสุ มฏุ ฐาน √
4.อายสุ มฏุ ฐาน √
5.กาลสมฏุ ฐาน √
6.ประเทศสมฏุ ฐาน
- ภูมลิ ำเนา √
- ท่ีอยูป่ ัจจบุ นั √
รวม 2 4 2 2
๒๕
ส่วนท่ี ๒ ผลงานทีเ่ ปน็ ผลการปฏิบตั งิ านหรือผลสำเรจ็ ของงาน (ต่อ)
สรปุ กลไกการเจบ็ ป่วยในคร้งั น้ี
มูลเหตุการณ์เกิดโรค
- อิรยิ าบถเนอ่ื งจากผปู้ ่วยได้นอนผิดทา่
ปจั จยั เสรมิ วาโยธาตหุ ย่อน ปัจจัยเสรมิ
เตโชธาตกุ ำเรบิ - องั คมังคานุสารวี าตา ปัจฉมิ วัย
-ชริ ณัคคี - อุทธงั คมาวาตา
อาโปธาตหุ ยอ่ น
๑. โลหติ ัง
ปถวธี าตหุ ย่อน
๑. มงั สงั
๒. นหารู
กล้ามเนอื้ และเสน้ เอน็ มีความสมั พันธ์กัน เมื่อกล้ามเน้ือมีการหดเกรง็ จึงทำให้เสน้
เอ็นมกี ารตงึ ตวั กระดูกคอบดิ ทับเส้นประสาทคอบางสว่ นทำให้เส้นประสาท
สว่ นนั้นเกิดการอักเสบ เส้นเอน็ คอบางสว่ นตงึ ตวั จึงทำให้เกิดอาการปวด
๒๖
ส่วนที่ ๒ ผลงานทเี่ ปน็ ผลการปฏิบตั ิงานหรอื ผลสำเรจ็ ของงาน (ต่อ)
สรปุ กลไกการเจ็บป่วยในครงั้ น้ี
จากการซักประวัติผ้ปู ่วย หญงิ ไทย อาชพี ข้าราชการ และต้องดแู ลคุณพ่อซ่งึ ปว่ ยเป็นโรคอัมพาต ผปู้ ว่ ยได้
นอนผิดท่า จึงทำให้ศรี ษะตกจากหมอนอย่างกะทนั หัน จงึ เป็นมูลเหตุของการเกิดอาการปวดตึงบริเวณกล้ามเน้ือ
บ่าโค้งคอข้างขวา รา้ วมาที่สะบัก และปวดแขนขา้ งขวาร่วมด้วย ผู้ป่วยจะมอี าการปวดมากเวลาหนั หน้าไปทาง
ดา้ นขวา ในการเจ็บปว่ ยในครง้ั นี้ มีสมฏุ ฐานวาโยธาตุ (องั คมงั คานสุ ารีวาตาและอุทธังคมาวาตา) ลมพดั ท่ัว
รา่ งกายซง่ึ ทำหน้าท่ีพดั กระแสโลหิตไปเล้ียงสว่ นตา่ งๆ ของร่างกายพัดผดิ ปกติ และมสี มุฏฐานเตโชธาตมุ ากระทำ
คือเตโชธาตกุ ำเริบ (ชริ ณัคคี) เนอ่ื งจากผปู้ ว่ ยอายุอยใู่ นช่วงปจั ฉัมวัยจงึ ทำให้อวยั วะและการทำงานของรา่ งกาย
เสอื่ มสภาพไปตามวัย สง่ ผลให้อาโปธาตุหยอ่ น (โลหติ ตงั ) คือ เลือดไปเลยี้ งไมเ่ พยี งพอ ทำให้เกดิ อาการปวด
บรเิ วณบ่าและโค้งคอ เหตุเนื่องมาจากการใช้งานท่ีอวัยวะสว่ นนนั้ ๆ และกระทบปถวธี าตุ ทำใหป้ ถวีธาตหุ ยอ่ น
(มงั สงั ) คือเนื้อเย่ือบริเวณบ่าโค้งคอหดเกร็ง เม่ือเนอ้ื เยื่อมีการหดเกรง็ เส้นเอน็ (นหาร)ู จึงเกดิ การยืดขยายไปด้วย
ผ้ปู ่วยจึงเกิดความรู้สกึ ปวดบริเวณบ่าโค้งคอและเคลื่อนไหวได้น้อยกว่าปกติ จงึ สรปุ ได้ว่า ผ้ปู ่วยเป็นโรคคอตก
หมอน
