1
2ก
คำนำ
โครงงาน project approach เรื่อง“วัว มอมอ” เล่มนี้เป็นโครงงานโดยการสืบค้นข้อมูล
อย่างลึกในหัวเรื่องที่เด็กสนใจที่เกิดจากความสนใจของเด็กๆ เนื่องจากเด็กๆเห็นวัวมากินหญ้าท่ี
โรงเรียนจึงสนใจและอยากเรียนรู้เรื่องดังกล่าว โดย ซึ่งผู้จัดทำได้บูรณาการระหว่างโครงงาน
project approach บูรณาการกับวัฏจักรการวิจัย 6 ขั้นตอนจากโครงงานวิทย์ และ Active
learning มาใช้ในการดำเนินการ เด็กและครูได้ร่วมกนั ศึกษา ตั้งคำถาม เสาะหาวิธีการได้คำตอบ
การลงมือเรียนรู้ด้วยตนเอง นอกจากนี้แล้วโครงงานนี้ยังช่วยส่งเสริมให้เด็กรู้จักการทำงานร่วมกับ
ผู้อื่น การสังเกตสิ่งต่างๆ รอบตัว ตลอดจนเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางการคิด การ
สือ่ สาร และสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวนั ได้อย่างมีความสขุ
ผจู้ ดั ทำ
สารบญั 3ข
เนอ้ื หา หนา้
คำนำ ก
สารบัญ ข
ชอ่ื โครงงาน 1
ที่มาของโครงงาน
ระยะท่ี 1 เริม่ ต้นโครงการ 6
ระยะที่ 2พฒั นาโครงการ 12
ระยะท่ี 3 สรุปโครงการ 14
ผลการพัฒนาความสามารถของเดก็ ปฐมวัย 16
ความรูท้ ี่เดก็ จะไดร้ บั เม่ือทำโครงงาน
1
ชอ่ื โครงงาน วัว มอมอ
นกั เรียนชน้ั อนบุ าลปที ี่ 2-3 โรงเรียนวัดท่าราบ(วนั ชยั ประชานกุ ูล) อำเภอบางแพ จังหวดั ราชบรุ ี
จำนวน 13 คน
ครปู ระจำชนั้ นางสาวสวุ ดี รงุ่ อรณุ แสงทอง
ระยะเวลาในการจัดทำ ระหวา่ งวนั ที่ 18 มกราคม - 14 กมุ ภาพันธ์
ที่มาของโครงงาน
โครงงาน วัวมอมอ เปน็ โครงงานทเี่ กดิ ขน้ึ จากความสนใจของเด็กๆ โดยเด็กๆเลือกเรอ่ื งที่
สนใจ 3 เรอ่ื ง คือ 1. รถ 2. วัว และ3. ไก่ ผลคะแนนทเ่ี ด็กๆเลือกมากท่สี ดุ คือเรื่อง วัว เน่อื งจากววั เป็น
ส่งิ ทเี่ ด็กๆพบเหน็ ทุกวนั เน่อื งจากในชุมชนทา่ ราบจะเลยี้ งวัวและพามามากนิ หญา้ และผ่านโรงเรียนเป็น
ประจำรวมไปถงึ เด็กๆมีการด่ืมนมโรงเรียน จึงสนใจและเกิดข้อสงสัยวา่ วัวทีพ่ บเหน็ กับววั ทมี่ นี มให้ด่มื นนั้
เหมอื นหรอื ไม่เหมือนกันอยา่ งไร
เดก็ ๆและครจู ึงพูดคยุ และไดข้ ้อตกลงนน่ั ก็คือการสำรวจและศึกษาเร่ืองของวัวครจู ึงใหเ้ ด็กๆกลบั ไป
สอบถามผ้ปู กครองเพอ่ื นำขอ้ มูลมาพดู คุยก่อนเรม่ิ เรียนรเู้ พ่ิมเตมิ
2
