กระเป๋าไหมพรมใสแ่ ก้วเยติ
(Yeti glass bag yarn)
นางสาวภัทราภรณ์ ชัยชาญ
นางสาวพัฒนา ทิพยส์ ิทธ์
รายงานโครงงานฉบบั นี้เปน็ ส่วนหนึ่งของการศึกษาวชิ าโครงงาน
หลกั สูตรประกาศนียบัตรวชิ าชพี ชัน้ สงู (ปวส.) พ.ศ. 2556
สาขาวิชา บริหารธุรกจิ
สาขางาน การบญั ชี
วทิ ยาลยั การอาชพี เวยี งสระ
พ.ศ.2564
ชอื่ โครงงาน กระเปา๋ ไหมพรมใส่แกว้ เยติ
ชอ่ื ผจู้ ดั ทา
ชือ่ ทป่ี รึกษาโครงงาน นางสาวภัทราภรณ์ ชยั ชาญ
สาขาวชิ า นางสาวพฒั นา ทิพยส์ ิทธิ์
สาขางาน
ปีการศกึ ษา นางชุตมิ า ไหมสุวรรณ
นางสิริพรรณ หวังอนี
นางสาวอาภรณ์ ใสเก้ือ
นางสาวกชกร ทองจรัสแสง
นางสาวขวญั ฤทยั เกียรติศกั ด์ิ
บรหิ ารธุรกจิ
การบัญชี
2564
วิทยาลัยการอาชพี เวยี งสระ อนุมตั ิให้รายงานโครงงานวจิ ยั ฉบับนี้เปน็ ส่วนหนง่ึ ของการศกึ ษา
ตามหลกั สูตรประกาศนียบตั รวิชาชพี พ.ศ.2556
...................................
(นาย ปณชยั เพชรปาน)
ผูอ้ านวยการวทิ ยาลยั การอาชพี เวียงสระ
คณะกรรมการสอบรายงานโครงงานวจิ ัย
…………………………ประธานกรรมการ
(นางสริ ิพรรณ หวงั อีน)
……………..……….....กรรมการ
(นางสาวขวัญฤทัย เกียรติศักด์ิ)
…………………..….…..กรรมการ
(นางชตุ ิมา ไหมสวุ รรณ)
ชื่อโครงงาน กระเปา๋ ไหมพรมใสแ่ กว้ เยติ
ช่ือผู้จดั ทา
ชอ่ื ทีป่ รกึ ษาโครงงานวจิ ยั นางสาวภทั ราภรณ์ ชยั ชาญ
สาขาวชิ า นางสาวพฒั นา ทิพย์สทิ ธิ์
สาขางาน
ปีการศึกษา นางชุตมิ า ไหมสวุ รรณ
นางสิริพรรณ หวังอีน
นางสาวอาภรณ์ ใสเกอ้ื
นางสาวขวญั ฤทัย เกียรติศักด์ิ
บรหิ ารธุรกิจ
การบญั ชี
2564
บทคดั ยอ่
การวิจัยคร้ังนี้ เพ่ือการศึกษาความพึงพอใจของผู้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ “กระเป๋าไหมพรมใส่แก้วเยติ”
ของโครงงานวิจยั เชงิ ทดลอง รายวิชาโครงงานวชิ าชีพ โดยเก็บรวบรวมขอ้ มูล จากผ้ทู ดลองใช้ ประชาชนทัว่ ไป จาก
แบบประเมินจานวน 30 ชุดและข้อมูลทาการวิเคราะห์ โดยใช้โปรแกรม SPSS. for window เพื่อแสดงผล
การศึกษาในรูปแบบคา่ เฉลยี่ ร้อยละ และค่าเบ่ียงเบนมาตรฐานเพอ่ื ใหท้ ราบถึงปจั จัยทม่ี ีอิทธิผลตอ่ พฤติกรรมความ
พึงพอใจในการทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ของบุคคลภายนอกทว่ั ไป
ผลการวิจัย เพ่ือศึกษาผลิตภัณฑ์ “กระเป๋าไหมพรมใส่แก้วเยติ”พบว่ากลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่
ประชากร ม.4 ตาบลบ้านส้อง อ.เวียงสระ จ.สรุ าษฎรธ์ านี ท่ที ดลองใช้ผลิตภัณฑ์ จานวน 30 คน จาแนกตามเพศ
ส่วนมากเป็นเพศหญงิ รองลงมาเป็นมาเพศชาย สว่ นมากอยใู่ นชว่ ง 22-28 ปี และชว่ งอายุ 29-35 ปี
พบวา่ ผู้ตอบแบบประเมนิ มีความพงึ พอใจตอ่ ดา้ นรูปแบบบรรจภุ ัณฑ์บรรจุภณั ฑ์มีความเหมาะสมในการขนส่ง
มีค่า ̅ = 4.73 มีค่า S.D. = 0.52 และรองมา บรรจุภัณฑ์มีความเหมาะสมกับราคาจาหน่าย มีค่า ̅ = 4.70 มี
ค่า S.D. = 0.46 และรองมา บรรจุภัณฑ์สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย มีค่า ̅ = 4.50 มีค่า S.D. = 0.50 ตามลาดับ
ด้านผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์สามารถนามาใช้ได้จริง มีค่า ̅ = 4.80 มีค่า S.D. = 0.40 และรองมา ผลิตภัณฑ์
ปลอดภยั ต่อส่งิ แวดลอ้ ม มคี ่า ̅ = 4.80 มคี ่า S.D. = 0.40 และรองมา ผลิตภัณฑไ์ ม่อันตรายต่อผวิ มีค่า ̅ = 4.73
มีคา่ S.D. = 0.44 ตามลาดบั ด้านราคาทนุ ต่อหน่วย ราคาทนุ ต่อหนว่ ยผลิตภณั ฑม์ ีความถูกต้องและเหมาะสม มีค่า
̅ = 4.53 มีค่า S.D. = 0.50 และรองมา ราคาทุนเหมาะกับการจาหน่าย มีค่า ̅ = 4.76 มีค่า S.D. = 0.43
ตามลาดับ
Project Title Yeti glass bag yarn
By Miss. Pattaraporn Chaichan
Miss. Pattana Tipsit
Project Advisors Mrs. Chutima Maisuwan
Mrs. Siripan Wangin
Miss. Aphorn Saikuea
Mrs. Kotchakorn Thongcharatseang
Miss. Kwanruethai Kiantitak
Major Field Business administration
Major of job Accounting
Academic Year 2021
Abstract
this research To study the satisfaction of the product testers " Yeti glass bag yarn " of the
Experimental Research Project Vocational project course by collecting information from the tester
general public from 30 sets of assessment forms and data for analysis by using the SPSS. for
window program to show the results in the form of mean, percentage and standard deviation in
order to know the factors influencing satisfaction behavior in the trial of third party products.
Research results to study products “Yeti glass bag yarn” found that the samples used in
the research including the population of Village No. 4, Bansong Sub-district, Wiang Sa District, Surat
Thani Province The product trial consisted of 30 people, classified by gender, mostly female.
followed by male Most of them are between 22-28 years old and 29-35 years old.
Found that the respondents were satisfied with the packaging The packaging is suitable for
transportation with the ̅ = 4.73 with SD = 0.52 and secondly, the packaging is suitable for the
selling price with ̅ = 4.70 with SD = 0. 46 and the packaging is easy to move with. ̅ = 4.50
with SD = 0.5 0, respectively, on the product side The product is practical and has a ̅ = 4.80
with SD = 0. 40 and secondly, the product is environmentally safe with the ̅ = 4.80 with SD =
0. 40 and the product is harmless to the skin with the ̅ = 4.73 with the SD ̅ = 0. 44 respectively,
per unit cost price The cost per unit of the product is accurate and appropriate with the ̅ = 4.53,
with SD = 0.50 and secondly, the cost price suitable for selling is ̅ = 4.76 with SD = 0. 43,
respectively
กิตตกิ รรมประกาศ
โครงงานเล่มนี้สาเร็จไดอ้ ยา่ งสมบูรณ์ ผวู้ จิ ยั ขอขอบพระคุณ ครชู ุตมิ า ไหมสุวรรณ คุณครูที่ปรึกษาโครงงาน
ตลอดจนคุณครูประจาแผนกวิชาการบัญชีทุกท่านที่ได้ให้คาปรึกษาช้ีแนะแนวทางปรับปรุงแก้ไขโครงงานวิจัยใน
ส่วนท่ีบกพร่องมาโดยตลอด
ขอขอบพระคุณนายปณชัย เพชรปาน ผู้อานวยการวิทยาลัยการอาชีพเวียงสระ และขอกราบ
ขอขอบพระคุณ คุณพ่อ คุณแม่ และทุกคนในครอบครัวท่ีเป็นผู้อยู่เบ้ืองหลังความสาเร็จอย่างแท้จริง และ
ขอขอบคุณเพ่ือน นักศึกษาท่ีมีส่วนร่วมในความสาเร็จ คอยช่วยเหลือ ความเข้าใจ ความห่วงใย และเป็นกาลังใจ
ใหแ้ ก่ผ้วู จิ ัยมาโดยตลอด
คณุ ประโยชน์ของงานวิจัยน้ี ผู้วิจัยขอมอบแด่คุณแม่ ครู อาจารย์ ผู้เขียนหนงั สือตาราทุกเล่มท่ีผ้วู ิจยั ได้รับ
แสงสวา่ งแห่งความรู้ ที่มีส่วนเก่ยี วขอ้ งกบั ความสาเรจ็ คร้งั น้ี
นางสาวภัทราภรณ์ ชยั ชาญ
นางสาวพฒั นา ทิพยส์ ิทธ์
บทที่ 1
บทนา
1. ความเปน็ มาและความสาคญั ของปัญหา
ปัจจุบันมีผู้คนหันสนใจมาใช้แก้วเยติเป็นจานวนมาก จึงได้นาหัตถกรรมมาเป็นหลักในการทากระเป๋าไหม