สรุปความเจ็บปว่ ย ปวดตึงบรเิ วณกล้ามเน้ือบา่ โคง้ คอข้างซ้าย ร้าวมาที่สะบัก และปวดแขนข้างซา้ ยร่วมดว้ ย
สมฏุ ฐานธาตพุ ิการ/กำเรบิ /หย่อน ปถวีธาตหุ ยอ่ น (มังสัง,นหารู) อาโปธาตหุ ยอ่ น(โลหิตตัง) วาโยธาตุหยอ่ น
(อังคมงั คานสุ ารีวาตา) เตโชธาตุกำเรบิ (ชริ ณัคคี)
ผลการรักษาและตดิ ตามการรกั ษา ด้วยวิธที างการแพทย์แผนไทย
กจิ กรรม การรักษา ผลการรกั ษา สัญญาณชพี
การรกั ษา ตรวจ วินิจฉยั ใหก้ ารรกั ษา
วนั ที่ 1 พ.ย. 64 - นวดรักษาแบบราชสำนกั การซักประวัตผิ ปู้ ว่ ยมี BP = 140/70 mmHg.
- ประคบสมุนไพร
การติดตามการ - จา่ ยยาไพลครีม อาการปวดตึงบรเิ วณ P = 87 ครั้ง/นาที
รกั ษา - ใหค้ ำแนะนำ
คร้ังที่ 1 กล้ามเนอ้ื บ่าโค้งคอขา้ งขวา R = 20 คร้งั /นาที
วันที่ 8 พ.ย. 64 - นวดรกั ษาแบบราชสำนกั
- ประคบสมนุ ไพร รา้ วมาทสี่ ะบกั และปวด T = 36.5 องศา
- จ่ายยาไพลครมี
- ใหค้ ำแนะนำ แขนขา้ งขวาร่วมด้วย ผูป้ ่วย เซลเซยี ส
จะมอี าการปวดมากเวลา
หันหน้าไปทางด้านขวา
กลา้ มเน้อื บ่าและโค้งคอเกดิ
การแข็งเกร็ง pain score
ระดบั 9
จากการรกั ษาผ้ปู ว่ ย BP = 130/90 mmHg.
สามารถหันไปทางดา้ นขวา P = 74 ครั้ง/นาที
ได้มากข้ึนอาการปวดตึง R = 20 ครง้ั /นาที
กลา้ มเนอ้ื บ่าโค้งคอ ปวด T = 36.5 องศา
สะบัก และแขนขา้ งขวา เซลเซียส
ลดลง แต่กล้ามเนื้อบา่ และ
โค้งคอแขง็ เกรง็
pain score ก่อน ระดับ 6
pain score หลัง ระดับ 5
๒๗
ส่วนที่ ๒ ผลงานทเี่ ปน็ ผลการปฏบิ ตั ิงานหรือผลสำเรจ็ ของงาน (ต่อ)
กจิ กรรม การรักษา ผลการรักษา สญั ญาณชพี
การติดตามการ - นวดรักษาแบบราชสำนัก
รกั ษา - ประคบสมุนไพร จากการรกั ษาผูป้ ่วย BP = 120/80 mmHg.
คร้ังที่ 2 - ให้คำแนะนำ
วนั ที่ 15 พ.ย. 64 สามารถหนั ไปทางด้านขวา P = 70 คร้ัง/นาที
- นวดรกั ษาแบบราชสำนกั
การติดตามการ - ประคบสมนุ ไพร ไดม้ ากขนึ้ กว่าเดิม อาการ R = 18 ครง้ั /นาที
รกั ษา - ให้คำแนะนำ
คร้ังที่ 3 ปวดตึงกล้ามเนื้อบ่าโคง้ คอ T = 36.5 องศา
วันท่ี 22 พ.ย. 64 - นวดรักษาแบบราชสำนกั
- ประคบสมุนไพร ปวดสะบกั และแขนข้าง เซลเซยี ส
การตดิ ตามการ - จา่ ยยาไพลครีม
รักษา - ใหค้ ำแนะนำ ขวาลดลง กล้ามเน้อื บ่าและ
คร้ังท่ี 4
วันที่ 29 พ.ย. 64 โคง้ คอจากการแขง็ เกรง็
ลดลง
pain score กอ่ น ระดบั 4
pain score หลัง ระดบั 3
จากการรกั ษาผปู้ ว่ ย BP = 131/71 mmHg.
