The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ราบงานกลุ่มของวิชา cth3108

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Apple Praphawadi, 2022-09-20 12:04:55

Cth3108

ราบงานกลุ่มของวิชา cth3108

CTH3108

นิทานพื้นบ้าน ไทย

มุสลิม

นนิิททาานนพพืื้้นนบบ้้าานน ไไททยย มมุุสสลลิิมม

ประวัติความเป็นมาของนิทานพื้นบ้านไทยมุสลิม

นิทานที่ปรากฏอยู่ในแต่ละสังคมย่อมมีที่มาของนิทาน เรื่องนั้นๆ สำหรับ

นิทานพื้นบ้านมุสลิมน้ั นได้รับอิทธิพล มาจาก แหล่งต่อไปนี้

๑. จากส่วนกลางหรือภาคอื่นๆ ของประเทศไทย เช่น เรื่องลิงกับจระเข้

เจ้าพริกขี้หนู บางเรื่องคล้ายกับวรรณคดีไทย เช่น เรื่องนายมีดพร้าโต

คล้ายกับเรื่อง หลวิชัย คาวี รวมทั้ง นิทานของชาวใต้โดยท่ัวไป เช่น เรื่อง

ส่งผีหัวล้าน นายแรงแบก ภูเขา เป็นต้น

๒. มีลักษณะคล้ายกับนิทานของมาเลเซยี ซึ่งได้รับอิทธิพลระหว่างดิน

แดนที่อยู่ใกล้กัน เช่น เรื่อง เปาะเน-เมาะเน หรือ ศรีธนญชัย มุสิลิมคล้าย

กับนิทานมาเลเซียมีป๊ะมานดีร์เป็นนิทานตลก เช่นกัน

๓. จากดินแดนอาหรับเนื่องจากจากชาวมุสลิมได้เดินทางไปดินแดน

อาหรับเพื่อประกอบพธิ กรรมทางศาสนา และการศึกษา รวมทั้งชาว

อาหรับที่เดินทางมาเมืองไทย ด้วยเหตุนี้เองการเล่านิทานอาหรับจึงแพร่

หลายในหมู่ชาวมุสลิมชายแดนภาคใต้ เชน่ นิทานเรื่อง อาบูนาวัส เป็น
ตัวอย่างที่นิยมเล่ากัน ซึ่งมีลักษณะ คล้ายกับ ศรีธนญชัย และ เปาะเน-

เมาะเน

นนิิททาานนพพืื้้นนบบ้้าานน ไไททยย มมุุสสลลิิมม

ที่มาของนิทาน

นิทานไทยที่มีผู้เก็บรวบรวมขึ้นจากที่ต่าง ๆ แล้ว อาจสรุปได้ว่านิทานที่

เล่าสู่กันฟังในประเทศไทยนั้น มีที่มาจากหลายแหล่ง คือในประเทศ ต่าง

ประเทศและ วรรณกรรมลายลักษณ์

๑. นิทานที่เกิดขึ้นในประเทศ
นิทาน พื้นบ้านบางเรื่อง เมื่อพิจารณาจากลักษณะตัวละครและลักษณะ

ของเรื่องแล้วอาจสันนิษฐานได้ว่า น่าจะมีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย

นิทานดังกล่าวนี้ เช่น มุขตลก เรื่องนายทอง มุขตลกเกี่ยวกับคนต่างชาติ

เรื่องผี เช่น นางนาคพระโขนง และนิทานชีวิตเรื่อง ไกรทอง และขุนช้าง

ขุนแผน เป็นต้น อย่างไรก็ดี ไม่อาจสืบสาวได้ว่า นิทานเหล่านี้เกิดขึ้นแต่

เมื่อใด ใครเป็นผู้คิดค้น และใครเล่าเป็นคนแรก

๒. นิทานที่มีที่มาจากต่างประเทศ
นิทานไทย มีที่มาจากนิทานประเทศต่างๆ คือ ประเทศอินเดีย ลังกา และ

ประเทศทางตะวันตก ที่มาจาก อินเดียและลังกา เช่น รามายณะมีแพร่

กระจายในท้องที่ต่างๆ ทั่วประเทศ นิทานไทยบางเรื่องเป็นนิทานจาก

อรรถ กถาชาดก เช่น มหาเวสสันดรชาดก พระยาฉัททันต์ มโหสถสุวรรณ

สาม เป็นต้น บางเรื่องมาจากธัมมปทัฏฐกถา เช่น เรื่องพระเจ้าอุเทน

เป็นต้น หรือมาจากนิทานอีสป เช่น นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่า ลูกแพะ
กับหมาป่า เด็ก เลี้ยงแกะ เป็นต้น นิทานที่เล่าสู่กันฟังในหมู่คนไทย

ปัจจุบัน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีการศึกษา อาจกล่าวได้ว่าเป็น นิทานฝรั่ง

เช่น เรื่องสโนไวท์ หนูน้อยหมวกแดง พีน็อคคีโอ เจ้าหญิงนิทราและเงือก

น้อย เป็นต้น

นนิิททาานนพพืื้้นนบบ้้าานน ไไททยย มมุุสสลลิิมม

๓. นิทานที่มาจากวรรณกรรมลายลักษณ์
วรรณกรรม ลายลักษณ์เหล่านี้ อาจเคยเป็นวรรณกรรมมุขปาฐะมาก่อน

คือ เดิมอาจเป็นนิทานที่เล่าสู่กัน ฟัง แล้วภายหลังมีผู้รวบรวมขึ้นและ

บันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อมีคนอ่านผู้อ่านก็อาจนาไปเล่าต่ออีก

วรรณกรรมลายลักษณ์และวรรณกรรมมุขปาฐะของไทยจึงมีความ

สัมพันธ์กันอย่างแน่นแฟ้น ถ่ายทอดกันไปมา นิทานที่เล่าสู่กันฟังหลาย

เรื่องมีเนื้อความตรงกับนิทานในปัญญาชาดกและชาดก นอกจากนี้ยังมี

นิทานอื่น ๆ เช่น เรื่อง สังข์ทอง สังข์ศิลป์ไชย พระสุธน หงส์ผาคา ก่ากา

ดา การะเกด ฯลฯ น่าสังเกตว่านิทานเหล่านี้โดยมากมักมี ลักษณะรูป

แบบเป็นนิทานมหัศจรรย์ ยิ่งภายหลังเมื่อมีการพิมพ์หนังสือจาหน่าย

แพร่หลาย ผู้เล่านิทานบางคนก็นา นิทานที่ตนเคยอ่านมาเล่าต่อ เห็นได้

ชัดจากการเล่านิทาน เรื่องดาวเรืองและลักษณวงศ์ในหนังสือ

วรรณกรรมจาก บ้านใน เมื่อ ดร.กิ่งแก้ว อัตถากร ถามผู้เล่าว่า ได้ฟัง

นิทานเรื่องดังกล่าวจากไหน ผู้เล่าก็ตอบว่าเคยอ่านหนังสือที่มา จากโรง

พิมพ์วัดเกาะ

จากข้อความ ข้างต้น สามารถสรุปที่มาของนิทานไทยไว้ว่า นิทานที่เล่าสู่

กันฟังในประเทศไทยนั้นมี ที่มา จากในประเทศ มีถิ่นกำเนิดใน

ประเทศไทยแต่ไม่รู้ว่านิทานเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อใด ใครเป็นผู้คิดค้น และ

ใครเล่าเป็น คนแรก นิทานไทยอาจมีที่มาจากนิทานประเทศต่าง ๆ แพร่

กระจายในท้องที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศด้วย นอกจากนี้นิทานไทยยังมีที่มา

จากวรรณกรรมลายลักษณ์คือเล่าต่อปากกันมาก่อน แล้วภายหลังมีผู้

รวบรวมขึ้นบันทึกไว้เป็น ลายลักษณ์อักษร

นนิิททาานนพพืื้้นนบบ้้าานน ไไททยย มมุุสสลลิิมม

ความหมายของนิทานพื้นบ้านไทยมุสลิม
ความหมายของนิทาน นิทานเป็นเรื่องเล่าที่มีสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุ

คน เป็นที่นิยมแพร่หลายทั่วไปของคนทุกชนชั้นทุกเพศ ทุกวัย และทุกถิ่น

นิทานจะเป็นแหล่งข้อมูลที่ประมวลเรื่องราว ความรู้สึกนึกคิด วัฒนธรรม

ความเชื่อของคนในแต่ละท้องถิ่นไว้อย่างชัดเจนและหลากหลาย สะท้อน

ให้เห็นถึง ภูมิปัญญา และจินตนาการของ คนในท้องถิ่นซึ่งเป็นเจ้าของนิ

ทานนั้นๆ “ นิทาน ” ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน

พ.ศ.๒๕๔๒(ราชบัณฑิตยสถาน, ๒๕๔๖) อธิบายความหมายว่า “นิทาน”

คือ เรื่องที่เล่ากันมา เช่น นิทานชาดกและนิทานอีสป เป็นต้น

ความสำคัญของนิทานพื้นบ้านไทยมุสลิม
เป็นนิทานตำนานที่ส่วนใหญ่แล้วมาจากเรื่องจริงในสมัยก่อนที่เล่าต่อๆ

