1
ภาคเรียนท่ี ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๕
นางสาวลดั ดา สนิทพจน์
ตาแหน่ง ครู
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย
โรงเรียนหนองกี่พิทยาคม
ตาบลทุ่งกระตาดพัฒนา อาเภอหนองก่ี จังหวดั บุรีรัมย์
สานกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศกึ ษา บุรีรัมย์
สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน
กระทรวงศึกษาธกิ าร
2
บันทึกขอ้ ความ
สว่ นราชการ โรงเรยี นหนองกี่พทิ ยาคม วันที่ 9 เมษายน ๒๕๖๕
ท่ี /๒๕๖๕
เรือ่ ง ส่งแผนพฒั นางานรายบคุ คล (ID Plan)
เรียน ผอู้ านวยการโรงเรยี นหนองกี่พทิ ยาคม
ส่ิงทส่ี ่งมาด้วย แผนพัฒนางานรายบุคคล (ID Plan) จานวน ๑ เล่ม
ตามท่ี โรงเรียนหนองกี่พิทยาคม มีนโยบายให้ครูผู้สอน จัดทาจัดทาแผนพฒั นางานรายบคุ คล
(ID Plan) เพ่ือใช้เปน็ แนวทางในการปฏบิ ตั ิงานแตล่ ะภาคเรียนนัน้
บดั น้ี ขา้ พเจา้ นางสาวลดั ดา สนิทพจน์ ตาแหน่ง ครู ไดจ้ ดั ทาแผนพฒั นางานรายบคุ คล
(ID Plan) ประจาภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565 เรียบรอ้ ยแลว้
จงึ เรียนมาเพื่อทราบและรับรองแผนพฒั นารายบคุ คล
ลงชือ่
(นางสาวลดั ดา สนทิ พจน์)
ตาแหน่ง ครู
ความคดิ เหน็ ของหัวหน้ากลุ่มสาระฯ ภาษาไทย
........................................................................................................................................................................
ลงช่อื .....................................................
(นางปนัดดา ยอดแกว้ )
ตาแหนง่ หวั หน้ากลุ่มสาระฯ ภาษาไทย
คิดเหน็ รองผอู้ านวยการโรงเรยี นฝ่ายบคุ คล
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอื่
(นางมนัญชยา แกกลู )
ตาแหนง่ รองผู้อานวยการโรงเรยี นหนองก่ีพิทยาคม
คิดเห็นผู้อานวยการโรงเรยี น
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอ่ื
(นายชาตรี อคั รสุขบตุ ร)
ตาแหนง่ ผูอ้ านวยการโรงเรียนหนองกี่พิทยาคม
3
บทนา
Individual Development Plan (ID Plan) คืออะไร
สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ได้ให้ความหมายของ Individual
Development Plan (IDPlan) หมายถึงการพัฒนาบุคลากรโดยยึดหลกั การประเมินสมรรถนะ
(Competency Based Approach) จะทาให้ผปู้ ฏิบัตงิ านสามารถรจู้ ุดเด่น จดุ ด้อยของความสามารถในการ
ปฏบิ ัตงิ านของตน และสามารถพฒั นาตนเองใหส้ อดคล้องกับความต้องการจาเป็นของหนว่ ยงาน และของ
ตนเองอยา่ งแทจ้ รงิ อีกท้งั จะทาใหก้ ารพัฒนาครดู าเนนิ ไปอยา่ งประหยดั และสอดคลอ้ งกับนโยบายของ
รัฐบาล
การพฒั นาครแู ละบุคลากรทางการศึกษามุ่งเน้นใหม้ ีสมรรถนะตามมาตรฐานตาแหน่ง และมาตรฐาน
วชิ าชพี ทงั้ สมรรถนะหลัก (Core Competency) สมรรถนะการปฏิบัติงานในหน้าที่ หรอื สมรรถนะประจา
สายงาน (Functional Competency) และสมรรถนะเฉพาะตามกลมุ่ สาระ
(Specificational Competency) ตามท่ี ก.ค.ศ.กาหนด โดยยึดหลกั การประเมินสมรรถนะ (Competency
Based Approach) เพราะจะทาใหผ้ ้ปู ฏบิ ตั งิ านสามารถรจู้ ุดเด่น จุดด้อยของความสามารถในการปฏิบตั งิ าน
ของตน และสามารถพฒั นาตนเองให้สอดคล้องกบั ความต้องการจาเป็นของตนเอง และหนว่ ยงาน
ระบบการพัฒนาครูและบคุ ลากรทางการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการในปจั จุบนั ไดม้ ุง่ เนน้ ให้ครู
และบคุ ลากรทางการศึกษา พัฒนาตนเองตามแนวทางดังกล่าว โดยเรม่ิ ตน้ จากการประเมนิ สมรรถนะ การ
จัดทาแผนพฒั นาตนเอง และดาเนนิ การพฒั นาตามแผนพัฒนาตนเองจนมสี มรรถนะตามความต้องการของ
หนว่ ยงาน เพ่อื ใหค้ รูและบุคลากรทางการศกึ ษาสามารถดาเนินการพัฒนาตนเองตามระบบการพัฒนาครแู ละ
บคุ ลากรทางการศึกษาได้อย่างถกู ต้องตามกระบวนการ สามารถพัฒนาสมรรถนะของตนเองเพมิ่ ขึ้น และสง่ ผล
