The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chonnaphat.cn18, 2023-03-14 05:17:25

การพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนโดยใช้ชุดกิจกรรมไดอารีฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ และการใช้เทคนิคการเขียนแบบกึ่งควบคุม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนวัชรวิทยา จังหวัดกำแพงเพชร

วิจัยในชั้นเรียน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565
จัดทำโดย
นางสาวชนม์ณภัทร ช้างนาม
ตำแหน่งครู (ยังไม่มีวิทยฐานะ)
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ

Keywords: ไดอารี

Tour Guide Accommodation Meals Paris is one of the most beautiful cities in the world. Get our best service to get around Paris and visit the most beautiful places. Order now! Paris Famous City Spots Contact Us +123-456-7890 www.reallygreatsite.com @reallygreatsite โรงเรียรีนวัชรวิทยา WATCHARAWITTAYA SCHOOL Classroom Action Research สำ นักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากำ แพงเพชร สำ นักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ โรงเรียนวัชรวิทยา อำ เภอเมือง จังหวัดกำ แพงเพชร นางสาวชนม์ณภัทร ช้างนาม ตำ แหน่งครู (ยังไม่มีวิทยฐานะ) กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ


การพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนโดยใช้ชุดกิจกรรมไดอารี่ฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ และการใช้เทคนิคการเขียนแบบกึ่งควบคุม สําหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔/7 ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๕ โรงเรียนวัชรวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากำแพงเพชร นางสาวชนม์ณภัทร ช้างนาม ตำแหน่ง ครู (ยังไม่มีวิทยฐานะ) วิจัยในชั้นเรียนนี้เสนอเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ สาขาวิชา ภาษาอังกฤษ โรงเรียนวัชรวิทยา จังหวัดกำแพงเพชร มีนาคม 2566


สารบัญ เรื่อง หน้า คำนำ สารบัญ บทคัดย่อ 1 บทนำ 2 ๑. สภาพปัญหา ความเป็นมาและความสำคัญ 2 2. วัตถุประสงค์การวิจัย 3 3. ความสำคัญของการวิจัย 3 4. สมมติฐานการวิจัย 3 5. ระยะเวลาในการดำเนินงาน 3 วัสดุอุปกรณ์และวิธีการ 4 1. ประชากร 4 2. กลุ่มตัวอย่าง 4 3. ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย 4 4. เครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัย 5 5. การสร้างและหาคุณภาพเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 5 6. การเก็บรวบรวมข้อมูล 7 7. การวิเคราะห์ข้อมูล 7 8. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 8 ผลที่คาดว่าจะได้รับ 10 ผลการศึกษา 10 บทสรุป 11 ๑. สรุปผลการวิจัย 11 ๒. อภิปรายผล 11 ๓. ข้อเสนอแนะ 12 เอกสารอ้างอิง ภาคผนวก ภาคผนวก ก แบบประเมินค่าดัชนีความสอดคล้องของข้อสอบ ตารางที่ 1 แสดงค่า IOC ภาคผนวก ข เครื่องมือวิจัย ภาคผนวก ค เฉลยเครื่องมือวิจัย แผนการจัดการเรียนรู้ 1 แผน (4 ชั่วโมง) ตารางที่ 2 คะแนนก่อน-หลังเรียน และคะแนนความก้าวหน้าของนักเรียน


๑ การพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนโดยใช้ชุดกิจกรรมไดอารี่ฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ และการใช้เทคนิคการเขียนแบบกึ่งควบคุม สําหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔/7 ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๕ โรงเรียนวัชรวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากำแพงเพชร นางสาวชนม์ณภัทร ช้างนาม A Use of Daily Diary Writing and Semi-Controlled Writing Technique to Integrate the 10 th Grade Students’ Reading and Writing Skills at Watcharawittaya School, Secondary Educational Service Area Office in Kamphaeng Phet MISS CHONNAPHAT CHANGNAM บทคัดย่อ การวิจัยฏิบัติการในชั้นเรียนในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้ กระบวนการจัดการเรียนรู้โดยเน้นให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติจริง (Active Learning) ผ่านการเขียนบันทึก ประจำวัน (Daily Diary) ควบคู่กับการใช้เทคนิคการเขียนแบบกึ่งควบคุม (Semi-Controlled Writing) และ เพื่อหาแนวปฏิบัติที่ดีในการจัดกระบวนการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษผ่าน บทเรียน เรื่อง Private Writing (การเขียนบันทึกสิ่งส่วนตัว) และหลักการใช้ไวยากรณ์ เรื่องการใช้เครื่องหมาย วรรคตอน และการใช้ FANBOYS กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔/7 โรงเรียนวัชรวิทยา จังหวัดกำแพงเพชร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากำแพงเพชร จำนวน 39 คน ประกอบด้วยนักเรียนชาย 19 คน และนักเรียนหญิง 20 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ๑) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 บูรณาการ การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning และหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นประกอบด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 2 แผน (4 ชั่วโมง) ๒) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รูปแบบอัตนัย รายวิชาเพิ่มเติม Reading and Writing ๒ (อ๓๑๒๐๓) จำนวน ๑ ชุด 10 ข้อ คะแนนเต็ม 2๐ คะแนน สำหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ ๔/7 และสื่อการเรียนรู้ (E-book) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และ สถิติในการทดสอบ (T score) ผลการวิจัยพบว่า ภายหลังการเขียนบันทึกประจำวัน (Daily Diary) ควบคู่ใช้การใช้เทคนิค การเขียนแบบกึ่งควบคุม (Semi-Controlled Writing) เพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ ๔ พบว่า ค่าคะแนนเฉลี่ยของคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน โดยมีค่าเฉลี่ยของคะแนนหลัง เรียนเท่ากับ ๑๙ ค่า T score ก่อนเรียนมีค่า ๓๗.๙๘๗ และหลังเรียนมีค่า ๕๙.๐๑๖ มีค่านัยสำคัญทางสถิติที่ ๐.1 และพบว่าความสามารถในการอ่าน - เขียนภาษาอังกฤษของ นักเรียนทั้ง 3 ด้านเพิ่มขึ้น คือ ด้านการ เขียนคําศัพท์ ด้านการอ่าน และด้านการเขียนประโยค คำสำคัญ การเขียนบันทึกไดอารี่ ทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ เทคนิคการเขียนแบบกึ่งควบคุม (Semi-Controlled Writing)