ระยะท่ี 1 เร่มิ ตน้ โครงการ
ทบทวนความรูแ้ ละความสนใจของเด็กจากการท่เี ด็ก ๆ สนใจเรื่องววั จากประสบการณ์เดิม
ครู : เดก็ ๆคิดวา่ วัวมลี กั ษณะเปน็ อย่างไร เด็กๆเคยเหน็ ววั ที่ไหนบ้างลองเลา่ ให้ครูและเพ่ือนๆ ฟังสิคะ
เป้ : หนเู คยเหน็ วัวท่ีบ้านมันกนิ หญ้า
ลวี าย : วัวมนี มมขี าหนูเคยเหน็ มนั กนิ หญ้าท่ีโรงเรยี น
คมิ : คิมเคยเหน็ ววั หน้าโรงเรยี นมันกินหญ้า
มนี : หนเู ห็นวัวที่บ้านแต่ไม่รูว้ า่ วัวเป็นยงั ไงบา้ ง
บอส : หนเู หน็ วัวท่ีถนน มนั มีเขา
พคี : นอ้ งพีคเคยเห็นวัวท่ีโรงเรียน
ปนื : น้องปืนมีววั ท่บี า้ น มนั กนิ หญ้า กินนม คลอดลูกเปน็ ตัว
ภู : ววั ชอบกินหญ้ามนั กระโดดไดด้ ้วย
3
ครจู งึ สนทนารว่ มกับเด็ก ๆ และมีคำถามท่เี ด็กๆสงสัยเกีย่ วกับววั 6 คำถาม ดังน้ี
คำถามที่ 1 ทำไมวัวถงึ มลี ายลีทไ่ี ม่เหมือนกัน
คำถามท่ี 2 นมท่เี ราดื่มได้จากตัวผหู้ รอื ตัวเมยี
คำถามที่ 3 วัวมีกชี่ นิด
คำถามท่ี 4 ววั กินอะไรเป็นอาหาร
คำถามที่ 5 ววั มปี ระโยชน์อยา่ งไร
คำถามท่ี 6 สว่ นประกอบของวัว
จากคำถามทเ่ี ดก็ อยากรู้ 6 คำถาม เด็กและครูสนทนาเพ่ือหาวิธตี า่ งๆเพ่ือหาคำตอบ เด็กและ
ครสู นทนาเพ่ือเลือกวิธีหาคำสอบ โดยเลือกวิธกี ารลงมือปฏิบัตแิ ละเข้าไปมีส่วนรว่ มและเรียนรู้กบั ของ
จรงิ น่นั คือการไปเรียนรนู้ อกสถานท่ี ท่ศี ูนย์การเรียนรู้โคนมหนองโพ และกลับมาสรุปความรู้ รวมไป
ถึงใชว้ ธิ ีหาคำตอบจากอนิ เตอรเ์ น็ต
4
ในการตัง้ คำถามเด็กๆช่วยกนั เขียนผงั ความคดิ (mine mapping)เพื่อสรา้ งผงั ในการต่อยอดการเรยี นรู้
เด็กๆวาดภาพจากประสบการณข์ องตนเองพร้อมเล่าเร่ืองราวจากประสบการณ์เดมิ ของตนเอง
5
ครูและเด็กๆรว่ มกันพูดคุยเกยี่ วกบั คำถามท่ีเด็กๆอยากรู้และวิธีหาคำตอบ
6
ระยะที่ 2 พฒั นาโครงการ
เด็กๆคน้ ควา้ และหาประสบการณ์ใหม่จากการสืบคน้ จากการไปศึกษานอกสถานที่ หรือ
โดยมี วทิ ยากรทอ้ งถน่ิ เพ่ือให้เด็กได้ทำการสืบคน้ สงั เกตอย่างใกล้ชิด และบันทึกส่งิ ที่พบเห็น เขียน
ภาพท่เี กิดจากการสังเกต
เด็กศึกษานอกสถานที่โดยได้ใชป้ ระสบการณ์ตรงในการเรยี นรูแ้ ละทำกจิ กรรม โดยมีวิทยากรจากศูนย์การ
เรยี นรู้โคนมใหค้ ำแนะนำ ให้ความรแู้ ละพาทำกจิ กรรมดงั นี้