กันมาเพื่อให้ลูกหลานรุ่นหลังได้รู้ถึงประวัติความเป็นมาของถิ่นเกิด

การนำเอานิทานไปเล่าเรื่องประกอบคำสอนให้เด็กๆได้ฟัง ย่อมเป็นเรื่อง

ทำให้เพลิดเพลินและเสริมความรู้แบ่งเบาภาระที่ต้องสอนเนื้ อหาอย่าง

เดียว นอกจากนี้นิทานแต่ละเรื่องยังให้ข้อเท็จจริงและช่วยเสริมทักษะ

ด้านการฟัง พูด อ่าน เขียน การใช้ภาษาที่ถูกต้อง เป็นการเพิ่มทักษะใน

ด้านการคิด การมองเห็น การจินตนาการและการทำตามเยี่ยงอย่างอันดี

ด้วยการศึกษาเรื่องนิทานจึงเป็นปัจจัยให้เกิดความรู้ทั้งทฤษฎีและแนว

ปฏิบัติด้วยทั้งสองทาง

นนิิททาานนพพืื้้นนบบ้้าานน ไไททยย มมุุสสลลิิมม

นิทานคติสอนใจ -มุ่งชี้ให้เห็นการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง พฤติกรรมของตัว
ละครไม่ว่าจะเป็นฝ่ายธรรมมะหรืออธรรม ล้วนให้คติสอนใจตัวอย่างเรื่อง

แม่จ๋าแม่แค่อ้อยเพียงลำเดียว สะท้อนถึงผลแห่งความดีของลูกกตัญญู

และเรื่อง ช่างไม้กับช่างเหล็ก ชี้ให้เห็นถึงวิสัยคนพาลไม่สามารถทำลาย

คนดีได้

อธิบายเหตุการณ์ หรือสาเหตุต่างๆ- เช่น เรื่อง พิษงูเหลือมอธิบายถึง

สัตว์มีพิษได้อย่างไร โดยกล่าวถึงงูเหลือมคายพิษทิ้งไว้ต่อมาสัตว์ต่างๆ

เช่น ต่อ ผึ้ง ตะเข็บ ตะขาบ และแมลงป่องรับพิษจากงูเหลือมกลสยเป็น

สัตว์มีพิษไปตามๆกัน หรือเรื่อง หมู ลิง และมะม่วงหิมพานต์ ทำให้เรา

ทราบว่าทำไมลิงบางชนิดถึงห่างสั้น ทำไมหมูจึงปากบวม จมูกบี้ และ

ทำให้เม็ดมะม่วงหิมพานต์ออกมาอยู่นอกผล ไม่เหมือนกับผลไม้อื่นๆ

โดยเล่าถึงความตกใจของสัตว์ทั้งสอง แถมวิ่งไปชนต้นมะม่วงหิมพานต์

จังเกิดผลดังกล่าว

กล่าวถึงสมบัติที่ฝั่ งไว้ - มักกล่าวถึงมนุษย์ เช่น ผี คนธรรพ์ รักษาสมบัติ

ไว้ในถ้ำแต่ถูกมนุษย์คดโกงคือ ยืมข้าวของแล้วไม่ส่งคืนหรือส่งคืนไม่

ครบ ผีหรือคนธรรพ์จึงงดให้บริการแถมปิดปากถ้ำมาจนถึงทุกวันนี้ ดัง

เรื่อง ฮาตูบูกิต(ผีภูเขา) บ้านกาโสด-บ้านตะลุบัน นอกจากนี้ยังมีลักษณะ

เดียวกับปู่โสมเฝ้าทรัพย์คือ ไม่ยอมให้มนุษย์หยิบยืมสิ่งของ

นิทานพื้นบ้าน ไทย มุสลิม

ลักษณะของนิทานพื้นบ้านไทยมุสลิม
นิทานพื้นบ้านมีลักษณะเฉพาะที่เห็นเด่นชัด คือเป็นเรื่องเล่าที่มีการ

ดำเนินเรื่องอย่างง่ายๆ โดยเรื่องไม่ทับซ้อนวิธีการที่ เล่าก็เป็นไปอย่าง

ง่ายๆ ตรงไปตรงมามักจะเริ่มเรื่องโดยการกล่าวถึงตัวละครสำคัญของ

เรื่องซึ่งอาจจะเป็นรุ่นพ่อแม่ของพระเอกหรือนางเอกแล้วดำเนินเรื่องไป

ตามเวลาปฏิทินตัวละครเอกพบอุปสรรคปัญหาแล้วก็ฟันฝ่าอุปสรรคหรือ

แก้ไขปัญหาลุล่วงไปจนจบเรื่องซึ่งมักจะจบแบบมีความสุขหรือสุขนาฎ

กรรมถ้าเป็นนิทานคติก็มักจะจบลงว่านิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าถ้าเป็น

นิทานชาดกก็จะบอกตัวละครสำคัญของเรื่องในชาติต่อไปไปเกิดเป็นใคร

บ้างถ้าเป็นนิทานปริศนาก็จะจบลงด้วยประโยคคำถามรัลักษณะของ

นิทานพื้นบ้าน ดังที่ กุหลาบมะลิกับมาส ๒๕๑๘ ได้สรุปไว้ดังนี้

เป็นเรื่องเล่าด้วยถ้อยคำธรรมดาเป็นภาษาร้อยแก้วไม่ใช่ร้อยกรอง
เล่ากันด้วยปากสืบทอดกันมาเป็นเวลาช้านานและเมื่อการเขียน

เจริญขึ้นก็อาจมีการเขียนขึ้นตามเขาเดิมที่เคยเล่าด้วยปาก
ไม่ปรากฏว่าผู้เล่าดังเดิมเป็นใครอ้างแต่ว่าเป็นของเก่าฟังมาจาก

ลาวซึ่งเป็นบุคคลสำคัญยิ่งในอดีตอีกต่อหนึ่ งผิดกับนิ ยายสมัยใหม่ที่

ทราบตัวผู้แต่ง แม้นิทานที่ปรากฏชื่อผู้แต่งเช่นนิทานของกริมมาก็

อ้างว่าเล่า ตามเค้านิทานที่มีมาแต่เดิมไม่ใช่ตนแต่งขึ้นเอง

โดยในดังกล่าวจะเห็นได้ว่าลักษณะที่สำคัญที่สุดของนิทานพื้นบ้านคือ

เป็นเรื่องเล่าที่สืบต่อกันมาด้วยปากและไม่ทราบว่าผู้ใดแต่ง

นิทานพื้นบ้าน ไทย มุสลิม

นิทานพื้นบ้านในแต่ละท้องที่ อาจมีความแตกต่างกันทั้งรูปแบบ เนื้อหา

และ ถ้อยคำภาษาที่ใช้เล่า ทั้งนี้เพราะอิทธิพลจากความแตกต่างของ

สังคม แต่นิทานพื้นบ้านทุกถิ่นจะมีลักษณะส่วนที่เหมือนกันอยู่ ลักษณะ

ส่วนที่เหมือนกันมี ๕ ประการ คือ

๑.นิทานพื้นบ้าน แต่แต่เดิมมาถ่ายทอดกันโดยวิธีมุขปาฐะ คือ เล่าสู่กัน

ฟัง และจดจำเล่าต่อๆ กันมาเป็นเวลาช้านานจนไม่สามารถจะรู้ได้ว่าใคร

เป็นผู้เริ่มผูกเรื่องขึ้นเล่า

๒.นิทานพื้นบ้าน ส่วนใหญ่เล่าด้วยถ้อยคำธรรมดาเป็นภาษาร้อยแก้ว ไม่

ใช้ภาษาร้อยกรอง มุ่งเอารสของเรื่องมากกว่ารสของคำ

๓.นิทานพื้นบ้าน มีลักษณะเป็นเรื่องราว ที่มีฉาก มีตัวละคร พฤติกรรม

ของชีวิต หรือสิ่งต่างๆ เป็นเรื่องราวของมนุษย์ที่สร้างขึ้นจากจินตนาการ

หรือมีเค้าเรื่องจริงอยู่ก่อนแล้ว

๔.นิทานพื้นบ้าน มีมีการดำเนินเรื่องอย่างง่ายๆ ไม่ยุ่งยากสลับซับซ้อน

๕.นิทานพื้นบ้าน ส่วนใหญ่มุ่งความบันเทิงใจของผู้ฟัง แต่อาจมีเป้า

หมายที่สอดแทรกไว้ในเรื่องใดก็ได้ เช่นเ พื่อสั่งสอนอบรมเ พื่อตอบข้อ

สงสัยบางอย่างแก่ผู้ฟัง เป็นต้น

นิทานพื้นบ้าน ไทย มุสลิม

ลักษณะของนิทานพื้นบ้านไทยมุสลิม
นิทานพื้นบ้านมีลักษณะเฉพาะที่เห็นเด่นชัด คือเป็นเรื่องเล่าที่มีการ

ดำเนินเรื่องอย่างง่ายๆ โดยเรื่องไม่ทับซ้อนวิธีการที่ เล่าก็เป็นไปอย่าง

ง่ายๆ ตรงไปตรงมามักจะเริ่มเรื่องโดยการกล่าวถึงตัวละครสำคัญของ

เรื่องซึ่งอาจจะเป็นรุ่นพ่อแม่ของพระเอกหรือนางเอกแล้วดำเนินเรื่องไป

ตามเวลาปฏิทินตัวละครเอกพบอุปสรรคปัญหาแล้วก็ฟันฝ่าอุปสรรคหรือ

แก้ไขปัญหาลุล่วงไปจนจบเรื่องซึ่งมักจะจบแบบมีความสุขหรือสุขนาฎ

กรรมถ้าเป็นนิทานคติก็มักจะจบลงว่านิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าถ้าเป็น

นิทานชาดกก็จะบอกตัวละครสำคัญของเรื่องในชาติต่อไปไปเกิดเป็นใคร

บ้างถ้าเป็นนิทานปริศนาก็จะจบลงด้วยประโยคคำถามรัลักษณะของ

นิทานพื้นบ้าน ดังที่ กุหลาบมะลิกับมาส ๒๕๑๘ ได้สรุปไว้ดังนี้

เป็นเรื่องเล่าด้วยถ้อยคำธรรมดาเป็นภาษาร้อยแก้วไม่ใช่ร้อยกรอง
เล่ากันด้วยปากสืบทอดกันมาเป็นเวลาช้านานและเมื่อการเขียน

