The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยลูกจ้างประจำ พ.ศ.2537

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sompuan341, 2022-06-25 00:46:53

ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยลูกจ้างประจำ พ.ศ.2537

ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยลูกจ้างประจำ พ.ศ.2537

ระเบียบกระทรวงการคลัง
วาดวยลูกจางประจําของสว นราชการ

พ.ศ. 2537

_________________________

โดยท่ีเปนการสมควรปรับปรุงระเบียบกระทรวงการคลังวาดวยลูกจางประจําของสวนราชการให
เหมาะสมยงิ่ ขนึ้ กระทรวงการคลงั ดว ยความเหน็ ชอบของคณะรัฐมนตรจี ึงวางระเบยี บไว ดงั ตอไปน้ี

ขอ 1 ระเบยี บนเ้ี รียกวา “ระเบียบกระทรวงการคลังวา ดวยลูกจา งประจาํ ของสวนราชการ พ.ศ.
2537 ”

ขอ 2 ระเบยี บนใ้ี หใชบ งั คับตัง้ แตวนั ที่ 1 เมษายน 2537 เปนตนไป

ขอ 3 ใหย กเลิก
(1) ระเบยี บกระทรวงการคลงั วา ดวยลูกจา งประจาํ ของสวนราชการ พ.ศ. 2537
(2) ระเบยี บกระทรวงการคลงั วา ดว ยลูกจา งประจาํ ของสวนราชการ (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2535
บรรดาระเบียบ ขอบงั คับ มติคณะรัฐมนตรี คําสงั่ หรือขอตกลงอืน่ ใด ในสว นท่มี ีกาํ หนดไวแลว
ในระเบยี บน้ี หรือซง่ึ ขัดหรอื แยง กบั ระเบียบนี้ ใหใ ชระเบียบนแ้ี ทน

ขอ 4 ระเบยี บนใี้ หใ ชบังคับแกล ูกจางประจําของสว นราชการทีไ่ ดรบั คาจา งจากเงนิ งบประมาณราย
จาย

ขอ 5 ใหปลัดกระทรวงการคลงั รักษาการตามระเบยี บน้ี

2

หมวด 1

บททั่วไป

_________________________

ขอ 6 ผทู จี่ ะเขารับราชการเปน ลูกจางประจําตอ งมคี ณุ สมบัติทัว่ ไป ดงั ตอ ไปนี้

(1) มีสัญชาติไทย
(2) มอี ายไุ มตาํ่ กวา สิบแปดป
(3) เปน ผเู ล่ือมใสในการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตริยทรงเปน ประมขุ ตาม
รฐั ธรรมนญู แหง ราชอาณาจกั รไทยดว ยความบริสทุ ธใิ์ จ
(4) ไมเ ปน ผูดาํ รงตําแหนง กํานนั แพทยประจาํ ตาํ บล สารวตั รกาํ นัน ผูใหญบ า น และผูชวย
ผใู หญบ า น
(5) ไมเ ปน ผูดาํ รงตาํ แหนง ขา ราชการการเมอื ง
(6) ไมเ ปน ผูมีกายทุพพลภาพจนไมสามารถปฏิบตั ิหนา ท่ีได ไรความสามารถหรือจิตฟน เฟอ นไม
สมประกอบ หรือเปน โรคตามทกี่ าํ หนดในกฎหมายวาดว ยระเบียบขาราชการพลเรือน
(7) ไมเ ปน ผอู ยใู นระหวางถูกคาํ สง่ั ใหพกั ราชการหรอื ถกู ส่งั ใหออกจากราชการไวกอนตาม
ระเบยี บกระทรวงการคลงั วาดว ยลูกจา งประจาํ ของสวนราชการหรอื ตามกฎหมายอนื่
(8) ไมเ ปนผบู กพรอ งในศีลธรรมอนั ดจี นเปนทีร่ งั เกียจของสงั คม
(9) ไมเ ปน กรรมการพรรคการเมืองหรอื เจา หนาทใ่ี นพรรคการเมือง
(10) ไมเปน บคุ คลลมละลาย
(11) ไมเ ปน ผูเคยตอ งรบั โทษจาํ คกุ โดยคาํ พพิ ากษาถึงทสี่ ุดใหจาํ คกุ เพราะกระทาํ ความผดิ ทางอาญา
เวน แตเ ปนโทษสําหรับความผดิ ทไ่ี ดกระทําโดยประมาทหรอื ความผิดลหโุ ทษ
(12) ไมเ ปน ผเู คยถกู ลงโทษใหอ อก ปลดออก หรือไลอ อกจากรัฐวสิ าหกจิ หรือหนวยงานอื่นของ
รัฐ
(13) ไมเ ปน ผูเคยถูกลงโทษใหอ อกหรอื ปลดออกเพราะกระทาํ ผดิ วนิ ัยตามระเบียบกระทรวง
การคลงั วา ดว ยลูกจางประจาํ ของสว นราชการหรอื ตามกฎหมายอ่นื
(14) ไมเ ปน ผเู คยถูกลงโทษไลออกเพราะกระทาํ ผิดวินยั ตามระเบยี บกระทรวงการคลงั วา ดวย
ลกู จา งประจาํ ของสวนราชการหรือตามกฎหมายอื่น
(15) ไมเ ปน ผเู คยกระทําการทุจรติ ในการสอบเขารับราชการ

ผทู จ่ี ะเขารับราชการเปน ลูกจา งประจาํ ซ่งึ ขาดคณุ สมบัติตาม (8) (10) (11) หรอื (15) กระทรวง
การคลงั อาจพจิ ารณายกเวน ใหเ ขารับราชการไดส วนทขี่ าดคณุ สมบัตติ าม (12) หรอื (13) ถา ผูนน้ั ไดอ อก
จากงานหรอื ออกจากราชการไปเกนิ สองปแลว หรือผทู ขี่ าดคณุ สมบัติตาม (14) ถาผนู ้นั ไดอ อกจากงาน

3
หรอื ออกจากราชการไปเกินสามปแลว และมใิ ชเ ปนกรณอี อกจากงานหรือออกจากราชการเพราะกระทําผิด

ในกรณที จุ รติ ตอหนาที่ กระทรวงการคลังอาจพจิ ารณายกเวน ใหเ ขา รบั ราชการได

การยกเวน และการพิจารณายกเวนในกรณที ีข่ าดคุณสมบตั ิท่วั ไป ใหเปนไปตามหลกั เกณฑท ี่
กระทรวงการคลังกําหนด

ผทู เ่ี ปน ลูกจางประจําตองมคี ณุ สมบตั ทิ ่วั ไปตามวรรคหนึ่งตลอดเวลาทร่ี บั ราชการ เวน แตค ณุ สมบัติ
ตาม (7) หรือไดร บั การยกเวนในกรณที ี่ขาดคณุ สมบัติตามวรรคสอง

ขอ 7 คณุ สมบัติเฉพาะสําหรับตําแหนง ของลูกจา งประจาํ ใหเปน ไปตามท่ีกระทรวงการคลงั กําหนด
ในกรณที ม่ี เี หตุผลและความจาํ เปน เพื่อประโยชนแ กร าชการ กระทรวงการคลงั อาจอนุมัตใิ หแ ตง ตัง้ ลูกจา ง
ประจาํ ทมี่ คี ณุ สมบตั ิตางไปจากคุณสมบัติเฉพาะสาํ หรับตําแหนงตามทีก่ ําหนดไวก็ได

ขอ 8 อัตราคา จางลูกจา งประจําใหเปน ไปตามทกี่ ระทรวงการคลังกําหนด

ขอ 9 วนั เวลาทาํ งาน วันหยดุ ราชการตามประเพณี วันหยดุ ราชการประจาํ ปของลูกจางประจํา ให
เปน ไปตามท่คี ณะรฐั มนตรกี ําหนดสําหรบั ขา ราชการพลเรือน

การลาหยดุ ราชการของลูกจางประจํา ใหน าํ ระเบียบวา ดว ยการลาของขาราชการมาใชบงั คบั โดย
อนุโลม

ขอ 10 สว นราชการใดมีความจาํ เปนไมอ าจปฏิบัติตามทก่ี าํ หนดไวใ นระเบยี บนี้ ใหข อทําความตก
ลงกบั กระทรวงการคลังเปน ราย ๆ ไป

4

หมวด 2
การบรรจุและการแตง ต้ัง

_________________________

ขอ 11 การบรรจุบคุ คลเขา รับราชการเปน ลกู จา งประจําเพ่ือแตง ตงั้ ใหดาํ รงตาํ แหนงใด ใหบ รรจุ
และแตง ตงั้ จากผูสอบคัดเลอื กไดห รอื ผไู ดรบั คัดเลือกในตําแหนงนนั้ โดยบรรจแุ ละแตง ตง้ั ตามลาํ ดบั ที่ใน
บัญชีผูสอบคัดเลือกไดหรือผูไดรับคัดเลือกเวนแตการบรรจุบุคคลเขารับราชการเปนลูกจางประจําตามขอ
19 และขอ 20

