The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ถอดบทประพันธ์-นิราศภูเขาทอง-2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

ถอดบทประพันธ์-นิราศภูเขาทอง-2

ถอดบทประพันธ์-นิราศภูเขาทอง-2

นิราศภูเขาทอง (ถอดบทประพันธ์)

๑. เดอื นสบิ เอด็ เสรจ็ ธรุ ะพระวสา

รับกฐินภิญโญโมทนา ชลุ ลี าลงเรอื เหลอื อาลยั

ออกจากวดั ทัศนาดอู าวาส เมอ่ื ตรุษสารทพระวสาไดอ้ าศัย

สามฤดอู ยู่ดีไม่มภี ัย มาจาไกลอารามเม่ือยามเย็น

โอ้อาวาสราชบุรณะพระวิหาร แต่น้ีนานนบั ทวิ าจะมาเห็น

เหลือราลึกนึกน่าน้าตากระเด็น เพราะขุกเขญ็ คนพาลมารานทาง

จะยกหยบิ ธบิ ดเี ป็นที่ตงั้ ก็ใชถ้ งั แทนสดั เหน็ ขดั ขวาง

จึงจาลาอาวาสนริ าศรา้ ง มาอา้ งวา้ งวญิ ญาณ์ในสาครฯ

(ถึงเดือน ๑๑ ซึ่งออกจากการจาพรรษาแล้ว เม่ือรับกฐินอย่างยินดีเสร็จแล้ว ก็ต้องลงเรือไปด้วย
ความเศรา้ โศก ออกจากวัดก็มองดวู ดั ที่เคยอาศยั เมอ่ื ปีทผี่ ่านมาได้อยู่อาศัย อีกท้ัง ๓ ฤดูทอี่ ย่มู าก็ไมม่ อี ะไร
มากวนใจ อกี ทั้งวดั ราชบุรณะพระวิหารน้คี งอีกนานกว่าจะไดม้ าเหน็ นกึ แล้วเศรา้ ใจย่ิงนกั ทั้งน้เี ป็นเพราะมี
คนพาลมารงั แกใส่ร้าย คดิ จะนาผู้ใหญ่คอยช่วยเหลือท่านก็ไม่มีความยตุ ิธรรม จึงต้องอาลาวดั ไปจนต้องมา
อ้างวา้ งอยกู่ ลางสายน้า

๒. ถึงหน้าวังดงั หนงึ่ ใจจะขาด คดิ ถงึ บาทบพิตรอดศิ ร

โอ้ผ่านเกล้าเจ้าประคณุ ของสุนทร แต่ปางกอ่ นเคยเฝ้าทุกเช้าเยน็

พระนพิ พานปานประหน่งึ ศรี ษะขาด ดว้ ยไรญ้ าตยิ ากแค้นถึงแสนเข็ญ

ทั้งโรคซา้ กรรมซดั วิบตั ิเปน็ ไม่เล็งเหน็ ทซ่ี งึ่ จะพง่ึ พา

จะสรา้ งพรตอุตสา่ ห์สง่ สว่ นบญุ ถวาย ประพฤติฝา่ ยสมถะทั้งวสา

เปน็ สิง่ ของฉลองคุณมลุ ิกา ขอเป็นข้าเคยี งพระบาททุกชาติไปฯ

(ถงึ หนา้ วงั ก็เศร้าโศกมาก คิดถงึ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลา้ นภาลยั ผู้ซ่งึ มีพระคุณกับสุนทรภู่
อย่างมาก เม่ือก่อนเคยเขา้ เฝา้ ท่านอย่างใกล้ชดิ และบ่อยครั้ง เม่ือพระองค์สวรรคตกเ็ หมือนกบั สุนทรภูต่ าย
ไปด้วยเพราะไม่มีญาติหรือคนคอย ช่วยเหลือชีวิตจึงยากแค้นแสนเข็ญ อีกทั้งมีโรคมีกรรมเข้ามารุมล้อม
ไม่เห็นใครท่ีจะพ่ึงพาได้ จึงได้บวชเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่รัชกาลที่ ๒ ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรม
ตลอดเวลา เพ่ือเป็นสิ่งทดแทนคุณพระองค์ แมเ้ กิดชาตใิ ดใดกข็ อใหเ้ ป็นขา้ รบั ใช้พระองคต์ ลอดไป)

๓. ถงึ หนา้ แพแลเหน็ เรือทนี่ ่ัง คดิ ถึงคร้ังก่อนมานา้ ตาไหล

เคยหมอบรับกับพระจมนื่ ไวย แล้วลงในเรือที่นั่งบลั ลงั กท์ อง

เคยทรงแต่งแปลงบทพจนารถ เคยรบั ราชโองการอา่ นฉลอง

จนกฐนิ ส้นิ แมน่ ้าแลลาคลอง มไิ ดข้ อ้ งเคืองขดั หทั ยา

เคยหมอบใกลไ้ ด้กลิ่นสคุ นธ์ตลบ ละอองอบรสรน่ื ชืน่ นาสา

สิ้นแผ่นดนิ สิ้นรสสุคนธา วาสนาเราก็สิน้ เหมอื นกล่นิ สุคนธฯ์

(เมื่อถึงหน้าแพก็เห็นเรือพระที่นั่ง คิดถึงเมื่อก่อนก็เศร้าจนน้าตาไหล เคยหมอบกราบรัชกาลที่ ๒
กับพระจมื่นไวย แล้วก็ลงไปในเรือบัลลังก์ทอง เคยแต่งแปลงบทความ เคยรับราชโองการอ่านในงานฉลอง
จนเรือท่ีมาทอดกฐินหมดแล้วก็ยังมิได้ทาให้พระองค์ขัดใจแต่อย่างใดเคยหมอบ กราบใกล้จนได้กล่ินหอม
จากพระวรกาย กล่ินหอมนั้นหอมจนตดิ จมกู แตเ่ มื่อพระองคส์ วรรคตก็สนิ้ กลิน่ หอมไปดว้ ย อีกทง้ั ยงั เหมือน
วาสนาของสุนทรภ่กู ส็ น้ิ ตามกลิน่ ไปด้วย)

๔. ดใู นวงั ยังเหน็ หอพระอัฐิ ตง้ั สตเิ ติมถวายฝา่ ยกศุ ล

ทง้ั ปิ่นเกลา้ เจ้าพิภพจบสากล ให้ผอ่ งพน้ ภยั สาราญผา่ นบรุ นิ ทร์

(มองไปในวังยังเห็นหอท่ีเก็บพระอัฐิของรัชกาลที่ ๒ ก็ตั้งสติถวายส่วยบุญสวยกุศล ท้ังส่งส่วน
กุศลไปใหร้ ัชกาลท่ี ๓ ให้พน้ ภยั ในการปกครองบ้านเมือง)