1. การใหอ้ าหารววั ซึ่งความรใู้ หมข่ องเด็กๆคือววั ไม่ได้กินหญ้าเทา่ นั้นยงั มีอาหารเม็ด(อาหารขน้ )ท่วี วั
กนิ ได้
2. การรดี นมววั วทิ ยาการบอกกับเดก็ ๆวา่ นมวัวนน้ั จะมีได้เฉพาะแม่วัวทมี่ ีลูก ช่วงแรกนมน้ันจะ
เรยี กวา่ นมน้ำเหลอื ง และจะค่อยๆเปลย่ี นสีเป็นสขี าว ทานสดๆได้ การรีดนมววั จะตอ้ งทำความ
สะอาดเต้านมก่อนและเม่ือรดี นมวัวเสรจ็ แลว้ จะตอ้ งมนี ้ำยาจมุ่ ท่เี ต้านมเพื่อรกั ษาเตา้ นมวัว หาก
นมววั มสี อี น่ื นน่ั ด่มื ไม่ได้ วทิ ยากรสาธิตการใช้สารเทลงในนมววั ท่ีพึ่งรีดเพื่อดวู ่านมนน้ั สามารถ
นำไปใช้เพื่อด่มื ได้หรือไมโ่ ดยสารทห่ี ยดลงไปจะมีสฟี ้า
3. กิจกรรมปอ้ นอาหารววั เด็กๆสนกุ กับการป้อนนมและหญ้าให้กบั วัว ในระหว่างทางเดก็ ๆได้ถาม
วทิ ยากรเกยี่ วกับความแตกต่างของวัวนมกบั วัวเนื้อ วัวที่มีเขาและไมม่ เี ขา และสายพันธ์ขุ องววั
4. กิจกรรมปลกู หญา้ ใหว้ วั เดก็ ๆสนกุ กับกิจกรรมท่ีแปลกใหม่ทไ่ี ดท้ ำนั่นคือการปลูกหญ้าเด็กๆตัง้ ใจ
เรยี นรูว้ ธิ กี ารปลกู หญา้ และปฏิบตั ไิ ดด้ ี
7
ภาพกจิ กรรม
8
เมอ่ื กลบั จากศนู ยก์ ารเรยี นรู้การเลย้ี งโคนมเดก็ ๆไดส้ รปุ กจิ กรรมโดยการวาดภาพเลา่ เรอ่ื งราวในใบ
กจิ กรรมรว่ มกบั ผปู้ กครอง
เด็กๆไดก้ ลับไปเลา่ ประสบการณ์ใหมข่ องตนเองเกีย่ วกับววั ใหผ้ ปู้ กครองฟังผา่ นใบกิจกรรมโดยมผี ปู้ กครอง
คอยจดบนั ทึกและวาดรูปให้ บางคนวาดรปู และระบายสีเอง
9
ประสบการณใ์ หม่
พคี : ววั บางพนั ธหุ์ ยู าว หสู น้ั
เป้ : วัวมีเขาและวัวก็กินอาหารขน้ (อาหารเมด็ )
ลวี าย : วัวตัวเมยี มนี มบางตัวมีเขา
นำ้ : ววั มีหูนม่ิ ๆ กนิ หญา้ และอาหารข้น
บอส : ววั กนิ นมดว้ ย
มนี : เราปลกู หญา้ ใหว้ วั กนิ ได้
ปนื : วัวกนิ อาหารขน้
ภู : ววั กินหญา้ กนิ นม
ขนมปัง : ววั กินอาหารเมด็
คมิ : ววั กินอาหารเม็ดเรียกว่าอาหารขน้
ไอซ์ : หนูได้บบี นมววั
10
นอกจากนเ้ี ดก็ ๆยังมีคำถามในเรอ่ื งของประโยชน์ของววั เดก็ ๆจึงเลือกวิธีการหาคำตอบจากบุคลากรใน
โรงเรียน ในหัวข้อคือ “วัวมีประโยชนอ์ ย่างไร”
โดยเด็กๆแบง่ กลมุ่ เปน็ 2 กลุ่ม เพื่อหาคำตอบ
ผลทีไ่ ดจ้ าการหาคำตอบ เดก็ ๆและครูร่วมกนั สรุปได้คือววั มีประโยชนด์ งั น้ี