เจริญขึ้นก็อาจมีการเขียนขึ้นตามเขาเดิมที่เคยเล่าด้วยปาก
ไม่ปรากฏว่าผู้เล่าดังเดิมเป็นใครอ้างแต่ว่าเป็นของเก่าฟังมาจาก

ลาวซึ่งเป็นบุคคลสำคัญยิ่งในอดีตอีกต่อหนึ่ งผิดกับนิ ยายสมัยใหม่ที่

ทราบตัวผู้แต่ง แม้นิทานที่ปรากฏชื่อผู้แต่งเช่นนิทานของกริมมาก็

อ้างว่าเล่า ตามเค้านิทานที่มีมาแต่เดิมไม่ใช่ตนแต่งขึ้นเอง

โดยในดังกล่าวจะเห็นได้ว่าลักษณะที่สำคัญที่สุดของนิทานพื้นบ้านคือ

เป็นเรื่องเล่าที่สืบต่อกันมาด้วยปากและไม่ทราบว่าผู้ใดแต่ง

นิทานพื้นบ้าน ไทย มุสลิม

นิทานพื้นบ้านในแต่ละท้องที่ อาจมีความแตกต่างกันทั้งรูปแบบ เนื้อหา
และ ถ้อยคำภาษาที่ใช้เล่า ทั้งนี้เพราะอิทธิพลจากความแตกต่างของ
สังคม แต่นิทานพื้นบ้านทุกถิ่นจะมีลักษณะส่วนที่เหมือนกันอยู่ ลักษณะ
ส่วนที่เหมือนกันมี ๕ ประการ คือ

๑.นิทานพื้นบ้าน แต่แต่เดิมมาถ่ายทอดกันโดยวิธีมุขปาฐะ คือ เล่าสู่กัน
ฟัง และจดจำเล่าต่อๆ กันมาเป็นเวลาช้านานจนไม่สามารถจะรู้ได้ว่าใคร
เป็นผู้เริ่มผูกเรื่องขึ้นเล่า

๒.นิทานพื้นบ้าน ส่วนใหญ่เล่าด้วยถ้อยคำธรรมดาเป็นภาษาร้อยแก้ว ไม่
ใช้ภาษาร้อยกรอง มุ่งเอารสของเรื่องมากกว่ารสของคำ

๓.นิทานพื้นบ้าน มีลักษณะเป็นเรื่องราว ที่มีฉาก มีตัวละคร พฤติกรรม
ของชีวิต หรือสิ่งต่างๆ เป็นเรื่องราวของมนุษย์ที่สร้างขึ้นจากจินตนาการ
หรือมีเค้าเรื่องจริงอยู่ก่อนแล้ว

๔.นิทานพื้นบ้าน มีมีการดำเนินเรื่องอย่างง่ายๆ ไม่ยุ่งยากสลับซับซ้อน

๕.นิทานพื้นบ้าน ส่วนใหญ่มุ่งความบันเทิงใจของผู้ฟัง แต่อาจมีเป้าหมาย
ที่สอดแทรกไว้ในเรื่องใดก็ได้ เช่นเ พื่อสั่งสอนอบรมเ พื่อตอบข้อสงสัย
บางอย่างแก่ผู้ฟัง เป็นต้น

นิทานพื้นบ้าน ไทย มุสลิม

นิทานพื้นบ้านไทยมุสลิม จังหวัดปัตตานี

ที่มีลักษณะเป็นนิทานเข้าแบบชนิดนิทาน นั่นคือคำถามและคำตอบต่อ

เนื่องเหมือนลูกโซ่ มีตัวละครหลายตัวเช่นเรื่องนกกระยางเริ่มต้นด้วย

คำถามถามนกกระยางว่าทำไม มันง่วงมาก? นกกระสาจึงร้องหาปลา

ปลาจึงไปถามหญ้า ถามควาย ถามท้อง - ข้าว - ไฟ - ฟืน - ฝน - คนและงู

ชัดทอดกันไม่จบเรื่อง

ประเภทของนิทานพื้นบ้านไทยมุสลิม จังหวัดปัตตานี
นิทานพื้นบ้านไทยมุสลิม จังหวัดปัตตานี จำแนกได้ ๘ ประเภท ดังนี้
๑. นิทานคติ
๒. นิทานปรัมปรา
๓. นิทานมุขตลก
๔. นิทานเรื่องสัตว์
๕. นิทานตำนาน
๖. นิทานชีวิต
๗. นิทานอธิบายเหตุผล
๘. นิทานเข้าแบบ

นิทานพื้นบ้าน ไทย มุสลิม

ลักษณะและเนื้อหา นิทานพื้นบ้านไทย มุสลิม จังหวัดปัตตานี

๑. นิทานคติ เป็นนิทานที่เน้นการสอนคุณธรรมหรือคติในชีวิตทั้งทางกาย

วาจา และจิตใจ จังหวัดปัตตานี ทุกเรื่องราวจะให้คติสอนใจ หรือแนวทาง

การใช้ชีวิตที่ถูกต้องและสวยงาม ตามหลักศาสนาอิสลาม ได้แก่ ความ

ซื่อสัตย์ ความกตัญญู ความเมตตา กรุณา ความฉลาด ความขยัน และ

ความพากเพียรพยายาม มีหลายหลายเรื่อง ได้แก่
๑. กิเลสมนุษย์ เป็นเรื่องที่ชี้ให้เห็นความหายนะซึ่งเกิดจากความโลภ ตลอด

จนการแสดงศรัทธาว่าอัลลอฮ์จะทรงคุ้มครองคนดี
๒. เจ๊ะมุกับเจ๊ะมะ ให้คติเรื่องความกตัญญู
๓. ชายผู้ถูกเหยียดหยาม ชี้ให้เห็นประโยชน์ของการกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ
๔. ชายยากจน ให้คติเรื่องความขยันมันเพียร
๕. มหาเศรษฐี ให้คติว่าทุกคนต้องขยันขันแข็งในการประกอบอาชีพเลี้ยงตน
๖. แวกะจิกับเสือ แสดงคติว่า ปฏิภาณไหวพริบจะทำให้รอดพ้นจากอันตราย

ได้
๗. ออแรบูโระ เป็นนิทานเกี่ยวกับศีลธรรมอันสูงสุดตามหลักการอิสลามว่า

อย่าหลงอบายมุข ๔ ประการ คือ หลีกเลี่ยงการละหมาด ขาดดุอาร์ (คือ การ

อธิษฐานขอพรต่ออัลลอฮ์) ไม่ ไม่ประกอบสัมมาอาชีพเลี้ยงตนและเล่นการ

พนัน

นอกจากนี้ยังมี นิทานคติอื่นๆอีกหลายเรื่อง เช่น คุณเซ็ง พ่อค้า อินทผาลัม

เพื่อนแท้ ฮาแวจือรีดิก สี่พี่น้อง ตาบอดเพื่อนแท้ นิทานเงียบ หมอดูกับ

เศรษฐี เป็นต้น

นิทานพื้นบ้าน ไทย มุสลิม

ลักษณะและเนื้อหา นิทานพื้นบ้านไทย มุสลิม จังหวัดปัตตานี

๒. นิทานปรัมปรา เป็นนิทานเก่าที่สืบทอดมาช้านาน ประกอบเรื่องราวด้วย

ด้วยอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ตลอดจนมีอำนาจเหนือธรรมชาติ ต่างๆ

นิทานปรัมปราของชาวบ้านไทยมุสลิมในจังหวัดปัตตานี มีโครงเรื่องค่อน

ข้างยาว มากกว่านิทานประเภทอื่น ๆ ส่วนใหญ่มักจะแสดงความสามารถและ

ความกล้าหาญของตัวเอกด้วย โดยมีอิทธิฤทธิ์และอำนาจเร้นลับมีหลายเรื่อง

ได้แก่
๑. เรื่องฮาแวมอกือลีกิง กล่าวถึงชายแคระผู้มีบุญญาธิการแล้ววาจาสิทธิ์ใน

ที่สุดก็ได้เป็นเจ้าเมือง
๒. เรื่องฮาแวฆอเลาะบือชา ถามถึงของวิเศษสามอย่างสามารถทำให้เกิดไฟ

เกิดสรรพอาหาร ฮาแวฆอเลาะบือชาได้อาสา เศรษฐีต่อสู้กับมังกรจนปราบ

มังกรได้
๓. เรื่องเมืองไทรบุรี กล่าวถึง ตือราปีปิก ผู้มีบุญญาธิการและทำประโยชน์ให้

แก่เมืองไทรบุรีเป็นอย่างมากเพราะสามารถเหาะได้ ยิงปืนใหญ่ให้ออกเป็นไฟ

ได้ และแปลงร่างเป็นเชือกได้ ได้ทำการต่อสู้กับพญานาคและพยายักษ์
๔. เรื่องของโต๊ะปาแญ กล่าวถึงท่านผู้สัตย์ รักสาคำพูดยิ่งชีวิตจนถูกประหาร

ชีวิตหลุมฝังศพของโต๊ะปาแญกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวไทยพุทธชาว

ไทยมุสลิมและชาวจีนนับถือ
๕. เรื่องชายผู้กล้า แสดงจินตนาการเกี่ยวกับผ้าจะกือละมะห์กาแจกูรี
๖. เรื่องพระราชากือลิง สะท้อนความเชื่อในการแปลงร่าง
๗. เรื่องพระราชาคันธนู สะท้อนความเชื่อเรื่องการบนบานสาบานต่อสิ่ง