ตอ่ ผเู้ รยี นทรี่ บั ผิดชอบ (สถาบันพฒั นาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา. 2551)
ประสทิ ธิภาพ ประสิทธผิ ลของงานขน้ึ อยกู่ ับคุณภาพของคนหรือบคุ คล ในการปฏบิ ัติงาน ถ้าบคุ คลใดเป็นบคุ คล
ที่มีคุณภาพหรือทางการ(วิชาการ)จะเรียกว่า มีสมรรถนะ (Competency) (ความสามารถของบุคคลในทุก ๆ
ด้านทง้ั ด้านความรู้ ความคดิ ความสามารถ ทกั ษะและคุณลักษณะ คุณธรรมทจ่ี าเป็นต่อการปฏิบตั ิงานใหบ้ รรลุ
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ) ท่ีสูง ย่อมส่งผลต่อคุณภาพของงานในหนา้ ที่ท่ีได้รับมอบหมาย ปัจจุบันในวงราชการก็
ได้นาสมรรถนะเป็นตัวช้ีวัดความสามารถของบคุ คล ซงึ่ สมรรถนะโดยทว่ั ไปจะแบ่งเป็น 2 สมรรถนะ คอื
สมรรถนะหลัก (Core Competency) หมายถึง สมรรถนะที่ทุกคนต้องมีหรือปฏิบั ติได้ เป็น
คุณลักษณะร่วมกันของบุคคลทุกตาแหน่ง ตัวอย่าง สมรรถนะหลักของครูและบุคลากรทางการศึกษา
ประกอบดว้ ย การมงุ่ ผลสมั ฤทธ์ิ การบริการท่ดี ี การพัฒนาตนเอง การทางานเป็นทีม
และสมรรถนะประจาสายงาน (Functional Competency) เป็นสมรรถนะท่ีกาหนดเฉพาะสาหรับแต่
ละตาแหน่ง เพอ่ื ให้บุคคลท่ดี ารงตาแหน่งนนั้ แสดงพฤติกรรมท่เี หมาะสมกับหน้าที่และสามารถปฏิบัติหน้าท่ีได้
ดียิ่งข้ึน ตัวอย่าง สมรรถนะประจาสายงานของครู ประกอบด้วย การจัดการเรียนรู้ การพัฒนาผู้เรียน การ
บริหารจัดการช้ันเรียน การวิเคราะห์ สังเคราะห์และการวิจัย การสร้างความร่วมมือกับชุมชน ตัวอย่าง
สมรรถนะหลกั ของบุคลากรทางการศกึ ษา ประกอบด้วย การวเิ คราะห์ สังเคราะห์และการวิจัย การสอ่ื สารและ
การจงู ใจ การพัฒนาศกั ยภาพบคุ คล การมวี สิ ัยทัศน์
สาหรับการพัฒนาบุคคลในอดีตท่ีผ่านมา เป็นการพัฒนาแบบเหมารวมหรอื ยกเข่ง หมายความว่า เมื่อ
เร่ืองใดที่หน่วยงานต้องการพัฒนา ก็จะพัฒนาแบบปูพรมคือพัฒนาทุกคนไม่รู้ว่ามีความรู้หรือไม่มี ต้องการ
หรือไม่ต้องการ เป็นปัญหาหรือไม่เป็นปัญหา แต่จะพัฒนาหมด ส่ิงท่ีเป็นปัญหาของการพัฒนารูปแบบนี้ก็คือ
ความไม่คมุ้ ค่า คือผู้เข้าร่วมพฒั นาจะสนใจเฉพาะบุคคลที่ตอ้ งการ อยากรู้ อยากทราบเท่านัน้ สาหรับกลุ่มคนท่ี
เหลอื เป็นกลุม่ บุคคลท่ีไม่ต้องการ ก็จะไม่ให้ความสาคญั ไมส่ นใจ ทาให้เป็นอปุ สรรคในการพฒั นา
4
ทางแก้ท่ีคิดว่าน่าจะเป็นไปได้ คือ การพัฒนาบุคคลตามแผนพัฒนาตนเองรายบุคคล (Individual
Development Plan: ID PLAN) โดยจะต้องผ่านกระบวนการประเมนิ สมรรถนะ ท่ีประกอบด้วย การประเมิน
ตนเอง ร่วมกับเพื่อนร่วมงานหรือผู้บังคับบัญชาร่วมประเมิน นาผลสรุปผล ว่าสมรรถนะใดท่ีจาเป็นต้องพัฒนา
และสมรรถนะใดที่ไม่จาเป็นต้องพัฒนา ต่อจากน้ันนามาจัดอันดับสมรรถนะที่จาเป็นต้องพัฒนา พร้อมให้
เหตผุ ลประกอบ วา่ การพัฒนาสมรรถนะดงั กล่าวจะสง่ ผลต่ออะไร ต่อใคร เช่น จะส่งผลต่อคุณภาพของนกั เรียน
หน่วยงาน ชุมชน วงการวิชาชีพ หรอื ตนเอง เป็นต้น หลักการจดั อนั ดับความสาคัญ สมรรถนะที่จาเป็นเร่งด่วน
ในการพฒั นาของครู คอื สง่ ผลตอ่ คุณภาพของนกั เรียนเปน็ หลัก สาหรับต่อตนเองควรเป็นอนั ดบั สุดท้าย
จากน้ันนาไปสู่การเขียนแผนพัฒนาตนเองรายบุคคล โดยให้นาเสนอรูปแบบ วิธีการพัฒนาในแต่ละ
สมรรถนะ หลาย ๆ รปู แบบเพอ่ื เปน็ ทางเลอื กในการพัฒนา พรอ้ มกับกาหนด ชว่ งระยะเวลาทจี่ ะพัฒนา(เร่ิมต้น
และส้นิ สุด) และหนว่ ยงานหรือองค์กรทจ่ี ะขอรบั การสนบั สนนุ ในการพัฒนา
ซ่ึงจะเห็นว่าการพัฒนา โดยใช้ ID-PLAN จะเป็นการพัฒนาท่ีสนองตอบความต้องการแต่ละบุคคล
สนองความสนใจในรูปแบบวิธีการพัฒนา ก็จะส่งผลต่อสมรรถนะในการปฏิบัติหน้าที่ที่มีประสิทธิภาพต่อไป
และจะเป็นการพัฒนาทตี่ อ่ เนือ่ งจนทาให้การปฏิบัติหน้าทีม่ ีความ
สมบรู ณ์ มีประสิทธิภาพและประสทิ ธผิ ล และเป็นข้าราชการที่ดตี ่อไป (ยนื ยง ราชวงษ์, 2551)
สารบัญ 5
ส่วนท่ี 1 - ข้อมูลส่วนตัว 1