๕. ถงึ อารามนามวดั ประโคนปกั ไมเ่ ห็นหลักลอื เล่าวา่ เสาหนิ

เป็นสาคญั ปันแดนในแผ่นดิน มริ ูส้ ิ้นสดุ ช่ือทล่ี อื ชา

ขอเดชะพระพุทธคุณชว่ ย แม้นมอดม้วยกลบั ชาตวิ าสนา

อายุยนื หมน่ื เท่าเสาศิลา อยู่คฟู่ า้ ดินไดด้ งั ใจปอง

ไปพ้นวดั ทศั นารมิ ท่าน้า แพประจาจอดรายเขาขายของ

มีแพรผ้าสารพัดสีม่วงตอง ทั้งสิ่งของขาวเหลอื งเครือ่ งสาเภาฯ

(ถึงวดั ประโคนปักก็มองไปไม่เห็นเสาหินที่ลือกนั เปน็ เสาที่สาคัญในแผ่นดิน ถึงจะไม่เห็นก็ขอเดชะ
พระพุทธคุณช่วย ขอให้อายุยืนหม่ืน ๆ ปีเท่าดังเสาศิลา อยู่คู่ฟ้าดินได้ตลอดไป พอเรือล่องเลยวัดก็มองดู
ริมทา่ น้า มแี พมาจอดขายของอยเู่ รียงราย มีขายทงั้ ผ้าแพรสมี ่วงและสอี ่ืนๆ ทงั้ สงิ่ ของทีมาจากเมืองจนี )

๖. ถงึ โรงเหล้าเตากลนั่ ควันโขมง มีคันโพงผูกสายไวป้ ลายเสา

โอบ้ าปกรรมนา้ นรกเจยี วอกเรา ใหม้ วั เมาเหมอื นหนงึ่ บา้ เปน็ น่าอาย

ทาบญุ บวชกรวดนา้ ขอสาเร็จ พระสรรเพชญโพธิญาณประมาณหมาย

ถึงสุราพารอดไม่วอดวาย ไมใ่ กลก้ รายแกล้งเมินก็เกินไป

ไม่เมาเหลา้ แล้วแตเ่ รายงั เมารกั สดุ จะหกั หา้ มจิตคดิ ไฉน

ถงึ เมาเหล้าเช้าสายกห็ ายไป แต่เมาใจน้ปี ระจาทุกคา่ คนื ฯ

(ถึงโรงเหล้าก็มีควันออกมาจากเตากลั่นมากมาย มีเครื่องตักน้าผูกไว้ปลายเสา สุนทรภู่เคยด่ืมน้า
เหล้าจนเมาเหมือนคนบ้า จึงได้บวชเพ่ือจะได้พ้นจากอบายมุข ขอให้ได้ตรัสรู้ดังพระพุทธเจ้า แต่เหล้าเคย
ทาใหร้ อดชีวติ ดงั นน้ั จะเมินไปก็เกินไป ถึงจะไม่เมาเหลา้ แต่ยงั เมารักอยู่ หักหา้ มจติ ใจไม่ให้รักไมไ่ ด้ การเมา
เหล้านน้ั พอรงุ่ ข้นึ ก็หายไป แต่การเมารักนี้จะเป็นทกุ ๆ คนื )

๗. ถงึ บางจากจากวัดพลัดพ่นี ้อง มามัวหมองม้วนหนา้ ไมฝ่ า่ ฝนื

เพราะรักใครใ่ จจืดไม่ยืดยืน จึงต้องขืนในพรากมาจากเมือง

ขอเดชะอานุภาพพระทศพล ใหผ้ อ่ งพ้นภยั พาลสาราญกายฯ

(ถงึ บางจากไม่อยากได้ยนิ คาว่าจาก เพราะสุนทรภูจ่ ากหลายๆอย่างมา ต้องมใี จมัวหมองเพราะรัก
นนั้ ไมย่ นื ยาว จึงตอ้ งจากเมอื งพรากมา)

๘. ถงึ บางพลคู ดิ ถงึ คเู่ มอ่ื อยูค่ รอง เคยใสซ่ องส่งใหล้ ้วนใบเหลอื ง

ถงึ บางพลดั เหมือนพ่ีพลัดมาขดั เคอื ง ท้ังพลัดเมืองพลดั สมรมารอ้ นรน

(ถึงบางพลูคิดถึงนางจันเมื่อแต่งงานกัน เคยส่งหมากพลูโดยใส่ซองให้ทั้งหมดเป็นใบเหลืองซึ่ง
อร่อยมาก ถึงบางพลัดก็ไม่อยากได้ยินคาว่าพลัดเพราะได้พลัดจากนางจัน ทั้งยังพลัดจากเมืองอย่างร้อน
รน)

๙. ถงึ บางโพธ์ิโอพ้ ระศรีมหาโพธ์ิ รม่ นโิ รธรุกขมูลใหพ้ ูนผล

ขอเดชะอานุภาพพระทศพล ให้ผ่องพ้นภัยพาลสาราญกายฯ

(ถึงบางโพก็คิดถึงต้นโพธิ์ ให้ร่มเงา ให้ความร่มเย็นทั้งยังทาให้โคนต้นไม้งอกงามได้ ขอเดชะของ
พระพทุ ธเจ้า ให้พ้นภัยพาลตลอดไป)

๑๐. ถงึ บา้ นญวนล้วนแต่โรงแลสะพรัง่ มขี ้องขงั ก้งุ ปลาไวค้ ้าขาย

ตรงหน้าโรงโพงพางเขาวางราย พวกหญิงชายพรอ้ มเพรียงมาเมียงมอง

จะเหลยี วกลับลบั เขตประเทศสถาน ทรมานหมน่ ไหมฤ้ ทัยหมอง

ถงึ เขมาอารามอรา่ มทอง พึ่งฉลองเลกิ งานเมื่อวานซืน ฯ

(ถึงบ้านญวนเห็นมีโรงแลมากมาย มีคนค้าขายของเช่นกุ้งหรือปลาโดยการขังไว้ในข้อง ข้างหน้า
โรงวางท่ีสาหรับดักปลาวางเรียงไว้ มีท้ังผู้หญิงและผู้ชายมาจับจ่ายซ้ือของ จะมองกลับไปยังประเทศบ้าน
เกดิ กท็ รมาน

เหมือนโดนไฟไหม้ จติ ใจกห็ ม่นหมอง ล่องเรอื มาจนถึงวดั เขมา กร็ วู้ ่าพง่ึ เลิกงานฉลองไปเม่อื วานชน่ื )