ศักดิ์สิทธิ์

นิทานพื้นบ้าน ไทย มุสลิม

ลักษณะและเนื้อหา นิทานพื้นบ้านไทย มุสลิม จังหวัดปัตตานี

๓. นิทานมุกตลก เป็นนิทานที่มีจุดประสงค์จะสร้างความขบขัน หมายรวมทั้ง

เรื่องโกหก เรื่องเกินจริงหรือเรื่องโม้ด้วย
นิทานมุกตลกของชาวไทยมุสลิมจังหวัดปัตตานีมีมากมายหลายเรื่อง เช่น

เรื่องชายเพิ่งเเต่งงาน เรื่องดำขลับโล้นเกลี้ยง เรื่องดีดะห์ เรื่องชายตาบอดกับ

ชายหูหนวก เรื่องมือไม่ถึงขั้น เรื่องคนโกหกเก่ง เรื่องอาบูนาวาฟ เรื่องคน

ทอดแห เรื่องคนไม่ฉลาด เรื่องชายผู้เลี้ยงช้างทะรื่องทำไมพระจึงผอม เรื่อง

ทำไมพระไม่แต่งงาน เรื่องบูละ เป็นต้น
๔. นิทานเรื่องสัตว์ เป็นนิทานที่มีตัวละครเป็นสัตว์เป็นตัวเอกของเรื่อง และมี

พฤติกรรมเหมือนมนุษย์ นิทานประเภทนี้ใช้สัตว์เป็นสัญลักษณ์แทนมนุษย์

ได้แก่ เรื่องกระจงกับนาก กระจกกับหมาป่า เรื่องผู้พิพากษากวาง เรื่อง

ธรรมชาติของสัตว์ เรื่องควายกับจระเข้ เรื่องกระจงกับหอยโข่ง
๕. นิทานตำนาน เป็นนิทานเก่าแก่ที่เล่าสืบทอดกันมายาวนาน เป็นเรื่องที่เชื่อ

ว่าปรุงแต่งจากเรื่องจริงซึ่งสามารถสืบค้นแหล่งกำเนิด หรือช่วงเวลาจริงใน

อดีต ได้ค่อนข่างชัดเจนกว่านิทานปรัมปราโครงเรื่องของนิทานตำนานมักเน้น

การแสดงความเป็นมาของโบราณสถาน ปูชนียวัตถุ ประเพณีและมหรสพบาง

อย่าง ได้แก่ เรื่องคนหาของป่า แสดงถึงกำเนิดของศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว

คือชิล

นิทานพื้นบ้าน ไทย มุสลิม

ลักษณะและเนื้อหา นิทานพื้นบ้านไทย มุสลิม จังหวัดปัตตานี

๗.นิทานอธิบายเหตุ เป็นนิทานที่มีจุดประสงค์จะอธิบายถึงกำเนิดหรือสาเหตุ

ความเป็นมาของรูปลักษณ์ สัตว์ พืช ลมฟ้าอากาศ คน หรือสถานที่ แก่นเรื่อง

นิทานประเภทนี้ เน้นการให้คำตอบเกี่ยวกับบ่อเกิด หรือความเป็นมา โดยใช้วิธี

เล่าอย่างง่ายๆ และให้ความสนุกสนาน ไม่สลับซับซ้อน หรือยืดยาวเหมือน

ตำนาน ได้แก่ เรื่องช้างกับแม่เสือ อธิบายสาเหตุ ที่ลิงกังไม่มีหาง และสาเหตุ

ที่เสือมีหางยาว เรื่องที่มาของสาหร่าย อธิบายสาเหตุการเกิดสาหร่ายและ

เกาะในทะเล
๘. นิทานเข้าแบบ เป็นนิทานที่ผูกเรื่องแตกต่างจากนิทานประเภทอื่น โดยการ

สร้างรูปแบบพิเศษขึ้น แบ่งนิทานเข้าแบบ เป็น ๔ ชนิด คือ
๑. นิทานไม่รู้จบ หมายถึง นิทานที่มีความยาวไม่จำกัด มีลักษณะเล่าซ้ำๆ โดย

ไม่รู้จบ
๒. นิทานไม่จบเรื่อง หมายถึง นิทานที่เล่าหยอกล้อ เพื่อความสนุกสนาน มัก
จะเริ่มต้นด้วยความสนใจในท้องถิ่น เรื่องราวจบลงอย่างกะทันหัน
๓. นิทานหลอกผู้ฟัง หมายถึง เรื่องที่ผู้บรรยายตั้งใจให้ผู้ฟังมีส่วนร่วมในการ

เล่าเรื่องด้วย โดยถามคำถามให้ผู้ฟังตอบ
๔. นิทานลูกโซ่ คือ นิทานที่มีเรื่องราวดำเนินไปอย่างเดียว มีตัวละครหลายตัว

และพฤติกรรมเกี่ยวกันเป็นทอดๆ

นิทานพื้นบ้าน ไทย มุสลิม

นิทานพื้นบ้านไทยพุทธ จังหวัดปัตตานี

นิทานพื้นบ้านของชาวไทยพุทธในจังหวัดปัตตานีมีมากมายหลายเรื่อง ซึ่ง

บางเรื่องมีความเกี่ยวข้องกับนิทานพื้นบ้านของจังหวัดอื่นๆ บางเรื่องเป็น

เรื่องราวที่เล่าขานกันอย่างกว้างขวาง จนไม่รู้ว่าที่มาของผู้บรรยายคนแรก

เริ่มมาจากไหน ทั้งนี้เพราะนิทานพื้นบ้านแพร่กระจายผ่านวิธี “มุขปาฐะ”

กล่าวคือ จากปากหนึ่งไปอีกปากหนึ่ง โอกาสที่เรื่องราวจะเหมือนกันในธีมจึง

มีมากมาย แต่อาจมีรายละเอียดบางอย่างที่มากับเรื่องราวแตกต่างกัน
ตัวอย่างนิทานพื้นบ้านไทยพุทธบางส่วน จังหวัดปัตตานี ได้แก่

เรื่องพระกับลูกหนู
พระภิกษุท่านหนึ่งเดินทางมาไกลหาวัดไม่ได้เลย ซึมเศร้ามาที่บ้าน เจ้าของ

บ้านเชิญเขาให้ระลึกถึงวัดที่บ้าน พระได้รับอัญเชิญคืนนั้นขนุนในบ้านก็สุก

และมีกลิ่นหอม เจ้าของบ้านจึงนำขนุนมาใส่ในครัวและจัดที่สำหรับให้พระ

ภิกษุระลึกถึงพระอุโบสถด้านนอก พระบอกว่าจำวัดในครัวจะดีกว่า

เนื่องจากเป็นพื้นที่โล่งรับลมได้ดี เจ้าของบ้านจึงทำตามพระประสงค์
คืนนั้นเจ้าของบ้านผล็อยหลับไป ขนุนยังหอมอยู่ พระก็หิว พระภิกษุจึงลุก

ขึ้น ฉันกลืนขนุนทั้งตัว เพราะกลัวจะทิ้งร่องรอยให้เจ้าภาพดู พอทำเสร็จก็

ท่องต่อ สักพักฉันรู้สึกป่องและผายลม บังเอิญผายเมล็ดขนุนหลุดออกมา
ด้วย แล้วกระเด็นไปบนจานเสียงดังลั่น เจ้าของบ้านได้ยินแล้วตกใจที่ขโมย

ขึ้นบ้าน กลัวเป็นพระจึงตะโกนว่า “อย่าทำ อย่าทำ อย่ายิง” อย่ายิง" เกี่ยว

กับ ราหู กินจัง

นนิิททาานนพพืื้้นนบบ้้าานน ไไททยย มมุุสสลลิิมม

นิทานพื้นบ้านไทยพุทธ จังหวัดปัตตานี

เรื่องราหูกินจันทร์
ครอบครัวหนึ่งมีพี่น้อง ๓ คน ทั้งคู่ดูหมิ่นน้องซึ่งเป็นภาระของพวกเขา พวก

เขาจึงพยายามรังแกน้องคนสุดท้องตลอดเวลา วันหนึ่ง วัดข้างบ้านมีงาน

บุญ พี่น้องสองคนนำข้าวในชามเงินและทองมาที่วัด ส่วนน้องเล็กไม่มีอะไร

จะกิน จึงเอากระจาดใส่ข้าวเข้าวัด เมื่อไปถึงวัด ชาวบ้านก็หัวเราะคิกคัก

น้องชายทั้งโกรธและเขินอาย เลยภาวนาว่าถ้าเกิดในชาติใดชาติหนึ่งจะขอ
เป็นศัตรูกันทั้งสองฝ่าย ด้วยบุญพี่คนโตเกิดเป็นดวงตะวัน คนที่ ๒ เกิดเป็น

พระจันทร์ คนเล็กเกิดเป็นราหู ราหูจึงตามจับทั้งสองไปกิน ชาวบ้านเห็นต่าง

ช่วยกันตีเกราะ เคาะไม้ ยิงปืน ประทัดเบา ๆ ทำให้พระราหูตื่นตระหนกปล่อย

ให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์หนีไป

นนิิททาานนพพืื้้นนบบ้้าานน ไไททยย มมุุสสลลิิมม

คุณค่าของนิทานพื้นบ้านมุสลิม

นิทานพื้นบ้านแต่ละท้องถิ่น แม้จะมีโครงเรื่อง แก่นเรื่อง ตัวละคร และฉาก

แตกต่างกันตามความคิดอ่านหรือภูมิปัญญา ของแต่ละท้องถิ่น แต่ก็มี

ลักษณะร่วมกันอยู่หลายประการ โดยเฉพาะคือเรื่องคุณค่าของนิทานพื้น

บ้าน ซึ่งอาจสรุปได้ ๕ ประการ คือ
๑. คุณค่าในแง่ ของความสนุกสนานเพลิดเพลินต่อผู้ฟังและผู้อ่าน เพราะ