ส่วนที่ 2 - ภารกจิ / บทบาทหนา้ ที่ 2
- งานทไี่ ดร้ ับมอบหมายเป็นพิเศษ 2
สว่ นท่ี 3
รายละเอยี ดการพัฒนาตนเอง 3
สมรรถนะหลัก 4
1.) การม่งุ ผลสมั ฤทธ์ิ 4
2.) การบรกิ ารที่ดี 5
3.) การพัฒนาตนเอง 6
4.) การทางานเป็นทีม
5.) จรยิ ธรรมและจรรยาบรรณวิชาชพี ครู 7
สมรรถนะสายงาน 9
6.) การจัดการเรยี นรู้ 10
7.) การพัฒนาผ้เู รยี น 11
8.) การบรหิ ารจดั การช้นั เรียน 12
9.) การวเิ คราะห์ สังเคราะห์และการวิจยั ในชน้ั เรียน 13
10.) ภาวะผู้นาครู 14
11.) การสรา้ งความร่วมมือกบั ชมุ ชน
ตารางสรปุ แผนพัฒนาตนเอง
1
แผนพัฒนางานรายบคุ คล
(ID Plan)
(Individual Development Plan : ID PLAN)
ของ นางสาวลัดดา สนทิ พจน์ โรงเรยี นหนองกพ่ี ทิ ยาคม
ภาคเรยี นที่ 1 ประจาปีการศกึ ษา 2565
************************************
สว่ นที่ 1 ขอ้ มลู สว่ นบคุ คล
ชอ่ื – สกลุ นางสาวลดั ดา สนทิ พจน์
เกิดวันท่ี 3 เดอื น ตุลาคม พ.ศ. 2512 ปจั จุบันอายุ 52 ปี
ทอ่ี ยตู่ ามทะเบียนบ้าน 43 หมู่ 5 ตาบลนา้ คา อาเภอสวุ รรณภูมิ จังหวัดร้อยเอด็
เบอร์โทรที่ติดต่อได้ 098-3765664
E - mail [email protected]
วันเดือนปีที่บรรจุรับราชการ 5 พฤษภาคม 2560 อายุราชการ 5 ปี
ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะ - ระดับเงินเดือน ระดบั ค.ศ. 1
ขัน้ 21,620 บาท ตาแหนง่ เลขที่ 104855
สังกัดกลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย
คณุ วุฒิทางการศึกษา
วฒุ ิปรญิ ญาตรี ศิลปศาสตรบัณฑิต(สารสนเทศศาสตร์) วิชาเอก สารสนเทศทว่ั ไป
จากสถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช
วฒุ สิ งู กว่าปรญิ ญาตรี ประกาศนียบัตรบัณฑิต
วิชาเอก วิชาชีพครู
จากสถาบนั การศกึ ษา มหาวิทยาลัยราชภัฏรอ้ ยเอ็ด
ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ - ตาแหนง่ เลขท่ี 104855
สถานศึกษา/หน่วยงาน โรงเรียนหนองกี่พิทยาคม
อาเภอ/เขต หนองกี่
สานักงานเขตพนื้ ที่การศึกษา มัธยมศกึ ษา บรุ รี มั ย์
ส่วนราชการ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน กระทรวง ศึกษาธกิ าร
2
1. ภารกจิ /บทบาทหนา้ ทีใ่ นปกี ารศึกษาปจั จุบนั (ภาคเรียนที่ 1/2565)
กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย
รายวิชาทส่ี อน :
ภาค รหสั วิชา ชือ่ วิชา จานวนช่วั โมง/ ชน้ั
สปั ดาห์
เรียน ม.1/2,1/4,1/5,1/9,1/10
5 x 3 = 15 ม.4/11
1 ท 21101 ภาษาไทย 1 1x2=2
ม.5/10
ท 30213 ภาษาไทย (เพ่ิมเตมิ ) – การเขียน 1 1 ม.1
1 ม.5/10
กิจกรรมชมุ นมุ ห้องสมุดสดุ หรรษา 1 ม.5/10
1 ม.5/10
กิจกรรมโฮมรูม 1
1
กจิ กรรมยุวกาชาด 23
กจิ กรรมหนา้ เสาธง
กจิ กรรมสวดมนต์
ส 30233 หน้าทพ่ี ลเมือง
รวม
2. งานท่ีไดร้ ับมอบหมายเป็นงานพเิ ศษ
2.1...บรรณารกั ษ์หอ้ งสมุดโรงเรยี นหนองกพ่ี ิทยาคม
2.2 ครูทป่ี รกึ ษาชัน้ ม.5/10 จานวนนักเรยี น 46 คน
2.3 ปฏิบตั หิ นา้ ท่ีเวรประจาวนั ศุกร์
2.4 ปฏบิ ตั หิ นา้ ทเ่ี วรรักษาการณ์วันหยดุ ราชการและวันนักขัตฤกษ์
ส่วนที่ 2 รายละเอียดการพัฒนาตนเอง
ท่ี สมรรถนะที่จะพฒั นา อนั ดบั วธิ ีการ / รปู แบบการพ
ความสาคญั
สมรรถนะหลัก 6 1. วิเคราะห์ภารกจิ งานเพ่ือวา
1 การม่งุ ผลสัมฤทธ์ิ การแกป้ ญั หาอย่างเปน็ ระ
1.1 ความสามารถในการวางแผน 2. กาหนดเป้าหมายในการจ
การปฏบิ ตั งิ าน การเรียนรู้ และการปฏบิ
1.2 ความมงุ่ มน่ั ในการปฏบิ ัตหิ นา้ ที่ 3. กาหนดขั้นตอนในการจัด
ใหม้ ีคุณภาพ และการปฏบิ ตั ิงานอยา่ ง
1.3 ความสามารถในการตดิ ตาม 1. มคี วามมงุ่ ม่นั ต้ังใจ ในก
ประเมนิ ผลการปฏบิ ัติงาน การเรียนรู้และการปฏบิ ัต
1.4 ความสามารถในการพฒั นา 2. แสวงหาความรู้ รเิ ร่ิมสรา้
การปฏิบตั งิ านให้มีคุณภาพ ในการพัฒนาการจัดการ
และการปฏบิ ัติงาน
1. ประเมนิ ผลการจัดการเร
และการปฏบิ ัตงิ านของต
1. ใชผ้ ลการประเมนิ มาปร