๑๑. โอป้ างหลงั ครัง้ สมเดจ็ พระบรมโกศ มาผูกโบสถก์ ไ็ ดม้ าบูชาชื่น

ชมพระพิมพร์ ิมผนงั ยังยง่ั ยนื ทง้ั แปดหม่ืนสี่พันได้วนั ทา

โอ้ครงั้ นีม้ ไิ ด้เห็นเล่นฉลอง เพราะตัวตอ้ งตกประดาษวาสนา

เป็นบญุ น้อยพลอยนึกโมทนา พอนาวาติดชลเข้าวนเวยี น

ดนู า้ วิง่ กลง้ิ เช่ียวเปน็ เกลยี วกลอก กลบั กระฉอกฉาดฉนั ฉวัดเฉวียน

บ้างพลุ่งพลงุ่ วงุ้ วงเหมอื นกงเกวียน ดูเปล่ียนเปล่ียนคว้างคว้างเป็นหว่าง
วน

ทั้งหวั ทา้ ยกรายแจวกระชากจ้วง ครรไลล่วงเลยทางมากลางหน

โอเ้ รอื พน้ วนมาในสายชล ใจยังวนหวงั สวาทไม่คลาดคลาฯ

(คิดถึงเมื่อก่อนซึ่งรัชกาลที่ ๒ ได้มาตัดหวายลูกนิมิต ได้ชมพระพิมพ์ทั้ง ๘๔,๐๐๐ องค์ซ่ึงเท่ากับ
จานวนพระธรรมท่ีอยู่ในพระไตรปิฎกที่อยู่ริมผนัง แต่ครั้งนี้ไม่ได้เห็นการเล่นฉลองเพราะสุนทรภู่ต้องหมด
วาสนาและลาบาก เปน็ เพราะบุญน้อยก็นกึ เศรา้ แต่แลว้ เรือก็ติดนา้ วน มองเห็นน้าว่งิ เช่ียวหมุนเปน็ เกลียว
พุ่งไปมาตัดกัน บางส่วนก็พุ่งวนเหมือนกงเกวียน ดูเวียนๆเป็นเหมือนพายุวน ทั้งหัวท้ายเรือได้รับแจวเรือ
ดังนัน้ เรือจึงหลดุ นา้ วนออกมาได้ แตถ่ ึงเรอื จะพ้นน้าวนมาแลว้ แต่ใจกย็ ังไมพ่ น้ จากความรัก)

๑๒. ตลาดแก้วแลว้ ไมเ่ หน็ ตลาดตง้ั สองฟากฝง่ั ก็แตล่ ้วนสวนพฤกษา

โอร้ ินรินกล่ินดอกไมใ้ กล้คงคา เหมอื นกลิ่นผา้ แพรดาร่ามะเกลือ

เหน็ โศกใหญ่ใกล้นา้ ระกาแฝง ท้ังรักแซงแซมสวาทประหลาดเหลือ

เหมือนโศกพี่ท่ีระกาก็ซ้าเจือ เพราะรักเร้อื แรมสวาทมาคลาดคลาย

(ถึงตลาดแก้วแต่ไม่เห็นมีตลาดต้ังขายของท้ังสองฝ่ังเห็นแต่ต้นไม้พืชพันธ์ุ ต่าง ๆ ได้กลิ่นดอกไม้
หอมไปเรื่อย ๆ ตลอดทางและกลิ่นเหมือนผา้ แพรที่ยอ้ มด้วยมะเกลือ เห็นต้นโศกใหญ่และตน้ ระกาเป็นแผง
แต่แปลกท่ีมีต้นรักขน้ึ แซมอย่ดู ้วย เหมอื นความโศกเศร้าระกาใจที่สุนทรภู่ตอ้ งเป็นเพราะรักแม่จัน)

๑๓. ถงึ แขวงนนทช์ ลมารคตลาดขวัญ มีพ่วงแพแพรพรรณเขาคา้ ขาย

ทง้ั ของสวนล้วนแต่เรอื เรียงราย พวกหญิงชายชุมกันทกุ วนั คืนฯ

(ถึงจังหวัดนนทบุรีก็เห็นมีตลาดน้า มีแพอยู่ซ่ึงขายเสื้อผ้าเคร่ืองนุ่งห่ม มีท้ังเรือจอดอยู่เพ่ือขาย
ผลไมจ้ ากสวนแท้ มที ้งั ผูห้ ญงิ ผ้ชู ายมาประชุมซ้ือของกันทกุ วันทุกคืน)

๑๔. มาถึงบางธรณีทวีโศก ยามวโิ ยคยากใจใหส้ ะอน้ื

โอส้ ธุ าหนาแน่นเปน็ แผ่นพืน้ ถึงสหี่ ม่ืนสองแสนทัง้ แดนไตร

เมอื่ เคราะหร์ า้ ยกายเราก็เท่านี้ ไมม่ ที พี่ สุธาจะอาศัย

ลว้ นหนามเหน็บเจบ็ แสบคบั แคบใจ เหมอื นนกไรร้ งั เรอ่ ยเู่ อกา ฯ

(มาถึงหมู่บ้านบางธรณีก็โศกเศร้ามากขึ้นมาก เพราะตอนลาบากพาให้ใจสะอื้นมาก ทั้งท่ีแผ่นดิน
หนาขนาดสองแสนส่ีหม่ืนโยชน์แต่เม่ือถึงคราวลาบากแม้แต่แผ่น ดนิ ก็ไม่มีท่ีอาศยั เหมือนโดนหนามเสียด
แทงเจบ็ แสบมาก เหมือนกบั นกไมม่ รี งั ทจี่ ะอาศัยต้องเร่ร่อนไปเรือ่ ย ๆ )

๑๕. ถึงเกรด็ ย่านบ้านมอญแต่กอ่ นเกา่ ผหู้ ญงิ เกลา้ มวยงามตามภาษา

เด๋ียวน้ีมอญถอนไรจกุ เหมือนตุ๊กตา ทง้ั ผดั หนา้ จับเขม่าเหมอื นชาวไทย

โอส้ ามัญผนั แปรไม่แทเ้ ทย่ี ง เหมอื นอย่างเย่ียงชายหญิงท้ิงวิสยั

นหี่ รือจติ คิดหมายมหี ลายใจ ทจี่ ติ ใครจะเป็นหนง่ึ อยา่ พงึ คดิ ฯ

(ถึงตาบลปากเกร็ดซึ่งเป็นบริเวณที่ชาวมอญอพยพมา ตามธรรมเนียมผู้หญิงมอญจะเกล้าผม แต่
สมยั น้ีผู้หญิงมอญมาถอนไรผมเหมือนตุ๊กตา ทงั้ ยังใช้เครื่องสาอาง ใช้แป้งผดั หนา้ ซ่ึงเหมือนกับชาวไทย ทา
ให้เห็นได้ว่าสมัยน้ีทุกส่ิงทุกอย่างไม่มีความเท่ียงแท้ เหมือนดังที่ชาวมอญละท้ิงประเพณีวัฒนธรรมของ
ตนเองแลว้ จะนับประสาอะไรกบั จิต ใจของคน ซ่ึงไมม่ ีใครมีใจเดยี วแต่มหี ลายใจ)