พรมใสแ่ ก้วเยติเพอ่ื ตอบสนองความตอ้ งการของคนท่วั ไป ต้งั แต่ ระดับลา่ งจนถึงระดับสูงสุด กระเปา๋ ไหมพรมใส่แก้ว
เยติ เป็นงานฝีมือซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการทาเป็นเวลานานจึงไม่มีผู้คนที่สนใจทามากเท่าท่ีควรจึงเป็นงาน
หัตถกรรมที่ ทาข้ึนเพอื่ การเผยแพร่และขยายความรู้เกี่ยวกับการนาไหมพรมมาใช้ให้เกิดประโยชน์และเสริมสร้าง
รายไดแ้ ละสรา้ งผลงาน ใหมอ่ อกมาและตอบสนองความตอ้ งการของลกู ค้าในยุคปจั จุบนั โดยมีเป้าหมายคือการสร้าง
ผลกาไร รายไดใ้ หก้ ับเพื่อสร้างอาชีพการขายสนิ ค้า ทางผจู้ ัดทาโครงการจึงไดเ้ ล็งเห็นถงึ ประโยชนข์ องไหมพรมเพื่อ
นามาถักใหเ้ ปน็ กระเป๋าไหมพรมใสแ่ กว้ เยติมีรปู แบบสวยงาม อีกท้ังนี้ยังเป็นการต่อยอด ทางความคิดไปสูว่ ัสดุอ่ืนๆ
ได้อีกด้วย
การศึกษาและออกแบบผลิตภัณฑ์ได้กลายเป็นสินค้าทีส่ ามารถนามาใชป้ ระโยชน์ในชวี ติ ประจาวนั และนามา
สร้างมลู คา้ ให้กับตัวสินค้าทาใหม้ ีรายได้เสริมจากการประยุกตใ์ ช้จากไหมพรมมาประดิษฐต์ ่อเติม หรอื นวตั กรรมที่มี
คุณคา่ และสามารถสร้างรายได้ใหก้ บั ผทู้ ม่ี ีไม่มีอาชพี ประจามากขึ้น
ดังน้ันจึงก่อให้เกิดแนวคิดในการศึกษาความพึงพอใจในผลิตภัณฑ์ กระเป๋าไหมพรมใส่แก้วเยติทางวิชาชีพ
การบัญชีต้องคานวณต้นทุนของผลิตภัณฑ์ “ กระเป๋าไหมพรมใส่แก้วเยติ” เพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพ
แขง็ แรง และคงทนมากยง่ิ ขึ้นและสามารถนาผลติ ภณั ฑอ์ อกมาจาหน่ายและประกอบอาชพี ได้
1.2 วัตถุประสงคข์ องการวจิ ยั
1.2.1 เพ่อื ศกึ ษาผลติ ภัณฑ์ “กระเปา๋ ไหมพรมใสแ่ ก้วเยต”ิ
1.2.2 เพอ่ื คานวณต้นทนุ การผลิตของสง่ิ ประดิษฐ์ “กระเปา๋ ไหมพรมใส่แก้วเยติ ”
1.2.3 เพ่ือประเมนิ ความพึงพอใจของผู้ใชผ้ ลิตภณั ฑ์ “กระเปา๋ ไหมพรมใสแ่ ก้วเยติ”
1.3 สมมติฐานในการวิจัย
1.3.1กระเปา๋ ไหมพรมใส่แก้วเยติ สามารถนามาใช้เปน็ กระเป๋าใส่แกว้ เยติไดจ้ รงิ
1.3.2 ผลการคานวณต้นทุนการผลิตของ “กระเป๋าไหมพรมใส่แก้วเยติ” และมีความถูกต้องตามหลักการ
บญั ชี
1.3.3 ความพึงพอใจของผลิตภัณฑ์จากกระเปา๋ ไหมพรมใส่แก้วเยติอยูใ่ นระดับดี
1.4 ขอบเขตของการวจิ ัย
1.4.1 ด้านเน้อื หาและโครงสร้าง
เป็นโครงงานวิจัยท่ีต้องการศึกษาผลิตภัณฑ์ กระเป๋าไหมพรมใส่แก้วเยติ ที่ผลิตจากไหมพรมโดย
การศึกษาสภาพปัญหาและใช้ความรู้ทางวิชาชีพการบัญชีมาดาเนินงานหาต้นทนุ ของผลิตภัณฑ์สาหรบั ผู้ทดลองใช้
เพ่อื สามารถนามาผลิต “กระเปา๋ ไหมพรมใสแ่ กว้ เยติ” ทผ่ี ลติ ไดม้ าจาหนา่ ยและประกอบเปน็ อาชพี ได้ในอนาคต
1.4.2 ด้านประชากร
กลุม่ ผ้ทู ดลองใช้ ผู้ที่สนใจผลติ ภัณฑใ์ นเขต หมู่ 4 ตาบลบา้ นส้อง อาเภอเวยี งสระ
จงั หวัดสุราษฎรธ์ านี ประชากรทง้ั หมด 1,853 คน ใชเ้ ปน็ กล่มุ ส่มุ ทดลอง 30 คน
1.4.3 ด้านทฤษฎหี รอื ตวั แปรศึกษา “กระเปา๋ ไหมพรหมใส่แก้วเยติ”
1.4.3.1 ตัวแปรต้น ไดแ้ ก่ กระเปา๋ ไหมพรหมใสแ่ กว้ เยติ
1.4.3.2 ตัวแปรตาม ไดแ้ ก่ ความพงึ พอใจของผู้ใชผ้ ลิตภณั ฑ์ “กระเป๋าไหมพรหมใส่แกว้ เยติ”
1.4.4 ดา้ นระยะเวลาวจิ ัย
การดาเนนิ การวิจยั เร่มิ ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 1 ถงึ สัปดาหท์ ่ี 18 ต้ังแต่เดอื น ตุลาคม 2564 ถึง เดือน
กุมภาพันธ์ 2564
1.5 ประโยชนข์ องผลการวิจยั
1.5.1 ผลิตภัณฑ์ “กระเป๋าไหมพรหมใส่แก้วเยติ” ที่ผลิตข้นึ สามารถนามาใช้งานได้จรงิ
1.5.2 สามารถคานวณหาต้นทุนการผลิตท่ีถูกต้องตามการบัญชีได้
1.5.3 การวิจยั ครั้งนี้จะเปน็ ตวั อยา่ ง ในการศึกษาวจิ ยั ของการวจิ ยั เกย่ี วกบั ผลิตภณั ฑ์สาเร็จรูปในเขตพ้ืนทที่ ม่ี ี
การวจิ ยั คลา้ ยคลงึ กันต่อไป
1.6 นิยามศพั ท์
1.6.1 ไหมพรม ผลิตจาก ไหมอคิลคิ ผสมกับ คอตตอน ในเน้อื เส้นเดยี วกัน จากคณุ สมบัติของอคลิ คิ จะ
มคี วามนมุ่ ฟู และ คอตตอน ทม่ี ีความแข็งแรง ทนทาน เซตตวั ไดด้ เี มื่อนาทงั้ สองตวั มารวมกนั จึงทาให้ ไหม
พรมอคิลคิ คอตตอน มีทัง้ ความนิม่ มากกว่าคอตตอน แต่เซตตัวได้เหมือนคอตตอนท่ัวไป ขนาดเส้น จะ
ประมาณเส้น ไหมคอตตอน ที่ใช้กันท่วั ไป
1.6.2 เข็มโครเซต์ โครเชต์ เป็นภาษาฝรั่งเศษ หมายถึง “ตะขอ” เป็นกระบวนการในการสรา้ งโครเชต์ มา
จากคาว่า croc หรอื croche แปลว่าตะขอ หมายถึงเครือ่ งมือที่ใช้ในการทาของใชห้ รูหราในชีวิตประจาวัน การถัก
ไหมพรมน่าจะมีมาตัง้ แต่โบราณในเมอื งจีน อาระเบียหรืออเมรกิ าใต้ ด้วยการนาดา้ ย ไหม ขนสัตว์มาถกั ทอเปน็ หว่ ง
โซ่รอ้ ยต่อกันจนเปน็ ผืนผ้าลวดลายงดงามและได้รับความนยิ มในยุโรปราวค.ศ.1800สมัยแรกมนุษยใ์ ช้เพียงนิ้วชี้งอ
เป็นรูปตะขอถักเส้นไหม จึงไม่มีหลักฐานเป็นเครื่องมือ มาให้คนรุน่ หลังได้เหน็ ภายหลังมกี ารพฒั นาเคร่ืองมือโคร
เชต์แทนน้ิวจากงาช้าง ทองเหลืองหรือไม้เน้ือแข็ง โครเชต์ในยุคแรกเร่ิมเป็นงานกลุ่มแม่บ้าน เพราะชนช้ันสูงใช้
เฉพาะลูกไม้ที่เรยี กว่า lacc ถักลาบาก ด้วยกระสวยเรียกวา่ Bobbin ต่อมาเมื่อพระราชินีวิกตอเรยี ทรงโปรดไอริช
โครเชต์ ถึงขนาดลงมือถักด้วยพระองค์เอง ชนชนั้ กลางในสมัยนั้นจึงเรม่ิ หนั มาซือ้ ผลิตภัณฑ์โครเชต์จากกลุ่มแมบ่ า้ น
เปน็ ตน้
1.6.3 กรรไกร ถอื ว่าอุปกรณ์พ้ืนฐานสาหรับงานช่าง ที่ช่วยอานวยสะดวกในเรื่องของการตัดงานขนาดเล็ก
เช่น ตดั กระดาษ ตัดผ้า เชือก สายไฟ โดยใช้แรงกดด้วยมือในการช่วยออกแรงเพอื่ ให้เกิดการตดั ชนิ้ งาน มีลักษณะ
คลา้ ยใบมดี 2 ใบปะกบกนั โดยมจี ดุ หมุนรว่ มกนั เพ่อื ใช้ในการตดั งานต่างๆนั้นเอง
1.6.4 ดา้ ยเยบ็ ผา้ เปน็ เส้นดา้ ยทอผ้าท่ีทาใหม้ คี ณุ ภาพสงู ขึ้น โดยนามาตกแต่งเพมิ่ เตมิ ให้มคี ณุ สมบตั ิที่ดขี ้นึ
มคี วามแขง็ แรงสงู มีความมนั ย้อมสหี รอื ตกแตง่ อย่างอืน่
1.6.5 เข็มเย็บผ้า เป็นอุปกรณ์อย่างหน่ึงสาหรับใช้ในงานเย็บปักถักร้อย ลักษณะจะเป็นเข็มเรียวยาว
ปลายข้างหน่ึงแหลมคมสาหรบั แทงลงในเน้ือผา้ และปลายอีกด้านจะมี "ตา" หรือ "รู" สาหรบั ใช้ร้อยด้าย เม่อื แทง
เขม็ ลงบนผ้าสลับดา้ นไปมาก็จะทาใหด้ า้ ยถูกรอ้ ยติดอยบู่ นเน้ือผา้ ได้
บทท่ี 2
เอกสารและรายงานวิจยั ทเี่ กยี่ วขอ้ ง
เอกสารและงานวิจยั ทีเ่ กย่ี วขอ้ งกบั การผลิตและศึกษาความพงึ พอใจผลติ ภัณฑ์กระเปา๋ ไหมพรมใส่แก้ว
เยติ ผวู้ จิ ัยได้ศกึ ษาเอกสารละงานวจิ ัยทเ่ี ก่ียวข้องและได้นาเสนอหัวข้อตอ่ ไปนี้
2.1 แนวคดิ และทฤษฎีไหมพรม
2.2 แนวคดิ และทฤษฎีเข็ม
2.3 แนวคดิ และทฤษฎีกรรไกร
2.4 งานวิจยั ท่ีเกย่ี วข้อง
2.1 แนวทฤษฎขี องไหมพรม
ไหมพรมคอื
การเย็บปักถักร้อย สิ่งที่สาวๆ หลายคนสนใจกันมาก ไม่ว่าจะเป็นการถัก การเย็บผ้า ซึ่งกานทา
ดว้ ยตัวเองนั้นทาใหเ้ รารู้สึกภูมิใจในส่ิงที่ทา และยังถูกใจด้วยเพราะเราได้ออกแบบเอง ก่อนอน่ื เราจะพาทุกคนไป
รู้จักกับประเภทของไหมพรมกันก่อน การดูแลรักษาไหมพรมแต่ละประเภทมีความแตกต่างกัน และเหมาะกับ
ชนิ้ งานท่ีแตกตา่ งกนั ออกไป
2.1.1 ไหมธรรมชาติ แบ่งเปน็
1. ทาจากพืช ไดแ้ ก่
- คัตตอน (Cotton) เหมาะกับอากาศรอ้ นอย่างบา้ นเรา มกั ใชก้ ับงานที่ต้องซกั ล้างบ่อยๆ
เช่น ชุดเด็ก ผ้าเช็ดจาน เป็นตน้ ไหมคัตตอนคุณภาพดีและมีราคาแพงท่ีขึน้ ช่ือ ได้แก่ Egyptian, Sea Island และ