หลกั สตู ร วิธกี ารสอบคดั เลอื กหรอื คัดเลือก และวิธดี าํ เนินการเก่ียวกับการสอบคัดเลอื กหรือคดั
เลอื ก ตลอดจนเกณฑก ารตัดสนิ การข้นั บัญชี และการยกเลิกบัญชีผสู อบคดั เลือกไดห รือผูไ ดร บั คัดเลอื ก
ใหเ ปน ไปตามหลักเกณฑและวธิ กี ารที่กระทรวงการคลงั กําหนด

ขอ 12 ผูสอบคัดเลอื กหรอื ผไู ดร บั คดั เลอื กซงึ่ อยใู นลําดบั ทท่ี จ่ี ะไดรับบรรจแุ ละแตง ต้งั ใหดาํ รง
ตาํ แหนง ใด ถาปรากฏวาขาดคุณสมบตั ิท่ัวไปโดยไมไ ดร บั การยกเวน จากระทรวงการคลงั หรือขาดคุณ
สมบตั เิ ฉพาะสําหรบั ตาํ แหนงโดยไมไ ดรับอนมุ ตั ิจากกระทรวงการคลังอยกู อนหรือภายหลังการสอบ
คดั เลอื กจะบรรจแุ ละแตง ตง้ั ใหด ํารงตําแหนง นั้นไมได

ขอ 13 การบรรจบุ คุ คลเขา รบั ราชการเปนลูกจา งประจาํ และการแตง ตง้ั ใหด ํารงตําแหนง ใหป ลัด
กระทรวง อธิบดี หรือผดู ํารงตาํ แหนง เทียบเทาซง่ึ เปนผบู งั คับบญั ชา หรือผูทไี่ ดร ับมอบหมายเปน ผมู ี
อาํ นาจส่งั บรรจุและแตงต้ัง

ขอ 14 ผไู ดร บั บรรจเุ ขารบั ราชการเปนลกู จางประจําและแตงต้งั ใหด ํารงตาํ แหนงตามขอ 11 วรรค
หนงึ่ ใหท ดลองปฏบิ ตั หิ นาทร่ี าชการในตําแหนง ท่ีไดร บั บรรจเุ ปนเวลาไมตา่ํ กวาหกเดอื นแตไมเกนิ หนงึ่ ป
นบั แตว นั เขา ปฏบิ ตั หิ นา ทร่ี าชการเปนตน ไป โดยอยใู นความดแู ลของผบู งั คับบัญชาหรอื ผูท ่ไี ดร บั มอบหมาย
การประเมินผลการทดลองปฏิบัติหนาท่ีราชการใหเปนไปตามหลักเกณฑและวิธีการท่ีกระทรวงการคลัง
กาํ หนด

การประเมนิ ผลการทดลองปฏิบตั ิหนาท่ีราชการใหผ ูม ีอาํ นาจส่งั บรรจุตามขอ 13 พจิ ารณาวาผนู นั้ มี
ความเหมาะสมท่ีจะใหรบั ราชการตอ ไปหรอื ไม ถาผมู ีอาํ นาจส่งั บรรจุตามขอ 13 เหน็ วา ผูนัน้ มผี ลการ
ประเมนิ ตาํ่ กวามาตรฐานที่กาํ หนดไมควรใหรบั ราชการตอ ไป ก็ใหสัง่ ใหผ นู ้นั ออกจากราชการได ไมวาจะ
ครบกาํ หนดเวลาทดลองปฏิบตั หิ นาทีร่ าชการแลว หรอื ไมก ็ตาม ถา พน กําหนดเวลาทดลองปฏิบตั หิ นาท่ี

5
ราชการดงั กลาวแลว และผมู อี ํานาจสง่ั บรรจตุ ามขอ 13 เหน็ วาควรใหผูน้นั รับราชการตอ ไป ก็ใหส ่ังใหผ ู
น้นั รบั ราชการตอไป

ลูกจางประจําซึ่งอยูในระหวางทดลองปฏิบัติหนาที่ราชการผูใดไดรับแตงต้ังใหดํารงตําแหนงอ่ืน
ใหเ รม่ิ ทดลองปฏิบตั ิหนา ทรี่ าชการใหม

ลกู จา งประจําซ่ึงอยูในระหวางทดลองปฏบิ ตั ิหนาท่รี าชการผูใ ดถูกสั่งใหออกจากราชการตามขอ 59
และตอ มาปรากฏวา ผูน ้นั มกี รณที ่จี ะตองถูกสั่งใหอ อกจากราชการตามวรรคสามหรอื ตามขอ อื่น ใหผ ูมี
อาํ นาจส่ังบรรจุตามขอ 13 มีอาํ นาจเปล่ียนแปลงคําส่ังใหออกตามขอ 59 เปน ใหอ อกจากราชการตามวรรค
สามหรอื ตามขออ่นื นนั้ ได

ลกู จา งประจาํ ผูอยใู นระหวา งทดลองปฏิบัติหนา ที่ราชการผใู ดมีกรณอี ันมมี ลู วา กระทําผิดวนิ ัย ใหผ ู
บงั คบั บญั ชาดาํ เนนิ การทางวนิ ัยตามท่ีกาํ หนดไวใ นหมวด 5 และถาผูน้ันมกี รณีท่ีจะตอ งออกจากราชการตาม
วรรคสาม กใ็ หผูบงั คบั บญั ชาดาํ เนนิ การตามวรรคสามไปกอ น

ลูกจางประจําผูใดถูกสั่งใหออกจากราชการตามวรรคสามหรือวรรคหาใหถือเสมือนวาผูนั้นไมเคย
เปน ลกู จา งประจาํ แตท ้งั นไ้ี มก ระทบกระเทอื นถงึ การปฏิบัติหนา ทีร่ าชการหรอื การรบั คา จางหรือผล
ประโยชนอื่นใดท่ีไดรับหรือมีสิทธิที่จะไดรับจากทางราชการในระหวางท่ีผูน้ันอยูระหวางทดลองปฏิบัติ
หนา ท่ีราชการ

ขอ 15 ลกู จางประจําตําแหนง ใดจะบงั คับบญั ชาลกู จางประจาํ ในหนวยงานใด ในฐานะใด ใหเ ปน
ไปตามท่ีผูมีอํานาจส่งั บรรจตุ ามขอ 13 มอบหมาย

ขอ 16 การโอนลูกจางประจาํ ไปแตง ตง้ั ใหดํารงตาํ แหนงลกู จา งประจาํ ในตางกระทรวง ทบวง
กรม อาจทาํ ไดเม่อื ผมู ีอํานาจสงั่ บรรจุตามขอ 13 ทง้ั สองฝา ยไดต กลงยนิ ยอมในการโอนนัน้ แลว โดยให
แตง ตงั้ ใหด าํ รงตําแหนงในระดบั และรับคางจา งท่ีไมส งู กวา เดิม ทง้ั น้ี ตามหลักเกณฑและวธิ ีการท่กี ระทรวง
การคลังกาํ หนด

ขอ 17 การแตง ต้ังลูกจางประจําผูดาํ รงตําแหนงใดไปดํารงตาํ แหนงใหมใ นกรมหรือสว นราชการที่
มฐี านะเปน กรมเดยี วกนั ใหเ ปน ไปตามหลักเกณฑและวิธกี ารท่ีกระทรวงการคลังกําหนด

ขอ 18 ลกู จางประจําผใู ดไดรบั แตงตงั้ ใหดํารงตาํ แหนงตามขอ 16 หรือขอ 17 หากภายหลงั
ปรากฏวา เปน ผมู คี ณุ สมบตั ิไมตรงตามคุณสมบัตเิ ฉพาะสาํ หรับตาํ แหนงนนั้ โดยไมไดรับอนมุ ตั ิจากระทรวง
การคลงั อยกู อน ใหผ ูมีอาํ นาจสง่ั บรรจุตามขอ 13 แตง ตั้งใหผูน ้นั กลับไปดํารงตาํ แหนงเดิมหรอื ตําแหนงอ่นื
โดยพลนั แตท ัง้ นไ้ี มกระทบกระเทอื นถงึ การใดทีผ่ ูนน้ั ไดปฏิบตั ไิ ปตามอํานาจและหนา ที่ และการรบั คา จา ง
หรือผลประโยชนอื่นใดท่ีไดรับหรือมีสิทธิจะไดรับจากทางราชการในระหวางท่ีไดรับแตงต้ังใหดํารง
ตาํ แหนง ทีผ่ นู ัน้ มีคุณสมบตั ิไมต รงตามคุณสมบตั ิเฉพาะสาํ หรบั ตําแหนง