๑๖. ถงึ บางพดู พูดดีเปน็ ศรศี กั ด์ิ มีคนรักรสถ้อยอรอ่ ยจิต

แมน้ พูดชัว่ ตวั ตายทาลายมิตร จะชอบผิดในมนุษยเ์ พราะพดู จาฯ

(ถึงหมู่บ้านบางพูดสุนทรภู่ก็นึกถึงคาว่าพูด ดังว่า ถ้าใครพูดดีก็จะมีคนรัก แต่ถ้าพูดไม่ดีก็อาจจะ
เป็นภัยต่อตนเองได้อีกทงั้ ยงั ไมม่ ใี ครคบ ไมม่ เี พื่อนสนทิ มติ รสหาย ทั้งการจะดวู า่ ใครดีไม่ดดี ูได้จากการพดู )

๑๗. ถงึ บ้านใหม่ใจจิตก็คดิ อ่าน จะหาบ้านใหมม่ าดเหมอื นปรารถนา

ขอให้สมคะเนเถดิ เทวา จะได้ผาสุกสวสั ดิ์จากัดภัย

(ถึงหมู่บ้านบ้านใหม่สุนทรภู่ก็คิดอยากจะได้บ้านซักหลังตามที่ต้องการโดยขอ กับเทวดาให้สมดัง
ปรารถนา เพราะ การมีบ้านใหมจ่ ะได้มีความสขุ และมที อ่ี าศัยอยา่ งปลอดภัย)

๑๘. ถงึ บางเดื่อโอ้มะเดือ่ เหลือประหลาด บังเกิดชาตแิ มลงหวม่ี ีในไส้

เหมือนคนพาลหวานนอกย่อมขมใน อุปไมยเหมอื นมะเดอื่ เหลอื ระอา

(ถึงหมู่บา้ นบางเด่ือก็คิดถึงลูกมะเด่ือทภี่ ายนอกนนั้ ดสู วยงามน่ารับประทาน แต่ภายในกลับมแี มลง
มหี นอนชอนไชอยู่ เหมือนกบั คนพาลทีป่ ากพดู ดีแต่ในใจคิดทาอันตราย)

๑๙. ถงึ บางหลวงเชิงรากเหมือนจากรกั สเู้ สียศักดิ์สงั วาสพระศาสนา

เปน็ ลว่ งพ้นรนราคราคา ถงึ นางฟ้าจะมาให้ไม่ไยดีฯ

(ถงึ บางหลวงเหมือนจากนางจันมานานแลว้ เราตอ้ งสละจากยศถาบรรดาศักดิเ์ พ่ือมาบวช เพื่อจะ
ไดพ้ ้นจากกเิ ลสทง้ั หลายทงั้ ปวง ถึงจะมีนางฟา้ มายวั่ ก็ไมส่ นใจ)

๒๐. ถงึ สามโคกโศกถวลิ ถงึ ปิ่นเกลา้ พระพทุ ธเจ้าหลวงบารงุ ซึ่งกรงุ ศรี

ประทานนามสามโคกเป็นเมอื งตรี ชือ่ ปทุมธานเี พราะมบี วั

โอ้พระคุณสญู ลับไมก่ ลับหลงั แต่ช่อื ตงั้ กย็ ังอยเู่ ขารทู้ ั่ว

โอเ้ รานท้ี ่สี นุ ทรประทานตวั ไมร่ อดช่วั เชน่ สามโคกยง่ิ โศกใจ

สิน้ แผ่นดนิ ส้นิ นามตามเสดจ็ ต้องเทย่ี วเตรด็ เตร่หาที่อาศยั

แมน้ กาเนิดเกดิ ชาตใิ ดใด ขอใหไ้ ดเ้ ปน็ ข้าฝ่าธลุ ี

ส้ินแผ่นดนิ ขอให้สนิ้ ชีวติ บา้ ง อยา่ รูร้ า้ งบงกชบทศรี

(เหลืออาลัยใจตรมระทมทวี ทุกวันน้ีก็ซังตายทรงกายมาฯถึงสามโคกก็คิดถึงพระบาทสมเด็จพระ
พุทธเลิศหล้านภาลัยซึง่ พระองค์ปกครอง เมืองกรงุ เทพฯ พระองค์ได้พระราชทานนามเมืองจากสามโคกซ่ึง
เป็นหัวเมืองช้ันสามเป็นเมือง ปทุมธานีเป็นเพราะมีบัวเยอะ ถึงพระองค์จะเสด็จสวรรคตไปแล้วแต่ช่ือ
ปทุมธานีคงอยู่ตลอดไป แต่ทาไมชื่อของสุนทรภู่ชื่อขุนสุนทรโวหารที่ได้รับพระราชทานนามมาแต่กลับไม่
มีชอ่ื ในแผ่นดินหลังจากพระองค์สวรรคตเลยซึ่งต่างกบั ปทุมธานี สุนทรภู่ตอ้ งเร่ร่อนหาทีอ่ าศยั เพราะขณะนี้
ไม่มบี ้าน สุนทรภขู่ อให้เกิดทกุ ชาติไดเ้ ป็นข้ารับใช้พระองค์ตลอดไป พอพระองค์สวรรคตสุนทรภู่กข็ ออยาก
ตายตามบา้ งเพ่ือจะได้รับใช้และพ่ึงพระองค์ เด๋ียวน้ีกเ็ ศร้าโศกใจทุกข์ระทมอย่างทวีคูณมาก ต้องเร่ร่อนไป
เร่ือยๆชีวติ ไมม่ จี ดุ มุ่งหมาย)

๒๑. ถงึ บา้ นงิ้วเห็นแต่งว้ิ ละลิ่วสงู ไมม่ ีฝงู สัตว์สงิ กง่ิ พฤกษา

ดว้ ยหนามดกรกดาษระดะตา นึกกน็ า่ กลวั หนามขามขามใจ

ง้วิ นรกสบิ หกองคลุ แี หลม ดงั ขวากแซมเส้ยี มแซกแตกไสว

ใครทาชคู้ ทู่ ่านคร้ันบรรลัย ก็ตอ้ งไปปนี ตน้ นา่ ขนพอง

เราเกิดมาอายเุ พียงนแี้ ล้ว ยงั คลาดแคล้วครองตวั ไม่มวั หมอง

(ทุกวันน้ีวิปริตผิดทานอง เจียนจะต้องปีนบ้างหรืออย่างไรฯถึงหมู่บ้านบ้านง้ิวก็เห็นมีแต่ต้นงิ้วซึ่ง
ไม่มีนกหรือสัตว์อ่ืน ๆ อยู่บนกิ่ง เลยเพราะต้นง้ิวมีหนามข้ึนอยู่มากมายนึกถึงก็น่ากลัวหนามเพราะถ้าโดน
คงเจ็บ มาก แต่งิ้วในนรกยาวถึง ๑๖ ข้อน้ิวแหลมเหมือนกับไม้ไผ่เหลาทากับดกั ซ่ึงใครมีชู้เม่ือตายไปแล้ว
กต็ อ้ งไปปีนตน้ ง้ิวในนรก แต่สุนทรภู่เกดิ มาอายุมากแลว้ แต่ยังครองตัวอยู่ในศีลธรรมไม่มีชู้ แตท่ ุกวันนี้ผู้คน
วปิ ริตมชี ้กู ันมากคงต้องไปปนี ต้นงวิ้ ในนรกกันบา้ ง)