พฒั นาการทางานใหด้ ยี ิง่
2. พัฒนาการจดั การเรยี นร
และการปฏิบตั ิงานอ่ืน ๆ
เพ่ือตอบสนองความตอ้ ง
ของผเู้ รยี น ผปู้ กครอง แล
3
ระยะเวลาในการ
พัฒนา พฒั นา เป้าหมาย ประโยชนท์ ่ีคาดว่าจะได้รับ
เร่มิ ตน้ สิ้นสุด
างแผน ตลอด - นักเรียน - ครมู แี นวทาง และมเี ปา้ หมาย
ะบบ ตลอด ภาคเรยี น
จัด ภาคเรยี น มผี ลการเรียน ในการจดั การเรยี นรู้ /
บัติงาน
ดการเรยี นรู้ เฉลี่ยในรายวชิ า การปฏิบตั งิ านอย่างเป็น
งชัดเจน
การจัด ท่สี อนตงั้ แต่ ระบบ และชดั เจน
ติงาน
างสรรค์ 2.5 ขน้ึ ไป - ผเู้ รยี นให้ความสนใจ ตั้งใจ
รเรียนรู้
- นกั เรยี น มีความกระตือรือรน้
รยี นรู้
ตนเอง มีผลการเรยี น และมีความสุขในการเรียน
รบั ปรงุ /
งขึ้น 0, ร, มส. และ - ผู้เรยี นเกิดพฤติกรรมการเรียนรู้
รู้
ๆ มผ. ในรายวิชา ตามทีค่ าดหวงั
งการ
ละชุมชน ท่สี อน ไมเ่ กนิ - ผูเ้ รยี นมีผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น
รอ้ ยละ 3 ทด่ี ีขนึ้ มที ักษะในการปฏบิ ัติ
- ผลการปฏิบัติ กจิ กรรมตามศักยภาพ
งานพิเศษอืน่ ๆ ของแต่ละบุคคล
อยใู่ นระดบั ดี
ท่ี สมรรถนะท่ีจะพฒั นา อันดบั วิธกี าร / รปู แบบการพ
ความสาคัญ
2 การบรกิ ารที่ดี
2.1 ความตง้ั ใจและเต็มใจ 8
ในการใหบ้ รกิ าร 1. ให้บริการในดา้ นตา่ ง ๆ
แกน่ ักเรียน ครู และผ้ปู กค
2.2 การปรับปรุงระบบบริการให้มี ด้วยอธั ยาศยั ไมตรีอันดี
ประสทิ ธิภาพ 1. ประเมนิ ผลการให้บริการ
2. ปรบั ปรุงและแก้ไขปัญหา
3 การพฒั นาตนเอง ระบบบริการ และการให้บ
3.1 การศกึ ษาคน้ ควา้ หาความรู้ ทางการศึกษาอนื่ ๆ อยเู่ ส
ตดิ ตามองคค์ วามร้ใู หม่ ๆ
ทางวิชาการและวิชาชีพ 5 1. ศึกษาคน้ ควา้ หาความรู้ ม
และแสวงหาโอกาสพัฒน
3.2 การสร้างองค์ความรู้ ด้วยวธิ กี ารท่ีหลากหลาย
และนวัตกรรมในการพัฒนาองคก์ ร การเขา้ ร่วมประชมุ /สัมม
และวชิ าชพี การศกึ ษาดูงาน การค้นค
ด้วยตนเอง เปน็ ตน้
3.3 การแลกเปลยี่ นความคดิ เห็น
และสร้างเครือขา่ ย 1. รวบรวม สังเคราะห์ข้อมลู
จดั เปน็ หมวดหมู่ และปร
ให้ทนั สมัย
2. สรา้ งองค์ความรู้และนวตั
เพือ่ พัฒนาการจดั การเรีย
องคก์ ร และวชิ าชพี
1. แลกเปลีย่ นเรียนรู้กับผอู้
เพอื่ พัฒนาตนเอง และพ
4
ระยะเวลาในการ
พัฒนา พฒั นา เปา้ หมาย ประโยชน์ท่คี าดว่าจะได้รบั
เริม่ ตน้ สนิ้ สดุ
ครอง ตลอด ตลอด นักเรียน ครู เกิดผลดตี ่อนักเรียน
ภาคเรียน ภาคเรยี น และผปู้ กครอง เพ่ือนร่วมงาน และผู้ปกครอง
รของตนเอง มคี วามพึงพอใจ ในการใช้บรกิ าร
า ตลอด ตลอด ต่อการให้บรกิ าร
บรกิ าร ภาคเรยี น ภาคเรียน ในระดบั ดี ขนึ้ ไป ตนเองเปน็ ผู้มีคุณภาพ ได้รับ
สมอ การพฒั นาไปในทิศทางท่ีดขี ึน้
มุ่งมนั่ เขา้ รบั การอบรม สง่ ผลและเกิดประโยชน์
นาตนเอง สมั มนา หรือ ต่อผ้เู รียน โรงเรียน
ย เช่น ศึกษาหาความรู้
มนา ดว้ ยตนเอง
คว้า อยา่ งน้อย
ภาคเรียน
ล ความรู้ ละ 15 ชม.
รับปรุง
ตกรรม
ยนรู้
อื่น
พฒั นางาน
ท่ี สมรรถนะทจี่ ะพฒั นา อันดบั วิธีการ / รูปแบบการพ
ความสาคญั
4 การทางานเปน็ ทมี 7 1. จดั กัลยาณมิตรนิเทศกับ
4.1 การให้ความรว่ มมอื ช่วยเหลือ เครอื ข่ายอยา่ งสมา่ เสมอ
สนบั สนนุ เพ่ือนรว่ มงาน 2. สรา้ งสมั พันธภาพที่ดีในก
ร่วมกบั ผู้อนื่
3. ทางานรว่ มกบั ผู้อน่ื ตามบ
หน้าทที่ ไี่ ดร้ ับมอบหมาย
4. ช่วยเหลือ สนบั สนนุ เพอ่ื
เพ่ือสู่เป้าหมายความสาเ
4.2 การเสรมิ แรงให้กาลงั ใจ 1. ใหเ้ กยี รติ ยกย่องชมเชย
เพ่อื นร่วมงาน แกเ่ พ่อื นรว่ มงานในโอกา
ท่ีเหมาะสม
4.3 การปรบั ตวั เขา้ กับสถานการณ์ 1. ทางานร่วมกับบคุ คล/กล
และกลมุ่ คนที่หลากหลาย ทัง้ ภายในและภายนอกส
ได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ
4.4 การแสดงบทบาทผู้นาหรือผู้ตาม 1. เป็นผนู้ าหรือผตู้ าม
ในการทางานร่วมกับผู้อ่นื
ไดอ้ ย่างเหมาะสมตามโอ
4.5 การเขา้ ไปมีสว่ นร่วมกับผู้อน่ื 1. แลกเปลี่ยน/รบั ฟังความ