๒ บทนำ ในปัจจุบันพบว่า ปัญหาส่วนใหญ่ที่พบในนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่ส่งผลกระทบต่อ การเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ได้แก่ ปัญหาด้านการขาดทักษะการอ่านและการเขียน (Reading and Writing Skills) โดยนักเรียนส่วนใหญ่ไม่สามารถอ่านประโยค (Sentence) และย่อหน้าภาษาอังกฤษได้ (Paragraph) อีกทั้งยังไม่สามารถสร้างรูปแบบประโยคที่ถูกต้อง และไม่สามารถประยุกต์ใช้หลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษใน การเขียนได้ จากสภาพปัญหาดังกล่าว ส่งผลให้ผู้เรียนไม่สามารถใช้คําศัพท์เขียนสื่อสารในรูปของวลี สํานวน และ ประโยคได้ ดังนั้นจึงต้องพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนโดยส่งเสริมให้ผู้เรียนมีสมรรถนะในการเขียน สื่อสาร จึงได้ศึกษาเทคนิควิธีปฏิบัติการฝึกทักษะการเขียนแบบกึ่งควบคุม และนํามาพัฒนาทักษะกระบวนการในการ เขียนภาษาอังกฤษ เพื่อเพิ่มสมรรถนะทางการเขียน ซึ่งส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดความคิด สร้างสรรค์ ในการเรียนรู้ คําศัพท์ สํานวน ประโยค และความหมายเพิ่ มมากขึ้น เข้าใจรูปแบบของกลุ่มคําและ โครงสร้างของประโยค มากยิงขึ้น เกิดสมรรถนะจากการเรียนรู้จนสามารถใช้คําศัพท์ในการเขียนสื่อสารและสื่อความหมายได้ตาม ความต้องการ กระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning นับเป็นสิ่งที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดในการศึกษาช่วงศตวรรษ ที่ ๒๑ ด้วยเพราะเป็นแนวจัดการเรียนรู้ที่จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้และตอบสนองต่อการพัฒนาของ สังคมโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยความหมายของ Active Learning นั้นหมายถึง กระบวนการ จัดการ เรียนรู้ที่ผู้เรียนได้ลงมือกระทํา และได้ใช้กระบวนการคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้กระทํา ลงไป (Bonwell, 1991) การพัฒนาเครื่องมือวิจัยและการจัดการเรียนรู้โดยเทคนิคหรือกลวิธีการสอนที่หลากหลายจึงถูก นำมาใช้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษของผู้เรียน ผู้วิจัยค้นพบว่าการเรียนรู้แบบลงมือ ปฏิบัติจริง ผ่านประสบการณ์ของผู้เรียนนั้น ช่วยให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการเรียนรู้ที่ดีขึ้น การเขียนบันทึกไดอารี่ ควบคู่ไปกับการใช้เทคนิคการเขียนแบบกึ่งควบคุม (Semi-Controlled Writing) จึงถูกนำมาใช้ในการทำวิจัย ชั้นเรียนนี้ การพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนของผู้เรียนโดยการเรียนรู้แบบลงมือปฏบัติจริงผ่านการเขียน บันทึกประจำวัน (Daily Diary) โดยใช้เทคนิคการเขียนแบบกึ่งควบคุม (Semi-Controlled Writing) เพื่อสร้าง รูปแบบการเขียนที่เหมือนกัน ได้แก่ การใช้ Past Tense ในการสร้างประโยคภาษาอังกฤษ การใช้เครื่องหมาย วรรคตอนที่ถูกต้อง และการใช้คำสันธานเชื่อมประโยค (FANBOYS) ในไดอารี่ได้อย่างถูกต้องตามหลักทาง ภาษา ผลจากการวิจัยครั้งนี้จะเป็นแนวทางสําหรับผู้สอนําไปปรับปรุงวิธีสอนและพัฒนาทักษะทางการเขียน เพื่อเพิ่มสมรรถนะทางการใช้ภาษาในการเขียน และการอ่านภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


๓ วัตถุประสงค์การวิจัย เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในรายวิชา Reading and Writing 2 เรื่อง Private Writing ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7 ก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้ชุดกิจกรรมไดอารี่ฝึกทักษะการเขียน ภาษาอังกฤษและการใช้เทคนิคการเขียนแบบกึ่งควบคุม (Semi-Controlled Writing) ความสำคัญของการวิจัย การวิจัยครั้งนี้ทำให้ทราบถึงผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในรายวิชา Reading and Writing 2 เรื่อง Private Writing ก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้ชุดกิจกรรมไดอารี่ฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษและการใช้เทคนิคการเขียน แบบกึ่งควบคุม (Semi-Controlled Writing) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7 โรงเรียนวัชรวิทยา จังหวัด กำแพงเพชร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากำแพงเพชร นอกจากนี้ ยังเป็นแนวทางให้ผู้สอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศบูรณาการ การจัดการ เรียนรู้แบบ Active Learning โดยใช้ชุดกิจกรรมไดอารี่ฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษและการใช้เทคนิคการ เขียนแบบกึ่งควบคุม (Semi-Controlled Writing) เป็นรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับยุคสมัย ปัจจุบันที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก สมมติฐานการวิจัย นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7 ห้องที่ได้รับการสอนโดยใช้ชุดกิจกรรมไดอารี่ฝึกทักษะการเขียน ภาษาอังกฤษและการใช้เทคนิคการเขียนแบบกึ่งควบคุม (Semi-Controlled Writing) มีผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนในรายวิชา Reading and Writing 2 เรื่อง Private Writing หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ระยะเวลาในการดำเนินงาน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565


๔ วัสดุอุปกรณ์และวิธีการ การวิจัยเรื่อง การพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนโดยใช้ชุดกิจกรรมไดอารี่ฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ และการใช้เทคนิคการเขียนแบบกึ่งควบคุม สําหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔/7 ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๕ โรงเรียนวัชรวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากำแพงเพชร ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงทดลอง มีวิธีดำเนินการวิจัยดังนี้ 1. ประชากร 2. กลุ่มตัวอย่าง 3. ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย 4. เครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัย 5. การสร้างและหาคุณภาพเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 6. การเก็บรวบรวมข้อมูล 7. การวิเคราะห์ข้อมูล 8. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 1. ประชากรที่ใช้ในการวิจัย ประชากรที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7 โรงเรียนวัชรวิทยา จังหวัด กำแพงเพชร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากำแพงเพชร ซึ่งกำลังศึกษารายวิชา Reading and Writing 2 (ภาษาอังกฤษอ่าน - เขียน 2) รหัสวิชา อ31203 จำนวน 39 คน 2. กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ประชากรที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7 โรงเรียนวัชรวิทยา จังหวัด กำแพงเพชร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากำแพงเพชร ซึ่งกำลังศึกษารายวิชา Reading and Writing 2 (ภาษาอังกฤษอ่าน - เขียน 2) รหัสวิชา อ31203 จำนวน 39 คน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 ซึ่งได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) 3. ตัวแปรในการวิจัย ตัวแปรอิสระ ได้แก่การใช้ชุดกิจกรรมไดอารี่ฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ และการใช้เทคนิค การเขียนแบบกึ่งควบคุม ตัวแปรตาม ได้แก่ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ ทักษะการอ่านและเขียน


๕ 4. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้แบ่งเป็น 2 ประเภทได้แก่ 1. แผนการจัดการเรียนรู้รูปแบบ Active Learning ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นประกอบด้วยแผนการจัดการ เรียนรู้จำนวน 1 แผน (4 ชั่วโมง) 2. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รูปแบบอัตนัย รายวิชาเพิ่มเติม Reading and Writing 2 (อ๓๑๒๐3) จำนวน ๑ ชุด 10 ข้อ คะแนนเต็ม ๒๐ คะแนน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ 3. สื่อการเรียนรู้ (E-book) เรื่อง Private Writing 5. การสร้างและพัฒนาเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1. แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยการจัดการเรียนรู้รูปแบบ Active Learning 1.1 ศึกษาและวิเคราะห์ปัญหาการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ รายวิชา Reading and Writing 2 เพื่อกำหนดปัญหาและจุดที่จะต้องพัฒนา 1.2 ศึกษาแนวคิดทฤษฎีหลักการจากเอกสารตำราและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างกรอบ แนวคิดในการสร้างและพัฒนาแผนการการจัดการเรียนรู้รูปแบบ Active Learning ผ่านการเขียน บันทึกไดอารี่ควบคู่กับการใช้เทคนิคการเขียนแบบกึ่งควบคุม (Semi-Controlled Writing) 1.3 กำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้และพิจารณาพฤติกรรมที่ต้องการให้เกิดกับนักเรียน รวมทั้งเนื้อหาสาระเรื่องที่จะใช้ในการสร้างแผนการจัดการเรียนรู้รูปแบบ Active Learning 1.4 สร้างแผนการจัดการเรียนรู้รูปแบบ Active Learning และเขียนขั้นตอนการจัดกิจกรรม การเรียนการสอนตามวิธีการสอนนั้นในรูปของแผนการจัดการสอน 1.5 นำแผนการจัดการเรียนรู้รูปแบบ Active Learning ไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจำนวน 3 ท่านประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตรและการสอนจำนวน 1 ท่าน ผู้เชี่ยวชาญด้านการสอน วิชาภาษาอังกฤษจำนวน 2 ท่าน 1.6 แก้ไขปรับปรุงแผนการจัดการเรียนรู้รูปแบบ Active Learning 1.7 จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้การจัดการเรียนรู้รูปแบบ Active Learning ผ่านการเขียนบันทึกไดอารี่ควบคู่กับการใช้เทคนิคการเขียนแบบกึ่งควบคุม (Semi-Controlled Writing) ให้เหมาะสมกับจำนวนนักเรียนกลุ่มเป้าหมายที่จะใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 2. การสร้างและพัฒนาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ รายวิชา Reading and Writing 2 เป็นแบบทดสอบอัตนัย จำนวน 10 ข้อ มีขั้นตอนการสร้างและพัฒนา ดังนี้ 2.1 ศึกษาหลักการทฤษฎีในการสร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 2.2 วิเคราะห์จุดประสงค์การเรียนรู้โดยระบุพฤติกรรมและเนื้อหากลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ รายวิชา Reading and Writing 2