สามารถหนั ไปทางดา้ นขวา P = 80 ครง้ั /นาที
ไดม้ ากขนึ้ อาการปวดตึง R = 20 คร้ัง/นาที
บริเวณกลา้ มเนื้อบา่ โค้งคอ T = 36.5 องศา
ข้างขวา อาการปวดสะบัก เซลเซยี ส
และปวดแขนข้างขวาดีขน้ึ
มาก กว่าเดิม กล้ามเนื้อบ่า
และโค้งคอจากการแขง็ เกร็ง
ลดลง
pain score ก่อน ระดับ 3
pain score หลงั ระดบั 2
จากการรักษาผ้ปู ่วย BP = 140/81 mmHg.
สามารถหันไปทางด้านขวา P = 83 ครั้ง/นาที
ไดป้ กติไม่มอี าการเจ็บปวด R = 20 ครั้ง/นาที
ปวดตงึ บริเวณกล้ามเนื้อบ่า T = 36.5 องศา
โค้งคอข้างขวา อาการปวด
สะบกั และปวดแขนข้าง
ขวาดขี ้ึนมาก บางครั้งไม่มี
อาการปวด กล้ามเนือ้ บ่า
และโค้งคอจากการแขง็ เกร็ง
กค็ ลายตัวมากขึ้น
pain score ก่อน ระดบั 3
pain score หลงั ระดับ 1
๒๘
ส่วนที่ ๒ ผลงานทีเ่ ปน็ ผลการปฏบิ ตั ิงานหรือผลสำเร็จของงาน (ต่อ)
๕. ผลสำเร็จของงาน (เชงิ ปรมิ าณ / เชิงคณุ ภาพ)
เชิงปรมิ าณ รวมระยะเวลาในการรักษาผปู้ ่วยคอตกหมอน รวมจำนวน 5 ครง้ั ระยะเวลา 1 เดอื น
ต้งั แตว่ นั ที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ถงึ 29 พฤศจกิ ายน 2564
เชิงคุณภาพ หลังการประเมินผลการรักษาครั้งสุดท้าย วันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 พบว่าอาการปวด
ตึงบริเวณกล้ามเนื้อบ่าโค้งคอข้างขวา อาการปวดสะบัก และปวดแขนข้างขวาดีขึ้นมากบางครั้งไม่มีอาการปวด
หันไปทางด้านขวาได้ปกติไม่มีอาการเจ็บปวด กล้ามเนื้อบ่าและโค้งคอจากการแข็งเกร็ง ก็คลายตัวมากขึ้น เม่ือ
เปรยี บเทยี บมาตรวัดระดบั การเจบ็ ปวดก่อนการรักษาคร้ังแรกและหลังการรกั ษา ไม่มภี าวะชำ้ หรือระบมจากการ
นวดรกั ษาจากการรกั ษาพบว่าผปู้ ว่ ยมีอาการดีขน้ึ ตามลำดับจนถึงหายเปน็ ปกติ
๖. การนำไปใช้ประโยชน์ / ผลกระทบ
6.1 ผลการรักษานวดแผนไทยแบบราชสำนักในผู้ป่วยคอตกหมอนทำให้อาการดีขึ้นหรือหายจากโรคได้
6.2 จัดทำคมู่ ือแนวทางการใชเ้ ปน็ แนวทางในการรักษาผู้ป่วยโรคคอตกหมอน
6.3 มีการจดั ทำคู่มือในการดูแลตนเองของผ้ปู ่วยโรคคอตกหมอนดว้ ยการแพทย์แผนไทย
6.4 ใชเ้ ป็นขอ้ มูลในการวางแผนแนวทางการพัฒนาศักยภาพของผชู้ ่วยแพทย์แผนไทยได้
6.5 สามารถนำไปเป็นเอกสารวชิ าการเผยแพรค่ วามรใู้ หก้ ับผูท้ ส่ี นใจ
๗. ความยุง่ ยากซับซ้อนในการดำเนินการ
7.1 เนื่องด้วยงานแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกโรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 17 มีแพทย์
แผนไทยเพียง 3 คน ผู้ป่วยที่มารับบริการต่อวันเป็นจำนวนมาก บางวันมีแพทย์แผนไทยเพียงคนเดียวในการ