Pima
ภาพท่ี 2-1 คตั ตอน
- ลินิน (Linen) เป็น เส้นไหมท่ีทามาจากต้นลินิน ลักษณะมีความทนทาน ง่ายต่อการ
ดูแลรกั ษาและที่สาคญั เหมาะกบั อากาศรอ้ น ขอ้ เสียคือยบั ง่าย ลนิ นิ มกั ใชก้ ับงาน cardigan และ sweater
ภาพที่ 2-2 ลนิ ิน
- ป่าน (Hemp) มกั ใช้กับสว่ นงานตกแตง่ หรือพวกชดุ หลวมๆ
ภาพที่ 2-3 ป่าน
- ไผ่ (Bamboo) เป็น ไหมที่เพ่ิงคิดค้นผลติ ได้ไม่นาน แต่เร่ิมเป็นท่ีนิยมแล้ว เน่ืองจากใช้
สวมใส่ได้ดีและยังมีคุณสมบัติไม่หมักหมมเชื้อแบคทีเรียด้วย ไหมไผ่มีข้อเสียในเร่ืองไม่ทนน้า ชอบแตกตัว ดูแล
รักษาค่อนข้างยากเพราะต้องซกั มอื จงึ ไมเ่ หมาะกบั งานท่ตี อ้ งซกั บอ่ ยๆ
ภาพที่ 2-4 ไผ่
2. ทาจากสตั ว์ ได้แก่
- วูล (Wool) เป็น เส้นไหมท่ีทามาจากขนสัตว์ เช่น ขนแกะ เป็นต้น ไหมวูลมีความ
ทนทาน ยืดหยุ่น และไม่ยับง่าย ไหมวูลจะมลี ักษณะแตกต่างกนั ไปตามประเภทของขนสัตว์ที่นามาใช้ทาไหม เช่น
Merino Wool มีจะเป็นไหมเส้นละเอียดและนุ่มนม่ิ แต่หากเป็น Pure New Wool จะมีเส้นไหมท่ีหยาบกว่าแต่มี
ขอ้ ดีที่กันน้าได้ดีกว่า ไหมวูลมักใช้กับงาน sweater หมวก ผ้าพันคอ และถุงมือ แต่มีข้อควรระวังคือไหมวูลจะไม่
เหมาะกบั คนแพ้ง่าย
ภาพที่ 2-5 วลู
- โมแฮร์ (Mohair) ทามาจากขนแพะแองโกรา มีลักษณะเบาและอุ่น โมแฮร์มักผสม
กับวูลหรือไนลอนเพ่ือลดความคันที่เกิดจากลักษณะขน เช่นเดียวกับวูล โมแฮร์เหมาะกับงาน sweater หมวก
ผ้าพันคอ และถุงมือ
ภาพท่ี 2-6 โมแฮร์
- อลั พาคา (Alpaca) ทามาจากขนสตั วต์ ระกลู ลามะ (หน้าตาตลกนา่ รกั มากแถเรยี บร้อย
อกี ด้วย)เป็นขนทม่ี ีความอ่อนนุม่ อุ่นมาก และเบา ราคาถูกกวา่ แคชเมียร์ แตก่ ็ยงั แพงอยูด่ ี ใชก้ ับงานถกั เช่น หมวก
ผา้ พันคอ และ sweater
ภาพที่ 2-7 อัลพาคา
- แองโกรา (Angola) ทา มาจากขนกระต่ายแองโกรา นมุ่ น่ารัก แตม่ ีข้อเสยี คือแตกง่าย
ราคาก็แพงจึงมักผสมกับไหมอื่นๆและก็เพ่ือทาให้แข็งแรงทนทานขึ้นด้วย มักใช้งานหมวกและ sweaterเมอ่ื นาขน
ของเจ้ากระต่ายแองโกล่ามาใช้ผลิตเป็นไหมพรมหรือเส้นใยที่นาไปใช้ผลิตเคร่ืองนุ่งห่ม จะได้เนื้อผ้าท่ีสะอาด ให้
สัมผัสเบาสบาย มีน้าหนักเบาจนให้ความรู้สึกเหมือนล่องลอย แต่ในขณะเดียวกันก็ทาให้ผู้ที่สวมใส่เกิดความรู้สึก
อบอุ่นมากกว่าเสือ้ ผ้าทผ่ี ลติ จากเส้นใยจากสัตว์ชนดิ อืน่ ๆมากถงึ 7-8 เท่าดว้ ย นอกจากนี้ จากข้อมูลการทดลองทาง
การแพทย์ของแพทยใ์ นยุโรป ยังมีการใหข้ อ้ มูลท่นี ่ารูเ้ อาไว้วา่ ผูท้ สี่ วมใสเ่ สอื้ ผ้าที่ผลิตจากเส้นใยของขนกระต่ายแอง
โกล่านี้ จะมสี ่วนช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดตา่ งๆ ตามรา่ งกายให้แก่ผู้สวมใส่ โดยไม่ตอ้ งพ่ีงพิงการใช้ยาอกี ด้วย ซ่ึง
นับว่าเป็นคุณประโยชน์ที่สาคัญอีกประการหน่ึงท่ีนา่ สนใจ และน่าจะทาให้คอถักนิตติ้งทั้งหลายหันมาเลือกใช้ไหม
พรม แองโกลา่ จากขนของเจ้ากระตา่ ยชือ่ เดยี วกันมาเปน็ วัสดุในการใช้ถกั และผลติ เส้ือผ้ามากขน้ึ ดว้ ย
ภาพท่ี 2-8 แองโกรา
- แคชเมียร์ (Cashmere) ทามาจากขนแพะ แคชเมยี ร์ มีลักษณะนุ่มทส่ี ดุ หรหู ราทส่ี ุด
และแน่นอนราคาแพงทสี่ ุด ยงั มขี อ้ ดีที่ไมย่ บั ง่ายอีกด้วย (ดไี ปหมด) เหมาะกบั งาน sweater และผา้ พนั คอเส้นฝา้ ย
เนื้อนุ่ม ผสาน เส้นใยท่มี ี Texture ขนแซมเล็กนอ้ ยตลอดเสน้ ทาให้งานถักดูมมี ิติ และถา้ เอามาถกั เสื้อผ้า
เครื่องน่งุ หม่ กจ็ ะไดง้ านถักสุดเก๋สไตลเ์ กาหลี นิยมมาก และเป็นสนิ ค้าขายดี ส่วนใหญ่จะเอาไปถกั เป็นเส้ือผา้ Over
Size สาหรับวยั ร่นุ และงานถกั ตุก๊ ตา รวมถงึ หมวกนา่ รกั ๆ แนวเกาหลี
ภาพที่ 2-9 แคชเมียร์
- ไหม (Silk) ทามาจากตัวไหม มีลักษณะสวยยยยย ทน แต่ไม่ค่อยคืนตัว คือ ถ้าเป็น
เสอ้ื ผ้าทท่ี าจากไหมเมื่อใสแ่ ล้วยดื ตามตวั ไม่หดกลบั ราคากแ็ พง และยงั ดูแลรักษายากอีกดว้ ยใยไหมได้จากรงั ของตัว
ไหม ในไทยมีการเล้ียงไหมกันมากทางภาคอีสาน ใยไหมได้รับสมญาว่าเป็นราชินีแห่งเส้นใย มีความงามหรูหรา
เน้ือผ้าเป็นมันแวววาว ทาความพึงพอใจให้แก่ผู้สวมใส่ แต่ผ้าไหมมีราคาค่อนข้างแพง คนเรารู้จักใช้ผ้าไหมกันมา
นานหลายพันปแี ลว้ ประเทศจีนเป็นประเทศแรกท่รี ู้จกั เลีย้ งไหม และนาเส้นใยมาผลิตเป็นผ้าไหม
ภาพที่ 2-10 ไหม (Silk)
2.1.2 ไหมสังเคราะห์
- ไนลอน (Nylon) เปน็ ไหมสงั เคราะหท์ ีแ่ ข็งแรงทนทานทีส่ ดุ มกั นาไปผสมกับไหมประเภทอื่นๆ
ข้อเสียของไนลอนคอื ไมค่ ่อยระบายอากาศ แตท่ นน้าได้ดี
ภาพที่ 2-11 ไนลอน
- อคิริก (Acrylic) เป็นไหมมีน้าหนักเบาและแข็งแรง ราคาถูก เป็นที่นิยมในงานนิตต้ิง มักนาไป
ผสมกับวูล นิยมใช้กับงานหมวก ถุงมือ ผ้าห่ม และ sweaterไหมมีความน่ิม นุ่ม ไม่ขึ้นขน เหมาะสาหรับถักเส้ือ
หมวก ตุ๊กตา ผ้าพันคอ และงานฝีมืออื่นๆลักษณะเส้นไหมพรม ผลิตจาก ไหมอะคลิริก ผสมกับ คอตตอน ในเน้ือ
เส้นเดยี วกัน จากคุณสมบัติของอะคลิรกิ จะมีความนุ่ม ฟู และ คอตตอน ท่ีมีความแข็งแรง ทนทาน เซตตัวไดด้ ีเม่ือ
นาทั้งสองตัวมารวมกัน จึงทาให้ ไหมพรมอะคลิริกคอตตอน มีทั้งความนิ่มมากกว่าคอตตอน แต่เซตตัวได้เหมือน
คอตตอนทั่วไป ขนาดเสน้ จะประมาณเส้น ไหมคอตตอน ทใี่ ช้กนั ทั่วไป
ภาพท่ี 2-12 อคิริก
- เรยอน (Rayon) เปน็ ไหมท่ที าจากไม้ มีลกั ษณะนุม่ น่มิ และเป็นประกายสวยงาม เป็นทน่ี ยิ มใน
งานนติ ต้ิงเช่นกนั
ภาพท่ี 2-13 เรยอ่ น
- โพลีเอสเตอร์ (Polyester) มีลักษณะทนทาน ไม่ยับง่าย มักนาไปใช้ผสมกับไหมอ่ืนๆผ้าโพลีเอ
สเตอร์ (Polyester) คือเส้นใยสังเคราะห์ท่ีเกิดจากกระบวนการเคมีของ Ethylene Glycol และ กรด
Terephthalic ซงึ่ ถ้าให้พดู ง่าย ๆ ก็คือเส้นใยท่ีถกู ผลติ มาจากพลาสติกน่ันเอง ด้วยเหตุน้ีจึงทาให้เส้นใย โพลี
เอสเตอร์ มีความเหนียว ทนทาน นาไปผลิตเป็นสิ่งทอไดอ้ ย่างหลากหลาย ผ้าโพลีเอสเตอร์เป็นท่ีนยิ มมาก สาหรับ
การนามาทาเสื้อผ้า อย่างเช่น เส้ือผ้ากีฬา สูท หรือชุดยนู ิฟอร์ม เป็นต้น และด้วยคุณสมบัติของผ้าโพลีเอสเตอร์ท่ี
ดแู ลงา่ ย มคี วามคงทน จึงทาใหผ้ ้าโพลีเอสเตอร์ถกู นาไปผลติ เป็นกระเป๋า รองเทา้
ภาพท่ี 2-14 โพลีเอสเตอร์
- เมทาลคิ ไฟเบอร์ (Metallic Fibers) เปน็ ไหมท่ีมีโลหะเปน็ ส่วนประกอบจงึ ทาให้มีความเงางาม
และเปน็ ประกาย ไหมเมทาลิกไฟเบอรม์ ักต้องผสมกบั ไหมอื่นๆเพื่อเพมิ่ ความแข็งแรงทนทาน เหมาะกับงานสวยงาม
เช่น ชดุ กลางคนื เป็นต้นไฟเบอรห์ รอื เสน้ ใย (จากภาษาละติน: fibra [1] ) เป็นสารธรรมชาตหิ รอื ทม่ี นษุ ยส์ รา้ งข้นึ ซึ่ง
มีความยาวมากกว่าความกว้าง [2]เส้นใยมักใชใ้ นการผลิตวัสดุอ่ืน ๆ ท่ีแข็งแกรง่ วสั ดวุ ิศวกรรมมกั จะรวมเส้นใยเช่น
คาร์บอนไฟเบอร์และสูงพิเศษน้าหนักโมเลกุลพลาสติกกลุ่ม ใยแก้วนาแสงเส้นใยสังเคราะห์มักผลิตได้ในราคาถูก
มากและมีปริมาณมากเมื่อเทียบกับเส้นใยธรรมชาติ แต่สาหรับเส้ือผ้าเส้นใยธรรมชาติสามารถให้ประโยชน์บาง
อยา่ งเช่นความสบายมากกว่าเส้นใยสงั เคราะ
ภาพท่ี 2-15 เมทาลิคไฟเบอร์
- โพลไี พรพิลนี (Polypropylene) มีนา้ หนกั เบาและราคาถกู ทนทาน และมักใช้ผสมกับไหมโน