๖ 2.3 สร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้ครอบคลุมพฤติกรรมและเนื้อหาสาระ ตามจุดประสงค์การเรียนรู้ 2.4 ขอความร่วมมือผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบคุณภาพแบบทดสอบเชิงเทคนิคและการใช้ภาษา แก้ไขปรับปรุงแบบทดสอบตามคำแนะนำข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญ 2.5 นำแบบทดสอบไปหาคุณภาพด้านความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาด้วยดัชนี IOC แล้วนำ คะแนนที่ได้จากการลงความเห็นของผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดหาค่าความสอดคล้องซึ่งต้องมีความสอดคล้อง ตั้งแต่ 0.5 ขึ้นไป (ล้วน สายยศ และอังคนา สายยศ, 2543, หน้า 248-249) ผลการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาและความเป็นอัตนัยของแบบทดสอบวัดโดย ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ หลักสูตรและการสอน จำนวน 3 ท่าน พบว่า แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์วิชาภาษาอังกฤษ มีข้อสอบที่มีค่า IOC ตั้งแต่ 0.5 ขึ้นไป จากการวิเคราะห์ ผลการประเมินพบว่าข้อสอบมีค่า IOC อยู่ระหว่าง 0.6 – 1.0 จำนวน 10 ข้อ จากทั้งหมด 10 ข้อ ซึ่งสามารถนำไปทดลองใช้ (try out) ได้ 2.6 นำแบบทดสอบที่ผ่านการวิเคราะห์ค่าดัชนีความสอดคล้อง และปรับปรุงแก้ไขตาม ข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญเสร็จแล้ว เสนอต่อประธานและกรรมการที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เพื่อขอ คำแนะนำ แก้ไขส่วนที่บกพร่อง และนำมาปรับปรุงแก้ไขให้เรียบร้อย 2.7 นำแบบทดสอบไปทดลองใช้ครั้งที่ 1 กับนักเรียน จำนวน 40 คน ที่ไม่ใช่นักเรียนกลุ่ม ตัวอย่าง และนำคะแนนมาตรวจสอบความยากง่ายและอำนาจจำแนกโดยคัดเลือกข้อสอบที่มีดัชนี ความยากง่ายอยู่ระหว่าง 0.20- 0.80 และอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.20-1.00 ซึ่งมีค่าดัชนีมีค่า ความยากง่ายอยู่ระหว่าง 0.23ถึง 0.67 และค่าอำนาจจำแนกของข้อสอบอยู่ระหว่าง -0.15 ถึง 0.40 2.8 ตรวจสอบความตรงทั้งฉบับโดยพิจารณาแบบทดสอบให้ครอบคลุมจุดประสงค์การ เรียนรู้ที่ต้องการวัดปรับปรุงแก้ไขให้มีโครงสร้างแบบทดสอบที่เหมาะสม 2.9 นำแบบทดสอบไปทดลองใช้ครั้งที่ 2 กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 39 คนและนำ คะแนนมาตรวจสอบความเที่ยงเชิงความสอดคล้องภายในด้วยวิธี KR20 เพื่อหาความเชื่อมั่นของ ข้อสอบทั้งฉบับ ซึ่งมีค่ากับ 0.71 2.10 จัดทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้พียงพอกับจำนวนนักเรียน กลุ่มเป้าหมาย


๗ 6. ขั้นตอนการทดลองและเก็บรวบรวมข้อมูล 1. ก่อนจัดกิจกรรมการเรียนรู้รูปแบบ Active Learning ผู้วิจัยจะดำเนินการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน (Pretest) จำนวน 10 ข้อ กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง 2. ดำเนินการจัดการเรียนรู้ด้วยการใช้เทคนิคการเขียนแบบกึ่งควบคุม (Semi-Controlled Writing) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 ซึ่งประกอบไปด้วยแผนการ จัดการเรียนรู้ 3 แผน 3. เมื่อสอนครบทุกแผนการสอนแล้วดำเนินการทดสอบเพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน (Posttest) จำนวน 1 ข้อ กับกลุ่มตัวอย่างโดยใช้แบบวัดชุดเดียวกันกับที่ใช้วัดก่อนเรียนตรวจผลการสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแล้วนำคะแนนที่ได้มาวิเคราะห์ทางสถิติต่อไป 7. การวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยทำการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการทดลองโดยมีการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้ 1. นำกระดาษคำตอบจากแบบทดสอบหลังเรียนของนักเรียนแต่ละคนมาตรวจ พิจารณาให้คะแนน 2. นำคะแนนของนักเรียนทั้งหมดมาหาค่าสถิติพื้นฐาน ค่าคะแนนเฉลี่ย ค่าร้อยละ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของคะแนนที่ได้จากแบบทดสอบการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และทำการตรวจสอบสมมติฐาน โดยการทดสอบค่าที (t-test dependent) ซึ่งนำคะแนน จากแบบทดสอบก่อนเรียนของการจัดการเรียนรู้รูปแบบ Active Learning และคะแนนหลัง เรียนการจัดการเรียนรู้ด้วยการใช้รูปแบบ Active Learning ซึ่งใช้โปรแกรมตรวจสอบ สมมติฐาน SPSS 3. เปรียบเทียบการทดสอบหลังการจัดการเรียนรู้รูปแบบ Active Learning ผ่าน การเขียนบันทึกไดอารี่ควบคู่กับการใช้เทคนิคการเขียนแบบกึ่งควบคุม (Semi-Controlled Writing) 4. วิเคราะห์หาการพัฒนาการจัดการเรียนรู้รูปแบบ Active Learning ผ่านการ เขียนบันทึกไดอารี่ควบคู่กับการใช้เทคนิคการเขียนแบบกึ่งควบคุม (Semi-Controlled Writing) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7 ก่อนเรียนและหลังเรียน โดยการวิเคราะห์ ใช้สถิติทดสอบค่าทีแบบไม่เป็นอิสระต่อกัน (t-test dependent) โดยได้กำหนดระดับ นัยสำคัญทางสถิติไว้ที่ระดับ .01 5. วิเคราะห์หาการพัฒนาการจัดการเรียนรู้รูปแบบ Active Learning ผ่านการ เขียนบันทึกไดอารี่ควบคู่กับการใช้เทคนิคการเขียนแบบกึ่งควบคุม (Semi-Controlled Writing) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7 ก่อนเรียนและหลังเรียน โดยการวิเคราะห์ใช้สถิติการทดสอบ แบบทีกลุ่มเดียว (t-test one sample) โดยได้กำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติไว้ที่ระดับ .01