1. เนอ้ื เป็นอาหาร นมนำไปแปรรูปได้
2. ใชง้ าน
3. ขี้ววั สามารถนำมาทำป๋ยุ ได้
4. เอาไว้แขง่ หรอื โชว์ได้
5. นำไปเป็นพ่อพันธ์ุแม่พนั ธ์ไุ ด้
6. ขาย
11
นอกจากนคี้ รเู พมิ่ เติมความรใู้ ห้กับเด็กๆเรื่องสว่ นประกอบในรา่ งกายของวัวและสรุปประโยชนข์ องววั ใน
รูปแบบการนำเสนอพาวเวอร์พอยส์ใหเ้ ด็กเขา้ ใจมากข้ึน
12
ระยะที่ 3 สรปุ โครงการ เด็กสามารถช่วยกันเลา่ เร่ืองการทำโครงการใหผ้ ู้อ่นื ฟังประเมิน สะทอ้ น
กลับ และแลกเปล่ยี นงานโครงการเปน็ ระยะสรุปเหตกุ ารณ์ในการทำโครงการ ครเู สนอให้เดก็ ใช้
จนิ ตนาการ ความร้ใู หมท่ ไ่ี ดผ้ ่านทางศิลปะ และกจิ กรรมอ่ืนๆ สุดท้ายครนู ำความคดิ และความสนใจ
ของเด็กไปสู่การสรปุ โครงการ (เน่ืองจากสถานการณโ์ ควดิ การจัดผลงานต้องยกเลกิ เพ่ือความ
ปลอดภยั ของนักเรยี น)
13
14
ผลการพฒั นาความสามารถของเดก็ ปฐมวยั
1. ผลการพัฒนาความสามารถพื้นฐาน 4 ดา้ น
1.1 ดา้ นการเรียนรู้
- เดก็ ๆ สามารถบอก / เล่า วิธหี าคำตอบของตนเองได้
- เดก็ ไดเ้ รยี นรู้วิธกี ารใหอ้ าหารววั
- เดก็ ไดเ้ รยี นรู้วธิ กี ารรดี นมวัว
- เด็กไดเ้ รยี นร้วู ธิ กี ารปลกู หญา้ ให้วัว
- เด็กไดเ้ รียนรู้ลักษณะของวัวตัวผ้ตู ัวเมยี
- เดก็ ไดเ้ รยี นรู้ส่วนต่างๆในรา่ งกายของวัว
- เดก็ ไดเ้ รยี นรู้ประโยชน์ของวัว
1.2 ด้านภาษา
- การฟัง จากการฟังเพ่ือนบรรยายและเล่าเรอ่ื งราวเกีย่ วกับผลงาน
- การพดู จากการพดู แสดงความคิดเห็นเก่ียวกับผลงานของตนเองและการเล่าเรื่องราว
เก่ียวกับ ผลงานของตนเองใหเ้ พือ่ นฟัง
- การอ่าน จากการอา่ นจากภาพในหนงั สอื
- การเขียน การพัฒนากล้ามเนื้อมดั เล็กจากการวาดรูปและการเขียนตามแบบ
1.3 ดา้ นสงั คม
- เดก็ สามารถทำงานร่วมกบั ผูอ้ นื่ ได้
- เดก็ แสดงความคิดเห็นของตนเองและยอมรบั ความคิดเหน็ ของผูอ้ น่ื
- เด็กเคารพกฎกติกาและปฏบิ ัตติ ามข้อตกลงของหอ้ งเรียน
1.4 ดา้ นการเคลือ่ นไหวและทักษะการรับรู้ประสาทสมั ผัส
- การเคล่ือนไหวหยบิ จบั อุปกรณ์การทำกจิ กรรมทัง้ ในหอ้ งเรียนและนอกห้องเรียนอย่าง
คล่องแคล่ว
- เด็กสามารถใช้ประสาทสมั ผัสในการสงั เกต ทดลองด้วยตนเองจนได้ขอ้ มลู ท่ีชดั เจน
2. ผลการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