ในการพัฒนาการจดั การศกึ ษา และประสบการณ์ภายใน
ใหบ้ รรลุผลสาเรจ็ ตามเปา้ หมาย 2. รว่ มสร้างวฒั นธรรมการท
เปน็ ทมี ให้เกิดขนึ้ ในสถา
และเกดิ เป็นองค์กรแหง่ ก
5
พัฒนา ระยะเวลาในการ เปา้ หมาย ประโยชนท์ ่คี าดวา่ จะไดร้ ับ
พัฒนา
บครู เกดิ ความสามัคคีในหมคู่ ณะ
อ เริ่มตน้ สิน้ สุด สง่ ผลใหก้ ารดาเนนิ งานตา่ งๆ
การทางาน บรรลผุ ลสาเรจ็ ตลอดจนการมี
ตลอด ตลอด ความสขุ ในการปฏิบัติงาน
ภาคเรียน ภาคเรียน
บทบาท
อนรว่ มงาน
เรจ็ ร่วมกัน
ย ใหก้ าลังใจ
าส
ลุ่มบุคคล
สถานศกึ ษา
น
อกาส
มคิดเห็น
นทีมงาน
ทางาน
านศึกษา
การเรยี นรู้
ที่ สมรรถนะทจ่ี ะพฒั นา อนั ดบั วธิ ีการ / รปู แบบการพ
5 จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณ ความสาคญั
วิชาชพี ครู 10 1. ปฏบิ ตั ิตนตามบทบาทหน
5.1 ความรกั และศรัทธา ในวิชาชีพ เสยี สละ และอุทิศตนเพื่อ
ต่อวชิ าชพี
5.2 มวี นิ ัย และความรบั ผดิ ชอบ
ในวิชาชพี 2. ปกป้องเกยี รติและเปน็ ส
ขององคก์ รวิชาชพี
5.3 การดารงชีวิตอย่างเหมาะสม
3. ยกย่อง ชน่ื ชมบุคคลที่ปร
5.4 การประพฤตปิ ฏิบตั ติ น ความสาเรจ็ ในวชิ าชีพ
เปน็ แบบอยา่ งท่ดี ี
1. มวี ินยั มีความรบั ผดิ ชอบ
และตรงต่อเวลา
2. ปฏบิ ตั ติ นตามกฎ ระเบีย
ขอ้ บงั คบั และวัฒนธรรม
ขององค์กร
1. ดาเนินชีวิตตามหลักปรัช
ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
2. ปฏิบตั ติ นตามหลักคาสอ
ของศาสนา ยดึ ม่นั ในคุณ
จริยธรรม
1. เปน็ แบบอย่างท่ดี ี และส
ให้ปฏบิ ัตติ นตามหลักจรยิ
จรรยาบรรณวิชาชีพครู แ
จนเปน็ ทยี่ อมรบั
6
พัฒนา ระยะเวลาในการ เป้าหมาย ประโยชน์ทค่ี าดวา่ จะไดร้ บั
พัฒนา
นา้ ที่ - ปฏบิ ตั ิตน - การดาเนนิ ชวี ติ เปน็ ไป
อประโยชน์ เริ่มตน้ ส้นิ สดุ เป็นแบบอยา่ งทดี่ ี อย่างมีความสุข
ในดา้ น มนั่ คง และยงั่ ยืน
สมาชกิ ท่ดี ี ตลอด ตลอด การดารงชวี ติ - เปน็ แบบอยา่ งท่ีดใี หแ้ ก่
ภาคเรียน ภาคเรียน ตามหลักปรชั ญา นกั เรยี น ครู และชุมชน
ระสบ ของเศรษฐกิจ-
พอเพยี ง
บ ซ่ือสัตย์ ตามคาสอน
ของพอ่ หลวง
ยบ “สขุ ย่งิ ใหญ่
มที่ดี เร่มิ ต้นท่ี
ความพอเพยี ง”
ชญา - เขา้ รับการอบรม
เพอื่ พัฒนาด้าน
อน คุณธรรมจริยธรรม
ณธรรม หรือไปฝกึ จติ
นั่งสมาธิ ท่วี ดั
สง่ เสริมผ้อู ่นื อย่างน้อย
ยธรรม ภาคเรยี นละ
และพัฒนา 3 ครงั้
ท่ี สมรรถนะที่จะพฒั นา อนั ดบั วธิ กี าร / รปู แบบการ
สมรรถนะประจาสายงาน ความสาคญั
6 การจัดการเรียนรู้ 1
6.1 การสร้างและพฒั นาหลกั สูตร 1. พฒั นาหลกั สูตรกลุ่มสาร
6.2 ความรู้ ความสามารถใน ให้สอดคลอ้ งกบั หลกั สูตร
การออกแบบการเรยี นรู้ 1. ออกแบบกจิ กรรมการเร
อย่างหลากหลาย เหมาะ
6.3 การจัดกระบวนการเรยี นรู้ สอดคล้องกับวยั ความตอ้
ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ของผู้เรยี น และชุมชน
2. จัดทาแผนการจัดการเรยี
อยา่ งเป็นระบบ โดยบรู ณ
อย่างสอดคล้องเชอ่ื มโยง
1. นาแผนการจัดการเรยี นร
โดยจดั กระบวนการเรียน
ทีเ่ น้นผ้เู รยี นเปน็ สาคัญ
2. ใชร้ ูปแบบ/เทคนิควิธกี าร
หลากหลาย
3. วิเคราะห์ผูเ้ รยี น พร้อมท
จติ วทิ ยาในการจดั การเรยี
ใหผ้ เู้ รียนเรยี นรู้อยา่ งมีคว
และพฒั นาอย่างเต็มศกั ย
4. จัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีป
ส่งเสรมิ คุณลกั ษณะอนั พงึ
เชน่ การมวี นิ ัย การออม
7
ระยะเวลา
รพฒั นา ในการพฒั นา เป้าหมาย ประโยชน์ท่ีคาดว่าจะได้รบั
ระ เริ่มต้น สิ้นสดุ
รแกนกลาง
รยี นรู้ -จดั ทาหลกั สูตร
ะสม
องการ รายวชิ าทกุ รายวิชาที่
ยนรู้ มิ.ย.65 พ.ย.65 สอน ตนเองมีความสามารถ
ณาการ
งกัน - จัดทาแผน ในการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้
รู้ไปใช้
นรู้ การจัดการเรยี นรู้ โดยมคี วามรู้เรือ่ งการเขยี น
รสอนอย่าง ทกุ หนว่ ยการเรียน แผนการจดั ประสบการณ์