ให้บริการผู้ป่วย ถ้าแพทย์แผนไทยติดภารกิจจะต้องไปอบรม หรือไปราชการนอกสถานที่ จึงจำเป็นต้องเลื่อนนัด
ผปู้ ว่ ยออกไป ทำให้การรกั ษาขาดช่วงไม่ตอ่ เน่ือง
7.2 ผู้ป่วยไม่มีความรู้ ความเข้าใจ และไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพเบื้องต้น จึงมีความกลัว
และกังวล ทำให้เกดิ ภาวะอาการปวด ท่ไี มส่ ามารถจดั การอาการเบ้ืองตน้ ได้อย่างถูกต้องและถูกวิธี
๘ ปญั หาอุปสรรคในการดำเนินการ
ผู้ปว่ ยท่มี ารบั บริการตอ่ วนั เป็นจำนวนมาก บางวนั มีแพทย์แผนไทยเพียงคนเดียวในการใหบ้ รกิ ารผปู้ ่วย
ถ้าแพทยแ์ ผนไทยติดภารกิจจะต้องไปอบรม หรือไปราชการนอกสถานท่ี จึงจำเป็นต้องเลื่อนนดั ผูป้ ว่ ยออกไป
ทำใหก้ ารรักษาขาดชว่ งไมต่ ่อเน่อื ง
9. ข้อเสนอแนะ
9.1 โรคคอตกหมอน มีผลกระทบร่างกาย จติ ใจ และส่งผลตอ่ คณุ ภาพชีวิต มีผลต่อการทำกจิ วัตรประจำวัน
ของผู้ปว่ ย ทำงานได้ไม่เต็มความสามารถ ดงั นนั้ การรกั ษาด้วยการแพทย์แผนไทย โดยการใชห้ ัตถเวชกรรมแผน
ไทย(นวดแบบราชสำนัก) เพ่ือให้ผ้ปู ่วยสามารถทำกิจวัตปิ ระจำวนั ได้ตามปกติ
9.2 การรกั ษาผูป้ ว่ ยด้วยการแพทยแ์ ผนไทย ควรตดิ ตามผลการรักษา เพ่ือเฝ้าระวังการกลับมาเป็นซำ้ และ
ประเมนิ คุณภาพชีวิตผู้ป่วย ควรได้รับการสง่ เสริม ปอ้ งกนั ใหส้ ามารถดแู ลตนเองได้ โดยให้คำแนะนำในการ
ปฏบิ ตั ติ ัวให้ความรูเ้ กี่ยวกับโรคคอตกหมอน
9.3 การทำการนวดแบบราชสำนักคร้งั ต่อไป ควรนำเคร่ืองมือหรืออปุ กรณท์ างการแพทย์แผนปัจจบุ ันมา
เป็นตัววดั ประสทิ ธิผลด้วย เชน่ การวดั ความตงึ ตวั ของกล้ามเนอื้ แทนการคลำด้วยมือ ซึ่งผตู้ รวจอาจบอกระดับ
ความแขง็ เกร็งของกลา้ มเน้ือแตกต่างกนั เพื่อสรา้ งใหเ้ กิดมาตรฐานยิง่ ขึน้
๒๙
สว่ นที่ ๒ ผลงานท่ีเปน็ ผลการปฏิบตั ิงานหรอื ผลสำเรจ็ ของงาน (ต่อ)
๑๐. การเผยแพรผ่ ลงาน - ไม่มี -
๑๑. ผมู้ ีส่วนร่วมในผลงาน (ถา้ มี) หากผขู้ อประเมินดำเนนิ การเพียงผเู้ ดยี วให้ระบุช่อื และสดั สว่ น
ผลงาน ๑๐๐%
๑) นายกฤษฎาวฒุ ิ วรวชิ ญ์ สัดส่วนผลงาน 100
๒) ...............................................................................................สดั สว่ นผลงาน.......................(ระบรุ ้อยละ)
๓) ...............................................................................................สัดสว่ นผลงาน.......................(ระบรุ ้อยละ)
ขอรบั รองวา่ ผลงานดงั กลา่ วขา้ งต้นเป็นความจริงทุกประการ
(ลงชอ่ื )…………………………………….