๘ 8. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 1. หาค่าเฉลี่ยของคะแนนทดสอบก่อนและหลังเรียน ( ) โดยคำนวณจากสูตรดังนี้ (บุญธรรมกิจปรีดาบริสุทธิ์. 2543, หน้า351) = เมื่อ แทนคะแนนเฉลี่ย แทนผลรวมของคะแนนทั้งหมด แทนจำนวนข้อมูล 2. หาค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ของคะแนนทดสอบก่อนและหลังเรียนใช้สูตรดังนี้ (บุญธรรมกิจปรีดาบริสุทธิ์. 2543, หน้า352) S.D. = เมื่อ S.D. แทน ความเบี่ยงเบนมาตรฐาน แทน ผลรวมของคะแนนทั้งหมด แทนผลรวมของกำลังสองของคะแนนทั้งหมด แทนจำนวนข้อมูล 3. เปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยระหว่างคะแนนผลการทดสอบหลังเรียนกับคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนโดยใช้ t-test สูตรดังนี้


๙ t = เมื่อ tแทนค่าที่จะใช้พิจารณา t – distribution D แทน ผลรวมของความแตกต่างระหว่างคะแนนสอบก่อนเรียนและ หลังเรียนของนักเรียนแต่ละคน N แทน จำนวนนักเรียน ∑D 2 แทน ผลรวมของกำลังสองของความแตกต่างระหว่างคะแนนสอบ ก่อนเรียนและหลังเรียนของผู้เรียนแต่ละคน df = N-1 4. สถิติที่ใช้วิเคราะห์หาค่าคะแนนเฉลี่ยที่ได้จากแบบทดสอบการวัดสมรรถนะการอธิบาย ปรากฏการณ์ในเชิงวิทยาศาสตร์หลังเรียนเมื่อเทียบกับเกณฑ์ร้อยละ 70 โดยใช้สถิติการทดสอบแบบ ทีกลุ่มเดียวโดยใช้สูตร t-test One Sample (เกษม สาหร่ายทิพย์, 2540, หน้า 159) t = เมื่อ แทน ค่าเฉลี่ยของคะแนนกลุ่มทดลอง µ แทน คะแนนเกณฑ์ที่กำหนด S แทน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของกลุ่มทดลอง n แทน ขนาดของกลุ่มทดลอง


๑๐ ผลที่คาดว่าจะได้รับ 1. กลุ่มทดลองมีความรู้สึกอยากเรียนรู้ มีส่วนร่วม และรู้สึกสนุกสนานในการเรียนรู้มากขึ้น เมื่อทราบ ว่าตนจะได้ฝึกทักษะการเขียนผ่านการเขียนบันทึกไดอารี่ โดยใช้ประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เรียนเอง ในขณะที่ กลุ่มควบคุมรู้สึกเฉยๆ เมื่อทราบว่าจะได้เรียนแบบบรรยาย 2. ระดับความรู้ ทั้งในส่วนของความจำและความเข้าใจของกลุ่มทดลองสูงกว่ากลุ่มควบคุม 3. กลุ่มทดลองมีความคิดเห็นว่าผู้สอนมีบทบาทน้อยในการเรียนรู้ ในขณะที่กลุ่มควบคุมมีความ คิดเห็นว่าผู้สอนมีบทบาทอย่างมากในการเรียนรู้ ผลการศึกษา การวิจัยเรื่อง การวิจัยเรื่อง การพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนโดยใช้ชุดกิจกรรมไดอารี่ฝึกทักษะการ เขียนภาษาอังกฤษ และการใช้เทคนิคการเขียนแบบกึ่งควบคุม (Semi-Controlled Writing) สําหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔/7 ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๕ โรงเรียนวัชรวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษากำแพงเพชร ผู้วิจัยทำการเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการศึกษาวิจัย ตามลำดับดังนี้ สัญลักษณ์ที่ใช้ในการนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล ในการวิเคราะห์ข้อมูลจากการทดลองและแปลความหมายผลการวิเคราะห์ข้อมูล ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ใช้สัญลักษณ์ต่าง ๆ แทนความหมายเพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน ดังนี้ เมื่อ แทน ค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่าง แทน ผลรวมของคะแนนทั้งหมด N แทน จำนวนนักเรียนกลุ่มที่ศึกษา S.D. แทน ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของกลุ่มตัวอย่าง S แทน ความเบี่ยงมาตรฐานของกลุ่มตัวอย่าง Df แทน ชั้นแห่งความเป็นอิสระ T แทน ค่าสถิติที่จะใช้เปรียบเทียบค่าวิกฤต * แทน ค่านัยความสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 D แทน ผลต่างระหว่างคู่คะแนน


๑๑ บทที่ 5 บทสรุป การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) การพัฒนาทักษะการอ่านและเขียน โดยใช้ชุดกิจกรรมไดอารี่ฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ และการใช้เทคนิคการเขียนแบบกึ่งควบคุม (Semi-Controlled Writing) สําหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔/7 ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๕ โรงเรียนวัชรวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากำแพงเพชร สรุปผลได้ ดังนี้ สรุปผลการวิจัย ผลการวิจัยพบว่า นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้รูปแบบ Active Learning ผ่านการเขียนบันทึก ไดอารี่ควบคู่กับการใช้เทคนิคการเขียนแบบกึ่งควบคุม (Semi-Controlled Writing) มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 อภิปรายผล การอภิปรายผลการวิจัยครั้งนี้ เสนอตามลำดับผลการวิจัย ดังนี้ จากผลการวิจัยเรื่อง การพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนโดยใช้ชุดกิจกรรมไดอารี่ฝึกทักษะการเขียน ภาษาอังกฤษ และการใช้เทคนิคการเขียนแบบกึ่งควบคุม (Semi-Controlled Writing) สําหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ ๔/7 ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๕ โรงเรียนวัชรวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษากำแพงเพชร ดังที่ปรากฏข้างต้นสามารถนำมาอภิปรายผลเป็นประเด็นได้ดังนี้ ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซึ่งพบว่า คะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน สูงกว่าคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 นั้น ผลการ เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซึ่งพบว่า คะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าคะแนน เฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 นั้น เนื่องจากการใช้รูปแบบ Active Learning โดยใช้ชุดกิจกรรมไดอารี่ฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ และการใช้เทคนิคการเขียนแบบ กึ่งควบคุม (Semi-Controlled Writing) ในการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษด้านการอ่าน และ การเขียน เป็นวิธีการสอนที่ช่วยกระตุ้นความสนใจ และกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ของผู้เรียนได้เป็นอย่างดี ผู้เรียนจะรู้สึกสนุกกับการเรียนมากกว่าการเรียนการสอนโดยการจดจำ ท่อง หรือการบรรยายหน้าชั้นเรียน มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ในขณะหรือหลังจากลงมือปฏิบัตเอง เรียนไปด้วยและสามารถ สนุกไปพร้อมกัน ทำให้ผู้เรียนมีการเรียนรู้อย่างมีความหมาย ผู้วิจัยในฐานะครูผู้สอนวิชาภาษาอังกฤษ เห็นว่า การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ Active Learning หรือการให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติจริง ผู้เรียนลงมือเขียนบันทึก ไพอารี่เพื่อฝึกสร้างประโยคอย่างง่าย ควบคู่ไปกับการประยุกต์ใช้หลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ เรื่องการใช้ เครื่องหมายวรรคตอน และการใช้คำสันธานเชื่อมประโยค (FANBOYS) เป็นวิธีการหนึ่งที่จะตอบจุดมุ่งหมาย ของหลักสูตรและแก้ปัญหาตามที่กล่าวมาได้ผู้วิจัยจึงมีความสนใจนำเทคนิคการเขียนแบบกึ่งควบคุม (SemiControlled Writing) มาใช้ในกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและ การเขียนภาษาอังกฤษของผู้เรียนให้ดีขึ้น หลังการจัดการเรียนการสอนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเขียนไดอารีและ เทคนิคการเขียนแบบกึ่งควบคุม (Semi- Controlled Writing) ในการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะ ภาษาอังกฤษ พบว่ามีค่าทางสถิติสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05