- จดั ทาแผนบูรณาการ การวดั ผลประเมนิ ผล
ทง้ั ใช้หลกั ตามหลกั ปรชั ญา ตลอดจนการผลติ ส่อื
ยนรู้ ของเศรษฐกจิ พอเพียง การใชส้ ่อื ประเภท ICT
วามสุข จานวน 1 แผน สง่ ผลต่อการจัดกจิ กรรม
ยภาพ - จดั ทาสอื่
ปลูกฝงั / ให้กับผูเ้ รยี นอย่างสงู สุด
งประสงค์ ตามโครงการ
เปน็ ต้น
การจดั การเรียนรู้
เพ่ือพัฒนาผู้เรียน
ในศตวรรษที่ 21
จานวน 2 หน่วย
- จัดสอนซ่อมเสริม
ไม่น้อยกวา่
ตลอด ตลอด 15 คร้ัง/ภาคเรยี น
ภาคเรียน ภาคเรียน - จดั โครงการ/
กิจกรรมเสริมทกั ษะ
ไมน่ ้อยกว่า
1 กจิ กรรม/ภาคเรยี น
ท่ี สมรรถนะทจ่ี ะพฒั นา อันดบั วิธกี าร / รูปแบบการ
ความสาคญั
6.4 การใชแ้ ละพัฒนานวัตกรรม
เทคโนโลยสี ารสนเทศ 1. ใชส้ อื่ นวัตกรรมและเทค
เพื่อการจัดการเรยี นรู้ อย่างหลากหลาย เหมาะ
เนื้อหาและกิจกรรมการเร
6.5 การวดั และประเมินผล เชน่ ชุดการเรยี น Power
การเรยี นรู้ เป็นต้น
1. ออกแบบวธิ ีการวดั และปร
อย่างหลากหลาย เหมาะส
เน้ือหา กิจกรรมการเรียนร
และผ้เู รียน
2. สร้างและนาเคร่ืองมือวัด
และประเมินผลไปใช้
อย่างถูกต้องเหมาะสม
3. วดั และประเมินผลผู้เรียน
ตามสภาพจรงิ
4. นาผลการประเมินการเร
มาใช้ในการพฒั นา
การจดั การเรยี นรู้
5. พัฒนาและสง่ เสริมนักเร
โดยการสอนซ่อมเสริม
และจัดกิจกรรมสง่ เสริม
เชน่ กิจกรรมส่งเสริมกา
รพฒั นา ระยะเวลา เป้าหมาย 8
ในการพฒั นา ประโยชน์ที่คาดวา่ จะไดร้ บั
คโนโลยี
ะสมกับ เร่ิมตน้ สน้ิ สุด
รยี นรู้ ตลอด ตลอด
point ภาคเรยี น ภาคเรยี น
ระเมนิ ผล
สมกับ
รู้
ด
น
รยี นรู้
รียน
มอื่น ๆ
ารอ่าน
ที่ สมรรถนะทจ่ี ะพฒั นา อันดบั วธิ กี าร / รูปแบบการ
ความสาคัญ
7 การพฒั นาผู้เรียน
7.1 การปลกู ฝังคุณธรรม จรยิ ธรรม 2 1. สอดแทรกคุณธรรม จรยิ
แกผ่ ้เู รยี น แก่ผเู้ รยี นในการจัดการเร
ในช้ันเรียน เช่น ความรบั
7.2 การพฒั นาทกั ษะชวี ิต ความมีวนิ ัย ความสามัคค
สขุ ภาพกาย
และสขุ ภาพจิตผเู้ รยี น 2. จดั โครงการ/กจิ กรรม ส่ง
คุณธรรม จริยธรรม โดย
7.3 การปลกู ฝังความเป็น มีสว่ นร่วมในการวางแผน
ประชาธิปไตย ความภูมใิ จ การสอนซอ่ มเสริมให้เพอ่ื
ในความเปน็ ไทยให้กบั ผเู้ รียน
3. จดั กิจกรรมเพ่ือพัฒนาผเู้
7.4 การจดั ระบบดูแลช่วยเหลอื ดา้ นการดแู ลตนเอง มีทัก
นักเรยี น ในการเรยี นรู้ การทางาน
และการอยรู่ ว่ มกันในสงั ค
อย่างมคี วามสขุ
1. สอดแทรกความเปน็ ประ
ความภูมใิ จในความเป็นไ
ให้แก่ผ้เู รยี น
1. ให้ผู้เรยี น ครูผสู้ อน และ
มสี ว่ นร่วมในดูแลช่วยเหล
2. นาขอ้ มลู นกั เรียนไปใชช้ ว่
พัฒนาผเู้ รยี นทั้งด้านการ
และปรับพฤติกรรมเป็นร
9
รพัฒนา ระยะเวลา เป้าหมาย ประโยชน์ท่ีคาดวา่ จะไดร้ ับ
ในการพัฒนา
เริ่มต้น ส้ินสุด
ยธรรม ตลอด ตลอด - เยี่ยมบา้ น นร. ผู้เรยี นมคี ุณธรรม จรยิ ธรรม
รียนรู้ ภาคเรยี น ภาคเรียน ในที่ปรึกษา และคุณลักษณะท่พี งึ ประสงค์
บผดิ ชอบ ใหค้ รบ มีทักษะชีวติ เป็นที่ยอมรับ
คี เป็นตน้ ร้อยละ 100 ของสงั คม
งเสริม - จดั ทาขอ้ มูล
ยใหผ้ ูเ้ รยี น ระบบดแู ล
น เช่น ชว่ ยเหลอื นร.
อน เปน็ ตน้ ใหส้ มบูรณ์
เรียน
กษะ
น
คม
ะชาธปิ ไตย
ไทย
ะผ้ปู กครอง
ลอื นกั เรียน
วยเหลือ/
รเรียนรู้
รายบคุ คล
ท่ี สมรรถนะทจ่ี ะพัฒนา อนั ดบั วธิ กี าร / รูปแบบการ
ความสาคัญ
8 การบรหิ ารจดั การชน้ั เรียน
8.1 จดั บรรยากาศที่สง่ เสรมิ 4
การเรียนรู้ มีความสุข 1. จัดบรรยากาศภายในและ
และมคี วามปลอดภยั แกผ่ เู้ รียน ช้ันเรยี นใหเ้ อ้ือตอ่ การเรยี
2. จดั ป้ายนเิ ทศเพื่อเป็นข้อ
8.2 จัดทาข้อมูลสารสนเทศ สาหรบั การเรยี นรู้
และเอกสารประจาชน้ั เรียน/ 3. ส่งเสรมิ การมปี ฏสิ มั พนั ธ
ประจาวชิ า ครกู ับผ้เู รียน และผูเ้ รียน
1. จดั ทาขอ้ มูลสารสนเทศข
8.3 กากับดูแลชนั้ เรยี นรายชั้น/ เป็นรายบคุ คลและเอกสา
รายวชิ า อยา่ งถูกต้อง ครบถ้วน เป
2. นาขอ้ มูลสารสนเทศไปใช
การพัฒนาผูเ้ รยี น