6
ลกู จา งประจําผไู ดร บั แตง ต้งั ใหกลบั ไปดาํ รงตาํ แหนงเดมิ หรอื ตําแหนง อื่นตามวรรคหน่งึ ใหไ ดรับ
คา จา งตามทจ่ี ะพึงไดร บั ตามสภาพเดมิ และใหถือวาผนู ั้นไมม ีสถานภาพอยา งใดในการทจี่ ะไดรบั แตง ตั้งให
ดาํ รงตาํ แหนงทตี่ นมคี ุณสมบัตไิ มตรงตามคณุ สมบตั เิ ฉพาะสําหรบั ตาํ แหนงน้นั

ขอ 19 ลกู จางประจําผใู ดถูกส่ังใหอ อกจากราชการเพื่อไปรับราชการทหารตามกฎหมายวา ดว ยการ
รบั ราชการทหาร เมื่อผูน้ันพนจากราชการทหารโดยมไิ ดก ระทําการใด ๆ ในระหวางรบั ราชการทหารอัน
เสยี หายแกราชการอยา งรายแรงหรือไดช ือ่ วาเปนผปู ระพฤตชิ ั่วอยางรายแรง และผนู ั้นไมเ ปนผขู าดคณุ
สมบตั ติ ามขอ 6 และไมไ ดเ ปน ผถู ูกเปลย่ี นแปลงคาํ สัง่ ตามขอ 59 เปนใหอ อกจากราชการตามขออ่นื หาก
ประสงคจะเขารับราชการเปนลูกจางประจําในสวนราชการเดิมภายในกําหนดหนึ่งรอยแปดสิบวันพนจาก
ราชการทหาร ใหผมู อี าํ นาจสงั่ บรรจตุ ามขอ 13 สงั่ บรรจแุ ละแตงต้ังใหด าํ รงตําแหนงและรบั คา จา งตาม
หลกั เกณฑและวิธีการทีก่ ระทรวงการคลงั กําหนด

ลกู จา งประจําผไู ดร บั บรรจเุ ขา รบั ราชการตามวรรคหนง่ึ ใหมีสทิ ธินบั วนั รบั ราชการกอนถกู สั่งให
ออกจากราชการรวมกับวันรับราชการทหารตามกฎหมายวาดวยการรับราชการทหารและวันรับราชการเมื่อ
ไดรับบรรจุกลับเขารับราชการเปนเวลาราชการติดตอกันเสมือนวาผูนั้นมิไดเคยถูกส่ังใหออกจากราชการ
เวน แตล กู จา งประจําผนู น้ั ไดขอรบั บาํ เหน็จภายหลงั จากท่ีถกู สง่ั ใหออกจากราชการเพื่อไปรบั ราชการทหาร

ขอ 20 ลกู จางประจาํ ผใู ดออกจากราชการไปแลว และไมใชเ ปนกรณอี อกจากราชการในระหวาง
ทดลองปฏิบตั ิหนา ทรี่ าชการ ถาสมคั รเขารบั ราชการและทางราชการตอ งการจะรับผูนนั้ เขา รับราชการ ใหผ ู
มอี าํ นาจสง่ั บรรจตุ ามขอ 13 สง่ั บรรจแุ ละแตง ต้ังใหด ํารงตําแหนง และรับคาจางตามหลกั เกณฑแ ละวิธีการท่ี
กระทรวงการคลังกําหนดได

ขอ 21 ผไู ดรบั การบรรจุและแตงต้ังเขารบั ราชการเปนลกู จา งประจําตาํ แหนงใด หากภายหลงั
ปรากฏวา ขาดคณุ สมบตั ทิ ั่วไปตามทกี่ าํ หนดไวใ นขอ 6 โดยไมไ ดร บั การยกเวนจากกระทรวงการคลงั หรือ
ขาดคณุ สมบตั เิ ฉพาะสาํ หรบั ตําแหนง ตามทก่ี ําหนดไวในขอ 7 โดยไมไดรบั อนมุ ัติจากกระทรวงการคลงั อยู
กอนหรือมีกรณีตองหาอยูกอนและภายหลังเปนผูขาดคุณสมบัติเน่ืองจากกรณีท่ีตองหานั้นใหผูมีอํานาจส่ัง
บรรจตุ ามขอ 13 สัง่ ใหผ ูน้ันออกจากราชการโดยพลนั แตทงั้ นไ้ี มก ระทบกระเทอื นการใดทผี่ ูนั้นไดป ฏิบตั ิ
ไปตามอาํ นาจและหนาท่ี และการรบั คา จา งหรอื ผลประโยชนอนื่ ใดทไี่ ดรับหรอื มสี ิทธิจะไดรบั จากทางราช
การกอนมีคําสั่งใหออกนั้นและถาการเขารับราชการเปนไปโดยสุจรติ แลว ใหถือวาเปนการส่ังใหออกเพอื่ รบั
บาํ เหน็จได

7

หมวด 3
การเพ่มิ พูนประสทิ ธิภาพและเสริมสรางแรงจงู ใจในการปฏิบัตริ าชการ

_________________________

ขอ 22 ลูกจา งประจาํ ผูใดปฏบิ ตั ิตนเหมาะสมกับการเปน ลูกจางประจาํ และปฏบิ ตั ิราชการมปี ระ
สทิ ธภิ าพและเกิดประสทิ ธิผลในระดบั อนั เปน ท่ีพอใจของทางราชการ ถอื วา ผูนัน้ มคี วามชอบ จะไดร บั
บาํ เหนจ็ ความชอบซึ่งอาจเปนคาํ ชมเชย เคร่อื งเชดิ ชูเกียรติ รางวลั หรือการไดเล่ือนข้ันคา จางตามควรแก
กรณี

ขอ 23 การเลื่อนขน้ั คา จา งลกู จางประจํา ใหผบู ังคับบัญชาพจิ ารณาโดยคํานึงถึงคุณภาพและ
ปรมิ าณงาน ประสิทธภิ าพและประสทิ ธผิ ลของงานท่ไี ดปฏบิ ัติมาความสามารถและความอตุ สาหะในการ
ปฏบิ ตั งิ าน ตลอดจนการรกั ษาวินัยและการปฏิบตั ติ นเหมาะสมกับการเปนลูกจางประจาํ ทงั้ น้ี ตามหลัก
เกณฑและวิธีการท่กี ระทรวงการคลงั กําหนด

การเลอื่ นขั้นคา จางลกู จา งประจาํ ท่ีอยใู นหลกั เกณฑต ามวรรคหนึ่ง ใหอยใู นดุลพินิจของผูบังคบั
บญั ชาท่จี ะพิจารณา

ในกรณีที่ไมเลื่อนขั้นคาจางประจําปใหลูกจางประจําผูใดใหผูบังคับบัญชาแจงใหผูนั้นทราบพรอม
ทงั้ เหตุผลท่ีไมเล่อื นขั้นคาจางให

ขอ 24 การเล่อื นขนั้ คาจางลกู จางประจาํ ใหดําเนินการตามขอ 23 และใหผ มู ีอาํ นาจสัง่ บรรจุตาม
ขอ 13 เปน ผสู ง่ั เลอื่ น

ขอ 25 การเลือ่ นขั้นคา จา งใหแกลกู จางประจําซ่ึงถึงแกความตายเน่ืองจากการปฏิบัติหนาที่ราชการ
เปน กรณพี เิ ศษเพือ่ ประโยชนใ นการคํานวณบาํ เหน็จใหเ ปนไปตามหลกั เกณฑแ ละวธิ ีการทกี่ ระทรวงการคลงั
กาํ หนด

ขอ 26 ใหผูบงั คบั บัญชามหี นา ที่พฒั นาลูกจา งประจําผอู ยใู ตบ งั คบั บญั ชาเพื่อใหรรู ะเบียบแบบแผน
ของทางราชการ หลักและวิธปี ฏิบัติราชการ บทบาทและหนาที่ของลูกจา งประจาํ แนวทางปฏบิ ตั เิ พื่อเปน
ลกู จา งประจําทดี่ ี และเพ่ือเพิ่มพูนความรู ทักษะ ทัศนคติท่ดี ี คุณธรรมและจรยิ ธรรม อันจะทาํ ใหล กู จาง
ประจาํ ผอู ยใู ตบ ังคบั บญั ชาปฏบิ ตั หิ นา ท่รี าชการไดอยางมีประสิทธิภาพ

8
ขอ 27 ใหผูบังคบั บัญชามีหนา ท่ีประเมนิ ผลการปฏบิ ัตริ าชการของลูกจา งประจําผอู ยใู ตบงั คบั
บญั ชาเพอื่ ใชประกอบการพิจารณาแตง ตงั้ เลือ่ นขัน้ คาจาง พฒั นาลกู จา งประจําและเพิม่ พนู ประสทิ ธิภาพใน
การปฏบิ ตั ิราชการ และมหี นาทเี่ สริมสรางแรงจงู ใจใหลูกจางประจําผอู ยูใตบงั คบั บญั ชาปฏิบัตติ นเหมาะสม
กบั การเปน ลูกจางประจาํ และปฏิบัติราชการมปี ระสทิ ธิภาพและเกดิ ประสิทธิผล