เวลต้ี (Novelty yarns)คุณสมบัตขิ องโพลโี พรพลิ ีนในบางรุ่นของพรมเหนยี ว, โพรพิลนี รวมกบั เสน้ ใยธรรมชาติ
ตวั อย่างเช่นผา้ ขนสตั ว์ผ้าไหม ดงั นั้นเสน้ ดา้ ยรว่ มกบั ขนสัตว์ดนู า่ สนใจมากขึ้นและควบคู่กับผ้าไหมมีราคาแพงมาก
ขน้ึ แมว้ า่ จะมคี ่าใช้จ่ายในการส่ังซ้ือของขนาดนอ้ ยกว่าผา้ ไหมพรม "สะอาด" ดังน้นั ก่อนท่จี ะซ้อื ผลติ ภัณฑท์ า
ความค้นุ เคยกับองค์ประกอบและเปรียบเทียบนโยบายราคากบั คุณภาพทแ่ี ท้จริงของสนิ ค้า
ภาพที่ 2-16 โพลีโพรไพลนี
- โนเวลต้ี (Novelty) เป็น ไหมผสมไม่ว่าจะเป็นผสมจากไหมธรรมชาติ หรือไหมสังเคราะห์ แต่
เปน็ ลักษณะผสมแบบพันๆเป็นเกลยี วไป หรืออาจมีการลูกเลน่ ทีต่ ัวเส้นไหม เช่น Boucle จะมีลักษณะเปน็ ไหมยงุ่ ๆ
อยรู่ อบเส้นไหมคล้ายผา้ เช็ดตวั Ribbon กค็ ลา้ ยริบบอน เปน็ ตน้
ภาพที่ 2-17 โนเวลตี้
การถกั ไหมพรมแบบต่างๆ
1. งานถัก หรือ นิตติ้ง (knitting) คอื การถกั ไหมพรมโดยใช้ไมป้ ลายแหลมสองอัน ถักเปน็ ลวดลายที
ละแถว จากไมด้ า้ นหนึ่ง ไปสไู่ มอ้ กี ดา้ นหน่งึ สลบั กันไปมาจนไดค้ วามยาวหรือลวดลายตามต้องการถักนติ ตง้ิ เปน็ การ
ถักเสน้ ไหมดว้ ยอปุ กรณ์ทเี่ ป็นไม้ตรงยาว เรยี กว่า ไม้นติ ตงิ้ ปลายด้านหนงึ่ แหลม ปลายอีกด้านเป็นตุ้มกลมเพ่ือ
ปอ้ งกันห่วงหลุด เวลาถักจะใชไ้ ม้นติ ติง้ 2 อนั เก่ียวไหมไปมา
ภาพที่ 2-18 ถกั นติ ตง้ิ
2. ถักโครเชท์เปน็ การถักดว้ ยอุปกรณ์ที่ด้านหน่ึงเป็นเขม็ ท่ีมีหัวเป็นตะขอ เรียกว่าเขม็ โครเชท์ ปัจจุบัน
ทาจากวัสดุหลายชนิด เช่น โลหะ พลาสติก ไม้ การถักเร่ิมจากการคล้องด้ายเข้ากับมือข้างหนึ่ง แล้วใช้มืออีกข้าง
หนง่ึ ถกั ดา้ ยเป็นลวดลาย ความสงู ของลายขึ้นอยู่กับจานวนโซท่ ่เี ร่ิมตน้ เมอื่ ถกั เสร็จแต่ละแถวต้องพลกิ กลบั
ภาพที่ 2-19 ถักโครเชท์
3. ถักอัฟกนั นติ ตง้ิ เปน็ การดว้ ยอปุ กรณท์ ี่เปน็ ดา้ มยาวเทา่ ไม้นติ ต้ิง ปลายดา้ นหน่ึงเปน็ เข็มโครเชท์ ปลาย
อีกดา้ นเป็นตมุ่ เรยี กวา่ ไมอ้ ัฟกนั เปน็ การถักทผ่ี สมผสานระหวา่ งการถักนิตตงิ้ และการถักโครเชท์ มีลักษณะพเิ ศษ
คือเมือ่ ถักจบแถวไมจ่ าเปน็ ตอ้ งพลกิ กลบั ช้นิ งาน สามารถถกั ถอยหลงั ข้นึ แถวตอ่ ไปได้ ระยะความสงู ของแถวข้นึ อยู่
กับไมท้ ใี่ ช้
ภาพที่ 2-20 ถักอฟั กัน
4. ถักแฮร์พินเป็นการถักด้วยอุปกรณ์ 2 ชิ้น ชิ้นหนึ่งเป็นเหล็กรูปร่างเหมือนตัว U หรือหลักคู่ ใช้เข็ม
โครเชท์ถักเส้นไหมบนหลักคู่ งานถักท่ีได้จะเปน็ แถบเส้นตรง แลว้ จึงนามาเช่ือมตอ่ กนั เป็นชิ้นงานท่ีตอ้ งการ ตอ่ กัน
ดว้ ยการถักโครเชท์ ถกั นิตตง้ิ หรอื ใชเ้ ข็มเยบ็ ไหมพรมเย็บตอ่ กัน
ภาพท่ี 2-21 ถักแฮรพ์ ิน
ไหมพรม เป็นท่ีรู้จกั กันมานานมาก ท้ังในประเทศไทยและท่วั โลก การถักไหมพรม เปน็ งานฝมี ือทใี่ ห้ความ
สนุกสนานเพลิดเพลิน และได้ประโยชน์ จึงเปน็ ที่นิยมกันแพร่หลายในทกุ ช่วงอายุคน คนท่มี ีทักษะอยแู่ ลว้ สามารถ
สร้างรายได้เสริมได้ แต่สาหรับผู้ท่ีมีความชื่นชอบในงานประเภทนี้แต่ไม่มีความรู้ ไม่มีฝีมือหรือทักษะ ก็สามารถ
ฝึกฝนเรยี นรูฝ้ ึกหัดทากันไดไ้ ม่ยากเกินการฝกึ ฝนก็ทาไดง้ ่าย มีการเปิดสอน หนังสือ หรอื หาดูจากคลปิ วีดโี อ ในเวบ
เพจตา่ ง ๆ ก็ได้
ภาพที่ 2-22 สิง่ ประดิษฐจ์ ากไหมพรม
2.2 แนวคดิ และทฤษฎเี ขม็ ถกั ไหมพรม
2.2.1. เข็มโครเชต์ (Crochet Hook) เข็มโครเชต์มีอยู่ด้วยกันหลายขนาด ทาจากวัสดุที่หลากหลาย มีทั้ง
แบบมีหวั เข็ม 2 ขา้ งและแบบมหี วั เขม็ ข้างเดียว โดยเข็มแต่ละขนาดจะเหมาะกับงานท่ีแตกต่างกันไป และข้ึนอยู่กับ
ความชอบของแต่ละคน สาหรบั บีแนะนาใหเ้ ริ่มต้นดว้ ยเข็มขนาดใหญ่ ไซส์ 4/0, 5/0 , 6/0 หรือไม่ก็ 7/0 เพราะ
จะไดล้ ายขนาดใหญท่ ง่ี า่ ยต่อการนบั หลัก
ภาพท่ี 2-23 เข็มโครเชต์
2.2.2 เข็มสอดไหมพรม หรือ เข็มเย็บไหมพรม เปน็ เข็มท่ีปลายมนไม่แหลม จะได้ไม่ทิ่มน้ิวเรา เวลาเก็บ
ปลายไหมค่ะอุปกรณ์แค่ 4 ชิ้นน้ี กเ็ พียงพอแลว้ สาหรับการเรม่ิ ถกั โครเชตแ์ ล้วละค่ะ สาหรบั อุปกรณ์อน่ื ๆ
ภาพท่ี 2-24 เขม็ สอดไหมพรม
2.2.3 เขม็ เย็บผา้ ที่ใช้สาหรบั การดว้ ยมือเยบ็ เป็นเคร่อื งมอื ท่เี รียวยาวปลายแหลมท่ีปลายด้านหนง่ึ และหลุม
(หรือตา ) ทีอ่ ื่น ๆ เข็มทเ่ี ก่าแก่ที่สุดทท่ี าจากกระดูกหรือไม้ ; เข็มที่ทันสมัยผลิตจากลวดเหล็กกล้าคาร์บอนสูงและ
ชบุ นิกเกิลหรือทอง 18Kเพ่ือต้านทานการกัดกร่อน ที่มีคุณภาพสูงปักเข็มชุบด้วยสองในสามแพลทินัมและหน่ึงใน
สามอัลลอยไทเทเนียมตามเนื้อผ้า เข็มจะถูกเก็บไว้ในหนังสือเข็มหรือกล่องเข็มซึ่งได้ก ลายเป็นวัตถุของ
เครื่องประดับ[1]เขม็ เย็บผ้าอาจเก็บไวใ้ นกลอ่ งเลก็ ๆ ทเี่ ก็บเข็มและส่งิ ของอื่นๆ เช่น กรรไกร ดินสอ และแหนบ
ภาพที่ 2-25 เขม็ เย็บผา้
2.3 แนวคดิ และทฤษฎกี รรไกร
กรรไกร (อังกฤษ: scissors) เป็นเคร่ืองมือที่ใช้สาหรบั ตดั วัสดุบาง ๆ โดยใช้แรงกดเล็กนอ้ ย โดยใช้ตัดวัสดุ
เชน่ กระดาษ กระดาษแขง็ แผน่ โลหะบาง พลาสตกิ บาง อาหารบางอยา่ ง ผา้ เชือก และสายไฟ เปน็ ต้น นอกจากนี้
ยังใชเ้ พื่อตดั ผมกไ็ ด้ สว่ นกรรไกรขนาดใหญ่อาจใชต้ ดั ใบไมแ้ ละกิ่งไม้ ซึง่ มคี วามแขง็ แรงเปน็ พเิ ศษกรรไกรนนั้ ตา่ งจาก
มีด เพราะมีใบมีด 2 อัน ประกบกันโดยมีจดุ หมุนรว่ มกัน กรรไกรสว่ นใหญจ่ ะไม่มคี วามคมมากนัก แตอ่ าศยั แรงฉีก
ระหว่างใบมีดสองด้าน กรรไกรของเด็กน้ันจะมีความคมน้อยมาก และมักมีพลาสติกหุ้มเอาไว้ในภาษาไทย เรียก
"กรรไกร", "กรรไตร" หรือ "ตะไกร" ส่วนในภาษาอังกฤษ โดยท่ัวไปเรียกว่า "scissors" แต่ในอุตสาหกรรม เรียก
กรรไกรท่ีมีความยาวมากกว่า 15 เซนติเมตร ว่า "shears" แต่ที่นิยมเรียกในประเทศไทยคือ กรรไกรในทาง
กลศาสตร์ ถือว่ากรรไกรเปน็ คานคู่ชั้น 1 (First-Class Lever) ซงึ่ มีหมุดกลางทาหน้าทเี่ ปน็ จดุ หมุน ส่วนการตดั วัสดุ
หนาหรือแข็งนั้น จะให้วัสดุอยใู่ กล้จดุ หมุน เพ่ือเพ่ิมแรงกดให้มากที่สุด ตัวอย่างเช่นหากแรงท่ีใช้ (นั่นคือ มือ) ห่าง
จากจดุ หมนุ เป็นสองเท่าของตาแหน่งท่ีตัด (น่ันคือ ตาแหน่งกระดาษ) แรงที่กดบนขากรรไกรกจ็ ะเป็นสองเท่าด้วย
กรรไกรพิเศษ เช่น กรรไกรตัดเหลก็ (bolt cutters) สาหรบั งานกู้ภัย จะมปี ากสั้น และด้ามยาว เพื่อให้วสั ดุที่ตดั อยู่
ใกลจ้ ุดหมนุ มากทส่ี ุดนั่นเอง กรรไกรตัดเหล็กเสน้ กอ่ สรา้ ง (bar cutters)สาหรบั งานก่อสรา้ ง โดยเฉพาะไซตง์ านทไี่ ม่
มีไฟฟ้าใช้ ทางานโดยใช้แรงกล มดี ้ามยาวสาหรับโยกหมุนเฟืองเพ่ือดันใบมีดเข้าหากนั เพอื่ ตัดเหลก็ เหมาะกับการ
ใช้ตดั ชิน้ งานหยาบ ไม่สามารถใชก้ ับงานทีล่ ะเอียดได้ นอกจากน้ียังมีกรรไกรตดั เหลก็ ที่ใช้สาหรับตัดเหลก็ แผ่น เหล็ก
แบน เหล็กกลม (shearing machines) ซ่ึงใช้กลวิธีการทางานคือ โยกด้ามยาวท่ีติดกับตัวขับท่ีเป็นฟันเหล็ก และ
เฟืองซึ่งทาจากเหล็กขึ้นรปู ร้อน โดยตัวขับจะเป็นตัวส่งกาลังไปยังตัวเล่ือน เพ่ือดันใบมีดตัวบนเข้ามาใบมีดตัวล่าง
และมีสปริงค้าคันโยก ซึ่งจะช่วยปอ้ งกันคนั มือโยกไม่ให้หล่นลงมา และยงั เป็นตัวทาให้เกิดความสมดุลของน้าหนัก
ของตัวคนั มอื โยกอีกดว้ ย
2.3.1 กรรไกรตัดกระดาษ
เปน็ กรรไกรที่ออกแบบมาใช้ตัดกับกระดาษได้หลายประเภท กรรไกรชนดิ นีม้ ีเปน็ ลกั ษณะการตดั แบบเรียบ