1. ใหผ้ ู้เรียนมสี ่วนร่วมในกา
กฎ กติกา ข้อตกลงในช้นั
2. แก้ปญั หา/พฒั นานักเรีย
ดา้ นระเบียบวินยั โดยกา
วนิ ยั เชงิ บวกในชั้นเรียน
3. ประเมนิ การกากบั ดูแลช
และนาผลการประเมินไป
ในการปรับปรุงและพัฒน
10
รพฒั นา ระยะเวลา เป้าหมาย ประโยชนท์ ค่ี าดว่าจะไดร้ บั
ในการพฒั นา
เริ่มต้น สนิ้ สดุ
ะภายนอก ตลอด ตลอด - จัดป้ายนเิ ทศ ห้องเรยี นมบี รรยากาศท่ีเอื้อต่อ
ยนรู้ ภาคเรยี น ภาคเรียน เพื่อให้ การเรียนรู้ ผู้เรียนมีความสุขใน
อมูล ขา่ วสาร ความรู้ การเรยี นรู้ ครูมีข้อมลู ต่าง ๆ
ดา้ น อย่างเป็นปัจจบุ ันท่สี ามารถเป็น
ธท์ ่ีดรี ะหวา่ ง ภาษาไทยฯ แบบอย่างได้
นกับผูเ้ รยี น อย่างน้อย
ของนกั เรยี น ภาคเรียนละ
ารประจาชั้น 2 ครงั้
ป็นปจั จบุ ัน
ช้ใน
ารกาหนด
นเรียน
ยน
ารสร้าง
ชนั้ เรยี น
ปใช้
นา
ท่ี สมรรถนะที่จะพฒั นา อนั ดบั วธิ กี าร / รูปแบบกา
9 การวิเคราะห์ สังเคราะห์ ความสาคัญ
และการวิจยั ในชั้นเรียน 3
9.1 ความสามารถในการวเิ คราะห์ 1. สารวจปัญหาเก่ยี วกบั นกั
ท่ีเกิดข้ึนในชัน้ เรยี น เพ่ือ
9.2 ความสามารถในการสังเคราะห์ การวิจัยในช้ันเรยี น
2. วิเคราะห์สาเหตขุ องปัญห
9.3 ความสามารถในการวจิ ัย นกั เรยี นทเ่ี กิดข้ึนในชั้นเร
เพอื่ พัฒนาผูเ้ รยี น เพือ่ กาหนดทางเลือกใน
1. รวบรวม จาแนก และจดั
ของสภาพปญั หาของผเู้ ร
แนวคดิ ทฤษฎีและวิธีการ
เพ่ือสะดวกต่อการนาไปใ
1. จดั ทาแผนการวิจยั และ
กระบวนการวิจัย อยา่ งเ
ตามแผนดาเนนิ การวจิ ัยท
2. ตรวจสอบความถูกต้อง
และความนา่ เช่ือถือของผ
อยา่ งเป็นระบบ
3. มีการนาผลการวจิ ัยไปประ
ในกรณศี ึกษาอ่นื ๆ ทม่ี บี ร
ทค่ี ลา้ ยคลงึ กัน
11
ารพัฒนา ระยะเวลาในการ เปา้ หมาย ประโยชน์ท่ีคาดว่าจะไดร้ บั
พัฒนา
เร่มิ ตน้ สิน้ สดุ
กเรียน ตลอด ตลอด - จัดทาวิจัย - ครมู ีความรคู้ วามสามารถ
อวางแผน ภาคเรียน ภาคเรียน ในชน้ั เรยี น ในการจัดทาวิจยั ในช้นั เรยี น
พรอ้ มรายงาน - ผเู้ รยี นได้รบั การแกป้ ัญหา
หาเก่ียวกบั ผลการวจิ ยั อย่างเปน็ ระบบ
รียน ไมน่ อ้ ยกว่า
นการแกป้ ญั หา 1 เร่ือง/
ดกลมุ่ ภาคเรยี น
รียน
รแกไ้ ขปัญหา
ใช้
ะดาเนนิ
เปน็ ระบบ
ที่กาหนดไว้
ผลการวจิ ัย
ระยกุ ตใ์ ช้
รบิ ทของปญั หา
ท่ี สมรรถนะที่จะพฒั นา อนั ดับ วธิ ีการ / รปู แบบการ
ความสาคญั
10 ภาวะผนู้ าครู 9
10.1 วฒุ ิภาวะความเปน็ ผู้ใหญ่ 1. พิจารณาทบทวน ประเมิน
ท่เี หมาะสมกับความเป็นครู เกย่ี วกบั พฤติกรรมท่ีแสดง
ตอ่ ผู้เรียนและผอู้ ่ืน
10.2 การสนทนาอย่างสร้างสรรค์ 2. ให้ความสาคัญในความคิด
ของผู้อ่ืน และให้เกยี รติแก
10.3 การเปน็ บคุ คล 1. มีปฏิสมั พันธ์ มบี ทบาท แ
แหง่ การเปลี่ยนแปลง ในการสนทนาอยา่ งสร้างส
โดยมุง่ เนน้ ไปทีก่ ารเรยี นร
10.4 การปฏบิ ตั ิงานอยา่ งไตร่ตรอง และการพฒั นาวชิ าชีพ
10.5 การมุ่งพัฒนาผลสัมฤทธิ์ผเู้ รียน 2. มีทกั ษะการฟัง การพูด แ
คาถาม เปดิ ใจกวา้ ง ยืดห
ทัศนะที่หลากหลายของผ
แนวทางใหม่ ๆ ในการปฏ
1. ริเริ่มการปฏบิ ตั ทิ นี่ าไปสู่กา
และการพฒั นานวัตกรรม
2. ปฏบิ ตั งิ านรว่ มกับผ้อู ื่นภา
ข้นั ตอนทเ่ี ปลย่ี นแปลงไปจ
1. พิจารณาไตร่ตรองความส
ระหว่างการเรยี นรู้ของนกั
และการจัดการเรยี นรู้
1. ปรบั ปรุงการปฏบิ ัติงานข
เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธ์ิของ
12
รพฒั นา ระยะเวลา เปา้ หมาย ประโยชนท์ ค่ี าดวา่ จะไดร้ บั
ในการพัฒนา
เรม่ิ ต้น สน้ิ สุด
นตนเอง ตลอด ตลอด - มวี ุฒภิ าวะความเปน็ ผใู้ หญ่
งออก ภาคเรียน ภาคเรยี น - มีความพร้อมทจ่ี ะรบั
การเปล่ยี นแปลง
ดเห็น
ก่ผ้อู ่ืน
และมีสว่ นรว่ ม
สรรคก์ บั ผู้อน่ื
รู้ของผู้เรยี น
และการตั้ง
ยนุ่ ยอมรับ
ผอู้ ื่น เพอ่ื เปน็
ฏิบตั ิงาน
ารเปลย่ี นแปลง
ม ICT
ายใต้ระบบ/
จากเดมิ ได้
สอดคลอ้ ง
กเรียน
ของตนเอง
งผู้เรยี น
ท่ี สมรรถนะทีจ่ ะพฒั นา อนั ดบั วิธีการ / รปู แบบกา