๒๒. โอ้คิดมาสารพดั จะตัดขาด ตดั สวาทตัดรกั มิยักไหว

ถวลิ หวังนง่ั นึกอนาถใจ ถงึ เกาะใหญ่ราชครามพอยามเย็น

ดหู า่ งย่านบา้ นชอ่ งทัง้ สองฝง่ั ระวงั ท้งั สัตวน์ ้าจะทาเขญ็

เป็นที่อยผู่ ู้ร้ายไม่วายเว้น เทยี่ วซ่อนเรน้ ตีเรอื เหลือระอาฯ

(ท้ังหมดที่คดิ มานั้นสุนทรภสู่ ามารถตัดขาดได้แต่การตัดความรกั นั้นยากย่งิ นกั นง่ั นึกอนาถใจไปจน
เย็นกถ็ ึงเกาะใหญ่ราชคราม มองไปเห็นบ้านเรือนต่างๆอย่หู ่างจากสองฝ่ังมาก ในที่น้ตี ้องระวังจระเข้จะทา
ร้าย ทง้ั ทนี่ ี่ยังเปน็ ทอี่ ยขู่ องผรู้ า้ ยซ่ึงมาคอยดกั ตีเรอื สุนทรภ่คู ิดแล้วน่าเบอื่ ยิ่งนกั )

๒๓. พระสุรยิ งลงลบั พยบั ฝน ดมู ัวมนมดื มดิ ทกุ ทิศา

ถึงทางลัดตัดทางมากลางนา ทั้งแฝกคาแขมกกขึ้นรกเรีย้ ว

เป็นเงาง้าน้าเจ่งิ ดูเวง้ิ วา้ ง ทง้ั กวา้ งขวางขวัญหายไมว่ ายเหลียว

เหน็ ดมุ่ ดมุ่ หนมุ่ สาวเสียงกราวเกรียว ลว้ นเรอื เพรียวพรอ้ มหนา้ พวกปลาเลย

เขาถ่อคล่องว่องไวไปเปน็ ยดื เรอื เราฝดื เฝอื มานิจจาเอ๋ย

ต้องถ่อค้าร่าไปทง้ั ไม่เคย ประเด๋ยี วเสยสวบตรงเข้าพงรก

กลับถอยหลังรั้งรอเฝ้าถ่อถอน เรอื ขย่อนโยกโยนกระโถนหก

เงียบสงดั สัตวป์ า่ คณานก นา้ คา้ งตกพรา่ งพรายพระพายพัด

ไม่เห็นคลองต้องคา้ งอยกู่ ลางทุ่ง พอหยุดยุงฉู่ชมุ มารมุ กัด

เปน็ กลมุ่ กลุ่มกลุ้มกายเหมือนทรายซดั ตอ้ งนง่ั ปดั แปะไปมไิ ดน้ อนฯ

(เมื่อพระอาทิตย์ตกก็มีเมฆมืดครึ้มมาจนดูมืดมัวไปทุกทิศทุกทาง พายเรือถึงทางลัดซึ่งเป็นทางตัด
กลางนาก็เห็นมีต้นแฝกต้นคาต้นแขมต้นกกขึ้น ปะปนกันอยู่มากมาย เงาของต้นพวกนี้ทอดลงน้าทาให้ดู
เวิ้งว้างดูกว้างขวางเหลียวมองทีไรก็รู้สึก ขวัญหายทุกที มองเห็นเงาของหญิงชายทั้งยังมีเสียงคุยกัน เรือ
ของพวกเขาเพรียวเล็กและมีปลาอยู่บนเรืออีกดว้ ย พวกเขาถ่อเรือคลอ่ งแคลว่ เดนิ ทางไปอย่างรวดเร็ว แต่
เรือของสุนทรภู่ไปช้ามากช่างน่าสงสารลูกศษิ ย์ท่ีต้องถ่อเรืออย่างเหน็ด เหน่ือยทั้งๆท่ีไม่เคยเส้นทาง บางที
เรือกเ็ สยเข้าพงหญา้

รกรุงรัง จะถอยหลังก็ถอยยาก เรือก็โคลงจนกระโถนใส่หมากหก พอเงี่ยหูฟังก็ไม่ได้ยินเสียงสัตว์เลยซักตัว
มีแต่น้าค้างตกเพราะลมพัด มองไปไม่เห็นคลองเลยต้องค้างอยู่กลางทุ่ง แต่พอหยุดเรือหยุดก็มารุมกัดเจ็บ
เหมอื นโดนทรายซดั เลยไมไ่ ด้นอนเพราะต้องนง่ั ตบยุง)