ขนาดกะทดั รดั จบั ใช้งานถนดั มอื และตดั ง่าย มักพบเห็นตามสถานท่ที ว่ั ๆ ไป เชน่ บ้านเรอื น โรงเรียน และออฟฟศิ
ภาพที่ 2-26 กรรไกรตดั กระดาษ
2.3.2 กรรไกรสาหรบั เปิดซองจดหมาย
เป็นกรรไกรทอ่ี อกแบบมาเพือ่ เปดิ ซองจดหมายได้ทนั ทดี ้วยการตัดเพียงครงั้ เดยี ว รอยตัดเรียบเนยี น ดู
สะอาดเรยี บร้อย และไม่ทาใหเ้ อกสารด้านในเกิดความเสยี หาย นอกจากน้ยี ังใชต้ ดั กระดาษขนาดกว้างๆ ไดร้ วดเรว็
กวา่ กรรไกรทวั่ ไปอีกด้วย
ภาพท่ี 2-27 กรรไกรสาหรบั เปดิ ซองจดหมาย
3.2.3 กรรไกรตดั เทปกาว
กรรไกรชนิดนี้ใบมีดมคี วามคมสงู พิเศษ สว่ นใหญท่ าจากสแตนเลสกผสมไทเทเนียม มคี วามทนทาน
น้าหนักเบา และทาความสะอาดคราบกาวออกงา่ ย ใช้ตัดกระดาษกาว เทปกาว หรอื สติก๊ เกอร์ต่างๆ ได้ดีเยย่ี ม
เหมาะสาหรับใชง้ านทว่ั ไปจนถึงระดับงานแบบประณตี
ภาพท่ี 2-28 กรรไกรตดั เทปกาว
3.2.4 กรรไกรอเนกประสงค์ ใช้งานทั่วไป
เป็นรปู แบบกรรไกรทนี่ ยิ มใช้กนั อย่างแพรห่ ลาย มหี ลายขนาดและดา้ มจับหลายสีสันใหเ้ ลือกใชง้ าน โดย
ส่วนใหญ่ทใ่ี ช้งานกนั มักเป็นแบบสาหรบั มอื ขวา ทาให้ปัจจบุ ันน้บี างผู้ผลติ ได้ผลิตแบบสาหรับมือซ้ายออกมาวาง
จาหน่ายแล้ว
ภาพท่ี 2-29 กรรไกรอเนกประสงค์ ใช้งานทว่ั ไป
3.2.5 กรรไกรอเนกประสงค์ สาหรับมอื ซา้ ย
เหมาะสาหรบั ผ้ใู ชง้ านท่ถี นดั มอื ซ้าย โดยช่องของด้ามกรรไกรจะมีรูปแบบตรงข้ามกบั ไกรกรรสาหรบั มือ
ขวา ช่วยให้การตัดวสั ดุตา่ งๆ ทาไดอ้ ยา่ งคลอ่ งมอื นอกจากนบี้ างรุ่นด้ามจบั ออกแบบให้ใชง้ านไดท้ ้ังมือซ้ายและมอื
ขวา
ภาพที่ 2-30 กรรไกรอเนกประสงค์ สาหรบั มือซา้ ย
3.2.6 กรรไกรอเนกประสงคส์ าหรับงานประณตี
ดไี ซนโ์ ดยรวมของกรรไกรจะมเี รียวบาง สวยงาม ขนาดกะทดั รดั ใบมีดปลายแหลมและคมมาก บางรุ่น
ใบมดี กรรไกรถูกเคลอื บด้วยฟลอู อรนี สามารถตัดวัสดทุ ีม่ คี วามเหนียวได้ ทาให้ตดั ชน้ิ งานขนาดเลก็ ๆ และมีกาว
เหนียวๆ ให้ขาดออกจากกนั ได้อย่างแม่นยา
ภาพที่ 2-31 กรรไกรอเนกประสงค์สาหรับงานประณีต
2.3.7 กรรไกรอเนกประสงค์สาหรบั งานอตุ สาหกรรม
หน้าตาคลา้ ยกบั กรรไกรอเนกประสงคแ์ บบใชง้ านทัว่ ไป แตว่ สั ดุที่ใช้ผลิตมีคุณภาพสงู กวา่ ทนต่อการใชง้ าน
สงู ไมเ่ ป็นสนมิ มอี ายกุ ารใช้งานยาวนาน เหมาะสาหรับตดั วสั ดแุ ละช้ินงานตา่ งๆ ในงานอุตสาหกรรม
ภาพที่ 2-32 กรรไกรอเนกประสงค์สาหรบั งานอตุ สาหกรรม
2.3.8 กรรไกรอเนกประสงค์ แบบเเทง่
มีรูปทรงคลา้ ยกบั แท่งปากกา ขนาดเล็กกะทดั รัด จัดเกบ็ งา่ ย เหมาะสาหรับพกพาตดิ ตวั ไปทกุ ที่
ภาพท่ี 2-33 กรรไกรอเนกประสงค์ แบบเเท่ง
2.3.9 กรรไกรตดั ผา้
รปู ทรงภายนอกคลา้ ยคลึงกับกรรไกรอเนกประสงค์ทัว่ ๆ ไป แต่ใบมดี มีความคมสงู ไม่เปน็ สนิม ออกแบบ
มาเพือ่ ใชต้ ัดเน้ือผา้ โดยเฉพาะ การตดั ผ้ามคี วามเที่ยงตรงสูง ทาให้รอยตัดเรยี บเนยี น สวยงาม และไม่ทาเนื้อผ้า
เสียหาย
ภาพที่ 2-34 กรรไกรตดั ผ้า
2.3.10 กรรไกรหยัก
คมตัดของปากกรรไกรจะมีลักษณะเป็นคล่ืนๆ โค้งตลอดใบมีด เมื่อตัดออกมาแล้วจะเป็นรอยหยักโค้งมน
สวยงาม ซึง่ สามารถเพิม่ มลู ค่าใหก้ ับช้นิ งานได้ นยิ มใชต้ ัดงานฝีมือ งาน DIY และทาดอกไม้ประดิษฐต์ ่างๆ
ภาพท่ี 2-35 กรรไกรหยัก
2.3.11 กรรไกรก้ามปู
รปู ร่างโดยรวมของกรรไกรมีลักษณะคล้ายกับก้ามปู คมตัดของปากกรรไกรมีความคมสูง ตัวด้ามกรรไกร
ขนาดเล็กกะทัดรดั จับถนัดกระชับมอื ใช้งานง่ายและพกพาสะดวก เหมาะสาหรับเก็บรายละเอียดช้ินงาน นิยมใช้
ในงานช่างเยบ็ ผา้ และงานฝีมือตา่ งๆ
ภาพที่ 2-36 กรรไกรกา้ มปู
2.3.12 กรรไกรตดั ขวด
ปากกรรไกรเป็นปลายเฉียง โดยปลายเฉียงจะช่วยโค้งรับกับรูปทรงขวด ทาให้ตัดขวดพลาสติกทรงกระ
บอก ขวดทรงเหลี่ยม หรือกระดาษโค้งๆ ได้สะดวกกว่ากรรไกรอเนกประสงค์ท่วั ไป นิยมใช้กับพวกงานฝีมือ และ
งาน DIY ส่งิ ของตา่ งๆ
ภาพท่ี 2-37 กรรไกรตดั ขวด
2.3.13 กรรไกรตัดเหล็ก/แบบตัดตรง
ใบมีดกรรไกรเป็นแบบปากตรง ทาจากโลหะแข็งแรงและทนทานสงู สามารถตัดแผ่นโลหะหรอื เสน้ โลหะได้
หลายชนิด เช่น แผ่นสแตนเลส สงั กะสี ลวดทองแดง มุ้งลวด ฯลฯ
ภาพที่ 2-38 กรรไกรตดั เหล็ก/แบบตัดตรง
2.3.14 กรรไกรตัดเหลก็ /แบบโค้ง
เป็นกรรไกรตัดแผน่ โลหะอีกรูปแบบ โดยปลายใบมีดมีลกั ษณะโคง้ และเฉยี ง มที งั้ แบบโค้งซา้ ย แบบโค้งขวา
และบางรนุ่ ปลายโคง้ แบบมมุ 90 องศา ช่วยให้การตดั แผน่ โลหะทเี่ ปน็ รัศมีโคง้ ไดส้ ะดวกย่ิงข้นึ เช่น สแตนเลสม้วน
ภาพท่ี 2-39 กรรไกรตดั เหล็ก/แบบโคง้
2.3.15 กรรไกรตดั ลวด
ใบมีดกรรไกรออกแบบมาเพ่ือใช้ตัดเส้นลวดท่ีทาจากโลหะ เช่น ลวดเหล็ก ลวดทองแดง หรือลวดตะก่ัว
โดยรุ่นท่ีมีรูปทรงคลา้ ยกบั กรรไกรอเนกประสงค์ เหมาะกับเส้นลวดท่มี ขี นาดเส้นผ่านศูนยก์ ลางขนาดเล็กๆ มักใชใ้ น
กลุ่มงานฝืมือ หรอื ตัดลวดทองแดงในงานอเิ ล็กทรอนิกส์
ภาพที่ 2-40 กรรไกรตดั ลวด
2.3.16 กรรไกรตดั ลวดรนุ่ งานหนัก
กรรไกรชนิดนี้มีช่ือเรียกอ่ืนอีก คือ กรรไกรตัดลวดสลิงและกรรไกรตัดเหล็กเส้น ส่วนใหญ่กรรไกรรุ่นนี้มี
รปู ทรงคล้ายกับคมี ตัด คมตัดแข็งแรง เหนียวและทนต่อการบ่ิน นิยมนาไปใชต้ ัดลวดเส้นใหญ่ที่มีความแขง็ สงู ช่วย
ใหง้ านตัดทาได้ง่าย สะดวก ไม่เปลืองแรง
ภาพท่ี 2-41 กรรไกรตดั ลวดรนุ่ งานหนัก
2.3.17 กรรไกรตดั วายดกั
เป็นกรรไกรท่ใี ชใ้ นงานชา่ งไฟฟา้ โดยใบมีดของกรรไกรมีความแข็งแรง ทนต่อการตดั มขี นาดกว้างและยาว
กว่ากรรไกรทั่วไป สาหรบั ใชต้ ัดท่อร้อยสายไฟ รางเก็บสายไฟท่ีทาจากพลาสตกิ ตัดได้ทง้ั รางแบบทึบและรางแบบ
โปร่ง และยังใชต้ ัดแผน่ กระเบ้ืองพลาสติก หรอื พรมพลาสตกิ ได้ดว้ ย
ภาพที่ 2-42 กรรไกรตดั วายดกั
2.3.18 กรรไกรตดรางครอบสายไฟ ปรับองศาได้
กรรไกรสาหรับตัดปลายรางครอบสายไฟ รางเก็บสายไฟ หรือปลายท่อต่างๆ ที่เป็นจุดเช่ือมต่อกันให้มี
องศาเข้ากับมุมไดพ้ อดี ชว่ ยให้ทางานเสร็จเรว็ ขน้ึ
ภาพท่ี 2-43 กรรไกรตดรางครอบสายไฟ ปรบั องศาได้
2.3.19 กรรไกรตดั รางครอบทอ่ แอร์
ลักษณะของใบมดี มีขนาดกว้างและยาวคลา้ ยกบั กรรไกรวายวัก แต่ปากกรรไกรอีกฝั่งจะมลี ักษณะเป็นร่อง
มไี ว้สาหรับยึดเขา้ กับขอบของรางท่อแอร์ ชว่ ยให้ตัดทอ่ แม่นยายงิ่ ข้ึน และบางรุ่นยังสามารถนาไปใช้ร่วมกับตัดราง
เกบ็ สายไฟได้เช่นกนั
ภาพท่ี 2-44 กรรไกรตัดรางครอบท่อแอร์
2.3.20 กรรไกรตดั ทอ่
มลี ักษณะเดน่ ตรงชว่ งปากของกรรไกร เป็นปากแบบโคง้ รับกับท่อกลมพรอ้ มกับมใี บมดี บางและขนาดใหญ่
สามารถใช้ตัดท่อ PVC และทอ่ อ่อนให้ขาดออกจากกันได้อย่างรวดเรว็ ประหยดั แรงและประหยัดเวลา มักใช้ในงาน
เดินสายไฟและงานติดตัง้ ท่อนา้ ประปา
ภาพที่ 2-45 กรรไกรตดั ท่อ
2.3.21 กรรไกรตดั หญ้า
กรรไกรตดั หญ้าเปน็ กรรไกรตกแต่งสวนประเภทหน่ึงท่ีใบมีดกรรไกรมีลักษณะปลายเรยี วแหลมและขนาด
ยาว มาพร้อมกับด้ามจบั 2 ข้าง ด้ามมีหลายรปู แบบ เช่น ด้ามโลหะเปลือย ด้ามจับหุ้มยาง หรือด้ามจับไม้ เป็นต้น
เหมาะกับงานตดั เล็มหญ้าบนพืน้ สนามและตดั แตง่ ใบไม้ส่วนทีเ่ กินออกมาจากพมุ่ ไม้ได้ตามต้องการ
ภาพที่ 2-45 กรรไกรตัดหญ้า
2.3.22 กรรไกรหญ้าแบบยนื