ความสาคัญ
11 การสร้างความรว่ มมือกับชุมชน 11 1. กาหนดแนวทางในการส
11.1 การสรา้ งความสัมพนั ธ์ ความสมั พันธท์ ่ดี ี และคว
และความรว่ มมือกับชุมชน กบั ชมุ ชน
เพ่อื การจัดการเรยี นรู้
2. ให้ความรว่ มมือในกิจกรร
11.2 การสรา้ งเครือข่ายความร่วมมือ ของชุมชน เชน่ กิจกรรม
เพอื่ การจัดการเรียนรู้ ต่าง ๆ เป็นตน้
3. จัดกิจกรรมทเ่ี สริมสร้างค
และความร่วมมือกับผูป้ ก
และชุมชน เชน่ การเยี่ยม
กิจกรรมนาความรู้สู่ชุมช
1. สรา้ งเครอื ขา่ ยความรว่ ม
ผ้ปู กครอง ชุมชน และอง
ท้งั ภาครัฐ และเอกชน เพ
สง่ เสริมการจัดการเรยี นร
13
ารพัฒนา ระยะเวลาในการ เป้าหมาย ประโยชน์ที่คาดวา่ จะได้รบั
พัฒนา
เริ่มต้น สนิ้ สุด
สร้าง ตลอด ตลอด - ร่วมกจิ กรรม - ชมุ ชนใหค้ วามร่วมมอื ใน
วามรว่ มมอื ภาคเรียน ภาคเรยี น วนั สาคญั กจิ กรรมต่าง ๆ ท่สี ถานศึกษา
กบั ชุมชนหรอื จดั ขน้ึ อย่างเต็มใจ
รมตา่ ง ๆ หน่วยงานอืน่ ๆ - ชมุ ชนมคี วามพึงพอใจ
มวนั สาคญั อยา่ งน้อย ในกจิ กรรมทีผ่ ู้เรียน
ภาคเรยี น และสถานศึกษาจัดขน้ึ
ความสมั พนั ธ์ ละ 1 ครั้ง
กครอง
มบ้าน
ชน เปน็ ต้น
มมือระหวา่ งครู
งค์กรอืน่ ๆ
พ่ือสนบั สนนุ
รู้
สว่ นท่ี 3 ตารางสรปุ แผนพฒั นาตนเอง
(สรปุ วธิ กี าร/รูปแบบการพฒั นา ทีม่ ีความจาเปน็ มากทส่ี ดุ ในส
อันดบั ท่ี สมรรถนะทจี่ ะพฒั นา วธิ กี าร / รูปแบบการพัฒนา
1 การจัดการเรียนรู้
1. อบรมการใชส้ ่ือ นวัตกรรม
2 การพัฒนาผู้เรยี น และเทคโนโลยี อยา่ งหลากหลาย
เชน่ จดั ทาส่อื ICT
จดั ทาส่ือตามโครงการการจดั การเรยี
เพ่อื พัฒนาผ้เู รยี นในศตวรรษที่ 21 เป็นต
2. อบรมการจดั การเรียนการสอนแบบ
Active Learning
3. วเิ คราะหผ์ เู้ รยี นรายบคุ คล
ในรายวิชาท่สี อน
4. ใชห้ ลักจติ วิทยาในการจัดการเรยี นรู้
ให้ผเู้ รยี นเรยี นรู้อยา่ งมีความสุข
และพัฒนาอย่างเต็มศกั ยภาพ
1. วางแผนจัดระบบดแู ลชว่ ยเหลอื
ผู้เรียนให้มีประสิทธภิ าพ เชน่
เยย่ี มบา้ นนกั เรียนในที่ปรึกษา
ใหค้ รบร้อยละ 100
2. จัดทาขอ้ มูล
ระบบดูแลชว่ ยเหลอื นกั เรียน
ใหเ้ สรจ็ สมบูรณ์
14
สมรรถนะท่ตี ้องการพัฒนา 3 อันดบั แรก)
ระยะเวลาในการพฒั นา ประโยชน์ทค่ี าดวา่ จะไดร้ ับ
เริ่มต้น สนิ้ สดุ
ม.ิ ย.65 พ.ย.65 - ครมู ีความรู้ ความสามารถ
ในการผลติ ส่ือ การใชส้ ่อื ประเภท ICT
สง่ ผลต่อการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
ยนรู้ ทีเ่ กดิ ประโยชน์ตอ่ ผเู้ รียน
ต้น - ครูรู้จักผเู้ รียนเป็นรายบุคคล
มิ.ย.65 พ.ย.65 และมีหลกั จิตวทิ ยาในการจัดการเรยี นรู้
การสง่ เสริม และพฒั นานักเรียน
ตลอด ตลอด ได้อยา่ งเต็มตามศกั ยภาพ
ภาคเรียน ภาคเรียน
ตลอด ตลอด
ภาคเรียน ภาคเรียน
ตลอด ตลอด - ครูรู้จักนักเรียนในทป่ี รึกษาเปน็ รายบคุ คล
ภาคเรยี น ภาคเรยี น พรอ้ มทั้งมีข้อมลู ในการชว่ ยเหลือ
สง่ เสรมิ และพฒั นานกั เรียน
มิ.ย.65 พ.ย.65 ได้อยา่ งเต็มตามศักยภาพ
อนั ดบั ท่ี สมรรถนะท่จี ะพฒั นา วิธกี าร / รปู แบบการพัฒนา
3 การวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ 1. วเิ คราะห์สาเหตุของปัญหาเกี่ยวกับ
และการวจิ ยั ในชนั้ เรยี น นักเรียนท่ีเกิดขน้ึ ในช้นั เรยี น
เพือ่ กาหนดทางเลือกในการแก้ปัญห
2. รวบรวม จาแนก และจดั กลมุ่
ของสภาพปญั หาของผเู้ รียน
แนวคดิ ทฤษฎแี ละวธิ กี ารแก้ไขปัญหา
เพือ่ สะดวกต่อการนาไปใช้
3. จดั ทาแผนการวิจยั และดาเนิน
กระบวนการวิจยั อย่างเปน็ ระบบ
ตามแผนดาเนินการวจิ ัยทีก่ าหนดไว้
พร้อมรายงานผล
15
ระยะเวลาในการพัฒนา ประโยชนท์ ่ีคาดว่าจะได้รบั
เรมิ่ ตน้ สน้ิ สดุ
ตลอด ตลอด - ครูมคี วามรู้ความสามารถในการจัดทา
ภาคเรียน ภาคเรยี น วิจัยในช้นั เรียน
หา - ผูเ้ รยี นไดร้ บั การแกป้ ัญหา
อยา่ งเป็นระบบ
า
............................................ ผจู้ ดั ทา
(นางสาวลดั ดา สนทิ พจน์)
9 พฤษภาคม 2565