หมวด 4
วินัยและการรักษาวนิ ยั

_________________________

ขอ 28 ลูกจางประจาํ ตอ งรกั ษาวินัยโดยเครง ครัดอยเู สมอ
ลกู จา งประจาํ ผูใ ดฝาฝน ขอ หา มหรือไมป ฏบิ ัติตามขอ กําหนดทางวนิ ัยตามทก่ี าํ หนดไวใ นหมวดน้ี ผู
นน้ั เปน ผกู ระทาํ ผดิ วินยั จะตอ งไดร บั โทษทางวินัย เวนแตม เี หตุอนั ควรงดโทษตามท่กี ําหนดไวใ นหมวด 5

ขอ 29 ลกู จา งประจําตองสนับสนนุ การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษตั ริยท รง
เปน ประมขุ ตามรฐั ธรรมนญู แหง ราชอาณาจักรไทยดว ยความบรสิ ุทธใ์ิ จ

ขอ 30 ลูกจา งประจาํ ตองปฏบิ ัตหิ นาท่ีราชการดวยความซ่ือสตั ยสุจรติ และเทยี่ งธรรม
หา มมใิ หอ าศยั หรอื ยอมใหผ ูอ ื่นอาศัยอาํ นาจหนาที่ราชการของตนไมวา จะโดยทางตรงหรอื ทาง
ออ มหาประโยชนใ หแ กตนเองหรือผูอ่นื
การปฏบิ ตั หิ รอื ละเวนการปฏิบัติหนาทีร่ าชการโดยมชิ อบ เพ่ือใหตนเองหรือผูอน่ื ไดประโยชนท่มี ิ
ควรได เปน การทจุ รติ ตอหนา ท่รี าชการและเปนความผดิ วินยั อยางรายแรง

ขอ 31 ลกู จา งประจาํ ตอ งตง้ั ใจปฏิบัตหิ นาท่รี าชการใหเกิดผลหรือความกาวหนา แกร าชการ

ขอ 32 ลูกจา งประจาํ ตองปฏบิ ตั ิหนาที่ราชการดวยความอตุ สาหะเอาใจใส ระมดั ระวังรักษา
ประโยชนข องทางราชการ และตอ งไมป ระมาทเลนิ เลอในหนา ทร่ี าชการ

การประมาทเลินเลอ ในหนาที่ราชการ อันเปนเหตใุ หเสียหายแกราชการอยา งรา ยแรง เปนความผิด
วนิ ยั อยา งรายแรง

ขอ 33 ลูกจางประจาํ ตองปฏิบตั หิ นาที่ราชการใหเ ปน ไปตามกฎหมาย ระเบยี บของทางราชการ
มตคิ ณะรฐั มนตรี และนโยบายของรัฐบาลโดยไมใ หเสียหายแกราชการ

9
การปฏบิ ตั ิหนา ทีร่ าชการโดยจงใจไมปฏิบตั ิตามกฎหมาย ระเบยี บของทางราชการ มติคณะรฐั
มนตรี หรอื นโยบายของรฐั บาล อันเปน เหตใุ หเสยี หายแกราชการอยา งรายแรง เปนความผิดวนิ ัยอยา งราย
แรง

ขอ 34 ลกู จางประจําตอ งถอื เปน หนาที่พิเศษทจ่ี ะสนใจและรบั ทราบเหตกุ ารณเ คล่ือนไหวอนั อาจ
เปน ภยนั ตรายตอประเทศชาติ และตองปอ งกันภยันตรายซ่ึงจะบงั เกิดแกประเทศชาติจนเต็มความสามารถ

ขอ 35 ลกู จางประจาํ ตองรักษาความลบั ของทางราชการ
การเปด เผยความลบั ของทางราชการ อนั เปนเหตใุ หเสียหายแกราชการอยางรา ยแรง เปน ความผิด
วนิ ยั อยางรายแรง

ขอ 36 ลูกจางประจาํ ตองปฏิบัตติ ามคาํ สง่ั ของผูบ ังคับบญั ชาซง่ึ สง่ั ในหนาทร่ี าชการโดยชอบดว ย
กฎหมายและระเบยี บของทางราชการโดยไมข ดั ขนื หรือหลีกเลยี่ ง แตถาเหน็ วาการปฏิบตั ิตามคาํ ส่งั นนั้ จะทาํ
ใหเ สยี หายแกร าชการ หรอื จาํ เปน การไมร กั ษาประโยชนข องทางราชการจะเสนอความเหน็ เปนหนังสือทัน
ทเี พอื่ ใหผ บู งั คับบัญชาทบทวนคาํ ส่งั น้นั กไ็ ด และเมอ่ื ไดเ สนอความเห็นแลว ถาผูบังคับบญั ชายืนยนั ให
ปฏิบตั ิตามคําส่งั เดมิ ลกู จางประจําผูอยูใตบ งั คบั บัญชาตองปฏบิ ัตติ าม

การขัดคําสั่งหรือหลีกเลี่ยงไมปฏิบัติตามคําส่ังของผูบังคับบัญชาซึ่งสั่งในหนาท่ีราชการโดยชอบ
ดว ยกฎหมายและระเบียบของทางราชการ อนั เปนเหตุใหเสยี หายแกราชการอยางรา ยแรง เปนความผดิ วนิ ยั
อยา งรายแรง

ขอ 37 ลกู จา งประจําตองปฏิบัติราชการโดยมิใหเ ปนการกระทาํ การขา มผบู ังคับบญั ชาเหนอื ตน
เวน แตผ ูบงั คับบญั ชาเหนือขึน้ ไปเปนผสู ั่งใหกระทาํ หรือไดร ับอนญุ าตเปน พเิ ศษชั่วครัง้ คราว

ขอ 38 ลกู จางประจาํ ตองไมรายงานเท็จตอผูบงั คบั บญั ชา การรายงานโดยปกปด ขอ ความซึ่งควร
ตอ งแจง ถือวาเปนการรายงานเทจ็ ดวย

การรายงานเท็จตอ ผบู ังคบั บัญชา อันเปนเหตุใหเสียหายแกร าชการอยา งรายแรง เปน ความผดิ วนิ ัย
อยางรายแรง

ขอ 39 ลูกจา งตอ งถือและปฏิบตั ิตามระเบียบและแบบธรรมเนยี มของทางราชการ และใหน าํ
จรรยาบรรณของขาราชการพลเรือนที่กําหนดไวตามกฎหมายวาดวยระเบียบขาราชการพลเรือนมาใชบังคับ
แกล ูกจางประจําโดยอนโุ ลม

10
ขอ 40 ลูกจา งประจําตอ งอุทศิ เวลาของตนใหแกราชการ จะละท้ิงหรอื ทอดท้งิ หนาทรี่ าชการมิได
การละทิ้งหรือทอดทิ้งหนาท่ีราชการโดยไมมีเหตุผลอันสมควรเปนเหตุใหเสียหายแกราชการอยาง
รา ยแรง หรอื ละท้ิงหนา ที่ราชการติดตอ ในคราวเดยี วกนั เปนเวลาเกนิ กวา สิบหาวนั โดยไมมเี หตผุ ลอนั สม
ควร หรอื โดยมพี ฤตกิ ารณอ ันแสดงถึงความจงใจไมปฏบิ ตั ิตามระเบยี บของทางราชการ เปนความผดิ วนิ ัย
อยางรา ยแรง

ขอ 41 ลกู จา งประจาํ ตอ งสภุ าพเรียบรอ ย รกั ษาความสามัคคี และไมก ระทําการอยา งใดทีเ่ ปน
การกลน่ั แกลง กัน และตอ งชวยเหลอื กนั ในการปฏิบัติราชการระหวา งลูกจา งประจาํ ดว ยกนั และผูร ว มปฏิบตั ิ
ราชการ

ขอ 42 ลูกจางประจําตอ งตอนรบั ใหความสะดวก ใหความเปนธรรม และใหการสงเคราะหแ ก
ประชาชนผตู ดิ ตอราชการเก่ียวกบั หนาที่ของตนโดยไมช กั ชา และดวยความสภุ าพเรียบรอ ย หามมิใหด ู
หมน่ิ เหยียดหยาม กดขี่ หรอื ขมเหงประชาชนผตู ดิ ตอ ราชการ

การดหู มนิ่ เหยียดหยาม กดข่ี หรือขม เหงประชาชนผูติดตอราชการอยางรา ยแรง เปน ความผิด
วนิ ยั อยา งรายแรง