๒๔. แสนวิตกอกเอย๋ มาอา้ งวา้ ง ในทุง่ กวา้ งเห็นแต่แขมแซมสลอน

จนดึกดาวพราวพรา่ งกลางอัมพร กระเรียนรอ่ นรอ้ งกอ้ งเมอ่ื สองยาม

ทง้ั กบเขียดเกรียดกรีดจงิ หรดี เรอื่ ย พระพายเฉอ่ื ยฉวิ ฉวิ วะหวิวหวาม

วังเวงจิตคดิ คะนงึ ราพงึ ความ ถึงเมอื่ ยามยังอุดมโสมนสั

สารวลกบั เพื่อนรักสะพรกั พร้อม อยแู่ วดล้อมหลายคนปรนนิบตั ิ

โอย้ ามเขญ็ เหน็ อย่แู ต่หนพู ดั ช่วยน่งั ปัดยุงใหไ้ มไ่ กลกาย

จนเดือนเด่นเหน็ กอกระจับจอก ระดะดอกบวั เผอื่ นเมื่อเดือนหงาย

เหน็ รอ่ งนา้ ลาคลองทั้งสองฝา่ ย ข้างหนา้ ทา้ ยถ่อมาในสาคร

จนแจ่มแจง้ แสงตะวนั เห็นพันธผุ์ ัก ดูนา่ รกั บรรจงสง่ เกสร

เหล่าบวั เผ่อื นแลสล้างริมทางจร กา้ มกุ้งซ้อนเสียดสาหรา่ ยใต้คงคา

สายติง่ แกมแซมสลบั ต้นตับเตา่ เป็นเหล่าเหล่าแลรายทงั้ ซา้ ยขวา

กระจับจอกดอกบัวบานผกา ดาษดาดูขาวดง่ั ดาวพราย

โอเ้ ช่นนส้ี กี าได้มาเห็น จะลงเลน่ กลางทุ่งเหมอื นมงุ่ หมาย

ทีม่ ีเรือนอ้ ยนอ้ ยจะลอยพาย เทย่ี วถอนสายบวั ผนั สันตวา

ถงึ ตวั เราเลา่ ถา้ ยังมโี ยมหญงิ ไหนจะนิ่งดดู ายอายบปุ ผา

คงจะใช้ใหศ้ ิษย์ท่ีติดมา อุตส่าห์หาเอาไปฝากตามยากจน

น่ีจนใจไมม่ ีเทา่ ข้เี ลบ็ ขี้เกยี จเก็บเลยทางมากลางหน

พอรอนรอนอ่อนแสงพระสุริยน ถึงตาบลกรุงเก่ายง่ิ เศรา้ ใจฯ

(สุนทรภู่รู้สึกอ้างว้างมาก มองไปในทุ่งกว้างเห็นมีแต่ต้นแขมข้ึนอยู่ปะปนกัน จนดึกก็มีดาวอยู่
กลางทอ้ งฟา้ มีนกกระเรียนบินรอ่ นและรอ้ งก้องเมอ่ื ตอนเท่ียงคืน มีเสียงกบเขยี ดร้องเร่อื ยๆ มีลมพัดเฉือ่ ยๆ
สุนทรภรู่ ู้สึกวังเวงก็คิดราพึงเม่ือตอนมียศถาบรรดาศักดิ์ ไดห้ ัวเราะเฮฮากับเพื่อน มีคนคอยปรนนิบัติรับใช้
แต่ยามลาบากเห็นแต่หนูพัดลูกชายคอยช่วยน่ังปัดยุงให้จนพระจันทร์ขึ้นก็เห็น ต้นกระจับจอก มีดอกบัว
เผื่อนขึ้นมากเม่ือคืนเดือนหงาย มองเห็นคลองท้ังสองด้านหัวท้ายเรือก็รีบถ่อเรือลงคลอง จนพระอาทิตย์

ขน้ึ กเ็ ห็นพันธุผ์ ักดูน่ารักสง่ เกสรแกก่ ัน มบี วั เผอื่ นอยูส่ องข้างทางที่เรอื พายไป มีต้นกา้ มกงุ้ ข้นึ อยู่กบั สาหร่าย
ใต้น้า มีต้นสายติ่งข้ึนสลับกับต้นตับเต่าเป็นกลุ่มๆมองไปเหมือนกับดาวบนท้องฟ้า เหล่านี้ถ้าผู้หญิงได้มา
เห็นก็คงจะลงเล่นกลางทุ่ง ที่มีเรือก็คงจะพายไปเก็บสายบัว ถ้าสุนทรภู่มีโยมผู้หญิงก็คงไม่นิ่งเฉยให้อาย
ดอกไม้ คงจะใช้ให้ศิษย์ไปเก็บของฝากเท่าท่ีทาได้ในตอนน้ี แต่นี่จนใจไม่มีเงินซักนิด ท้ังยังข้ีเกียจเก็บจึง
เลยมา พอมีแสงออ่ นๆของพระอาทิตยก์ ็ถงึ กรุงศรีอยธุ ยา สุนทรภ่รู ้สู กึ เศร้าใจ)

๒๕. มาทางทา่ หน้าจวนจอมผรู้ ัง้ คดิ ถึงครั้งกอ่ นมาน้าตาไหล

จะแวะหาถ้าท่านเหมอื นเมอ่ื เปน็ ไวย ก็จะไดร้ บั นิมนต์ขนึ้ บนจวน

แต่ยามยากหากว่าถ้าทา่ นแปลก อกมแิ ตกเสียหรอื เราเขาจะสรวล

เหมอื นเขญ็ ใจใฝ่สูงไมส่ มควร จะตอ้ งมว้ นหน้ากลับอัปประมาณฯ

(เมื่อถึงหน้าจวนของเพ่ือนของสุนทรภู่ สุนทรภู่ก็คิดถึงเมื่อก่อนจนน้าตาไหล สุนทรภู่ต้ังใจจะแวะ
หาถ้ายังเหมือนเมื่อก่อนก็คงจะได้รับนิมนต์ข้ึนบนจวน แต่ถ้าหากว่าท่านแปลกไปก็คงจะโดนหัวเราะเยาะ
จะตอ้ งอายมาก รูส้ กึ ไมก่ ล้าใฝส่ ูงเปน็ เพ่อื นได้ จึงได้เดนิ ทางต่อไปยังเจดีย์ภูเขาทอง)