นิทานพื้นบ้านไทยมุสลิม เป็นการแสดงออกของตัวละคร สามารถสร้าง

ความสนุกสนาน แฝงความรู้และคติเตือนใจให้แก่ผู้ฟังได้ การฟังนิทานจึง

เป็นการสำเริงอารมณ์อีกวิธีหน่ึง
๒. คุณค่าในแง่การ สร้างความสัมพันธ์ในกลุ่มพวก เพราะการฟังนิทานพื้น

บ้านไทยมุสลิม มักฟังกันใน หมู่เครือญาติ เพื่อนฝูงหรือในหมู่บ้าน การฟัง

ร่วมกันย่อมก่อให้ เกิดความสนิทสนมมักคุ้น ความรัก และความเข้าใจกัน

มากขึ้น
๓. คุณค่าในแง่การสร้างความฉลาดรอบรู้และเสริมสร้างปัญญาแก่ตนเอง

การได้ฟังนิทานพื้นบ้านไทยมุสลิม ก็เท่ากับการได้ฟังความคิดและปัญญา

ของผู้ประพันธ์ ซึ่งได้กลั่นกรองและทดสอบมาจากสังคมรุ่นต่างๆ มามาก

แล้ว ย่อมก่อให้ เกิดความมีภูมิปัญญาแก่ตัวผู้ฟังได้มาก
๔. คุณค่าในแง่ การปลูกฝังและถ่ายทอดความคิดและความเชื่อของสังคมไป

ยังสมาชิกใหม่ของสังคม การเล่านิทานก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ใช้ เพื่อการนี้

นนิิททาานนพพืื้้นนบบ้้าานน ไไททยย มมุุสสลลิิมม

คุณค่าของนิทานพื้นบ้านมุสลิม

๕. คุณค่าในการสะท้อนภาพสังคมแก่ผู้ฟังทั้งโดยเจตนาและไม่เจตนา เป็น
มรดก ทางปัญญาของผู้คนในสังคมหนึ่งๆเหมือนผูกนิทานขึ้นจึงหนรไม่พ้น ที่
จะต้องเอาความคิดในยุคสมัยนั้นๆ เข้ามา การศึกษานิทานจึง เท่ากับเป็นการ
ศึกษาวัฒนธรรมของชุมชนไปในตัว
จากคุณค่าของนิทานดังกล่าวสรุปได้ว่า นิทานพื้นบ้านไทยมุสลิม มีคุณค่าต่อ
มนุษย์หลายประการ สมควรที่จะอนุรักษ์ไว้ไม่ให้ สูญหายไปจากสังคม เพื่อคน
รุ่นหลังจะได้ศึกษาและสืบทอด ต่อๆ กันไปจากรุ่นสู่รุ่น

นนิิททาานนพพืื้้นนบบ้้าานน ไไททยย มมุุสสลลิิมม

ตัวอย่างนิทานพื้นบ้านไทยมุสลิม

นิทานตำนาน
นิทานตำนานเป็นนิทานที่เกิดจากการบอกเล่าต่อ ๆ กันมา "โครงเรื่องมัก

เป็นเรื่องแสดงความเป็นมาของโบราณสถาน ประ เพณี มหรสพบางอย่าง"

สำหรับนิทานบระเภทนี้รวบรวมได้ ๔ เรื่อง คือ

๑.ตำนานตำบลพิเทน อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี
เมื่อครั้งอดีตกาลมีราชธิดาของพระราชาองค์หนึ่ง เสด็จประพาสป่า


พร้อมด้วยข้าราชบริพาร ระหว่างเสด็จประพาสป่านั้น พระธิดาทรง

กระหายน้ำ แต่ปรากฏว่าน้ำที่นำไปนั้นหมดเกลี้ยง เลยต้องค้นหาแหล่งน้ำ

อยู่เป็นเวลานาน จนกระทั่งพี่เลี้ยงไปพบน้ำขังอยู่ในแอ่งรอยเท้าพระยา

ราชสีห์ เป็นน้ำใสสะอาดน่าดื่ม พระพี่เลี้ยงจึงตักน้ำมาถวาย เมื่อพระธิดา

ทรงดื่มแล้วจึงชวนกันกลับพระราชวัง

กาลต่อมาปรากฏว่าพระธิดาทรงเจริญวัยตามลำดับ และทรงตั้งครรภ์

ความทราบถึงพระบิดายิ่งทำให้มีความสงสัย และเสียพระทัยมาก พระ

ราชาได้ตรัสเรียกโหรมาทำนาย เมื่อโหรได้ตรวจเลขผานาทีโดยละเอียด

แล้ว ก็ไม่อาจทำนายได้ว่าพระธิดาทรงครรภ์ด้วยเหตุอันใด พระราชาจึง

พิโรธพระธิดาและพระพี่เลี้ยง จึงขับไล่ทั้งคู่ไปอยู่ในป่านอกเมือง ต่อมาพระ

ธิดาประสูติโอรส ทรงชื่นชมโสมนัสเป็นอย่างมาก ทั้งพระมารดาและพระพี่

เลี้ยงได้ทรงทะนุถนอมเลี้ยงดู จนกระทั่งโอรสมีพระชันษาเติบใหญ่ตาม

ลำดับ

นนิิททาานนพพืื้้นนบบ้้าานน ไไททยย มมุุสสลลิิมม

ตัวอย่างนิทานพื้นบ้านไทยมุสลิม

บริเวณที่พระธิดา และพระกุมารพร้อมด้วยพระพี่เลี้ยงประทับอยู่นั้น ยังมี

ป่าอีกแห่งหนึ่งอยู่ใกล้ๆ ติดต่อกัน ณ ป่าใหญ่แห่งนั้นมีพระยาราชสีห์ตัว

หนึ่งเป็นราชาแห่งสัตว์ทั้งหลาย คราวใดพระยาราชสีห์แผดเสียงคำราม

ได้ยินไปถึงพระราชวัง คราวนั้นชาวเมืองแก้วหูแตกถึงความตายครั้งละ

หลายคน ความทราบถึงพระราชา ซึ่งเป็นพระบิดาของราชธิดา พระองค์จึง

บัญชาให้ทหารไปปราบพระยาราชสีห์ แต่ปรากฏว่าปราบไม่สำเร็จ

พระราชารับสั่งให้ทหารไปปราบพระยาราชสีห์อีกครั้ง ระหว่างที่ทหาร

ค้นหาเจ้าป่าอยู่นั้นได้พบพระกุมารซึ่งกำลังเที่ยวประพาส เมื่อพระกุมาร

ทราบเรื่องจึงตรัสกับทหารว่าไปฆ่าพระยาราชสีท์ไม่ตายดอก
ยกเว้นแต่พระองค์เอง ทหารได้ฟังเช่นนั้นจึงนำความกลับไปกราบทูล พระ

ราชา พระองค์จึงรับสั่งให้ทหารนำตัวพระกุมารเข้าเฝ้าพระกุมารจึงทูลลา

พระมารดาและพระพี่เลี้ยง แต่ได้รับคำทัดทาน พระกุมารไม่ยอมฟังและได้

เสร็จเข้าเฝ้าพระราชา พร้อมกับได้ตกลงกันว่าถ้าพระกุมารทำงานครั้งนี้ใด้

สำเร็จจะได้ครองบ้านเมืองส่วนหนึ่ง พระราชาตรัสสั่งให้ทหารนำดาบชนิด

ต่าง ๆ มาให้พระกุมารเลือก แต่พระกุมารไม่สนพระทัย จึงทูลพระราชาว่ายัง

มีดาบด้ามหนึ่ง ฝังอยู่ใต้เสาพระราชวัง เมื่อได้รับราชานุญาตแล้วจึงขุดดาบ

ดังกล่าวขึ้นมาเพื่อใช้เป็นอาวุธพระกุมาร

เมื่อพระโอรสออกไปพบพระยาราชสีห์ เจ้าป่าได้พูดว่าถ้าตนตายให้ถลก

หนังทำเชือก แต่หนังที่หัวนำไปรองนั่ง ณ ท้องพระโรงหนังเท้าทั้งสี่นำไปหุ้ม

เสาพระราชวัง ส่วนเนื้อนำไปฝังในพระราชวัง พระกุมารไม่ทราบว่าพระยา

ราชสีห์เป็นพระบิดาจึงได้ต่อสู้กันขึ้น และฆ่าพระยาราชสีห์ได้สำเร็จ

นนิิททาานนพพืื้้นนบบ้้าานน ไไททยย มมุุสสลลิิมม

ตัวอย่างนิทานพื้นบ้านไทยมุสลิม

พระราชาทรงพอพระทัยจึงแบ่งบ้านเมืองให้ส่วนหนึ่ง พระโอรสจึงจัด

สร้างเมืองขึ้นใหม่ที่แม่น้ำร้อยยอด เมื่อสร้างเมืองเสร็จแล้วปรากฎมีต้นไม้

ประหลาดต้นหนึ่งงอกขึ้นมา ชื่อต้นกก ณ เมืองของพระกุมาร มีช้างเผือกคู่

บ้านคู่เมืองเชือกหนึ่ง พระกุมารได้มอบหมายให้พี่น้องห้าคนดูแล พี่น้องทั้ง

ห้า คือ นายยัง หรือโต๊ะหยัง ซึ่งเป็นที่เรียกกันว่า "พี่เณร" ถัดมาคือ นาย

อ่อน หรือโต๊ะอ่อน นายแก้ว หรือโต๊ะแก้ว นายมอญ หรือโต๊ะหมอน และ

นางเลือดขาวซึ่งเป็นน้องสุดท้อง

ช้างเผือกดังกล่าวนี้มีหนังพระยาราชสีห์ควันเป็นเชือกทำเป็นปลอก

ผูกล่าม อยู่มาวันหนึ่งช้างเชือกนี้ได้หายไปทางริมฝั่ งทะเลตอนใต้ พระกุมาร

จึงรับสั่งให้พนักงานพี่เลี้ยงทั้งห้าออกติดตามค้นหา ถ้าไม่ได้ช้างกลับคืนมา

จะถูกสำเร็จโทษ

พี่น้องทั้งห้าพบรอยช้าง ณ หาดแห่งหนึ่ง และเรียกหาดตรงนั้นว่า

"หาดนี้แหละ" หรือ "ปาตานี่หละ" หรือเรียกว่า "ปาตานี" และได้เดินตาม

รอยต่อไปอีก ไปพบรอยเป็นกุด ๆ ที่บ้านมะหุด ต่อมา
เรียกหมู่บ้านนี้ว่า "บ้านมะหุดหรือกุด" (ตำบลปะโด) และมีรอยผ่านไปทาง