สามารถยนื ตัดหญา้ ควบคู่กับการเดนิ ได้ ทงั้ ยงั ช่วยลดอาการเมือ่ ยลา้ และไม่ปวดขอ้ เขา่ ได้ดี กรรไกรแบบยืน
จึงดีกวา่ กรรไกรตดั หญา้ รุ่นท่วั ไป ช่วยให้งานตัดหญ้าสะดวกสบาย ทนุ่ แรงทางาน และตดั ไดน้ านยง่ิ ขนึ้
ภาพท่ี 2-46 กรรไกรหญา้ แบบยนื
2.3.23 กรรไกรตดั หญ้าแบบมือเดยี ว
ลักษณะของใบมีดคล้ายกับกรรไกรตัดหญ้าท่ัวไป แต่มขี นาดเลก็ กะทดั รดั กว่า สามารถใชง้ านได้ดว้ ยมอื ข้าง
เดียว สะดวกตอ่ การพกพา เหมาะสาหรับใช้ตัดหญ้าและวชั พืชต่างๆ ทีข่ น้ึ ตามกระถางต้นไมไ้ ดง้ า่ ย
ภาพท่ี 2-47 กรรไกรตัดหญ้าแบบมอื เดียว
2.3.24 กรรไกรตัดกิ่ง
กรรไกรประเภทน้ีมีขนาดใหญ่และด้ามจับหนากว่ากรรไกรอเนกประสงค์ โครงสร้างหลักประกอบด้วย
ใบมีดแข็งแรงพิเศษ สปริง และด้ามจับมีท้ังแบบด้ามเปลือย ด้ามหุ้มยางและด้ามหุ้มพีวีซี เหมาะกับการใช้ตัด
ตกแตง่ พุม่ ไม้ทั่วไป
ภาพท่ี 2-48 กรรไกรตดั กง่ิ
2.3.25 กรรไกรตัดก่งิ แบบปากโค้ง
กรรไกรตัดก่ิงชนิดน้ีที่ใบมีดจะมีลักษณะโค้งคล้ายกับปากนกแก้ว ช่วยป้องกันกิ่งไม้เล็กๆ หลุดออกจาก
ใบมดี ระหวา่ งตดั แต่งพมุ้ ไมไ้ ด้ ทาให้การตดั มีความแม่นยาและทางานเร็วยิง่ ขนึ้
ภาพท่ี 2-49 กรรไกรตัดกงิ่ แบบปากโค้ง
2.3.26 กรรไกรตัดกิง่ แบบไรส้ าย
เป็นกรรไกรตดั กิง่ แบบชารจ์ ไฟได้ เพม่ิ ความสะดวกสบายตอ่ งานตดั แตง่ ก่ิงไม้ ทุ่นแรงและลดความเม่ือยล้า
ไดด้ ี สนุกกบั การทางาน ในบางรุ่นมีไฟฉาย LED อีกด้วย
ภาพที่ 2-50 กรรไกรตดั กงิ่ แบบไร้สาย
2.3.27 กรรไกรตัดกงิ่ ดา้ มยาว แบบจบั สองขา้ ง
ดา้ มกรรไกรเป็นท่อกลมยาวพรอ้ มกบั ทีห่ นีบ โดยใช้มือบีบเพื่อให้ใบมีดประกบเข้าหากนั บางรุ่นปรับความ
ยาวได้ ใบมีดมใี ห้เลือกท้ังแบบใบเรียบและใบเลื่อย เหมาะกับงานตัดเก็บผลไม้ ตัดแต่งกิ่งไม้สูงๆ หรือก่ิงไม้ที่อยู่ใน
ระยะไกลจากตวั หรือบรเิ วณทแ่ี คบและเข้าถึงยากได้
ภาพที่ 2-51 กรรไกรตดั ก่งิ ด้ามยาว แบบจับสองข้าง
2.3.28 กรรไกรอเนกประสงค์สาหรับงานหนกั
ส่วนใหญ่กรรไกรกลุ่มนี้ออกแบบมาเพ่ือตัดวัสดุตัดยากได้หลากหลายชนิด เช่น หนังสัตว์ แท่งพลาสติก
สายไฟ แผน่ ยาง หรือแผ่นโลหะบางๆ เป็นต้น ลักษณะโดยทั่วไปจะเปน็ ใบมดี หนาระดับหนึ่ง คมตัดแข็งแรงและทน
ตอ่ การบิน่ มาพรอ้ มด้ามจบั แบบหุ้มยางหรอื แบบหมุ้ พลาสติกทช่ี ่วยกนั ล่ืนหลุดออกจากมอื ระหวา่ งตดั ชิ้นงานได้
ภาพที่ 2-52 กรรไกรอเนกประสงคส์ าหรับงานหนกั
2.3.29 กรรไกรอเนกประสงค์สาหรบั งานหนกั แบบปากเฉียง
ส่วนใหญ่กรรไกรกลุ่มนี้ออกแบบมาเพ่ือตัดวัสดุตัดยากได้หลากหลายชนิด เช่น หนังสัตว์ แท่งพลาสติก
สายไฟ แผ่นยาง หรือแผ่นโลหะบางๆ เป็นต้น ลกั ษณะโดยทั่วไปจะเปน็ ใบมดี หนาระดบั หนึ่ง คมตัดแข็งแรงและทน
ต่อการบ่ิน มาพร้อมด้ามจบั แบบหุ้มยางหรอื แบบหุม้ พลาสตกิ ท่ีช่วยกนั ล่ืนหลดุ ออกจากมือระหว่างตดั ชน้ิ งานได้
ภาพท่ี 2-53 กรรไกรอเนกประสงค์สาหรบั งานหนกั แบบปากเฉียง
2.3.30 กรรไกรอเนกประสงค์ สาหรบั งานช่างไฟฟ้า
เป็นเครื่องมือขนาดเล็ก พกพาสะดวก ใช้งานง่าย เหมาะสาหรับใช้ปอกฉนวนหุ้มสายไฟได้หลายรูปแบบ
เช่น ฉนวน PVC หรือฉนวน XLPE เปน็ ต้น และยังตัดลวดตวั นาไดด้ ้วย
ภาพที่ 2-54 กรรไกรอเนกประสงค์ สาหรบั งานชา่ งไฟฟา้
2.3.31 กรรไกรสแตนเลส สาหรับงานอิเล็กทรอนกิ ส์
เป็นเครื่องมือช่างไฟฟ้าขนาดเล็ก ปากกรรไกรมีแบบตรงและแบบโค้งให้เลิอกใช้งาน เหมาะกับงานตัดท่ี
ต้องการึความประณตี ละเอยี ด นยิ มใชใ้ นทางานกับแผ่น PCB
ภาพที่ 2-55 กรรไกรสแตนเลส สาหรับงานอิเล็กทรอนกิ ส์
2.3.32 กรรไกรสาหรบั ตดั วัสดุปูพน้ื
เป็นกรรไกรที่ออกแบบมาเพื่องานตัดวัสดุปูพ้ืนโดยเฉพาะ ใบมีดคม ตัดเข้าเนอ้ื วัสดุให้ขาดออกจากกันได้
แม่นยา และมาพร้อมกับด้ามจบั ที่เขา้ กับรปู มือ ช่วยให้ถนัดมือมากยิ่งข้ึน สามารถตัดวัสดุปูพื้นได้หลากหลายชนิด
เชน่ หญา้ เทียม พรมหนัง พรมยาง พรมอดั เรยี บ ฯลฯ
ภาพที่ 2-56 กรรไกรสาหรบั ตดั วัสดุปูพื้น
2.3.33 กรรไกรตัดแบ่งยาเมด็
กรรไกรชนิดนี้ตรงปลายปากกรรไกรมลี ักษณะโคง้ เวา้ ท่ดี า้ นในท้ังสองฝั่ง มีคณุ สมบัตทิ ่ีใชส้ าหรับตัดแบ่งยา
เมด็ เหมาะกับผปู้ ่วยทีท่ านยาเมด็ ยาก และสะดวกต่อการแบ่งขนาดยาเม็ดให้ได้ปริมาณทเี่ หมาะสมกับใบส่งั ยาจาก
แพทย์ และในปัจจบุ นั ยังเป็นที่นิยมนาไปใช้ตัดเล็บนอ้ งแมวอีกดว้ ย
ภาพที่ 2-57 กรรไกรตัดแบง่ ยาเม็ด
รพีภัทร อารีรัตนเวช : 2562 “หัตถกรรมถกั กระเป๋าจากไหมพรม มินินตรา” เน่ืองจากปจจุบันมีผูคนหัน
มาใชกระเปาเปนจานวนมากจึงไดนาหตั ถกรรมมาเปนหลักในการทากระเปาจากไหมพรมเพอ่ื ตอบสนองความตอง
การของคนท่ัวไป ต้ังแตระดับลางจนถึงระดับสูงสุดกระเปาไหมพรม พรมเปนผลพลอยไดจากการถักไหมพรม เป
นงานหตั ถกรรมท่ที าขนึ้ เพอื่ การเผยแพรและขยายความรูเก่ยี วกบั การนาไหมพรมมาใชใหเกิดประโยชนและเสรมิ สร
างรายไดและสรางผลงานใหมออกมาและตอบสนองความตองการของลูกคาในยุคปจจบุ นั โดยมเี ปาหมายคือการสร
างผลกาไรรายไดใหกบั เพื่อสรางอาชีพการขายสินคาทางผูจัดทาโครงการจึงไดเล็งเหน็ ถงึ ประโยชนของไหมพรมเพื่อ
นามาถกั ใหเปนกระเปาไหมพรมใหกระเปามีรูปแบบสวยงามอกี ทงั่ น้ยี ังเปนการ
ตอยอดทางความคดิ ไปสูวัสดอุ น่ื ๆ ไดอีกดวย
นางสาวพรพมิ ล มนี ิล : 2562 “หัตถกรรมหมอนถกั ไหมพรม” เนอื่ งจากปัจจุบันมผี ู้คนหนั สนใจมาใช้หมอน
ไหมพรหมเป็นจานวนมาก จึงได้นาหัตถกรรมมาเป็นหลักในการท าหมอนไหมพรหมเพื่อตอบสนองความต้องการ
ของคนทั่วไป ต้ังแต่ระดับล่างจนถึงระดับสูงสุด หมอนไหมพรหมเป็นงานฝีมือซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการทาเป็น
เวลานานจงึ ไม่มผี ู้คนทส่ี นใจทามากเท่าทค่ี วรจงึ เปน็ งานหัตถกรรมทีท่ าข้ึนเพือ่ การเผยแพร่และขยายความรู้เกย่ี วกับ
การน าไหมพรมมาใช้ให้เกิดประโยชน์และเสริมสร้างรายได้และสร้างผลงานใหม่ออกมาและตอบสนองความ
ต้องการของลกู ค้าในยุคปัจจุบันโดยมเี ป้าหมายคอื การสรา้ งผลกาไร รายไดใ้ ห้กับเพือ่ สรา้ งอาชพี การขายสินค้า ทาง
ผจู้ ดั ทาโครงการจึงไดเ้ ล็งเห็นถึงประโยชนข์ องไหมพรมเพ่อื นามาถกั ให้เป็นปลอกหมอน ให้หมอนมรี ูปแบบสวยงาม
อีกท้งั น้ียงั เป็นการตอ่ ยอดทางความคดิ ไปสวู่ สั ดุอื่น ๆ ไดอ้ ีกดว้ ย
นติ ยา วันโสภา : 2554 “การพัฒนาเสื้อผา้ พับเกบ็ ไดใ้ นรูปแบบกระเปา๋ ” งานวิจัยครงั้ น้ี มีวตั ถุประสงค์ 1)
เพื่อออกแบบรปู แบบเส้ือแบบพับเก็บได้ในรูปแบบของกระเปา๋ 2) ศึกษาความพงึ พอใจของผบู้ ริโภคที่มีต่อเส้ือพับ
เก็บได้ในรูปแบบของกระเป๋า3) เพอ่ื เปรียบเทียบผลความพึงพอใจของผูบ้ ริโภคทมี่ ีต่อเสอ้ื พับเก็บได้ในรูปแบบของ
กระเป๋า โดยเร่ิมจากการร่างแบบเส้อื จานวน 30 แบบ และร่างแบบกระเปา๋ จานวน 30 แบบ นาไปให้ผู้เช่ียวชาญ
คัดเลอื กแบบรา่ งเส้อื จานวน 8 แบบ และแบบรา่ งกระเป๋า จานวน 8 แบบ จากนัน้ ผูว้ ิจัยจึงนามาจับคู่จานวน 8 ชุด
และปรับแบบเพอ่ื ให้มีความเหมาะสมแล้วทาการตดั เย็บ แล้วนาไปสอบถามความพึงพอใจของผู้บริโภค โดยการใช้
แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้บริโภคจากสตรีในแหล่งการค้าย่านสยามสแควร์ กรุงเทพมหานคร ในปีพ.ศ.