๒๖.มาจอดท่าหนา้ วดั พระเมรุข้าม รมิ อารามเรอื เรยี งเคยี งขนาน

บ้างขึ้นลอ่ งร้องลาเล่นสาราญ ท้งั เพลงการเกีย้ วแกก้ นั แซเ่ ซง็

บ้างฉลองผ้าปา่ เสภาขับ ระนาดรับรัวคล้ายกบั นายเส็ง

มีโคมรายแลอรา่ มเหมอื นสาเพง็ เมอ่ื คราวเคร่งก็มิใครจ่ ะได้ดู

อา้ ยลาหนึง่ ครึ่งทอ่ นกลอนมนั มาก ชา่ งยาวลากเล้อื ยเจ้ือยจนเหนือ่ ยหู

ไมจ่ บบทลดเลยี้ วเหมือนเงย้ี วงู จนลูกคู่ขอทเุ ลาว่าหาวนอนฯ

ได้ฟังเล่นตา่ งตา่ งทข่ี า้ งวดั จนสงดั เงียบหลบั ลงกับหมอน

ประมาณสามยามคลา้ ในอัมพร อ้ายโจรจรจู่จว้ งเข้าล้วงเรอื

นาวาเอยี งเสียงกกุ ลุกขนึ้ ร้อง มันดาลอ่ งน้าไปช่างไวเหลือ

ไม่เห็นหนา้ สานุศษิ ยท์ ี่ชดิ เชอื้ เหมือนเนอ้ื เบ้อื บา้ เคอะดูเซอะซะ

แต่หนูพดั จัดแจงจดุ เทยี นส่อง ไม่เสียของขาวเหลอื งเคร่ืองอัฏฐะ

ด้วยเดชะตบะบุญกับคณุ พระ ชัยชนะมารได้ดังใจปองฯ

(จอดเรือที่ข้างวัดพระเมรุซ่ึงริมวัดมีเรือจอดเรียงอยู่ บางลามีคนร้องเล่นเต้นสาราญ บางลาก็ร้อง
เพลงเกี้ยวกัน บางลาฉลองผ้าป่าด้วยการขับเสภา ท้ังยังมีคนตีระนาดซ่ึงตีเก่งเหมือนนายเส็ง (คนเก่ง
ระนาดสมยั สนุ ทรภู่) มีโคมแขวนอยู่เรียงรายเหมอื นอยูส่ ามเพ็ง เมือ่ คราวเครง่ ในพระศาสนาก็ไม่ได้ดู มเี รือ
ลาหน่ึงกลอนมันมาก ร้องกลอนยากลากเล้ือยฟังแล้วเหน่ือยหู กลอนลดเลี้ยวเหมอื นทางงู จนลูกคู่บอกว่า
ง่วงนอน ได้การละเลน่ ต่างๆทขี่ า้ งวัดพอดกึ ก็นอน ประมาณสามยามก็มีโจรข้ึนเรอื พอมีเสียงกกุ กักสนุ ทรภู่
ก็ลุกข้ึนโวยวาย โจรก็รีบดาน้าไปอย่างวอ่ งไว มองไปไม่เห็นหน้าลูกศิษยก์ ็รู้สึกทาอะไรไม่ถูกด้วยความกลัว
แต่หนูพัดจุด เทียนส่องดูว่ามีอะไรหายไปบ้าง แต่ไม่มีเลยแม้แต่เคร่ืองอัฐบริขาร ท้ังนี้ด้วยเดชะตบะบุญ
และพระพุทธ ทาให้ชนะมารได้)

๒๗. คร้ันรุง่ เชา้ เข้าเปน็ วันอโุ บสถ เจริญรสธรรมาบูชาฉลอง

ไปเจดยี ท์ ชี่ อื่ ภูเขาทอง ดูสูงล่องลอยฟ้านภาลยั

อย่กู ลางทุ่งรุ่งโรจนส์ นั โดษเด่น เปน็ ทีเ่ ลน่ นาวาคงคาใส

ทพ่ี นื้ ลานฐานบทั ม์ถดั บนั ได คงคงลยั ลอ้ มรอบเปน็ ขอบคนั

มีเจดีย์วหิ ารเปน็ ลานวัด ในจงั หวดั วงแขวงกาแพงกน้ั

ที่องคก์ ่อย่อเหล่ยี มสลบั กัน เปน็ สามช้นั เชงิ ชานตระหง่านงาม

บนั ไดมีสด่ี า้ นสาราญรน่ื ต่างชมชื่นชวนกนั ขึน้ ช้นั สาม

ประทักษณิ จินตนาพยายาม ไดเ้ สร็จสามรอบคานบั อภิวนั ท์

มหี อ้ งถ้าสาหรบั จุดเทียนถวาย ด้วยพระพายพัดเวยี นอยู่เหียนหนั

เป็นลมทักขณิ าวฏั น่าอศั จรรย์ แต่ทกุ วันนีช้ ราหนกั หนานัก

ทัง้ องคฐ์ านราญร้าวถึงเก้าแสก เผลอแยกยอดสุดก็หลุดหัก

โอ้เจดยี ท์ ีส่ รา้ งยงั รา้ งรกั เสียดายนักนกึ น่าน้าตากระเด็น

กระนี้หรอื ชื่อเสียงเกียรตยิ ศ จะมิหมดล่วงหน้าทันตาเห็น

เป็นผูด้ มี ีมากแลว้ ยากเย็น คดิ กเ็ ปน็ อนจิ จงั เสยี ทง้ั นัน้ ฯ

(วันรุ่งข้ึนจะเป็นวันพระซึ่งจะได้บูชาพระธรรม ได้ไปเจดีย์ภูเขาทองซึ่งดูสูงเสียดฟ้า อยู่กลางทุ่งดู

โดดเด่นมีน้าใสอยู่รอบๆท่ีฐานพื้นที่เป็นรปู กลีบบัวถัดจาก บันไดมีน้าไหลล้อมรอบเป็นขอบ มีเจดีย์มีวิหาร

มลี านวดั มกี าแพงกน้ั อยู่ การย่อเหลีย่ มไม้ ๑๒ มมุ อย่างสวยงาม มเี ปน็ สามชั้นอยา่ งงดงาม บันไดมี ๔ ด้าน

คณะของสุนทรภู่ชวนกันขึ้นไปช้ัน ๓ ต้ังใจเดินวนขวา ๓ รอบจนครบก็กราบเจดีย์ มีห้องที่เป็นถ้าสาหรับ

จดุ เทยี นเพราะ

ลมจะพัดแรงพาธูปเทียนดับ ตอนน้นั บังเกิดสงิ่ อัศจรรย์มีลมพัดเวยี นขวาราวกับจะเวียนเทียนด้วย ทุกวันนี้

พระเจดีย์เกา่ และทรดุ โทรมมาก ที่ฐานร้าวถงึ เก้าแฉก ที่ยอดกห็ ัก องค์พระเจดียก์ ็ทรดุ เป็นเพราะเจดีย์ไม่มี

คนคอยดูแล นึกแล้วเสียดายจนน่าร้องไห้ แล้ววจะเทียบอะไรกับชื่อเสียงเกียรติยศของมนุษย์ ก็คงหมดไป

ในไม่นาน เหมอื นกบั เปน็ ผู้ดแี ลว้ ลาบาก เปน็ คนม่ังมีแลว้ ยากจน คิดแล้วทกุ อยา่ งไม่แท้เที่ยง)

๒๘. ขอเดชะพระเจดีย์คีรีมาศ บรรจธุ าตทุ ตี่ ัง้ นรงั สรรค์
ข้าอุตส่าห์มาเคารพอภวิ ันท์ เปน็ อนนั ตอ์ านิสงสด์ ารงกาย
จะเกดิ ชาติใดใดในมนษุ ย์
ทั้งทุกข์โศกโรคภยั อยา่ ใกลก้ ราย ให้บรสิ ุทธ์ิสมจิตทีค่ ดิ หมาย
ทง้ั โลโภโทโสแลโมหะ แสนสบายบรบิ รู ณป์ ระยรู วงศ์
ขอฟุ้งเฟอ่ื งเรืองวชิ าปัญญายง ให้ชนะใจไดอ้ ยา่ ใหลหลง
อีกสองส่ิงหญิงรา้ ยแลชายช่วั ทง้ั ใหท้ รงศีลขันธใ์ นสันดาน
ขอสมหวังตงั้ ประโยชนโ์ พธญิ าณ อยา่ เมามวั หมายรกั สมคั รสมาน
ตราบนิพพานภาคหน้าใหถ้ าวรฯ