ขอ 43 ลูกจางประจาํ ตองไมก ระทําการหรือยอมใหผอู ื่นกระทําการหาผลประโยชนอนั อาจทาํ ให
เสยี ความเทยี่ งธรรมหรือเสอื่ มเสยี เกยี รติศกั ดิ์ของตาํ แหนงหนาท่ีราชการของตน

ขอ 44 ลกู จางประจาํ ตองไมเ ปนกรรมการผูจดั การหรอื ผจู ัดการหรือดํารงตําแหนงอ่นื ใดทม่ี ี
ลกั ษณะงานคลายคลงึ กนั นัน้ ในหางหนุ สว นหรือบรษิ ัท

ขอ 45 ลูกจา งประจาํ ตอ งวางตนเปนกลางทางการเมือนในการปฏิบตั ิหนาทร่ี าชการและในการ
ปฏบิ ตั กิ ารอ่นื ทีเ่ ก่ยี วของกบั ประชาชน กบั จะตอ งปฏิบตั ิตามระเบียบของทางราชการวาดว ยมารยาททางการ
เมืองของขาราชการดวยโดยอนโุ ลม

ขอ 46 ลกู จางประจาํ ตองรักษาชื่อเสียงของตนและรักษาเกยี รติศักด์ขิ องตําแหนงหนา ท่ีราชการของ
ตนมใิ หเสอ่ื มเสีย โดยไมก ระทาํ การใด ๆ อนั ไดช อ่ื วาเปนผปู ระพฤติช่วั

การกระทาํ ความผิดอาญาจนไดร บั โทษจาํ คกุ หรอื โทษท่ีหนกั กวา จําคกุ โดยคาํ พิพากษาถงึ ทส่ี ดุ ให
จาํ คกุ หรอื ใหรับโทษทห่ี นักกวา จาํ คกุ เวน แตเปน โทษสาํ หรบั ความผดิ ท่ไี ดก ระทําโดยประมาทหรอื ความ
ผดิ ลหโุ ทษ หรอื กระทาํ การอ่นื ใดอันไดช อ่ื วา เปน ผปู ระพฤติชว่ั อยางรายแรง เปนความผดิ วินยั อยางรา ยแรง

11
ขอ 47 ใหผบู งั คบั บัญชามีหนา ท่ีเสรมิ สรา งและพัฒนาใหล ูกจา งประจาํ ผูอยูใตบังคบั บัญชามีวินยั
และปองกันมิใหลูกจางประจําผูอยูใตบังคับบัญชากระทําผิดวินัยและดําเนินการทางวินัยแกลูกจางประจําผู
อยใู ตบ งั คบั บญั ชาซง่ึ มีกรณอี ันมีมูลวากระทาํ ผิดวนิ ยั

การเสริมสรางและพัฒนาใหลูกจางประจําผูอยูใตบังคับบัญชามีวินัยใหกระทําโดยการปฏิบัติตน
เปน แบบอยา งทด่ี ี การฝก อบรม การสรา งขวญั และกําลงั ใจ การจงู ใจหรือการอื่นใดในอนั ท่ีจะเสริมสราง
และพฒั นาทศั นคติ จติ สํานกึ และพฤตกิ รรมของลูกจา งประจาํ ผูอ ยใู ตบงั คับบัญชาใหเปนไปในทางทม่ี วี นิ ัย

การปอ งกนั มใิ หล กู จา งประจาํ ผูอ ยูใ ตบ ังคับบญั ชากระทําผิดวินยั ใหก ระทาํ โดยการเอาใจใส
สงั เกตการ และขจดั เหตทุ ่ีอาจกอ ใหเ กดิ การกระทาํ ผดิ วนิ ัยในเรอ่ื งอันอยใู นวสิ ัยทจี่ ะดําเนินการปองกันตาม
ควรแกก รณไี ด

เมอื่ มกี ารกลา วหาโดยปรากฏตัวผูกลาวหา หรอื มกี รณีเปนที่สงสยั วา ลูกจา งประจําผใู ดกระทาํ ผดิ
วนิ ยั โดยยงั ไมมพี ยานหลักฐาน ใหผูบงั คบั บัญชารีบดาํ เนนิ การสบื สวนหรือพิจารณาในเบอ้ื งตนวากรณมี มี ลู
หรอื ไม ถา เหน็ วา กรณีไมมมี ลู กใ็ หย ตุ เิ ร่ืองได ถา เหน็ วากรณมี ีมูล ก็ใหด าํ เนนิ การทางวนิ ยั ทนั ที

ผบู งั คบั บญั ชาผใู ดละเลยไมป ฏบิ ัตหิ นาทต่ี ามหมวดนีห้ รอื ปฏิบัติหนาทด่ี งั กลาวโดยไมส จุ ริต ใหถอื
วา ผูนั้นกระทาํ ผิดวนิ ัย

ขอ 48 โทษทางวินยั มี 5 สถาน คอื

(1) ภาคทัณฑ
(2) ตดั คาจาง
(3) ลดขนั้ คาจา ง
(4) ปลดออก
(5) ไลออก

ขอ 49 การลงโทษลกู จางประจําใหท าํ เปนคําส่ัง ผสู งั่ ลงโทษตอ งส่งั ลงโทษใหเ หมาะสมกับความ
ผดิ และมใิ หเ ปนไปโดยความพยาบาท โดยอคติ หรอื โดยโทสะจรติ หรือลงโทษผูทไี่ มม ีความผดิ ในคํา
สง่ั ลงโทษใหแ สดงวา ผูถกู ลงโทษไดก ระทําผดิ วินยั ในกรณใี ดตามขอใด

12

หมวด 5
การดําเนินการทางวินยั

_________________________

ขอ 50 การดาํ เนนิ การทางวนิ ยั แกล กู จางประจาํ ซ่ึงมีกรณีอนั มมี ลู วากระทาํ ผิดวินัย ใหส อบสวน
เพอ่ื ใหไ ดค วามจรงิ และยุติธรรมโดยไมชักชา

การดาํ เนนิ การตามวรรคหน่งึ ถา เปน กรณกี ลา วหาวากระทําผดิ วนิ ัยอยางไมร ายแรง ใหดําเนินการ
ตามวรรคหนง่ึ ถาเปนกรณีกลาวหาวา กระทาํ ผดิ วินยั อยา งรายแรง ใหแ ตงตั้งคณะกรรมการข้ึนทาํ การสอบ
สวน และในการสอบสวนนี้ตอ งแจง ขอ กลา วหาและสรปุ พยานหลักฐานทีส่ นบั สนุนขอ กลาวหาเทาทีม่ ีใหผ ู
ถกู กลา วหาทราบโดยจะระบุหรอื ไมระบุชอื่ พยานกไ็ ด ทัง้ นี้ เพือ่ ใหผ ถู ูกกลาวหาชีแ้ จงและนาํ สืบแกข อ
กลา วหา เมอื่ ดําเนนิ การแลว ถา ฟง ไดวาผูถูกกลา วหาไดก ระทําผิดวนิ ัยก็ใหด าํ เนนิ การตามขอ 51 หรือขอ
52 แลว แตก รณี ถายังฟงไมไ ดว า ผูถูกกลา วหากระทําผิดวินยั จงึ จะยุตเิ ร่ืองได

การแตง ต้งั คณะกรรมการสอบสวนตามวรรคสอง ใหผ มู ีอาํ นาจส่ังบรรจุตามขอ 13 เปน ผสู ง่ั แตง
ต้ัง

หลกั เกณฑแ ละวธิ ีการเกี่ยวกบั การสอบสวนพจิ ารณาเพื่อใหไดค วามจริงและยุตธิ รรม และอาํ นาจ
และหนาที่ของคณะกรรมการสอบสวนใหเปนไปตามท่ีกําหนดไวในกฎหมายวาดวยระเบียบขาราชการพล
เรือนโดยอนโุ ลม

ขอ 51 ลกู จา งประจําผูใดกระทาํ ผิดวนิ ัยอยา งไมรา ยแรง ใหผูบ ังคบั บญั ชาสงั่ ลงโทษภาคทัณฑ ตดั
คา จา ง หรอื ลดข้ันคา จางตามควรแกก รณใี หเ หมาะสมกบั ความผดิ ถามเี หตุอนั ควรลดหยอ นจะนาํ มา
ประกอบการพจิ ารณาลดโทษกไ็ ด แตส าํ หรับการลงโทษภาคทัณฑใ หใชเ ฉพาะกรณีกระทําผดิ วินัยเล็กนอย
หรอื มเี หตอุ นั ควรลดหยอนซึ่งยงั ไมถ ึงกบั จะตอ งถกู ลงโทษตดั คา จา ง ถา ผูบ ังคบั บญั ชาเหน็ วาผูนนั้ ควรจะ
ตอ งไดร ับโทษสงู กวา ทต่ี นมอี ํานาจสงั่ ลงโทษ ใหร ายงานตอผูบงั คับบญั ชาของผนู นั้ ท่มี อี ํานาจเพอื่ ให
พจิ ารณาดาํ เนินการเพื่อลงโทษตามควรแกกรณี