บ้านน้ำใส (หมู่ ๕ ตำบลอุโบะยิไร) ปรากฎว่ารอยเท้าช้างที่ผ่านไปนั้นนาน

แล้ว จนกระทั่งน้ำใสมองเห็นรอยเท้าช้าง เลยเรียกหมู่บ้านนี้ว่า "บ้านน้ำ

ใส"

นนิิททาานนพพืื้้นนบบ้้าานน ไไททยย มมุุสสลลิิมม

ตัวอย่างนิทานพื้นบ้านไทยมุสลิม

นายยัง หรือโต๊ะหยัง หรือพี่เณรกับน้องๆ เห็นว่าช้างได้ผ่านพ้นไปนาน

แล้ว จึงย้อนกลับไปที่บ้านเมืองยอน (เมืองยอนปัจจุบัน)"ยอนหมากกิน

ก่อน" ชาวบ้านเรียกหมู่บ้านนี้ว่า "เมืองยอน" (ผู้เขียน
เข้าใจว่าคงจะย้อนไปหารอยช้างทางเมืองยอนแล้วพักยอน หรือตะบัน

หมากกิน) เมื่อกินหมากเสร็จแล้ว จึงออกเดินทางต่อไปถึงบ้านน้ำดำปราก

ฎว่ารอยเท้าช้างเพิ่งผ่านที่นั่นไปหยก ๆ น้ำยังดำๆ ขุ่นๆ และจับ
ช้างเผือกนี้ได้นำไปผูกไว้ที่บ้านโฉลง (หมู่ ๑ ตำบลน้ำดำ) ปรากฎว่าช้าง

คลาน (หมู่ ๒ ตำบลพิเทน) ที่เขาช้างคลานมีอุโมงค์ เข้าไปสุดทางของ
อุโมงค์เป็นสระน้ำเล็กๆ

เมื่อช้างได้ขาดหายไปอีก โต๊ะมอญหรือโต๊ะหมอนได้บอกกับพี่ชายว่า

ไม่ติดตามต่อไปอีก จะขอตั้งถิ่นฐานที่นี่ (ตำบลน้ำดำ) ปรากฎว่าปัจจุบันมีที่

ฝังสพของโต๊ะหมอน ส่วนนางเลือดขาวบอกว่า จะเลิก
ตามเช่นกัน แต่จะขอเที่ยวไปทางกลันตัน เมื่อเป็นดังนั้น พี่เณรหรือโต๊ะ

หยัง โต๊ะอ่อน และต๊ะแก้ว ได้เดินทางติดตามช้างต่อไปโดยไปทางเขาช้าง

คลาน (ตำบลพิเทน) แต่ไม่พบ พี่เณรหรือโต๊ะหยังได้
บอกกับน้องทั้งสองว่า ตนจะไม่ติดตามไปอีกแล้ว จะขอตั้งหลักฐานที่นี่ (หมู่

๒ ตำบลพิเทน) ปรากฎว่าโต๊ะหยังได้ซื้อหลักทรัพย์ตั้งหลักฐานต่อมาจน

กระทั่งสิ้นชีวิต

ส่วนโต๊ะอ่อนและโต๊ะแก้วได้บอกว่าจะลองตามไปดูทางบ้านบือจะ หมู่

ที่ ๔ ตำบลพิเทน (ปรากฎว่ามีที่ฝังศพของโต๊ะอ่อนและโต๊ะแก้ว) ถ้าไม่พบ

อีกจะขอตั้งหลักฐานที่นั้น (หมู่ ๔ ตำบลพิเทน)

นนิิททาานนพพืื้้นนบบ้้าานน ไไททยย มมุุสสลลิิมม

ตัวอย่างนิทานพื้นบ้านไทยมุสลิม

จึงได้แยกย้ายกันไประหว่างที่มีชีวิดอยู่นั้น พี่เณรหรือโต๊ะหยังได้นำ

เชือกหนังพระยาราชสีห์ ระฆัง ตะขอ หอก และปี่ มาไว้ที่บ้านพิเทน ปรากฎ

ว่าได้สร้างโรงเก็บไว้ใกล้กับมัสยิดภูเขาน้อย (ปัจจุบัน) ห่างไปทางทิศเหนือ
ประมาณ ๒๐ วา และกูโบหรือที่ฝั่ งศพของพี่เณรอยู่ห่างกับเชือกหนังพระยา

ราชสีห์ประมาณ ๖๐ วา กาลต่อมาปรากฎว่าระฆัง ตะขอ หอก และปี่ ไปอยู่ที่

ตำบลกะลูบี อำเภอสายบุรี (ผู้เขียนเข้าใจว่าคงมี
ญาติเอาไปเก็บไว้)

ส่วนหนังพระยาราชสีห์อยู่ที่พิเทน (หมู่ ๒ ตำบลพิเทน) แต่เดี๋ยวนี้ได้

หายไปแล้ว เชือกหนังพระยาราชสีห์เส้นนี้กับระฆังมีปรากฎการณ์พิเศษว่า

ยามมีแสงแดดอ่อน ๆ เชือกหนังได้คลี่ยาวคล้ายงู
เลื้อย ออกผึ้งแดดเองและขดเข้าที่เก็บตามเดิม ส่วนระฆัง (ใบเล็ก)เมื่อผูก

คอช้างเชือกอื่นแล้วคอช้างจะทรุดต่ำลงเพราะทนความหนักของระฆังไม่ได้

ทุก ๆ ปี เมื่อถึงเดือน ๖ แรม ๑ ค่ำ ชาวบ้านพิเทนก็จะพร้อม
กันทำบุญจุดธูปเทียนบูชาที่ฝังศพ "พี่เณร" หรือโต๊ะหยัง ส่วนโต๊ะอ่อนหรือ

โต๊ะแก้วทำบุญแรม ๒ ค่ำ โต๊ะหมอนแรม ๕ ค่ำ เดือนเดียวกัน ได้ทำบุญเช่น

นี้ตลอดกระทั่งปัจจุบัน ปรากฏว่าที่ตำบลพิเทนเป็นเวลานานมาแล้วได้มีวัด

ไทย ๑ แห่ง ที่หมู่ ๒ ตำบลพิเทน (ผู้เขียนเข้าใจว่าคงมีในสมัยพี่เณร หรือลูก

หลานชั้นใกลัชิด) ที่บริเวณวัดแห่งนั้นมีดันอินทนิล ๑ ตัน (ไทยมุสลิมเรียก

ตันเน็นหรือเล็น) ขณะนี้บริเวณนั้นเป็นทุ่งนา มีเรื่องเล่าว่าวันหนึ่งชาวบ้าน

ไถนาพบหม้อประหลาด ๑ ใบ

นนิิททาานนพพืื้้นนบบ้้าานน ไไททยย มมุุสสลลิิมม

ตัวอย่างนิทานพื้นบ้านไทยมุสลิม

ด้วยความสงสัยเขาจึงใช้มีดพร้าเงื้อจะทุบหม้อใบนั้น ปรากฎว่าหม้อ

ประหลาดหมุนวนจม หายลงไปในดิน ประมาณ ๘-๙ ปีต่อมา โต๊ะปาเกได้

พบหม้อ ๑ ใบ ใกลักับที่ฝังศพพี่เณร ในหม้อใบนั้นมีเบี้ยโบราณบรรจุอยู่เต็ม

ครั้งแรกโต๊ะปาเกไม่กล้าหยิบเบี้ยเพราะกลัวบาป เมื่อมีความกล้าจึงเอื้อม
มือหยิบ แต่หม้อใบนั้นได้หมุนวนหายไปในดินเช่นเดียวกัน พี่เณรหรือโต๊ะหยัง

ได้สิ้นชีพไปนานแล้ว ชาวบ้านได้เรียกชื่อ"พี่เณร" คิดปากต่อ ๆ กันมา เพราะ

ถือว่าเป็นพี่ใหญ่และเป็นผู้ได้บวชเรียนแล้ว ต่อมาเรียกเพี้ยนไปเป็น "พิเทน"

ซึ่งเป็นชื่อเรียก "ตำบล
พิเทน" ในปัจจุบันนี้ (ผู้เขียนเข้าใจว่าการที่เสียงเพี้ยนนั้นอาจจะเป็นสำเนียง

ไทยมุสลิม) ชาวบ้านพิเทนหรือพี่เณรปัจจุบันมีสำเนียงพูดภาษาไทยกลาง

ประสมประสานไทยใต้ ใช้ราชาศัพท์บางคำ น่าศึกษาค้นคว้าอย่างยิ่ง

นนิิททาานนพพืื้้นนบบ้้าานน ไไททยย มมุุสสลลิิมม

ตัวอย่างนิทานพื้นบ้านไทยมุสลิม

นิทานปรัมปรา
นิทานปรัมปรา นิทานเรื่องนี้เป็นนิทานที่มีโครงเรื่องค่อนข้างยาว กุหลาบ มัล

ลิกะมาส กล่าวว่า "เนื้อเรื่องจะประกอบตัวยอิทธิฤธิ์ ปาฏิหาริย์ ตลอดจน

อำนาจอันพ้นมนุษย์วิสัยต่าง ๆ ตัวเอกของเรื่องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติพิเศษ

ประการใดประการหนึ่ง เช่น เป็นผู้มีอำนาจ มีบุญ"พฤติกรรมของตัวละครจะ

เกี่ยวข้องผูกพันอยู่กับอำนาจเหนือธรรมชาติ ตัวละครจึงมีหลากหลาย เช่น

เหวดา นางฟ้า ยักษ์ ภูตผี แม่มด สัตว์ประหลาด หรือสัตว์ใหญ่ ฉากของเรื่อง

ก็เป็นไปตามจินตนาการของผู้เล่า นิทานประเภทนี้พบมากในนิทานพื้นบัาน

ไทยมุสลิมจังหวัดปัตตานี ซึ่งมีทั้งหมด ๑๗ เรื่อง คือ

นนิิททาานนพพืื้้นนบบ้้าานน ไไททยย มมุุสสลลิิมม

๑. เรื่องชายผู้กล้า (อาแวบรานิง)
เป็นเรื่องที่แสดงให้เห็นผลดีของความกล้าหาญ และผลเสียของความ

โลภ กล่าวคือ พระราชาองค์หนึ่งทรงต้องการผ้าจะกือละมะห์กาแจกูรี เพื่อ

พระราชทาน
ให้พระธิดา พระองค์ทรงป่าวประกาศหาชายผู้กล้าที่จะไบหาผ้านี้มาให้

พระองค์ อาแวบรานิงชายพิการได้ขอโดยสารเรือของนายท้ายเรือผู้หนึ่ง โดย

ขอให้เข้าไป ส่งที่หาดสากูรี ที่หาดแห่งนี้อาแวบรานิงพบผ้าจะกือละมะห์กา

แจกูรี เขาจึงนำผ้ามาเพื่อที่จะถวายพระราชาโดยมีหญิงเจ้าของผ้าแปลงตัว

เป็นดอกไม้ติดตามมาด้วย นายท้ายเรือเห็นผ้าเข้า ด้วยความละโมบจึง

ทำร้ายอาแวบรานิง แล้วแย่งผ้ามา
ถวายพระราชา โดยกราบทูลว่าตนเป็นคนหามาได้ พระราชาจึงจัดพิธีอภิเษก

นายท้ายเรือกับพระธิดาของพระองค์
นกชูเบาะเหปาตือรี..เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ของอาแวบรานิงให้ชาวบ้าน
ผู้หนึ่งฟัง ชาวบ้านผู้นั้นจึงนำความขึ้นกราบทูลพระราชา พระราชาทรง

สอบสวนเรื่องราว เมื่อความจริงปรากฏ พระราชาจึงตรัสสั่งให้ประหารชีวิต

นายท้ายเรือ และจัดพิธีอภิเษกระหว่างอาแวบรานิงกับพระธิดา

นนิิททาานนพพืื้้นนบบ้้าานน ไไททยย มมุุสสลลิิมม

นิทานมุขตลก
นิทานมุขตลกเป็นนิทานที่นิยมเล่าในท้องถิ่นปัตตานี เนื้อเรื่องมุ่งแสดง

ความตลกขบขัน ซึ่งการสร้างอารมณ์ขันมีทั้งเกิดจากลักษณะของตัวละคร

และนิสัยของตัวละคร กล่าวว่า "ความขันอยู่ที่ความไม่นำเป็นไปได้ของห

ฤติกรรมหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น" บางครั้งมุขตลกเกี่ยวกับเรื่องเพศ ความ

เข้าใจผิด การล้อเลียนบุคคลต่างๆ โดยมักจะล้อเลียนบุคคลที่
นับถือศาสนาอื่น กล่าวว่า "นอกจากเป็นเรื่องที่เน้นความชบขันแล้ว นิทาน

ตลกขันหมายรวมไปถึง เรื่องโกหกและเรื่องกล่าวเกิน
จริงด้วย" โครงเรื่องของนิทานประเภทนี้มักมีขนาดสั้น ไม่ซับซ้อน แก่น

เรื่องของนิทานมักใช้พฤติกรรมของบุคคลในท้องถิ่น ในนิทานพื้นบ้านไทย

มุสลิมจังหวัดปัตตานี
ปรากฏนิทานมุขตลก 10 เรื่อง คือ
๑. เรื่องคนทอดแห

เป็นเรื่องของชายแคระผู้หนึ่ง ขาขโมยงาช้างจากตะขาบยักษ์ ตะขาบ

ยักษ์จึงไล่ตาม ปูเห็นเข้าเกิดความสงสารจึงเข้าขัดยวางและฆ่าตะขาบ

ยักษ์
ชายแคระพายเรือเล็กของเขาต่อไป ลมได้พัดเรือของเยาเข้าดงซือแปะ วัน

รุ่งขึ้นชาวบ้านมาตัดต้นซือเปะไปทำอาหาร คนแคระกับเรือของเขาติดไป

ด้วย เขาอ้อนวอนให้ส่งเขากลับที่เดิม ภรรยาเจ้าของบ้านเกิดความรำคาญ

จึงถ่ายปัสสาวะใส่เรือ
สามีผายลมใส่เรือทำให้เรือของชายแคระสามารถแล่นออกไปในทะเลได้

นิทานพื้นบ้าน ไทย มุสลิม

นิทานเข้าแบบ
เป็นนิทานที่ผูกเรื่องแตกต่างจากนิทานประเภทอื่นๆ โดยการสร้างรูป


เบบพิเศษขึ้น แบ่งออกเป็น ๔ ชนิด คือ
๑ ) นิทานไม่รู้จบ หมายถึง นิทานที่มีความยาวไม่จำกัด มีลักษณะเล่าซ้ำๆ

โดยไม่รู้จบ
๒ ) นิทานไม่จบเรื่อง หมายถึง นิทานที่เล่หยอกล้อเพื่อความสนุกสนานมัก

จะเริ่มต้นจากเรื่องที่น่าสนใจในท้องถิ่น เล่าจบอย่างกระทันหัน
๓) นิทานหลอกผู้ฟัง หมายถึง นิทานที่รู้เล่ามีเจตนาให้ผู้ฟังมีส่วนร่วมใน

การเล่านิทานด้วย โดยการตั้งคำถามให้ผู้ฟังร่วมตอบ
๔) นิทานลูกโซ่ เป็นนิทานที่มีเรื่องราวดำ
เนินไปอย่างเดียว มีตัวละครหลายตัวและมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกันเป็น

ทอดๆ

สำหรับนิทานเข้าแบบนี้ในนิทานพื้นบ้านไทยมุสลิมจังหวัดปัตตานี
ปรากฏเพียง ๒ เรื่อง คือ
๑. เรื่องคนโกหกเก่ง

เป็นการท้าเล่านิทานโกหกที่จะต้องเล่าให้คนฟังทุกคนเชื่อผู้เล่าจะใช้

กลวิธีต่าง ๆ เพื่อที่จะทำให้ผู้ฟังหลงกลและเผลอตัว ทำให้ต้องเสียเงิน
ไปในที่สุด

นิทานเข้าแบบที่บรากฎในนิทานพื้นบ้านไทยมุสลิมจังหวัดปัตตานี

นั้นพบน้อยที่สุดคือ มีเพียง ๒ เรื่องเท่านั้น เป็นนิทานลูกโซ่ ๑ เรื่อง ได้แก่

นิทานเรื่อง
นกยาง เป็นนิทานหลอกผู้ฟัง ๑ เรื่อง ได้แก่ นิทานเรื่องคนโกหกเก่ง

นิทานพื้นบ้าน ไทย มุสลิม

นิทานเข้าแบบ
เป็นนิทานที่ผูกเรื่องแตกต่างจากนิทานประเภทอื่นๆ โดยการสร้างรูป


เบบพิเศษขึ้น แบ่งออกเป็น ๔ ชนิด คือ
๑ ) นิทานไม่รู้จบ หมายถึง นิทานที่มีความยาวไม่จำกัด มีลักษณะเล่าซ้ำๆ

โดยไม่รู้จบ
๒ ) นิทานไม่จบเรื่อง หมายถึง นิทานที่เล่หยอกล้อเพื่อความสนุกสนานมัก

จะเริ่มต้นจากเรื่องที่น่าสนใจในท้องถิ่น เล่าจบอย่างกระทันหัน
๓) นิทานหลอกผู้ฟัง หมายถึง นิทานที่รู้เล่ามีเจตนาให้ผู้ฟังมีส่วนร่วมใน

การเล่านิทานด้วย โดยการตั้งคำถามให้ผู้ฟังร่วมตอบ
๔) นิทานลูกโซ่ เป็นนิทานที่มีเรื่องราวดำ
เนินไปอย่างเดียว มีตัวละครหลายตัวและมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกันเป็น

ทอดๆ

สำหรับนิทานเข้าแบบนี้ในนิทานพื้นบ้านไทยมุสลิมจังหวัดปัตตานี
ปรากฏเพียง ๒ เรื่อง คือ
๑. เรื่องคนโกหกเก่ง