(ขอเดชะแห่งเจดีย์ภูเขาทองซึ่งบรรจุพระบรมสาริกธาตุ สุนทรภู่ขอให้ท่ีได้มากราบในคร้งั น้ีให้เป็น
บุญเพ่ือเป็นอานิสงส์ให้พ้นภัย ต่างๆ ถ้าจะเกิดชาติไหนๆก็ขอให้ตนบริสุทธิ์ทั้งกายและใจ ท้ังความทุกข์
ความโศกอย่าได้มาใกล้ สบายไปตลอดกาล ท้ังความโลภ โกรธ หลง ขอให้ตนชนะได้ ขอให้มีสติปัญญา
หลักแหลม ให้มีศีลธรรมอยู่ในใจ ท้ังผู้หญิงร้ายและผู้ชายชั่วก็ขอให้อย่าได้รู้จักคบหากัน ขอให้สมดังหวัง
แม้แต่ชาตหิ นา้ กข็ อใหเ้ ปน็ ดงั หวัง)

๒๙. พอกราบพระปะดอกปทมุ ชาติ พบพระธาตุสถิตในเกสร

สมถวลิ ยนิ ดชี ุลีกร ประคองซ้อนเชิญองคล์ งนาวา

กับหนพู ัดมสั การสาเร็จแล้ว ใสข่ วดแกว้ วางไวใ้ กลเ้ กศา

มานอนกรงุ รงุ่ ข้ึนจะบูชา ไม่ปะตาตนั อกยงิ่ ตกใจ

แสนเสยี ดายหมายจะชมบรมธาตุ ใจจะขาดคดิ มาน้าตาไหล

โอบ้ ญุ น้อยลอยลบั ครรไลไกล เสยี นา้ ใจเจยี นจะดน้ิ ส้ินชวี ัน

สุดจะอยู่ดอู นื่ ไมฝ่ นื โศก กาเริบโรคร้อนฤทัยเฝา้ ใฝ่ฝัน

พอตร่ตู รู่สรุ ยิ ์ฉายข้ึนพรายพรรณ ใหล้ อ่ งวันหนึง่ มาถึงธานฯี

(พอก้มลงกราบพระพุทธรูปเงยขึ้นมาก็เห็นดอกบัวและกเ็ ห็นพระบรมสารีริกธาตอุ ยู่ ในเกสรก็ดีใจ
มากและช้อนประคองลงเรือ พอหนพู ัดกราบไวเ้ สรจ็ แลว้ ก็ใส่พระบรมสารีริกธาตุไว้ในขวดแกว้ แลว้ ก็วางไว้
ใกล้ศีรษะเม่ือนอน ต้ังใจว่าจะไปนอนท่ีกรุงศรีอยุธยาและรุ่งเช้าจะบูชาพระบรมสารีริกธาตุแต่พอ ต่ืนมา
มองไม่เห็นพระบรมสารีริกธาตุก็ตกใจอย่างมากทั้งที่วางไว้ใกล้ศีรษะ สุนทรภู่ว่าเป็นเพราะบุญตนน้อยทา
ให้พระธาตุลอยน้าไปไกล สุนทรภู่คดิ ว่าไม่สามารถอยู่ที่เจดีย์ภูเขาทองต่อได้เพราะจะย่ิงเศร้าโศกและ ร้อน
ใจยิง่ ขนึ้ พอเชา้ ตรพู่ ระอาทติ ยข์ ึน้ ส่องฉาย ก็ลอ่ งเรอื ถงึ กรงุ เทพฯโดยใชเ้ วลาเดนิ ทาง ๑ วัน)

๓๐. ประทบั ทา่ หนา้ อรุณอารามหลวง คอ่ ยสร่างทรวงทรงศีลพระชนิ สหี ์
นริ าศเร่ืองเมืองเก่าของเรานี้ ไวเ้ ป็นท่โี สมนัสทศั นา
ด้วยไดไ้ ปเคารพพระพุทธรูป ท้งั สถปู บรมธาตุพระศาสนา
เป็นนสิ ยั ไว้เหมอื นเตือนศรทั ธา ตามภาษาไมส่ บายพอคลายใจ
ใช่จะมที ร่ี ักสมัครมาด แรมนิราศรา้ งมติ รพสิ มยั
ซ่งึ ครวญครา่ ทาทีพิรี้พไิ ร
เหมอื นแม่ครวั คั่วแกงแพนงผดั ตามนิสัยกาพยก์ ลอนแต่ก่อนมา
อนั พรกิ ไทยใบผักชเี หมือนสกี า สารพดั เพยี ญชนงั เคร่อื งมงั สา
จงทราบความตามจริงทกุ สง่ิ ส้ิน ตอ้ งโรยน่าเสยี สกั หนอ่ ยอรอ่ ยใจฯ
นกั เลงกลอนนอนเปล่ากเ็ ศรา้ ใจ อย่านกึ นนิ ทาแกล้งแหนงไฉน
จงึ รา่ ไรเรอื่ งร้างเล่นบา้ งเอยฯ

(ถึงหน้าวัดอรุณก็ค่อยสร่างจากความเศร้าเพราะได้กราบพระพุทธรูป นิราศภเู ขาทองของสุนทรภู่
เรื่องนี้ไว้เป็นที่อ่านเม่ือเศร้าจะได้มีความสุข เพราะได้ไปกราบไว้พระพุทธรูป ทั้งกราบไว้พระบรม
สารีริกธาตุ เพราะคนที่นับถือศาสนาพุทธเม่ือไม่สบายใจก็จะกราบไหว้พระพุทธรูปเพื่อให้ สบายใจ ตอนนี้
สุนทรภู่ใช่ว่าจะมีคนรักหรือพ่ึงจะจากรักมา แต่ที่กล่าวถึงผู้หญิงก็เพราะเป็นธรรมเนียมการแต่งนิราศแต่
โบราณ เหมือนแม่ครัวจะปรุงอาหารประเภทพะแนงนอกจากจะใส่เครื่องปรุงและเนื้อสัตว์ แล้วยังต้องใส่
พรกิ ไทยใบผกั ชเี พอ่ื เพมิ่ ความนา่ รบั ประทานแกอ่ าหาร และผูห้ ญิงก็เหมือนพรกิ ไทยใบผกั ชีเพื่อนใหน้ ิราศนี้
นา่ อ่าน ขอใหท้ ราบความจรงิ ทกุ ๆอยา่ งวา่ สุนทรภู่ไมไ่ ด้มีผู้หญิงเลยขออยา่ ได้นินทาให้ เสียหาย เพราะคนท่ี
มีความสามรถในเชิงกลอนจะน่ัง ๆนอน ๆ เฉย ๆ ก็จะน่าเบ่ือและเศร้าใจ จึงจะต้องแต่งกลอนเพ่ือคลาย
เหงาและคลายความเศรา้ ใจ และให้ได้ผลงานเป็นที่ประจกั ษ์)

*************************************


Click to View FlipBook Version