2.1 ทักษะการสงั เกต
- การบอกลักษณะสิง่ ทีส่ ังเกตดว้ ยประสาทสมั ผสั ต่างๆ เช่น หยิบ จับ สมั ผสั อุปกรณ์
ต่างๆ
2.2 ทักษะการจำแนกประเภท
- การเปรยี บเทียบ วัวตัวผู้และวัวตัวเมีย
- เปรยี บเทียบส่ิงท่คี าดคะเนกับผลการศกึ ษา
15
2.3 ทักษะการพยากรณ์หรือการคาดคะเนคำตอบ
- เด็กสามารถคาดคะเนคำตอบ
2.4 ทกั ษะการจดั กระทำและสื่อความหมายข้อมลู
- เด็กสามารถสรุปผลส่ิงทีส่ งั เกตโดยการวาดรปู การเขียนตามแบบ การเลา่ เรอื่ งราว
เก่ยี วกับผลงานให้ครูและเพอ่ื นฟัง
2.5 ทักษะการลงความเหน็ จากข้อมูล
- เดก็ สามารถให้เหตุผลเพิ่มเติมโดยใช้ความคดิ ส่วนตัวและประสบการณ์เดมิ แสดงความ
คดิ เหน็ ต่างๆได้
ชอ่ ง Youtube การจดั กจิ กรรมนอกสถานท่ี
16
ความรู้ทเ่ี ดก็ จะได้รบั เมอื่ ทำโครงงาน
จากการจัดประสบการณ์แบบโครงงาน มี 3 ประเภท ไดแ้ ก่
1. ความรทู้ างกายภาพ (Physical Knowledge) เปน็ ความรู้ที่อยบู่ นพื้นฐานของประสบการณท์ ่เี กิดจากการ
กระทำกบั วตั ถุ และการสงั เกตปฏกิ ริ ิยาสะท้อนกลับ ซึ่งความรปู้ ระเภทน้จี ะไมม่ ีทางสรา้ งข้ึนไดห้ ากเด็กไม่มี
ขอ้ มลู ที่เกิดจากปฏิรยิ าสะท้อนกลบั จากวัตถุ เช่นการสงั เกตการณ์จม และการลอยของวัตถชุ นิดต่าง ๆ
หรอื การเปลี่ยนแปลงของส่งิ ต่าง ๆ เป็นต้น แต่อยา่ งไรกต็ ามความรูป้ ระเภทนี้ไมส่ ามารถท่ีจะละเอียดละออ
ได้หากไมม่ เี หตุผลทางตรรกะเขา้ มา
2. ความรทู้ างตรรกะ คณิตศาสตร์ (Logio – Mathematical Knowledge) เป็นความรูท้ ีเ่ กย่ี วขอ้ งกับผลของ
การกระทำกับวตั ถุ ที่ใช้การคาดการณถ์ ึงผลที่จะเกิดไว้ในใจ ดงั นั้น การเสนอแนะเกยี่ วกับผลของการ
กระทำ จะเกดิ ขนึ้ ก่อนทว่ี ัตถุนั้นจะถกู กระทำ และเรื่องราวของความสัมพนั ธ์ท่ใี ช้การแทนคา่ ของวตั ถุ เช่น
เร่ืองจำนวน ซ่งึ ไม่ได้อยู่ในกลมุ่ วตั ถใุ ด
3. ความรทู้ างสงั คม (Conventional Arbitry Knowledge) เปน็ ความรทู้ ีเ่ กย่ี วกบั การปฏิบตั ติ นในสังคม เช่น
การปฏิบัติตามกฎขอ้ บังคบั หรือกฎหมาย การเรียนร้แู ละปฏบิ ัติตามประเพณีต่าง ๆ ของสงั คม หรือ การ
เรยี นรภู้ าษาที่ใชใ้ นการพแู ละเขยี น เป็นตน้ (Piaget)
กิจกรรมทสี่ ำคญั ในการจดั ประสบการณ์แบบโครงงาน