เป็นการท้าเล่านิทานโกหกที่จะต้องเล่าให้คนฟังทุกคนเชื่อผู้เล่าจะใช้

กลวิธีต่าง ๆ เพื่อที่จะทำให้ผู้ฟังหลงกลและเผลอตัว ทำให้ต้องเสียเงิน
ไปในที่สุด

นิทานเข้าแบบที่บรากฎในนิทานพื้นบ้านไทยมุสลิมจังหวัดปัตตานี

นั้นพบน้อยที่สุดคือ มีเพียง ๒ เรื่องเท่านั้น เป็นนิทานลูกโซ่ ๑ เรื่อง ได้แก่

นิทานเรื่อง
นกยาง เป็นนิทานหลอกผู้ฟัง ๑ เรื่อง ได้แก่ นิทานเรื่องคนโกหกเก่ง

นิทานพื้นบ้าน ไทย มุสลิม

นิทานSอpธิบeาcยiเaหตlุ วันอาทิตย์ วันจันทร์

เป็นทานที่มุ่งอธิบายถึงต้นกำเนิดหรือความเป็นมาของรูปลักษ์(ชั่วไป
ของสัตว์ พืช ลมฟ้าอากาศ คน และสถานที่ แก่นเรื่องของนิทานประภทนี้
คือ มุ่งให้คำตอบเกี่ยวกับความเป็นมาของสิ่งต่าง ๆ โดยวิธีเล่าอย่างง่าย ๆ
ไม่สลับซับซ้อน นิทานอธิบายเหตุที่รวบรวมให้มี ๔ เรื่อง ได้แก่
๑. เรื่องช้างกับแม่เสือ

วันอังคาร วันพุธ วันพฤหัสบดีเรื่องนี้เป็นการอธิบายถึงสาเหตุที่ลิงกังไม่มีทาง และสาเหตุที่เสือมี

หางยาว กล่าวคือ
ข้างแม่ลูกอ่อนเชือกหนึ่งเหยียบลูกเสือตาย แม่เสือโกรธมากจะจับช้างกิน
อาหาร ช้างได้ขอเวลากลับไปให้นมลูก ระหว่างทางช้างพบกระจงซึ่งถูกกับ
ดักของ
นายพราน กระจงอ้อนวอนให้ช้างช่วยเหลือโดยสัญญาว่าจะตอบแทน
พระคุณของช้างในโอกาสข้างหน้า ช้างจึงช่วยเหลือกระจง ฝ่ายกระจงเมื่อ
ทราบความทุกข์ของช้างจึงอาสาช่วยเหลือ เมื่อครบกำหนดสัญญาที่ให้กับ

วันศุกร์ วันเสาร์ Specialแม่เสือ ช้างและกระจงก็ไปพบแม่เสือตามสัญญา กระจงให้ทำอุบายจนแม่

เสือตกใจวิ่งหนีไปพบลิงกัง เล่าเรื่องราวให้ถึงพัง ลิงตกใจกลัวจึงเอาหางมา
ผูกติดกับทางของเสือ สัตว์ทั้งสองตัวจึงวิ่งหนี
ไปพร้อม ๆ กัน ในที่สุดหางของลิงกังหลุดไปติดกับหางของเสือ ทำให้เสือมี
หางยาวกว่าเดิม ได้แก่ นิทานเรื่องคนโกหกเก่ง

นนิิททาานนพพืื้้นนบบ้้าานน ไไททยย มมุุสสลลิิมม

นิทานคติ
นิทานประเภทนี้มุ่งเน้นคติสอนใจ ดติในการดำรงชีวิต เนื้อหาของนิทาน

จะสอดแทรกคติสอนใจ ชี้ให้เห็นแนวทางการดำเนินชีวิตให้ถูกต้อง โดยมี
หลักธรรมทางศาสนาอิสลามมาเกี่ยวข้องแก่นของเรื่องนิทานคติอยู่ที่การ
สมมุติว่าเป็นเรื่องจริงที่ เกิดขึ้นในอดีตผู้เล่ายกตัวอย่างให้เห็นว่า เรื่องที่
เกิดขึ้นในปัจจุบันอาจจะเกิดขึ้นเช่นเดียวกับเรื่องสมมุติในอดีตก็ได้
นิทานคติปรากฎในงานนิทานพื้นบ้านไทยมุสลิมคือ

๑.เรื่องกิเลสมนุษย์
เป็นเรื่องที่ชี้ให้เห็นถึงความหายนะที่เกิดจากความโลภจากมนุษย์กล่าว

คือ อีชาได้ฝากโรตีกับเพื่อนของเขาสามแผ่น เมื่อเขาขอคืนปรากฎว่าโรตี
เหลือเพียงสองแผ่น เขาจึงถามเพื่อนว่าโรตีอีกแผ่นหนึ่งหายไปไหน เพื่อน
ของเขายืนยันว่สไม่ทราบ ไม่ว่าอีชาจะถามกี่ครั้ง " ก็ตาม ต่อมาอีชาพบ
ทองคำสามก้อนจึงบอกกับเพื่อนว่าจะแบ่งทองคำให้คนที่กินโรตีแผ่นนั้น
ด้วยละโมบเพื่อนของเขายอมรับว่าเขาเองเป็นผู้ที่กินโรตีแผ่นนั้น อีซาฝาก
ทองทั้งสามก้อนให้เพื่อนเก็บรักษาบังเอิญมีชายสามคนพบเด็กกำสังเฝ้า
ทองคำอยู่จึงแย่งทองคำไป ชายทั้งสามตกลงกันว่าคนหนึ่งไปซื้อข้าว ส่วน
คนที่เหลือจะเฝ้าทอง ด้วยความโลภชายที่เฝ้าทองคำคิดกำจัดคนที่ไปซื้อ
ข้าว คนที่ไปซื้อข้าวคิดกำจัดคนที่เฝ้าทองคำ สุดท้ายทุกคนต้องมา
จบชีวิตลงเพราะความโลภของตนนั่นเอง

นนิิททบฮีาลารา์แโนลอนวน์ ดพ์พืื้้นนบบ้้าานน ไไททยย มมุุสสลลิิมม

ข้อเสนอนิทานชีวิต
นิทานประ เภทนี้เป็นการจำลองชีวิตจริงของผู้ตนในสังคมใดสังคม

เงินอุ ดหนุนหนึ่งเนื้อหามีลักษณะสมจริงสมจัง กล่าวว่า "ตัวละครในนิทานประเภทนี้มี

ลักษณะ เป็นสามัญชนมากกว่าท้าวพระยามหากษัตริย์หรือชนชั้นสูง" ส่วน

ฉากจัแดลเะตบรรีรยยมากเพาืศ่อมีนลักคษรณรัะฐสเมซจนริงจูมเราีกยขึน้น นิทานประเภทนี้ในนิทานพื้น

บ้านไทยมุสลิมจังหวัดปัตตานี ๔ เรื่อง คือ
๑. เรื่องพระราชาเป็นหนี้

เป็นเรื่องของพระราชาองค์หนึ่ง เมื่อพระองค์ประชวรหนักมาก ได้ตรัส

สเิร้นียพสกิรพงะรหชะนาโอมค์รมสแ2ล5ะพ6ร8ะธิดาเข้าเฝ้าแล้วตรัสสั่งเสียว่า ถ้าพระองค์

หากมีคนมาทวงหนี้ก็ขอให้จ่ายหนี้แทนด้วย ขณะนั้นมีโจรผู้หนึ่งแอบฟังอยู่
ดังนั้นเมื่อพระราชาสิ้นพระชนม์โจรจึงทำทีมาทวงหนี้ พระโอรสและพระ
ธิดาทรงจ่ายหนี้ต่อมามีผู้คนมากมายมาทวงนี้ จนทั้งหมดทนไม่ไหวได้เสด็จ
หนีออกจากวังพระธิดานั้นทรงโชคดี พระราชาต่างเมืองทรงรับไว้เป็นพระ
ธิดาบุญธรรม วันหนึ่ง
มีเรืนอำสเสำนเภอแาแก่ ล่นมายังเมืองนี้ ปรากฎว่าเป็นเรือของพระมารดาและพระ
เชษวิฐลเาฮขล์อมงบัพลลราะร์ธดิดาโดยสารมา พระราชาจึงรับพระมารดาของพระธิดาเป็น
มเหสีและ
ทรงเลี้ยงดูโอรสธิดาทุกพระองค์อีกด้วย

นำเสนอโดย
ฟรานซิสโก อันดราเด

นิทานพื้นบ้าน ไทย มุสลิม

การนำไปประยุกต์ใช้ในวิชาภาษาไทย

การนำนิทานไทยเป็นภาษาไทยและนิทานไทยมุสลิมมาประยุกต์ใช้ใน

รายวิชาภาษาไทย หุ่นจำลองนกที่เหมาะกับการสอนเด็กและฝึกกระบวนการ

คิดของเด็กผ่านผู้เล่านิทานเพื่อรับข้อความนั้น ซึ่งช่วยเสริมความคิด

สร้างสรรค์ จินตนาการ และรูปแบบการเรียนรู้ และเรียนรู้อย่างมีความสุข

โดยเน้นการฟังช่วยเพิ่มความฉลาดในการฟัง (สุตฺตมยปัญญา การฟังที่ลึก

ซึ้ง) เมื่อเปลี่ยนเด็กให้เป็นนักเล่าเรื่องละคร เสริมทักษะการสื่อสาร การ

แสดงออก จินตนาการ ความเชื่อ และสมาธิ (จินตมายาปัญญาภาวนา)

ปัญญา) วัฒนธรรมของชนชาติทั้งหลายมีเรื่องเล่า นิทานประกอบขึ้นเป็น

เรื่องราวที่อาจอิงจากข้อเท็จจริงบางอย่าง แต่มีจุดประสงค์เพื่อสะท้อนเรื่อง

ราวของการเรียนรู้ทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม กับวิถีชาวบ้าน นอกจากนี้

ยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับศาสนาหรือปรัชญาสอนคนอีกด้วย ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ

นิทานไทย-มุสลิม นิทานจึงมีความสำคัญในการเสริมสร้างทักษะการฟังและ

จินตนาการของผู้เรียนเช่นกัน การใช้นิทานในการสอนช่วยกระตุ้นการเรียนรู้

ของผู้เรียนในบริบท ศักยภาพของการจัดการเรียนรู้ตามเรื่องราว การเรียน

ภาษาไทยจึงเหมาะสมที่จะนำนิทานเช่นนิทานไทยมุสลิมมาประยุกต์ใช้ในการ

เรียนการสอน


Click to View FlipBook Version