๑๒ นอกจากนี้พบว่า หลังการจัดการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบ Active Learning นักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4/7 ส่วนใหญ่มีความสนใจในการเรียนภาษาอังกฤษ มีส่วนร่วมในกิจกรรมในชั้นเรียนมากขึ้น กว่าเดิม ข้อเสนอแนะ จากผลการวิจัย เรื่อง การพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนโดยใช้ชุดกิจกรรมไดอารี่ฝึกทักษะการเขียน ภาษาอังกฤษ และการใช้เทคนิคการเขียนแบบกึ่งควบคุม (Semi-Controlled Writing) สําหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ ๔/7 ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๕ โรงเรียนวัชรวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษากำแพงเพชร ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะดังนี้ 1. ข้อเสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้ ควรนํา กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ผ่านการใช้ชุดกิจกรรมการเขียนไดอารีภาษาอังกฤษ บูรณาการกับแนวคิดการเขียนแบบกึ่งควบคุม (Semi-Controlled Writing) ไปศึกษาต่อต่อยอด และใช้กับ บทเรียนอื่นเพื่อเปรียบเทียบว่าสามารถพัฒนานักเรียนได้มากน้อยเพียงไร 2. ข้อเสนอแนะในการทำวิจัยครั้งต่อไป ควรมีวิจัยการสอนโดยบูรณาการใช้การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning กับแนวคิดการเขียน แบบกึ่งควบคุม (Semi-Controlled Writing) เพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษด้านการอ่าน และการเขียนในทุก ๆ ระดับชั้น เนื่องจากนักเรียนจำนวนมากมีปัญหากับวิชาภาษาอังกฤษในระดับ ต่ำกว่าเกณฑ์


บรรณานุกรม


บรรณานุกรม กิดานันท์ มลิทอง. (2543). เทคโนโลยีการศึกษาและนวัตกรรม. กรุงเทพฯ: ห้างหุ้นส่วนจำกัดอรุณ การพิมพ์. ถนอมพร เลาหจรัสแสง, อุไรวรรณ หาญวงค์. (2553). การบูรณาการเทคโนโลยีe-learning เข้าถึงเมื่อ 23 มกราคม, 2563, จาก http://thanompo.edu.cmu.ac.th/load/journal/50- 51/Integrating%20Game-Based.pdf ปิยะณัฐ ไชยาพันธุ์. (2551). การใช้เทคนิคกอร์ดอนเพื่อส่งเสริมความสามารถด้านการเขียน ภาษาอังกฤษเชิงสร้างสรรค์และแรงจูงใจในการเรียนภาษาอังกฤษ. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตร มหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. พัชราภรณ์ บุญทามา. (2552). การใช้กลวิธีการแก้ปัญหาการเขียนแบบกึ่งควบคุม เพื่อพัฒนาการเขียน ภาษาอังกฤษและความสามารถในการแก้ปัญหาของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4. วิทยานิพนธ์ ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต, คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. สกุล สุขศิริ. (2563). ผลสัมฤทธิ์ของการเรียนรู้แบบ Active Learning. กรุงเทพฯ: สถาบันบัณฑิตพัฒนบ ริหารศาสตร์. Bonk, C. J., Wisher, R. A., & Lee, J.-Y. (2004). Moderating learner-centered e-learning: Problems and solutions, benefits and implications. In T. S. Robert (Ed.), Online Collaborative Learning: Theory and Practice (pp. 54-85). London: Information Science Publishing (an imprint of Idea Group Inc.). Bostan, B. (2018). Player motivations: A psychological perspective. Computers in Entertainment, 7(2), Article 22. Kirriemuir, J., & McFarlane, A. (2006). Literature review in writing and learning. Retrieved 12 January, 2020, from http://hal.archivesouvertes.fr/docs/00/19/04/53/PDF/kirriemuir-j-2004-r8.pdf Krashen, S. D., & Terrell, T. D. (1983). The natural approach: Language acquisition in the classroom. Oxford: Pergamon Press. Lee, K.-W. (2000). English teachers' barriers to the use of computer-assisted language learning [Electronic Version]. The Internet TESL Journal VI, from http://iteslj.org/Articles/Lee-CALLbarriers.html Phongpradit, N. (2004). Development of a self-study computer program assisting informal education learners in reading comprehension of English Literary Work. Chiang Mai University.


ภาคผนวก


ภาคผนวก ก แบบประเมินค่าดัชนีความสอดคล้องของข้อสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชา Reading and Writing 2 โดยการจัดการเรียนรู้โดยการใช้ชุดกิจกรรมไดอารีฝึกทักษะการเขียน ภาษาอังกฤษ และเทคนิคการเขียนแบบกึ่งควบคุม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7 ตาราง 1 ค่าเฉลี่ยการพิจารณาค่าดัชนีความสอดคล้องของข้อสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชา Reading and Writing 2 โดยการจัดการเรียนรู้โดยการใช้ชุดกิจกรรมไดอารีฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ และเทคนิคการเขียนแบบกึ่งควบคุม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7 แบบทดสอบ ข้อที่ คะแนนการพิจารณาของผู้เชี่ยวชาญ ค่า IOC ผลการ พิจารณา คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 1 1 1 1 1.00 ใช้ได้ 2 1 1 1 1.00 ใช้ได้ 3 1 1 1 1.00 ใช้ได้ 4 1 1 1 1.00 ใช้ได้ 5 1 1 1 1.00 ใช้ได้ 6 1 1 1 1.00 ใช้ได้ 7 1 1 1 1.00 ใช้ได้ 8 1 1 1 1.00 ใช้ได้ 9 1 1 1 1.00 ใช้ได้ 10 1 1 1 1.00 ใช้ได้


ภาคผนวก ข เครื่องมือวิจัย แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในรายวิชา Reading and Writing 2 โดยการจัดการเรียนรู้โดยการใช้ชุดกิจกรรมไดอารีฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ และเทคนิคการเขียน แบบกึ่งควบคุม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7 Part I: GRAMMAR Past simple: affirmative 1 Complete the sentences with the Past simple of the verbs in brackets. 1. We _____________at some pictures. (look) 2. They _____________ a film on TV. (watch) 3. I _____________ my sister yesterday. (visit) 4. The lesson _____________ late. (start) 5. She _____________ to school. (walk) 6. see _____________ 7. buy ____________ 8. take ____________ 9. bring ____________ Part II: Writing Diary Format/ Past Tense/ FANBOYS ตอนที่ 2: เขียนไดอารี่ให้ถูกต้องตามรูปแบบการเขียนไดอารี่ กำหนดให้ใช้PAST TENSE โดยใช้FANBOYS และเครื่องหมายวรรคตอนเชื่อมประโยคให้ถูกต้องตามหลักการเขียน Daily Diary Writing …......................................................................... …........................................................................ …........................................................................ …....................................................................... ….............................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................. …....................................................................... ….......................................................................