การจัดประสบการณแ์ ต่ละระยะ มกี ิจกรรมท่สี ำคญั ดังนี้ (วิมลศรี สวุ รรณรัตน์, 2544)
1. การพดู คยุ สนทนา (Discussion)
การพูดคุยสนทนาเป็นกจิ กรรมทีส่ ำคัญในทุกระยะของการทำโครงงาน ไมค่ วรใช้เวลานานเกินไป
นอกจากนี้ครูควรเลือกเวลา และสถานที่ในการพูดคุยกับเด็กที่ครูพิจารณาแล้วว่าเหมาะสมในการพูดคุย
กับเด็กทั้งชั้น ขณะที่เด็กมีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แล้วเด็กต้องการที่ปรึกษาหรือ การ
แก้ปัญหาต่างๆนอกจากนี้การพูดคุยสนทนาเป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เด็กได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ความ
เข้าใจ และประสบการณ์ของตนเองทม่ี ีไปยังครูและเพอื่ นและรับรถู้ ึงความรู้ความเข้าใจ และประสบการณ์
ของบุคคลอน่ื
วธิ กี ารต้งั คำถามท่กี ระตุน้ ความสนใจเด็ก มคี วามสำคญั อย่างมากในการที่ครจู ะนำไปใช้เพือ่
กระต้นุ ความสนใจของเด็ก เพือ่ ให้เด็กได้คดิ และพยายามค้นหาคำตอบ ตลอดจนส่งเสริมใหเ้ ดก็ ได้
แสดงออกทางความคิด และแลกเปลย่ี นประสบการณ์ เชน่ K_W_L เปน็ เทคนคิ วธิ กี ารกระตนุ้ ความ
สนใจของเด็ก ตรวจสอบความรคู้ วามเข้าใจพื้นฐานท่ีมีเกย่ี วกับหวั ขอ้ และเตรียมการในการเรียนรู้ของเด็ก
What you Know ? อะไรที่เด็กอยากรู้
What you Want ? อะไรที่เด็กต้องการ
What you Learned ? อะไรท่ีเด็กรู้แลว้
ยงั มคี ำถามทส่ี ามารถกระตนุ้ ความสนใจของเดก็ ดังน้ี
เด็กเหน็ อะไร, เด็กรู้อะไรเก่ียวกบั ส่ิงที่พบเห็น, คาดว่าอะไรจะเกิดข้ึน, ได้เรยี นรู้
อะไรเก่ยี วกับสงิ่ ทคี่ าดไว้, เด็กอยากเป็นอะไร, อยากร้อู ะไรเก่ียวกับอาชีพนี้, รอู้ ะไรบ้างเกี่ยวกบั อาชพี น้ี เป็น
ตน้
2. การปฏบิ ัตงิ านภาคสนาม (Field Work)
17
การปฏิบตั ิภาคสนามจะชว่ ยใหเ้ ดก็ ได้ทัง้ เปน็ ผูร้ ับและผ้สู ร้างความรู้ซง่ึ เกิดจากการทีเ่ ดก็ ได้มีโอกาส
คน้ ควา้ ข้อมลู ท่เี ปน็ แหลง่ ข้อมูล ปฐมภมู ิ และจะทำใหเ้ ด็กสามารถเขา้ ใจความรู้ท่ีไดร้ บั ในห้องเรียนชดั ข้นึ
สิง่ หน่ึงที่ทำใหป้ ฏบิ ัติภาคสนามมีความสำคัญต่อการเรียนรขู้ องเด็กวัยอนุบาล และทุก ๆวัยมาก เพราะเด็ก
จะได้ใช้ประสาทสมั ผสั ท้งั 5 คอื การมอง การได้ยิน การไดก้ ลน่ิ การไดช้ ิม และความประทบั ใจ จะทำให้