ในกรณกี ระทาํ ผดิ วินยั เลก็ นอ ยและมเี หตอุ ันควรงดโทษ จะงดโทษใหโดยวากลา วตักเตือน หรือให
ทาํ ทณั ฑบ นเปน หนังสือไวก อนกไ็ ด

การลงโทษตามขอน้ี ผบู งั คับบัญชาใดจะมีอาํ นาจสัง่ ลงโทษลูกจางประจําผูอยใู ตบ งั คบั บัญชาใน
สถานโทษและอัตราโทษใดไดเ พียงใด ใหเ ปนไปตามท่ีกระทรวงการคลงั กําหนด

ขอ 52 ลูกจางประจาํ ผูใ ดกระทําผิดวนิ ยั อยา งรา ยแรง ใหผ มู อี าํ นาจสั่งบรรจตุ ามขอ 13 สั่งลงโทษ
ปลดออกหรอื ไลอ อกตามความรา ยแรงแหง กรณี ในกรณที สี่ งั่ ลงโทษไลอ อก ถามีเหตอุ นั ควรลดหยอนจะ
นาํ มาประกอบการพจิ ารณาลดโทษก็ได แตหา มมใิ หล ดโทษตํ่ากวาปลดออก

13
ผถู กู สงั่ ลงโทษปลดออกตามวรรคหนึ่ง ใหม สี ทิ ธไิ ดรับบําเหนจ็ เสมอื นวาผนู น้ั ลาออกจากราชการ

ขอ 53 ลกู จา งประจาํ ผใู ดกระทาํ ผิดวินยั อยา งรา ยแรงและเปน กรณีความผิดท่ีปรากฏชัดแจง ตามท่ี
กาํ หนดในกฎหมายวาดว ยระเบียบขา ราชการพลเรอื นผูมอี ํานาจส่ังบรรจตุ ามขอ 13 จะดาํ เนนิ การตามขอ
52 โดยไมส อบสวนก็ได

ขอ 54 ลกู จางประจาํ ผูใดมีกรณถี กู กลาวหาวากระทําหรอื ละเวน กระทําการใดทีพ่ งึ เห็นไดว า เปน
ความผดิ วนิ ัยอยา งรา ยแรง และเปนการกลา วหาเปนหนังสือตอ ผูบ ังคับบัญชาของผนู ั้น หรือตอ ผูมีหนา ท่ี
สบื สวนสอบสวนหรือตรวจสอบตามกฎหมายหรือระเบยี บของทางราชการ หรอื เปนการกลา วหาเปน
หนงั สอื โดยผบู งั คบั บญั ชาของผูนน้ั หรอื กรณีถกู ฟอ งคดีอาญา หรอื ตองหาวากระทําความผดิ อาญาเวน แต
ความผิดท่ีไดกระทําโดยประมาทที่ไมเก่ียวกับราชการหรือความผิดลหุโทษแมภายหลังผูน้ันจะออกจากราช
การไปแลว เวนแตออกจากราชการเพราะตาย ผมู ีอาํ นาจสงั่ บรรจตุ ามขอ 13 มอี าํ นาจดําเนินการสืบสวน
หรอื พจิ ารณาตามขอ 50 และดาํ เนนิ การทางวินยั ตามทกี่ ําหนดไวใ นหมวดน้ีตอไปไดเ สมอื นวาผนู น้ั ยังมิได
ออกจากราชการ เวนแตก รณที ่ีผลการสอบสวนพิจารณาปรากฏวา ผนู ้นั กระทาํ ผิดวนิ ัยทจ่ี ะตองลงโทษ
ภาคทณั ฑ ตัดคา จาง หรือลดข้ันคาจา ง กใ็ หงดโทษเสยี ได

ขอ 55 ลูกจา งประจําผูใดมกี รณถี ูกกลา วหาวา กระทาํ ผดิ วินยั อยา งรา ยแรงจนถูกตงั้ คณะกรรมการ
สอบสวน หรือถกู ฟองคดอี าญา หรือตอ งหาวากระทําความผดิ อาญาเวน แตเ ปนความผดิ ท่ไี ดก ระทาํ โดน
ประมาทหรือความผดิ ลหโุ ทษ ผูม ีอาํ นาจสัง่ บรรจุตามขอ 13 มีอาํ นาจสง่ั พักราชการหรอื สั่งใหออกจากราช
การไวก อนเพือ่ รอฟงผลการสอบสวนพิจารณาได แตถา ภายหลังปรากฏผลการสอบสวนพจิ ารณาวา ผนู ้นั มิ
ไดก ระทาํ ผิดหรอื กระทําผดิ ไมถ ึงกบั จะตองถูกลงโทษปลดออกหรือไลอ อก และไมมีกรณีทจ่ี ะตอ งออกจาก
ราชการดว ยเหตุอืน่ กใ็ หผ มู อี ํานาจส่ังบรรจุตามขอ 13 สงั่ ใหผ ูนั้นกลบั เขารบั ราชการในตําแหนงเดิมหรอื
ตาํ แหนงที่ไมสงู กวา เดิมท่ีผูน ้นั มีคณุ สมบัตติ รงตามคุณสมบัตเิ ฉพาะสําหรบั ตําแหนง น้ัน

เมอ่ื ไดม กี ารสัง่ ใหลกู จางประจาํ ผใู ดพักราชการหรือออกจากราชการไวกอ นตามวรรคหนึ่งแลว ภาย
หลงั ปรากฏวา ผูน นั้ มีกรณีถกู กลา วหาวา กระทําผดิ วนิ ยั อยา งรายแรงในกรณอี ่ืนอีก ผูมีอาํ นาจส่งั บรรจุตามขอ
13 มอี าํ นาจดาํ เนนิ การสบื สวนหรือดาํ เนนิ การทางวินยั ตามท่ีกาํ หนดไวในระเบียบน้ี

ในกรณีท่ีสั่งใหผูถูกส่ังใหออกจากราชการไวกอนกลับเขารับราชการหรือส่ังใหผูถูกส่ังใหออกจาก
ราชการไวก อ นออกจากราชการดว ยเหตุอนื่ ที่มิใชเปนการลงโทษเพราะกระทาํ ผดิ วนิ ัยอยางรา ยแรง ก็ใหผู
น้ันมีสถานภาพเปนลูกจางประจําตลอดระยะเวลาระหวางท่ีถูกสั่งใหออกจากราชการไวกอนเสมือนวาผูน้ัน
เปน ผูถ กู สั่งพกั ราชการ

คา จา ง เงินอืน่ ทจี่ า ยเปน รายเดือนและเงนิ ชว ยเหลอื อยางอ่นื และการจายเงนิ ดังกลา วของผูถ ูกสั่งพกั
ราชการและผถู ูกส่งั ใหออกจากราชการไวก อ นใหเ ปนไปตามกฎหมายหรือระเบียบวา ดวยการนนั้ สําหรบั ผู

14
ถกู สง่ั ใหอ อกจากราชการไวกอ น ถา ไมม กี ฎหมายหรือระเบยี บดงั กลาว ใหถอื เสมือนวา ผนู ัน้ เปน ผถู กู ส่ังพัก
ราชการ

หลกั เกณฑแ ละวธิ ีการเก่ียวกับการส่งั พักราชการ การส่งั ใหออกจากราชการไวก อน ระยะเวลาให
พกั ราชการและใหอ อกจากราชการไวก อน และการดาํ เนนิ การเพอ่ื ใหเ ปน ไปตามผลการสอบสวนพิจารณา
ใหเ ปน ไปตามทีก่ ําหนดไวในกฎหมายวา ดว ยระเบยี บขาราชการพลเรอื นโดยอนโุ ลม

ขอ 56 การลงโทษลูกจา งประจําในสว นราชการทีม่ กี ฎหมาย ระเบียบหรือขอบงั คบั วา ดวยวินยั โดย
เฉพาะ จะลงโทษตามระเบยี บนี้ หรือลงทณั ฑ หรอื ลงโทษตามกฎหมาย หรือระเบียบ หรือขอ บังคับวา
ดว ยวนิ ยั นนั้ อยา งใดอยางหนง่ึ ตามควรแกก รณีและพฤตกิ ารณกไ็ ด แตถา เปน การกระทาํ ผดิ วนิ ัยอยา งรา ยแรง
ตามระเบยี บน้กี ใ็ หผ มู อี ํานาจส่ังบรรจตุ ามขอ 13 พิจารณาดําเนินการตามท่กี าํ หนดไวในระเบียบนี้