2554 โดยการส่มุ ตัวอย่างแบบบังเอิญจานวน 300 คนการวเิ คราะห์ข้อมูลจากแบบประเมิน และแบบสอบถามโดย
ใช้ค่าสถิติ ค่าเฉล่ีย ร้อยละ สรุปผลในรูปตารางผลการศึกษาในด้านความพึงพอใจของผู้บริโภคเกี่ย วกับการ
ออกแบบเสื้อผ้าพับเก็บได้ในรูปแบบกระเป๋าพบว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 26 - 30 ปีจบการศึกษาใน
ระดับชั้นปริญญาตรีและส่วนใหญ่ประกอบธุรกิจส่วนตัวมีรายได้ต่อเดือนอยู่ในระดับ 10,501 ถึง 20,000 บาท
ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเก่ียวกับเคร่ืองแต่งกายในแต่ละเดือนอยู่ในระดับ 501 – 1,000 บาท เลือกซ้ือเสื้อผ้าโดยเน้น
ประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก จากการศึกษาพบว่าเสื้อผ้าพับเก็บได้ในรูปแบบกระเป๋าที่มีความพึงพอใจมากเป็นแรก
ของจานวนทั้งหมด 8 แบบได้แก่กระเป๋าแบบที่ 4 รองลงมาเป็นกระเป๋าแบบที่ 2 ส่วนรับดับสุดท้ายเป็นกระเป๋า
แบบท่ี 7 และเสื้อท่ีมีความพงึ พอใจเป็นอันแรกของจานวนท้งั หมด 8 แบบคือเสื้อในแบบท่ี 4 รองลงมาเป็นเส้ือใน
แบบที่ 6 และแบบท่ีได้รับความพึงพอใจน้อยที่สุดคือแบบท่ี 1จากผลการวิเคราะห์ค่าเฉล่ียความพึงพอใจของ
ผู้บริโภคที่มีต่อเสื้อพับเก็บได้ในรูปแบบของกระเป๋าเม่ือนามาเปรียบเทียบโดยใช้ค่าสถิติหาค่าความแปรปรวน
พบว่าเม่ือเปรียบเทยี บอายุกบั ระดับการศกึ ษา อาชีพ รายได้ ค่าใชจ้ ่ายเก่ียวกับเครอื่ งแต่งกายในแต่ละเดอื น เหตุผล
ในการเลือกซ้ือเสือ้ ผ้า พฤติกรรมการพบเหน็ เสอื้ ผ้าพับเก็บไดใ้ นรูปแบบของกระเป๋า สถานท่ีท่ีผู้บรโิ ภคเคยพบเห็น
เสอื้ ผ้าพับเก็บได้ในรูปแบบของกระเปา๋ ความสนใจเสอื้ ผา้ พับเกบ็ ไดใ้ นรปู แบบของกระเปา๋ และความเหมาะสมของ
เส้ือผ้าพับเก็บได้ในรูปแบบของกระเป๋ากับแฟชั่นในปัจจุบัน พบว่า ความพึงพอใจมีความแตกต่างกันอย่างมี
นัยสาคัญทางสถิติที่ระดบั .05 ซ่งึ มีระดับความเชอื่ มน่ั ที่ 95 เปอร์เซ็นต์
นางสาวอัยลักษณ์ คาดี : 2561 “การทาหมวกไหมพรม” เน่ืองจากเล็งเห็นปัญหาคณะผู้จัดทา การทา
หมวกไหมพรม จึงเล็งเหน็ โอกาสทางธุรกิจจากการนาไหมพรมมาเพิม่ มูลค่าใหก้ บั ครอบครวั เราจงึ ประยกุ ตใ์ ช้ใหเ้ กิด
สีสนั ทแี่ ปลกใหม่ และเป็นจดุ สนใจ โดยการนาไหมพรมสีสนั ต่างๆ มาประยกุ ต์ให้เป็นลวดลายต่างๆเพ่ือเปน็ การสืบ
สานผลิตภณั ฑข์ องสินค้าเดิมท่มี ีอยู่ไปสร้างจุดเด่นและ จุดสนใจ และเผยแพร่หมวกไหมพรมใหเ้ ปน็ ท่รี ู้จกั กับบุคคล
ทัว่ ไป โดยการมเี อกลกั ษณ์เฉพาะตัวคือ สีสันท่ีแปลกใหม่ บรรจุภณั ฑ์ท่ีโดดเด่น เพือ่ ท่ีเจาะกลุ่มเปา้ หมาย และทาให้
เป็นจุดสนใจในการซื้อ ไม่ว่าจะเป็นสีสันและลวดลายท่ีเป็นการประยุกต์และบรรจุภัณฑ์ท่ีสวยงามสามารถใช้เป็น
ของท่ีระลึก ของชารว่ ย ของฝากในเทศการงานตา่ ง ๆ ตลอดจนสามารถเพม่ิ รายได้เสริมให้แกช่ มุ ชน
ผลจากการดาเนินงานพบว่าสามารถทา หมวกไหมพรม ใหเ้ กิดประโยชน์สูงสดุ ด้วยการนาเอาไหมพรมที่หา
ซอ้ื ได้งา่ ยมาสร้างผลิตภณั ฑ์ และเป็นการนาผลิตภัณฑ์ไปพัฒนาเศรษฐกจิ ขนาดย่อมในชมุ ชนให้เป็นไปในทิศทางที่ดี
ข้นึ และยงั สร้างความแปลกใหม่โดยนาเอาไหมพรมทีเ่ หลอื จากการถักหมวกมาประยุกต์ใหเ้ ป็นพวงกญุ แจ ปอมปอม
เพอ่ื ใหเ้ กิดการหลากหลายของตัวสินคา้ พร้อมกบั การนาเสนอรูปแบบบรรจุภณั ฑท์ ท่ี ันสมัยและยังเป็นผลิตภณั ฑ์ใน
ท้องถนิ่ อีกทาใหไ้ ดผ้ ลดีในการลดตน้ ทนุ และสรา้ งผลตอบแทนในธุรกจิ ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี
Nittaya Wansopa : 2011 “The Development of Folding Clothes in Bag Styles “
The purpose of This research were 1) To design clothes in type of folding clothes in bag styles; 2)
To study the consumers’ satisfaction of folding clothes in bag styles; 3) To compare the result of
consumers’ satisfactory of folding clothes in bag styles. Starting from of 3 0 styles of clothes
sketching and 3 0 styles of bags sketching and selecting 8 sketches of clothes and 8 sketches of
bags by specialist. Then the researcher matched 8 sets of clothes and bags and improve
appropriately the clothes and bags pattern for clothing construction. To survey satisfaction of
consumers with questionnaires from 3 0 0 women consumers sampling in Siam Square Area,
Bangkok metropolitan, in the year 2 0 1 1 . The data statistics were analyzed mean, frequency,
percentage, standard deviation, one-way ANOVA and T-test. The result was summarized in the
table form and description.
The study result in consumers’ satisfaction with regard to design of folding clothes in bag
styles found that most consumers were 2 6 - 3 0 years old, graduating in Bachelor’s Degree; most
consumers engaged in personal business, receiving monthly income about 10,501-20,000 baht.
Average expense for clothes in each month was 501-1,000 baht. Consumers selected and bought
clothes by emphasizing utilization as the main principle. From this study, it was found that folding
clothes in bag style having much satisfaction in the first level of all 8 styles, were bags in the 4th
style. The secondary style was the second bag style. The last level was the 7 th bag style. The
clothes having much satisfaction in the first level of all 8 styles, were clothes in the 4th style, the
secondary style was the 6 th clothes style. The style that had the least satisfaction was the 1 st
clothes style.
From the result of analysis, the mean of consumers’ satisfaction towards folding clothes
in bag styles, comparing by using statistics to find variance, it was found that the comparison age
with education level, occupation, income, clothes expense in each month, reason of selection
and buying of clothes, conduct when seeing folding clothes in bag styles, places that consumers
find the folding clothes in bag styles, interest in folding clothes in bag styles and suitability of
folding clothes in bag styles in the current fashion, it was found that there were different
satisfactions with statistical significance at the level of. 05, reliability level was 95 per cent
บทที่ 3
วิธกี ารดาเนินงานวจิ ยั
การวจิ ยั คร้ังนเ้ี ป็นการวิจยั เชิงทดลอง เพือ่ ศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้“กระเป๋าไหมพรมใสแ่ กว้ เยติ” โดย
เพ่อื ใหก้ ารดาเนนิ การวจิ ัยเปน็ ไปตามวตั ถปุ ระสงค์ของการวจิ ัย ผวู้ จิ ัยจึงไดด้ าเนนิ การวจิ ยั ดงั นี้
3.1 ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง
3.2 เครอื่ งมอื ท่ีใชใ้ นการวจิ ยั
3.3 วธิ ีการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
3.4 วสั ดอุ ปุ กรณ์วิธีการทดลอง
3.5 การวเิ คราะห์ขอ้ มลู ทางสถติ ิ
3.6 สถติ ิทใี่ ชใ้ นการวิเคราะหข์ ้อมูล
3.1 ประชากรและกลมุ่ ตัวอยา่ ง
3.1.1 ประชากร
กลุ่มทีท่ ดลองใช้ ผู้ที่สนใจตวั ผลิตภัณฑใ์ นเขต บ้านส้อง ม. 4 ตาบลบา้ นส้อง อาเภอเวยี งสระ
จงั หวดั สุราษฎร์ธานี จานวน 1,853 คน กลมุ่ ตัวอยา่ งในการทดลองโดยวธิ กี ารสมุ่ 30 คน
3.1.2 กล่มุ ตัวอยา่ ง
กลมุ่ ตัวอย่างทีใ่ ช่ในการวจิ ยั ครั้งนไี่ ด้มาจากประชาชนข้างตน้ โดยทาการกาหนดขนาดของกลุ่มตวั อย่างโดย
ใช่สูตร Yamane (1973,727 -728 อ้างถงึ ใบผอ่ งศรี วาณิชย์ศุภวงศ์, 2546:104)
การวิจัยในครัง้ น้มี กี ลมุ่ ประชากรทีแ่ นน่ อนตามรายละเอยี ดดังนี้
ตรงรางที่ 3-1 จานวนประชากรท่ีทดลองบริโภค “กระเป๋าไหมพรมใส่แกว้ เยติ”
ลาดับท่ี ชือ่ – สกลุ อาชีพ เบอรโ์ ทร
1. นายกาพร นรสิงห์ รับจา้ ง 082-802-4493
2. นายสรุ ิยา นรสงิ ห์ รับจ้าง 061-262-3326
3. นางสกุ ัญญา แกว้ ไทย แมบ่ ้าน 093-720-2274
4. นายตันติกร ชยั ชาญ นักศึกษา 064-494-2064