เดก็ เกิดการเรยี นรู้ได้ดี
3. การนำเสนอ (Representation)
การนำเสนอเป็นกิจกรรมท่เี ด็กได้ถา่ ยทอดความรู้ ความเขา้ ใจ และประสบการณท์ ี่มีเกี่ยวกับ
หัวขอ้ ที่เด็กกำลังทำโครงการ การนำเสนอจงึ เปน็ กจิ กรรมที่เดก็ สามารถทำออกมาในรูปแบบตา่ ง ๆ เชน่ การ
วาดภาพ การเขียน การระบายสี การสร้าง การประดิษฐ์ การป้ัน การตดั การแสดงละคร บทบาทสมมติ
การร้องเพลง การเตน้ การเล่นเกม และอืน่ ๆ ที่เดก็ สนใจ การที่เด็กจะทำผลงานหรือนำเสนอสงิ่ ตา่ ง ๆ เดก็
จะตอ้ งทำความเข้าใจ และใช้ความรู้ ทักษะตา่ ง ๆเชน่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ศิลปะและอ่นื ๆ การ
นำเสนอจงึ เปน็ สิ่งทีส่ ะท้อนให้เหน็ ถงึ กระบวนกรเรียนรูข้ องเดก็
4. การคน้ ควา้ (Investigation)
การคน้ ควา้ เปน็ กจิ กรรมที่มีวตั ถุประสงค์เบ้ืองต้นคือ การหาวิธีการทีจ่ ะได้ขอ้ มลู หรือความรู้
เก่ยี วกบั หวั ขอ้ การค้นคว้ามีกลวธิ ที ่ีเด็กจะได้ปฏิบตั จิ ากการทำโครงการคือ กลวิธกี ารเป็นผู้กระทำ และ
กลวธิ กี ารเป็นผู้รับ
5. การจดั แสดง (Display)
การจัดแสดง เป็นการนำความรู้ หรอื ผลงานท่ีเด็กได้ทำในโครงการออกนำเสนอ ซ่ึงจะทำใหเ้ ด็กที่ทำ
โครงการได้นำผลงานมาแสดงให้เพื่อน ครแู ละผูป้ กครองได้เห็นถงึ ขั้นตอน และ กระบวนการการเรียนรทู้ ่ี
เดก็ ได้ทำในโครงการ การจดั แสดงมหี ลากหลายรูปแบบ เชน่ การจดั ปา้ ยนิเทศ การจัดนทิ รรศการ และ
การจดั แสดงอ่นื ๆ
ดังนน้ั การจดั ประสบการณ์แบบโครงการจงั เป็นกจิ กรรมที่ส่งเสรมิ การเรียนรู้ของเด็กทแ่ี ตกตา่ งจากการจดั
ประสบการณโ์ ดยท่ัว ๆไป คือ การเปิดโอกาสให้เด็กสร้างทางเลอื ก และใชก้ ารตดั สนิ ใจ การใหเ้ ด็กได้
เรียนรู้ความผิดพลาดของตนเอง ให้เดก็ ได้คิดวเิ คราะห์เพื่อช่วยในการคดิ และตดั สินใจในครั้งตอ่ ไป การให้
เด็กคาดการณ์ถงึ ผลท่จี ะเกดิ ขึ้น ความลึกซงึ้ ในเรอ่ื งทีศ่ ึกษาขน้ึ อยกู่ ับความสนใจของเดก็ ทจ่ี ะค้นคว้าหา
ความรูข้ องตนเองและครูจะใหค้ ำแนะนำตามความสนใจที่เด็กอยากเรียนรู้ในแต่ละระยะของการทำ
โครงการกจิ กรรมหลักทส่ี ำคัญท้ัง 5 กิจกรรมจะช่วยใหเ้ ดก็ ได้เรยี นรู้สิง่ ตา่ ง ๆ และพฒั นาโครงการท่ีทำจน
เป็นผลสำเรจ็