15

หมวด 6
การออกจากราชการ

_________________________

ขอ 57 ลกู จา งประจาํ ออกจากราชการ เม่ือ

(1) ตาย
(2) พน จากราชการตามระเบยี บกระทรวงการคลังวาดวยบาํ เหนจ็ ลูกจา ง
(3) ลาออกจากราชการและไดรับอนญุ าตใหล าออกหรอื การลาออกมผี ลตามขอ 58
(4) ถกู สั่งใหออกตามขอ 14 ขอ 21 ขอ 55 ขอ 59 ขอ 60 ขอ 61 ขอ 62 หรือขอ 63 หรือ
(5) ถกู สง่ั ลงโทษปลดออกหรือไลอ อก

วนั ออกจากราชการตาม (4) และ (5) ใหเ ปนไปตามกฎหมายวา ดว ยระเบียบขาราชการพลเรอื น
โดยอนุโลม

การตอ เวลาราชการใหลกู จางประจาํ ท่ีตองออกจากราชการตาม (2) รับราชการตอไปจะกระทํามไิ ด

ขอ 58 นอกจากกรณีตามวรรคหา ลกู จางประจาํ ผใู ดประสงคจ ะลาออกจากราชการ ใหย น่ื หนังสือ
ขอลาออกจากราชการตอผูบ ังคบั บัญชา โดยใหยน่ื ลวงหนา กอ นวันทจี่ ะขอลาออกจากราชการไมนอ ยกวา
สามสบิ วัน เพ่ือใหผูมีอาํ นาจสง่ั บรรจุตามขอ 13 เปน ผูพิจารณาอนุญาต

ในกรณมี เี หตผุ ลความจาํ เปนพิเศษ ผูบังคบั บัญชาจะอนุญาตใหลกู จา งประจาํ ซึ่งประสงคจะลาออก
จากราชการย่ืนหนังสือขอลาออกจากราชการลว งหนานอยกวา สามสบิ วนั ก็ได

ในกรณที ผ่ี มู อี ํานาจสั่งบรรจตุ ามขอ 13 พิจารณาเหน็ วา จําเปนเพื่อประโยชนแกราชการ จะยบั ยงั้
การอนญุ าตใหล าออกไวเ ปนเวลาไมเ กินเกาสิบวนั นับต้ังแตวันขอลาออกก็ได แตตอ งแจง การยับย้งั การ
อนญุ าตใหลาออกพรอ มทงั้ เหตผุ ลใหผขู อลาออกทราบ และเมอื่ ครบกาํ หนดเวลาท่ยี บั ยงั้ แลว ใหก ารลาออกมี
ผลตงั้ แตวนั ถดั จากวนั ครบกําหนดเวลาท่ยี ับย้ัง

ถา ผมู อี าํ นาจส่งั บรรจุตามขอ 13 ไมไ ดอนุญาตใหล าออกตามวรรคหนึง่ และไมไ ดย ับยัง้ การอนุญาต
ใหลาออกตามวรรคสอง ใหก ารลาออกน้ันมีผลตั้งแตว ันขอลาออก

ในกรณที ลี่ ูกจางประจาํ ผูใดประสงคจะลาออกจากราชการเพื่อดํารงตาํ แหนง ทางการเมอื ง หรอื เพอ่ื
สมคั รรับเลือกตง้ั เปน สมาชิกรฐั สภา สมาชิกสภาทอ งถ่นิ หรอื ผูบ ริหารทอ งถิ่น ใหย่นื หนงั สอื ขอลาออกตอผู
บงั คบั บัญชา และใหก ารลาออกมผี ลตัง้ แตวนั ที่ผูนั้นขอลาออก

หลกั เกณฑแ ละวธิ ีการเกี่ยวกับการลาออก การพิจารณาอนุญาตใหล าออกและการยบั ย้ังการอนุญาต
ใหล าออกจากราชการ ใหเปนไปตามทีก่ ําหนดไวในกฎหมายวา ดวยระเบยี บขา ราชการพลเรือนโดยอนุโลม

16
ขอ 59 เมอ่ื ลกู จางประจาํ ผูใดไปรบั ราชการทหารตามกฎหมายวาดวยการรับราชการทหาร ใหผมู ี
อาํ นาจส่งั บรรจตุ ามขอ 13 ส่งั ใหผ ูน้นั ออกจากราชการ

ลูกจางประจําผูใดถูกส่ังใหออกจากราชการตามวรรคหน่ึงและตอมาปรากฏวาผูน้ันมีกรณีท่ีจะตอง
ถกู สงั่ ใหอ อกจากราชการตามขออน่ื อยูก อนไปรับราชการทหารกใ็ หผ มู อี ํานาจสั่งบรรจตุ ามขอ 13 มอี ํานาจ
เปลยี่ นแปลงคําสง่ั ใหออกจากราชการตามวรรคหนึง่ เปนใหอ อกจากราชการตามขออ่ืนนนั้ ได

ขอ 60 ผมู ีอํานาจสั่งบรรจุตามขอ 13 มอี ํานาจส่ังใหล ูกจางประจาํ ออกจากราชการเพื่อรับบาํ เหน็จ
ตามระเบยี บกระทรวงการคลังวาดวยบาํ เหน็จลูกจา งไดและการสัง่ ใหอ อกจากราชการเพือ่ รบั บาํ เหน็จ นอก
จากใหท าํ ไดใ นกรณที ีก่ ําหนดไวในขออนื่ ของระเบียบ ใหทาํ ไดในกรณีใดกรณหี นึง่ ดังตอไปน้ีดวยคือ

(1) เมอื่ ลกู จางประจาํ ผูใดเจบ็ ปว ยไมอาจปฏิบัตหิ นา ที่ราชการของตนไดโ ดยสมา่ํ เสมอ ถา ผูมี
อาํ นาจสั่งบรรจุตามขอ 13 เหน็ สมควรใหออกจากราชการใหส ั่งผูนัน้ ออกจากราชการได

(2) เมอ่ื ลกู จา งประจาํ ผูใดขาดคุณสมบัติตามขอ 6 (1) (4) (5) (6) (9) หรือ (10) ใหผูมีอาํ นาจส่งั
บรรจตุ ามขอ 13 สง่ั ใหผ นู ัน้ ออกจากราชการได

(3) เมอ่ื ลกู จา งประจาํ ผใู ดมกี รณถี ูกกลา วหาหรอื มีเหตอุ ันควรสงสัยวา เปน ผูขาดคณุ สมบตั ทิ วั่ ไป
ตามขอ 6 (3) และผูมอี ํานาจส่งั บรรจุตามขอ 13 เหน็ วากรณีมีมลู ก็ใหส ัง่ แตงตั้งคณะกรรมการสอบสวน
โดยไมช กั ชา และใหนาํ ขอ 61 มาใชบ ังคบั โดยอนโุ ลม ในกรณที ่ีผมู ีอํานาจสั่งบรรจุตามขอ 13 เห็นวา ผู
นนั้ เปน ผูขาดคณุ สมบัตทิ ่ัวไปตามขอ 6 (3) ก็ใหสง่ั ใหผ ูน ้นั ออกจากราชการ

(4) เมอื่ ทางราชการเลกิ หรือยบุ ตําแหนง ใด ใหผ มู ีอาํ นาจสงั่ บรรจตุ ามขอ 13 สง่ั ใหล กู จางประจําผู
ดาํ รงตาํ แหนง นั้นออกจากราชการไดต ามหลกั เกณฑและวธิ ีการทก่ี ระทรวงการคลงั กาํ หนด หรอื

(5) เมอื่ ลกู จางประจําผูใดไมสามารถปฏิบัติราชการใหมปี ระสิทธิภาพและเกิดประสทิ ธผิ ลในระดับ
อนั เปนทพ่ี อใจของทางราชการได ใหผูมีอาํ นาจสั่งบรรจุตามขอ 13 สั่งใหผูน้นั ออกจากราชการ ท้ังนี้ ตาม
หลกั เกณฑแ ละวธิ กี ารตามทก่ี ําหนดไวใ นกฎหมายวา ดวยระเบยี บขา ราชการพลเรือนโดยอนุโลม