5. นางสาวสายชล นรสิงห์ แมบ่ ้าน 088-442-7495
6. นายเกยี รตศิ ักดิ์ บญุ เกดิ ธุรกจิ สว่ นตวั 061-215-4516
7. นางสาววรรณี แกว้ ชัด รบั จ้าง 082-830-4195
8. นายศกั ดร์ิ ะวี ไชขนั ธ์ ราชการ 083-549-5621
9. นางพรรตั น์ ศรีจันทร์ รับจา้ ง 083-968-2147
10. นายสพุ จน์ หอมหวน รับจา้ ง 065-824-9125
11 นายองอาจ ชลู ี รับจ้าง 084-600-5354
12 นางเพ็ญศรี เอยี ดมีสี ธุรกิจสว่ นตัว 084-030-1405
13 นางพชิ ญา หนูเอยี ด รับจา้ ง 088-328-0796
14 นายเชษฐวุฒิ มะคีรินทร์ กาลังศึกษา 085-451-5546
15 นางสาวขนิษฐา เอยี ดมีสี กาลงั ศกึ ษา 081-955-9177
16 นางสาวธญั ญาพร ใจหวาน รบั จา้ ง 081-230-8385
17 นางสาวสุรัสวดี รกั ษา กาลงั ศกึ ษา 089-943-3262
18 นางสาวโสภิษนภา ชสู ุทธ์ิ กาลงั ศึกษา 083-335-5510
19 นางอารยี ์ ทองขาว แม่บ้าน 098-143-9153
20 นางสาวกาญจนา ชมุ พล พนักงานบรษิ ัท 081-058-7333
21 นางสาวกัลยา ทองขาว พนกั งานบริษัท 085-608-2155
22 นายวริ ัตน์ บัวขาว รบั จ้าง 081-872-6527
23 นายวีรพงษ์ ยอดศรี ธรุ กจิ สว่ นตวั 086-223-1757
24 นายนฐั พล เหมราช รับจ้าง 061-849-2154
25 นางสาวณฏั ฐณิชา รกั ษา กาลงั ศึกษา 092-572-8457
26 นายณฐั วฒุ ิ เจรญิ รกั กาลงั ศึกษา 093-481-5216
27 นางสาวภัทราภรณ์ ชัยชาญ กาลงั ศกึ ษา 081-283-7018
28 นางสาวบงั อร บุญคง รบั จ้าง 062-874-4516
29 นางสาวอารีย์ มาลี รบั จ้าง 062-875-4781
30 นายยอดชาย ศรชี ยั ธรุ กจิ สว่ นตัว 065-254-8745
3.2 เคร่ืองมือที่ใช้ในการวิจัย
เคร่ืองมอื ทีใ่ ชใ้ นการวิจัยเปน็ แบบสอบถาม มที ้งั หมด 3 ตอน ดังน้ี
ตอนท่ี 1 การวิเคราะหข์ อ้ มูลทัว่ ไป
ตอนท่ี 2 การวเิ คราะหค์ วามพึงพอใจในการใช้ระบบบญั ชแี ละออกแบบเอกสารทาง
บญั ชี
ดา้ นบรรจุภณั ฑ์
1. รปู แบบบรรจภุ ัณฑม์ ีขนาดเหมาะสมกับราคาจาหน่าย
2. บรรจภุ ัณฑ์สามารถเกบ็ รกั ษาตวั ผลิตภัณฑ์ไดอ้ ย่างดี
3. บรรจุภัณฑร์ ะบุวธิ ใี ชแ้ ละคาเตอื นอยา่ งครบถว้ น
4. บรรจุภณั ฑร์ ะบุ วัน เดอื น ปี ท่ีผลิตและวนั เดือน ปี ทหี่ มดอายุ
5. บรรจภุ ัณฑม์ ีความสะอาดและปลอดภัย
ด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์
1. ผลิตภัณฑส์ ามารถป้องกันแสงแดด
2. ผลิตภัณฑไ์ ม่เป็นอันตรายต่อสิง่ แวดล้อม
3. ผลติ ภัณฑ์ไม่มสี ารตกคา้ งหรือเป็นอนั ตรายต่อผิวหรือศีรษะ
ดา้ นราคาทนุ ต่อหนว่ ยผลติ ภัณฑ์
1. ราคาทนุ ต่อหนว่ ยผลิตภณั ฑม์ คี วามถกู ต้องและเหมาะสม
2. ราคาจาหนา่ ยผลติ ภณั ฑ์มีความเหมาะสมกับราคาทุนต่อหน่วย
ตอนท่ี 3 ความคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะ
3.3 การเกบ็ รวบรวมข้อมูล
3.4.1 ผูว้ ิจัยแจกแบบสอบถาม
3.4.2 อธบิ ายวิธีการและหลักการกรอกแบบสอบถามให้แกผ่ ทู้ ดลองใช้ผลิตภัณฑ์
3.4.3 ให้ผทู้ ดลองใช้ผลิตภณั ฑก์ รอกข้อมูลแบบสอบถาม
3.4.4 นาขอ้ มลู ไปสรุปผลในใบสรปุ ผล เพ่ือใช้ในการวเิ คราะห์ขอ้ มูล
3.4 วสั ดุอุปกรณว์ ธิ กี ารทดลอง ภาพท่ี 3-2 เข็มโครเซต์
3.4.1วสั ดอุ ปุ กรณ์
ภาพท่ี 3-1 ไหมพรม
ภาพท่ี 3-3 กรรไกร
ภาพที่ 3-4 โลโก้ด้านหนา้ ภาพท่ี 3-4 โลโก้ด้านหลงั
3.4.2 วธิ กี ารทดลอง
ภาพที่ 3-5 การเกยี่ วไหม ภาพที่ 3-6 การทาตัวของกระเปา๋
ภาพที่ 3-7 กระเปา๋ ไหมพรมใส่แกว้ เยติ
3.5 การวเิ คราะห์ขอ้ มูลทางสถติ ิ
ได้นาแบบสอบถามมาทาการวเิ คราะหโ์ ดยการประเมินจากการรวบรวมข้อมลู นามาสรุปผลหาค่าเฉล่ยี ค่า
เบี่ยงเบน และอธบิ ายความเรียง
ตอนที่ 1 การวเิ คราะห์ข้อมูลทวั่ ไปของผูต้ อบแบบสอบถาม เปน็ ตวั เลือกนาข้อมูลมาแจกแจงความถ่ี หาค่า
รอ้ ยละ และนาเสนอเป็นตารางประกอบคาอธิบาย
ตอนที่ 2 การประเมนิ ความพึงพอใจในการในการผลิต “กระเปา๋ ไหมพรมใสแ่ ก้วเยติ” โดยนามาวิเคราะห์
คา่ เฉล่ีย ค่าเบย่ี งเบนมาตรฐาน แล้วนาไปเปรียบเทยี บกับเกณฑ์ ดงั นี้
4.20 – 5.00 หมายถงึ ระดบั ความพงึ พอใจมากทส่ี ดุ
3.40 – 4.19 หมายถึง ระดับความพงึ พอใจมาก
2.60 – 3.39 หมายถึง ระดับความพงึ พอใจปานกลาง
1.80 – 2.59 หมายถึง ระดับความพงึ พอใจน้อย
1.00 – 1.79 หมายถึง ระดับความพึงพอใจนอ้ ยทส่ี ุด
ตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะของผใู้ ช้ “กระเป๋าไหมพรมใสแ่ กว้ เยติ” โดยนาผลมาบรรยายความพึงพอใจ
3.6 สถิติที่ใช้ในการวเิ คราะหข์ อ้ มูล
3.6.1 สถิติพน้ื ฐานทว่ั ไป
1. สูตรหาค่ารอ้ ยละ (Percentage) เพื่อใช้แปลความหมายของขอ้ มูลสว่ นบคุ คลของผตู้ อบ
แบบสอบถามตามส่วนท่ี 1 (ขอ้ 1-7) การนาเสนอขอ้ มูลโดยใช้ตารางแจกแจงความถ่ี (Frequency Table)
2. สตู รค่าเฉล่ียเลขคณิต (Arithmetic mean หรือ ) เพือ่ ใช้แปลความหมายของขอ้ มลู ตา่ ง ๆ โดย
ในแบบสอบถามส่วนที่ 2
3. สตู รความเบ่ียงเบนมาตรฐาน (Standard deviation หรือ S.D.) เพ่อื ใชแ้ ปลงความหมายของ
ขอ้ มูลต่าง ๆ โดยใช้ในแบบสอบถามสว่ นท่ี 2
บทท่ี 4
ผลการวิเคราะห์ข้อมลู
การศึกษาวิจัยเร่ือง “กระเปา๋ ไหมพรมใส่แก้วเยติ” โดยการวิเคราะห์ข้อมลู ท่ีได้จากแบบประเมินความพึง
พอใจและนามาวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูปแล้วนาเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล โดยสถิติบรรยาย
(Descriptive statistics) ในรูปของตารางประกอบความเรียง ในบทน้กี ลา่ วถงึ สัญลกั ษณ์ที่ใชใ้ นการวเิ คราะหข์ ้อมูล
และผลการวเิ คราะห์ข้อมูล ดงั ต่อไปน้ี
4.1 สัญลกั ษณใ์ นการเสนอผลการวเิ คราะห์ข้อมูล
4.2 ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู
4.1 สัญลกั ษณใ์ นการเสนอผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล
เพอ่ื ให้เกิดความเขา้ ใจในการสือ่ สารทต่ี รงกนั จงึ ไดก้ าหนดสัญลกั ษณ์และอักษรย่อในการวิเคราะห์ขอ้ มูล
ดังน้ี
N แทน จานวนกลมุ่ ตัวอยา่ ง
แทน ค่าเฉล่ยี ของกลุ่มตัวอยา่ ง
S.D. แทน สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน
4.2 ผลการวิเคราะห์ขอ้ มลู
ในการนาเสนอผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลของการวิจยั ครัง้ นี้ผวู้ ิจยั ครั้งน้ีผวู้ ิจยั ได้นาเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมลู
ในรปู ของตารางและคาอธบิ าย โดยไดแ้ สดงออกเป็น 3 ตอน ดงั น้ี
ตอนที่ 1 เป็นแบบประเมินเก่ียวกับขอ้ มูลทั่วไปของผตู้ อบแบบประเมนิ
ตอนท่ี 2 การประเมินความพึงพอใจของผ้ตู อบแบบประเมิน
ตอนท่ี 3 ขอ้ เสนอแนะ
ตอนท่ี 1 วเิ คราะหข์ อ้ มลู ทว่ั ไปของผ้ตู อบแบบประเมิน
เป็นการเสนอผลการวิเคราะห์โดยนาข้อมูลท่ัวไป ของกลุ่มตัวอย่างผู้ตอบแบบประเมินความพึงพอใจมา
แจกแจงความถี่แล้วนาเสนอเป็นค่าความถ่ีและร้อยละ จาแนกตาม เพศ อายุ อาชีพ การศึกษา ของผู้ตอบแบบ
ประเมนิ
ตารางท่ี 4-1 แสดงจานวนรอ้ ยละของผ้ตู อบแบบสอบถามจาแนกตามเพศ
เพศ จานวน (คน) รอ้ ยละ
ชาย 16 53.33
หญิง 14 46.67
รวม 30 100
จากตารางที่ 4-1 พบว่ากล่มุ ตวั อยา่ งท่ีใช้ในการวิจยั จานวน 30 คน จาแนกตามเพศ สว่ นมากเปน็ เพศชาย
จานวน 16 คน คดิ เป็นร้อยละ 53.33 รองลงมาเปน็ เพศหญิง จานวน 14 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 46.67 ของผู้ตอบ
แบบสอบถามทงั้ หมด
120 100
100
46.67 30
80 14
60 53.33
40 หญงิ รวม
20 16 จานวน (คน) ร้อยละ คอลมั น์
0
ชาย
ภาพที่ 4-1 แสดงจานวนรอ้ ยละของผูต้ อบแบบสอบถามจาแนกตามเพศ
ตารางท่ี 4-2 แสดงจานวนรอ้ ยละของผตู้ อบแบบสอบถามจาแนกตามอายุ
อายุ จานวน (คน) ร้อยละ
15-21 ปี 2 6.7
22-28 ปี 19 63.3
29-35 ปี 7 23.3
36 ปีขึ้นไป 2 6.7
30 100
รวม
จากตารางที่ 4-2 พบว่ากลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย จานวน 30 คน จาแนกตามอายุ ส่วนใหญ่อยู่ในช่วง
อายุ 22-28 ปี จานวน 19 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 63.3 รองลงมาอยู่ในช่วงอายุ 29-35 ปี จานวน 7 คน คดิ เป็นร้อย
ละ 23.3 ช่วงอายุ 15-21 ปี จานวน 2 คน คดิ เป็นร้อยละ 6.7 และช่วงอายุ 36 ปี จานวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 6.7
70 63.3
60
50
40
30 23.3 6.7
19 2
20
7 36 ปขี ้ึนไป
10 6.7
2 22-28 ปี 29-35 ปี
0
15-21 ปี
จานวน (คน) ร้อยละ คอลมั น์
ภาพที่ 4-2 แสดงจานวนรอ้ ยละของผูต้ อบแบบสอบถามจาแนกตามอายุ