ภาคผนวก ค เฉลยเครื่องมือวิจัย แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในรายวิชา Reading and Writing 2 โดยการจัดการเรียนรู้โดยการใช้ชุดกิจกรรมไดอารีฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ และเทคนิค การเขียนแบบกึ่งควบคุม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7 Part I: GRAMMAR Past simple: affirmative 1 Complete the sentences with the Past simple of the verbs in brackets. 1. We ___looked_____ at some pictures. (look) 2. They _____watched_____ a film on TV. (watch) 3. I _____visited________ my sister yesterday. (visit) 4. The lesson ______started_______ late. (start) 5. She _____walked________ to school. (walk) 6. see _____saw_____ 7. buy _____bought_______ 8. take _____took_______ 9. bring _____brought_______ Part II: Writing Diary Format/ Past Tense/ FANBOYS ตอนที่ 2: เขียนไดอารี่ให้ถูกต้องตามรูปแบบการเขียนไดอารี่ กำหนดให้ใช้PAST TENSE โดยใช้FANBOYS และเครื่องหมายวรรคตอนเชื่อมประโยคให้ถูกต้องตามหลักการเขียน Daily Diary Writing DATE (วันที่ เขียนให้ถูกต้องตามรูปแบบการเขียนวันที่แบบ AmE หรือ BrE) TIME (เวลา เขียนให้ถูกต้องโดยใช้ a.m. หรือ p.m.) DAY (วันใน 1 สัปดาห์ เขียนถูกต้อง โดยใช้พิมพ์ใหญ่ขึ้นต้นเสมอ) SALUTATION (คำขึ้นต้นไดอารี่ เช่น Dear Diary,) – BODY OF THE DIARY – (ส่วนเนื้อหาไดอารี่สร้างประโยคโดยใช้ Past Tense ใช้เครื่องหมายวรรคตอนให้ถูกต้อง และสามารถเลือกใช้คำสันธานเชื่อมประโยค หรือ FANBOYS ได้อย่างเหมาะสม) ….................................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................. NAME (ชื่อผู้เขียนไดอารี ใช้พิมพ์ใหญ่ขึ้นต้นเสมอ เนื่องจากเป็นนามเฉพาะ หรือ Proper Noun) SIGNATURE (ลายเซ็น ส่วนนี้จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ รายวิชา Reading and Writing 2 รหัสวิชา อ31203 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เวลา 2 ชั่วโมง เรื่อง Private Writing ชื่อแผน Daily Diary Writing ผู้สอน นางสาวชนม์ณภัทร ช้างนาม โรงเรียนวัชรวิทยา อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร __________________________________________________________________ 1. หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง Private Writing (การเขียนบันทึกสิ่งส่วนตัว) 2. ผลการเรียนรู้ 1. อ่านบทอ่านต่าง ๆ ออกเสียงได้ถูกต้องตามหลักการอ่าน (K) 2. มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบทอ่านที่เป็นข้อความ ข่าว ประกาศ โฆษณา บทร้อยกรอง บทละครสั้น (Skit) บทร้อยกรองและวรรณกรรม (literature) (K) 3. จับใจความสำคัญ คิดวิเคราะห์ความ สรุปความตีความ และแสดงความคิดเห็นจากการอ่าน (P) 4. เขียนประโยคและข้อความเกี่ยวกับตนเอง เรื่องต่าง ๆใกล้ตัว ในท้องถิ่น ประสบการณ์สถานการณ์ ข่าว กิจกรรมและเหตุการณ์ที่อยู่ในความสนใจของสังคมไทย ประชาคมอาเซียน และสังคมโลกและโลก ตาม โครงสร้างทางภาษาที่กำหนดให้(P) 5. นำเสนอ รายงานข้อมูล สรุปใจความสำคัญ และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับตนเอง เรื่องต่าง ๆใกล้ ตัว ในท้องถิ่น ประสบการณ์สถานการณ์/ข่าว กิจกรรมและเหตุการณ์ที่อยู่ในความสนใจของสังคมไทย ประชาคม อาเซียน และสังคมโลก (P) 6. รักชาติศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียงตามแนวปรัชญา เศรษฐกิจ พอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทยและมีจิตสาธารณะ (A) 3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด ทักษะการอ่านและการเขียนถือเป็นทักษะภาษาอังกฤษที่สำคัญยิ่ง การที่ผู้เรียนมีพื้นฐานการอ่านที่ดี จะนำไปสู่การฝึกทักษะการเขียนที่ดียิ่งขึ้น ผู้เรียนจึงจำเป็นต้องเข้าใจโครงสร้างและส่วนประกอบของ paragraph และ Essay ก่อน ซึ่งส่วนประกอบของ Essay มี3 ส่วนประกอบ ได้แก่ บทนำ (introduction) ส่วนเนื้อหา (body) และส่วนสรุป (conclusion) ซึ่งสอดแทรกอยู่ในบทอ่านที่เป็นข้อความ ข่าว ประกาศ โฆษณา บทร้อยกรอง บทละครสั้น (skit) บทสนทนา (conversation) สารคดี และบันเทิงคดีจากสื่อประเภท ต่าง ๆ ก่อน ตลอดจนสามารถเข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่าน และแสดงความคิดเห็นได้อย่างมีเหตุผล 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง 4.1.1 ข้อความ ข่าว โฆษณา และบทร้อยกรอง การใช้พจนานุกรม 4.1.2 หลักการอ่านออกเสียง เช่น 4.1.2.1 การออกเสียงพยัญชนะต้นคำ และพยัญชนะท้ายคำ สระเสียงสั้น สระเสียงยาว สระประสม 4.1.2.2 การออกเสียงเน้นหนัก-เบา ในคำและกลุ่มคำ บูรณาการ Active Learning และหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง


4.1.2.3 การออกเสียงตามระดับเสียงสูง-ต่ำ ในประโยค 4.1.2.4การออกเสียงเชื่อมโยงในข้อความ 4.1.2.5 การแบ่งวรรคตอนในการอ่าน 4.1.2.6 การอ่านบทร้อยกรองตามจังหวะ 4.1.3 หลักการเขียน เช่น 4.1.3.1 เครื่องหมายวรรคตอนและการเว้นวรรค 4.1.3.2 รูปแบบประโยคและ Tense ที่ใช้ในงานเขียน 4.1.3.3 ไวยากรณ์ทางภาษาอังกฤษ 4.1.3.4 การใช้ signal words หรือ time connective words 4.1.3.5 การเขียนเรียงลำดับตามเหตุการณ์ (Chronological order in writing) 4.2 สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม 4.2.1 6 เทคนิคการอ่าน Reading Comprehensionได้แก่ 4.2.1.1การอ่านอย่างคร่าวๆ (Preview Reading) 4.2.1.2 การเดาความหมายศัพท์ (Guessing word meaning) 4.2.1.3 การหาหัวเรื่องและใจความสำคัญ (Finding the topic and the main idea) 4.2.1.4 การเข้าใจรายละเอียด (Understanding the details) 4.2.1.5 การใช้คำอ้างอิง (Using reference words) 4.2.1.6 การอ่านแบบ Scanning 4.3 Language Skills (ทักษะทางภาษา) 4.3.1 Listening เข้าใจเรื่องที่ฟังจากสื่อประเภทต่าง ๆ เข้าใจคำศัพท์และประโยคใน บทอ่านแต่ละเรื่อง ตลอดจนมีความเข้าใจในมารยาทและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา 4.3.2 Speaking พูดแสดงความคิดเห็นต่อบทอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ ได้อย่างมีเหตุผล 4.3.3 Reading เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ 4.3.4 Writing เขียนเพื่อขอและให้ข้อมูล บรรยาย และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่ ฟัง หรืออ่านอย่างเหมาะสม 4.3.5 Vocabulary จดจำและออกเสียงคำศัพท์และนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ อย่างเหมาะสม (ระดับของคำศัพท์เป็นไปตามมาตรฐาน CEFR) 4.3.6 Grammar เข้าใจ และเลือกใช้ไวยากรณ์ทางภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม


5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (กระทรวงศึกษาธิการ) ทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 ที่สอดคล้องกับการจัดการเรียนรู้ รายวิชา Reading and Writing 2 ความสามารถในการสื่อสาร เข้าใจ ตีความเรื่องที่ฟังหรืออ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ เข้าใจคำศัพท์ และประโยคในบทอ่านแต่ละเรื่อง พูดแสดงความคิดเห็นต่อบทอ่านจาก สื่อประเภทต่าง ๆ ได้อย่างมีเหตุผล และเขียนเพื่อขอและให้ข้อมูล บรรยาย และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่ฟัง หรืออ่านอย่าง เหมาะสม ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เทคโนโลยีสารสนเทศสืบค้น และฝึกฝนการฟัง พูด อ่านและเขียน พร้อมแสดงหลักฐานการเรียนรู้ด้วยตนเอง ความสามารถในการคิด ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบชิ้นงาน และคิดวางแผนการ ทำงานอย่างเป็นระบบ และเป็นขั้นตอน ความสามารถในการแก้ปัญหา คิดวิเคราะห์ปัญหาถึงสาเหตุและวิธีการแก้ไข รวมถึงคิดแยกแยะ ประเด็นปัญหาในแง่มุมต่าง ๆ ในระหว่างการสร้างชิ้นงานได้ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต มีความเข้าใจในมารยาทและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา สร้างสัมพันธ์ เชิงบวก รวมถึงสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ การจัดการรียนรู้แบบบูรณาการ แผนการเรียนรู้ที่ 8 เรื่อง Private Writing 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ เมื่อเรียนจบหน่วยการเรียนรู้นี้แล้ว ผู้เรียนจะมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์และเจตคติ (Attitudes) เกี่ยวกับคุณลักษณะอันพึงประสงค์ - มีวินัย - ใฝ่เรียนรู้ - มุ่งมั่นในการทำงาน จุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนด้านคุณลักษณะ - มุ่งมั่นในการศึกษาและการทำงาน 7. ชิ้นงาน/ภาระงาน 1) แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre-test) จำนวน 10 ข้อ 2) เล่มไดอารี DIY จากกระดาษรียูส 1 หน้า จำนวน 1 เล่ม/ คน


8. การวัดและประเมินผล 8.1 การประเมินระหว่างจัดกิจกรรมการเรียนรู้ รายการวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ผู้เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน จำนวน 10 ข้อ เวลา 60 นาที ตรวจคะแนน แบบทดสอบผ่านระบบ Google Sheet แบบทดสอบ ก่อนเรียน ผ่านเกณฑ์อย่างน้อย ร้อยละ 50 8.2 การประเมินเมื่อสิ้นสุดการเรียนรู้ รายการวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน มากกว่าผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียน ตรวจคะแนน แบบทดสอบหลังเรียน แบบทดสอบวัดผล ปลายภาคเรียน ผ่านเกณฑ์อย่างน้อย ร้อยละ 80 เกณฑ์การวัดผลและประเมินผล - เกณฑ์การประเมินกิจกรรม ระดับคุณภาพ ดีมาก ได้คะแนนร้อยละ 80-100 ผ่าน ระดับคุณภาพ ดี ได้คะแนนร้อยละ 60-79 ผ่าน ระดับคุณภาพ พอใช้ ได้คะแนนร้อยละ 50-59 ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ ระดับคุณภาพ ต้องปรับปรุง ได้คะแนนต่ำกว่าร้อยละ 50 ไม่ผ่าน


9. กิจกรรมการเรียนรู้ 1 ขั้นนำ: Warm up 1) ผู้สอนทักทายผู้เรียนโดยใช้ประโยคภาษาอังกฤษดังต่อไปนี้ Teacher: Good morning/afternoon students. Students: Good morning/afternoon teacher. Teacher: How are you today? Students: I’m fine. Thank you and you? 2) ครูทบทวนบทเรียนในชั่วโมงที่แล้ว เรื่อง การใช้ Past Tense/ เครื่องหมายวรรคตอน/ FANBOYS 3.) ครูทดสอบความเข้าใจนักเรียน (วิธีการสัมภาษณ์ และการถาม-ตอบ) 4) ครูมอบหมายให้นักเรียนไปศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองก่อนเรียนในชั่วโมงถัดไป เรื่อง การ เขียนบันทึกไดอารี (ไดอารีคืออะไร มีรูปแบบการเขียนอย่างไรบ้าง เหตุใดจึงต้องเขียนไดอารี) 5.) นักเรียนเตรียมวัสดุ อุปกรณ์สำหรับการทำเล่มไดอารีทำมือที่ครูได้แจ้งให้เตรียมในชั่วโมง ที่แล้วมาประดิษฐ์ในคาบเรียน 2 ขั้นนำเสนอ: Presentation 1) ครูทบทวนความรู้จากชั่วโมงที่แล้ว และสุ่มถามคำถาม โดยใช้วิธีการหาอาสาสมัครเพื่อ ตอบคำถาม 2) นักเรียนนำเสนอข้อมูลที่ได้ไปศึกษาค้นคว้ามา เรื่องการเขียนบันทึกไดอารี(ไดอารีคือ อะไร มีรูปแบบการเขียนอย่างไรบ้าง เหตุใดจึงต้องเขียนไดอารี) 3) ครูอธิบายเสริมบทเรียน เรื่องการเขียนบันทึกไดอารี ชั่วโมงที่ 1 ชั่วโมงที่2


Diary Format/ Past Tense/ FANBOYS รูปแบบการเขียนบันทึกไดอารี (Diary Format) Daily Diary Writing DATE (วันที่ เขียนให้ถูกต้องตามรูปแบบการเขียนวันที่แบบ AmE หรือ BrE) TIME (เวลา เขียนให้ถูกต้องโดยใช้ a.m. หรือ p.m.) DAY (วันใน 1 สัปดาห์ เขียนถูกต้อง โดยใช้พิมพ์ใหญ่ขึ้นต้นเสมอ) SALUTATION (คำขึ้นต้นไดอารี่ เช่น Dear Diary,) – BODY OF THE DIARY – (ส่วนเนื้อหาไดอารี่สร้างประโยคโดยใช้ Past Tense ใช้เครื่องหมายวรรค ตอนให้ถูกต้อง และสามารถเลือกใช้คำสันธานเชื่อมประโยค หรือ FANBOYS ได้อย่างเหมาะสม) …........................................................................................................................................................................... ......................... .................................................................................................................. ............................................................ ............... NAME (ชื่อผู้เขียนไดอารี ใช้พิมพ์ใหญ่ขึ้นต้นเสมอ เนื่องจากเป็นนามเฉพาะ หรือ Proper Noun) SIGNATURE (ลายเซ็น ส่วนนี้จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้) 4) ครูอธิบายต่อว่าต่อไปจะเป็นการประดิษฐ์ไดอารีทำมือ และแสดงให้นักเรียนเห็นถึง ความสำคัญ และปรโยชน์ของการใช้กระดาษรียูส 3 ขั้นฝึก: Practice 5) นักเรียนลงมือประดิษฐ์ไดอารี่ทำมือด้วยตนเอง คนละ 1 เล่ม 4 ขั้นนำไปใช้: Production 1) นักเรียนทบทวนหลักไวยากรณ์ เรื่อง การใช้ Past Tense/ เครื่องหมายวรรคตอน/ FANBOYS ผ่านการเล่นเกม KAHOOT ในชั่วโมงเรียนที่ 3 2) ครูมอบหมายชิ้นงาน 1 ชิ้น โดยให้นักเรียนบันทึกไดอารีต่อเนื่องเป็นเวลา 2 เดือน โดย ฝึกใช้รูปแบบ Diary Format และ Tense ที่กำหนดให้ ในส่วนเนื้อหาไดอารี่ ให้เขียนขั้นต่ำ 3 บรรทัด 3) ครูอธิบายเกณฑ์การตรวจไดอารีให้นักเรียนทราบ และนัดหมายตรวจไดอารี่ 1 วัน ในชั่วโมงถัดไป ชั่วโมงที่ 3