(นายกฤษฎาวุฒิ วรวชิ ญ์) ผู้ขอประเมิน
แพทย์แผนไทยปฏิบัตกิ าร
(วันท)ี่ ............./................................/..............
๓๐
ส่วนท่ี ๒ ผลงานท่เี ปน็ ผลการปฏบิ ัติงานหรอื ผลสำเรจ็ ของงาน (ต่อ)
ขอรบั รองว่าสดั สว่ นการดำเนนิ การข้างตน้ เป็นความจรงิ ทุกประการ
รายชือ่ ผู้มีส่วนรว่ มในผลงาน ลงลายมือชือ่
๑. ชอื่ นายกฤษฎาวุฒิ วรวิชญ์
๒. ชอ่ื ผรู้ ่วมดำเนนิ การ (ถ้ามี).................................
๓. ชื่อผู้ร่วมดำเนนิ การ (ถ้ามี).................................
ไดต้ รวจสอบแลว้ ขอรับรองวา่ ผลงานดังกล่าวข้างตน้ ถูกต้องตรงกบั ความเปน็ ความจริงทกุ ประการ
(ลงช่ือ)........................................................
(นางผาณติ เยี่ยมสวัสด์ิ)
พยาบาลวชิ าชพี ชำนาญการ(ดา้ นการพยาบาล)
ผบู้ ังคบั บญั ชาท่กี ำกบั ดแู ล
(วันท)่ี ............./................................/..............
(ลงช่ือ)........................................................
(นายเทพฤทธ์ิ วงษารัตน์)
หัวหนา้ กลมุ่ งานการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
ผู้บังคับบญั ชาที่เหนอื ข้นึ ไป
(วันที่)............./................................/..............
หมายเหตุ
๑. กรณสี ่งผลงานมากกว่า ๑ เรอื่ ง ผขู้ อประเมนิ จะต้องจดั ทำเอกสารในส่วนที่ ๒ ผลงานที่เป็นผลการ
ปฏบิ ัตงิ านหรอื ผลสำเรจ็ ของงาน เพอื่ ประกอบการพจิ ารณาให้ครบตามจำนวนเรื่องที่สง่ ประเมิน
๒. กรณีขอประเมินผลงานตำแหน่ง ระดับชำนาญการ ไม่ต้องส่งผลงานฉบับเต็ม (Full paper) และ ขอ
ประเมินระดับชำนาญการพิเศษ บางสายงาน ที่คณะกรรมการประเมินผลงานกำหนดให้ส่งเฉพาะเอกสารเผยแพร่ผลงาน โดย
ไมไ่ ดส้ ่งผลงานวิชาการฉบบั เต็ม (Full paper) ผขู้ อประเมนิ จะต้องจัดทำรายละเอียดของเน้ือหาผลงานวชิ าการทจ่ี ัดทำ โดยสรุป
ไว้ในส่วนที่ ๒ ผลงานที่เป็นผลการปฏิบัติงานหรือผลสำเร็จของงาน (ข้อ ๑ – ๑๑) ให้เนื้อหาผลงานมีความชัดเจนครบถ้วน
สมบรู ณ์ ไมน่ ้อยกว่า ๑๕ หนา้
๓. คำรบั รองจากผูบ้ ังคบั บญั ชาอยา่ งน้อย ๒ ระดบั คือ ผบู้ ังคับบญั ชาทกี่ ำกับดแู ล และผู้บังคับบัญชาท่ีเหนือ
ข้ึนไปอกี ๑ ระดบั เวน้ แตใ่ นกรณีท่ผี ู้บังคบั บญั ชาดงั กลา่ วเปน็ บคุ คลคนเดียวกัน กใ็ หม้ คี ำรบั รอง ๑ ระดับได้