ขอ 61 เมอื่ ลูกจางประจาํ ผูใ ดมกี รณีถูกกลาวหาหรอื มีเหตุอนั ควรสงสยั วา หยอ นความสามารถใน
อนั ทจี่ ะปฏบิ ตั หิ นา ที่ของตน บกพรอ งในหนา ท่รี าชการ หรือประพฤติตนไมเหมาะสมกบั ตาํ แหนง หนา ที่
ราชการ และผูม อี ํานาจสง่ั บรรจตุ ามขอ 13 เห็นวา กรณีมีมูล ถา ใหผ นู น้ั ปฏิบัติราชการตอไปจะเปนการเสยี
หายแกร าชการ ก็ใหผ ูมีอาํ นาจสงั่ บรรจุตามขอ 13 แตง ตั้งคณะกรรมการสอบสวนโดยไมชกั ชา ในการ
สอบสวนนี้จะตองแจงขอกลาวหาและสรุปพยานหลักฐานท่ีสนับสนุนขอกลาวหาเทาท่ีมีใหผูถูกกลาวหา
ทราบ โดยจะระบุหรอื ไมร ะบชุ อ่ื พยานกไ็ ด และตอ งใหโ อกาสผถู ูกกลา วหาชี้แจงและนําสืบแกขอ กลา วหา
ไดด ว ย เมอ่ื ไดมกี ารสอบสวนแลว และผมู ีอํานาจสงั่ บรรจุตามขอ 13 พิจารณาเห็นวาสมควรใหออกจากราช
การ ก็ใหส ัง่ ใหผ นู นั้ ออกจากราชการเพ่ือรับบําเหน็จได

17
หลกั เกณฑ และวิธกี ารเก่ยี วกับการสอบสวนพิจารณา ใหเปนไปตามท่กี าํ หนดไวใ นกฎหมายวา
ดว ยระเบยี บขา ราชการพลเรอื นโดยอนุโลม
ในกรณีที่เปนกรณีที่ปรากฏชัดแจงตามท่ีกําหนดไวในกฎหมายวาดวยระเบียบขาราชการพลเรือน
จะดาํ เนนิ การตามวรรคหนึง่ โดยไมส อบสวนก็ได

ขอ 62 เมือ่ ลกู จางประจําผูใดมีกรณีถกู แตงตง้ั คณะกรรมการสอบสวนตามขอ 50 และคณะ
กรรมการสอบสวนเหน็ วากรณีมเี หตอุ ันควรสงสยั อยา งยง่ิ วาผนู นั้ ไดก ระทําผิดวนิ ยั อยางรายแรง แตการ
สอบสวนไมไดค วามแนชดั พอท่จี ะลงโทษไดต ามขอ 52 วรรคหนึ่ง แตมมี ลทนิ หรอื มวั หมองในกรณีทถ่ี กู
สอบสวนนน้ั ซง่ึ ถาใหป ฏบิ ัติราชการตอ ไปจะเปนการเสยี หายแกราชการ กใ็ หผ ูม ีอาํ นาจสั่งบรรจุตามขอ 13
สงั่ ใหผ นู นั้ ออกจากราชการเพอ่ื รับบาํ เหนจ็ ได

ขอ 63 เม่ือลกู จา งประจําผูใดตอ งรับโทษจาํ คกุ โดยคําส่ังศาล หรือตองรับโทษจาํ คุกโดยคํา
พพิ ากษาถงึ ทีส่ ุดใหจาํ คกุ ในความผดิ ทีไ่ ดกระทาํ โดยประมาทหรือความผดิ ลหโุ ทษ ซึง่ ยังไมถ ึงกบั จะตองถูก
ลงโทษปลดออกหรือไลออก ผูม ีอาํ นาจสัง่ บรรจตุ ามขอ 13 จะส่งั ใหผูน้นั ออกจากราชการเพื่อรับบําเหน็จก็
ได

หมวด 7
การอทุ ธรณ

_________________________

ขอ 64 ลกู จางประจําผูใ ดถกู ส่ังลงโทษตามระเบยี บน้ี ใหผูนน้ั มีสิทธอิ ทุ ธรณไดภ ายในสามสิบวัน
นบั แตว ันทราบคําส่งั

การอุทธรณและการพิจารณาอุทธรณใหเปนไปตามหลักเกณฑและวิธีการท่ีกระทรวงการคลัง
กาํ หนด

ในกรณที ่สี ัง่ ใหผ ูอทุ ธรณกลับเขาปฏบิ ตั ริ าชการ ใหนําขอ 55 มาใชบ งั คบั โดยอนโุ ลม

18

หมวด 8
การรอ งทุกข

_________________________

ขอ 65 ลกู จางประจาํ ผใู ดถูกสั่งใหอ อกจากราชการตามระเบียบน้ดี วยเหตุใด ๆ ใหผูน ้ันมีสทิ ธิรอง
ทกุ ขไ ดภายในสามสิบวนั นบั แตว นั ทราบคาํ สัง่

ขอ 66 ลกู จางประจําผใู ดเหน็ วาผูบังคบั บญั ชาใชอาํ นาจหนาท่ปี ฏิบตั ิตอ ตนโดยไมถกู ตองหรอื ไม
ปฏบิ ตั ติ อ ตนใหถ ูกตอ งตามกฎหมาย หรอื มีความคบั ของใจอนั เกดิ จากการปฏิบตั ขิ องผบู งั คบั บัญชาตอตน
ในกรณตี ามทกี่ าํ หนดไวในกฎหมายวาดวยระเบียบขาราชการพลเรือน ผูน น้ั อาจรอ งทกุ ขตอผูบังคับบญั ชา
เพอื่ ขอใหแ กไขหรือแกความคบั ของใจได ทัง้ น้ี เวน แตก รณีท่ีมีสทิ ธิอทุ ธรณต ามหมวด 7 ซงึ่ ตอ งใชสิทธิ
อทุ ธรณต ามท่ีกําหนดไวในหมวดน้นั

ขอ 67 การรอ งทุกขและการพิจารณาเรื่องรอ งทกุ ข ใหเ ปนไปตามหลักเกณฑและวธิ ีการท่ี
กระทรวงการคลงั กําหนด

บทเฉพาะกาล

_________________________

ขอ 68 ในระหวา งท่ยี งั มิไดก ําหนดหลกั เกณฑและวธิ กี ารเพอ่ื ปฏิบัติการตามระเบยี บนี้ ใหนําหลัก
เกณฑแ ละวธิ กี ารท่ีกําหนดไวแ ลว ตามระเบยี บกระทรวงการคลังวา ดว ยลูกจา งประจําของสวนราชการ พ.ศ.
2525 มาใชบงั คับโดยอนุโลม

ขอ 69 ลูกจางประจําผใู ดมีกรณกี ระทาํ ผิดวนิ ัยหรือกรณีทสี่ มควรใหออกจากราชการอยูกอนวันท่ี
ระเบยี บน้ใี ชบ ังคบั ใหผูบังคบั บญั ชาตามระเบียบนีม้ อี ํานาจสง่ั ลงโทษผนู ้นั หรือสั่งใหผ ูน ั้นออกจากราชการ
ตามระเบยี บกระทรวงการคลังวา ดวยลกู จางประจําของสว นราชการทีใ่ ชอยใู นขณะนัน้ สวนการสอบสวน
การพจิ ารณา และการดําเนนิ การเพอ่ื ลงโทษหรอื ใหออกจากราชการ ใหด าํ เนนิ การตามระเบียบนเี้ วน แต

(1) กรณที ผี่ บู งั คบั บัญชาไดส ัง่ ใหส อบสวนโดยถกู ตองตามระเบยี บท่ใี ชอยใู นขณะน้นั ไปแลว กอ น
วนั ทรี่ ะเบยี บนใี้ ชบ ังคบั และยงั สอบสวนไมเ สร็จ ใหสอบสวนตามระเบยี บนีต้ อ ไปจนกวา จะเสรจ็

(2)กรณีที่ไดมีการสอบสวนหรือพิจารณาโดยถูกตองตามระเบียบท่ีใชอยูในขณะนั้นเสร็จไปแลว
กอ นวนั ทรี่ ะเบียบน้ีใชบังคบั ใหการสอบสวนหรอื พิจารณานั้นเปนอันใชไ ด

19
ขอ 70 ลกู จา งประจําผใู ดถูกส่ังลงโทษตามระเบียบกระทรวงการคลังวา ดวยลูกจา งประจําของสว น
ราชการ พ.ศ. 2525 ใหผูน ั้นมีสทิ ธิอุทธรณไ ดตามขอ 64
ขอ 71 ลกู จางประจาํ ผูใดถูกสั่งใหอ อกจากราชการตามระเบยี บกระทรวงการคลังวา ดวยลูกจาง
ประจาํ ของสว นราชการ พ.ศ. 2525 กอ นวนั ที่ระเบยี บน้ีใชบ ังคับใหผูนัน้ มสี ทิ ธิรองทกุ ขไดตามขอ 65

ประกาศ ณ วนั ที่ 25 มนี าคม พ.ศ. 2537
(ลงนาม) ไตรรงค สุวรรณครี ี

(นายไตรรงค สุวรรณคีร)ี
รฐั มนตรีชวยวาการฯ ปฏิบัตริ าชการแทน

รฐั มนตรวี าการกระทรวงการคลงั

เผยแพรโ ดย… งานวนิ ยั และนติ ิการ กองการเจา หนาที่ สํานกั งานอธกิ ารบดี มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม


Click to View FlipBook Version