4) นักเรียนนำบันทึกไดอารี่ 1 วันมาส่ง ครูตรวจการบ้านที่มอบหมายให้นักเรียนชั่วโมงที่ แล้ว และอธิบายจุดผิดพลาด และแนวทางแก้ไขเป็นรายบุคคล 5) นักเรียนนำเล่มไดอารีกลับไปบันทึกทุกวัน และนำมาส่งตามวัน เวลาที่ครูได้นัดหมาย 5 ขั้นสรุป: Wrap up 1) ครูสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้อีกครั้ง 2) นักเรียนให้ Feedback สะท้อนความคิดต่อการระดิษฐ์ไดอารีทำมือ และการฝึกเขียน บันทึกไดอารีตลอดระยะเวลา 2 เดือน 3) ครูนำ Feedback ที่ได้มาปรับใช้กับการจัดการเรียนรู้ในรายวิชา Reading and Writing 2 ต่อไป 10. สื่อการเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ - เอกสารประกอบการสอน รายวิชา Reading and Writing 2 (รหัสวิชา อ 31203) - WR e-learning/ เข้าสู่ระบบ Moodle รายวิชา Reading and Writing 2 (รหัสวิชา อ 31203) - หนังสือเรียน New Weaving It Together 1 - แอพพลิเคชั่น GoodNotes - PowerPoint - Audio Materials - E-book เรื่อง Private Writing 11. กิจกรรมเสนอแนะ ครูแนะนำแหล่งความรู้เพิ่มเติมให้กับนักเรียน อาทิ เช่น เว็บไซต์การเรียนภาษาอังกฤษ คลิปวิดีโอที่ เกี่ยวข้องกับการอ่านภาษาอังกฤษเพิ่มเติม เพื่อฝึกทักษะภาษาอังกฤษ ได้แก่ทักษะการอ่าน และการเขียน - WR e-learning (ระบบสำหรับการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง) - Cambridge Dictionary (เว็บไซต์พจนานุกรม รูปแบบออนไลน์ มหาวิทยาลัยแคมบริดจ์) - Youtube Channel เช่น English with Cambridge, ESLeschool, Oxford Online English รวมถึงช่องอื่น ๆ ที่ส่งเสริมการเรียนรู้และทักษะทางภาษาอังกฤษ ชั่วโมงที่ 4


ตารางที่ 2 คะแนนก่อนเรียน หลังเรียน และคะแนนความก้าวหน้าของนักเรียน คนที่ คะแนนก่อนเรียน (คะแนนเต็ม 20 คะแนน) คะแนนหลังเรียน (คะแนนเต็ม 20 คะแนน) คะแนนความก้าวหน้า 1 5 10 5 2 6 14 8 3 10 15 5 4 15 19 4 5 11 17 6 6 13 15 2 7 11 19 8 8 11 16 5 9 13 16 3 10 15 17 2 11 12 14 2 12 9 12 3 13 2 10 8 14 13 17 4 15 4 10 6 16 6 10 4 17 11 12 1 18 8 10 2 19 14 15 1 20 9 12 3 21 9 17 8 22 7 10 3


คนที่ คะแนนก่อนเรียน (คะแนนเต็ม 20 คะแนน) คะแนนหลังเรียน (คะแนนเต็ม 20 คะแนน) คะแนนความก้าวหน้า 23 6 10 4 24 15 17 2 25 9 10 1 26 14 16 2 27 6 10 4 28 12 15 3 29 12 13 1 30 12 7 5 31 12 19 7 32 10 13 3 33 9 10 1 34 10 12 2 36 14 15 1 37 10 17 7 38 14 18 4 39 4 10 6 ตารางที่ 2 แสดงผลคะแนนจากการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้ โดยใช้ชุดกิจกรรมไดอารีฝึกการเขียนภาษาอังกฤษ ควบคู่กับการใช้เทคนิคการเขียนแบบกึ่งควบคุม (SemiControlled Writing) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7 โรงเรียนวัชรวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษามัธยมศึกษากำแพงเพชร จากแบบทดสอบชุดเดียว อัตนัย 10 ข้อ รวมทั้งหมด 10 ข้อที่ผ่านการ ประเมินค่าความสอดคล้องจากผู้เชี่ยวชาญแล้ว จากผลการทดสอบพบว่าหลังการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมได อารีฝึกการเขียนภาษาอังกฤษ ควบคู่กับการใช้เทคนิคการเขียนแบบกึ่งควบคุม (Semi-Controlled Writing) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7 โรงเรียนวัชรวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา กำแพงเพชร นักเรียนมีค่าเฉลี่ยของคะแนนสูงขึ้นกว่าก่อนเรียนโดยมีค่าเฉลี่ยของคะแนนหลังเรียน 9.4 (x̄=


9.4) และค่าเฉลี่ยของคะแนนก่อนเรียน 7.9 (x̄= 7.9) แสดงว่าการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมไดอารีฝึกการ เขียนภาษาอังกฤษ ควบคู่กับการใช้เทคนิคการเขียนแบบกึ่งควบคุม (Semi-Controlled Writing) สำหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7 โรงเรียนวัชรวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากำแพงเพชร ช่วยพัฒนาทักษะการเขียนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7 โรงเรียนวัชรวิทยา สำนักงานเขต พื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากำแพงเพชร ซึ่งเป็นไปตามสมมุติฐานที่ตั้งไว้


ประวัติผู้วิจัย ชื่อ –สกุล นางสาวชนม์ณภัทร ช้างนาม วัน เดือน ปี เกิด 18 พฤศจิกายน 2539 ที่อยู่ปัจจุบัน 23/6 ถนนสายเอเชีย ตำบลแม่สอด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก รหัสไปรษณีย์ 63110 ประวัติการศึกษา ชั้นปีที่ 5 กศ.บ (ภาษาอังกฤษ) มหาวิทยาลัยนเรศวร ประวัติการทำงาน บรรจุราชการ เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2563 ปัจจุบันปฏิบัติหน้าที่เป็นข้าราชการครู ตำแหน่งครู (ยังไม่มีวิทยฐานะ) ข้อมูลการติดต่อ [email protected]


Tour Guide Accommodation Meals Paris is one of the most beautiful cities in the world. Get our best service to get around Paris and visit the most beautiful places. Order now! Paris Famous City Spots Contact Us +123-456-7890 www.reallygreatsite.com @reallygreatsite โรงเรียรีนวัชรวิทยา WATCHARAWITTAYA SCHOOL Classroom Action Research


Click to View FlipBook Version